อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 859 อุบัติเหตุ
เวินเส้าหยีทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หินอย่างไร้เรี่ยวแรง ว่างเปล่าไปทั้งจิตใจ
จู่ๆ เขาก็หัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไร้กำลัง
เสียงหัวเราะแห่งความปวดใจ ทำให้ผู้คนเป็นทุกข์ใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ทุกคนมองไปที่เวินเส้าหยีด้วยความเป็นห่วง
“หัวหน้าเผ่าน้อย……”
เวลาสิบกว่าวันสั้นๆ หัวหน้าเผ่าน้อยได้เผชิญกับเรื่องร้ายๆอันแสนเจ็บปวดที่ทั้งชีวิตของคนอื่นก็เผชิญได้ไม่หมด
หากว่าเป็นคนอื่น กลัวเพียงแค่จะรับไม่ได้และฆ่าตัวตายไปนานแล้ว
ดวงตาของเวินเส้าหยีว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่บ้าง ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจเขา
ความแค้นที่ลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นตายไป พวกเขาก็เพิ่มความเกลียดแค้นอีกเท่าหนึ่งไปบนตัวของเผ่าหยกและหุบเขาตันหุย
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาที
ประตูห้องลับที่ปิดสนิทก็เปิดออกในที่สุด
เวินเส้าหยียืนขึ้นทันที มองไปที่สีหน้าอันซีดเผือดของผู้อาวุโสไม่กี่ท่านด้วยความพะว้าพะวัง
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“พวกเราสูญเสียพลังไปมากกว่าครึ่ง ในที่สุดก็ช่วยหัวหน้าเผ่ารักษาความเสถียรของพลังปราณและเลือดลมที่ไหลย้อนได้ชั่วคราวแล้ว อาการจิตมารครอบงำของเขาได้รับการบรรเทาลง แต่พิษปิงหั่วจุ้ยยังไม่สามารถถอนได้ ทำได้เพียงบรรเทาความเจ็บปวดลงเท่านั้น หัวหน้าเผ่า…..ยังคงเหลือเวลาไม่มากเช่นเคย”
“นอกจากจะได้ยาถอนพิษพิษปิงหั่วจุ้ยมา แต่ของสำคัญขนาดนั้น เผ่าหยกจะมอบให้พวกเราได้อย่างไร”
ถ้าพวกเขามีจิตใจดีขนาดนั้น ก็คงไม่วางยาพิษสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนและหัวหน้าเผ่าแล้ว
ยิ่งจะไม่สังหารคนในเผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเขาอย่างไร้ความปรานีไปมากมายขนาดนี้
และไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีได้ฟังพวกเขาพูดหรือไม่ เขาเดินเข้าไปในห้องศิลาช้าๆ
ในห้องศิลา เวินเฉิงเทียนนั่งขัดสมาธิ ดวงตาทั้งสองปิดสนิท สีหน้าซีดขาว ราวกับกำลังระงับความเจ็บปวดอย่างที่สุดไว้
เวินเส้าหยีมาถึงเบื้องหน้าของเขา คุกเข่าลง “เส้าหยีไร้ความสามารถ ไม่เพียงไม่สามารถปกป้องท่านได้ ยังจะไม่สามารถปกป้องเผ่าเทียนเฟิ่นได้อีก เส้าหยีผิดไปแล้ว ไม่ควรไม่เชื่อฟังคำพูดของท่านและผู้อาวุโส ช่วยเหลือกู้ชูหน่วนครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำร้ายคนในเผ่าหยกไปมากมายขนาดนี้”
ในตอนแรกเขาไม่รู้ตัวตนของกู้ชูหน่วน ช่วยกู้ชูหน่วน ในเผ่าก็ไม่ได้พูดอะไร
ต่อมากู้ชูหน่วนและพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ในแดนเหนือสุด เขายังได้เสียสละชีวิตเพื่อช่วยกู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานอีก ตอนนั้นในเผ่าก็เกิดความเดือดดาลเป็นอย่างมาก
หัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสหลายท่านล้วนตำหนิลงโทษเขา
แต่เขาก็ยังไม่ฟังคำเตือน
เรื่องที่แม่ทัพใหญ่เซียวถูกฆ่า เขาก็ยังยืนอยู่ข้างกู้ชูหน่วน ช่วยนางให้พ้นผิด
เขาโง่จริงๆ……
โง่เกินไปโง่เง่าเกินไปแล้ว……
เวินเฉิงเทียนค่อยๆลืมตาขึ้น สายตาที่มองดูเวินเส้าหยีอ่อนโยนลง
กล่าวด้วยเสียงอันอ่อนแรง “คิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ได้มีประโยชน์ หากเจ้ารู้ว่าอนาคตนางจะนำคนมาสังหารเผ่าเทียนเฟิ่น คิดว่าเจ้าก็คงจะไม่เข้าช่วยนางด้วยความมีคุณธรรมหรอก”
เวินเส้าหยีก้มศีรษะลง
เขายอมให้หัวหน้าเผ่าเพิกเฉยต่อเขา เข้มงวดต่อเขาเหมือนเมื่อก่อนเช่นนั้น
“จิตใจแฝงไปด้วยความเมตตากรุณาเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไร ก็อย่าได้ทิ้งความบริสุทธิ์นั้นไป เผ่าเทียนเฟิ่น บางทีเผ่าเทียนเฟิ่นควรจะมีภัยพิบัติสักครั้ง”
เวินเฉิงเทียนถอนใจ
บรรพบุรุษโหดร้าย ลงคำสาปโลหิตบนตัวเผ่าหยก
เผ่าหยกแก้แค้นก็เป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น
ความโกรธแค้นระหว่างทั้งสองเผ่าจะพูดให้จบได้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร จะถูกหรือผิดจะพูดให้กระจ่างได้อย่างไรกันอีก
พวกเขาเผ่าเทียนเฟิ่นก็มีสิ่งที่เผ่าเทียนเฟิ่นทำไม่ถูก ไม่ว่าอย่างไรคนของเผ่าหยกก็ตายด้วยน้ำมือของเผ่าเทียนเฟิ่นไปไม่น้อย เวินเฉิงเทียนหยิบป้ายประกาศิตโบราณอันหนึ่งออกมาจากหน้าอก เห็นป้ายประกาศิตอันนี้ เหล่าผู้อาวุโสที่เฝ้าอยู่ข้างๆล้วนพากันคุกเข่าลง
“ป้ายประกาศิตอันนี้ นับตั้งแต่นี้ไป ก็…..ขอจะมอบให้เจ้าแล้ว”
ป้ายประกาศิตหัวหน้าเผ่าเป็นตัวแทนหัวหน้าเผ่า
เขามอบให้เวินเส้าหยี ก็เท่ากับมอบตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้เวินเส้าหยีแล้ว
เวินเส้าหยีเงยหน้าขึ้นอย่างงงงัน ปากอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามความสงสัยในใจแทนเวินเส้าหยี
“หัวหน้าเผ่า ซือคงไอ้คนทรยศนั่นบอกว่า หัวหน้าเผ่าน้อยไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของท่าน ที่ท่านจิตมารครอบงำ ก็เป็นเพราะสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนลอบวางยาพิษ……”
บทที่ 858 เผาตายทั้งเป็น
บทที่ 860 ฆ่าแม่ของตัวเองกับมือ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 858 เผาตายทั้งเป็น
“พวกเจ้าถอยไปก่อน ให้พวกเราจัดการเถอะ” ผู้อาวุโสผมสีขาวหนวดเคราขาวไม่กี่คนของเผ่าเทียนเฟิ่น รวมทั้งสุดยอดผู้อาวุโสต่างพากันเอ่ยปาก
เวินเส้าหยีคุกเข่าลง “ผู้อาวุโสทุกท่าน ขอร้องพวกท่าน ช่วยรักษาท่านพ่อของข้าให้หายด้วยเถอะ ขอร้องพวกท่านล่ะ”
“หัวหน้าเผ่าน้อย นี่ท่านทำอะไร รีบลุกขึ้น นี่ท่านจะทำให้พวกเขาอายุสั้นนะ”
เวินเส้าหยีหัวเราะเจื่อนๆ “ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ในใจของเส้าหยี หัวหน้าเผ่าก็คือท่านพ่อแท้ๆของข้าตลอดไป”
“นอกจากว่าหัวหน้าเผ่าจะยอมรับด้วยตัวเองว่า ท่านไม่ใช่ลูกชายของเขา และไม่ใช่หัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น ไม่เช่นนั้น ท่านก็เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของพวกเราตลอดไป”
เวินเส้าหยีเบ้าตาแดง ความซาบซึ้งใจชนิดหนึ่งผุดขึ้นในจิตใจของเขาเงียบๆ
“ขอฝากด้วย” เสียงของเขาสะอึกสะอื้น
ผู้อาวุโสหลายคนพยักหน้าด้วยความจริงจัง “วางใจเถอะ พวกเราจะพยายาม”
เวินเส้าหยีถอยออกไป กำมือด้วยความกังวลอยู่นอกห้องศิลาอยู่ตลอด และมองไปที่ประตูห้องลับที่ปิดสนิทอยู่บ่อยๆ
ด้านข้าง ลูกศิษย์ไม่กี่คนมารายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
“หัวหน้าเผ่าน้อย ด่านสำคัญของเผ่าเทียนเฟิ่นเราถูกทำลายแล้ว นอกจากแดนต้องห้าม พื้นที่ทั้งหมดก็ถูกยึดไว้หมดแล้ว รวมทั้งตำหนักเทียนตูก็ถูกทำลายไปแล้วขอรับ”
“หัวหน้าเผ่าน้อย ลูกศิษย์ที่ถอยกลับมาที่แดนต้องห้ามไม่ทันล้วนถูกพวกเขาจับไปเป็นเชลยหมดแล้วขอรับ”
“หัวหน้าเผ่าน้อย คราวนี้หุบเขาตันหุยร่วมมือกับเผ่าหยก เคลื่อนกองกำลังทั้งหมดของพวกเขามา อีกทั้งได้วางยาพิษเผ่าเทียนเฟิ่นของเราในหลายสถานที่ บวกกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงโจมตีขนาบทั้งในและนอก เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเราจึงได้พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”
“รองหัวหน้าเผ่าน้อย ผู้อาวุโสฉี ผู้อาวุโสสือ ผู้อาวุโสโม่และผู้อาวุอื่นอีกยี่สิบกว่าท่านเสียชีวิตในสนามรบ”
ข่าวร้ายแต่ละข่าวส่งมาเรื่อยๆ
จิตใจของเวินเส้าหยีไม่เคยหนักหน่วงขนาดนี้มากก่อน
“ซือคงไอ้คนทรยศนั่นควรจะบดศพมันเป็นหมื่นๆชิ้น เผากระดูกให้เป็นผุยผงไปจริงๆ” ผู้อาวุโสหวงที่อยู่ข้างๆเวินเส้าหยีกระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้น
“จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ หากว่าให้ข้าจับเขาได้ ข้าจะต้องสับเขาเป็นพันหมื่นมีดเป็นแน่”
เวินเส้าหยีเอ่ยถาม “ทัพหงส์ล่ะ? เสียหายเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะทัพหงส์เข้าช่วยอย่างสุดกำลัง ก็กลัวเพียงแค่พวกเราคงจะหนีออกมาไม่ได้ แต่ทว่าทัพหงส์กลับ….เสียหายหนักจนน่าอนาถ”
“หัวหน้าเผ่าน้อย ครั้งนี้เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเราพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเกินไป ไม่เพียงแค่หน่วยหลักของพวกเรา หน่วยใหญ่แต่ละหน่วยก็ถูกเผ่าหยกจัดการไปในเวลาเดียวกันแล้ว หลายๆหน่วยล้วนถูกทำลายจนสิ้นซาก ไม่มีเหลือแม้แต่กระทั่งคนสืบทอด”
บรรยากาศต่ำจนแทบจะถึงจุดเยือกแข็ง มีคนกุมมือแล้วก็ถอนหายใจ
มีคนก้มศีรษะและร้องไห้
มีบางคนด่าทอด้วยความโกรธแค้นไม่หยุด
มีคนพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง
จนกระทั่งมีลูกศิษย์ผู้หนึ่งมารายงานข่าวด้วยความรีบร้อน
“รายงาน…..หัวหน้าเผ่าน้อย แย่แล้วเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”
ไม่กี่วันมานี้ เผ่าเทียนเฟิ่นเคยมีข่าวดีที่ไหนกัน
ทุกเรื่องล้วนเลวร้ายจนไม่สามารถจะเลวร้ายกว่านี้ได้อีกแล้ว
ทุกคนล้วนชินชาแล้ว
อย่างมากที่สุดก็คือเผ่าเทียนเฟิ่นพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์แล้ว
“พูดเถอะ เรื่องอะไร”
“ลูกศิษย์ของพวกเราที่ถูกจับเป็นเชลย ทั้งหมด……ทั้งหมด…..ทั้งหมดถูก……ถูกสังหารแล้วขอรับ กว่าหมื่นชีวิตเต็มๆ”
ตื้ด……..
เวินเส้าหยีโซเซทันที แทบจะทรุดลง
ผู้อาวุโสหลายคนตกใจจนกระโดดขึ้นมาทันที
“เจ้าพูดอะไร เกือบหมื่นชีวิต ทั้งหมดถูกสังหารแล้ว? ถูกใครฆ่า?”
“เผ่าหยกและหุบเขาตันหุย พวกเขาจับลูกศิษย์ของพวกเรามัดรวมกัน ราดน้ำมันเพลิงและยิงธนูไฟขอรับ ทั้งหมด…….ทั้งหมดถูกเผาตายทั้งเป็น วิธีการโหดเหี้ยมเป็นที่สุด”
ผู้อาวุโสหวงโกรธจนพุ่งออกจากแดนต้องห้ามไป “ไอ้พวกปีศาจฆ่าคนไม่กะพริบตา ข้าจะไปสู้ตายกับพวกเขา”
“ผู้อาวุโสหวง ท่านใจเย็นหน่อย พวกเขาคนมากกำลังเยอะ ท่านพุ่งออกไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ จะเป็นเพียงแค่การเข้าไปเพิ่มอีกชีวิตหนึ่งเท่านั้น” ผู้อาวุโสหลายท่านต่างพากันห้ามไว้