องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – บทที่ 581 เด็ก ๆ ละ จะทำอย่างไร

บทที่ 581 เด็ก ๆ ละ จะทำอย่างไร

สิ่งที่หมอเทวดาไล่ตามมาตลอดชีวิตคือวิชาการแพทย์ ในเมื่อโอกาสมาถึงแล้วยังจะมีเหตุใดต้องยอมพลาดไปอีก เขาเองก็ไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน

โอกาสที่ได้ยากเช่นนี้จะพลาดได้อย่างไร หมอเทวดารีบเข้าไปหาเฟิงอู๋ชิงทันที

สภาพจิตใจของเฟิงอู๋ชิงในตอนนี้ไม่ดีเท่าไร่นัก พูดได้ว่าเขาเจ็บลึกมากทีเดียว

จะหนึ่งคนหรือสองคนก็ล้วนเป็นเช่นนี้ เพื่อเป้าหมาย เจ้าหอคนนี้ไม่ไม่คิดสิ่งใดทั้งนั้น

“หมอประจำจวนโจว เจ้าดูเข็มหลอดนี้ให้ข้าหน่อยสิ เมื่อไหร่จะฉีดเสร็จสักที?” เฟิงอู๋ชิงมองไปทางหมอประจำจวนโจว

หมอประจำจวนโจวรีบตอบกลับไปทันทีว่า : “ใกล้แล้วล่ะ ขอแค่ให้ของเหลวภายในหมด ก็ดึงเข็มออกได้แล้ว”

“เช่นนั้นก็รอ” กล่าวจบเฟิงอู๋ชิงก็หลับตาเริ่มเข้าสู่การพักผ่อนอีกครั้ง คนอื่น ๆ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก แต่เวลานี้หมอเทวดาเริ่มตั้งท่ารับ อยากจะเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋นแทบขาดใจ แต่เขาจะเข้าไปมั่วซั่วไม่ได้ ต้องรอเจ้าหอดีขึ้นเสียก่อน

หมอประจำจวนโจวรอต่ออีกไม่นาน ก็เริ่มดึงเข็มออก เพื่อให้หมอเทวดาได้เห็นอย่างชัดเจน หมอประจำจวนโจวดึงมือของเฟิงอู๋ชิงมาตรวจสอบ

หมอเทวดามองอย่างจริงจัง เขาพอเข้าใจบ้างเล็กน้อย

หลังจากเก็บเข็มเรียบร้อยหมอประจำจวนโจวก็เตรียมจะจากไป หมอเทวดารีบเข้าไปขวางทันที : “ท่านพี่โจว ไหน ๆ ท่านก็ใช้ยาขวดนี้หมดแล้ว ไม่สู้ให้ข้าดีกว่า ข้าอยากลองศึกษาดู”

หมอประจำจวนโจวแสดงสีหน้าลำบากใจ : “ไม่ใช่ข้าไม่อยากให้เจ้าหรอกนะ แต่ข้าลำบากใจ และไม่อยากปิดบัง ยาชนิดนี้ยังมีอยู่ในจวน แต่เป็นกฎของพระชายาเย่ ของสิ่งนี้ หากไม่ชำนาญ ห้ามเอามาใช้มั่วซั่วเด็ดขาด เหมือนขวดเปล่าขวดนี้ เจ้าเอาเข็มจุ่มลงไป ก็สามารถฉีดเข้าร่างกายได้แล้ว ข้อควรระวังที่หนึ่ง หากมีอากาศเข้าไปในร่างกาย คนอาจตายได้ ส่วนข้อควรระวังที่สองหากเลือดเกิดการไหลเวียน ถึงตอนนั้นเมื่อเลือดไหลเข้าไป คนก็อาจตกอยู่ในอันตราย

ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าไม่ได้”

หมอประจำจวนโจวกล่าวจบก็เดินจากไป หมอเทวดาแสดงสีหน้าอิจฉา รีบเดินตามออกไปทันที

เฟิงอู๋ชิงคุ้นชินแล้ว องครักษ์สองสามคนของเขาล้วนน่าเชื่อถือได้ ไม่มีทางทำให้เจ้าหอของเขาออกมาสอบสังหารผู้คนโดยเด็ดขาด

หมอประจำจวนโจวมาถึงด้านนอกสวนดอกกล้วยไม้ รายงานสิ่งที่เจอะเจอให้แก่ฉีเฟยอวิ๋น

เมื่อเห็นหมอเทวดา ฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางจึงออกคำสั่งให้หมอประจำจวนโจวไปจัดการเรื่องของตนเอง แต่หมอประจำจวนโจวเลือกที่จะไปช่วยฉีเฟยอวิ๋นผสมยา เข้าไปในร้านขายยาสมุนไพร หยิบเอาสมุนไพรชนิดหนึ่งมาผสม ฉีเฟยอวิ๋นจัดการเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายให้เข้าที่เข้าทางก่อนนั่งลง จากนั้นก็มองไปทางหมอเทวดา: “หมอเทวดามีธุระหรือ?”

“มีธุระแน่นอน กระหม่อมใคร่อยากถามพระชายาว่าประสงค์จะรับลูกศิษย์หรือไม่?” หมอเทวดาเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นเสียใจเล็กน้อย ไม่ต่างอะไรกับอาวุโสในตระกูลนัก?

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่รับลูกศิษย์หรอกนะ โดยแท้จริงแล้วข้ากำลังเปิดรับสมัครแพทย์ แต่ข้าก็ต้องดูแลพวกเขาอย่างทั่วถึง ประการแรกหมอเทวดาเป็นคนของเจ้าหอเฟิง หากหมอเทวดาผันตัวมาเป็นลูกศิษย์ ก็ต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าหอเฟิงเสียก่อน ประการที่สองตอนนี้เจ้าหอเฟิงเป็นท่านอาจารย์ของเสี่ยวอู่ด้วย แม้ว่าวันข้างหน้าอาจจะไม่ใช่แล้ว แต่หากทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง”

“เรื่องเหล่านี้ไม่มีปัญหา ตอนที่ข้ามาเจ้าหอไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด นั้นหมายความว่าเจ้าหอเฟิงยินยอมให้ข้ามาขอเป็นลูกศิษย์แล้ว ทั้งยังอยากให้พระชายาทรงรับข้าเป็นลูกศิษย์ด้วย”

หมอเทวดากล่าวพลางคุกเข่าลง จากนั้นก็ทำความเคารพอาจารย์

ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าจนปัญญา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอาอวี่ที่อยู่หน้าประตู อาอวี่ยิ้มประหลาด ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กลอกตาไปทางอาอวี่อย่างไม่สบอารมณ์

“เจ้าคำนับข้าเช่นนี้ ข้าเองก็คงปฏิเสธเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นลุกขึ้นเถอะ นับแต่นี้ไปเจ้าคือลูกศิษย์ของข้า เจ้าไปเรียนรู้กับหมอประจำจวนโจวเสียก่อน เขาเป็นศิษย์พี่ของเจ้า เจ้าเข้าสู่สำนักของเราแล้ว ข้าจะบอกกฎระเบียบให้แก่เจ้าเอง เรื่องอื่นไม่มีปัญหา ขอแค่เคารพกันปรองดรองกัน ห้ามเข่นฆ่ากันโดยเด็ดขาด”

“ข้าจะปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์ขอรับ”

หมอเทวดาคำนับต่อ ฉีเฟยอวิ๋นเรียกเขาให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ชี้เข้าไปด้านใน : “สถานะของเจ้าในตอนนี้คงไม่สะดวกนัก หากเจ้าไม่ยุ่งก็ตามไปเรียนรู้กับหมอประจำจวนโจวเถอะ หากเจ้ายุ่งก็ไปจัดการงานของเจ้า เจ้าเป็นคนขอหอทิงเฟิง ไม่ควรก้าวก่ายนักศึกษาแพทย์ภายในของข้า”

“ไม่เป็นไร อย่ามองว่าเจ้าหอของข้าเป็นคนเย็นชาเชียวนะ เขาไม่ใช่คนที่ใจแคบเช่นนั้นหรอกนะ ปกติแล้วเขาไม่มาก้าวก่ายพวกเราอยู่แล้ว เวลาเรามีปัญหาหนักหน่วงเท่านั้นเขาถึงจะปรากฏตัว”

เดิมทีหมอเทวดาไม่เคยพิจารณาถึงสาเหตุในการเกิดเรื่องครานี้ของเฟิงอู๋ชิงเลย และไม่เคยคิดว่า เหตุใดเฟิงอู๋ชิงถึงได้เข้ามาแบกรับปัญหาของจวนอ๋องเย่

คิดอยากสังหารพระชายาเย่ อยากตั้งตนเป็นศัตรูกับต้าเหลียงอย่างชัดเจน เพราะเหตุใดกัน!

อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไร่ จึงได้รับผลกระทบด้านจิตใจ

แต่กลับช่วยให้เขาบรรลุผลสำเร็จ อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนวิชาแพทย์

ฉีเฟยอวิ๋นเศร้าใจต่อเฟิงอู๋ชิง ในบรรดาลูกน้องทั้งสาม มีสองคนทำตัวไร้สาระ ซึ่งไม่ได้สำคัญต่อเขาเท่าไรนัก

ลูกน้องทั้งสามที่เขารับมา ถือว่าเป็นความโชคร้ายของเขา

“แล้วแต่เข้าเถอะ แค่อย่าถ่วงรั้งเรื่องสำคัญเป็นพอ” ฉีเฟยอวิ๋นผายมือให้หมอเทวดาเข้าไป นางต้องไปกินข้าวก่อน หากไม่ใช่เพราะต้องรอหมอประจำจวนโจวที่นี่ นางคงได้กินอาหารไปแล้ว

หลังจากอธิบายชัดเจนแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ลุกขึ้นและจากไป ตรงไปกินข้าว และกลับมาหาเด็ก ๆ ของตนเอง

ท่านแม่ทัพฉีกำลังอุ้มเจ้าเสี่ยวอู่อยู่พอดี เขาชื่อชอบเจ้าเสี่ยวอู่เป็นที่สุด แม้ว่าเด็กคนนี้จะเย็นชาไปบ้าง นิสัยประหลาดไปบ้าง

ฉีเฟยอวิ๋นเข้ามากอดทีละคน สุดท้ายก็อุ้มเจ้าเสี่ยวอู่ไป

ท่านแม่ทัพฉีนั่งลง อุ้มพี่ใหญ่ขึ้นมาเล่นด้วย

“เสด็จพ่อ ข้าอยากตามไปด้วยเจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อาจปล่อยให้หนานกงเย่ไปชายแดนเพียงลำพังได้ ท่านแม่ทัพฉีรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ จึงมองไปทางนางอย่างไม่พอใจนัก : “เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ อย่าหาเรื่องเลย เป็นแม่คนกันหมดแล้ว เหตุใดยังทำเรื่องที่ไม่สมควรทำอีกละ?”

“เสด็จพ่อ…..”

ท่านแม่ทัพฉีได้ยินบุตรสาวเรียกเขา ความยืนกรานของเขาก็หายไป

“ระหว่างทางนั้นลำบากและอันตรายมาก แล้วไหนจะเด็ก ๆ เหล่านี้อีก ในเมืองหลวงต้องมีคนอยู่ เจ้าจากไปเช่นนี้แล้วเมืองหลวง…”

ท่านแม่ทัพฉีอยากให้บุตรสาวของตนอยู่ที่นี่ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบ ก็โดนฉีเฟยอวิ๋นพูดแทรกเสียก่อน : “ลำบากเพียงใดก็ต้องไป คนอื่นไปได้ ข้าก็ต้องไปได้ ข้าเป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อนะเจ้าคะ เป็นหญิงเชิงชาย แข็งแกร่งดุจชายชาตรี อวิ๋นจิ่นก็อยู่ เรื่องเด็ก ๆ ท่านวางใจได้”

ท่านแม่ทัพฉีรู้สึกเศร้าใจ : “เหตุใดเจ้าถึงไม่เหมือนพ่อสักนิด พ่อไม่เห็นอยากจะไปที่ใด อยากอยู่เรือนเฉย ๆ เจ้ากลับดีหน่อย ก่อนแต่งงานออกเรือนก็ยังดี แต่หลังจากแต่งงานออกเรือนแล้วกลับไปทั่วทุกหนแห่ง”

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม : “พ่อจะกลัวสิ่งใดเจ้าคะ พ่อปกป้องพวกเขาได้”

ท่านแม่ทัพฉีหมดหนทาง : “พ่ออายุก็ปูนี้แล้ว คนเดียวยังพอว่า นี่ตั้งหลายคน เจ้าเห็นพ่อเป็นสิ่งใดหรือ? เป็นกองกำลังทหารม้านับหมื่นนับแสนหรือ?

อวิ๋นอวิ๋น เจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ฟังพ่อสักครั้งเถอะ อย่าไปเลย เขาอยู่ด้านนอกพาเจ้าไปด้วยก็เป็นกังวลเสียเปล่า ๆ สำหรับพ่อแล้ว ไม่สู้เจ้าให้เขาคลายความกังวลดีกว่า เรื่องความเหน็ดเหนื่อยไม่ต้องเอ่ยถึง หากเจ้าตามเขาไป พ่อกลัวว่าเขาจะไม่วางใจ”

ท่านแม่ทัพฉีลำบากใจ หมดหนทางกับบุตรสาวผู้นี้เสียจริง

อวิ๋นจิ่นเอ่ยถามว่า : “นายท่าน ท่านจะไปจริง ๆ หรือ?”

“หากชายแดนมีสงครามก็ช่างเถอะ ครานี้จวินโม่ซ่างได้เชิญท่านอ๋องเข้าเมืองอู๋โยว ข้ากลัวว่าจะมีเรื่อง หากคิดจะตามไป รอท่านอ๋อง….”

“ข้าพูดไปแล้ว ว่าเหตุใดถึงพะว้าพะวังระหว่างทางกลับ นั้นเพราะมีคนในลานหลังจวนจงใจหาเรื่อง ตกดึกกลับมาพูดจาดีกับข้า ว่าอย่างไร? หลับไปแค่ตื่นเดียว ถึงกลับเปลี่ยนเป็นคนละคนเชียวหรือ?

อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้กินข้าวตามคำสั่งของข้า?”

ฉีเฟยอวิ๋นพยายามอธิบายให้ท่านแม่ทัพเข้าใจ หนานกงเย่ผลักประตูเข้ามาพอดี ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตระหนก ไหนบอกว่าเข้าวังอย่างไรเล่า?

“ท่านอ๋อง!” ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง หนานกงเย่ค้อนใส่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่สบอารมณ์

“จริง ๆ ด้วย ข้าเดาถูก ต่อหน้าก็ฟังคำสั่งของข้า แต่ลับหลังกลับจะแอบตามข้าไป ข้าหมดหนทางจะห้ามเจ้าแล้ว”

หนานกงเย่เดินเข้ามา นั่งลงข้างกายของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็อุ้มบุตรชายคนเล็กไป : “ข้าอยากพาอวิ๋นอวิ๋นไปด้วยนะ เพียงแต่เด็ก ๆ เหล่านี้ละจะทำอย่างไร?”

“….” ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้วสูง ดูท่าคงติดกับแล้วละ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 588 สามพี่น้องเป็นเช่นนี้นี่เอง

อ๋องตวนเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า:“การยืมเงินไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เงินในสำนักการเงินของเราดอกเบี้ยต่ำ ตามดอกเบี้ยปัจจุบัน เงินหนึ่งพันตำลึงคิดเป็นดอกเบี้ยหนึ่งตำลึงต่อวัน เงินห้าล้านตำลึงก็ดอกเบี้ยห้าพันตำลึงต่อวัน หากหนึ่งเดือนจะเป็นเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง แต่หากเป็นหนึ่งปีก็จะเป็นหนึ่งล้านแปดแสนตำลึง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเจ้าหอเฟิงยืมเงินห้าล้านตำลึง เช่นนั้นปีหน้าก็จะต้องคืนเงินหกล้านแปดแสนตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ เลย เพื่อที่จะเตรียมสินเดิมให้ฝ่ายหญิง ต้องสิ้นเปลืองเงินเช่นนี้เชียวหรือ!”

“ท่านอ๋องทรงตรัสเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ แม้ว่าครอบครัวของหม่อมฉันจะไม่มีเงิน แต่ตอนที่หม่อมฉันแต่งงาน สินเดิมก็มีมากมาย” อวิ๋นหลัวฉวนไม่พอใจ

แน่นอนว่าอ๋องตวนไม่ได้ดูถูกดูแคลนสินเดิมของอวิ๋นหลัวฉวน เขาเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนและกล่าวว่า:“ก็ใช่”

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเฟิงอู๋ชิง:“เจ้าหอเฟิงเห็นว่าอย่างไร?”

“เงินไม่ใช่ปัญหา ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข้าไม่มีเงินอยู่ในมือเลยจริง ๆ แต่อีกไม่กี่เดือนก็คงมีเงินมากพอ ท่านนำเงินออกมาก่อน แล้วข้าจะเขียนหลักฐานให้!”

เดิมทีเฟิงอู๋ชิงไม่ได้สนใจเงิน เงินแค่ไม่กี่ล้านตำลึง ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย

ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า:“เช่นนั้นข้าจะนำกระดาษและเครื่องเขียนมาให้!”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วออกไปข้างนอก ไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกระดาษและเครื่องเขียน จากนั้นก็วางลงข้างหน้าเฟิงอู๋ชิง เขาลุกขึ้นและเขียนหลักฐานการยืมเงินด้วยตนเอง จากนั้นก็เขียนชื่อลงไปด้วย

หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เขียนชื่อลงไปเช่นกัน และนำโฉนดที่ดินของจวนอ๋องเย่มาให้อ๋องตวนดู จากนั้นอ๋องตวนก็ลุกขึ้นและกลับไปเตรียมเงิน ฉีเฟยอวิ๋นจึงส่งเขาออกไป

เมื่อออกไปแล้ว อ๋องตวนก็เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและถามว่า:“จะไปหาเงินมาจากไหน?”

“ท่านอ๋องตวน พระองค์รีบเข้าไปหาท่านอ๋องในวังเดี๋ยวนี้เลยเพคะ ในเวลานี้เขาน่าจะอยู่ในวังและยังไม่ได้กลับมา แม้ว่าเงินหนึ่งล้านแปดแสนตำลึงจะไม่มาก แต่ก็มากสำหรับพวกเรา หากเฟิงอู๋ชิงไม่คืนเงินให้หม่อมฉัน ปีหน้าก็จะเป็นเงินสิบล้านตำลึง”

อ๋องตวนเลิกคิ้ว เพื่อเฟิงอู๋ชิงผู้นั้นแล้วไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย เขาจะต้องสูญเสียเงินไปห้าล้านตำลึงในหนึ่งปี

“ก็ดี ข้าจะเข้าไปในวัง”

ฉีเฟยอวิ๋นเฝ้ามองอ๋องตวนและอวิ๋นหลัวฉวนจากไป จากนั้นก็กำลังจะหันหลังกลับไป และอวิ๋นเซวียนอี้ก็มา

ตระกูลอวิ๋นมากันไม่น้อยเลย แน่นอนว่าการมาสู่ขอจะทำส่งเดชไม่ได้ ส่วนสินสอดที่นำม่ก็มีแต่กล่องใหญ่ ๆ แต่จวนกั๋วกงไม่ได้มั่งคั่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าคิดเลยว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคืออะไร

ฉีเฟยอวิ๋นเชิญเว่ยหลินชวน อวิ๋นหลัวฉาย และคนอื่น ๆ เข้าไปด้วยถ้ายคำที่มีพิธีรีตอง คราวนี้ผู้ที่มาสู่ขอเป็นเว่ยหลินชวนและภรรยา พร้อมด้วยอวิ๋นเซวียนอี้

ในเวลานี้อู๋กั่วก็ได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินว่าผู้ที่จะมาสู่ขอมาถึงแล้ว นางก็รีบออกไปต้อนรับ

เมื่อผู้คนเดินเข้ามา เฟิงอู๋ชิงก็ลุกขึ้นแล้วนั่ง

เว่ยหลินชวนและภรรยาของเขาสุภาพเรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มพูดถึงเรื่องการสู่ขอ

อวิ๋นเซวียนอี้และอู๋กั่วต่างก็เต็มใจ ทั้งสองไม่มีข้อโต้แย้ง ดังนั้นพวกเขาจึงพูดคุยกันเรื่องสินสอด อู๋กั่วเพิ่งรู้ว่าจวนกั๋วกงเป็นสถานที่สะอาด และไม่ได้มีเงินมากมาย พวกเขาล้วนแต่อาศัยเบี้ยหวัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินจำนวนมากมาเป็นสินสอด

นางจึงถือโอกาสกล่าวว่า:“ข้าไม่ได้ชอบเงิน จะให้เท่าไหร่ก็ได้ ลูกหลานของชาวยุทธภพ ไม่ได้ร้องขอความฟุ้งเฟ้อเหล่านั้น”

หัวใจของเฟิงอู๋ชิงสั่นสะท้าน ไม่ได้ร้องขอ แต่ก็ต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“นี่เป็นสิ่งที่พวกเรากำลังจะพูด วันนี้จวนกั๋วกงนำสินสอดมาไม่มากนัก แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อแม่นางอู๋กั่วอย่างไม่ยุติธรรมได้ และยิ่งต้องแสดงความจริงใจ

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสของจวนกั๋วกงได้จัดเตรียมไว้ เจ้าหอเฟิงได้โปรดรับไว้!”

อวิ๋นหลัวฉายพาพ่อบ้านของจวนกั๋วกงมาด้วย ซึ่งสามารถพูดได้ดี

เมื่อเปิดกล่อง เป็นเครื่องประดับหนึ่งกล่อง ผ้าไหมหนึ่งกล่อง อาวุธหนึ่งกล่อง เครื่องเขียนหนึ่งกล่อง และโฉนดที่ดินสองฉบับ

อู๋กั่วมองดูและหยิบดาบขึ้นมา แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับดาบของนาง เมื่อคิดว่าจวนกั๋วกงทุ่มเทที่จะมาสู่ขอ นางก็พอใจมาก

และนางก็ไม่ได้แต่งงานเพื่อเงิน

อู๋กั่วกล่าวว่า:“นายท่าน ข้าชอบสินสอดเหล่านี้มาก”

“เช่นนั้นก็รับไว้เถอะ”

เฟิงอู๋ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ อู๋กั่วเต็มใจก็ดีแล้ว

อู๋กั่วยิ้มด้วยความพอใจ:“แล้วสินเดิมของข้าล่ะ?”

“สินเดิมเป็นเงินห้าล้านตำลึง ส่วนร้านค้าของเจ้าจะให้เจ้าในปีหน้า ในเวลานี้ยังให้ไม่ได้ ส่วนเครื่องประดับได้เตรียมไว้แล้ว หลังจากสองสามวันเจ้าค่อยพาคนมาขนออกไป”

ฉีเฟยอวิ๋น เว่ยหลินชวน และคนอื่น ๆ ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อู๋กั่วพอใจเป็นอย่างมาก:“เช่นนั้นก็ดี เมื่อเงินมาถึงแล้ว ข้าก็จะแต่งงานกับเขา”

เฟิงอู๋ชิงมองไป ราวกับว่ากลัวว่าเขาจะบิดพลิ้ว

“อืม”

เว่ยหลินชวนมองไปที่พ่อบ้านที่เขาพามา พ่อบ้านหัวเราะเหอะ ๆ และกล่าวว่า:“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน พวกเราได้กำหนดวันไว้แล้ว บางทีคุณชายสามอาจจะต้องไปชายแดนในอีกไม่กี่วัน ดังนั้นฮูหยินใหญ่จึงต้องการให้มาสู่ขอไว้ล่วงหน้า”

อู๋กั่วรู้สึกมีความสุขมาก นางมองไปที่อวิ๋นเซวียนอี้อย่างเขินอาย ทั้งสองรักใคร่ซึ่งกันและกัน และอยากจะรีบแต่งงาน

เฟิงอู๋ชิงอยากจะให้อู๋กั่วจากไป เพื่อที่เห็นแล้วจะได้ไม่กระวนกระวายใจ

เขาจึงพยักหน้าตกลง

อ๋องตวนเข้าไปในวังเพื่อไปพบหนานกงเย่ ผู้คนต่างกำลังถกเถียงกันอยู่ที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย

อ๋องตวนเข้าไปถวายบังคมจักรพรรดิอวี้ตี้ และบอกเหตุผลที่มาที่นี่ จักรพรรดิอวี้ตี้มองไปที่หนานกงเย่:“เฟิงอู๋ชิงเป็นใคร?”

หนานกงเย่จึงอธิบายสถานะของเฟิงอู๋ชิงอย่างเรียบง่ายและชัดเจน จักรพรรดิอวี้ตี้ยืนเอามือไพล่หลังอย่างเคร่งขรึม:“ไม่ใช่ว่าชาวยุทธภพจะย่างก้าวเข้ามาในต้าเหลียงของข้าไม่ได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ แล้วจะจัดการอย่างไร?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีวิธีพ่ะย่ะค่ะ และสามารถจับเฟิงอู๋ชิงได้อย่างแน่นอน”

“งั้นหรือ?เช่นนั้นก็ต้องนำเงินจากในท้องพระคลังไปให้เขาใช้ แล้วให้เขาจ่ายดอกเบี้ย?”

“ถึงแม้ว่าเงินห้าล้านตำลึงจะไม่มากสำหรับท้องพระคลัง แต่หากจำเป็น ผู้ที่เป็นอย่างเฟิงอู๋ชิงก็ไม่ได้กลัวว่าท้องพระคลังจะว่างเปล่า

ในยามนี้ขาดแคลนเงิน จึงยากที่จะปฏิเสธ

กระหม่อมคิดว่าหากเงินเข้าไปอยู่ในจวนกั๋วกง จวนกั๋วกงจะต้องไม่เก็บไว้ในจวนอย่างแน่นอน และไม่กล้าพูดเรื่องบริจาค เป็นไปได้ว่าจะนำไปที่กองทัพ จะต้องรองให้เฟิงอู๋ชิงนำเงินหกล้านแปดแสนตำลึงมาให้แก่กองทัพต้าเหลียงของเรา และท้องพระคลังก็จะเปลี่ยนวิธีการในการนำเงินออกมาแล้วหมุนกลับไป”

จักรพรรดิอวี้ตี้อารมณ์ดีมาก:“ไม่เลว ข้อตกลงนี้เสร็จสิ้นแล้ว แต่เฟิงอู๋ชิงเป็นชาวยุทธภพ และเขาก็เป็นเจ้าหอทิงเฟิง แน่นอนว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขาจะฟังพวกเจ้าหรือ?”

“เฟิงอู๋ชิงเป็นคนที่สบาย ๆ เงินของเขามีมากกว่านั้นมาก ได้ยินมาว่าเขามีภูเขาเงินภูเขาทอง ส่วนเหตุผลที่เขาไม่สามารถนำเงินออกมาได้ในตอนนี้ กระหม่อมคงต้องคิดก่อน

แต่มีอย่างหนึ่งคือหากเขาสามารถอยู่ที่ต้าเลียงของเราได้ สำหรับกระหม่อมแล้วเป็นเรื่องดี รวมทั้งฝ่าบาทด้วย

ประการแรกคือสามารถเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้ และประการที่สองคืออู๋กั่วกลายเป็นสะใภ้ของจวนกั๋วกง เขาคงจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นภัยต่อต้าเหลียง เพียงแต่ต้องการให้คุณชายสามคอยเป่าหู

สะใภ้ของจวนกั๋วกง ถือว่าสถานการณ์โดยรวมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องนี้กระหม่อมแน่ใจว่าคุณชายสามสามารถทำได้”

“อืม เช่นนั้นก็ได้ แล้วเจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าคน?และจะยอมคืนเงิน?”

“แน่นอน ขอเพียงแค่อู๋กั่วแต่งงานเข้าไปในจวนกั๋วกง ก็เป็นไปได้!”

ทั้งสามพี่น้องมองหน้ากัน ที่นี่ไม่มีคนนอกที่มาทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อที่จะเติมเต็มท้องพระคลัง ทุกอย่างล้วนแค่เป็นไปได้

หนานกงเย่นำพระราชโองการกลับไปที่จวนอ๋องเย่ และอ๋องตวนก็นำเงินห้าล้านตำลึงเข้าไปในจวนอ๋องเย่

“อวิ๋นเซวียนอี้ของจวนกั๋วกง และอู่กั่วรับพระราชโองการ” หนานกงเย่อ่านพระราชโองการ และทุกคนก็คุกเข่าลง

“ด้วยพระราชโองการแห่งสวรรค์ ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้อวิ๋นเซวียนอี้ ผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม มีความดีความชอบในการศึกเป็นที่เลื่องลือ บัดนี้ขอพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้แก่อวิ๋นเซวียนอี้และอู๋กั่ว มีคำสั่ง……แต่งตั้งอวิ๋นเซวียนอี้ให้เป็นแม่ทัพน้อย และแต่งตั้งอู๋กั่วให้เป็นฮูหยินในลำดับชั้นสูงสุด มอบจวนให้หนึ่งหลัง และเงินหนึ่งหมื่นตำลึง!”

ฉีเฟยอวิ๋นสะเทือนใจเล็กน้อย สูง สูงมากจริง ๆ!

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท