อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนพิเศษ 211 เจ้าบ้าหรือเปล่า

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนพิเศษ 211 เจ้าบ้าหรือเปล่า

ตอนพิเศษ 211 เจ้าบ้าหรือเปล่า

ให้ตายเถอะ ชายผู้นี้สมองผิดปกติหรือไม่?

บอกไปแล้วว่าไม่อยากประลองด้วย เขาไม่เข้าใจภาษาคนหรือ?

เนี่ยนเนี่ยนถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วยกมือขึ้นปิดกั้นการโจมตีของเขาอย่างรวดเร็ว

รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเจี่ยงโม่เซิง ขณะเท้าขวาของเขากวาดเข้ามาแล้ว เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว เพลิงในใจนางค่อย ๆ ปะทุขึ้น

เดิมทีนางอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกหลอก แต่หลังจากนั้นไม่นานโทสะของนางก็บรรเทาลง ทว่าเจี่ยงโม่เซิงคนนี้ก็มาสร้างปัญหาให้นางอีกครั้ง

ดีมาก นางกำลังต้องการระบายอยู่พอดี ก่อนหน้านางไม่ได้ลงมือกับอาเวินให้หนักๆ แล้วเจี่ยงโม่เซิงก็เข้ามาหาเรื่องเอง

เนี่ยนเนี่ยนคิดได้ดังนั้น หางตาของนางก็พลันเหลือบไปเห็นไม้ขนไก่ปัดฝุ่น นางจึงกระโดดข้ามไปหยิบมันมา แล้วทุบมันลงบนศีรษะและใบหน้าของเจี่ยงโม่เซิง

เจี่ยงโม่เซิงตกตะลึงขณะมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางโจมตีอย่างแรงทว่าไร้ระเบียบ เขาเหม่อลอยอยู่พักหนึ่งจึงถูกตีสองครั้งที่แขน

“เฮ้ แม่นาง… แม่นาง…” เขามาเพื่อประลองวิทยายุทธ ไม่ใช่มา… เพื่อต่อสู้

คาดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยนเนี่ยนไม่ได้ใช้วิทยายุทธเลย และนางไม่ได้ตั้งรับด้วยซ้ำ ทำเพียงฟาดไม้ขนไก่ไปทางซ้ายและขวา ขึ้นและลง หากพบเจอช่องโหว่เมื่อใดก็โจมตีโดยไม่ลังเล

มุมปากของเจี่ยงโม่เซิงกระตุก ในที่สุดหลังจากถูกตีไม่กี่ครั้ง เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วเอื้อมมือไปปัดไม้ขนไก่ออกจากมือของเนี่ยนเนี่ยนทันที

เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเจี่ยงโม่เซิงกำลังจะโจมตีอีกครั้ง สีหน้าของนางก็มืดมน เขาไม่คิดจะเปลี่ยนใจจริง ๆ

หากไม่มีอาวุธอยู่ในมือ เนี่ยนเนี่ยนก็ทำได้เพียงป้องกันตัวเองด้วยมือเปล่า

ขณะนี้ ในที่สุดนางก็เป็นฝ่ายตั้งรับ นางรับการโจมตีได้ครั้งหรือสองครั้ง แต่การเคลื่อนไหวของนางไม่เป็นระเบียบท่วงท่าเลย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เนี่ยนเนี่ยนก็รู้สึกทนไม่ไหวและหายใจหอบ “ช้าก่อน ข้าขอพักหายใจก่อน แล้วจะต่อสู้กับเจ้าอีก”

เจี่ยงโม่เซิงหยุด เขาขมวดคิ้วมองเนี่ยนเนี่ยน

หายใจไม่ทันหรือ? นี่ไม่อ่อนแอเกินไปหรือ?

เนี่ยนเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง จากนั้นหันไปหาไม้ขนไก่ข้างนาง

แต่เจี่ยงโม่เซิงไม่เปิดโอกาสให้นางเลย เขาโจมตีเข้าที่ใบหน้าของนาง เนี่ยนเนี่ยนรีบเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบเลี่ยง

สีหน้าของเจี่ยงโม่เซิงกลายเป็นจริงจัง การเคลื่อนไหวของเขาเริ่มปราดเปรียวขึ้น เขาสังหรณ์ใจว่าวรยุทธ์ของเนี่ยนเนี่ยนนั้นทรงพลังมาก และการที่นางไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าในครั้งก่อน ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางแสดงออกมาโดยคนที่อ่อนแอเช่นนี้

เนี่ยนเนี่ยนเริ่มถอยหลัง นางหายใจแรงขึ้น

สายตาของเจี่ยงโม่เซิงเฉียบคม ทันใดนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือซัดนาง เนี่ยนเนี่ยนไม่อาจหลบได้จึงกระเด็นออกไป

เมื่อเห็นว่านางกำลังจะชนหน้าต่างและลอยออกไป หัวใจของเจี่ยงโม่เซิงก็สั่นกระตุก และรีบกระโจนไปดึงนางกลับมา

‘อึ่ก’ เนี่ยนเนี่ยนกระอักเลือดออกมา

สีหน้าของเจี่ยงโม่เซิงเปลี่ยนไปสุดขั้ว “แม่นาง…”

เนี่ยนเนี่ยนเริ่มหายใจหอบอย่างหนัก สีหน้าเดือดดาล นางจ้องมองเจี่ยงโม่เซิง แล้วเอื้อมมือออกไปข่วนใบหน้าของเขาอย่างแรง เมื่อเห็นรอยเลือดบนใบหน้าของเขา นางก็ยืนขึ้น “เจ้าบ้าหรือเปล่า หากเจ้าไม่พอใจที่จะให้ข้าพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเส็งเคร็งของเจ้าก็บอกข้ามาตามตรงสิ จำเป็นต้องใช้วิธีเช่นนี้หรือไม่ แค่ก… แค่กๆ…”

เนี่ยนเนี่ยนกุมหน้าอกตัวเองด้วยความเจ็บปวด แล้วเดินโซเซไปทางประตู

เจี่ยงโม่เซิงไม่สนใจความเจ็บปวดจากรอยข่วนบนใบหน้า เขายืนขึ้นด้วยสีหน้าสำนึกผิด แล้วรีบเข้าไปพยุงเนี่ยนเนี่ยน “แม่นาง ข้า ข้าไม่รู้ว่าทักษะของเจ้านั้น…”

“ไม่รู้อะไรกัน? ข้าบอกเจ้าตั้งนานแล้วว่าข้าไม่มีวิทยายุทธ เจ้าต้องเชื่อข้าสิ แล้วเจ้าทำอะไร? คิดหรือว่าเดินออกไปต่อหน้าพวกเจ้าสามสี่คนได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ จะต้องเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศเสมอไป? ตรรกะอะไรของเจ้าเนี่ย? เจ้าเสียสติไปแล้ว ออกไปให้พ้น”

เนี่ยนเนี่ยนผลักเขาออกไป ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไป

เจี่ยงโม่เซิงรีบขวางนางไว้ “มันเป็นความผิดของข้าเอง แม่นาง ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นอย่าขยับ ข้าจะไปตามหมอมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”

“ไม่ต้อง ข้าทนไม่ได้แล้ว ข้าแค่อยู่ในโรงเตี๊ยมของเจ้า ก็ถูกเจ้าทำร้าย หากเจ้าไปตามหมอมาให้ข้าอีก ข้าไม่ต้องถูกถลกหนังหรือ?”

ใบหน้าของเจี่ยงโม่เซิงเต็มไปด้วยความลำบากใจ “แม่นาง ข้าทำพลาดไปแล้ว ข้าขอโทษจริง ๆ เจ้า เหตุใดเจ้าไม่นั่งลงก่อน…ไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บจะรุนแรงกว่านี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก ข้าแค่หลงใหลวิทยายุทธจนไม่ได้สติไปชั่วขณะเท่านั้น”

เนี่ยนเนี่ยนค่อนข้างรู้สึกอึดอัดใจจริง ๆ และนางก็ไม่คิดที่จะไปพักในโรงเตี๊ยมอื่น นางจึงยอมนั่งลงตามคำพูดของเขา

เจี่ยงโม่เซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ข้าจะส่งคนไปตามหมอมาให้”

“ไม่ต้องหรอก ข้ารักษาเองได้”

“แต่ แต่ว่า…” เจี่ยงโม่เซิงขมวดคิ้ว แล้วมองนางด้วยความสงสัย

เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตามองเขา ก่อนจะเดินไปหยิบพู่กัน หมึก กระดาษและหินบดหมึกด้านข้าง มาเขียนเครื่องยาที่จำเป็นลงไป แล้วมอบให้เจี่ยงโม่เซิง

เจี่ยงโม่เซิงลองอ่านดู เขารู้จักเครื่องยาพื้นฐานบางอย่าง ที่มีสรรพคุณรักษาอาการบาดเจ็บภายใน เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขียนบนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ เขาจึงเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเนี่ยนเนี่ยน เขาพยักหน้าแล้วส่งมันให้เสี่ยวเอ้อร์ด้านนอก

จากนั้นก็เดินเข้ามามองเนี่ยนเนี่ยนด้วยรอยยิ้มเจื่อน “แม่นาง ข้าไม่นึกเลยว่าฝีมือของเจ้าจะ… ถึงเพียงนี้ หากเจ้าต้องการสิ่งชดเชยใด ก็ขอเพียงบอกมาเท่านั้น”

“งั้นก็ให้ที่พักและอาหารข้าเป็นการชดเชย” เนี่ยนเนี่ยนเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ

มุมปากของเจี่ยงโม่เซิงกระตุก เขาจำได้ว่าตอนที่พบกันครั้งแรก นางยังขอให้พวกเขาชดใช้ความเสียหายทางจิตใจให้กับสาวใช้ของนางด้วย

เขาแอบถอนหายใจ แล้วพยักหน้า “ย่อมได้”

เนี่ยนเนี่ยนโบกมือ “เช่นนั้นข้าขอพักได้หรือไม่? คุณชายเจี่ยงโปรดกลับไปก่อน”

“โอ้.” เจี่ยงโม่เซิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของนาง ในที่สุดเขาก็ยอมจากไป

เมื่อเดินไปถึงประตู เขาก็ไม่เต็มจะจากไปเลยสักนิด เขาหันไปถามนางว่า “แม่นาง แล้วเหตุใดเจ้าถึงเดินผ่านพวกเราทั้งสี่ไปได้ โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยเล่า?”

เนี่ยนเนี่ยนยอมแพ้เขาแล้ว เขาหมกมุ่นอยู่กับปัญหานี้จริง ๆ หากไม่ถึงที่สุดเขาก็จะไม่ยอมแพ้ ราวกับว่าเขาจะนอนไม่หลับจนกว่าเขาจะรู้คำตอบ ช่างน่าเหนื่อยใจเสียจริง

นางเดาถูกแล้ว เจี่ยงโม่เซิงเป็นคนที่มีใจจดจ่อมุ่งมั่นเกินคนจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยายุทธเช่นนี้

เนี่ยนเนี่ยนหันไปมองเขา “ง่ายมาก ก็เพราะข้าเคยชินกับการเดินผ่านคนที่มีวรยุทธ์กล้าแกร่ง มีกำลังภายในอันทรงพลังบ่อยแล้วอย่างไรเล่า”

เจี่ยงโม่เซิงผงะ เคยชินงั้นหรือ?

เขาครุ่นคิดเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง โดยไม่ถามคำถามใดเพิ่มเติม ในที่สุดก็หัวเราะออกมา ราวกับว่าได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งแล้ว “ข้าเข้าใจแล้ว แม่นางควรรีบพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้า”

“พรุ่งนี้ไม่ต้อง…” มา

เนี่ยนเนี่ยนมองเขาปิดประตู เสียงฝีเท้าของเขาค่อย ๆ หายไป นางพูดไม่ออกอยู่นาน

คนผู้นี้…ช่างเหนื่อยใจเสียจริง

นางเงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวัง รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของเจี่ยงโม่เซิงห่างออกไปเรื่อย ๆ จากนั้นนางก็เม้มปาก หยิบเม็ดยาออกจากแขนเสื้อ แล้วกลืนลงไป

ทันใดนั้นนางก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที การเคลื่อนไหวของนางว่องไวปราดเปรียว ราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เดี๋ยวตีมือหักเลยนี่ บังอาจทำร้ายจวิ้นจู่น้อยแห่งอาณาจักรเฟิงชางเหรอ ไม่โดนเนี่ยนเนี่ยนวางยาพิษใส่ก็บุญแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ตอนพิเศษ 210 ประลอง

ตอนพิเศษ 210 ประลอง

ในขณะนี้เนี่ยนเนี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสองของร้านสุราเยว่ไหลตรงข้ามโรงเตี๊ยมจวี้เป่า นางนั่งเอกเขนกอยู่ที่โต๊ะ สั่งอาหารและเครื่องดื่มมากินตามลำพังอยู่ข้างหน้าต่าง

นางกำลังคิดวิธีสังหารไป๋หลิวอี้ เย่ฉิงเป่ยและเหวินหย่า คนหนึ่งคือคู่หมั้น คนหนึ่งคือน้องชายและอีกคนคือสหายที่ดี พวกเขาทั้งสามร่วมมือกันปกปิดเรื่องสำคัญจากนาง หากไม่ได้ทรมานพวกเขาก่อนตาย นางก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับตัวเอง

ทว่าเมื่อนางคิดวิธีที่ห้าสิบได้ก็รู้สึกว่ามันไม่รุนแรงพอ และยังคงมีความคิดบ้า ๆ มากมายต่อไป

นางเห็นภาพไป๋หลิวอี้และอาเวินวิ่งจากโรงเตี๊ยมจวี้เป่าไปยังจวนซูกั๋วกง และจากจวนซูกั๋วกงกลับมาที่โรงเตี๊ยมได้อย่างชัดเจน พร้อมกับนึกเย้ยหยันอยู่ในใจ

แต่เมื่อเห็นท่าทางวิตกกังวลของพวกเขา นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

แต่! นางสบายใจขึ้นเพียงแค่เล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น ใจจริงยังคงอยากจะฆ่าเขาเหมือนเดิม

ช่างดีเหลือเกินที่นางรู้สึกผิดและโทษตัวเองเป็นเวลาหลายวัน ช่างดีเหลือเกินที่นางรู้สึกผิดและรู้สึกไม่สบายใจมากเพราะโกหกเขา ช่างดีเหลือเกินที่นางเข้าครัวไปทำอาหารบำรุงร่างกายให้เขาจนผมของนางเกือบไหม้

แต่แล้วเป็นเช่นไรเล่า? นางดูเหมือนคนโง่เขลาตั้งแต่ต้นจนจบ

เนี่ยนเนี่ยนรินสุราให้ตัวเอง ก่อนจะดื่มหมดในอึกเดียว หลังจากนั้นไม่นานก็ขมวดคิ้ว แล้วปาจอกทิ้งไป ช่างดื่มยากนัก

นางกินไปสักพักก็หมดความสนใจ จึงเอนกายพิงเก้าอี้ครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ

สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้ว่าเรื่องต่าง ๆ จะพัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว แต่ในบรรดาความคิดนับพันที่แวบเข้ามาในหัวของเนี่ยนเนี่ยน นางก็ไม่เคยคิดที่จะ… ถอนหมั้น

นางเม้มปากมองไปยังท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิดด้านนอก ในที่สุดก็ยืนขึ้นช้า ๆ แล้วเดินลงไปชั้นล่าง

เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเดินไปที่ประตู ลมหนาวก็พัดโชยมาจนกายสั่นสะท้าน นางขมวดคิ้วแล้วไปยังโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ

ในขณะนี้เป็นช่วงเวลาอาหารค่ำอันเร่งด่วน เถ้าแก่ที่อยู่หน้าโต๊ะจึงกำลังยุ่งมาก

เนี่ยนเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รอสักพัก ก่อนจะก้าวเข้าไปบอกว่า “ข้าต้องการห้องชั้นบน”

เถ้าแก่ชำเลืองมองนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขออภัยด้วยแม่นาง ห้องสุดท้ายเพิ่งถูกจองไปเมื่อครู่”

ไม่มีห้องเหลือเลยหรือ? เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว กิจการที่นี่ดีมากถึงเพียงนั้นเลยหรือ?

“ไม่มีห้องว่างแล้วหรือ?”

“ยังมีเรือนต้าทงอยู่” เถ้าแก่ยิ้ม “แต่ดูจากการแต่งตัวของแม่นางแล้ว การไปพักอยู่กับพวกพ่อค้าเร่เหล่านั้นก็คงไม่ดีใช่หรือไม่? ห้องรับรองแยกต่างหากนั้นถูกจองไปหมดแล้ว”

เขาไม่มีทางเลือก ไม่เช่นนั้นเขาจะปล่อยแขกเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าวันนี้นางโชคไม่ดีเอาเสียเลย นางกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่กลับหันไปชนเข้ากับใครบางคน

นางขมวดคิ้ว ก่อนที่นางจะทันได้พูด ก็ได้ยินเสียงเย็นชาระคนประหลาดใจของชายคนนั้น “เหตุใดถึงเป็นเจ้า?”

เนี่ยนเนี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองคนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นหน้าตรงหน้านาง นางกะพริบตาขณะพยายามนึกชื่อของเขา “เจ้าคือ… เจี่ยง…”

ขณะที่นางยังคงคิดถึงชื่อของเขา เถ้าแก่ข้างโต๊ะก็ออกมาแล้ว และเดินไปหาผู้มาเยือน จากนั้นพูดด้วยความเคารพว่า “คำนับนายน้อยขอรับ”

เมื่อรวมกับคำพูดนี้ เนี่ยนเนี่ยนก็นึกขึ้นได้ในทันที “เจ้าคือเจี่ยงโม่เซิงใช่หรือไม่?”

นายน้อยสกุลเจี่ยงแห่งสี่ตระกูลจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่งั้นหรือ? เนี่ยนเนี่ยนจำได้ว่านางเคยพบเขาสองครั้ง ครั้งล่าสุดคือในวังหลวง นางเกือบจะเปิดเผยตัวออกไปแล้ว

เจี่ยงโม่เซิงพยักหน้า แล้วมองนางด้วยความแปลกใจ “สาวใช้ของเจ้าอยู่ที่ใด?”

เมื่อเนี่ยนเนี่ยนนึกถึงโม่เพียว มุมปากของนางก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก นางคงจะกลับไปแล้วใช่หรือไม่?

เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบ เจี่ยงโม่เซิงก็ไม่ได้สนใจจะถามต่อ แต่เพียงมองไปยังเถ้าแก่ข้างเขา เถ้าแก่พูดทันที “แม่นางผู้นี้ต้องการเข้าพัก แต่ห้องพักตอนนี้เต็มแล้วขอรับ ดังนั้น…”

เจี่ยงโม่เซิงพยักหน้า คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกเถ้าแก่ว่า “ทำความสะอาดหอตงเหมย แล้วให้แม่นางผู้นี้เข้าไปพัก”

เถ้าแก่ตกตะลึง หอตงเหมยเป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงเตี๊ยม และมันว่างตลอดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ครอบครัวเจี่ยง เพราะบางครั้งก็จะเชิญแขกผู้มีเกียรติของครอบครัวให้มาพักที่ห้องนี้

แล้ว… เมื่อมองรูปลักษณ์ของสตรีผู้นี้และครอบครัวของนายน้อย ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเข้ากันนัก ความจริงแล้วครอบครัวของนายน้อย…

แต่เขาเป็นเถ้าแก่ จึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ทำได้เพียงสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์ไปทำความสะอาดห้องทันที

เนี่ยนเนี่ยนมองเจี่ยงโม่เซิงด้วยความประหลาดใจ “หอตงเหมยเป็นห้องสำรองของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ?” นางรู้ว่าในโรงเตี๊ยมทั่วไปจะเก็บห้องที่ดีที่สุดไว้หนึ่งหรือสองห้อง สำหรับกรณีฉุกเฉิน

ตอนนี้เจี่ยงโม่เซิงยกห้องนั้นให้นาง ไม่ได้มีแผนอื่นซ่อนอยู่ใช่หรือไม่?

เมื่อเจี่ยงโม่เซิงเห็นแววตาสงสัยของนาง เขาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ข้ามีคำถามที่อยากขอให้แม่นางช่วยตอบ”

เขาพูดจบก็พานางไปที่หอตงเหมย “มาคุยระหว่างเดินกันเถอะ”

มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก ดูเหมือนว่านางจะยังไม่ทันได้ตกลงว่าจะอยู่ที่นี่เลย เขาอาจหาญมากเกินไปหรือเปล่า?

แต่นางก็ขี้เกียจเกินกว่าจะมองหาโรงเตี๊ยมอื่นอีก โรงเตี๊ยมนี้อยู่ตรงข้ามกับโรงเตี๊ยมจวี้เป่า ซึ่งนางสามารถสังเกตการณ์ได้อย่างสะดวก

“แม่นางร่ำเรียนมาจากที่ใดหรือ?”

การถามคำถามตรง ๆ ตั้งแต่แรกเช่นนี้มันดีจริงหรือ?

เนี่ยนเนี่ยนหันมามองเขา “เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนี้?”

“ข้าหลงใหลการร่ำเรียนวิทยายุทธมาตลอดชีวิต ครั้งล่าสุดแม่นางสามารถเดินต่อหน้าคนจากสี่ตระกูลใหญ่ได้ โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แสดงว่าแม่นางต้องมีทักษะอันล้ำเลิศ ข้าจึงต้องการขอคำแนะนำจากแม่นาง” ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย แม้แต่ใบหน้าที่ปกติจะเฉยเมยของเขา ก็ฉายแววตื่นเต้นและสดใสมากขึ้น

เนี่ยนเนี่ยนนึกถึงท่านลุงฟ่านซิวอวิ๋นผู้หลงใหลการฝึกวิทยายุทธเหมือนกัน เมื่อใดก็ตามที่เขาบอกว่าเขาต้องการประลองวรยุทธ์กับคนอื่น เขาจะมีสีหน้าเหมือนกับเจี่ยงโม่เซิงตอนนี้เสมอ

นางหันหน้าหนีไปเงียบ ๆ เหตุใดคนเช่นนี้ถึงชอบมาปรากฏตัวรอบกายนาง?

เมื่อนางหันกลับไปอีกครั้ง นางก็พูดอย่างจริงจังว่า “เจ้าคิดมากไปเอง ที่ข้าไม่เปลี่ยนสีหน้าเพราะจิตใจของข้าแข็งแกร่งมากเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับวิทยายุทธเลย ดังนั้นเราหยุดพูดเรื่องนี้กันเถอะ อย่าพูดไปมากกว่านี้เลย”

เจี่ยงโม่เซิงขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจ “แต่ว่า…”

เนี่ยนเนี่ยนมาถึงประตูหอตงเหมยแล้ว นางยื่นมือออกทันทีด้วยท่าทางบ่งบอกให้หยุด “ไม่มีแต่ ข้าไม่มีวรยุทธ์เลยจริง ๆ”

“ในตอนนั้น เราทั้งสี่คนต่างปลดปล่อยคลื่นพลังกดดันที่หนักมาก แม้จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม คนส่วนใหญ่อาจทนไม่ได้และล้มลง ทว่าแม่นาง… แม่นางจะรอช้าอยู่ไย? อาณาจักรเทียนอวี่ เป็นสถานที่ใช้ที่วิทยายุทธสร้างมิตรภาพ แม่นางกับข้ามาประลองกัน ประลองกับคนจากสี่ตระกูลใหญ่ของเรา แล้วจะได้ผูกมิตร…”

เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะแห้ง วิทยายุทธสร้างมิตรภาพงั้นหรือ? ประลองกับสี่ตระกูลใหญ่เพื่อเรียนรู้วิทยายุทธและผูกมิตร? ล้อกันเล่นหรือเปล่า นางเป็นสตรี เป็นสตรีนะ วิธีการผูกมิตรที่หยาบคายเช่นนี้ไม่เหมาะกับนาง เข้าใจหรือไม่? คนที่มีคุณธรรมจริยธรรมเช่นนางจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร?

นางเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปทันที “วิทยายุทธสร้างมิตรภาพนับเป็นเรื่องที่ดี วันนี้ขอบคุณมาก” เมื่อนางพูดจบก็หันกลับมา และกำลังจะปิดประตู

เจี่ยงโม่เซิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปโจมตีนาง ความเร็วนั้นเร็วมากเสียจนเนี่ยนเนี่ยนรีบถอยหลังไปสองก้าว

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มาหลบอยู่ที่นี่เอง แถมมีหนุ่มมาสร้างไมตรีด้วยการประลองยุทธ์ด้วย จะรับมือไหวไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท