อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 853 ซ่งหยวนตาย

บทที่ 853 ซ่งหยวนตาย

“ฟู่ว….”

“ปัง…..”

กลางอากาศ เงาร่างสองร่างกระแทกลงมา กั้นน่าหลันหลิงลั่วออกจากเวินเส้าหยีพอดี

หนึ่งในนั้นคือสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวน เขากำลังจะหมดลม บางจนแทบมองไม่เห็นเงาคน ลมปราณบนร่างกายก็เกือบจะว่างเปล่า

ไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีเอาความแข็งแรงมาจากไหนสะบัดหลุดจากพันธนาการของลูกน้อง พุ่งเข้าไปข้างกายของซ่งหยวน

เขาประคองซ่งหยวนขึ้น แต่ร่างกายที่เขาสัมผัสได้กลับเป็นความโปร่งใส

“ปู่ซ่ง….”

ซ่งหยวนยื่นมือไปเช็ดเลือดที่มุมปาก คิดจะดิ้นรนลุกขึ้นมา แต่ทำอะไรไม่ได้แรงไม่พอ ก็ยังคงล้มไปแล้ว

เขามองไปที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้าขั้นอันตรายเหมือนกันด้วยความผิดหวัง กล่าวด้วยความไม่ยินยอม

“ขาดไปเพียงกระบวนท่าเดียว ขาดเพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น ข้าก็จะสามารถฆ่าเขาได้แล้ว”

แต่ร่างกายของเขากลับยืนหยัดต่อไปไม่ไหว

สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ

ที่ให้คนชั่วช้าสามานย์เช่นเขานี้ยังสามารถโลดเต้นอยู่บนโลกต่อไปได้

“ปู่ซ่ง ท่านบอกข้า ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถช่วยท่านได้?”

เวินเส้าหยีทำอะไรไม่ถูกจนปัญญา เหมือนกับตอนที่อยู่ในเหวลึกอนันต์เช่นนั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเวินเส้าหยี แววตาของซ่งหยวนก็อ่อนโยนลง เขาเอื้อมมือไปคิดจะสัมผัสเวินเส้าหยี แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความโปร่งใส

ในคำพูดของซ่งหยวนมีความขมขื่นเล็กน้อย แต่ในคำพูดกลับไม่ได้เป็นอะไร

“ปู่ซ่งแก่แล้วล่ะ มีชีวิตอยู่มามากกว่าร้อยปีแล้ว ควรจะตายไปนานแล้ว สามารถอยู่ได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าสวรรค์เมตตาแล้ว เจ้าหนูเส้าหยีเจ้าอย่าเศร้าไปเลย เจ้ารู้หรือไม่ตั้งแต่เด็กจนโต ปู่ซ่งกลัวที่สุดก็คือการเห็นเจ้าเสียใจ”

“จะเป็นลูกชายแท้ๆของหัวหน้าเผ่าหรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ เจ้าก็คือเจ้า เจ้าคือเจ้าหนูเส้าหยีที่สง่างามมีจิตใจเมตตาผู้นั้น”

“จำไว้ ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าพวกเราไม่เป็นก็ได้ แต่พวกเราห้ามให้ใครมารังแก ใครกล้ารังแกเจ้า เจ้าก็ต่อยเขาไป ต่อยไปแรงๆ”

“ปู่ซ่ง ท่านอย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกเลย บอกข้ามาก่อน ว่าข้าต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยท่านได้?”

“ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ เกรงว่าข้าคงจะไม่มีทางอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้อีกแล้ว เด็กน้อย อย่าได้เสียใจไปเลย แม้ว่าดวงจิตวิญญาณของปู่ซ่งจะแตกสลายแต่ความคิดก็ยังจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”

“กระดูกสะบักของเจ้าจะต้องต่อได้แน่ ข้าเชื่อ เจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ สวรรค์คงจะไม่ใจร้ายกับเจ้านักหรอก”

“ปู่ซ่ง……”

“อย่าร้อง เจ้าหนูเส้าหยี ผู้น่าสงสารของข้า เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ไม่สามารถช่วยเจ้าบุกฝ่าออกไปได้ ข้าไม่ยอม ไม่ยอม…..”

“หากข้าตายแล้ว เจ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง จะทำอย่างไร จะทำอย่างไร ฟู่ว……”

ไม่รู้ว่าเพราะตระหนกเกินไปหรือไม่ หรือเพราะพลังชีวิตทั้งหมดโดนเผาไหม้ไปหมดแล้ว ซ่งหยวนกระอักเลือกออกมา ร่างกายเปลี่ยนเป็นแสงสว่างเป็นจุดๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ท่านปู่ซ่งหยวน…..”

เวินเส้าหยีพยายามคว้าไว้ แต่ก็คว้าอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงไปด้วยความห่อเหี่ยวใจ

ในเผ่าหยก สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสี่เสียชีวิตไปตามๆกัน ลูกศิษย์หลายพันคนถูกกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆสังหาร

ในเผ่าเทียนเฟิ่น ลูกศิษย์หลายพันหมื่นคนถูกซือคงและน่าหลันสังหาร แต่ละเรื่องราวจารึกอยู่ในสมองอย่างชัดเจน

และคนเหล่านี้ ล้วนทำเพียงเพื่อปกป้องเขาผู้เดียว

บนร่างกายของเขาแบกรับความหนักหน่วงถึงแก่ชีวิตไว้มากมายมากมายเกินไป

ในอดีต เขาคิดว่าตราบใดที่เขาปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ สุภาพอ่อนโยน ก็จะต้องใช้ความดีเปลี่ยนความแค้นได้แน่ จะต้องทำให้โลกนี้งดงามยิ่งขึ้นได้แน่

ตอนนี้มองไปรอบๆ

เขาคิดผิดแล้ว

ผิดพลาดไปอย่างใหญ่หลวง

โลกใบนี้เป็นโลกกินคน

เพียงแค่ตัวเองแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้น จึงจะไม่ถูกรังแก

เพียงแค่ตัวเองแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้น จึงจะสามารถปกป้องคนที่ตัวเองต้องการปกป้องได้

ไม่ว่าเจ้าจะใจดีมีเมตตาเพียงใดคนอื่นก็จะคิดบัญชีกับเจ้า

และตอนนี้ กระดูกสะบักของเขาถูกดึง…..

เผ่าเทียนเฟิ่นก็กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบพันปี

เขาไม่มีไพ่อะไรเหลือที่จะสามารถพลิกตัวได้อีก

ทำได้เพียง……ตายไปพร้อมกับพวกเขา……

“หัวหน้าเผ่า มีฝ่ายตรงข้ามมีคนมากเกินไป พวกเรามีจำนวนน้อยสู้ศัตรูที่มีมากกว่าไม่ได้ ขอให้หัวหน้าเผ่าและหัวหน้าเผ่าน้อยถอยออกไปจากตำหนักเทียนตูก่อนขอรับ”

เวินเฉิงเทียนจิตมารครอบงำใบหน้าสี่เหลี่ยมของเขาบิดเบี้ยวไปนานแล้ว มืออันหยาบกร้านทั้งสองก็กุมศีรษะอยู่ตลอด

สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คนของกู้ชูหน่วนก็พุ่งสังหารเข้ามาไม่หยุด

เวินเส้าหยีฝืนแบกเวินเฉิงเทียนวิ่งไปทางด้านนอกของตำหนักเทียนตู โดยไม่ได้สนใจว่าร่างกายของเขาจะร้อนมากเพียงใด

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นวิ่งผ่าฝันอันตรายออกมาเป็นเส้นทางเลือดไปพลาง สกัดอยู่ทางด้านหลังสุดไปพลาง เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของพวกเขา

ร้อน……

ร้อนเกินไปแล้ว

เหมือนกับเวินเส้าหยีแบกมันร้อนๆไว้บนหลังเช่นนั้น หลังของเขาถูกนาบจนพองหมดแล้ว บนใบหน้าก็มีเหงื่อไหลริน ทั้งยังถูกโจมตีมาจากทางด้านหลังอยู่บ่อยๆอีกด้วย

แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือ แม้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะทุกคนจะเกลี้ยกล่อมเขา เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ

คนสนิทของเขาล้วนตายไปหมดแล้ว เหลือท่านพ่อเพียงคนเดียว ต่อให้เขาตาย เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ

“หัวหน้าเผ่าน้อย ส่งให้ข้าน้อยเถอะขอรับ อุณหภูมิร่างกายของหัวหน้าเผ่าร้อนเกินไปแล้ว”

“หัวหน้าเผ่าน้อย ตรงนี้มีรถเข็น เร็ว วางหัวหน้าเผ่าไว้บนรถเข็น”

“ไปแดนต้องห้าม”

เวินเส้าหยีกล่าวด้วยความเย็นชา

แดนต้องห้ามของเผ่าเทียนเฟิ่นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเผ่าเทียนเฟิ่น

ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใดก็โจมตีเข้ามาไม่ได้

“แดนต้องห้าม? แต่แดนต้องห้ามมีเพียงหัวหน้าเผ่าเท่านั้นที่เข้าไปได้ พวกเรา……”

“เข้าไปที่แดนต้องห้ามก่อน มีเรื่องอะไรข้ารับผิดชอบเอง เหล่าพี่น้องที่สามารถถอยได้ ก็ให้พวกเขารีบถอยมาที่แดนต้องห้ามพร้อมกัน”

“ขอรับ……”

“หัวหน้าเผ่าน้อย ไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ แดนต้องห้ามเข้าไปตามใจไม่ได้ หากว่า……หากว่า……”

เวินเส้าหยีกล่าวด้วยความโกรธ “เผ่าเทียนเฟิ่นแทบจะไม่มีอยู่แล้ว ยังมีรักษากฎอะไรอีก นอกจากแดนต้องห้าม ท่านคิดว่าในเผ่าเทียนเฟิ่นที่กว้างใหญ่นี้ยังจะมีที่ไหนอีกที่สามารถคุ้มครองเหล่าประชาชนได้ล่ะ?”

บรรดาผู้อาวุโสสะอึก

นอกจากแดนต้องห้ามก็มีเพียงตำหนักเทียนตูแล้ว

แต่ตอนนี้ตำหนักเทียนตูก็แทบจะถูกทำลายจนเกลี้ยงแล้ว ฝืนอยู่ที่นั่นต่อ ค่ายกลสังหารก็ต้านทานได้ไม่นาน

เผ่าเทียนเฟิ่นเกือบจะใช้ซากศพทำเป็นเส้นทางเลือดเส้นหนึ่ง

ตลอดทางที่ผ่านชีวิตก็เป็นเหมือนดั่งฟางเช่นนั้นที่ถูกตัดโค่นลงทีละเส้นๆ

มีคนเสียชีวิตมากมายเกินไป เวินเส้าหยีเจ็บปวดจนชินชาไปแล้ว

หรือจะพูดว่า สภาวะจิตใจของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

ประชาชนทุกคนที่สละชีวิต ล้วนจารึกอยู่ในจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง

และได้คิดบัญชีนี้ไว้บนตัวของคนที่ควรจะชำระบัญชีนี้แล้ว

ไม่รู้ว่าฝ่าฟันมานานแค่ไหน ในที่สุดพวกเขาก็ฝ่าฟันออกมาเป็นเส้นทางเลือดและเข้าสู่แดนต้องห้ามแล้ว

เผ่าเทียนเฟิ่นเป็นเผ่าที่มีรากฐานที่มั่นคงมานับพันปีเผ่าหนึ่ง

ประชาชนในเผ่าก่อนหลังรวมเข้าด้วยกันก็มีหลายแสนคน

แต่ตอนนี้ ที่เข้ามาแดนต้องห้ามกลับมีไม่ถึงสองพันคน

และ…..แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บ ไม่มีสักคนที่อยู่ดี

มีหลายคนที่ถึงขั้นขาดแขนขาด้วน

เวินเส้าหยีวางเวินเฉิงเทียนไว้ในห้องลับห้องหนึ่งในแดนต้องห้าม เขากล่าวด้วยความร้อนใจ “เร็ว ตรวจดูหน่อยว่าหัวหน้าเผ่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“หัวหน้าเผ่าน้อย เส้นโลหิตดำของหัวหน้าเผ่าย่ำแย่ จิตมารครอบงำ เลือดอุดตัน อีกทั้งยังโดนพิษปิงหั่วจุ้ยอีกด้วย เกรงว่า…..เกรงว่า……”

“พิษปิงหั่วจุ้ย?”

“ใช่ขอรับ พิษปิงหั่วจุ้ย เป็นของศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหยก ไร้สีไร้กลิ่น พิษรุนแรง แม้ว่าจะเป็นขั้นสูงสุดระดับเจ็ด เพียงแค่โดนพิษปิงหั่วจุ้ย ก็ต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ขอรับ”

ร่างกายของเวินเส้าหยีโซเซเล็กน้อย

เขาเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น

สำหรับพิษปิงหั่วจุ้ยเขามีความเข้าใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

คนที่โดนพิษปิงหั่วจุ้ย ในร่างกายจะเป็นเหมือนดั่งหินหลอมเหลวที่เดือดพล่าน ร้อนจนทำให้คนทรมานอยากจะตายก็ไม่ได้ อยากมีอยู่ก็ไม่สามารถ”

รอจนถึงระยะสุดท้าย ความร้อนค่อยๆลดลง แทนที่ด้วยความเย็นยะเยือก เย็นจนทำให้คนสั่นเทา อวัยวะภายในเริ่มแข็งตัว จนกระทั่งตาย

“ท่านเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเผ่าเทียนเฟิ่น ท่านจะต้องช่วยเขาได้แน่ใช่หรือไม่?”

เวินเส้าหยีคว้าคอเสื้อของเขาไว้อย่างกะทันหัน เหมือนดั่งคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นหนึ่งไว้เช่นนั้น

“ไร้…..ไร้ประโยชน์ ถือโอกาสตอนที่หัวหน้าเผ่ายังมีสติ หัวหน้าเผ่าน้อยมีอะไรจะพูด ก็รีบพูดกับหัวหน้าเผ่าเถอะขอรับ เมื่อรอจนเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะแล้ว เกรงเพียง…เกรงเพียงแค่ว่าจะคลุ้มคลั่ง ไม่ว่าใครก็จำไม่ได้แล้วขอรับ”

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 852 เป็นเขา
“ท่าน……”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงแทบอยากจะซัดน่าหลันหลิงลั่วให้ตายในฝ่ามือเดียว

ตอนนั้นที่ร่วมมือกัน ทำไมถึงมองไม่ออกว่าเขาเป็นคนสับปลับขนาดนี้

“ข้านับถึงสาม หากพวกเจ้าไม่หยุด พวกเราก็ตายไปพร้อมกันทั้งหมด” เวินเส้าหยีกล่าวขู่

ซือคงลำบากใจทั้งสองด้าน

แล้วในเวลาที่เขาตัดสินใจเลือกยากเช่นนี้ สุดยอดผู้อาวุโสตงหลิงถูกสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนซัดจนตายไปทั้งเป็นแล้ว เลือดและไส้ไหลเต็มพื้น ดูแล้วน่าสยดสยอง

นอกจากตงหลิงแล้ว ที่ตายยังมีสุดยอดผู้อาวุโสอีกคนที่อยู่ข้างซือคงทางนี้

แม้ว่าเขาจะสังหารสุดยอดผู้อาวุโสตายไปสองคนแล้ว ซ่งหยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไหร่ ร่างกายของเขาโปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าชีวิตก็คงใกล้จะถึงจุดจบแล้ว

ดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้าไปที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงอย่างแม่นยำ

“ครืน……”

ฝ่ามือที่แข็งแกร่งเข้าไปฝ่ามือหนึ่ง คนทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้าของซือคงล้วนกลายเป็นหมอกเลือด ซือคงทำได้เพียงเผชิญกับฝ่ามือนั้นอย่างไม่มีทางเลือก

เขาไม่เชื่อว่า เขาที่เป็นขั้นต้นระดับหกผู้หนึ่งจะจัดการซ่งหยวนที่กำลังจะตาย และเป็นคนที่เหลือเพียงแค่ลมหายใจเดียวไม่ได้

ยอดฝีมือทั้งสองต่อสู้กัน กระบวนท่าสุดยอดออกมามากมาย รวดเร็วจนทำให้ผู้คนดูไม่ทัน

ตรงนี้กำลังทำสงครามใหญ่ อีกฝั่งหนึ่งก็ทำสงครามใหญ่เช่นกัน

น่าหลันหลิงลั่วเหลือบมองแวบหนึ่ง เล็งเป้ามาที่เวินเส้าหยีอย่างแม่นยำ เขาเดินไปข้างกายของเวินเส้าหยีทีละก้าวๆ ชักดาบออกมาฉึกเสียงหนึ่งแทงเข้าไปที่หัวใจของเวินเส้าหยีอย่างรุนแรง

แทบจะในเวลาเดียวกัน คนของน่าหลันหลิงลั่วก็ต่างพากันลงมือจับกุมเวินเส้าหยีและลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นไว้

คนของซือคงกล่าวด้วยความร้อนใจ “เจ้าหุบเขาน้อยน่าหลัน ท่านทำอะไรน่ะ อย่าได้ลืมข้อตกลงของท่านกับรองหัวหน้าเผ่าของเราสิ”

“ก็เพราะมีข้อตกลงกับรองหัวหน้าเผ่าอยู่ไงล่ะ ดังนั้นข้าจึงต้องฆ่าเวินเส้าหยี ช่วยหัวหน้าเผ่าออกมา” ผู้

“ถ้าเขาตาย พวกเราทุกคนก็ไม่รอดกันทั้งหมด ทั้งเผ่าเทียนเฟิ่นจะถูกทำลายทั้งหมด”

“ถูกทำลายก็ถูกทำลายไปสิ บนโลกนี้คนที่ไม่ควรถูกทำลาย ก็ไม่ใช่ว่าถูกทำลายไปแล้วหรือ?”

นึกภาพการตายอันน่าสลดใจของพี่ๆน้องๆและคนอื่นๆของตัวเองแล้ว ความเกลียดแค้นของน่าหลันหลิงลั่วก็พรั่งพรูออกมา จึงได้ลงมือด้วยความเร็วแม่นยำและโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น

แม้ว่าคนของเวินเส้าหยีคิดจะช่วยเขาไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว

กู้ชูหน่วนเห็นดังนั้น ฉึบเสียงหนึ่งอาวุธลับที่อยู่ในมือก็ปล่อยออกไปด้วยความรวดเร็ว ยิงให้ดาบในมือของน่าหลันหลิงลั่วเบี่ยงเบนไป

น่าหลันหลิงลั่วเพ่งมองอาวุธลับที่คุ้นเคยจนไม่สามารถจะคุ้นเคยกว่านี้ได้อีกแล้วชิ้นนั้นอย่างใกล้ชิด

กู้ชูหน่วน

เป็นนาง…..

นางอยู่ที่นี่ด้วย?

เขาชำเลืองมองไปทั่วทุกที่ ในตำหนักเทียนตูที่วุ่นวายไปทั่วทั้งผืนนี้ มองไม่เห็นโดยสิ้นเชิงว่านางอยู่ที่ไหนกันแน่

แต่เขามั่นใจ นางก็อยู่ที่เผ่าเทียนเฟิ่นเช่นกัน

จวนแม่ทัพทั้งจวนถูกทำลายล้าง นางเลือกที่จะช่วยเลว่อิ่ง

วันนี้เขามาชำระแค้นกับไอ้แก่ชั่วซือคงที่เผ่าเทียนเฟิ่น ฆ่าเวินเส้าหยี นางก็ต้องการจะช่วยงั้นหรือ?

“ให้คนมา ฆ่า ฆ่าคนของเวินเส้าหยีให้หมดทุกคน แค่คนเดียวก็อย่าให้เหลือ” น่าหลันหลิงลั่วกล่าวด้วยความเดือดดาล

“ขอรับ”

คำสั่งเสียงหนึ่ง คนของน่าหลันหลิงลั่วแทบจะเคลื่อนไหวทั้งหมด ไม่ได้มีการสงวนท่าทีใดๆ สองสามคนรวมตัวกันเป็นกลุ่มล้อมคนของเผ่าเทียนเฟิ่นไว้คนหนึ่ง มือยกดาบขึ้นและลงก็คือหนึ่งชีวิต

“น่าหลันหลิงลั่ว เจ้ามีอะไรก็พุ่งมาที่ข้า อย่าฆ่าผู้บริสุทธิ์” เวินเส้าหยีโกรธถึงขีดสุด

น่าหลันหลิงลั่วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างฉับพลัน หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนน่ากลัว

“ข้าฆ่าคนบริสุทธิ์? หากพวกเจ้าไม่ได้สังหารพวกข้าจนสิ้นซาก ทำลายล้างทั้งตระกูลของข้า เข่นฆ่าพี่ชายพี่สาวของข้า แล้วข้าจะมาแก้แค้นพวกเจ้าหรือ?”

“เจ้าพูดอะไร?” พวกเขาไปเข่นฆ่าพวกเขาทั้งตระกูลเมื่อไหร่กัน?

“อย่าแสร้งทำท่าทางไร้เดียงสาและงงงันเช่นนั้น พวกเจ้าเผ่าเทียนเฟิ่นทำอะไร เจ้าที่เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยก็ควรจะรู้อย่างแจ่มแจ้งไม่ใช่หรือ? แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ เพียงแค่เจ้าเป็นคนเผ่าเทียนเฟิ่น เจ้าก็จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย”

ทั้งร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นเทา

นางเดาถูกแล้ว

น่าหลันหลิงลั่วก็คือเซียวหยู่เซวียน

กู้ชูหน่วนเบ้าตาแดง ร่างกายตื่นตระหนกขึ้นมาอยู่อดไม่ได้

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท