องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – บทที่ 538 หลุมฝังศพถูกทำลาย

บทที่ 538 หลุมฝังศพถูกทำลาย

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 536 หลุมฝังศพถูกทำลาย
อวิ๋นหลัวฉวนหาสถานที่ที่เงียบสงบและเผาศพของจงชินอ๋อง และเก็บเถ้ากระดูกไว้ในโลงศพขนาดเล็ก

จากนั้นก็ปักป้ายหน้าหลุมฝังศพ และอวิ๋นหลัวฉวนก็หันหลังจากไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์

ตงเอ๋อร์หันกลับไปมองและถามอย่างเป็นกังวลว่า:“เช่นนี้จะถูกค้นพบหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่หรอก” อวิ๋นหลัวฉวนไปบนขึ้นรถม้าและกลับเข้าไปในเมือง

ในที่สุดอวิ๋นหลัวฉวนก็เข้าใจความรู้สึกในตอนนั้นที่อ๋องตวนมาส่งจวินฉูฉู่ หากปล่อยวางได้ก็จะไม่ต้องนึกถึงมัน

จะไม่ชอบก็ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

หลังจากที่เห็นว่ารถม้าจากไปไกลแล้ว คนคนหนึ่งก็เดินออกมาจากที่ที่ไม่ไกลมากนัก คนผู้นี้สวมหน้ากากและมองดูหลุมฝังศพที่โดดเดี่ยวอย่างเหม่อลอยอยู่นาน

“นายท่าน เราควรไปกันได้แล้ว!” ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังกล่าว ผู้ที่สวมหน้ากากโบกมือ และผู้หญิงที่อยู่ที่ข้างหลังก็หันหลังจากไปอย่างไม่เต็มใจ

ผู้ที่สวมหน้ากากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้น เสียงดังปัง และป้ายหน้าหลุมฝังศพถูกดึงออก โลงศพที่อยู่ในหลุมฝังศพกระจัดกระจายออกไป เถ้ากระดูกข้างในลอยไปตามลมท่ามกลางหิมะ และหน้ากากก็จะปลิวก็ปลิวออกไป ผู้ที่สวมหน้ากากจับหน้ากากผีไว้และหันหลังเดินจากไป

“หาทางส่งข่าวบอกพระชายาตวนว่าหลุมฝังศพถูกทำลายแล้ว” ผู้ที่สวมหน้ากากสั่งก่อนที่จะจากไป

ผู้หญิงคนนั้นตอบรับอย่างไม่เต็มใจ:“เจ้าค่ะ”

เมื่ออวิ๋นหลัวฉวนกลับไปถึงเมืองหลวง นางก็กลับไปที่จวนอ๋องตวนก่อน จากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บเสื้อผ้าเตรียมที่จะจากไป

อ๋องตวนดื่มชาที่กองสอดแนมสองสามกาจนเกือบจะเมาแล้ว จึงถูกปล่อยให้ออกมา แต่เมื่อเขากำลังจะจากไป ก็มีคนเข้ามาและพูดเบา ๆ ข้างหูของหวังฮวายอัน

หวังฮวายอันมองไปที่อ๋องตวนและหยุดเขาไว้:“อ๋องตวน!”

อ๋องตวนหันกลับมา หวังฮวายอันกล่าวว่า:“พระชายาตวนเก็บศพของหนานกงเซวียนเหอด้วยตนเอง จากนั้นก็เผาและฝังศพ”

สีหน้าของอ๋องตวนทรุดลง:“กั๋วจิ้วหมายความว่าอย่างไร?เรื่องนี้ยังต้องให้พระชายาตวนต้องโทษด้วยหรือไม่?ข้าเห็นแล้วว่าศพนั่นถูกโยนทิ้งไว้”

หวังฮวายอันรู้สึกประหลาดใจ:“ดูไม่ออกเลยอ๋องตวนรักพระชายาตวนอย่างลึกซึ้ง ข้าคิดว่าอ๋องตวนจะวู่วามแล้วไปคิดบัญชีกับพระชายาตวนเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีท่าทีเช่นนี้ เพียงแต่อ๋องตวนปฏิบัติเช่นนี้ต่อพระชายาตวน เชื่อว่าฮูหยินใหญ่กั๋วกงจะต้องดีใจมาก

แต่มีบางเรื่องที่อ๋องตวนต้องเตรียมใจไว้บ้าง”

“เรื่องอะไรขึ้น?” อ๋องตวนเป็นกังวลว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวโยงไปถึงอวิ๋นหลัวฉวน และในเวลานี้เขาก็ไม่ควรจะทะเลาะกันเพราะความหึงหวง

หวางฮวายอันกล่าวว่า:“หลุมฝังศพถูกคนทำลายแล้ว คนของกองสอดแนมไปที่นั่น และเห็นงว่าถูกคนทำลายไปแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่รู้”

“……” สีหน้าของอ๋องตวนทรุดลง:“ใครเป็นคนทำ?”

“ประการแรกไม่ใช่กองสอดแนม ประการที่สองไม่ใช่อ๋องเย่ และประการที่สามก็ไม่ใช่อ๋องตวน เช่นนั้นอ๋องตวนคิดว่าใครเป็นคนทำ?”

สีหน้าของอ๋องตวนไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อย ๆ แววตาของเขาลึกล้ำและคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ อ๋องตวนกัดฟันและกล่าวว่า:“หนานกงเซวียนเหอ?”

“……” หวางฮาวยอันไม่พูดอะไร อ๋องตวนมองไป:“คนของกองสอดแนมของพวกท่านน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าคนผู้นั้นไม่ใช่จงชินอ๋อง?”

“ไม่ใช่คนของกองสอดแนมของข้าที่รู้ตั้งนานแล้วว่าคนผู้นั้นไม่ใช่จงชินอ๋อง แต่เป็นอ๋องเย่ที่รู้ตั้งนานแล้ว คราวนี้เป็นเพียงแผนการที่แอบหลบหนีไปอย่างแยบยล

กองสอดแนมเฝ้าสังเกตการณ์ตามคำสั่งของอ๋องเย่ ไม่คิดว่าจงชินอ๋องจะปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ และโชคดีที่มีพระชายาตวน หากไม่ใช่เพราะพระชายาตวน จงชินอ๋องก็คงจะไม่ปรากฏตัวออกมา กองสอดแนมบอกว่าผู้ที่ปรากฏตัวออกมาสวมหน้ากากผี และเอาหน้ากากออกมาจากหลุมฝังศพ

ดูเหมือนว่าเขาอดไม่ได้ที่จะปรากฏตัวออกมา และสิ่งที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะปรากฏตัวออกมาก็คือพระชายาตวน”

“หนานกงเซวียนเหอ ข้ากับเจ้าคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!”

อ๋องตวนกัดฟันด้วยความโกรธแค้น

หวังฮวายอันกล่าวว่า:“เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ง่าย หนานกงเซวียนเหอตายไปแล้ว นี่เป็นการตัดสินของอ๋องเย๋ แม้ว่าต่อไปหนานกงเซวียนเหอจะปรากฏมา เขาก็จะเป็นเพียงคนผู้หนึ่ง และต้าเหลียงก็ไม่ยอมรับคนเช่นนี้

ราชวงศ์ก็ไม่ยอมรับเช่นกัน!”

อ๋องตวนมองไป:“อ๋องเย่ต้องการที่จะปลอดขวัญราษฎรเป็นการชั่วคราว?”

“ใช่ สำหรับต้าเหลียงแล้ว ไม่ต้องการจงชิน และไม่ต้องการผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกันก่อกบฏ ดังนั้นหนานกงเซวียนเหอต้องตายและหายสาบสูญ

นี่เป็นกลอุบายของอ๋องเย่ และที่เหมือนกันก็คือเป็นการคาดการณ์ผิดพลาดหนานกงเซวียนเหอ

เขาเพียงต้องการหาสถานที่สำหรับรักษาจิตวิญญาณและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ

มีการเตรียมการดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการที่อ๋องเย่จะถูกศัตรูที่รายล้อมไล่ฆ่า

แต่เขาหนีไม่พ้น และตรงกันข้ามเขากลับสูญเสียสถานะของการเป็นจงชิน

ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่มีหนานกงเซวียนเหออีก เขาเป็นเพียงกากเดนที่เป็นกบฏคนหนึ่ง”

แววตาของอ๋องตวนดูลึกซึ้ง:“เช่นนั้นต้องการให้ข้าทำอะไร?”

“อ๋องตวนเป็นคนฉลาด จะต้องรู้อย่างแน่นอน หากต้องการจะปกปิดความจริงเรื่องที่หนานกงเซวียนเหอยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องมีคนเป็นแบกแพะรับบาป ใครที่เป็นคนทำลายหลุมฝังศพ และต้องมีใครสักคนยอมรับ”

หวังฮวายอันรู้สึกสงสารอ๋องตวนจริง ๆ คนที่ซื่อสัตย์ก็ต้องถูกรังแก

อ๋องตวนมองไปที่หวังฮวายอัน และทันใดนั้นก็รู้สึกขบขัน:“หลุมฝังศพนั้นมีเพียงข้าที่สามารถทำลายได้ใช่หรือไม่?”

“ใช่” หวังฮวายอันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่ในใจ เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธจัดของอ๋องตวน เขาก็รู้สึกดีใจมาก เขาเรียนรู้ที่จะเลวแล้วงั้นหรือ?

อ๋องตวนหันหลังเดินจากไป:“ข้าควรจะกลับไปได้แล้ว”

หวังฮวายอันยิ้ม:“น้อมส่งเสด็จอ๋องตวน”

หลังจากที่อวิ๋นหลัวฉวนเก็บของเรียบร้อยแล้ว นางก็เตรียมที่จะจากไป พ่อบ้านกลับเข้ามาจากข้างนอกด้วยสีหน้าที่ดูแปลกใจ

ตงเอ๋อร์จึงถามว่า:“มีอะไรหรือ?”

พ่อบ้านกล่าวว่า:“เมื่อครู่มีคนมาที่ข้างนอก และถามว่าพระชายาไปนอกเมืองแล้วใช่หรือไม่ แถมยังบอกอีกด้วยว่าศพของจงชินอ๋องหายไปแล้ว และถามพวกเราว่าพระชายาเห็นแล้วหรือไม่ จากนั้นก็ไล่ข้าออกไป”

“พวกเราไม่เห็น” ตงเอ๋อร์รีบกล่าว อวิ๋นหลัวฉวนไม่พูดอะไรและเตรียมที่จะจากไป

พ่อบ้านกล่าวอีกว่า:“แต่คนพวกนั้นที่เพิ่งจากไป ดูรีบร้อนออกไปนอกเมือง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?บางทีพวกเขาอาจจะพบศพของจงชินอ๋องแล้ว”

สภาพอากาศหนาวเย็น พ่อบ้านจึงเอามือใส่เข้าไปในแขนเสื้อ เขาก้มหน้าลงอย่างประหลาดและกล่าวว่า:“บ่าวเพียงแค่สงสัยว่าศพของจงชินอ๋องถูกชำแหละแล้ว แล้วเหตุใดคนพวกนั้นต้องไปตามหาเขาด้วย?หรือว่าอยากจะทำลายเถ้ากระดูก?”

พ่อบ้านไม่เข้าใจ ตงเอ๋อร์ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน:“ชำแหละศพก็ไม่มีอะไรแล้วไม่ใช่หรือ?ทำไมต้องไปหาเขาด้วย?”

ตงเอ๋อร์หันกลับไปมองอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนรีบร้อนออกไป และขี่ม้าตรงไปที่นอกประตูเมือง

อ๋องตวนเฝ้ามองอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นว่าอวิ๋นหลัวฉวนออกไปแล้ว เขาก็ตามออกไป เมื่อไปถึงหลุมฝังศพที่ถูกทำลายอยู่นอกเมือง อวิ๋นหลัวฉวนก็ตกตะลึง หลุมฝังศพถูกทำลายทั้งหมด

อวิ๋นหลัวฉวนยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เมื่อทุกคนไปกันหมดแล้ว นางจึงจากไป

ผู้หญิงคนนี้อยู่ในฝูงชนและจ้องมองที่อวิ๋นหลัวฉวนด้วยความเกลียดชัง

แต่นางต้องการไปในทันที เพราะนี่คือเป็นความต้องการของนายท่าน

หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนก็ดินไปที่หน้าหลุมฝังศพ แล้วมองดูหลุมฝังศพที่ถูกทำลาย นางหันกลับมาและกำลังจะจากไป แต่เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่ที่นั่น

อวิ๋นหลัวฉวนจึงถามว่า:“เป็นท่านใช่หรือไม่?”

อ๋องตวนมองไปที่ด้านหลังของอวิ๋นหลัวฉวน และหันหลังจากไปโดยไม่ตอบ

อวิ๋นหลัวฉวนจึงตามอ๋องตวนกลับไปที่จวนอ๋องเย่ นางเก็บสัมภาระและจากไป เมื่อตงเอ๋อร์เห็นว่า อ๋องตวนไม่ได้ขัดขวาง จึงตามหลังไปอย่างใกล้ชิด

พ่อบ้านเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่ที่หน้าประตู แต่ก่อนทั้งสองคนทะเลาะกันก็ไม่ได้กลัวอะไร แต่คราวนี้น่าแปลกที่จะเลิกรากัน เขารู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อย และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร?

“ท่านอ๋อง พระองค์จะไม่ตามไปดูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ จะทรงปล่อยให้พระชายากลับไปที่จวนกั๋วกงหรือ?”

“นางต้องการจะกลับไป ข้าจะทำอะไรได้?” อ๋องตวนนั่งข้าง ๆ และถอนหายใจ

พ่อบ้านถามว่า:“เช่นนั้นหากพระมเหสีทรงตรัสถามขึ้นมา ท่านอ๋องจะทรงอธิบายอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

อ๋องตวนใจลอย:“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ควรจะไปถามอ๋องเย่สิ”

“ท่านอ๋องเย่ เรื่องนี่เกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องเย่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” พ่อบ้านประหลาดใจ จากนั้นอ๋องตวนก็โบกมือเพื่อบอกให้เขาออกไป

เมื่อกล่าวถึงอ๋องตวนขึ้นอวิ๋นหลัวฉวนก็เศร้าสร้อยแล้วมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า: “ข้าไม่สามารถอยู่กับอ๋องตวนได้แล้วจริงๆ ไม่กล่าวถึงเรื่องที่เขาคิดถึงแต่จวินฉูฉู่คราวนี้ข้าออกหน้าพูดแทนจงชินอ๋องเขาก็ไม่พอใจในเรื่องนี้และยังต้องการเลิกกับข้า ข้าก็ไร้ซึ่งหนทางจึงต้องกระทำ”

อวิ๋นหลัวฉวนใบหน้าเศร้าโศกเสียใจ ช่างเหมือนกันจริงๆ

“เรื่องในจวนอ๋องตวนของพวกเจ้าข้านั้นไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่มีเรื่องหนึ่งก็ยังอยากจะบอกเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าอ๋องตวนมีอาการป่วยซ่อนเร้นอยู่ในกาย?” เพื่อเห็นแก่ความสงบสุขของจวนอ๋องตวนและเพื่ออ๋องตวนกับอวิ๋นหลัวฉวนจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานกันอีก ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าทำเช่นนี้ก็ไม่มีสิ่งใด

เช่นไรเรื่องราวของนางก็ยังมีอีกเยอะแยะ หากเรื่องของอ๋องตวนคลี่คลายแล้วก็จะได้มีเวลาไปแก้ไขปัญหาอื่น

อวิ๋นหลัวฉวนตกตะลึง อาการป่วยซ่อนเร้น?

“ข้าได้ยินมาว่าเขามีอาการป่วยบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้ แต่เวลาถามเขาเขาปิดบัง

และไม่ได้บอกข้าให้ชัดเจน”

“คงเนื่องจากกล่าวลำบาก” ฉีเฟยอวิ๋นตบเจ้าห้าในอ้อมแขนส่วนอวิ๋นหลัวฉวนก็รู้สึกอิจฉายิ่งนักแล้วโน้มกายมายังด้านหน้า ฉีเฟยอวิ๋นส่งเจ้าห้าให้อวิ๋นหลัวฉวนให้นางลองอุ้มดูซึ่งรู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนนั้นรักเด็ก

อวิ๋นหลัวฉวนอุ้มเจ้าห้าอย่างระมัดระวังเนื่องจากเกรงว่าจะทำเจ้าห้า

ให้ร่วงหล่นลงมาจึงอุ้มไว้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “โรคของอ๋องตวนนั้นข้าก็เคยได้ยินหมอหลวงหูเอ่ยขึ้นแต่รายละเอียดนั้นข้ายังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ความหมายของหมอหลวงหูคือไม่เป็นการดีที่จะกล่าวกับผู้อื่นและก็ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตข้าจึงไม่ได้ถามอีก…..”

อวิ๋นหลัวฉวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “จริงหรือ?

อวิ๋นหลัวฉวนนั้นรู้อยู่บ้างเล็กน้อยแต่นางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ในเมื่อไม่สามารถให้ผู้อื่นรู้ได้เช่นนั้นก็พูดไม่ได้ พูดออกมาก็ไม่ได้มีผลดีต่อผู้ใด ท่านอ๋องผู้สง่างามมีความลับส่วนตัวซ่อนอยู่กลับมีคนกล่าวออกไปทั่วซึ่งไม่ดีอยู่บ้าง

อวิ๋นหลัวฉวนไม่ต้องการให้คำพูดบางอย่างหลุดออกจากปากของนาง ผู้อื่นจะว่าเช่นไรนั้นก็เป็นเรื่องของผู้อื่น

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปยังใบหน้าเล็กของอวิ๋นหลัวฉวน: “อ๋องตวนไปยังจวนอ๋องเย่แล้วบอกว่าเจ้าต้องการหย่า?”

อวิ๋นหลัวฉวนสีหน้าลำบากใจ: “ไม่ใช่ว่าข้าต้องการหย่า แต่อ๋องตวนบอกว่าเช่นไรเขาก็จะไม่ยอมเลิกราซึ่งข้าก็ไร้ซึ่งหนทาง”

“เช่นนั้นเหตุใดพวกท่านถึงต้องเลิกราหล่ะ?”

“เขาคิดถึงจวินฉูฉู่อยู่ตลอดและข้าก็รู้สึกว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน” อวิ๋นหลัวฉวนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับอ๋องตวน

สิ่งที่เขาทำอยู่นั้นได้เกินเลยจากความคิดของนาง ตอนนี้นางไม่ชอบเขาเลยแม้แต่น้อย

ในเมื่อทั้งสองคนไม่เหมาะสมกัน เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน

“แต่ว่าการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ท่านอ๋องผู้สง่างามจะให้เจ้าหย่าได้เช่นไร ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็น

ไข่มุกเรืองแสงในฝ่ามือของจวนกั๋วกง เรื่องนี้ก็ฟังไม่ขึ้น”

“มิใช่ว่าข้าต้องการหย่า แต่เขาไม่ยอมเลิกรา”

“นั่นก็เหมือนกัน” ฉีเฟยอวิ๋นพยายามกดดันเอาไว้

อวิ๋นหลัวฉวนหลับตาลง: “ที่จริงแล้วระหว่างข้ากับเขาไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเป็นเช่นนี้ เขาเป็นผู้ที่คิดเล็กคิดน้อย ทุกวันก็จะกระตุ้นเรื่องข้ากับจงชินอ๋อง ไม่มีจิตใจดังชายชาตรีเลยแม้แต่น้อย ข้าไม่ชอบคนเช่นนี้

ยิ่งกว่านั้นเรื่องของจงชินอ๋องนั้นข้าก็ทำให้เขาห่างเหินกับข้า แล้วจะดำเนินชีวิตกันต่อไปเช่นไร?

ข้ากลับอิจฉาท่าน อ๋องเย่เป็นผู้มีจิตใจกว้างขวางข้าชอบอ๋องเย่”

“ทุกครอบครัวมีเรื่องยากด้วยกันทั้งสิ้นท่านไม่เห็นเท่านั้นเอง หากเห็นแล้วท่านก็จะไม่กล่าวเช่นนี้แล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ให้ข้ากล่าวหล่ะก็อย่าได้หย่าร้างรอให้อ๋องตวนเลิกรากับท่าน ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเลิกรากันอยู่ดี”

อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกประหลาดใจ: “ท่านรู้ได้เช่นไรว่าอ๋องตวนจะเลิกรากับข้า?”

“พวกท่านมีนิสัยอันแตกต่างกันเขาจะเลิกราก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าตอนนี้อย่างไรท่านก็ต้องการเลิกรากับเขา หากถูกสงสัยว่านอกใจเขาก็ต้องไม่สมัครใจยอมเป็นธรรมดา หากเป็นเช่นนี้เขาก็จะไม่ยอมเลิกรา แต่หากว่าท่านหย่าร้างกับเขาเขาเป็นท่านอ๋องแต่กลับถูกท่านหย่าร้าง ท่านอ๋องถูกหย่าร้างดังฝ่าบาททรงหย่าร้างจากฮองเฮา

ไม่มีสิ่งใดต่างกัน ท่านไม่เพียงแต่ตบหน้าอ๋องตวนเท่านั้น ท่านยังตบพระพักตร์ของฝ่าบาทและเมืองต้าเหลียงด้วย

อย่าว่าแต่อ๋องตวนแม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่ทรงยินยอม”

อวิ๋นหลัวฉวนถาม: “เช่นนั้นควรทำเช่นไร?”

“หากว่าให้ข้าบอกหล่ะก็ท่านก็กลับไปจวนอ๋องตวนแล้วเกลี้ยกล่อมให้อ๋องตวนเลิกรากับท่าน เช่นนี้จะเป็นการดีทั้งต่อท่านและเขา หากไม่สำเร็จท่านก็ขอให้เขาหย่าจากท่าน เช่นนี้นั้นเขาก็จะมีหน้า พระพักตร์ของฝ่าบาทก็ยังทรงมีแล้วจะไม่เป็นการดีที่ใด?

ภายภาคหน้าอย่างมากท่านก็ไม่แต่งงานอีก จวนกั๋วกงรักใคร่เอ็นดูท่านเช่นนั้นไม่มีการแต่งงานสักเรื่องจะเป็นอันใดไป? ”

อวิ๋นหลัวฉวนลังเลเล็กน้อย: “ท่านมาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ข้ากลับไปยังจวนอ๋องตวน มีคนบังคับขู่เข็ญท่านใช่หรือไม่?”

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของมู่เหมียนอวิ๋นหลัวฉวนก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย

พวกนางนั้นไม่สามารถทำตามใจตนเองทั้งสิ้น

“บังคับขู่เข็ญนัันกล่าวไม่ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ หากท่านสร้างปัญหาที่จะเลิกรากับอ๋องตวนเช่นนั้นข้าก็ทำสิ่งใดไม่ได้ทั้งสิ้น

“ท่านมีธุระหรือ?” อวิ๋นหลัวฉวนได้ยินว่ามีเรื่องที่ต้องทำก็เกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาเลยในทันที

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวซ้อนกลว่า “แม้ว่าเรื่องราวของจงชินจะคลี่คลายแล้วแต่เศษซากความผิดนั้นก็ยังมีอยู่ ท่านอ๋องต้องจัดการกับซากความผิดเหล่านั้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ในวังนั้นมู่เหมียนได้ถูกนำตัวเข้าไปในตำหนักเย็น รอบกายไร้ซึ่งข้ารับใช้หรือขันทีแม้แต่ผู้เดียว วันนั้นขณะที่ข้าเข้าไปในวังมู่เหมียนเป็นไข้เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่ม เรื่องนี้ตราตรึงอยู่ในใจของข้า แม้ว่าตำหนักทั้งสองทรงตั้งครรภ์ในครั้งนี้แต่ไม่ได้ให้ข้าไปตรวจชีพจร แต่พระสนมเอกเซียวใกล้จะทรงคลอดแล้วก็คงจะหลีกเลี่ยงให้ข้าเข้าวังไม่ได้ ข้ายังมีเด็กๆทั้งหลายอีก?

นอกจากนี้ฝ่าบาทให้ข้ารวบรวมเงินให้ครบ ข้างกายข้าต้องการคนสองสามคน ตงเอ๋อร์กับท่านนั้นข้าพึงพอใจเป็นที่สุด หากท่านสร้างเรื่องที่จะเลิกราแล้วผู้ใดจะจัดการเรื่องราวให้ข้าหล่ะ?

ท่านก็รู้ว่าเรื่องของการเลิกรานั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งฝ่าบาทและอ๋องตวนไม่ยินยอมง่ายดายเช่นนั้น มีแต่อ๋องตวนหย่าร้างกับท่านเท่านั้นเรื่องนี้จึงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ท่านไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการเลิกราเป็นครั้งแรกแต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่สมตามความปรารถนาของท่าน ท่านยังไม่รู้ถึงสาเหตุในนั้นอีกหรือ?

ต่อให้ฐานันดรศักดิ์ของท่านจะสูงส่งเพียงใดอย่างไรท่านก็เป็นข้าราชบริพารอยู่ดี ข้าราชบริพารจะเลิกรากับท่านอ๋องได้เช่นไรหล่ะ”

อวิ๋นหลัวฉวนละเลยต่อทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่ถามว่า: “มู่เหมียนอยู่ในวังไม่ได้สบายดีหรอกหรือ?”

“ไม่เพียงแต่ไม่สบาย นางป่วยและถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็น ขณะที่ข้าไปดูตำหนักเย็นอันว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งเงาแม้แต่คนเดียว นางก็อยู่ในตำหนักเย็นอันเย็นยะเยือกนั้นราวกับวัชพืชที่คอยเกิดและตายเองโดยไร้ซึ่งผู้ใดมาใส่ใจ

สวรรค์ไร้ความเมตตาปรานี หากไม่มีผลงานอันใหญ่หลวงคอยค้ำจุนแล้วมู่เหมียนนั้นเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วเท่านั้นเอง”

อวิ๋นหลัวฉวนยืนขึ้นด้วยความโมโห: “ไร้เหตุผล ตอนนั้นผู้ที่ขอให้มู่เหมียนเข้าวังก็คือพวกเขา ตอนนี้ผู้ที่ไม่ดีต่อมู่เหมียนก็คือพวกเขา พวกเขายังมี……หรือไม่”

“เจ้าตื่นเต้นสิ่งใด มู่เหมียนนั้นไม่อยากเข้าวัง อยู่แล้ว เข้าวังแล้วก็ต้องไม่เต็มใจเป็นธรรมดานางหุนหันพลันแล่นทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว ฝ่าบาทส่งนางเข้าตำหนักเย็นก็สมเหตุสมผล”

“ในเมื่อสมเหตุสมผลเหตุใดถึงไม่ให้มู่เหมียนกลับเรือนโดยการไล่นางออกมาไม่ดีหรือ” อวิ๋นหลัวฉวนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโห กล่าวไปกล่าวมานางก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ นางรู้สึกว่ามู่เหมียนไม่ได้รับความเป็นธรรม

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอวิ๋นหลัวฉวนร้องห่มร้องไห้ก็ไม่ได้ใส่ใจจนกระทั้งอวิ๋นหลัวฉวนหยุดร้องไห้

กลับไปนั่งลงข้างกายฉีเฟยอวิ๋น อวิ๋นหลัวฉวนมองดูเจ้าห้าหลับตาก็ถามว่า: “เขาเป็นอันใด?”

“เห็นท่านร้องไห้จึงได้อารมณ์เสียและไม่อยากฟังจึงได้หลับตาลงเช่นนี้” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวตรงไปตรงมาทำให้อวิ๋นหลัวฉวนหัวเราะขบขัน

“เป็นไปได้อย่างไร เขาเด็กเช่นนี้จะรู้ได้เช่นไร?”

ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้ากลับไปแล้วตบเบาๆ: “เจ้าห้านั้นเฉลียวฉลาดนักแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ต่อไปท่านก็จะรู้”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกยืนขึ้น: “ในเมื่อข้าได้กล่าวชัดเจนแล้วท่านกลับไปซะเถอะ หากท่านต้องการเลิกราท่านต้องต่อสู้อย่างชาญฉลาดและกล้าหาญ ท่านต้องหาวิธีที่จะทำให้อ๋องตวนยินยอมเลิกรากับท่านแต่ไม่ใช่สร้างปัญหากับเขาเช่นนี้ เกลี้ยกล่อมให้หย่าให้ท่านเช่นนั้นถึงจะเป็นความสามารถของท่าน ตำราการทหารของท่านนั้นอย่าได้แต่เอาไว้ใช้ในสนามรบเท่านั้น ใช้ในเรือนได้ถึงจะเป็นความสามารถ”

หลังจากกล่าวจบฉีเฟยอวิ๋นก็จากไป อวิ๋นหลัวฉวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจัดเก็บห่อผ้าแล้วกลับจวน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท