อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย – บทที่ 459 ตอนจบ

บทที่ 459 ตอนจบ

“เฟิงหานชวน คุณ คุณ คุณ…”

เป๋าฮวนตะลึงไป

เธอล็อกประตูแล้วแท้ๆ ทำไมเฟิงหานชวนถึงเปิดประตูได้?

เฟิงหานชวนก้าวขาเรียวยาว เดินไปทางเธออย่างเชื่องช้า

ไม่ช้ากดเธอไว้ตรงราว

ด้านหลังเป็นแอ่งลึก เป๋าฮวนตกใจจนขาอ่อนแรงไป

“คุณอา ได้โปรดไว้ชีวิต~” เธอร้องขอความเมตตาทันที

“คุณอา?”

มุมปากชายหนุ่มเดิมยกขึ้นอย่างหยอกล้อ แต่ตอนนี้ท่าทางกลับมาเย็นชาดังเดิม

“พี่ชาย ด้านนอกลมแรง ให้น้องสาวเข้าห้องดีกว่าไหม?” หัวใจดวงน้อยของเป๋าฮวนสั่นแล้วสั่นอีก ดวงตาคู่สวยกะพริบขึ้น พูดออดอ้อน“พี่ชาย~”

เธอต้องอ่อนหวานถึงจะได้

ถึงอย่างไร พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายละครนะ เธอไม่อยากเดินไม่ไหว

“เรียกพี่ชายก็ไม่ได้ คืนนี้คุณต้องได้รับบทลงโทษ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูเธอ

เป๋าฮวนมองบนด้วยตาทั้งสองข้าง ด้านหน้ามืดไป

เป๋าฮวนอยู่ในกองถ่ายประมาณอาทิตย์กว่าๆ

ในช่วงเวลานี้ เฟิงหานชวนอยู่ในกองเป็นเพื่อนเธอ

เขาอยู่ในรถบ้านทำงาน

เป๋าฮวนโดนเขาคุมเข้มมาก นักแสดงชายหลายคนที่คิดจีบเป๋าฮวนก่อนหน้านี้ ต่างรับรู้ไม่กล้าเข้าหาอีก

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว มีฉากตกน้ำที่สำคัญที่สุดฉากหนึ่ง และเป็นจุดจบของบทบาท“กุยหลาน”นี้

หลังจากตกน้ำ กุยหลานก็ตายไป บทบาทนี้ก็สิ้นสุดลง

ผู้กำกับได้คุยกับเป๋าฮวนก่อนหน้านี้แล้ว ฉากตอนตกน้ำใช้ตัวแสดงแทนได้ เป๋าฮวนแค่ต้องแสดงฉากบนชายฝั่งก็พอ

แต่เป๋าฮวนรู้สึก หากใช้ตัวแสดงแทนมาแสดงฉากตกน้ำจนจบ งั้นผลลัพธ์ต้องไม่ดีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้อากาศไม่หนาว

เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงคนหนึ่ง นี่เป็นฉากพื้นฐาน เป็นสิ่งที่ควรทำ และเธอก็ว่ายน้ำเป็น หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็สามารถช่วยตัวเองได้

เป๋าฮวนตัดสินใจจะแสดงเองไว้แล้ว แต่เฟิงหานชวนไม่ยอม เธอหว่านล้อมอยู่นานถึงทำให้เขายอมตกลง

ถ่ายทำมาทั้งวัน ในที่สุดก็ถึงเวลากลางคืน

เป๋าฮวนคันไม้คันมือยืนอยู่ข้างริมแม่น้ำ นี่เป็นฉากหนึ่งในตอนกลางคืน

กุยหลานถูกคนนัดมาที่สวนอวี้ฮวา ถูกคนจ้องเอาชีวิต ผลักเธอลงในทะเลสาบ ทำให้เธอจมน้ำตาย

“ทุกฝ่ายพร้อม เตรียมตัว——”

ผู้กำกับสั่งออกมา นักแสดงหญิงที่เล่นคู่กับเป๋าฮวนก็เริ่มผลักเธอ

เป๋าฮวนร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง นักแสดงหญิงทำตามบท ปิดปากจมูกเธอไว้ แล้วผลักเธอไปทางทะเลสาบ

ภายใต้การต่อสู้ไปมาหลายครั้ง เสียงดัง “ตุ๋ม”

เป๋าฮวนถูกผลักตกเข้าไปในทะเลสาบ ผิวน้ำกระจาย

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างๆ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ใบหน้าเครียดสุดขีด

แม้ว่าน้ำในทะเลสาบจะเย็นเล็กน้อย เป๋าฮวนรู้สึกว่าทนได้ เดิมที่ดิ้นอย่างผ่อนคลาย แต่เพียงไม่นาน ท้องก็จุกเสียดขึ้นมา

สีหน้าของเธอซีดขาวทันที ขาเล็กทั้งสองถีบอยู่ อยากจะว่ายขึ้นฝั่งมา

แต่ขาเล็กจู่ ๆก็เป็นตะคริว เธอรู้สึกเหมือนกับแข็งไปทั้งตัว ร่างทั้งร่างกำลังดิ่งลงไป

เธออยากร้องให้ช่วย แต่น้ำในทะเลสาบเข้ามาในปากของเธอไม่หยุด

“แย่แล้ว แย่แล้ว กุยหลานเหมือนไม่ปกติ!” สีหน้าของนักแสดงหญิงที่แสดงคู่ตรงชายฝั่งเปลี่ยนไป

ตอนเธอพูดคำนั้นออกไป เสียงดัง“ตุ๋ม” เฟิงหานชวนโดดเข้าไปในทะเลสาบแล้ว

โรงพยาบาล

เป๋าฮวนตื่นขึ้น รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว

เธอกะพริบตาอย่างมึนงง ตอนหันหน้าไป เฟิงหานชวนจ้องเธออยู่พอดี

“คุณตื่นแล้วเหรอ? เจ็บตรงไหนไหม?” เฟิงหานชวนลุกขึ้น กุมมือเธอไว้แน่น

“เจ็บนิดหน่อย” เป๋าฮวนอ้อน

“ฮวนฮวน ผมต้องบอกเรื่องหนึ่งกับคุณ” เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไร?” เป๋าฮวนสงสัย

“คุณตั้งท้องแล้ว เด็กอายุหนึ่งเดือนกว่า” เฟิงหานชวนก้มตัว จุ๊บที่หน้าผากของเธอหนึ่งครั้ง

“อะไรนะ!” เป๋าฮวนช็อกไป

หนึ่งเดือน…

งั้นก็คือโรงแรมตี้ฮวงที่มีอะไรกันคืนนั้น

ไม่น่าประจำเดือนเธอถึงมาช้า

“คุณทำผมตกใจแทบตาย ต่อไปห้ามถ่ายฉากแบบนี้อีก เด็กเกือบไม่ปลอดภัยแล้ว” ใบหน้าเฟิงหานชวนเจ็บปวดใจไม่หาย

เป๋าฮวนยื่นริมฝีปาก เงยหน้าจุ๊บบนริมฝีปากบางของชายหนุ่มเบาๆหนึ่งครั้ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ฉันจะดูแลลูกอย่างดี”

สามเดือนต่อมา

งานมงคลสมรสหนึ่งจัดขึ้นที่เมืองเป่ยเฉิง เอิกเกริกยิ่งใหญ่

ท้องน้อยเจ้าสาวนูนเล็กน้อย แต่ท่าทางยังอ่อนช้อยงดงาม

กำหนดการเดิมจัดงานแต่งที่เกาะ เพราะเป๋าฮวนตั้งท้อง ไม่สามารถเดินทางไกล ดังนั้นเปลี่ยนเป็นจัดงานแต่งขึ้นท้องถิ่น

งานแต่งงานยิ่งใหญ่มาก สง่างามและอบอุ่นมาก

แขกเต็มห้องโถง ถึงขนาดผู้นำทั้งสองของประเทศฮัวและประเทศเฉิน ต่างรีบพากันมาร่วมยินดี

สถานการณ์ทุกอย่างในวันนั้น ขึ้นคำค้นหายอดฮิตไปหมด

ห้าเดือนต่อมา

เป๋าฮวนท้องที่ค่อนข้างใหญ่ ถูกส่งเข้าห้องคลอด

เธอเลือกที่จะผ่าคลอด เพราะมีเด็กสองคน ถ้าหากเลือกคลอดธรรมชาติ มันยากลำบากจริงๆ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความกังวล คนทั้งคนเดินไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

ตระกูลเฟิงและตระกูลเป๋าทั้งสองตระกูล เบียดกันอยู่เต็มทางเดินโรงพยาบาล

เฟิงหย่ามีแฟนหนุ่มแล้ว เป็นไอดอลชายที่ดังคนหนึ่ง ฐานะทางบ้านเหมาะสม ทั้งสองประกาศเป็นแฟนกันแล้ว

เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดิม แต่มีเด็กสาวที่มีฐานะคนหนึ่งตามหลังเขาตลอด เธอกับเป๋าฮวนสนิทกันดี ครั้งนี้ก็เฝ้าอยู่ในทางเดินเหมือนกัน

ทางเดินทั้งเส้น เต็มไปบรรยากาศที่ทั้งกังวลและมีความสุข

เสียงดัง“แกร๊ก”

ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก

พยาบาลเดินออกมา รายงานเสียงดัง “ยินดีกับคุณเฟิง ลูกสาวทั้งสองปลอดภัย แม่ปลอดภัย”

หลังจากเฟิงหานชวนได้ยิน นาทีแรกพุ่งเข้าไปที่ห้องผ่าตัด กอดเป๋าฮวนที่สลบอยู่ร้องไห้น้ำมูลไหล

ฉากนี้ถูกเฟิงเฉินเหยี่ยนถ่ายลงมาอย่างชั่วร้าย ต่อมากลายเป็นหลักฐานที่เป๋าฮวนล้อเลียนสามีตัวเอง

แน่นอน การล้อเลียนแบบนี้ เป็นการล้อเลียนแบบหวานชื่น

เฟิงหานชวนไม่อยากให้เป๋าฮวนทรมานอีก ให้เธอทำหมันตั้งแต่นั้นมา

ครอบครัวสี่คนหวานชื่น พวกเด็กๆเติบโตอย่างมีความสุข

เฟิงหานชวนวางเธอบนผ้านวมที่อ่อนนุ่ม ถามเธอด้วยความกันเอง “ผมได้ยินมาว่าวันนี้คุณถูกรังแก?”

“ถูกรังแก? ถ้างั้นคุณคงได้ยินมาผิดแล้ว คนที่ถูกรังแกไม่ใช่ฉัน” เป๋าฮวนยักไหล่อยากหมดคำพูด

หากใครกล้ารังแกเธอ ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ไหม?

“พวกหล่อนตีกันทำให้คุณบาดเจ็บจะทำยังไง เมื่อไรที่คุณห่างจากผมหนึ่งเมตร ผมก็จะไม่สบายใจ” เฟิงหานชวนพูดตามจริง

ตอนนี้เขาแทบอยากจะให้เป๋าฮวนอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา ไม่ให้เธอหายไปจากระยะสายตาของตัวเอง

“คุณควบคุมได้เยี่ยมมาก ยิ่งไปกว่านั้นฉันมีอามั่วกับอาเหลิ่งอยู่ ใครจะทำร้ายฉัน?” เป๋าฮวนยื่นแขนที่ขาวเรียวกอดผู้ชายตรงหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่เป็นไร”

“และฉันไม่สามารถเอาแต่ตัวติดคุณ แบบนั้นน่าเบื่อแค่ไหน” ”เป๋าฮวนพึมพําเสียงเบา

เฟิงหานชวนได้ยินสีหน้าเข้มขึ้นทันที เสียงก็ต่ำ “อยู่ด้วยกันกับผมมันน่าเบื่อมากเหรอ?”

เป๋าฮวนดูออก เฟิงหานชวนโกรธอยู่ เธอกลั้นยิ้มพูดแกล้ง “ใช่สิ ไม่มีความหมายอะไร อยู่ด้วยกันกับคุณน่าเบื่อมากเลย”

“ฮวนฮวน คุณกวนอยู่ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนโน้มตัว มือใหญ่ลูบไปที่เอวของหญิงสาว

“คุณอย่าจี้ คุณอย่าจี้ จั๊กจี้มาก รีบปล่อยมือนะ…” เป๋าฮวนบิดตัวหนี มือเล็กที่ขาวไปปัดมือใหญ่ของชายหนุ่ม

แรงของเฟิงหานชวนเป๋าฮวนจะต้านทานได้ยังไง และร่างเล็กใช้เวลาตอนที่ชายหนุ่มเผลอ รีบพลิกลงจากเตียงจากอีกฝั่ง

เป๋าฮวนพุ่งไปทางระเบียงด้วยเท้าเปล่า รีบปิดประตูไว้

ตอนเฟิงหานชวนวิ่งตามมา โดนปิดไว้ด้านนอกกระจกพอดี เป๋าฮวนยืนอยู่บนระเบียง ยังแลบลิ้นไปทางเขา ทำหน้าทะเล้นหลายอย่าง

“ฮวนฮวน รีบเปิดประตู” เฟิงหานชวนน้ำเสียงจนใจ

“ไม่!” เป๋าฮวนอ้าริมฝีปากแดง ใช้ภาษาใบ้ปฏิเสธ

เฟิงหานชวนยกมือยอมแพ้ทันที “ผมผิดไปแล้ว! รีบเข้ามา อย่าทนหนาวเลย”

“ไม่หนาว” เป๋าฮวนส่ายหน้า

เฟิงหานชวนลงโทษแบบนั้นกับเธอเมื่อครู่ เธอไม่ควรยอมเขาง่ายๆ!

เป๋าฮวนยกมือลูบคาง มองผู้ชายที่ห่างกันเพียงกระจกหนึ่งบาน เธอใช้ความคิด

เธอจะตอบโต้เฟิงหานชวนยังไงดี?

เมื่อกี้เขารังแกเธอแบบนั้น เธอไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่นอน!

มองทั้งสี่ทิศหนึ่งรอบ เห็นระเบียงอีกด้านเป็นสีดำ คิดว่าห้องสูทข้างๆคงไม่มีแขก

เป๋าฮวนแอบยิ้ม ชุดคลุมพาดที่ไหล่ มือวางบนเก้าอี้ หมุนตัวเริ่มเต้นรำ

ระเบียงไม่ใหญ่ไม่เล็ก เหมือนกับเวทีหนึ่งพอดี

แสงไฟส่องแสงระยิบระยับบนร่างของเป๋าฮวน ราวกับเธอเป็นนางฟ้าเต้นรำในยามราตรี และเหมือนมารน้อยที่บำเพ็ญตบะมาพันปี

ไร้เดียงสาและเซ็กซี่พอๆ กัน

ชายหนุ่มที่อยู่อีกด้านของประตูกระจก ลูกกระเดือกลู่ลงนานแล้ว

“ฮวนฮวน” เขายกมือเคาะประตู

เป๋าฮวนหยุดเต้น เดินสง่าไปด้านหน้าประตูกระจก จงใจยิ้มและบิดเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“เฟิงหานชวน คุณมาจับฉันสิ~คุณมาจับฉันสิ” เป๋าฮวนยิ้มตาหยีระหว่างที่พูด และหมุนตัวไปอีกหลายรอบ

ชุดครบหลุดจากแขน หล่นลงพื้นอย่างช้าๆ บนตัวเธอมีเพียงเดรสสายเดี่ยวตัวสั้นตัวเดียว

เป๋าฮวนพิงที่ราว จงใจมองเฟิงหานชวน แถมยังทำหน้าท้าทาย

วินาทีต่อมาเสียงดัง “แกร๊ก” ประตูถูกเปิดออก

ชายหนุ่มก้าวขาที่เรียวยาว เหยียบเข้าบริเวณระเบียง

เป๋าฮวนเดิมที่มีใบหน้าอวดดี ถูกเติมเต็มไปด้วยความตกใจทันที

งานเลี้ยงของรัฐดำเนินไปอย่างมีระเบียบ

นี่เป็นครั้งแรกที่เป๋าฮวนเข้าร่วมงานเลี้ยงของรัฐแบบนี้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกอึดอัด อย่างไรก็ตาม ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเธอก็ได้เห็นฉากใหญ่มาแล้ว

ผู้นำนั้นเป็นกันเองมาก อันที่จริงนี่เป็นการประชุมแลกเปลี่ยนที่เรียบง่าย ไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น

มีสื่อระดับชาติหลายแห่งในงาน สามารถถ่ายรูปพวกเขาทานอาหาร และถ่ายทอดสดคลิปวิดีโอได้ด้วย

งานเลี้ยงของรัฐที่ควรจะเข้มงวด กลับได้รับความนิยมในเวยป๋อพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งโดยตรง

เป๋าฮวนกลายเป็นคนที่มีการพูดถึงมากที่สุดในบรรดาผู้คนที่มาร่วมงาน!

ไม่ว่าจะเป็นผู้นำหลายคนของประเทศ หรือว่าเฟิงหานชวน เป๋าเฉิน เจ้าหญิงอลิซ่า ล้วนกลายเป็นฉากหลังของเธอ

ในคอมเม้นท์ ทั้งหมดกำลังพูดถึงเธอคนนี้ที่เป็นคุณนายของประธานแห่งRกรุ๊ป ผู้สืบทอดหลักของตระกูลเป๋า!

……

ขณะนี้ที่เมืองเหิงซื่อ ทีมงานกำลังถ่ายทำกันอย่างเข้มข้น

ในที่สุดก็ถึงเวลาพักตอนกลางวัน อันเยว่เมื่อยคอ ฉินฟางฟางและติงเซียงช่วยเธอทุบไหล่ทันที

ที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่เป็นฉากในร่มฉากหนึ่ง มีการเผชิญหน้าระหว่างนางสนมเอกที่เล่นโดยอันเยว่ และนางเอกที่เล่นโดยเฉียวหว่านอัน

ฉินฟางฟางและติงเซียงอยู่ในฐานะสาวใช้ข้างกายทั้งสองของอันเยว่ ยืนอยู่ด้านข้างเพื่อถ่ายทำเช่นกัน ไม่มีบทพูดใดๆ ทำหน้าที่เป็นเหมือนฉากหลัง

“พอแล้วเธอสองคนไม่ต้องทุบแล้ว ไปกินข้าวกับฉันที่รถของพี่เลี้ยงกันเถอะ” อันเยว่พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส

ในเวลานี้ผู้ช่วยรีบเข้ามา ยื่นโทรศัพท์มือถือและแก้วน้ำให้อันเยว่

อันเยว่ดื่มน้ำ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือ เพิ่งเปิดเครื่องดูก็มีเสียง”ตุบ”

โทรศัพท์ลื่นหลุดจากมือโดยตรงและตกลงไปที่พื้น

“เยว่เอ่อร์ โทรศัพท์ของเธอตก” ฉินฟางฟางเป็นคนก้มเก็บขึ้นมา

เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของอันเยว่ ฉินฟางฟางรู้สึกงงงวยและเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังคงสว่างอยู่อย่างสงสัย

เสียง”ตุบ” โทรศัพท์มือถือของอันเยว่ลื่นหลุดจากมือของฉินฟางฟางอีกและตกลงกับพื้นอีกครั้ง

“พวกเธอเป็นอะไร? โดนของกันหมดหรือไง?” ติงเซียงถามด้วยใบหน้าที่งงงวย ก้มลงหยิบโทรศัพท์ของอันเยว่อีกครั้ง

โทรศัพท์ถูกล็อค ติงเซียงไม่รู้รหัสผ่านและไม่สะดวกที่จะเปิดโทรศัพท์ของอันเยว่ ดังนั้นจึงส่งโทรศัพท์ให้อันเยว่และถามว่า: “เยว่เอ่อร์ ฟางฟาง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

อันเยว่หยิบโทรศัพท์ที่ติงเซียงส่งด้วยมือที่สั่น ป้อนรหัสผ่าน เปิดหน้าจอ และโยนโทรศัพท์ไปที่ตัวติงเซียง “ดูเอาเอง”

หลังจากพูดจบ ทั้งสองขาของเธอก็อ่อนแรงและทรุดตัวลงบนเก้าอี้

ติงเซียงรีบรับโทรศัพท์มา ปรับตำแหน่งของโทรศัพท์แล้วก้มหัวลงมอง

เสียง “ตุบ” โทรศัพท์ของอันเยว่ตกลงไปที่พื้นเป็นครั้งที่สาม คราวนี้หน้าจอแตกครึ่งจอ

“โอ้ พระเจ้า!” ติงเซียงยื่นมือปิดปาก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างราวกับว่ากำลังจะหลุดออกมา

เธอร้องอุทานโดยไม่สนใจโทรศัพท์ที่อยู่บนพื้น และไม่สนใจที่จะหยิบมันขึ้นมาอีก

“เป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง……” ติงเซียงพึมพำกับตัวเอง ท่าทางของเธอแทบจะไม่เชื่อ

เฉียวหว่านอันมองทั้งสามคนที่มีใบหน้าซีดเซียวราวกับเห็นผียังไงยังงั้น เดินเข้าไปไม่ได้พูด แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกลงบนพื้น

“พวกเธอโดนของเหรอ? โทรศัพท์ตกพื้นก็ไม่เก็บเหรอ?” เฉียวหว่านอันยัดโทรศัพท์ไว้ในมือของอันเยว่

เฉียวหว่านอันหันกลับมาและวางแผนที่จะจากไป อันเยว่ยื่นมือออกมาและคว้าแขนของเธอด้วยเสียงที่สั่นเทา: “เฉียวหว่านอัน คุณคุ้นเคยกับเป๋าฮวนไม่ใช่หรือ? เป๋าฮวนเป็นจริงๆ……เป็นคุณหนูตระกูลเป๋าหรือ…… ”

อันเยว่ไม่เคยคาดคิดว่ามีตระกูลเป๋าประเทศเฉินอยู่จริง และก็มีBกรุ๊ปอยู่จริง

ตัว “B” ที่เขียนบนหัวเครื่องบินส่วนตัวหมายถึงตระกูลเป๋า

แผนการที่จะมีลูกกำลังดำเนินการอยู่

แต่เสียงเรียกเข้าของวีแชทก็ดังขัดจังหวะพวกเขาเสียก่อน

เฟิงหานชวนขอให้เธอไม่สนใจและเป๋าฮวนเองก็ไม่ต้องการที่จะสนใจมันเช่นกัน แต่สายนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เป๋าฮวนทำได้เพียงแค่ปล่อยเฟิงหานชวน เธอเดินไปที่โต๊ะกาแฟและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดวีแชท

เป็นติงเซียงที่โทรวีแชทเข้ามา

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”เพราะถูกขัดจังหวะ เป๋าฮวนเลยถามออกไปอย่างเย็นชา

ถ้าเธอเดาถูก ติงเซียงน่าจะมาถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวน

ในวินาทีต่อมา เสียงเสแสร้งของติงเซียงก็ดังขึ้น: “ฮวนฮวน เธอปิดบังฉันทำไม สรุปแล้วสามีของเธอคือเฟิงหานชวน ฉันเคยเห็นที่แคมป์ฝึกเมื่อสามปีที่แล้ว! ”

“ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยมันต่อสาธารณะ”เป๋าฮวนหมดความอดทนกับติงเซียงมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว

เธอยังคงพูดอย่างเย็นชาว่า: “ถ้าไม่มีอะไรฉันจะวางสายแล้วนะ ฉันยุ่ง”

เธอกำลังยุ่งอบยู่กับแผนการมีลูกของเธอ!

“เดี๋ยวก่อนฮวนฮวน เธอ…เธอกับเฟิงหานชวนรู้จักกันได้ยังไง? เธอช่วยมีลูกให้เขาใช่ไหม? “เมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนกำลังจะวางสาย ติงเซียงก็โพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว

ฉินฟางฟางและอันเยว่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ พวกเธอกำลังนั่งฟังเธอและเป๋าฮวนโทรคุยกันอยู่

“มีลูก?”เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอจับหน้าท้องแบนราบของเธอและพูดไม่ออก: “ฉันไม่เคยมีลูกมาก่อน ดังนั้นอย่าเผยแพร่ข่าวลือมั่วๆ”

หลังจากอธิบายประโยคนี้ไป เธอก็วางสายทันที

“เอ๊ะ ฮวนฮวน งั้นทำไมเธอทำ…”ก่อนที่ติงเซียงจะถามจบ เธอก็พบว่าเป๋าฮวนได้วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เธอจึงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ

“เธอวางสายไปแล้วเหรอ? เธอพูดว่าอะไร?”อันเยว่ถามทันที

ติงเซียงส่ายหัวและบ่น: “เธอบอกว่าเธอไม่เคยมีลูกมาก่อนและบอกฉันว่าอย่าปล่อยข่าวลือมั่วๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะโกรธ ฉันไม่ควรถามเธอแบบนั้นเพราะมันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจฉันแล้ว!”

ในคำพูดของเธอบอกเป็นนัยๆว่าเธอตั้งใจที่จะตำหนิอันเยว่ เพราะอันเยว่เป็นคนขอให้เธอโทรหาเป๋าฮวน

“แม้ว่าฮวนฮวนจะไม่มีเบื้องหลัง แต่ตอนนี้เธอมีเบิ้องหลังที่แข็งแกร่งแล้ว เธอคือคนของตระกูลเฟิงแล้ว ฉันไม่ควรไปทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ!”ติงเซียงพึมพำกับตัวเอง

สีหน้าของอันเยว่เปลี่ยนเป็นซีดไปในทันที

ติงเซียงเคยเป็นคนที่คอยตามเธอ แต่ตอนนี้เธอกล้าที่จะพูดย้อนใส่เธอแล้ว

“ติงเซียง อย่าลืมนะว่ามีวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากใคร เป๋าฮวนเป็นคนของตระกูลเฟิงแล้วจะทำอะไรได้ จะช่วยเธอได้ไหม?”อันเยว่ดุติงเซียง

ติงเซียงเม้มริมฝีปากและไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระต่ออีก

ตอนนี้ฉินฟางฟางพึ่งพาอันเยว่ จะอย่างไรเธอก็ว่าตามอันเยว่แน่นอน เธอเลยตำหนิติงเซียงว่า: “ใช่ ติงเซียง พวกเรามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือของอันเยว่ แม้ว่าเป๋าฮวนจะนับว่าเป็นคนของตระกูลเฟิง แล้วยังไงล่ะเธอจะทำอะไรได้ เป๋าฮวนจะแลเห็นเธอไหม? เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเธอเลย ถ้าเป๋าฮวนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอจริงๆ เป๋าฮวนจะปิดบังสิ่งนี้จากเธอเมื่อสามปีที่แล้วไหม? ”

สีหน้าของติงเซียงเปลี่ยนไป และเธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้เธอทำได้เพียงอยู่ข้างอันเยว่ไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสที่จะเข้าใกล้เป๋าฮวนมากขึ้นกว่านี้

……

เป๋าฮวนแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อสายของของติงเซียงโทรเข้ามารบกวน

เฟิงหานชวนกอดเธอจากด้านหลังและถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “เกิดอะไรขึ้น? ใครทำให้คุณไม่พอใจ? ”

“เพื่อสมัยก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไปแล้ว คุณน่าจะเคยพบเธอแล้ว เธอชื่อติงเซียง ฉันเจอระหว่างตอนเข้าแคมป์ฝึก”เป๋าฮวนอธิบายต่อว่า: “เธอเพิ่งถามฉันว่าฉันมีลูกให้คุณเพื่อที่ฉันจะได้แต่งงานเข้าตระกูลเฟิง”

“ฮ่าฮ่า”เฟิงหานชวนรู้สึกตลกเพราะเป๋าฮวน

“คุณยังจะหัวเราะอีก!”เป๋าฮวนหลับตาลงและพึมพำ: “ฉันก็อยากมีลูก แต่มันไม่มีไง!”

“ต้องมีอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไป”เฟิงหานชวนปลอบโยนเธอ

เขารู้ว่าเป๋าฮวนไม่ได้โกรธเพราะคนอื่นดูถูกเธอ แต่ที่เธอโกรธก็เพราะเรื่องเด็ก

เซอร์ไพรส์ในวันนี้ไม่สำเร็จ และคนที่อึดอัดใจที่สุดก็คือเป๋าฮวน

เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง เขาวางคางบนระหว่างไหล่และคอขาวๆของเธอ เขาถูเบาๆราวกับเป็นการปลอบประโลม

เธอรู้สึกจั๊กจี้ตรงคอและเธอก็พยายามผลักเขาออกไปโดยพูดว่า: “ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย”

วันนี้เธอกินข้าวเย็นไม่เยอะเพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย เธอคิดว่าเธอท้องและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายโดยเฟิงหานชวน

ตอนนี้ท้องของเธอเลยว่างและเธอไม่รู้ว่ามันคือความหิวหรือท้องไส้ของเธอกำลังมีปัญหา

“อยากกินอะไร? เดี๋ยวผมจะไปทำให้คุณ”เฟิงหานชวนเองก็รู้ว่าเธอกินอาหารเย็นไปน้อยมาก

“ฉันไม่อยากกินอะไร”เป๋าฮวนรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหาร เธอเม้มปากแล้วพูดว่า: “คุณทำนมร้อนๆให้ฉันสักแก้วก็ได้”

“โอเค รอสักแป๊ปนะ”พูดเสร็จเฟิงหานชวนก็ลงไปข้างล่างทันที

เป๋าฮวนไปที่เตียงและนั่งลงกุมท้อง ตอนแรกเธอรู้สึกโอเคแต่การโทรมาของติงเซียงทำให้เธออารมณ์เสีย

หลังจากนั้นไม่นานเฟิงหานชวนก็ถือแก้วขึ้นมา เขานั่งยองๆตรงหน้าเป๋าฮวน ในมือของเขาถือแก้วเอาไว้

ในแก้วนมมีไอร้อนลอยฟุ้ง

“รอสักแป๊ปหนึ่งค่อยดื่มนะ ผมจะเป่าให้คุณ มันร้อนมาก”เฟิงหานชวนกำลังเป่านมอย่างจริงจัง

เมื่อมองดูเขาแบบนี้ เป๋าฮวนก็นึกถึงตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเก่าเมื่อสามปีที่แล้วที่เฟิงหานชวนเคยช่วยอุ่นนมให้เธอ มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของบทสรุป….

ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาจะลงไปล้างแก้ว

“คุณเฟิง คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ”เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“หืม?”เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามว่า: “ผมน่าเบื่อเหรอ? ฮวนฮวนคุณจะเล่นกับผมเหรอ? ”

“คุณจำเมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม?”เป๋าฮวนถามเขา

“เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วผมจำได้ คุณกำลังพูดถึงคืนที่ผมอุ่นนมให้คุณใช่ไหม?”เฟิงหานชวนจะลืมได้อย่างไร เขายังคงจำทุกความทรงจำของเป๋าฮวนได้เสมอ

เป๋าฮวนพยักหน้า แก้มของเธอแดงเล็กน้อย

คืนนั้น ยกเว้นเรื่องที่เกิดขึ้นที่บลูส์คลับของพวกเขา… มันคือครั้งแรก

“ในเมื่อจำได้หมด แล้วทำไมตอนนั้นต้องไปล้างแก้วด้วย! ตอนนั้นฉันคิดว่า…”เป๋าฮวนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหา

ตอนนั้นเธอคิดว่าเฟิงหานชวนรังเกียจเธอ

เฟิงหานชวนหัวเราะคิกคัก เมื่อตอนนี้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันก็ช่างเหมือนกับโลกที่อยู่ห่างออกไป แต่ตอนนี้มันกลับเข้าใกล่เขามาแล้ว

“อันที่จริง ตอนนั้นผมค่อนข้างประหม่า ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีสติ”เขาจับมือเป๋าฮวนและลูบหลังมือของเธอเบาๆ

“ประหม่า?”เป๋าฮวนรู้สึกตลกและหัวเราะคิกคัก

เฟิงหานชวนรู้สึกอายเล็กน้อย เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า: “อุณหภูมิของนมน่าจะโอเคแล้ว คุณลองดื่มดู”

“โอเค”เป๋าฮวนหยิบแก้วขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม วางริมฝีปากไว้ที่ปากแก้วและพบว่าอุณหภูมิกำลังพอดี เธอจึงดื่มมัน

“ค่อยๆดื่ม”เฟิงหานชวนเตือน: “อย่าสำลัก”

เขาที่เพิ่งจะพูดจบก็พบว่าเป๋าฮวนได้ดื่มนมไปหมดทั้งแก้วเรียบร้อยแล้ว เธอเลียที่มุมปากของเธอแล้วพูดว่า: “โอเค”

“อ่ะ”เธอยื่นแก้วให้เขา

ครั้งนี้แทนที่เขาจะลงไปข้างล่างพร้อมกับแก้ว เฟิงหานชวนกลับวางแก้วลงบนโต๊ะกาแฟทันที หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปทางเป๋าฮวน

“หือ? อาหาน คุณเอาแก้วลงไปล้างข้างล่างสิ ไม่งั้นคราบมันจะเกาะแก้ว”เป๋าฮวนสั่ง

เฟิงหานชวนยิ้มและเลียริมฝีปากของเขาจากนั้นก็โอบเป๋าฮวน: “ฮวนฮวน คุณไม่ได้พูดว่าผมไปล้างแก้วแล้วผมน่าเบื่อเหรอ?”

“นั่นมันเมื่อสามปีที่แล้ว ไม่ใช่ตอนนี้ ไปล้างแก้วให้ฉันซะ!”เป๋าฮวนยกมือขึ้นและแตะหน้าผากของเขา

“ไม่ ตอนนี้เราต้องทำเรื่องสำคัญ…สิ่งที่ถูกขัดจังหวะไป”

เฟิงหานชวนไม่ให้โอกาสผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาได้ปฏิเสธเลย เขาปิดริมฝีปากของเธอทันที

อันเยว่ต้องการจะถ่ายอีก แต่ประตูโดยสารปิดลงทันที

หลังจากนั้น เครื่องบินมุ่งไปข้างหน้า บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าเครื่องบินยิ่งอยู่ยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ เครื่องบินก็หายวับไปจากสายตาพวกเธอ

ติงเซียงได้สติกลับมาก่อน อุทานขึ้นว่า: “นั่นเป็นเครื่องบินส่วนตัว! ในประเทศนี้มีไม่กี่คนที่มีเครื่องบินส่วนตัว!”

“เชี่ย เครื่องบินส่วนตัวลำนั้นเป็นของสามีเป๋าฮวน เธอไปหาจากไหนเนี่ย? สามีของเธอเป็นใครกันแน่!” ฉินฟางฟางกล่าวเสริม

อันเยว่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ จูเล่ทายาทเศรษฐีที่กำลังตามจีบเธอ ไม่มีเครื่องบินส่วนตัว แต่ตอนนี้ เธอต้องมองเป๋าฮวนนั่งเครื่องบินส่วนตัว

อันเยว่อารมณ์เสียเล็กน้อย และส่งรูปที่เธอเพิ่งถ่ายไปให้จูเล่

วินาทีต่อมา จูเล่โทรมาจากวีแชท: “เยว่เอ่อร์ คุณถูกแฮกหรือเปล่า? คุณส่งอะไรมาเนี่ย!”

“อาเล่ ฉันไม่ได้ถูกแฮก นี่คือเครื่องบินส่วนตัวของเพื่อนที่รู้จัก คุณช่วยหาได้ไหมว่าชื่อใครเป็นเจ้าของ?” อันเยว่กล่าวทันที

“อ๋อ นี่คือรูปที่คุณถ่ายเหรอ? เมื่อกี้ผมดูแล้วไม่เข้าใจ ขอดูก่อนนะ!” ขณะที่จูเล่พูดก็กดไปดูในวีแชท และเริ่มครุ่นคิด

แม้แต่ตัวเองยังไม่มีครื่องบินส่วนตัว จะรู้เรื่องที่ยุ่งเหยิงพวกนี้ได้อย่างไร อันเยว่เองก็ไม่ได้ถ่ายติดใบหน้าของเป๋าฮวน มีเพียงด้านหลังของเธอเท่านั้น

“อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ เดี๋ยวผมจะลงสตอรี่วีแชท เผื่อคนอื่นอาจจะรู้” จูเล่กดโพสต์ทันที

อันเยว่ก็ไม่คัดค้าน อย่างไรก็ตาม เป๋าฮวนก็คงไม่รู้ว่าในรูปนี้คือเธอ ต่อให้รู้ ก็ไม่เป็นไร แค่เรื่องซุบซิบที่อยากรู้อยากเห็น ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง

หลังจากวางสายจากจูเล่ อันเยว่บอกให้คนขับรถแท็กซี่กลับไปที่โรงแรม

ระหว่างทาง อารมณ์ของทั้งสามคนไม่ค่อยดี โดยเฉพาะฉินฟางฟาง ราวกับปากถูกเย็บไว้ ไม่พูดแม้แต่คำเดียว

เธอรู้ว่าเป๋าฮวนเป็นผู้ดี เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะตอนนี้เธอเห็นกับตาตัวเองว่าเป๋าฮวนขึ้นเครื่องบินส่วนตัว

ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเครื่องบินส่วนตัวได้!

สามีของเป๋าฮวนต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

ระหว่างทางติงเซียงก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน เธออารมณ์เสีย และรู้สึกเสียใจที่เธอทำให้เป๋าฮวนขุ่นเคืองเพราะความอยากรู้อยากเห็นของอันเยว่และฉินฟางฟาง ตอนนี้เธอต้องการเข้าใกล้เป๋าฮวน และกลับมาเป็นเพื่อนกับเป๋าฮวนอีกครั้ง มันคงเป็นเรื่องยากไปแล้ว

มีเพียงอันเยว่ ที่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ถึงภายนอกจะดูมีชีวิตที่ดี แต่จริงๆแล้วเธอทำงานหนักมาก บริษัทมอบงานให้เธอมากมาย ออกรายการหลายที่ ตั้งแต่เดบิวต์จนถึงตอนนี้ 3ปีเต็มๆเธอไม่เคยได้พักเลย บริษัทเอาเปรียบเธอมาก

มีผู้ชายตามจีบเธอหลายคน แต่เธอยังไม่พบผู้ชายที่อุทิศตนเพื่อเธอ ผู้ชายที่สามารถมอบครึ่งชีวิตให้เธอได้ ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาไม่จริงจังกับเธอ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอไม่ได้ดังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผู้ชายเหล่านั้นจะยังสนใจเธองั้นเหรอ? ผู้ชายมักจะให้ความสำคัญกับสถานะของเธอในฐานะคนดังเท่านั้น!

เธอพยายามมานาน แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับเป๋าฮวน นั่งเครื่องบินส่วนตัวได้อย่างสบายๆ เพียงเพราะเธอแต่งงานกับสามีที่มีอำนาจ

แต่ตัวเอง ต่อให้จะมีชื่อเสียงมากแค่ไหน เป็นนักแสดงอันดับหนึ่ง เธอก็ต้องไปสนามบินเพื่อนอวดโฉมหน้าของตัวเอง ยังต้องรับมือกับกลุ่มแฟนคลับที่คลั่งไคล้อีก

อันเยว่รู้สึกอึดอัดมากในขณะนี้ อึดอัดมาก

“เยว่เอ่อร์ การกระทำของเราในวันนี้จะทำให้เป๋าฮวนขุ่นเคืองไหม? หรือไม่คราวหน้าถ้าเธอกลับมาเหิงเตี้ยนอีก เราชวนเธอกินข้าวด้วยกันดีไหม ถือว่าเป็นการขอโทษ!” ติงเซียงเสนอความคิด

ฉินฟางฟางก็เห็นด้วย: “จริงด้วยจริงด้วย เรามองหน้าเธอไม่ติดแล้ว ต้องขอโทษเธอ ไม่งั้นถ้าเธอให้สามีของเธอจัดการเรา เราซวยแน่…”

อันเยว่รำคาญทั้งสองคนและตวาด: “พวกเธอกังวลอะไรนักหนา? บางทีอาจจะเป็นสามีแก่? หรืออาจจะเป็นทายาทเศรษฐีที่ไม่ได้เรื่องล่ะ? ผู้ดีที่ไหนจะแต่งงานกับคนที่ไม่มีฐานะอย่างเธอ?”

คำพูดของเธอทำให้ติงเซียงและฉินฟางฟางตกตะลึง

“ก็เป็นไปได้ เป๋าฮวนอาจจะแต่งงานกับเสี่ยก็ได้ มีแต่เสี่ยพวกนั้นที่ชอบเด็กสาว ไม่สนใจอย่างอื่น” ฉินฟางฟางตระหนักในทันใด

ติงเซียงพูดอย่างกังวล: “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น สถานะของเป๋าฮวนก็ไม่ควรมองข้าม ทำให้เธอขุ่นเคืองเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับเรา…”

“ติงเซียง เธอเสียใจที่มาเป็นเพื่อนกับเราเหรอ? ถ้าเธออยากกลับไปเลียขาของเป๋าฮวน เราก็ไม่ได้ห้ามนะ” อันเยว่พูดอย่างเย็นชา

ติงเซียงเงียบทันที

เครื่องบินค่อยๆลงจอดที่สนามบิน

อาคารในเมืองทางเหนือแออัดและยากที่จะหาพื้นที่เปิดโล่ง ดังนั้นพวกเขาจึงลงจอดที่สนามบิน

หลังจากที่เป๋าฮวนลงจากเครื่องบิน ก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์จอดอยู่ไม่ไกล ขาที่เรียวยาวของผู้ชายก้าวลงจากรถและเดินมาหาเธอ

เป๋าฮวนยิ้มและโบกมือให้เขา วิ่งไปหาผู้ชายตรงหน้าเช่นกัน

เครื่องบินจอดอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา และผู้โดยสารที่นั่งริมหน้าต่างเห็นเหตุการณ์ด้านล่างและหยิบโทรศัพท์ออกมา**

การผสมผสานระหว่างผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวยนั้นช่างตระการตา!

ไม่นานทั้งสองก็ขึ้นรถ เฟิงหานชวนขับรถออกไป

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกแอบถ่าย นั่งอย่างเชื่อฟังในที่นั่งข้างคนขับและงีบหลับ

“คุณหิวไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอ

“ยังไม่ค่อยหิว กินมื้อค่ำอิ่มแล้ว” เป๋าฮวนยกมือขึ้นและเหลือบมองดูนาฬิกา ดึกมากแล้ว

หลังจากทานมื้อค่ำ ก็ประมาน10โมง และหลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมงบินกลับ เวลาก็ผ่านไปไวมาก

“แต่ผมรู้สึกหิวนิดหน่อย ผมได้ยินมาว่ามีร้านอาหารฝรั่งเปิดใหม่ ไปกินเป็นเพื่อนผมได้ไหม? ” เฟิงหานชวนหันศีรษะมองเธอ มุมริมฝีปากของเขาขดขึ้นเล็กน้อย

“ได้สิ!” แม้ว่าเป๋าฮวนจะเหนื่อย แต่ก็ไม่อยากขัดใจเฟิงหานชวน เธอจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

โรลส์-รอยซ์ค่อยๆจอดที่หน้าตึกสูง

เมื่อเป๋าฮวนลงจากรถ มองไปที่ตึกอันงดงามและอุทาน: “นี่คือตึกอวิ๋นจงที่เพิ่งสร้างใหม่ใช่ไหม? เปิดทำการแล้วเหรอ?”

เธอเคยผ่านมาที่นี่แต่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ไม่คิดว่าจะเปิดทำการเร็วขนาดนี้

“ใช่ ร้านอาหารอยู่ชั้นบนสุด” เฟิงหานชวนจูงมือเธอและพาเธอไปที่ลิฟต์

ลิฟต์หยุดที่ชั้น88 ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง

“สวยจังเลย!”

พรมกลีบกุหลาบ ประตูประดับดอกไม้หลากหลายชนิด มองแวบแรกสวยมาก ราวกับอยู่ในทุ่งดอกไม้

เธออดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้า แต่สังเกตเห็นว่ากลีบกุหลาบบนพื้นโรยเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เธอเดินไปข้างหน้าทีละก้าว แล้วอ่านทีละตัวอักษร

“ H u a n H u a n M a r…”

ก่อนที่เป๋าฮวนจะอ่านอักษรทั้งหมด เธอมีลางสังหรณ์อยู่ในใจ เธอเงยหน้าขึ้น ก็มีการพ่นสเปรย์เรืองแสงออกมาบนหน้าต่างสูง

ฮวนฮวน แต่งงานกับผมนะ!

สำหรับฉินฟางฟาง เดิมทีเป๋าฮวนก็ไม่ได้อยู่ในสถานะใดของตระกูลเวิน

ถ้าเวินซือเหยี่ยนหรือตระกูลเวินยอมรับในสถานะของเป๋าฮวน ก็คงจะไม่สามารถปิดบังได้ ถึงอย่างไรสถานะของเวินซือเหยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนไอดอลชายเหล่านั้น มีความรักก็คบกันต่อได้

ดังนั้นท่าทางของฉินฟางฟางจึงค่อนข้างดูหมิ่นเล็กน้อย

“ตระกูลเวิน?” เป๋าฮวนหลุดหัวเราะออกมา

เฉียวหว่านอันนั่งอยู่ข้างกายของเป๋าฮวน เมื่อได้ยินคำพูดของฉินฟางฟาง จึงแสดงปฏิกิริยาเหมือนกับเป๋าฮวน หัวเราะเริงร่า จนถึงขนาดเอนกายพิงไหล่ของเป๋าฮวนเลยทีเดียว

“ฮ่า ๆๆ …….. พวกคุณสามคนตลกเกินไปแล้วนะ! พวกคุณหมายถึงฮวนฮวนและซือเหยี่ยน? ความคิดของพวกคุณสร้างสรรค์เกินไปแล้วนะ?” คำพูดของเฉียวหว่านอันเป็นการช่วยเป๋าฮวนปฏิเสธความจริงอย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้าของเป๋าฮวนกลับมาเย็นชาอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “ฉันกับซือเหยี่ยนเป็นเพื่อนกัน ฉันต้องพูดประโยคนี้อีกกี่ครั้งเนี่ย? ฉินฟางฟาง คุณมีจินตนาการขนาดนี้ จะเป็นนักแสดงทำไม สู้ไปเขียนบทประพันธ์ดีกว่ามั้ง?”

“นี่…….” สีหน้าของฉินฟางฟางแข็งทื่อในทันที

อันเยว่และติงเซียงก็เป็น พวกเธอเดาว่าช่วงบ่าย แต่กลับเดาผิดอย่างไม่น่าเชื่อ!

งั้นเป๋าฮวนเป็นอะไรกันแน่เนี่ย?

ในใจของทั้ง 3 คน ราวกับมีมดไต่ตัว ลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่ถูก อยากจะให้เป๋าฮวนพูดความจริงออกมาแทบขาดใจ

เป๋าฮวนมองไปทางทั้ง 3 คนด้วยสายตาเรียบเฉย เธอรู้แก่ใจดีว่าพวกเธอ 3 คนกำลังคิดอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูด ให้พวกเธอได้ลิ้มลองความขมขื่น

มุมปากยกยิ้ม เธอยกแก้วไวน์ขึ้น และจิบไวน์แดงด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

…….

หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้ว สีหน้าของติงเซียงทั้ง 3 คนไม่ค่อยสู้ดีนัก

ไม่ว่าพวกเธอจะพูดตีวัวกระทบคราดยังไง ตั้งแต่ต้นจนจบเป๋าฮวนก็ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ

การรอให้มื้อค่ำจบลงไม่ใช่เรื่องง่าย ติงเซียงรีบควงแขนของเป๋าฮวนทันที และพูดว่า : “ฮวนฮวน เธอพักอยู่ห้องไหน? ฉันจะไปเที่ยวเล่นห้องของเธอหน่อย”

เป๋าฮวนมองออกว่าเธอยืนข้างอันเยว่และฉินฟางฟาง ไม่ได้สนใจจะมีปฏิสัมพันธ์กับเธออีกแต่อย่างใด

“ขอโทษนะติงเซียง ตอนนี้ไม่มีซีนของฉันชั่วคราว ฉันจะไม่พักโรงแรม อีกสองสามวันถึงจะกลับ” เป๋าฮวนหยิบตารางงานล่วงหน้าขึ้นมา ที่เธอมาครั้งนี้ แค่เพื่อจะเข้าร่วมพิธีเปิดกล้องเท่านั้น

“อ่า! ตอนนี้เธอไม่พักโรงแรมเหรอ? งั้นเธอก็กลับบ้านนะสิ? เธอจะกลับเมืองเป่ยเฉิงใช่ไหม?” ติงเซียงยังคงซักไซ้ถามอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด

“อื้อ” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ

เธอไม่ได้ถือกระเป๋าเดินทาง ในมือถือแค่กระเป๋าใบเล็กที่ตัวเองออกแบบใบหนึ่ง ไม่มีโลโก้ใด ๆ

เวลานี้จู่ ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น เธอล้วงหยิบออกมาดู ก็เห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือจิ่งมั่ว

จิ่งมั่วต้องถามแน่ว่าตัวเองนั้นเสร็จภารกิจแล้วรึยัง เป๋าฮวนมองไปทางติงเซียงที่ควงแขนตัวเอง จากนั้นก็ตัดสายไป

“ติงเซียง เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน” เป๋าฮวนดึงแขนของตัวเองออก จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางของประตูโรงแรม

ติงเซียงไม่มีเหตุผลใดจะตามไป เวลานี้อันเยว่และฉินฟางฟางได้พุ่งตัวออกมาจากมุมกำแพง

ฉินฟางฟางลากแขนของเธอมาถามว่า : “ปล่อยเธอไปได้ยังไง? เธอไปทำอะไร?”

พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเป๋าฮวน ดังนั้นจึงไม่ได้รุดหน้าตามไป เลยสั่งให้ติงเซียงไปถามเป๋าฮวนแทน เพราะต้องซ่อนตัวเว้นระยะ จึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างติงเซียงและเป๋าฮวน

“เธอบอกว่าจะกลับเมืองเป่ยเฉิง สองสามวันนี้ไม่มีซีนถ่าย จึงไม่ได้พักอยู่ในโรงแรมชั่วคราว” ติงเซียงตอบความจริงออกไป

“ว่าไงนะ! แล้วคุณถามถึงสามีของเธอว่าเป็นใครรึเปล่า?” ฉินฟางฟางรีบถามขึ้นทันที

“ไม่นะ เธอไม่ยอมบอกฉัน เลี่ยงหัวข้อนี้ตลอด” ติงเซียงเองก็จนปัญญา เธอรู้ว่าเป๋าฮวนต้องบาดหมางกับเธอแน่ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอและฉินฟางฟางก็เป็นเพื่อนกัน

เมื่อฉินฟางฟางได้ยิน ก็รีบพูดทันทีว่า : “ยังไม่ตามอีก ดูสิว่าใครจะมารับเธอ!”

เมื่อพูดจบ ฉินฟางฟางก็นำไปคนแรก ทั้ง 3 คนรีบตรงไปยังประตูใหญ่ของโรงแรมทันที ซึ่งก็บังเอิญชำเลืองไปเห็นเป๋าฮวนยืนอยู่ริมถนนไม่ไกลพอดี ดูเหมือนจะกำลังรอคนมารับ

พวกเธอเตรียมจะเดินเข้าไป แต่แล้วก็มีรถแท็กซี่คนหนึ่งค่อย ๆ มาจอดตรงหน้าของเป๋าฮวน เธอเปิดประตูด้านหลังและรีบขึ้นไปทันที

“ชิ! ไม่น่าสนุกเลย ไม่มีรถเก๋งรับส่งรึไง? นั่งรถแท็กซี่เนี่ยอ่านะ?” ฉินฟางฟางรีบสบถออกมาทันที “เสียดายที่ฉันคิดว่าเธอจะอภิสิทธิ์มากกว่านี้!”

“ไม่ตามไปดูหน่อยเหรอ?” อันเยว่พูดเตือน : “ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เช้าเราก็ไม่มีซีนถ่ายทำอยู่แล้ว นอนตื่นสายได้”

“เอาสิ งั้นตามไปดูกัน คาดว่าน่าจะไปสนามบินนั่นแหละ” ฉินฟางฟางรีบขวางรถแท็กซี่คันหนึ่งไว้ หลังจากที่ทั้งสามคนขึ้นรถแล้ว ก็รีบให้คนขับขับตามรถแท็กซี่คันหน้าไปทันที

นั้นก็คือแท็กซี่ที่เป๋าฮวนนั่งนั่นแหละ

จิ่งมั่วมองไปทางกระจกหลัง และรีบรายงานทันทีว่า : “คุณหนู มีคนสะกดรอยตามเราครับ”

เป๋าฮวนกำลังส่งข้อความหาเฟิงหานชวน เมื่อได้ยินรายงานของจิ่งมั่วก็รีบเงยหน้าขึ้น และหันไปมองด้านหลังทันที

เมื่อมองทะลุกระจกหน้ารถเข้าไป เป๋าฮวนก็เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนฝั่งข้างคนขับ คือติงเซียง

ส่วนด้านหลัง ก็ยังมีผู้หญิงอีก 2 คน ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นอันเยว่และฉินฟางฟาง

เธอรู้สึกขบขันเล็กน้อย ผู้หญิงทั้ง 3 คนเหมือนผีสาวที่ตามตื๊อไม่เลิก ยังจะสะกดรอยตามเธอออกมาอีก

ทำไมสามคนนี้ถึงไม่เป็นปาปารัสซีนะ น่าเสียดายจริง ๆ !

“คุณหนูครับ จะให้สลัดทิ้งไหม?” จิ่งมั่วถามกลับไป

“ไม่ต้องไปสนใจพวกเธอ” เป๋าฮวนหันกลับมา และตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ด้านหลัง

ฉินฟางฟางขมวดคิ้วแน่น ศีรษะหันไปทางหน้ารถตลอด จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า : “นี่มันอะไรกันเนี่ย ดูเหมือนถนนเส้นนี้จะไม่ใช่สนามบินเลยนะ”

“ฉันรู้จักทางนี้ น่าจะไปสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ในพื้นที่รกร้างนั้นแน่ ๆ ที่นั่นเป็นพื้นที่รกร้างมาก กองถ่ายที่ต้องถ่ายหนังจำเป็นต้องเช่าพื้นที่แห่งนั้น” อันเยว่คุ้นเคยกับพื้นที่สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์มาก

จากนั้นก็รีบพูดกับคนขับแท็กซี่ที่กำลังขับรถอยู่ว่า : “ถูกต้อง พวกเขาน่าจะไปยังสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่รกร้างแห่งนั้น ฉันรู้จักถนนเส้นนี้”

“นี่มันอะไรกันเนี่ย เป๋าฮวนมาทำอะไรในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้?” ฉินฟางฟางเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

ทั้งสามคนตกอยู่ในงุนงง

ถ้าเป๋าฮวนจะกลับเมืองเป่ยเฉิงจริง ก็ต้องไปสนามบินสิ แต่รถแท็กซี่ที่เป๋าฮวนนั่งมากลับไปทางอื่น

ในตอนที่พวกเธอกำลังไม่เข้าใจนั้น คนขับแท็กซี่ก็ตะโกนออกไปเสียงดัง : “พวกคุณดูนั้น นั้นมันเฮลิคอปเตอร์!”

ทั้งสามคนพร้อมกันมองออกไป บนพื้นดินที่รกร้างไม่ไกลนั้น มีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่หนึ่งลำ ดูจากองค์ประกอบแล้ว น่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของใครสักคน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมาจอดในที่แห่งนี้ได้หรอก

“คงไม่ได้มีกองถ่ายมาถ่ายซีนนี้หรอกนะ?” ติงเซียงพูดขึ้นด้วยความงุนงง

ในตอนที่รถแท็กซี่กำลังขับเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ นั้น รถแท็กซี่ของเป๋าฮวนกลับจอดลงข้างเฮลิคอปเตอร์ อันเยว่รีบบอกให้คนขับแท็กซี่จอดทันที

พวกเธอจอดไม่ไกลนัก เห็นเป๋าฮวนเดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ภายใต้การคุ้มกันของผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งสองคน

ท่าทางที่ผู้ชายสองคนนั้นปฏิบัติกับเป๋าฮวนนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับสามีและภรรยา แต่เหมือนกับบอดี้การ์ด

อันเยว่เบิกตากว้างทันใด จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ซูมภาพไกล เป็นภาพเหตุการณ์ที่เป๋าฮวนกำลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์

ทว่า ในตอนที่โทรศัพท์ของเธอถ่ายไปยังตัวลำของเฮลิคอปเตอร์นั้น ตัวอักษรขนาดใหญ่ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว

ซึ่งตัวอักษรที่อยู่บนตัวเฮลิคอปเตอร์นั้นคือ —— “B”

ในตอนบ่ายติงเซียง ฉินฟางฟางและอันเยว่สามคน ทั้งหมดอยู่ในห้องสูทหารือเรื่องของเป๋าฮวน

ในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าข้อหนึ่ง นั่นก็คือเป๋าฮวนยั่วยวนเวินซือเหยี่ยน กลายเป็นภรรยาของเวินซือเหยี่ยน ในช่วงสามปีนี้เป็นตระกูลเวินที่ขอให้เป๋าฮวนเปลี่ยนนามสกุล และเดินทางไปต่างประเทศเพื่อปิดเรื่อง

อย่างไรก็ตาม ตระกูลเวินไม่อาจยอมรับสาวน้อยคนหนึ่งเป็นคุณนายน้อยได้

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเห็นพ้องกันว่าเป๋าฮวน ยังคงเป็นซินเดอเรลล่าที่เปลี่ยนจากนกกระจอกเป็นนกฟีนิกซ์ และเบื้องหลังที่แท้จริงว่าเป็นคุณนายตระกูลเวิน แต่พวกเธอก็อิจฉาเป๋าฮวนเป็นอย่างยิ่ง

เวินซือเหยี่ยนเป็นชายในฝันของผู้หญิงตั้งเท่าไหร่ แต่พวกเขาแต่งงานกันเร็ว และภรรยาของเขากลับกลายเป็นเป๋าฮวน

โดยเฉพาะฉินฟางฟาง โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที

ตกกลางคืน

งานเลี้ยงเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับละครในตอนดึก พบปะกันที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมเพื่อฉลองการเปิดกล้อง

กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับละครทั้งหมดจะเข้าร่วม ตั้งแต่ผู้ผลิตและนักลงทุนไปจนถึงนักแสดงและนักแสดงสมทบรายย่อย ฯลฯ ห้องจัดเลี้ยงนั่งกันเต็มไปหมด

เดิมทีอันเยว่ควรนั่งที่โต๊ะเป็นนักแสดงนำ แต่ฉินฟางฟางและติงเซียงก็ดันเข้ามาด้วยเพื่อครองตำแหน่งของนักแสดงหญิงอีกสองคน

พวกคนที่นั่งอยู่ไม่พอใจมาก แต่ติงเซียงคล้องแขนของเป๋าฮวนและพูดกับพวกเธอ: “ขอโทษด้วยนะ เปลี่ยนตำแหน่งกันหน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับฮวนฮวนเยอะแยะมากมาย!”

นักแสดงทั้งสองรู้ว่าเป๋าฮวนเป็นแขกผู้มีเกียรติของเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เลยต้องไปหาที่นั่งข้างๆ

เดิมทีเป๋าฮวนไม่ได้ตั้งใจจะนั่งที่โต๊ะนักแสดงหลัก อย่างไรก็ตามบทบาทของเธอก็เป็นแค่ควันกระสุนเท่านั้น ไม่เหมาะที่จะนั่งที่นี่ แต่เวินซือเหยี่ยนจัดที่นั่งให้เธอนั่งกับเฉียวหว่านอันเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ติงเซียงและฉินฟางฟางจู่ๆก็แย่งตำแหน่งของคนอื่น ทำให้เป๋าฮวนไม่มีพอใจและพูดเบาๆว่า “ติงเซียงนี่เป็นตำแหน่งที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณมีอะไรจะคุยให้พูดคุยหลังจากงานเลี้ยง เปลี่ยนที่คนอื่นกลับมาเถอะ”

“ฮวนฮวน ไม่เป็นไร พวกเธอนั่งลงเรียบร้อยแล้ว” ติงเซียงเหลือบมองกลับมาที่นักแสดงหญิงสองคนในตอนนี้ คล้องแขนของเป๋าฮวนแน่นยิ่งขึ้น

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถไล่ติงเซียงออกไปได้

ถ้าเธอทำสีหน้าใส่คนมากมายขนาดนี้ก็ไม่เหมาะจริงๆ แต่เธอก็ไม่อยากสนใจ

“ฮวนฮวน สามีของเธอใช่……” ติงเซียงเอนตัวเข้าไปใกล้หูของเธอและถามด้วยเสียงเบา “ผู้ผลิตเวินเป็นสามีของเธอหรือเปล่า?”

“อะไรนะ?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วและปฏิเสธทันที: “ไม่ใช่แน่นอน! เธอพูดอะไรหน่ะ!”

น้ำเสียงของเธอหนักขึ้น

ตอนนี้ติงเซียงเป็นคนของฉินฟางฟาง เดิมทีเป๋าฮวนไม่ได้คิดจะใส่ใจ ตอนนี้ที่เธอสามารถคุยกับ ติงเซียงได้เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเก่า

“ฮวนฮวน เธออย่าปิดบังฉัน เราทุกคนรู้แล้ว~” ติงเซียงท่าทีไม่รู้สึกอายเลย แต่ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเป๋าฮวนไม่มีภูมิหลังอะไร แต่ตอนนี้เป๋าฮวนเป็นภรรยาของเวินซือเหยี่ยน เธอทำให้เป๋าฮวนพอใจมีผลดีกับเธอแน่นอน ้พียงแค่เวินซือเหยี่ยนพูดคำเดียว เธอก็สามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้

“พวกเธอรู้อะไรกัน? ตลอดทั้งบ่ายคุยกันว่าใครคือสามีของฉัน?” เป๋าฮวนเหลือบมองทั้งสามคนและหัวเราะเยาะตรงๆ

การแสดงออกของติงเซียงเริ่มอึดอัดในทันที และอันเยว่ก็เช่นกัน

ตรงกันข้ามกับฉินฟางฟางพูดด้วยความหน้าด้านว่า: “เป๋าฮวน เธออายอะไรที่จะยอมรับมัน? ในเมื่อเธอแต่งงานกับนักแสดงเทพเวินแล้ว ไม่ควรภูมิใจในเหรอ? หรือว่า……”

“เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลเวินห้ามไม่ให้เธอเปิดเผยต่อสาธารณะ?”

ฉวยโอกาสขณะที่เวินซือเหยี่ยนไม่อยู่ ฉินฟางฟางช่างกล้าพูดมาก แม้จะเป็นการยั่วยุเป๋าฮวนเล็กน้อยก็ตาม!

ติงเซียงยืนโง่อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งงานเลี้ยงอาหารจบลงถึงได้สติกลับมา

ระหว่างทางกลับโรงแรม เป๋าฮวนและพรรคพวกเดินไปข้างหน้าพูดคุยและหัวเราะ อันเยว่ ฉินฟางฟาง และติงเซียงเดินอยู่ข้างหลัง ทั้งสามคนมีความกังวลของตัวเองและก็แสดงออกมาทางสีหน้า

โดยเฉพาะอันเยว่ พัฒนาการของเธอราบรื่นเสมอมา ปกติเว้นแต่เพื่อเอาใจคนระดับสูงและคนที่สูงกว่าเธอ เวลาที่เหลือ เธอถูกคนรอบข้างห้อมล้อมและยังมีแฟนคลับตัวยงมากมาย

แต่อันเยว่มีปมด้อย ครอบครัวของเธอในกลุ่มครอบครัวฐานะธรรมดาถือว่าค่อนข้างดี เป็นคนครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ถือว่าเป็นครอบครัวที่ธรรมดามาก

เดิมทีคิดว่าเป๋าฮวนเป็นครอบครัวธรรมดา แต่หลังจากสามปี เธอไม่เคยคาดคิดว่าเป๋าฮวนจะกลายเป็นครอบครัวชนชั้นสูง

ท้ายที่สุด ตำแหน่งของตระกูลเวินก็ถูกวางไว้ที่นั่น และแน่นอนว่าไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาที่จะสร้างมิตรภาพกับตระกูลเวินได้

เป๋าฮวนกลายเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ซึ่งทำให้อันเยว่รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

“ติงเซียง เธอไปถามเป๋าฮวนดูสิว่าเธอเป็นคนในครอบครัวไหน” อันเยว่เอนตัวไปที่ข้างหูของติงเซียง ลดเสียงลงและสั่ง

ตอนนี้อันเยว่มีทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองตามจีบ ทั้งสองอยู่ในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ อันเยว่ไม่ชอบเขาเท่าไหร่ แต่ลังเลที่จะปล่อยมือเลยทำให้เศรษฐีรุ่นที่สองหลงใหลคลั่งไคล้

ถ้าอยากรู้จักครอบครัวของเป๋าฮวน เธอสามารถถามเศรษฐีรุ่นสองเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

เดิมทีเธอได้ถามเศรษฐีรุ่นสองในวีแชตว่ามีบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศที่มีนามสกุลว่าฮวน หรือเป๋าไหม แต่เศรษฐีรุ่นสองบอกว่าไม่มีนามสกุลทั้งสองนี้

ครอบครัวของทายาทรุ่นที่สองนั้นแข็งแกร่งมากและผู้คนที่พวกเขาเกี่ยวสัมพันธ์ด้วยดีมากๆ ดังนั้นอันเยว่จึงเชื่อคำพูดของเขา

ดังนั้น เกี่ยวกับประวัติชีวิตของเป๋าฮวน อันเยว่ยังอยู่ในสถานะครึ่งเชื่อเดียวและไม่สามารถปักใจเชื่อได้

ตอนนี้ติงเซียงกระตือรือร้นที่จะเข้าไปถาม แต่เป็นเพราะลิ้นของอันเยว่และฉินฟางฟาง สำหรับเธอตอนนี้ การเอาใจเป๋าฮวนเป็นการดีกว่าเอาใจอันเยว่

ท้ายที่สุด คนที่เป๋าฮวนรู้จักคือผู้ผลิตใหญ่อย่างเวินซือเหยี่ยน

เวินซือเหยี่ยนพูดไคำเดียว เธอสามารถเปลี่ยนจากสาวใช้เป็นตัวเอก!

ติงเซียงรู้สึกมีความสุขมาก แกล้งทำเป็นทำตามอันเยว่ และรีบย้ายไปข้างเป๋าฮวนคล้องแขนของเธอไว้

เดิมทีเป๋าฮวนยังคงคุยกับเฉียวหว่านอันอยู่ดีๆ จู่ๆแต่การกระทำแบบนี้ของติงเซียง ทำให้เธอประหลาดใจ

“มีเรื่องอะไรเหรอ? ติงเซียง” เป๋าฮวนถามด้วยความสงสัย

สำหรับอันเยว่และฉินฟางฟาง เป๋าฮวนไม่ต้องการเกี่ยวข้องพวกเธอเลย ส่วนติงเซียงตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเธอแล้ว และเป๋าฮวนก็ไม่อยากใส่ใจพวกเธอเช่นกัน

แต่เนื่องจากมิตรภาพระหว่างเข้าค่ายฝึกเมื่อสามปีที่แล้ว เธอไม่ต้องการให้ถูกแช่แข็ง ดังนั้นเธอจึงรักษามิตรภาพแบบผิวเผิน

“ฮวนฮวน เธอไม่เคยพูดมาก่อนว่าเธอก็เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ครอบครัวของเธอทำอะไรเหรอ?” ติงเซียงขี้เกียจอ้อมค้อมเลยถามตรงๆ

เฉียวหว่านอันยิ้มในเวลานี้ เธออยู่ในแวดวงนี้มาหลายปีแล้ว และเติบโตขึ้นมาในแวดวงนี้ เธอดูผู้หญิงอย่างติงเซียงที่ซ่อนมีดไว้ในรอยยิ้มของเธอออก

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบ เฉียวหว่านอันพูดขึ้นว่า: “ฮวนฮวนคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเป๋า”

เฉียวหว่านอันรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเป๋าฮวนแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งพบกันในวันนี้ แต่ทั้งสองก็เหมือนรู้จักกันมานาน ใกล้ชิดสนิทกันอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเป็นสาวที่แต่งงานแล้ว มีประสบการณ์คล้ายกันและมีหัวข้อที่คุยกันไม่รู้จบ

“เป๋าฮวน!?” ติงเซียงประหลาดใจ

เธอรู้ข่าวจากอันเยว่แล้ว ไม่มีชื่อตระกูลเป๋าที่ทรงอิทธิพลในประเทศ แต่เฉินฮวนฮวนตอนนี้ชื่อเป๋าฮวน ตระกูลเป๋าจริง แต่……

เนื่องจากไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอะไร แล้วจะเป็นเพื่อนกับครอบครัวเวินได้อย่างไร?

หรือว่าเมื่อก่อนครอบครัวเป็นเพื่อนกัน แต่ตระกูลเป๋าถดถอยจนๆไม่มีคนแบบนั้น แต่ตระกูลเวินไม่ถือสาและยังสานสัมพันธ์ต่อหรือ?

แต่ถ้าครอบครัวของเป๋าฮวนไม่ดีพอ แล้วทำไม เป๋าฮวนถึงอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกับเวินซือเหยี่ยน?

เป็นเพราะสามีของเป๋าฮวนเก่งมาก หรือตระกูลเป๋ายังมีที่อยู่อาศัยระดับสูงเหลือหรือ?

ใจของติงเซียงสับสนไม่หาย

ในเวลานี้เฉียวหว่านอันเหมือนจะดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไร เลยพูดเสริมว่า: “ครอบครัวของฮวนฮวนย้ายไปอยู่ที่ประเทศเฉิน คนในประเทศของเราไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้วันนี้ ปรากฎว่าฮวนฮวนเป็นลูกหลานราชวงศ์ขุนนาง”

“ทายาทของขุนนางแห่งราชวงศ์?” ติงเซียงประหลาดใจมากขึ้นอีก

“ใช่ ครอบครัวฮวนฮวนย้ายไปที่ประเทศเฉินแล้ว ” เฉียวหว่านอันเม้มปากและดึงเป๋าฮวนไปที่ข้างๆเธอ

ติงเซียงยืนโง่อยู่อย่างนั้น ฝืนยิ้มเจื่อนๆแต่ในใจว่างเปล่า

ลืมต้าชิงไปนานแล้ว แม้ว่าจะเป็นตระกูลสูงศักดิ์ราชวงศ์ชิงแล้วยังไง บอกว่าย้ายไปที่ประเทศเฉิน ไม่ใช่เพื่อปกปิดความเสื่อมโทรมของตระกูลหรือ?

ในเวลานี้ ทุกคนมาถึงโรงแรมและแยกย้ายกันไป

ติงเซียงกับฉินฟางฟางไปที่ห้องสูทของอันเยว่พร้อมกัน ติงเซียงและฉินฟางฟางเป็นห้องคู่ทั่วไป อย่างไรก็ตามอันเยว่เป็นนักแสดงหลักและอันเยว่มีทุนให้เบื้องหลัง จึงเตรียมห้องสวีทสุดหรูไว้ให้

ติงเซียงเป็นคนสุดท้ายที่เข้าห้อง และปิดประตูอย่างรวดเร็ว ท่าทางลับๆล่อๆพูดว่า: “ฉันสืบรู้แล้ว เฉียวหว่านอันบอกว่าเป๋าฮวนเป็นคนตระกูลเป๋าประเทศเฉิน”

“ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน?” อันเยว่สับสนและพึมพำว่า “ประเทศเฉินอยู่ไกลจากเรามาก”

“ใช่ ประเทศเฉินอยู่ไกลมาก!” ฉินฟางฟางหัวเราะเยาะและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเป๋าฮวนคุยโวนะ!”

“ฉันรู้สึกไม่เหมือนว่าคุยโว” อันเยว่สงบลงและวิเคราะห์: “อย่างไรก็ตามเวินซือเหยี่ยนบอกว่าตระกูลพวกเขาเป็นเพื่อนกัน และเขาดูแลเป๋าฮวนอย่างดี สถานะของเขาอยู่นั่น ไม่จำเป็นต้องดูแลผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง”

“พูดถูก ฉันดูแล้วเวินซือเหยี่ยนชอบเป๋าฮวนมากด้วย ไม่แน่อาจจะตามจีบเป๋าฮวนอยู่ ก็เลยสวมหมวกสูงให้เป๋าฮวน!” ฉินฟางฟางเบ้ปาก

“เป๋าฮวนแต่งงานแล้ว เวินซือเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องตามจีบเธอ” อันเยว่มีเหตุผลกว่า

ิติงเซียงอุทานออกมาในเวลานี้ ดึงดูดความสนใจของทั้งสอง

“ติงเซียง เธอคิดอะไรออกเหรอ?” ฉินฟางฟางถามอย่างรวดเร็ว

“เราคุยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัวตนของสามีเป๋าฮวน! พวกเธอคิดว่า……เวินซือเหยี่ยนเป็นสามีของเป๋าฮวนหรือเปล่า?” ติงเซียงเดาอย่างสงสัย: “ฉันรู้ว่าเป๋าฮวนแต่งงานมานานแล้ว ตอนนั้นฉันเคยถามเกี่ยวกับสามีของเธอ แต่เธอยังคงพูดตะกุกตะกักไม่ยอมตอบ และเธอไม่กล้าที่จะเปิดเผย หรือว่า……”

ฉินฟางฟางด่าว่า: “เป็นไปได้! เหี้ย เป๋าฮวนเก่งมาก! ระหว่างเข้าค่ายฝึกยั่วยวนอาจารย์กู้ ไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนจะเป็นคนที่แต่งงานกับเธอ มีฝีมือเก่งกาจมาก!”

อันเยว่ขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขของทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่ตามจีบ แล้วถามเบาๆว่า “อาเล่ คุณรู้จักตระกูลเป๋าประเทศเฉินไหม? ประเทศเฉินมีตระกูลนี้ไหม”

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที อันเยว่ก็ขดริมฝีปาก หาข้ออ้างวางสายและหันกลับมาพูดว่า “ฉันถามแล้ว ตระกูลในประเทศเฉินล้วนเป็นตระกูลขุนนางในท้องถิ่น และไม่มีครอบครัวผู้อพยพต่างชาติ เป็นพวกท้องถิ่นจริงๆ ในประเทศเฉินมีราชวงศ์ที่ให้ความสำคัญกับเชื้อชาติมาก ”

“บัดซบ เฉินฮวนฮวนเป็นคนโกหกหลอกลวง คุยโวโอ้อวดเสียจริง!” ฉินฟางฟางดุด่าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง: “คิดว่าเปลี่ยนนามสกุลแล้วจะสามารถล้างกลิ่นเหม็นคาวออกไปได้หรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”

ฉินฟางฟางไม่ได้คิดไว้ว่าเป๋าฮวนยังมีชีวิตอยู่ และก็ยังติดต่อกับเวินซือเหยี่ยน ในขณะนี้เรียกว่าความหึงหวง

เป๋าฮวนเบ้ปากและยื่นมือไปทางฉินฟางฟางโดยตรงและยิ้มอย่างแผ่วเบาว่า: “คุณฉินไม่เจอกันนานเลย”

สำหรับเป๋าฮวนในตอนนี้ เธอไม่มีความรู้สึกอะไรกับคนเหล่านี้มานานแล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะเกลียดฉินฟางฟาง แต่ตอนนี้ฉินฟางฟางไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันกับเธออีกต่อไป

แม้ว่าเธอยังคงรู้สึกถึงความเป็นศัตรูของฉินฟางฟางที่มีต่อเธอ

“ไม่เจอกันนานเลย เฉินฮวนฮวน” ฉินฟางฟางจงใจเรียกชื่อเดิมของเป๋าฮวนและจับมือทักทายกับเธอ

เป๋าฮวนหัวเราะเบาๆ และพูดแก้ต่างว่า: “ฉันชื่อเป๋าฮวน”

“ขอโทษค่ะคุณเป๋า ฉันคุ้นเคยกับชื่อเดิมของคุณ” น้ำเสียงของฉินฟางฟางค่อนข้างแปลก แล้วถามด้วยความสงสัย: “คุณเป๋า สามปีนี้คุณเรียนอยู่ที่ต่างประเทศหรือ? เพิ่งกลับจีนเหรอ?แล้ววางแผนว่าจะเป็นนักแสดงไหม?”

“ไม่คิด” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยตรง

แม้ว่าเธออยากจะเป็นนักแสดง แต่ไม่ได้วางแผนที่จะเป็นตอนนี้ หลังจากถ่ายทำละครเรื่องนี้แล้ว เธอตั้งใจจะตั้งครรภ์อย่างโล่งใจ

“ไม่คิดวางแผน!?” แบบฉินฟางฟางเรียกว่าไม่เชื่อ

ในเวลานี้เวินซือเหยี่ยนเริ่มพูดขึ้นว่า: “ฮวนฮวนเพียงช่วยเหลือ ณ ที่นี้ ถือว่าลองแสดง เธอไม่ได้วางแผนที่จะเข้าสู่วงการอย่างจริงจัง”

แม้ว่าเวินซือเหยี่ยนจะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เขาก็เป็นคนฉลาดมากเช่นกัน เขาค้นพบมานานแล้วว่าต้องมีการเสียดสีระหว่างผู้หญิงเหล่านี้

นอกจากนี้ ฉินฟางฟางรู้สึกอิจฉารูปร่างหน้าตาของเป๋าฮวน

เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกนักแสดง โดยเฉพาะบทบาทร่วมสมทบ เขาไม่รู้แม้กระทั่งพื้นภูมิของนักแสดงทั้งหมด

ถ้ารู้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่ยอมให้เป๋าฮวนพบเจอกับคนที่เธอเกลียดชัง

“แล้วคุณเป๋าฮวนวางแผนจะทำงานอะไรหรือ? เรียนต่อต่างประเทศน่าจะสำเร็จแล้วใช่ไหม?” ฉินฟางฟางระงับความทุกข์ในใจและถามด้วยรอยยิ้มหน้าไหว้หลังหลอก

ตัวเธอเอง รวมทั้งอันเยว่และติงเซียงต้องการทราบสถานการณ์ปัจจุบันของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนรู้ว่าฉินฟางฟางกำลังสอบถามเกี่ยวกับตัวเอง แต่เธอไม่ต้องการตอบเธอ เพียงพูดเป็นพิธีว่า: “ดูสถานการณ์ ไม่ได้คิดไว้”

“ออ ออ” ฉินฟางฟางมองไปที่เธอเหมือนกำลังชั่งน้ำหนัก

เฉียวหว่านอันและเวินซือเหยียนมองหน้ากัน แล้วลุกขึ้นคุมสถานการณ์: “เอาล่ะพวกเธออย่าเพิ่งคุยกัน พวกเรารอจนหิวแล้ว ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ”

……

กลุ่มคนมาถึงที่ร้านอาหารใกล้เคียงอย่างโครมคราม

เดิมทีมีเพียงหกเจ็ดคนที่มาด้วยกัน เวินซือเหยี่ยนมีแผนที่จะเชิญทุกคนมาทานหม้อไฟ แต่ด้วย คำพูดของพวกฉินฟางฟาง ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากขึ้น เวินซือเหยี่ยนจองร้านอาหารจีนและทุกคนก็นั่งอยู่เต็มโต๊ะกลมใหญ่

พนักงานเสิร์ฟกำลังเตรียมที่จะเสิร์ฟอาหาร ทุกคนต่างพูดคุยกันในขณะรออาหาร เวินซือเหยี่ยนไปเข้าห้องน้ำ ติงเซียงได้ริเริ่มพูดคุยกับเป๋าฮวนตามคำแนะนำลับๆของอันเยว่และฉินฟางฟาง

เป๋าฮวนนั่งข้างเวินซือเหยียน ติงเซียงนั่งข้างเป๋าฮวน อันเยว่และฉินฟางฟางนั่งข้างติงเซียง

ติงเซียงยิ้มอย่างกระตือรือร้นและถามด้วยเสียงทุ้มว่า: “ฮวนฮวนเธอรู้จักนักแสดงขั้นเทพเวินได้อย่างไร?”

“จากชุมชนหนึ่ง รู้จักระหว่างเดินเล่น” เป๋าฮวนตอบอย่างเรียบง่าย

ตอนนั้นเธอรู้จักเวินซือเหยี่ยน เธอก็หลงทางอยู่ในบริเวณคฤหาสถ์จริงๆ เวินซือเหยี่ยนพาเธอไปที่หน้าประตูถึงได้รู้จักกัน

“ชุมชนไหน? ฮวนฮวนคุณเพิ่งกลับมาที่ประเทศใช่ไหม? ดูเหมือนว่าผู้ผลิตเวินจะไม่ไปต่างประเทศสินะ” อันเยว่ขัดจังหวะติงเซียง และถามแทรก

“ชุมชนในประเทศ ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยชื่อชุมชน” เป๋าฮวนคิดว่านี่คือความเป็นส่วนตัว และเธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านี้ของพวกเธอ

ฉินฟางฟางหัวเราะขึ้นแล้วเม้มปากพูดว่า: “ใครบางคนพูดโกหกมั้ง เธอสามารถอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันกับนักแสดงขั้นเทพเวินหรือ?”

พวกเธอไม่สนใจนักแสดงที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนในที่นั้น และการค้นหาความจริงคือเป้าหมายเร่งด่วนที่สุดของพวกเธอในตอนนี้

ในมุมมองของฉินฟางฟาง เป๋าฮวนเป็นผู้หญิงที่อยู่ในครอบครัวที่ยากจนธรรมดา ตอนแรกที่เขาสามารถเข้าร่วมค่ายฝึกได้ก็เพราะเขาเข้ามาแทนที่เกาเหวิน

ที่อยู่อาศัยของเวินซือเหยี่ยน ไม่ใช่ชุมชนธรรมดาอย่างแน่นอน เป๋าฮวนเป็นเพื่อนบ้านกับ เวินซือเหยี่ยนได้อย่างไร?

ในเวลานี้ สีหน้าของติงเซียงเปลี่ยนไป

เธอคิดถึงเรื่องหนึ่ง คือเรื่องที่เป๋าฮวนเคยแต่งงานมาก่อน และบางทีตอนนี้เธออาจอยู่ในฐานะแม่หม้าย ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเข้าไปในกลุ่ม

“ฮวนฮวน เป็นบ้านของสามีคุณกับนักแสดงเทพเวินอยู่ในชุมชนเดียวกันหรือเปล่า?” ติงเซียงถามโดยไม่ลังเล

คำพูดนี้ของติงเซียงเหมือนทิ้งระเบิดลงในน้ำอุ่น ซึ่งทำให้ทุกคนในที่นั้นประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม เป๋าฮวนดูเด็กมาก ดูท่าก็แค่ยี่สิบต้นๆ แต่กลับแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ?

นี่ถือว่าแต่งงานเร็ว!

แล้วคำพูดต่อไปของเป๋าฮวนได้ทิ้งระเบิดอีกลูกหนึ่งไว้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทำให้เกิดคลื่นมหึมา

“ฉันแต่งงานเมื่อสามปีที่แล้ว” เป๋าฮวนพูดเบาๆ

เฉียวฟวั่นอันพูดด้วยความประหลาดใจว่า: “ฮวนฮวน ฉันรู้แค่ว่าเธอแต่งงานแล้ว ม่รู้ว่าคุณแต่งงานเมื่อสามปีที่แล้ว นี่คุณอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ก็แต่งแล้วเหรอ?”

“ถูกต้อง” เป๋าฮวนเบ้ปาก

อันเยว่และฉินฟางฟางรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพวกเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้

พูดให้ถูกก็คือ พวกเธอรู้ เพราะติงเซียงเคยพูดถึงมาก่อน แต่พวกเขาไม่ได้จริงจังกับมันเลย เพราะสุดท้ายเป๋าฮวนก็ “ตาย” ไปแล้วในใจของพวกเธอ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป๋าฮวนปรากฏตัวตัวเป็นๆต่อหน้าพวกเธอ และพูดเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานโดยไม่อาย แม้กระทั่งเป็นเพื่อนกับนักแสดงใหญ่ระดับเวินเหยี่ยน ทำให้อันเยว่และฉินฟางฟางเกิดความสงสัยอย่างรุนแรงต่อตัวตนของสามีเป๋าฮวน

“ฮวนฮวน สามีของคุณเป็นคนในกลุ่มหรือเปล่า? เป็นเพื่อนของผู้อำนวยการสร้างเวิน?” อันเยว่ถามออกมาอย่างเร็ว

ในเวลานี้ เวินซือเหยี่ยนกลับมาจากห้องน้ำ ได้ยินคำถามของอันเยว่เข้าพอดี เขามองไปที่ เป๋าฮวนด้วยความประหลาดใจ: “ฮวนฮวน คุณพูดถึงเรื่องแต่งงานหรือ?”

“พวกเธอเพิ่งถามถึงพอดี” เป๋าฮวนตอบอย่างสงบ

เวินซือเหยี่ยนพยักหน้า และเข้าใจความหมายของเธอ ขณะที่เขานั่งลงก็เขาพูดอ่อนโยนว่า: “ฉันกับฮวนฮวนเป็นเพื่อนกัน และสามีของเธอ……ถือเป็นคนรู้จักเท่านั้น”

เมื่อนึกถึงความเป็นปรปักษ์ของเฟิงหานชวนที่มีต่อตัวเอง เวินซือเหยี่ยนรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเรียกว่า “คู่แข่งในความรัก” จะเหมาะสมกว่า

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้วางความคิดของเขาเกี่ยวกับเป๋าฮวน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับเฟิงหานชวน “เพียงแค่รู้จัก” คำตอบนี้เหมาะสมกว่า

“ครอบครัวฮวนฮวนและตระกูลเวินของเราเป็นมิตรกัน ตอนที่เธอถ่ายทำครั้งแรก ฉันก็ไม่ได้อยู่ในทีมและไม่ได้ดูแลเธอ ปกติทุกคนจะช่วยดูแลเธอ” เวินซือเหยี่ยนลุกขึ้นอีกครั้ง และเป็นคนเริ่มดื่มอวยพรให้ทุกคน

คำพูดนี้ทำให้พวกติงเซียงทั้งสามคนกลายเป็นหินอย่างสมบูรณ์

อันเยว่และฉินฟางฟางตกตะลึง ส่วนติงเซียงสงสัย

“มิตรภาพของตระกูล?” ติงเซียงรีบขยับศีรษะไปทางเป๋าฮวนและถามด้วยเสียงต่ำว่า “ฮวนฮวนคุณบอกว่าได้พบกับนักแสดงเทพระหว่างเดินเล่นหรือ?”

เป๋าฮวนไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนจะพูดเช่นนั้น และตอบอย่างเฉยเมยว่า: “เราสองตระกูลเป็นมิตรกัน ฉันกับเขาพบกันระหว่างเดินเล่นจริงๆ ไม่ได้ขัดกัน”

ติงเซียงได้ยินคำยืนยันของเป๋าฮวน ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง นี่เป็นสถานการณ์ยังไง?

เป๋าฮวนที่แท้เป็นคุณหนูของตระกูลขุนนาง?

ถึงว่าตอนนั้นหลินอวี่หยางถึงชอบเป๋าฮวนมากขนาดนั้น ที่จริงเล่นด้วยกันในกลุ่ม?

ถึงว่าหลินอวี่หยางไม่พาคนธรรมดาอย่างเธอมาเล่นด้วย

ที่แท้……ทั้งหมดมีเหตุผล!

ติงเซียงทั้งคนยืนโง่อยู่ตรงนั้น

เป๋าฮวนมองผู้หญิงที่ดึงเธอไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

ผู้หญิงตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นใบหน้าที่ถูกศัลยกรรม ดวงตา จมูก ปาก แม้แต่ใบหน้าและคางต่างๆ มองแล้วต่างผ่านการศัลยกรรมทั้งนั้น เต็มไปด้วยร่องรอย

เพียงแต่มองอย่างละเอียด เธอกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นๆ เหมือนกับ…

เธอกำลังจะเอ่ยปาก ผู้หญิงมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย พูดต่อว่า “ฮวนฮวน เธอคงไม่ได้ลืมฉันหรอกนะ? ฉันติงเซียงเอง!”

“ฉันจำเธอได้ เซียงเซียง”เป๋าฮวนนึกออกแล้ว

สามปีก่อนเพราะค่ายคัดเลือก เธอกับติงเซียงอยู่ร่วมกันหนึ่งเดือน ภายหลังเพราะเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เลยถอนตัว และไม่ได้ติดต่อติงเซียงเลย

เธอก็คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะเจอติงเซียงอีกครั้งในกองถ่าย เพียงแต่…

“จริงเหรอ? ฮวนฮวนเธอยังจำฉันได้! จริงสิ สามปีมานี้เธอไปไหนมา? ทำไมเธอเปลี่ยนชื่อไป?” ติงเซียงถามขึ้นด้วยความอยากรู้

ตอนที่เป๋าฮวนมากถึง ติงเซียงกับฉินฟางฟางพวกเธอก็สังเกตเห็นเป๋าฮวนเหมือนกัน พวกเธอต่างช็อก เพราะผู้หญิงคนนี้หน้าตารูปร่างเหมือนเฉินฮวนฮวนทุกระเบียบนิ้ว

ตอนเวินซือเหยี่ยนเรียกเป๋าฮวนว่า“คุณเป๋า” พวกเธอต่างนึกว่าจำคนผิดแล้ว เพียงแค่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงที่หน้าต่างเหมือนกันเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น สามปีก่อนเฉินฮวนฮวนได้ตายไปแล้ว

ข่าวการตายนั้น เธอได้ยินมาจากทางหลินอวี่หยาง หลินอวี่หยางไม่ได้พูดถึงสาเหตุ เพียงแต่บอกว่าเฉินฮวนฮวน “ตายแล้ว”

บวกกับตอนนั้นเฉินฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง ติงเซียงเลยคิดว่าเฉินฮวนฮวนจากโลกนี้ไปเพราะอาการหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

ตอนนั้นเธอเกลียดเฉินฮวนฮวนมาก เฉินฮวนฮวนตายสำหรับเธอแล้ว กลับมีความสุขไม่ใช่ความทุกข์ ไม่มีใครขวางเธอที่ประจบประแจงหลินอวี่หยาง

แต่ทว่า เฉินฮวนฮวนไม่อยู่ เธอกลับประจบประแจงหลินอวี่หยางไม่ได้ หลินอวี่หยางไม่คิดจะคบกับเธอ เธอไม่มีทางเลือก เธอทำได้แค่เข้าหาอันเยว่กับฉินฟางฟาง

ครั้งนี้ที่สามารถเข้ามาแสดงเป็นตัวประกอบกองถ่ายนี้ ทั้งหมดเป็นความช่วยเหลือของอันเยว่ ตอนนี้อันเยว่ขึ้นเป็นดาวดวงใหม่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างช้าๆ แสดงเป็นสนมที่สำคัญในกองละคร ถือว่าเป็นระดับผู้หญิงเบอร์ 2 เบอร์ 3 บทใกล้เคียงกับเฉียวหว่านอันและนักแสดงรุ่นใหญ่อีกท่านหนึ่ง

เธอและฉินฟางฟางต่างเล่นเป็นคนใช้ติดตัวของอันเยว่ที่เป็นสนม แม้ว่าจะเป็นตัวประกอบ แต่มีฉากให้เห็นหน้าตามากมาย

อันเยว่และฉินฟางฟางให้เธอเข้ามาสอบถามดู ยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเฉินฮวนฮวนหรือเปล่ากันแน่ ถ้าหากไม่ใช่ก็สามารถตีสนิท ในเมื่อเวินซือเหยี่ยนมาดูแลผู้หญิงคนนี้ด้วยตัวเอง

แต่ติงเซียงคิดไม่ถึง เป๋าฮวนจะเป็นเฉินฮวนฮวนจริงๆ เรื่องนี้ทำให้ติงเซียงงงมาก

ในเมื่อเฉินฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่ ทำไมในสามปีนี้ถึงราวกับไม่มีตัวตนอย่างนี้?

“สามปีก่อนฉันไปต่างประเทศ เปลี่ยนชื่อเพราะเหตุผลส่วนตัว”เป๋าฮวนตอบอ้อมๆ

ตอนนี้ติงเซียงสำหรับเธอแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเพื่อน เป็นเพียงคนรู้จักคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเธอเลยไม่คิดเล่ารายละเอียดขนาดนั้น

เป๋าฮวนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ถามอีกว่า “จริงสิ ติงเซียง เธอก็อยู่ในกองละครนี้เหรอ? เธอแสดงบทบาทอะไร? ”

“ฉันแสดงเป็นชุ่ยเย่ว์ คนใช้คนหนึ่งของสนมเจิน นักแสดงที่รับบทสนมเจินเธอก็รู้จัก คืออันเยว่ที่ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าคัดเลือกด้วยกัน” ติงเซียงเปิดเผยก่อน

เธออยู่ในวงการบันเทิงมาสามปี รู้วิธีตีสนิทคนอย่างไรมานานแล้ว เธอดูออกว่าเป๋าฮวนสงวนท่าที เห็นชัดว่า เว้นระยะห่างกับเธอ มีความรู้สึกแบบไม่คุ้นเคย

ดังนั้น เธอเลยคิดจะบอกสถานการณ์ตัวเองก่อนนิดหน่อย

“อันเยว่?” เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง นึกชื่อนี้ออกอย่างรวดเร็ว

อันเยว่ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร และตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าอันเยว่ต้องพัฒนามาในเส้นทางการแสดงแน่นอน ในเมื่อรูปร่างหน้าตาก็ดี เหมาะกับการแสดงมาก ตอนนั้นก็เป็นนักแสดงเล็กๆคนหนึ่งอยู่แล้ว

ที่เธอจำได้แม่นที่สุดคือฉินฟางฟางข้างตัวอันเยว่ ตอนที่อยู่ในค่ายอบรมขัดกับเธอต่างๆ นานา ถึงตอนนี้เธอยังจำใบหน้าของฉินฟางฟางได้ดี

“ใช่อันเยว่เอง ฉินฟางฟางก็อยู่นะ เธอกับฉันแสดงเป็นคนใช้ด้วยกัน ฉันรู้ฉินฟางฟางกับเธอเมื่อก่อนขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกคนก็อยู่ในกองละครเดียวกัน ฮวนฮวนเธอก็อย่าโกรธเลยดีไหม? ฉันพาพวกหล่อนมาเจอเธอ?”

ติงเซียงถามอย่างกระตือรือร้น

เป๋าฮวนกลับประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าฉินฟางฟางก็อยู่

เธอตอบรับเวินซือเหยี่ยนมาถ่ายละครชั่วคราว กลุ่มนักแสดงเธอไม่ได้ทำความเข้าใจก่อน ไม่คิดว่าจะมีหลายคนที่คุ้นเคย

ไม่รอให้เป๋าฮวนปฏิเสธ ติงเซียงก็วิ่งไปลากอันเยว่และฉินฟางฟางมา

ตอนพวกเธอมานั้น เวินซือเหยี่ยนกระซิบกับเป๋าฮวน “อันเยว่เป็นนักแสดงที่นายจ้างยัดเข้ามา บวกกับภาพลักษณ์และความนิยมก็ดี ผมไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ เป็นบริษัทที่เซ็นสัญญากับบทบาทของอันเยว่แล้ว”

ในคำพูด ความหมายที่เวินซือเหยี่ยนอยากบอกก็คือไม่รู้จักกับอันเยว่ ดังนั้นตอนเชิญนักแสดงหลักหลายคนกินหม้อไฟเมื่อครู่ ก็ไม่รู้ว่าอันเยว่อยู่ในกอง

อันที่จริงอันเยว่รู้สึกแย่เล็กน้อย เธอรู้จากคนอื่นว่าเป๋าฮวนแสดงเป็นกุยหลานตัวประกอบหนึ่ง ไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนกลับให้ความสำคัญแบบนั้น แต่งานเลี้ยงตอนเที่ยงกลับไม่สนใจนักแสดงที่สำคัญอย่างเธอไป

อันเยว่เป็นตัวเด่นของบริษัท ตอนนี้เดินอย่างเชิดหน้า ตอนที่ถูกเวินซือเหยี่ยนละเลย เธอรู้สึกหงุดหงิดในใจ

แต่เธอแสดงความไม่พอใจออกมาไม่ได้ ทำได้แค่แอบโมโห ในเมื่อสถานะของเวินซือเหยี่ยนถูกเปิดเผยแล้ว ไม่ใช่คนที่เธอสามารถล่วงเกินได้

ตอนนี้ ติงเซียงลากอันเยว่กับฉินฟางฟางมาร่วมสนุก อันเยว่เลยทักทายเวินซือเหยี่ยนก่อน “สวัสดีค่ะโปรดิวเซอร์เวิน ตอนนี้ไม่ควรเรียกคุณว่าครูนักแสดงแล้ว”

“สวัสดีครับ” เวินซือเหยี่ยนจับมือด้วยความเกรงใจ

อันเยว่ก็ทักทายเฉียวหว่านอันและรุ่นพี่อีกหลายคน และสายตามองไปทางเป๋าฮวน “ฮวนฮวน เมื่อกี้ติงเซียงบอกกับฉันแล้ว เธอคือเฉินฮวนฮวนที่เคยอยู่ค่ายอบรมด้วยกันกับเรา ไม่คิดว่าไม่เจอกันสามปี พวกเราจะเจอกันในกองละครเดียวกัน”

เสียงอันเยว่ยังหวานเหมือนเดิม เมื่อสามปีก่อน แต่ในคำพูดกับแฝงไปด้วยเสแสร้ง

“ไม่เจอกันนาน” เป๋าฮวนทักทายเรียบๆ

อันเยว่มองสำรวจเธอหนึ่งรอบ ใบหน้ามีความเหยียดหยามเล็กๆ

เสื้อผ้าที่เป๋าฮวนสวมไม่มีของแบรนด์เนม และดูแล้วไม่มีแบรนด์ใดๆ คิดว่าตอนนี้คงมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไปเรียนต่างประเทศคงแค่สร้างภาพเท่านั้น ไม่แน่ว่ายังเป็นหนี้กู้ยืมเรียนอีกหนึ่งก้อน

แต่ว่าสิ่งเดียวที่อันเยว่สงสัย ก็คือความสัมพันธ์ของเป๋าฮวนกับเวินซือเหยี่ยน ดูแล้วเหมือนดีต่อกันมาก เป๋าฮวนล่อลวงเวินซือเหยี่ยนยังไงกัน?

แต่ทั้งสองคนดูไม่เหมือนความสัมพันธ์แบบนั้น กลับเหมือนเพื่อนสนิทกันด้วยความจริงใจ

“ฮวนฮวน ได้ยินว่าเธอแสดงเป็นกุยหลาน ก่อนหน้านี้เป็นกัวเจินจูเป็นคนแสดง เป็นโปรดิวเซอร์เวินขอเธอมาช่วย

เหรอ?” อันเยว่ถามด้วยความสนใจ

เวินซือเหยี่ยนกลับแย่งพูดก่อน “ฮวนฮวนเป็นเพื่อนผม ผมขอเธอมาช่วยจริงๆ”

“เพื่อน!?”

นี่เป็นเสียงร้องแหลมของฉินฟางฟาง

สามวันต่อมา

เป๋าฮวนนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาที่เมืองถ่ายทำภาพยนตร์ของเมืองเหิงซื่อ

วันนี้เธอต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดกล้องของหมิงเยว่แห่งวังหลวง

หลังจากลงจากเครื่องบิน จิ่งมั่วให้คนเตรียมรถไว้ก่อนแล้ว ขับรถไปส่งเป๋าฮวนที่งานเปิดกล้อง

เป๋าฮวนเป็นแค่นักแสดงประกอบ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญ อีกอย่างเธอก็ให้เกียรติเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นจึงมาร่วมงานเปิดกล้องครั้งนี้

หลังจากถึงที่หมาย มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยประมาณหนึ่งร้อยคน

เมื่อวานเวินซือเหยี่ยนได้เปิดเผยสถานะประธานของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แล้วก็ถูกคนขุดว่าเป็นผู้รับมรดกของเวินซื่อกรุ๊ป ทำให้สะเทือนอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่

วันนี้เข้าร่วมงานเปิดกล้องในฐานะโปรดิวเซอร์

หลังจากที่เป๋าฮวนมาถึงงาน เวินซือเหยี่ยนก็เป็นฝ่ายเดินมาหาเธอ ยิ้มแล้วยื่นมือออกมาหาเธอ

“คุณเวิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความหยอกล้อ

เป๋าฮวนจับมือทักทายเขา แล้วก็ยิ้มตอบกลับ “คุณเวิน พวกเราน่าจะประมาณสี่ห้าวันที่ไม่ได้เจอกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…คุณเวิน เชิญครับ” เวินซือเหยี่ยนทำมือเชื้อเชิญ

มีเสียงกรีดร้องจากฝูงชน

เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองที่เป็นแบบนี้ดูโอ้อวดเกินไป แต่เธอมีชีวิตที่ต่ำต้อยมามากพอแล้ว โอ้อวดสูงส่งบ้างก็ไม่เป็นไร

ในไม่ช้าเธอถูกพามาที่ตำแหน่งแถวแรก น่าจะห่างจากนักแสดงนำหญิงแค่สามคน ส่วนเวินซือเหยี่ยนก็ยืนอยู่ด้านข้างเธอ

เป๋าฮวนสามารถได้ยินเสียงที่คนกำลังพูดถึงสถานะของเธอจากด้านหลัง

นักแสดงนำหญิงเดินมาด้านหน้าเวินซือเหยี่ยน แล้วเป็นฝ่ายหยอกล้อขึ้น “ซือเหยี่ยน ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”

“ฮวนฮวน คนนี้คือนักแสดงหญิงเบอร์หนึ่ง นักแสดงหญิงมีชื่อเสียงเฉียวหว่านอัน คู่หูของผม”

เวินซือเหยี่ยนแนะนำกับเป๋าฮวน จากนั้นก็มองไปถามเฉียวหว่านอันแล้วพูดขึ้น “คนนี้ก็คือเพื่อนสนิทของฉัน คุณเป๋าฮวน ครั้งนี้มาช่วยงาน เล่นบทของกัวเจินจู”

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ฉันตะลึงฟรี ๆ เลย” เฉียวหว่านอันยิ้ม แล้วยื่นมือไปทางเป๋าฮวน “คุณเป๋า สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีค่ะ คุณเฉียว” เป๋าฮวนตอบอย่างสุภาพ

เฉียวหว่านอันเข้าใกล้เธอ แล้วซุบซิบเสียงเบา “เป็นแค่เพื่อนของซือเหยี่ยนจริง ๆ เหรอคะ? ฉันไม่เคยเห็นเขาใจดีกับผู้หญิงอื่นขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ”

“ขออภัยค่ะคุณเฉียว ฉันกับซือเหยี่ยนเป็นแค่เพื่อนสนิทกันจริง ๆ ค่ะ ฉันมีสามีแล้ว” ประโยคหลัง เป๋าฮวนใช้เสียงที่สามารถได้ยินกันแค่สองคน

เฉียวหว่านอันตกใจจนปิดปาก เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที

รอบนี้เปลี่ยนเป็นเป๋าฮวนที่ยื่นหน้าไปข้างหูเธอ แล้วซุบซิบถามขึ้น “คุณเฉียวคะ คุณชอบซือเหยี่ยนใช่ไหมคะ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เฉียวหว่านอันหัวเราะออกมา แล้วรีบส่ายหน้า จากนั้นก็ขยับไปข้างหูเป๋าฮวนแล้วพูดเสียงต่ำ “ฉันมีคนเลี้ยง”

“หา?” เป๋าฮวนตกตะลึงนิดหน่อย

วงการบันเทิงเปิดกว้างขนาดนี้เลยเหรอ? สามารถพูดเผยธาตุแท้ออกมาได้ขนาดนี้?

เวินซือเหยี่ยนขยับหน้าเข้ามาใกล้ หัวเราะเสียงเบาแล้วพูด “ฮวนฮวน คุณถูกหว่านอันโกหกแล้ว คนเลี้ยงของเธอก็คือสามีของเธอ เธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียว เธอแต่งงานเร็ว สามีของเธอก็คือเพื่อนสนิทพี่ชายของเธอ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!” เป๋าฮวนถึงดึงสติกลับมาได้

เป๋าฮวนหัวเราะอย่างทะเล้น จากนั้นก็เปลี่ยนคำเรียกทันที “ฮวนฮวน ต่อไปพวกเราทำความรู้จักกันดี ๆ นะ!”

“ตกลงค่ะ หว่านอัน”

งานเปิดกล้องจบไปได้ด้วยดี

งานเลี้ยงเปิดกล้องของกองจัดขึ้นตอนเย็น ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยง ดังนั้นเวินซือเหยี่ยนวางแผนจะจัดกลุ่มนักแสดงหลักไปทานหม้อไฟ

รวมเป๋าฮวนด้วย หลายคนกำลังคุยกันว่าจะไปร้านไหนดี ในเวลานี้ร่างเพรียวบางก็วิ่งมาจากด้านหลังฝูงชน

หญิงสาวจับแขนของเป๋าฮวนไว้ แล้วเรียกอย่างตื่นเต้น “ฮวนฮวน! เป็นเธอจริง ๆ ด้วย!”

“เยี่ยฝาน?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วทันที

เป๋าฮวนนอนอยู่บนตัวเขา นิ้วมือวนรอบหน้าอกเขา แล้วพูดขึ้น “คุณนี่นะ เวลาที่ควรหึงก็ไม่หึง เวลาที่ไม่ควรหึงกลับหึง”

“ฮวนฮวน เขายั่วยวนคุณยังไง?” เฟิงหานชวนถามขึ้น

จากที่เขาดู เมื่อคืนเยี่ยฝานยื่นนามบัตรให้เป๋าฮวน ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน หรือว่าจะเป็นก่อนหน้านั้น ก็ยั่วยวนเป๋าฮวนเหรอ?

“ผู้ชายสมัยนี้ไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนที่คุณคิด” เป๋าฮวนขยับไปข้างหูเขา ยิ้มแล้วบอกเรื่องตอนที่เยี่ยฝานจับมือแล้วส่งซิบให้เธอออกมา

เธอหัวเราะจนตัวสั่น ตั้งใจพูดเย้าแหย่ “สามปีมานี้ คุณไม่รู้หรอกว่ามีผู้ชายส่งซิบให้ฉันเยอะแค่ไหน จับมือ จับบ่า แล้วก็ท่าทางส่งซิบอีกมากมาย”

“ในเมื่อฉันหน้าตาสวย แล้วก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเป๋า พวกเขาไม่ใช่แค่สนใจหน้าตาของฉัน แต่สนใจตำแหน่งของตระกูลเป๋าด้วย”

“ดังนั้นครั้งนี้ที่เยี่ยฝานยั่วยวนฉันอย่างโอ่อ่าต่อหน้าคุณ ก็เพื่อตระกูลเป๋าที่อยู่เบื้องหลังฉัน ถ้าฉันไม่ใช่คนของตระกูลเป๋า เขาก็ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับฉัน…”

“อื้อ!”

เป๋าฮวนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกอุดปากไว้

จากนั้นเธอก็ถูกเฟิงหานชวนทับร่างไว้ด้านล่าง อีกอย่างเธอไม่มีแรงดิ้นรน ทำได้แค่ปล่อยไปตามผู้ชายคนนี้

จนกระทั่งท่าทางของเธออ่อนแรง เฟิงหานชวนถึงลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์โทรหาซูอวี่

เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชาเพียงแค่ประโยคเดียว “แย่งโปรเจกต์ใหม่ล่าสุดของเยี่ยซือกรุ๊ปมา ให้คำเตือนกับเยี่ยฝาน”

เป๋าฮวนยังนอนอยู่ เธอกะพริบตา รู้ได้ว่าครั้งนี้เฟิงหานชวนโมโหจริง ๆ แล้ว

เพียงแต่เยี่ยฝานมีความผิด แต่เธอไม่ผิดอะไรเลยนะ!

“อาหาน ฉันหิวจะตายแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ทำไมคุณถึงลงโทษฉัน? ไม่รู้แหละ คุณต้องชดใช้ค่าเสียหายทางจิตใจของฉัน” เป๋าฮวนดิ้นไปดิ้นมา งอแงหาเรื่อง

เฟิงหานชวนก้มหน้าลง จูบหน้าผากของเธอ แล้วถามอย่างอ่อนโยน “คุณจะให้ผมชดใช้ยังไง?”

“คุณชอบเล่นเกมไม่ใช่เหรอ? ร่างกายของผมให้คุณจัดการได้ตามใจชอบ เป็นยังไง?”

เฟิงหานชวนตั้งใจแกล้งเธอ เป๋าฮวนโมโหจนหน้าแดง

“น่าเกลียด! ผู้ชายน่าเกลียดคนนี้!”

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนรู้ดีว่าเกมเล็ก ๆ คืออะไร ยังจะพูดเรื่องเกมกับเธอ ตอนนี้เธอเหนื่อยเพราะเกมนี่จนแทบจะตาย ยังมีแรงเล่นอีก?

“ฮวนฮวน ผมทำอาหารเช้าให้คุณ คุณอยากทานอะไร?” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ก้มมาที่แก้มของเธอ

“เชอะ!”

เป๋าฮวนส่งเสียงเสร็จ ก็หันหน้า พลิกตัว หันหลังให้กับชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนยิ้มมากกว่าเดิม เขายื่นมือออกมา กอดเอวบางของหญิงสาว แล้วเอาหน้าซุกลำคอของเธอ

“ไอหยาคุณปล่อยนะ จั๊กจี้” เป๋าฮวนยื่นมือออกไปผลักเขา

แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของเธออ่อนแรง สำหรับเฟิงหานชวนแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งสิ้น

“งั้นคุณบอกผมว่าอยากกินอะไร?” เฟิงหานชวนถามต่อ “ถ้าไม่พูด ผมจะถือว่าคุณอยากเล่นเกมต่อ”

“ฉันพูดพูดพูด!” เป๋าฮวนรีบข้อร้อง

เธอจะร้องไห้แล้วจริง ๆ น้ำตาคลอเบ้า กัดปาก แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “โจ๊กเห็ดหอมแล้วกัน”

“รอผมนะ” ชายหนุ่มลงจากเตียงทันที แล้วรีบลงไปที่ชั้นล่าง

เป๋าฮวนอยากจะลุกจากเตียง แต่ร่างกายเหนื่อยมาก ๆ เธอฝืนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มลงไปอีก เตรียมจะนอนต่อ

เวลานี้เฟิงหานชวนกลับมาอีก เขาเดินมาข้างเตียงแล้วพูด “กำลังตุ๋นโจ๊กแล้ว ผมอุ้มคุณไปอาบน้ำก่อน”

ไม่รอให้เป๋าฮวนตกลง เธอก็ถูกเฟิงหานชวนอุ้มขึ้น เดินไปทางห้องน้ำ

เฟิงหานชวนวางเธอลงบนชักโครก จากนั้นก็ยืนปรับอุณหภูมิน้ำอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ

จากมุมมองของเป๋าฮวน สามารถเห็นหน้าด้านข้างของเฟิงหานชวนที่ตั้งอกตั้งใจ เธออดที่จะเหม่อลอยไม่ได้ เริ่มเพ้อฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือกับผู้ชายคนนี้…

“หมายความว่ายังไง?”

เฟิงหานชวนถามเธออย่างสงสัย

“เขาบนหัวคุณจะงอกแล้วคุณไม่รู้เหรอ? เหลือแค่สวมเขาให้คุณแค่นั้นแหละ” เป๋าฮวนกอดแขนของเขา เอนหัวพิงกับแขนของเขา

“คุณหมายความว่า คุณจะใจอ่อนกับเยี่ยจิ่งเฉิน? หรือว่าคุณอยากจะบอกผมว่าในใจของคุณยังมีเขาอยู่ เห็นเขาถูกรังแกไม่ได้? หรือว่าคุณวางแผนจะช่วยเขาจากอุ้งมือของแม่เสือ แล้วคืนดีกับเขา?”

เฟิงหานชวนโมโหขึ้นมาทันที น้อยครั้งมากที่จะพูดยาวขนาดนี้

“พรืด!”

เป๋าฮวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม “ตอนนี้แล้ว คุณยังจะหัวเราะอีก?”

“ฮวนฮวน ตกลงว่าคุณคิดยังไงกันแน่?” เขาจี้ถามเสียงแข็ง

“อาหาน ถ้าหากฉันคือดีกับรักแรกของฉัน คุณจะทำยังไง?” เป๋าฮวนตั้งใจหยอกล้อเขา

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ ร่างกายของเธอกลับถูกม้วนขึ้น เธอถูกเฟิงหานชวนอุ้มขึ้น

เป๋าฮวนตกใจ สองมือรีบโอบคอของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนขึ้นไปที่ชั้นสาม กลับไปที่ห้องนอนของพวกเขา จากนั้นก็โยนเธอลงบนเตียง

ไม่รอให้เป๋าฮวนอธิบาย จูบที่ดุเดือดก็จูบลงมา

ตลอดเวลา เป๋าฮวนไม่ทันได้อธิบายให้ชัดเจน เพราะว่าเฟิงหานชวนเหมือนกับสิงโตดุร้ายตัวหนึ่ง ลงโทษเธอจนขอร้องไม่หยุด

สุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เป๋าฮวนแทบจะเป็นลมไป

เพียงแต่ สติที่เหลืออยู่ทำให้เธอได้ยิน เขาพูดข้างหูเธอ…

ฮวนฮวน คุณคือคนของผม

เป็นแค่คนของผม

จากนั้น เป๋าฮวนก็หลับไป

ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รอบตัวอบอุ่น

เธอสะลึมสะลือลืมตา ด้านหน้าคือใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่ม

หล่อมาก ๆ!

เวลานี้ เฟิงหานชวนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากจ้องตากับเธอ เขาก้มหน้าลง กัดริมฝีปากลงโทษเธอ

เป๋าฮวนเกือบจะหายใจไม่ทัน ปากก็เจ็บมาก สองเท้าเล็กทีบขาของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนทนไม่ไหว ในที่สุดก็ปล่อยเธอ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับแดงเป็นอย่างมาก

“ห้ามคิดถึงเขา!” เขาพูด เสียงแหบมาก

ฟังดูแล้วเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนยังไงยังงั้น

“เมื่อคืนฉันล้อเล่น” เป๋าฮวนก็ไม่มีแรงแล้ว เธอเสียงอ่อนตอบกลับ

เธอถูกลงโทษจนไม่มีแรงแล้ว เมื่อคืนไม่มีแม้แต่โอกาสจะอธิบาย

ผู้ชายคนนี้บ้าคลั่งจริง ๆ!

“คุณไม่ได้ล้อเล่น ตอนที่คุณพูดว่าเขาจะงอกบนหัวผม น้ำเสียงจริงจังมาก” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม แล้วจี้ถาม “เขาสวะขนาดนั้น ทำไมถึงลืมเขาไม่ได้?”

“เพราะเป็นรักแรกเหรอ?”

“ก็เหมือนกับที่คุณเป็นรักแรกของผม ผมก็ลืมคุณไม่ได้มาโดยตลอด”

น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยิ่งอยู่ยิ่งเบา ประโยคหลังแทบจะไม่มีเสียง เป็นเสียงอ่อนน้อมที่ไม่มั่นใจ

เป๋าฮวนตกตะลึงจนถลึงตาโต ประโยคนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

ที่แท้เธอคือรักแรกของเฟิงหานชวน!

ถึงแม้เธอรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน แต่เธอมักคิดว่าเฟิงหานชวนอายุเยอะกว่าเธอขนาดนั้น ถึงก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีแฟน แต่ตอนวัยรุ่นก็ต้องเคยชอบผู้หญิงมาบ้างแหละ?

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะได้ค้นพบโลกใหม่

“อาหาน เมื่อวานฉันอยากจะอธิบายกับคุณให้ชัดเจน แต่คุณไม่ให้ฉันอธิบายเลย”

เป๋าฮวนตัดสินใจอธิบายความเข้าใจผิดก่อน จึงรีบพูดขึ้น “ที่ฉันพูดว่าคุณเกือบจะโดนสวมเขา อันที่จริงไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยลืมเยี่ยจิ่งเฉิน แต่เป็นเยี่ยฝานยั่วยวนฉัน!”

“คุณชายเฟิง เยี่ยฝานยั่วยวนฉันต่อหน้าคุณนะ”

เสียงเยือกเย็นของเฟิงหานชวนตอบกลับไปว่า: “ประธานเยี่ยควรขอโทษพี่ใหญ่ของผม”

แม้ว่าห้างอวิ๋นตวนจะได้รับการสนับสนุนจากเฟิงหานชวน แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เฟิงเจิ้งหมิงเป็นคนบริหารจัดการเป็นหลัก

“ประธานเฟิงที่จริงแล้ว…”เยี่ยฝานหยุดและพูดว่า: “ผมสงสัยว่าประธานเฟิงยังคบกับคุณเฉินฮวนฮวนอยู่หรือเปล่า?”

“อ้อไม่ จริงๆแล้วคือคุณเป๋าฮวนสิ”

ใบหน้าของเฟิงหานชวนแสดงออกถึงความไม่พอใจ: “คุณหมายความว่าอย่างไร?”

“อย่าเข้าใจผมผิดนะครับประธานเฟิง ครั้งนี้น้องชายและน้องสะใภ้ของผมทำร้ายคุณเป๋า ดังนั้นผมหวังว่าประธานเฟิงจะกู้หน้าผมคืนได้ และให้น้องชายกับน้องสะใภ้ของผมได้ไปขอโทษคุณเป๋าเป็นการส่วนตัว ผมหวังว่าคุณเป๋าจะไม่โกรธตระกูลหวัง”น้ำเสียงของเยี่ยฝานดูอ่อนน้อมมาก

เป๋าฮวนขมวดคิ้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เยี่ยจิ่งเฉินไปมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเยี่ยฝานตั้งแต่เมื่อไหร่ เยี่ยฝานถึงมาช่วยพูดให้เยี่ยจิ่งเฉินแบบนี้?

เยี่ยจิ่งเฉินเป็นลูกนอกสมรส และแม้ว่าความสัมพันธ์กับพี่ชายทั้งสองของเขาจะไม่ได้เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันใดๆเช่นกัน!

เฟิงหานชวนเลื่อนสายตาไปที่เป๋าฮวนเหมือนจะถามเธอว่าหมายถึงอะไร

เป๋าฮวนส่ายหัว

“เธอบอกว่าไม่ต้อง”เฟิงหานชวนพูดตรงๆ

เยี่ยฝานเงียบไปสองสามวินาทีจากนั้นก็หัวเราะเบาๆและถามว่า: “ประธานเฟิงและคุณเป๋าได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วเหรอครับ? ตอนนี้คุณอยู่ด้วยกันไหม?”

“เธอไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย แล้วก็ไม่ต้องการเจอเยี่ยจิ่งเฉินด้วย”เฟิงหานชวนเข้าใจความคิดของเป๋าฮวนและตอบแทนเธอ

“ประธานเฟิงครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้จะดีกว่า พวกคุณอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หมิงอวี้หรือเปล่า? ผมจะพาน้องชายและน้องสะใภ้ไปขอโทษเป็นการส่วนตัว”น้ำเสียงของเยี่ยฝานดูมีความกระตือรือร้นอย่างมาก และดูเหมือนว่าเขาจะปฏิเสธไม่ได้

เฟิงหานชวนที่ต้องการจะปฏิเสธ แต่เยี่ยฝานก็วางสายเขาราวกับว่าได้ตกลงกับเขาไปโดยปริยายแล้ว

สีหน้าของเฟิงหานชวนดูนิ่งลงทันที

“อาหาน ในเมื่อเยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนอยากจะมาเพื่อขอโทษ ก็ให้พวกเขามาเถอะ!”เป๋าฮวนไม่ได้สนใจ ในทางกลับกันเธอก็ตั้งตารอคำขอโทษของหวังหยวนหยวนเช่นกัน

อย่างไรก็ตามมันเป็นความจริงที่จะต้องกำจัดอำนาจของยัยแม่หมูคนนั้น มิฉะนั้นผู้คนจำนวนมากก็จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการกดขี่ข่มเหงของเธอ

“คุณไม่คัดค้าน?”เฟิงหานชวนยกมือขึ้นและแตะหัวของเธอแล้วถามต่อว่า: “หรือในใจของคุณยังมีเยี่ย… ”

“ชู่ว!”เป๋าฮวนเหยียดนิ้วออกไปกดที่ริมฝีปากบางๆของร่างสูงทันที เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์: “ฉันจะต้องพิสูจน์ยังไง คุณถึงจะไม่คิดเรื่องนี้อีก?”

“สักพักก็บอกว่าฉันชอบเวินซือเหยียน แล้วเดี๋ยวอีกสักพักก็บอกว่าในใจของฉันยังมีเยี่ยจิ่งเฉินอีก ในสายของคุณ ฉันดูเป็นผู้หญิงเหลาะแหละขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“เฟิงหานชวน ถ้าคุณยังเข้าใจฉันผิดแบบนี้อยู่ ฉันจะกลับประเทศเฉินนะ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่ได้กลัวคุณด้วย!”

เฟิงหานชวนยิ้มและดึงมือของผู้หญิงคนนั้นออก เขาบีบเอวเรียวของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและจูบเข้าที่ริมฝีปากสีแดงของเธออีกครั้ง

สุดท้ายเป๋าฮวนก็ถูกล้อเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เฟิงหานชวนรู้ว่าไม่นานพวกเยี่ยจิ่งเฉินก็จะต้องมา ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรมาก มันก็เหมือนกับการแกล้งแมวตัวน้อยๆ เขาจงใจที่จะก่อกวนเป๋าฮวน

เป๋าฮวนเองก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาจูบกันจากตรงโซฟาไปที่ระเบียงและจากห้องนั่งเล่นไปที่เตียง…

ในตอนที่เฟิงหานชวนกำลังจะทนไม่ไหว จู่ๆก็มีเสียงรถบีบแตรมาจากด้านนอก

เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนและเดินไปที่ระเบียง เธอมองลงไปและเห็นเยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนที่ตัวสั่นออกมาจากรถ

มีชายคนหนึ่งอายุราวๆกับเฟิงหานชวน เขาดูเป็นผู้ใหญ่และเดินนำหน้าทั้งสองคนนั้น เขาน่าจะเป็นเยี่ยฝาน

แม้ว่าเป๋าฮวนจะรู้จักตัวตนของเยี่ยฝาน แต่เธอก็ไม่เคยพบเยี่ยฝานมาก่อน

“พวกเขามาแล้ว พวกเราลงไปกันเถอะ!”เป๋าฮวนหันกลับมาและคว้าแขนของเฟิงหานชวน

ภายใต้การนำของบอดี้การ์ด เยี่ยฝาน เยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

เยี่ยจิ่งเฉินเห็นเป๋าฮวนควงแขนของเฟิงหานชวนในขณะที่กำลังเดินลงบันไดมา และรอยยิ้มนั้นทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่ดีในช่วงมัธยมปลาย

หัวใจของเยี่ยจิ่งเฉินเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง

เขารู้สึกทุกข์ใจมาก! ภรรยาของเขาเป็นแม่เสือสาวที่ดุร้าย หวังหยวนหยวน!

ถ้าเขาไม่นอกใจเฉินซินโหรวและอยู่เคียงข้างเฉินฮวนฮวน เขาก็จะไม่ได้เป็นลูกเขยของหวังซื่อกรุ๊ปแต่จะได้เป็นลูกเขยที่น่ายกย่องของตระกูลเป๋า!

ตอนนี้เขารู้เพียงว่าความแข็งแกร่งของตระกูลเป๋านั้นไม่มีใครเทียบได้และเป็นตระกูลที่สูงส่งมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

คนในตระกูลเป๋ามีสายเลือดที่มีเกียรติที่สุด!

เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกเป็นทุกข์ใจมาก เขาไม่เคยเสียใจ ไม่เคยอึดอัด ไม่เคยสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน

ในตอนแรกเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงของเขา แต่เขาทำผิดพลาดและผลักไสเฉินฮวนฮวนให้คนอื่นด้วยมือของเขาเอง และเขาก็ผลักไสเธอไปให้กับเฟิงหานชวน!

“ประธานเฟิง คุณเป๋า”เยี่ยฝานก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือไปเพื่อจับมือกับเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน

เป๋าฮวนเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพ แต่เมื่อพบว่าเยี่ยฝานจับมือเธอและใช้ปลายนิ้วถูฝ่ามือของเธอด้วยปลายนิ้วก้อย

เป๋าฮวนก็ตกใจเล็กน้อย

เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว เธอเข้าใจเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ เยี่ยฝานกำลังยั่วยวนเธอ!

เธอบอกว่าความสัมพันธ์ของเยี่ยฝานและเยี่ยจิ่งเฉินนั้นธรรมดา ทำไมเขาถึงพยายามที่จะพาเยี่ยจิ่งเฉินมาขอโทษ

เฟิงหานชวนยังคงไม่ชัดเจนกับการกระทำของเยี่ยฝาน สายตาของเขามองไปที่เยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนอย่างน่ากลัว หวังหยวนหยวนที่ถูกเขามองก็ตัวสั่นทันที

เธอคุกเข่าลงและขอโทษอย่างรวดเร็ว: “คุณเป๋า คุณชายสามแห่งตระกูลเฟิง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณเป๋า ฉันไม่กล้าทำอีกแล้วค่ะ!”

แม้ว่าหวังหยวนหยวนจะรู้สึกขายหน้าแต่เธอก็ต้องขอโทษเพราะทั้งตระกูลหวังกำลังบังคับเธอ

ถ้าเป๋าฮวนโกรธ หวังซื่อกรุ๊ปก็จะหายไปเหมือนฟองสบู่

แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะสร้างปัญหา

“คุณเป๋า น้องชายและน้องสาวของผมมักจะนิสัยเสีย ครั้งนี้เธอไม่เข้าใจสถานะของคุณและทำให้คุณขุ่นเคือง ได้โปรดปล่อยพวกเขาไปเถอะนะครับ”เยี่ยฝานมองไปที่เป๋าฮวนด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมากบวกกับความหล่อของเขา มันให้ความรู้สึกของความเป็นสุภาพบุรุษ

หลังจากพูดกับเป๋าฮวนจบ เยี่ยฝานก็มองไปที่เยี่ยจิ่งเฉินอีกครั้งและตำหนิด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “อาเฉิน ยังไม่รีบขอโทษคุณเป๋าอีกเหรอ? ครั้งนี้มันเป็นเพราะความผิดของนาย รีบขอโทษเร็วเข้า! ”

เยี่ยฝานจงใจฉีกหน้าเยี่ยจิ่งเฉินต่อหน้าเป๋าฮวน นั่นทำให้เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกต่ำต้อยมากๆและรู้สึกไม่เต็มใจที่จะขอโทษเป๋าฮวน

“ขอโทษครับคุณเป๋า ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย เรื่องก่อนหน้านี้ก็เป็นความผิดของผมเหมือนกัน ผมขอโทษด้วย”เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกอับอายมาก แต่เขาจงใจหยิบยกเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมาเพื่อต้องการให้เป๋าฮวนจำได้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาทั้งสองคนเคยมีความทรงจำที่สวยงามเพียงใด

เป๋าฮวนมีสีหน้าที่เย็นชา เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้ว เธอเพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยว่า: “ฉันยอมรับคำขอโทษของพวกคุณ ฉันแค่หวังว่าพวกคุณจะไม่ทำแบบนี้กับคนอื่นและจะไม่ทำตัวเป็นพวกเผด็จการอีก!”

ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบเธอ เธอหวังว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ผู้บริสุทธิ์บางคนถูกข่มเหงน้อยลง

“ใช่ใช่ใช่ค่ะคุณคุณเป๋า ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะทำตัวให้เหมาะสม!”หวังหยวนหยวนพยักหน้าและตอบทันที

“นี่มันดึกแล้ว พวกคุณรีบกลับเถอะ”เป๋าฮวนพูดอย่างเกียจคร้าน

ตอนที่เยี่ยฝานกำลังจะไป เขาก็ยิ้มให้เป๋าฮวนและทิ้งนามบัตรไว้ให้เป๋าฮวนโดยเฉพาะ เยี่ยจิ่งเฉินเองก็มองไปที่เป๋าฮวนอย่างไม่เต็มใจที่จะจากไป

เมื่อพวกเขาไป เป๋าฮวนก็โยนนามบัตรของเยี่ยฝานทิ้งลงในถังขยะ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกงงเล็กน้อย: “เมื่อกี้คุณไม่ได้รับนามบัตรมาอย่างกระตือรือร้นและแถมยั

บอกอีกว่าถ้ามีโอกาสคงจะได้ร่วมงานกันไม่ใช่เหรอ? เกลียดตระกูลเยี่ยมากเหรอ? ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น~” เป๋าฮวนอดยิ้มไม่ได้: “คุณเฟิงคะ เมื่อกี้คุณเกือบจะยอมให้ฉันนอกใจนะ!”

“ไม่อนุญาตโดยเด็ดขาด!”

ลุงของหวังหยวนหยวนรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ตระกูลเป๋าแห่งประเทศเฉินไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถจะจัดการได้!”

“ลุง คุณพูดว่าอะไรนะ! เราไม่สามารถที่จะจัดการตระกูลเป๋าได้? “ดวงตาของหวังหยวนหยวนเบิกกว้างเพราะความโกรธ

“ตระกูลหวังของเรามีอำนาจมาก ประเทศเฉินก็เป็นแค่ประเทศเล็กๆไม่ใช่เหรอ? พวกเราจะไม่สามารถจัดการพวกเขาได้ยังไงกัน! ”

หวังหยวนหยวนปฏิเสธที่จะเชื่อ เพราะลุงของเธอนั้นขี้ขลาดและหัวโบราณมาโดยตลอด เธอยังคงพูดอย่างกล้าหาญอีกว่า: “พ่อ เรามาซื้อตระกูลเป๋ากันเถอะ! พอดีเลยเราจะได้ขยายตลาดที่ประเทศเฉิน! ”

ประธานหวังต่งปฏิเสธที่จะพูดนอกเรื่อง ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆเองก็หน้าซีดเช่นกัน

“หยวนหยวน เจ้าเด็กโง่ ถ้าเธอทำให้ตระกูลเป๋าขุ่นเคืองจริงๆ ตระกูลหวังของพวกเราก็จะต้องจบสิ้นลง!”ลุงหวังตบต้นขาของเขาและพยายามโน้มน้าวเธอ

“หนูไม่เชื่อ! พ่อของหนูแข็งแกร่งมาก จะจัดการกับตระกูลเป๋าไม่ได้เลยเหรอ? “หวังหยวนหยวนหันไปหาพ่อของเธอและพูดอย่างรวดเร็ว: “พ่อ พ่อจะช่วยหนูใช่ไหม? พ่อทนเห็นลูกสาวถูกคนอื่นทำร้ายแบบนี้เหรอ? ”

“หยวนหยวน–”

ในขณะเดียวกันเยี่ยจิ่งเฉินที่ตอนนี้จมูกกลายเป็นสีเขียวและใบหน้าบวมปูดก็รีบเดินเข้ามาและรีบจับมือของหวังหยวนหยวนแล้วพูดว่า: “พ่อประชุมอยู่ ผมจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย พวกเราไม่สามารถที่จะขัดใจเฉินฮวนฮวนได้!”

“เยี่ยจิ่งเฉิน คุณยังจะกล้ามาอีกนะ! ฉันโดนทำร้ายขนาดนี้ คุณยังจะให้ฉันปล่อยแฟนคนแรกของคุณไปอย่างนั้นน่ะเหรอ? “หวังหยวนหยวนหันกลับมาและตบหน้าเยี่ยจิ่งเฉิน

เยี่ยจิ่งเฉินกุมหน้าของเขาและไม่สนใจเสียงถอนหายใจ เขาเอ่ยด้วยความตื่นตัวว่า: “พวกเราไม่สามารถทำให้ตระกูลเป๋าแห่งประเทศเฉินไม่พอใจได้! หวังซื่อกรุ๊ปเองก็ไม่สามารถขัดใจได้เช่นกัน! คุณไม่สามารถใจร้อนได้! ”

“ถุย!”หวังหยวนหยวนถุยน้ำลายลงบนใบหน้าของเยี่ยจิ่งเฉิน เธอหันกลับมาแล้วจับแขนของประธานหวัง และบิดตัวอ้วนๆของเธอแล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า: “พ่อ รีบซื้อตระกูลเป๋าและแสดงสีสันให้พวกเขาดูหน่อย!”

เยี่ยจิ่งเฉินคุกเข่าลงตรงหน้าของหวังต่ง และพยายามที่จะโน้มน้าว: “พ่อ ผมรู้ว่าครั้งนี้หยวนหยวนได้รับความเดือดร้อน แต่พวกเราไม่สามารถทำอะไรตระกูลเป๋าได้จริงๆ! ผมโทรหาพี่ชายของผมแล้ว และตระกูลเป๋าก็ไม่ใช่อะไรที่จะจัดการได้ง่ายจริงๆ…”

เนื่องจากเยี่ยจิ่งเฉินสงสัยเกี่ยวกับตัวตนปัจจุบันของเป๋าฮวน เขาจึงติดต่อพี่ชายของเขาซึ่งเป็นประธานของเยี่ยซื่อกรุ๊ปเพื่อถามเกี่ยวกับตระกูลเป๋าแห่งประเทศเฉิน เพราะพวกเขายังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ แม้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ประธานเยี่ยก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเยี่ยจิ่งเฉินมากนัก

ตระกูลเยี่ยเป็นครอบครัวใหญ่ และประธานเยี่ยก็รู้เกี่ยวกับตระกูลเป๋า หลังจากที่เยี่ยจิ่งเฉินได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็รีบมาที่หวังซื่อกรุ๊ปเพื่อห้ามปราม

เขาไม่เคยคิดว่าเป๋าฮวนจะเป็นสมาชิกครอบครัวที่มีอำนาจแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนกลายเป็นสมาชิกในตระกูลเป๋าได้อย่างไร!

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการป้องกันไม่ให้หวังซื่อกรุ๊ปไปก่อกวนตระกูลเป๋า

“ฉันรู้ จิ่งเฉิน ลุกขึ้นก่อน!”ประธานหวังดึงเยี่ยจิ่งเฉินขึ้นมาและมองดูลูกสาวของเขา แม้จะทุกข์ใจแต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้

ถ้าพูดตามความจริงเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกผิดและรู้สึกละอายใจเมื่อเห็นลูกสาวของเขาถูกทำร้ายแบบนี้และเขาไม่สามารถแก้แค้นให้ลูกสาวของเขาได้

“หยวนหยวน คราวนี้พ่อช่วยไม่ได้”ประธานหวังถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ตระกูลเป๋า หวังซื่อกรุ๊ปของเราไม่สามารถจัดการได้จริงๆ!”

“อะไรนะ!?”เมื่อหวังหยวนหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ตกตะลึงและนั่งลงบนพื้นทันที

ประธานหวังพูดแบบปลงๆ: “ทางที่ดีที่สุดเธอควรจะไปพบคุณเป๋าเพื่อขอโทษ ตระกูลเป๋ามีอำนาจมากจนเราไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้!”

“อ๊าย -” หวังหยวนหยวนปิดหูของเธอและตะโกน

……

ตกกลางคืน

เป๋าฮวนนั่งไขว่ห้างกินขนมอยู่บนบนโซฟา

บนหน้าจอทีวีใหญ่มีรายการวาไรตี้ล่าสุดกำลังฉายอยู่

มีการเคลื่อนไหวที่ประตู เธอลุกขึ้นทันทีและวิ่งออกไปโดยสวมรองเท้าแตะ

“เฟิงหานชวน!”

เป๋าฮวนวิ่งเข้าไปหาเขา และเฟิงหานชวนก็เพิ่งลงจากรถพอดี เธอกระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวเขาทันที

“ทำไมวันนี้ดูตื่นเต้นจัง?”เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามอย่างตั้งใจ: “มีเรื่องอะไรให้มีความสุขเหรอ?”

ห้างอวิ๋นตวนเป็นเครือของเฟิงเจิ้งหมิง เมื่อเหตุการณ์ของหวังหยวนหยวนเกิดขึ้น เขาก็ได้รับรายงานจากพี่ชายคนโตคนนั้นทันที

พี่ชายคนโตคนนั้นหมายความว่าเป๋าฮวนได้สร้างปัญหาในห้างอีกแล้ว!

“คุณน่าจะรู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม?”เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนก็พอจะเดาได้

เธอเองก็รู้ว่าห้างอวิ๋นตวนเป็นพื้นที่ของตระกูลเฟิง

“อืม แต่ผมอยากได้ยินมันจากปากของคุณ”เฟิงหานชวน อุ้มเธอและเดินเข้าไป

เมื่อแม่บ้านหลี่ออกมาต้อนรับ เธอก็เห็นพวกเขาทั้งสองกำลังพลอดรักกัน ดังนั้นเธอจึงรีบกลับไปที่ห้องครัว

ดูเหมือนว่าเป๋าฮวนจะคุ้นเคยกับการที่มีแม่บ้านหลี่อยู่ที่บ้านแล้ว และเป๋าฮวนเองก็ไม่ดีมีความเขินอายใดๆแล้ว

เฟิงหานชวนอุ้มเธอและเดินไปที่โซฟา เมื่อเขานั่งลงเป๋าฮวนก็ถูกวางลงบนตักของเขา

“อันที่จริงไม่มีอะไรเลย นั่นคือยัยหมูอ้วนภรรยาคนปัจจุบันของเยี่ยจิ่งเฉิน เธอเข้ามาก่อกวนในทุกๆรูปแบบ และในที่สุดจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งก็จัดการไปเรียบร้อยแล้ว”

เป๋าฮวนยักไหล่ คว้าคอของร่างสูงแล้วพูดว่า: “ฉันไม่ได้ทำให้คุณขายหน้าเลยนะ คราวนี้มีคนอื่นมายั่วโมโหฉันก่อน”

“อยากจัดการเก็บหวังซื่อกรุ๊ปไหม?”เฟิงหานชวนถามเธอด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มอันน่าสยดสยองของเขาพร้อมกับความหนาวเย็นทำให้เป๋าฮวนตัวสั่นและส่ายหัว: “ไม่ต้อง มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น”

เธอไม่ชอบเห็นบ้านของคนอื่นถูกทำลาย แค่บทเรียนนี้ก็เพียงพอแล้ว

“โอเคผมฟังคุณ”เฟิงหานชวนแตะหน้าผากของผู้หญิงคนนั้นด้วยหน้าผากของเขา

ทั้งสองก็พลอดรักกันอีกครั้ง

แม่บ้านหลี่มองจากในครัวและพูดกับตัวเองในใจว่าพวกเขาคือคู่รักข้าวใหม่ปลามันชัดๆ

หลังอาหารเย็นทั้งสองคนก็จับมือกันเดินเล่นในบริเวณคฤหาสน์

เมื่อกลับมาที่ห้อง เป๋าฮวนก็ถูกเฟิงหานชวนดันไปที่ประตูทันที

“อาหาน ทำไมคุณถึงรีบจัง?”ป๋อฮวนรู้สึกเย็นๆหลังจึงอุทานออกมา

เฟิงหานชวนบีบเอวเรียวบางของเธอและกัดเข้าที่หูของเธอ เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยว่า: “รีบทำลูก”

เขาปิดริมฝีปากของหญิงสาวด้วยปากของเขาทันที

อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ…

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจิตใจฟุ้งซ่านอยู่นั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างหงุดหงิดและกำลังจะตัดสาย แต่จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้ว

“ใครโทรมาเหรอ?”เป๋าฮวนหอบหายใจและถามด้วยความสงสัย

“เยี่ยฝาน”ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูเย็นชา

“เยี่ยฝาน?”เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าเยี่ยฝานเป็นพี่ชายคนโตของเยี่ยจิ่งเฉินและเป็นทายาทของตระกูลเยี่ย

เพียงแต่ว่าจู่ๆเยี่ยฝานก็โทรหาเฟิงหานชวน มันคือเรื่องอะไรกัน

“คุณสนิทกับเยี่ยฝานเหรอ?”เป๋าฮวนถามเขา

“แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย”เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและวิเคราะห์อย่างใจเย็น: “มันน่าจะเกี่ยวกับเยี่ยจิ่งเฉิน”

เขาเชื่อมต่อโทรศัพท์และกดสปีกเกอร์โฟน

“ประธานเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”เสียงที่สุภาพของเยี่ยฝานดังขึ้น

“มีเรื่องอะไรเหรอครับประธานเยี่ย?”เฟิงหานชวนเองก็ตอบอย่างสุภาพเช่นกัน

ตระกูลเยี่ยก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แม้ว่าจะไม่เท่ากับตระกูลเฟิงแต่ก็มีอำนาจครองห้างสรรพสินค้าเช่นกัน

“น้องชายของผม เยี่ยจิ่งเฉินได้สร้างปัญหาในห้านอวิ๋นตวนวันนี้ และผมอยากจะขอโทษประธานเฟิงแทนเขา”

หวังหยวนหยวนทิ้งเยี่ยจิ่งเฉินไว้ ขับรถลัมโบกินี่ ตรงไปยังหวังซื่อกรุ๊ป

เมื่อไปถึงหวังซื่อกรุ๊ป เธอรีบขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนและไปที่ห้องทำงานของประธานอย่างรีบร้อน

เมื่อเลขาคนหนึ่งเห็นเธอ ก็ขวางไว้ทันที ขณะที่กำลังจะพูด ก็เห็นจมูกเขียวช้ำบวมเป่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิ่งของหวังหยวนหยวน

เลขาสาวตกใจมากจนสีหน้าซีดเซียว รีบถามว่า: “คุณหนูใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”

“พ่อฉันหล่ะ! พ่อของฉันไม่อยู่ในออฟฟิศ เขาอยู่ที่ไหน——” หวังหยวนหยวนกำลังโกรธจัดและเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอ

“คุณหนูใหญ่ ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ในห้องประชุม ฉันพาคุณไปโรงพยาบาลก่อนดีไหม?”

“กำลังประชุมอยู่? ฉันจะไปที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้!” เมื่อได้ยินเช่นนี้หวังหยวนหยวนก็ลงไปที่ห้องประชุมข้างล่างโดยไม่สนใจการขัดขวางของเลขาสาว

หวังหยวนหยวนรีบวิ่งเข้าไปในห้องประชุมด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ประธานหวังเห็นเข้าก็ดุทันที: “หยวนหยวน เธอทำอะไรอยู่! เรากำลังประชุมกันอยู่! เธอ……เธอทำไมมีสภาพอย่างนี้?”

ผู้บริหารระดับสูงอื่นๆเห็นท่าทางของหวังหยวนหยวนก็ตกตะลึง

“ใครเป็นคนทำแบบนี้ ทำไมหยวนหยวนโดนทุบตีแบบนี้?” ผู้อาวุโสรีบถาม

“พ่อคะ พ่อต้องจัดการให้หนูนะ! หนูถูกทุบตี พ่อจะยังประชุมอะไร พ่อต้องล้างแค้นให้หนูนะ!” หวังหยวนหยวนกรีดร้องขึ้นมา

ทุกคนรีบปิดหูทันที

ทุกคนรู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหวังกรีดร้อง จะไม่มีใครที่ไม่ปิดหู

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! วันนี้ลูกไปซื้อของกับจิ่งเฉินไม่ใช่เหรอ? แล้วคนหล่ะ!” ประธานหวังถามอย่างดุดัน

“เขาก็ถูกทุบตีด้วย! อย่าพูดถึงเขา ทั้งหมดเป็นฝีมือของแฟนเก่าเขา เราถูกบอดี้การ์ดของแฟนเก่าเขาทุบตี!” หวังหยวนหยวนพูดไปร้องไห้ไป

“อะไร——” เมื่อทุกคนได้ยิน ไม่เพียงแต่ประธานหวังเท่านั้น แต่ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ก็รู้สึกโกรธมากด้วย

นี่ไม่เพียงทุบตีแค่ใบหน้าของหวังหยวนหยวน แต่ยังรวมถึงหน้าตาของตระกูลหวังด้วย

“แฟนเก่าของเขาเป็นใคร หยวนหยวนหนูบอกมา แล้วลุงจะล้างแค้นให้หนู!” ผู้บริหารระดับสูงหลายคนลุกขึ้นทันที

“ใช่ ลุงจะช่วยหนูล้างแค้นและสอนบทเรียนให้กับผู้หญิงคนนั้น!”

“ใช่ กล้าทำให้หยวนหยวนเราโกรธ พวกเราจะทำให้เธอไม่มีผลไม้กิน” หลายคนเอาใจประธานหวัง แต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ชอบหวังหยวนหยวน

หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนหยวนนิสัยเสียและอารมณ์ไม่ดี พวกเขาทุกคนมีลูกชายและคงจะส่งลูกชายไปเป็นลูกเขยของตระกูลหวังไปนานแล้ว

เพียงแต่ว่า ทุกคนเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล และมีเงิน ไม่มีใครกล้าปล่อยให้ลูกชายลำบาก!

“ยังไงก็เถอะ ลูกบอกว่าแฟนเก่าของจิ่งเฉินคือเฉินซินโหรวไม่ใช่เหรอ? เธอกล้าดียังไงถึงทุบตีลูกแบบนี้” ประธานหวังถามอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้

เมื่อก่อนตอนที่เฉินซินโหรวขายตัว เขาเคยนอนกับเฉินซินโหรวหลายครั้ง รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินซินโหรวกับเยี่ยจิ่งเฉิน เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าผู้มีพระคุณของเฉินซินโหรว

เพียงแต่ว่า ภายหลังเฉินซินโหรวถูกหลิวหลิงจงเลี้ยงดู และเฉินซินโหรวก็เข้าสู่วงการบันเทิงและกลายเป็นที่นิยม เขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเฉินซินโหรว ดังนั้นเขาจึงเลิกติดต่อ

ในความเห็นของเขา เฉินซินโหรวไม่น่าทำเรื่องแบบนี้ได้

“ไม่ใช่เฉินซินโหรวคนนั้น! เฉินซินโหรวที่เป็นแฟนเก่า แต่เป็นแฟนคนแรกของเยี่ยจิ่งเฉินชื่อ เฉินฮวนฮวน!” หวังหยวนหยวนกระทืบเท้าด้วยความโกรธและพูดอย่างรวดเร็ว: “เธอบอกว่าเธอเป็นคนตระกูลเป๋าประเทศเฉิน ชื่อว่าเป๋าฮวนด้วย!”

“ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน?” ประธานหวังได้ยินเข้า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ผู้บริหารระดับสูงในที่นี้ ไม่มีสักคนที่สีหน้าไม่เปลี่ยน!

หวังหยวนหยวนกลับไม่ได้สังเกต แต่เธอยกคางขึ้นและพูดอย่างมั่นใจว่า: “พ่อ พ่อต้องลงโทษเป๋อฝาฮวนคนนี้ให้หนัก ทำให้ครอบครัวของเธอล้มละลาย ทำให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าหนูเพื่อขอความเมตตา——”

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งรีบเข้ามา

เมื่อเห็นเป๋าฮวนทุบตีผู้หญิงที่เหมือนแม่หมูจนจมูกฟกช้ำและหน้าบวมเป่ง ทั้งสองคนก็ยืนโง่อยู่ที่เดิม

คุณหนูใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นแข็งกร้าวแบบนี้?

หวังหยวนหยวนมองดูท่าทางยืนโง่ของพวกเขา คิดแค่ว่าเป็นผู้คุ้มกันของเธอเองเลยรีบตะโกนว่า: “พวกแกโง่ไปแล้วเหรอ? รีบลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!”

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองดูที่แม่หมูพร้อมกัน จ้องหน้ากันและกัน ไม่มีใครไปข้างหน้า

ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ถึงกล้าบอกให้ลากคุณหนูใหญ่ออกไป?

“พวกแก!” เมื่อไม่เห็นพวกเขาตอบสนอง หวังหยวนหยวนก็ตะโกนว่า: “ฉันจะให้พ่อหักค่าจ้างพวกแก เร็วๆเข้าสิ!”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเห็นสถานการณ์เข้าก็คิดว่าทั้งสองคนที่เข้ามาเรียก “คุณหนูใหญ่” เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหวัง และเขาก็ถูกฝังฟังเกาะติดจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เขาทำได้เพียงรีบพูดว่า: “พวกแกสองคน เห็นคุณหนูใหญ่ของพวกแกถูกรังแกไหม? รีบช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกแกสิ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนก็หัวเราะออกมาโดยตรง

เธอยืดตัวตรงขึ้น เหยียบเข่าของหวังหยวนหยวนด้วยเท้าข้างหนึ่ง หันหน้าไปทางเยี่ยจิ่งเฉิน และเยาะเย้ยว่า: “เยี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของฉัน ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา ตกลงไหม?”

“อะไรนะ!” เยี่ยจิ่งเฉินตกตะลึง “คุณหนูใหญ่?”

เฉินฮวนฮวนเป็นคนจนมาก เธอจะมีบอดี้การ์ดได้ยังไง จะถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร

หรือว่า……เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนอยู่ด้วยกันอีกครั้ง?

“คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ!?” เยี่ยจิ่งเฉินถามอย่างรวดเร็ว

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ยินข่าวของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน!

นี่มันอะไรกัน?

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขาสักนิด

เธอปรบมือและให้สัญญาณตากับจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง: “ที่นี่ปล่อยให้พวกคุณจัดการ”

พูดจบ เธอก็จับมือฝังฟังและออกจากที่นี่ไปเลย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงของหวังหยวนหยวนและเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังออกมาจากในร้าน

เยี่ยจิ่งเฉินยังอยู่ในอาการสับสน ขณะที่ถูกจิ่งมั่วสอน เขาไม่ลืมที่จะถามว่า: “ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคือใครกันนั่น? พวกแกเป็นผู้คุ้มกันของเฟิงหานชวนหรือ?”

“พวกเราไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฟิง เราเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าประเทศเฉิน” จิ่งมั่วมองดูเขาอย่างดูถูกและพูดอย่างเย็นชา

ผู้ชายแบบนี้เป็นรักแรกของคุณหนูใหญ่ ขายหน้าให้คุณหนูใหญ่จริงๆ!

“อะไรนะ? ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน? ตระกูลเป๋าอะไร?” เยี่ยจิ่งเฉินยังคงตกตะลึง

เขาจำได้ว่าฝังฟังเพิ่งบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเป๋า และเฉินฮวนฮวนก็บอกว่าตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน

แต่ว่า พื้นภูมิของตระกูลเป๋าคืออะไรกันแน่?

จิ่งเหลิ่งเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า: “พี่ชาย พูดไร้สาระกับคนงี่เง่าแบบนี้ทำไม! แม้แต่ตระกูลเป๋าก็ไม่รู้จักไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับเรา”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินได้ยิน ในใจก็ “ค้าง” ทันที

สองคนนี้เป็นแค่บอดี้การ์ด แม้แต่บอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าก็เจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?

ที่แท้ตระกูลเป๋ามีความเป็นมาอย่างไรนะ!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งให้บทเรียนกับทั้งสองคน ก็ทิ้งพวกเขาไว้แล้วจากไปโดยตรง

หวังหยวนหยวนลุกขึ้นจากพื้น ร่างอ้วนของเธอพุ่งเข้าหาเยี่ยจิ่งเฉิน และเสียงตบ “เพี๊ยะ” เยี่ยจิ่งเฉินถูกตบอย่างแรง

“เยี่ยจิ่งเฉิน ไอ้คนสมควรตาย! นายเป็นคนนำพาผู้หญิงคนนี้มาและนายทำให้ฉันอับอายมาก!”

“ฉันจะทำให้นายไม่ได้ตายดี เยี่ยจิ่งเฉิน กลับไปแล้วดูว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง!”

“แล้วยังมี ตระกูลเป๋าใช่ไหม? ฉันก็อยากดูว่า ที่แท้เป็นตระกูลเป๋าอะไร ถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้!”

“ฉันจะให้พ่อของฉันจัดการตระกูลเป๋าให้ตายทำให้พวกเขาล้มละลาย——”

หวังหยวนหยวนกำหมัดแน่น ผมของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ และก็ขู่เสียงดังออกมา

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งรีบเข้ามา

เมื่อเห็นเป๋าฮวนทุบตีผู้หญิงที่เหมือนแม่หมูจนจมูกฟกช้ำและหน้าบวมเป่ง ทั้งสองคนก็ยืนโง่อยู่ที่เดิม

คุณหนูใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นแข็งกร้าวแบบนี้?

หวังหยวนหยวนมองดูท่าทางยืนโง่ของพวกเขา คิดแค่ว่าเป็นผู้คุ้มกันของเธอเองเลยรีบตะโกนว่า: “พวกแกโง่ไปแล้วเหรอ? รีบลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!”

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองดูที่แม่หมูพร้อมกัน จ้องหน้ากันและกัน ไม่มีใครไปข้างหน้า

ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ถึงกล้าบอกให้ลากคุณหนูใหญ่ออกไป?

“พวกแก!” เมื่อไม่เห็นพวกเขาตอบสนอง หวังหยวนหยวนก็ตะโกนว่า: “ฉันจะให้พ่อหักค่าจ้างพวกแก เร็วๆเข้าสิ!”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเห็นสถานการณ์เข้าก็คิดว่าทั้งสองคนที่เข้ามาเรียก “คุณหนูใหญ่” เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหวัง และเขาก็ถูกฝังฟังเกาะติดจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เขาทำได้เพียงรีบพูดว่า: “พวกแกสองคน เห็นคุณหนูใหญ่ของพวกแกถูกรังแกไหม? รีบช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกแกสิ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนก็หัวเราะออกมาโดยตรง

เธอยืดตัวตรงขึ้น เหยียบเข่าของหวังหยวนหยวนด้วยเท้าข้างหนึ่ง หันหน้าไปทางเยี่ยจิ่งเฉิน และเยาะเย้ยว่า: “เยี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของฉัน ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา ตกลงไหม?”

“อะไรนะ!” เยี่ยจิ่งเฉินตกตะลึง “คุณหนูใหญ่?”

เฉินฮวนฮวนเป็นคนจนมาก เธอจะมีบอดี้การ์ดได้ยังไง จะถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร

หรือว่า……เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนอยู่ด้วยกันอีกครั้ง?

“คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ!?” เยี่ยจิ่งเฉินถามอย่างรวดเร็ว

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ยินข่าวของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน!

นี่มันอะไรกัน?

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขาสักนิด

เธอปรบมือและให้สัญญาณตากับจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง: “ที่นี่ปล่อยให้พวกคุณจัดการ”

พูดจบ เธอก็จับมือฝังฟังและออกจากที่นี่ไปเลย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงของหวังหยวนหยวนและเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังออกมาจากในร้าน

เยี่ยจิ่งเฉินยังอยู่ในอาการสับสน ขณะที่ถูกจิ่งมั่วสอน เขาไม่ลืมที่จะถามว่า: “ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคือใครกันนั่น? พวกแกเป็นผู้คุ้มกันของเฟิงหานชวนหรือ?”

“พวกเราไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฟิง เราเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าประเทศเฉิน” จิ่งมั่วมองดูเขาอย่างดูถูกและพูดอย่างเย็นชา

ผู้ชายแบบนี้เป็นรักแรกของคุณหนูใหญ่ ขายหน้าให้คุณหนูใหญ่จริงๆ!

“อะไรนะ? ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน? ตระกูลเป๋าอะไร?” เยี่ยจิ่งเฉินยังคงตกตะลึง

เขาจำได้ว่าฝังฟังเพิ่งบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเป๋า และเฉินฮวนฮวนก็บอกว่าตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน

แต่ว่า พื้นภูมิของตระกูลเป๋าคืออะไรกันแน่?

จิ่งเหลิ่งเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า: “พี่ชาย พูดไร้สาระกับคนงี่เง่าแบบนี้ทำไม! แม้แต่ตระกูลเป๋าก็ไม่รู้จักไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับเรา”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินได้ยิน ในใจก็ “ค้าง” ทันที

สองคนนี้เป็นแค่บอดี้การ์ด แม้แต่บอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าก็เจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?

ที่แท้ตระกูลเป๋ามีความเป็นมาอย่างไรนะ!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งให้บทเรียนกับทั้งสองคน ก็ทิ้งพวกเขาไว้แล้วจากไปโดยตรง

หวังหยวนหยวนลุกขึ้นจากพื้น ร่างอ้วนของเธอพุ่งเข้าหาเยี่ยจิ่งเฉิน และเสียงตบ “เพี๊ยะ” เยี่ยจิ่งเฉินถูกตบอย่างแรง

“เยี่ยจิ่งเฉิน ไอ้คนสมควรตาย! นายเป็นคนนำพาผู้หญิงคนนี้มาและนายทำให้ฉันอับอายมาก!”

“ฉันจะทำให้นายไม่ได้ตายดี เยี่ยจิ่งเฉิน กลับไปแล้วดูว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง!”

“แล้วยังมี ตระกูลเป๋าใช่ไหม? ฉันก็อยากดูว่า ที่แท้เป็นตระกูลเป๋าอะไร ถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้!”

“ฉันจะให้พ่อของฉันจัดการตระกูลเป๋าให้ตายทำให้พวกเขาล้มละลาย——”

หวังหยวนหยวนกำหมัดแน่น ผมของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ และก็ขู่เสียงดังออกมา

“ฝังฟัง คุณจะซื้อของพวกนี้เหรอ?”

เมื่อมองไปที่ชุดนอนเซ็กซี่ที่หลากหลาย เป๋าฮวนรู้สึกเขินเล็กน้อย

“ช่วงนี้สามีของฉันมักจะกลับบ้าน เพราะทะเลาะกับเมียน้อยคนนั้น ฉันจึงอยากสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเขาอีกครั้ง รื้อฟื้นสัมผัสความหลงใหลก่อนแต่งงาน” ฝังฟังพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เขินอาย

เธอมองดูท่าทางเขินอายของเป๋าฮวน และนึกถึงเป๋าฮวนเคยบอกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้เรื่อง

ดังนั้นเธอจึงเอนตัวไปที่หูของเป๋าฮวน และกระซิบ: “ฮวนฮวน คุณลองซื้อกลับไปลองดูไหม? บางทีถ้าคุณชายสามเห็นอาจจะเปลี่ยนจากหนึ่งนาทีเป็นห้านาทีเลยนะ”

เป๋าฮวนยิ้มไม่ออก

กำลังจะอธิบายว่าตอนนั้นตัวเองแค่พูดเล่น ทันใดนั้น เสียงจากประตูก็ดังขึ้น:

“เฉินเฉิน แฟนเก่าของคุณเฉินซินโหรว ตอนนี้เหมือนคนบ้าเลย เมื่อกี้ถูกคนลากตัวออกไป น่าอายที่สุด!”

“ต่อไปนี้ถ้าออกไปข้างนอก ห้ามยอมรับความสัมพันธ์ของคุณกับเธอเด็ดขาด~ ไม่งั้นฉันจะโกรธ~~~”

เสียงของผู้หญิงออดอ้อน เป๋าฮวนและฝังฟังที่ยืนอยู่ในร้านเมื่อได้ยินต่างก็ขนลุก

ความรังเกียจของฝังฟังไม่สามารถยับยั้งได้ แต่การแสดงออกของเป๋าฮวนตะลึง

เฉินเฉิน เฉินซินโหรว แฟนเก่า…

ดังนั้น คนที่เข้ามาตอนนี้คือเยี่ยจิ่งเฉินและภรรยาของเขา?

ก่อนหน้านี้จิ่งมั่วเคยหาข้อมูล เยี่ยจิ่งเฉินได้แต่งงานกับหวังหยวนหยวน ลูกสาวของตระกูลหวัง เมื่อสองปีก่อนและกลายเป็นลูกเขยของหวังซื่อกรุ๊ป เขายังได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการในหวังซื่อกรุ๊ปอีกด้วย

ไม่เพียงแต่เจอกับเฉินซินโหรว ตอนนี้ยังเจอกับเยี่ยจิ่งเฉิน แฟนเก่าสารเลว!

วันนี้วันซวยอะไรของเธอ?

“ไม่ต้องห่วง หยวนหยวน เธอเป็นผู้หญิงที่สกปรก ผมไม่มีทางเหลือบมองเธออีก และจะไม่ยอมรับความสัมพันธ์ที่เคยมีกับเธอ” เยี่ยจิ่งเฉินจับมือของหวังหยวนหยวนและพูดอย่างเสน่หา

อย่างไรก็ตาม ลึกลงไปในดวงตาของเขา มีร่องรอยของความรังเกียจ แต่มันถูกซ่อน

ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน ดูเหมือนหวังหยวนหยวนจะเห็นอะไรบางอย่าง และวิ่งไปในทิศทางของเป๋าฮวน ชี้ไปที่ฉากบนผนังแล้วพูดว่า: “เฉินเฉิน ดูชุดนั้นสิ ถ้าฉันใส่มันคงจะสวยมาก คืนนี้ฉันจะใส่ให้คุณดู ดีไหม?”

เยี่ยจิ่งเฉินลูบหน้าและเดินไปหาเธอ เขากำลังจะพูด แต่เขาก็อึ้ง เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหวังหยวนหยวน

“ฮวน…ฮวนฮวน…” เขาตกใจ รีบเอื้อมมือขยี้ตา

ไม่ เขาไม่ได้ตาฝาด!

ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า คล้ายเฉินฮวนฮวนมากจริงๆ!

เป๋าฮวนยิ้มจางๆ: “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“คุณคุณคุณ…3ปีที่แล้วคุณ…” ดวงตาของเยี่ยจิ่งเฉินเบิกกว้าง เมื่อเขาได้ยินเสียงของเป๋าฮวน

“เมื่อ3ปีก่อนมันเป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันยังมีชีวิตอยู่” เป๋าฮวนอธิบายสั้นๆ

“เฉินเฉิน เธอเป็นใคร!” หวังหยวนหยวนหันไปมองเป๋าฮวน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหึงหวงและระคายเคือง

เป๋าฮวนสวย รูปทรงหน้าเล็ก ผิวขาวอมชมพู ดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อย

หวังหยวนหยวน ตัวเตี้ย แถมยังอ้วนมาก ผิวคล้ำและมีสิวบนใบหน้าของเธอ เหมือนกับแม่หมู

“เธอ เธอเป็นเพื่อนของผม เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย…” เยี่ยจิ่งเฉินอธิบายอย่างรวดเร็ว

“เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย?” หวังหยวนหยวนรู้สึกสงสัย และถามเป๋าฮวน: “คุณเรียนโรงเรียนมัธยมอะไร? บอกมา! บอกมาตรงๆ! ห้ามใช้รหัสลับ!”

มุมปากของเป๋าฮวนกระตุกเล็กน้อย รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย

“โรงเรียนมัธยมA” น้ำเสียงของเธอสงบ

เธอตอบตามความจริง แต่ก็ไม่อยากสนใจผู้หญิงคนนี้

“โรงเรียนมัธยมA?” ในเวลานี้ ฝังฟังตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ และถามอย่างรวดเร็ว: “ฮวนฮวน คุณไม่ใช่คนประเทศเฉินเหรอ? ทำไมคุณถึงอยู่โรงเรียนมัธยมA?”

“คนประเทศเฉิน!” ทันใดนั้น ตาของหวังหยวนหยวนเป็นประกายด้วยเปลวเพลิงโกรธ เธอดึงผมของเป๋าฮวนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับเป็นผู้ปกครอง “แกกล้าโกหกฉันงั้นเหรอ! บอกมา แกมีความสัมพันธ์อะไรกับเยี่ยจิ่งเฉิน——”

“เป็นบ้าเหรอ!” เป๋าฮวนจับข้อมือหวังหยวนหยวนและบีบมันอย่างแรง

“โอ้ย—” หวังหยวนหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และปล่อยมือทันที

หนังศีรษะของเป๋าฮวนถูกปล่อย ในวินาทีต่อมา หวังหยวนหยวนยื่นมือออกมาอีกครั้ง แต่เธอจับไว้ทัน

มิฉะนั้น ใบหน้าเล็กๆของเธอก็คงได้รับบาดเจ็บ

“เยี่ยจิ่งเฉิน คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิงคนนี้? มันกล้าดียังไง มาทำกับฉันแบบนี้!” หวังหยวนหยวนหันศีรษะของเธอจ้องไปที่เยี่ยจิ่งเฉินและคำราม

เยี่ยจิ่งเฉินกังวลเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงรักแรกของเขา แต่เขาไม่ต้องการให้หวังหยวนหยวนรู้ ไม่เช่นนั้นเสือโคร่งจะคำรามอีกครั้งแน่ๆ

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาต้องอธิบายให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นคงจะต้องอับอายในที่สาธารณะ!

“หยวนหยวน พอได้แล้ว ผมเคยคุยกับเธอตอนมัธยม ไม่มีอะไรนานแล้ว” เยี่ยจิ่งเฉินอธิบาย

“อะไรนะ? คุณเคยคุยกับเธองั้นเหรอ? แล้วเฉินซินโหรวล่ะ? ตอนมัธยมคุณคบกับเฉินซินโหรวไม่ใช่เหรอ!” หวังหยวนหยวนตะโกน

ในความคิดของเธอ เยี่ยจิ่งเฉินเคยคบแค่เฉินซินโหรวเท่านั้น ดังนั้นหลังจากทำให้พวกเขาเลิกกัน เธอก็แย่งเยี่ยจิ่งเฉินมา

แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้จะมีรักแรกปรากฏขึ้น?

หวังหยวนหยวนโกรธมาก โกรธจนเลือดขึ้นหน้า!

เยี่ยจิ่งเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ตบหลังเธอเบาๆและเกลี้ยกล่อม: “หยวนหยวน ผมไม่ได้เจอเธอมา3ปีแล้ว เมื่อกี้ผมแค่แปลกใจ มันไม่มีอะไรจริงๆ”

ท่าทางที่อบอุ่นของเยี่ยจิ่งเฉิน ทำให้สีหน้าของหวังหยวนหยวนดีขึ้นในทันที

เป๋าฮวนกระตุกที่มุมปาก มองไปที่เยี่ยจิ่งเฉิน เพียงแต่รู้สึกรังเกียจ

เยี่ยจิ่งเฉินในตอนนี้ เขายอมอยู่กับผู้หญิงเอาแต่ใจเช่นนี้เพื่อเงิน

“เฮอะ” เป๋าฮวนหัวเราะเยาะโดยไม่รู้ตัว

ท่าทีของเธอทำให้หวังหยวนหยวนโกรธอีกครั้ง เธอหันศีรษะและจ้องไปที่เป๋าฮวน ยกคางขึ้นและสั่งอย่างภาคภูมิใจ: “แกทำให้ฉันไม่พอใจ คุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!”

เป๋าฮวน: “???”

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? กล้าสั่งให้เป๋าฮวนขอโทษ?” ฝังฟังก้าวออกมาทันทีเพื่อหยุด

“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือ ลูกสาวของหวังซื่อกรุ๊ป หวังหยวนหยวน ถ้าพวกแกไม่ขอโทษฉัน ฉันจะให้พวกแกได้เห็นดีแน่!” หวังหยวนหยวน เอามือของเธอเท้าบนสะโพกของเธอ ท่าทางแสดงอำนาจ

เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกอับอายมาก อีกอย่างเฉินฮวนฮวนเป็นรักแรกของเขา แถมเขายังเป็นคนที่ห่วงศักดิ์ศรีมาก

แต่เขาไม่ได้พูดกับเฉินฮวนฮวน เขาเข้าใจนิสัยของหวังหยวนหยวน ไม่หยุดจนกว่าเธอจะสมใจ เฉินฮวนฮวนไม่มีภูมิหลัง และตระกูลเฉินก็ล้มละลายแล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังหยวนหยวน

“หวังซื่อกรุ๊ป?” ฝังฟังเย้ยหยันโดยตรงเมื่อเธอได้ยินคำนี้ “ฉันก็คิดว่าเป็นลูกสาวของตระกูลไหน ที่แท้ก็ตระกูลหวังนี่เอง ถึงได้ทำตัวกร่างขนาดนี้”

“แก…แกหมายความว่ายังไง! แก…” หวังหยวนหยวนจ้องเขม็งด้วยความโกรธ

“ฉันเป็นคุณนายรองของตระกูลหลิว” ฝังฟังตอบอย่างภาคภูมิใจ

ตระกูลหลิวมีระดับที่สูงกว่าตระกูลหวังระดับหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงมั่นใจมาก

“ห๊ะ? คุณนายรอง?” หวังหยวนหยวนดูเหมือนจะรู้เรื่องราววงใน จึงหัวเราะ: “สามีของแกก็เป็นแค่ลูกนอกกฎหมายไม่ใช่เหรอ? คุณนายรอง? แกยังกล้ายกยอตัวเองอีกเหรอ?”

“นี่…” สีหน้าของฝังฟังเปลี่ยนไป

“แกเป็นตัวอะไรในตระกูลหลิว! ส่วนฉัน ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ!”

หวังหยวนหยวนไม่กลัว แต่กลับภูมิใจยิ่งกว่าเดิม และกล่าวว่า:“จะว่าไป ก็เห็นแก่ที่แกเป็นคนในตระกูลหลิว ฉันจะไม่เอาเรื่อง เพราะระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกัน”

“แต่!” หวังหยวนหยวนจ้องไปที่เป๋าฮวนอย่างจองหอง “ผู้หญิงคนนี้ต้องขอโทษฉัน!”

เสียง “เพียะ” ดังขึ้น

คราวนี้คือเสียงที่เป๋าฮวนตบเฉินซินโหรว

“3ปีแล้ว เฉินซินโหรวเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย!” เป๋าฮวนยิ้มอย่างเย็นชา: “ฝังฟังคือเพื่อนของฉัน ห้ามใครแตะต้องเธอ”

หลังจากที่ฝังฟังได้ยิน เธอมองไปที่เป๋าฮวนด้วยความชื่นชมและพูดอย่างรวดเร็ว: “ฮวนฮวน คุณใจดีจัง!”

ใบหน้าของเฉินซินโหรวเต็มไปด้วยความโกรธ เธอยกมือขึ้นจะตบคืนเป๋าฮวน แต่ถูกเป๋าฮวนขวางไว้

“เฉินซินโหรว เธอคิดว่าฉันในตอนนี้จะยอมให้เธอรังแกฉันเหมือนเดิมเหรอ? คิดให้ดีๆจากตบเมื่อกี้ หลังจากนี้เธอจะเจอกับอะไร?”

เป๋าฮวนขดริมฝีปาก แต่พูดอย่างสงบ: “ฉันสามารถจัดการกับหลีซืออวิ๋น ได้นับประสาอะไรกับเธอเฉินซินโหรว”

เมื่อเฉินซินโหรวได้ยิน ใบหน้าของเธอก็ซีดไปครู่หนึ่ง

ใช่!

เธอหุนหันพลันแล่น!

เฉินฮวนฮวนในตอนนี้คือเป๋าฮวน แม้ว่าเป๋าฮวนก็คือเฉินฮวนฮวน แต่เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวนแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป

เป๋าฮวนไม่เพียงแต่มีเฟิงหานชวน แต่ยังมีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งเช่นตระกูลเป๋า!

เธอคิดไม่ถึงว่าเป๋าฮวนจะเป็นทายาทตระกูลเป๋า

ตอนนี้ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเป๋าฮวน เป๋าฮวนฆ่าเธอได้ง่ายๆ เหมือนกับการฆ่ามด

เช่นเดียวกับที่…เป๋าฮวนฆ่าลูกของเธอ เธออาจจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก

“เป๋าฮวน แกเลวมาก! ไม่พอใจอะไรก็ทำกับฉันสิ ทำไมต้องไปทำกับลูกของฉัน? แกรู้ไหม ฉันไม่มีลูกแล้ว ฉันไม่มีทายาทอีกแล้ว!” เฉินซินโหรวกรีดร้อง

เป๋าฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง

เธอรู้ว่าลูกของเฉินซินโหรวแท้งในงานเลี้ยงคืนนั้น แต่เธอไม่รู้ว่าเฉินซินโหรวจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก

“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” เป๋าฮวนถามเธอแล้วพูดว่า: “อีกอย่าง ฉันไม่ได้เป็นคนทำลูกของเธอ หลิวหลิงจงสามีของเธอเป็นคนทำ!”

ในเวลานั้นหลิวหลิงจงเตะท้องของเฉินซินโหรวอย่างแรงจนเธอแท้ง

“ไม่ เพราะแก ถ้าไม่ใช่เพราะแกยุยงหลิวหลิงจง เขาก็คงไม่ทำเช่นนั้นกับฉัน!” เฉินซินโหรวมีดวงตาสีแดงฉานราวกับผู้หญิงบ้าที่วิ่งออกจากโรงพยาบาลจิตเวชและต้องการจะฆ่าเป๋าฮวน

เป๋าฮวนตกใจเล็กน้อย

ถ้าตอนนั้นเธอไม่เปิดเผยตัวตน หลิวหลิงจงก็คงไม่โมโหจนทำร้ายร่างกายเฉินซินโหรว เฉินซินโหรวตั้งครรภ์อีกไม่ได้แล้วจริงเหรอ?

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเห็นใจเฉินซินโหรว และนึกถึงตัวเอง

ตัวเองก็เสียลูกไปเหมือนกัน!

“นี่แหละเวรกรรม เธอไม่สมควรมีลูก” เป๋าฮวนสงบลง รู้สึกว่าเธอไม่ควรเห็นอกเห็นใจเฉินซินโหรว

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซินโหรวและเฉินเหม่ยเจวียน คุณยายก็คงไม่ตาย

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงเลวอย่างเฉินซินโหรวจะสอนลูกได้ยังไง มันจะเป็นผลกับชีวิตของเด็กเท่านั้น ดังนั้นดีแล้วที่ไม่มีลูก!

“แก—เป๋าฮวน นังคนเลว! เอาลูกของฉันคืนมา!” เฉินซินโหรวเอื้อมมือไปบีบคอของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองดูเธออย่างสงบและกล่าวว่า: “ไม่ คนเลวที่แท้จริงคือเธอ”

“เธอทำเรื่องเลวๆมามาก ถึงได้รับผลกรรมแบบนี้”

“ไม่!!!” เฉินซินโหรวร้องลั่น

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนก็เข้ามาดึงเธอออกไป

ร้านอาหารตกอยู่ในความเงียบทันที

พนักงานมาทำความสะอาดเศษอาหารบนพื้นอย่างรวดเร็ว และพาเป๋าฮวนและฝังฟังไปที่โต๊ะใหม่

มื้อเที่ยงนี้ เป๋าฮวนไม่มีความสุข

บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอนึกถึงลูกตัวเอง ทำให้รู้สึกหดหู่เล็กน้อย

เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์ของเป๋าฮวน หลังจากทานอาหารเสร็จฝังฟังจึงซื้อชานมให้เป๋าฮวน และพาเธอไปช้อปปิ้ง

ฝังฟังหยุดอยู่หน้าร้านชุดนอนเซ็กซี่ร้านหนึ่ง จากนั้นลากเป๋าฮวนเข้าไป

ท้องฟ้าค่อยๆมืด

หลังจากคุยกับหลินอวี่หยางเสร็จ เป๋าฮวนก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้เธอเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียง กำลังถ่ายรายการวาไรตี้ ต้องรออีก3วันถึงจะกลับได้

เป๋าฮวนบอกสถานการณ์ของเธอกับหลินอวี่หยางแล้ว

เมื่อหลินอวี่หยางกลับมา เธอก็จะได้ไปเที่ยวเหิงเตี้ยน หลินอวี่หยางคุ้นเคยกับเหิงเตี้ยนมาก พวกเธอจะไปเที่ยวเหิงเตี้ยนด้วยกัน

หลังจากที่ทั้งสองนัดกัน จากนั้นก็วางสาย เพราะว่าหลินอวี่หยางต้องเข้าฉากกลางคืน

เฟิงเฉินเหยี่ยนยังไม่กลับ พูดพร่ำอยู่ครู่นึง จากนั้นก็เห็นสีหน้าไม่ดีของเฟิงหานชวน จึงกลับไปแต่โดยดี

ในบ้านกลับมาเงียบอีกครั้ง

กลับไปที่ห้องนอนบนชั้นสอง เป๋าฮวนปิดประตูแล้วล็อค จากนั้นผลักชายร่างใหญ่เฟิงหานชวนพิงกำแพง แล้วคว้าคอเสื้อสีดำของเขาด้วยมือทั้งสอง

เธอยืนเขย่งปลายเท้าและวางใบหน้าไว้ข้างหน้าผู้ชาย เพียงจ้องมองอย่างเงียบๆ

“อาหาน คุณหล่อมาก~” เป๋าฮวนพูดด้วยรอยยิ้ม: “ทำไมคุณถึงหล่อขนาดนี้?”

แก้มของผู้ชายเริ่มแดง เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง แล้วพูดอย่างไม่เต็มใจ: “ฮวนฮวน ดึกแล้ว วันนี้พักผ่อนกันเถอะ”

หลังจากเจอกับเรื่องต่างๆของหลีซืออวิ๋น เป๋าฮวนคงจะเหนื่อย ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไม่อยากใช้แรงกับเธอ

เป๋าฮวนหันศีรษะและเหลือบมองนาฬิกา พลางเม้มปาก: “ห๊ะ เกือบเที่ยงคืนแล้ว!”

เธอจำได้ว่าตอนที่เธอลงไปข้างล่างเพิ่งจะ8โมง

“งั้นวันนี้ช่างเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอน”

พูดจบ เป๋าฮวนหันหลังและเดินไปที่ห้องน้ำ ไม่นาน เสียงน้ำก็ดังมาจากห้องน้ำ

เฟิงหานชวนเดินไปที่โซฟา จากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ ดูสรุปเอกสารที่บริษัทส่งมาให้ในวันนี้

20นาทีต่อมา เสียงดัง “คลิก” ประตูก็เปิดออก

เฟิงหานชวนหันไปดู กำลังจะอ้าปากพูด แต่สิ่งที่เขาต้องการจะพูดค้างในลำคอ

ผู้หญิงเดินออกมาโดยห่อด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กๆเท่านั้น ภายใต้แสงไฟ ขาเรียวของเธอดูขาวและอ่อนโยน

แก้มของเธอเป็นสีแดง ดูเขินอาย

“ฉันลืมเอาชุดนอน ก็เลยออกมาเปลี่ยน คุณรีบเข้าไปอาบเถอะ” เป๋าฮวนกัดริมฝีปากของเธอ แล้วหันหลังกลับ เดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด

เฟิงหานชวนปิดคอมพิวเตอร์และยืนขึ้นจากโซฟา แต่จากมุมตาของเขา เขาเหลือบเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้องเปลี่ยนชุด

ผู้หญิงหันหลังให้เขา ผ้าเช็ดตัวตกลงพื้น แผ่นหลังที่สวยงามของเธอก็ปรากฏ และเธอก็ไม่หลบเลี่ยง

เธอสะบัดชุดนอนกระโปรงในมือของเธอ แล้วสวมจากหัว ไหลลงมาที่ตัว

เมื่อเป๋าฮวนหันกลับมา เธอก็บังเอิญมองไปที่เฟิงหานชวน เธอจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “โรคจิต!”

เฟิงหานชวนขดริมฝีปากด้วยรอยยิ้มที่มุมริมฝีปาก “แค่กับคุณเท่านั้น”

ด้วยคำพูดง่ายๆเหล่านี้ ทำให้เป๋าฮวนหน้าแดง รีบไปที่เตียงแล้วห่มผ้าห่ม

“ฉันจะนอนแล้ว!” ขณะที่เธอพูด เธอก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ จากนั้นก้าวขาเดินไปทางห้องน้ำ

หลังจากที่เขาออกมา ผู้หญิงผล็อยหลับไปแล้ว ริมฝีปากสีชมพูของเธอเปิดอ้าเล็กน้อย เธอหายใจเข้าออก

เขาเอื้อมมือไปโอบกอดเธอและนอนกับเธอ

พระอาทิตย์ส่องแสง

เป๋าฮวนตื่นขึ้นมา รู้สึกสบายมาก เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอพบว่าที่ข้างๆเธอว่างเปล่า

เธอลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน ยืดเอว ลุกจากเตียงอย่างช้าๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาแล้วโทรหาเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ผมอยู่บริษัท” ผู้ชายรับโทรศัพท์และรายงานการเคลื่อนไหวของเขา

“โอเค ฉันก็ว่าทำไมตื่นเช้ามาแล้วไม่เจอคุณ คุณแอบขี้เกียจมาตั้งหลายวัน บริษัทน่าจะมีเรื่องให้จัดการมากมาย! ฉันไม่รบกวนคุณละนะ”

อีกด้านหนึ่ง ผู้ชายหัวเราะและพูดว่า:“เดี๋ยวผมให้คนไปรับคุณมาที่นี่ มากินมื้อเที่ยงกับผม”

เป๋าฮวนกำลังจะตอบตกลง แต่จู่ๆก็นึกขึ้นห้องรับรองที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานของเฟิงหานชวน เธอเม้มปากแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากไปบริษัทของคุณ”

“ทำไมล่ะ?” น้ำเสียงของผู้ชายเศร้าสร้อย

“ที่ห้องทำงานของคุณมีห้องรับรอง ถ้าฉันไปจะส่งผลกระทบต่องานของคุณ เจอกันตอนกลางคืนดีกว่า!” เป๋าฮวนพูดอย่างเอาแต่ใจ

เฟิงหานชวนหันศีรษะและเหลือบมองไปยังประตูลับในห้องทำงานโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ยกขึ้นที่มุมปากของเขา และพูดอย่างใจเย็น: “ก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะกลับไปจัดการคุณ”

จัดการ!?

คำนี้ทำให้เป๋าฮวนหน้าแดง

“ฉันตางหากที่จะจัดการคุณ ไม่ใช่คุณจักการฉัน บ๊ายบาย!” เป๋าฮวนวางสายทันที เอื้อมมือออกและตบแก้มของเธอเบาๆ

กำลังจะวางโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์สั่นกะทันหัน เป๋าฮวนเปิดไปดูในวีแชท พบว่าเป็นข้อความจากฝังฟัง

【คุณเป๋า อย่าลืมฉันนะ ฉันรอการติดต่อกลับจากคุณเป๋าอยู่~】

เมื่อเป๋าฮวนเห็น ก็ถึงขึ้นได้ว่าเมื่อวานที่ไปกินข้าวและทำสปา ฝังฟังเป็นคนจ่ายทั้งหมด เธอรู้สึกท่วมท้นและรีบตอบกลับทันทีว่า:

【ตอนเที่ยงเจอกันที่ห้างอวิ๋นตวน? 】

เธอกำลังมองหาเสื้อผ้าที่จะใส่ไปถ่ายรายการพอดี วันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ถ้างั้นไปช้อปปิ้งดีกว่า

ในวินาทีต่อมา ฝังฟังส่งข้อความเสียงตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น

ตอนเที่ยง เป๋าฮวนมาถึงตามนัด

ฝังฟังมารอเธอที่ร้านอาหารแต่เช้าแล้ว

“ขอโทษนะ คุณรอนานหรือยัง” เป๋าฮวนคุยกับนายท่านก่อนสักพัก และพบกับรถติดระหว่างทาง จึงทำให้มาสายเล็กน้อย

ไม่คิดว่าฝังฟังจะมารอแล้ว

“ไม่เป็นไร คุณเป๋า แค่คุณชวนฉันมาทานข้าวก็เป็นเกียรติของฉันมากแล้ว!” ฝังฟังกล่าวอย่างสุภาพ

“ไม่ต้องเกรงใจ เรียกฉันว่าฮวนฮวนก็ได้ งั้นสั่งอาหารกันเถอะ” เป๋าฮวนยิ้มเบาๆ

ฝังฟังตื่นเต้นมาก “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจละนะ ฮวนฮวน”

หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสองก็พูดคุยไปทานไป

ทันใดนั้น เสียงของรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นมาแต่ไกล มือคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเธอ

“ปั๊ง!”

มือทั้งสองดึงผ้าปูโต๊ะออกจากโต๊ะ ทำให้ถ้วยจานทั้งหมดตกลงไปที่พื้น แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“กรี๊ดดดดดด!”

ฝังฟังกรีดร้อง หันศีรษะไปที่ผู้หญิง จากนั้นม่านตาของเธอก็หรี่ลง และชี้: “คุณ คุณ… คุณคือเฉินซินโหรว? คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ทำอะไรของคุณเนี่ย?”

เมื่อพนักงานเห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ทุกคนต่างยืนดูสถานการณ์

เป๋าฮวนสงบมากในขณะนั้น เธอยืนขึ้น เผชิญหน้ากับเฉินซินโหรว และถามอย่างใจเย็น: “กลางวันแสกๆ เธอคิดจะทำอะไร?”

“เฉินฮวนฮวน–” เฉินซินโหรวกำมือของเธอเป็นกำปั้น หลังมือมีเส้นเลือดโผล่ขึ้น

เธอรู้ว่าหลีซืออวิ๋นอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกลงโทษแล้ว

แต่เพราะเฉินฮวนฮวน เธอถึงถูกหลิวจงเตะจนเธอแท้งลูก

ตอนนี้เธอไม่เป็นที่ยอมรับในวงการอีกต่อไป!

เธอเกลียดเฉินฮวนฮวน!

“ขออภัย ฉันไม่ได้ใช้นามสกุลเฉิน ฉันชื่อเป๋าฮวน” เป๋าฮวนกล่าวอย่างใจเย็น

ฝังฟังกล่าวเสริมอีก: “ใช่ คุณเป๋านามสกุลเป๋า คุณเฉินซินโหรวคุณจำคนผิดแล้ว! คุณทำแบบนี้ในที่สาธารณะ คุณบ้าไปแล้ว!”

เสียงดัง “เพียะ” เฉินซินโหรวตบหน้าฝังฟัง

“เป็นแค่คนนอก มีสิทธิ์อะไรมาพูด?”

เสียงดัง“แอ๊ด” ประตูห้องถูกเปิด

เฟิงหานชวนเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ ก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง คิ้วขมวดแน่น สายตาจ้องที่จอมือถือ

เขาเดินไปทางเธอ แล้วถามว่า “กำลังดูข่าวเหรอ?”

“อืม ดูจบแล้ว”เป๋าฮวนวางมือถือไว้ด้านข้าง ลุกขึ้นยืนแล้วพยักหน้า

“เธอถูกส่งไปที่ห้องขัง สามวันให้หลังตัดสินลงอาญา” เฟิงหานชวนพูดเสียงเรียบ

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก ริมฝีปากชมพูเปิดออก “ตอนนี้ เรื่องก็คลี่คลายเกือบหมดแล้ว”

“อืม”เฟิงหานชวนพยักหน้า ยกมือลูบไปที่หัวเล็กๆของเธอ

เป๋าฮวนอ้าแขนทั้งสองกอดชายหนุ่มตรงหน้าไว้ มุดศีรษะเข้าไปในอดของเขา

เฟิงหานชวนปล่อยให้เธอกอดตัวเอง

“อาหาน…”เป๋าฮวนไม่รู้ควรพูดอะไร ก็แค่อยากกอดเขาไว้เท่านั้น

“ฮวนฮวนอย่าคิดมาก ในเมื่อหลีซืออวิ๋นโหดร้ายขนาดนั้น ทุกอย่างในตอนนี้เป็นโทษที่เธอควรได้รับ” เฟิงหานชวนปลอบเธอด้วยเสียงอ่อนโยน

เขารู้ เป๋าฮวนยังคงคาใจเรื่องนี้อยู่ ให้เธอปล่อยวางทันที มันเป็นไปไม่ได้

เป๋าฮวนพยักหน้าเบาๆ “ฉันรู้ ฉันแค่รู้สึกถ้าหากทั้งหมดนี้ไม่เกิดขึ้น มันจะดีแค่ไหน…”

“ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้น พวกเราก็ไม่สูญเสียลูกไป นั่นเป็นลูกคนแรกของเรา ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้น ตอนนี้ลูกเราคงเดินได้แล้ว ลูกยังเล็กมาก ไม่รู้ว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว?”

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง หอมที่หน้าผากของเธอแรงๆ กอดเธอไว้แน่น

เขาไม่อยากให้เป๋าฮวนคิดมากไปกว่านี้ เขาอยากให้เธอมองโลกในแง่ดีขึ้นหน่อย

“ไม่ช้าพวกเราก็มีจะมีลูก ลูกคนนั้นจะกลับมา ลูกจะต้องกลับมาเกิดในท้องของคุณอีกครั้ง” เขาตบที่หลังของเธอเบาๆอย่างปลอบใจ

เป๋าฮวนเงยหน้ามองเขา ถามด้วยความสงสัย “จริงเหรอ? ลูกจะได้กลับมาเกิดอีกครั้งเหรอ?”

“แน่นอน!” เฟิงหานชวนตอบอย่างมั่นใจ

วินาทีต่อมา เป๋าฮวนจับแก้มเขาไว้ เขย่งเท้าจูบไปที่ริมฝีปากเขา

เฟิงหานชวนอึ้งไปทันที

เป๋าฮวนปล่อยเขาออก จ้องไปที่ดวงตาสีดำคู่นั่นของเขาด้วยความจริงจัง พูดว่า “ฉันอยากจะตั้งท้องเร็วๆ ตอนนี้ฉันเตรียมพร้อมแล้ว พวกเราสามารถต้อนรับการมาของลูกได้ตลอดเวลา”

“ฮวนฮวน คุณจริงจังใช่ไหม?” เฟิงหานชวนประหลาดใจเล็กน้อย

“ฉันจริงจัง จริงจังมากๆ แม้ว่าฉันจะรับปากเวินซือเหยี่ยนไปถ่ายหนัง แต่ฉันที่เป็นนักแสดงประกอบเล็กๆไม่ได้เสียเวลาอะไรนัก ไม่กระทบกับการเตรียมตัวตั้งครรภ์หรอก”เป๋าฮวนตอบด้วยความจริงจังอีกครั้ง

เธอเพิ่งพูดจบ ชายหนุ่มก้มศีรษะลงอีกครั้ง ประกบริมฝีปากเธอไว้

เป๋าฮวนคล้องคอเฟิงหานชวนไว้ ตอบกลับจูบนี้

อุณหภูมิในห้อง กำลังค่อยๆเพิ่มขึ้น

จูบครั้งนี้ รุนแรงราวกับพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลย

เวลาที่หญิงสาวถูกกดลงเตียง จู่ ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น——

“ใคร?” เฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวนออก ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

เวลาตอนนี้ คงไม่ใช่คุณพ่อที่เข้ามาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ

เป๋าฮวนหน้าแดงก่ำ รีบลุกขึ้นยืน จัดชุดตัวเองอย่างรวดเร็ว สายตามีความเขินอายและลนลานเล็กๆ

ตามมาด้วย เสียงที่มีชีวิตชีวาราวกับแสงแดดนอกประตูดังขึ้น “อาสาม ฮวนฮวน ผมเอง!”

เฟิงหานชวนสีหน้าเข้มทันที ก้าวเท้ายาวไปถึงข้างประตู เปิดประตูออก พูดตำหนิ“ดึกขนาดนี้ นายมาทำอะไร? ”

เฟิงเฉินเหยี่ยนกะพริบตาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ทำไมอาสามดุขนาดนี้?

“อาสาม ผมรู้เรื่องของพี่อวิ๋น ดังนั้นผมเลยมาคุยกับพวกอา ใครจะรู้พวกอาจะกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว!” เฟิงเฉินเหยี่ยนถอนหายใจอย่างน้อยใจ

“อาเยี่ยน พวกเราลงไปคุยกันชั้นล่างเถอะ” เป๋าฮวนควบคุมอารมณ์ให้สงบลงแล้ว เดินมาด้วยรอยยิ้ม

ตอนเธอเตรียมจะเดินออกประตูห้อง ข้อมือกลับถูกผู้ชายข้าวตัวจับไว้ เห็นแค่สายตามืดมนคู่นั่นของชายหนุ่ม พูดเสียงเบา “ฮวนฮวน ดึกมากแล้ว ให้อาเยี่ยนมาคุยพรุ่งนี้เถอะ”

“อาสาม นี่แค่สองทุ่มเอง พวกอาคงไม่นอนเร็วขนาดนี้มั้ง? คงไม่ใช่…ไอ๊หยา!เป็นผมมารบกวนพวกอา?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนตบไปที่ต้นขา อุทานออกมา “ผมโง่จริงเลย!”

เฟิงหานชวน “…”

“ไม่ใช่ไม่ใช่ ! อาเยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้…”เป๋าฮวนรีบอธิบาย แล้วยื่นมือไปด้านหลังชายหนุ่ม แอบหยิกลงไปหนึ่งทีที่เอวของเขา

เฟิงหานชวนยกมุมปากขึ้น

“พวกเราลงไปคุยกันข้างล่างเถอะ” เป๋าฮวนขยิบตาให้เฟิงหานชวน

เมียสั่งแล้ว เฟิงหานชวนทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม

หากไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นหลานชายของเขา ตอนนี้เขาคงอดไม่ได้ที่จะบีบคอเฟิงเฉินเหยี่ยนให้ตายไป!

หลังจากนั้นห้านาที

เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวนทั้งสองนั่งด้วยกัน เฟิงเฉินเหยี่ยนกับนายท่านของตระกูลเฟิงนั่งด้วยกัน ทั้งหมดสี่คนรวมตัวกันในห้องรับแขก

เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดมากอยู่คนเดียว พูดถึงภาพลักษณ์ของหลีซืออวิ๋นเป็นส่วนใหญ่ ยังบอกว่าหลายปีมานี้ตัวเองถูกหลอกแล้ว บอกว่าหลีซืออวิ๋นแสดงละครเก่ง

แรกๆเป๋าฮวนก็ไม่รู้สึกอะไร ผลคือเฟิงเฉินเหยี่ยนเริ่มพูดเรื่องเพื่อนชั่วของเขา พูดไม่หยุดสักที

เธอง่วงเล็กน้อย

ทันใดนั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดถึงเธอ “ฮวนฮวน หยางหยางรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ฉันบอกหล่อนเกี่ยวกับเรื่องของเธอแล้ว”

“หยางหยาง…”เป๋าฮวนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ เธอยังไม่ทันได้ติดต่อหลินอวี่หยาง

ไม่รู้ว่าสามปีไม่ได้เจอ หยางหยางยังเต็มใจเป็นเพื่อนตัวเองอยู่ไหม

และเธอกลับมายังไม่ทันได้ติดต่อหยางหยาง หยางหยางคงโกรธเธอแน่เลย

“ฮวนฮวน หยางหยางบอกว่าเธอเปลี่ยนเบอร์มือถือ หากเธอเต็มใจจะคบหล่อนเป็นเพื่อนอยู่ ก็ติดต่อหล่อน”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเพิ่งนึกได้เหตุที่มาที่นี่ รีบควักมือถือตัวเองออกมา กดเบอร์โทรติดต่อของหลินอวี่หยาง ยื่นให้เป๋าฮวนดู “นี่เป็นเบอร์มือถือของเธอ”

“ฉันบันทึกก่อน” เป๋าฮวนรับมือถือของเฟิงเฉินเหยี่ยนมา แล้วหยิบมือถือตัวเองขึ้น บันทึกเลขหมายของหลินอวี่หยางอย่างตั้งใจ

สามปีก่อน หลินอวี่หยางดีต่อเธอมากจริงๆ ดีด้วยความจริงใจ

เพื่อนคนนี้ เธออยากได้คืนมา

หลังจากบันทึกเลขหมายเสร็จ เป๋าฮวนใช้วีแชตใหม่ของตัวเองทันที ยื่นขอเป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยางในวีแชต

วินาทีต่อมา มือถือก็สั่นขึ้นมาไม่หยุด ตามมาด้วยวีดีโอคอลเข้ามา

เป๋าฮวนดีใจรีบรับทันที เสียงดังลั่นของผู้หญิงแพร่ไปทั่วทุกพื้นที่ของบ้านตระกูลเฟิง

“ฮวนฮวน ในที่สุดเธอก็นึกถึงฉัน——”

เป๋าฮวนอยากจะร้องไห้ สามปีไม่เจอกัน หลินอวี่หยางยังคงเสียงแปร๋นแบบนี้

ในใจของเธอรู้สึกผิดมาก เปิดปากขอโทษก่อน “หยางหยาง ขอโทษ”

“ผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอนี่ สามปีแล้ว เธอไม่เคยติดต่อฉันเลยสักครั้ง!” เสียงของหลินอวี่หยางสะอึกสะอื้น ดวงตาทั้งคู่แดง ดูแล้วใกล้จะร้องไห้ออกมา

“หยางหยาง หลังจากนี้ฉันจะไม่หายไปอีกแล้ว” เป๋าฮวนสะกดใจที่ปวดเอาไว้ หันไปทางเฟิงหานชวน พูดยิ้มๆ

คำพูดนี้ ไม่เพียงแค่พูดกับหลินอวี่หยาง พูดกับเฟิงหานชวนด้วยเหมือนกัน

สามปีแล้ว สามปีนี่เธอสูญเสียมามากเกินไปแล้ว สูญเสียผู้ชายที่ตัวเองรัก สูญเสียเพื่อนของตัวเอง

ตอนนี้ เธอได้คืนกลับมาหมดแล้ว!

เป๋าฮวนฮวนแทบจะโกรธจนสั่นไปทั้งตัว

เธอไม่คิดเลยว่า คุณนายหลีผู้หญิงหน้าตาดีที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ จะพูดแบบนี้ออกมา!

“ชุนอวี่! คุณ…คุณ…คุณพูดบ้าอะไร!!!” เฟิงเหลยถิงก็โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ

เฟิงหานชวนสาวเท้าเดินมาที่ประตู และตะโกนว่า “พวกนาย พาผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลีออกไป!”

เมื่อเขาออกคำสั่ง บอดี้การ์ดด้านนอกสองสามคนก็รีบเข้ามาทันที

“ตุ๊บ” หลีเซ่าชิวคุกเข่าลงให้เฟิงเหลยถิงและเป๋าฮวนทันที ร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก และกล่าวว่า “ชุนอวี่ปากเสีย ฉันขอโทษพวกคุณแทนเธอด้วย เธอโมโหจนพูดจาไร้สาระ พวกคุณได้โปรดยกโทษให้อวิ๋นเอ๋อร์เถอะนะ…”

แม้ว่าการพัฒนาของตระกูลหลีจะหยุดชะงักลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง หากเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว

ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมแล้ว มีตระกูลเฟิงอยู่ ศาลไม่มีทางตัดสินลงโทษหลีซืออวิ๋นสถานเบา

“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันพูดไร้สาระ ฉันพูดไร้สาระ ฉันตบปากตัวเองดีไหม ขอแค่พวกคุณยกโทษให้ลูกสาวฉัน!” จางชุนอวี่คุณนายตระกูลหลีคุกเข่าลง ตบปากตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง

เหล่าบอดี้การ์ดมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าควรลงมือหรือไม่

“พาออกไป!” เฟิงหานชวนเดินเข้ามา แล้วตวาดขึ้นเสียงดัง

พวกเขาก้าวไปข้างหน้าทันที พยุงสองสามีภรรยาตระกูลหลีให้ลุกขึ้น แล้วพาพวกเขาออกไปข้างนอก

“หานชวน เธอทำแบบนี้กับพวกเราไม่ได้ เธอทำแบบนี้กับอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้นะ…”

ไม่นาน เสียงตะโกนของพวกเขาก็ค่อยๆ เบาลง จากนั้นก็เงียบไป

ทั้งสองคนถูกพาตัวออกไปแล้ว

ภายในห้องรับแขกกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

มีเพียงเฟิงเหลยถิง เฟิงหานชวน และเป๋าฮวน สีหน้าของทั้งสามคนดูแย่มาก

เป๋าฮวนถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง

เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้คนโกรธเคืองและหมดหนทาง

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ” เฟิงหานชวนเดินไปหาเธอ มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

เขายืน เธอนั่ง

เป๋าฮวนอยากหลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขา ทว่าเฟิงหานชวนไม่ยอม

“นายท่านยังอยู่ที่นี่นะ!” เป๋าฮวนเอ่ยเตือนเสียงเบา

เฟิงหานชวนเหลือบมองเฟิงเหลยถิงเล็กน้อย หลุบตามองลงต่ำ และกล่าวว่า “พ่อ ผมจะไม่ทำอะไรคุณลุงหลีกับคุณน้า แต่หลีซืออวิ๋น ผมไม่รับประกัน”

“ฉันรู้ ฉันเห็นด้วย” เฟิงเหลยถิงพยักหน้า แล้วถามว่า “พวกแกสองคนคืนดีกันแล้วใช่ไหม”

“ครับ” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบ

“แล้วทำไมฮวนฮวนไม่เปลี่ยนคำพูด” เฟิงเหลยถิงถาม

หลังจากเฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวนเป็นอิสระ เป๋าฮวนมองไปที่เฟิงเหลยถิงอย่างไร้เดียงสา เอ่ยถามเสียงเบา “นายท่าน เปลี่ยนคำพูดอะไรเหรอคะ”

“เด็กโง่ เธอคืนดีกับเจ้าสามแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าอะไร” เฟิงเหลยถิงยิ้มน้อยๆ แล้วถามเธอ

“ฉัน…” เป๋าฮวนรู้ว่านายท่านหมายถึงอะไร แต่เธอเอ่ยแย้งเสียงเบา “นายท่าน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนสถานะแล้ว ยังไม่ได้จดทะเบียนกับอาหานอย่างเป็นทางการเลยนะคะ”

“งั้นฉันจะรีบหาวันมงคลให้พวกเธอไปจดทะเบียนที่สำนักงานกิจการพลเรือน” เฟิงเหลยถิงหัวเราะออกมาทันที

เฟิงหานชวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีทางเลี่ยง “พ่อ ผมกับฮวนฮวนปรึกษากันแล้ว เราจะหาโอกาสที่เหมาะสมไปจดทะเบียนสมรสที่ประเทศเฉินครับ”

ทันใดนั้น เฟิงเหลยถิงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เป๋าฮวนเป็นชาวเฉิน ใบหน้าของเขาค่อยๆ เศร้าสลดลง น้ำเสียงของเขาแหบพร่า “พวกแกจะไปลงหลักปักฐานกันที่ประเทศเฉินใช่ไหม”

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้นายท่าน เป๋าฮวนก็ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

นายท่านและคุณตาอายุใกล้เคียงกัน แม้ว่าเมื่อก่อนนายท่านจะร่าเริงและกระฉับกระเฉง ทว่าตอนนี้เขาไม่องอาจผ่าเผยดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ ชราลงตามกาลเวลา

เดิมทีเธอเพียงต้องการอยู่เป็นเพื่อนคุณตาของตัวเอง และต้องการลงหลักปักฐานที่ประเทศเฉิน ทว่าตอนนี้…ถ้าเธอพาเฟิงหานชวนไปด้วย แล้วนายท่านจะทำอย่างไร

แม้ว่านายท่านยังมีลูกชายอีกสองคนเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวิน และยังมีหลานสองคนเฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงหย่า แต่ท้ายที่สุดแล้วเฟิงหานชวนก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเหมือนกัน!

ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เป่ยเฉิง สามารถพบกันได้ทุกเวลา แต่ถ้าพวกเขาไปลงหลักปักฐานที่ประเทศเฉินจริงๆ…

“นายท่านยอมให้อาหานไปประเทศเฉินไหมคะ” เป๋าฮวนรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอถามพลางเม้มปากตัวเอง

“ยอมสิ ทำไมฉันจะไม่ยอมล่ะ แค่พวกเธอมีความสุข ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ!” เฟิงเหลยถิงฝืนยิ้มออกมา มุมปากยกยิ้มอย่างเศร้าหมอง

แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่ท้ายที่สุดก็คือสองประเทศอยู่ดี แม้ว่าจะมีเครื่องบินส่วนตัว แต่เวลาพบกันก็ไม่สะดวกเท่าไรนัก

คนแก่ ใครจะไม่อยากมีลูกหลานห้อมล้อมดูแลล่ะ

ทว่า ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่จะสมบูรณ์แบบได้ทุกอย่าง เฟิงเหลยถิงใช้ชีวิตมาจนอายุมากขนาดนี้แล้ว มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

เขาเป็นคนมีเหตุผลเข้าใจหลักทำนองคลองธรรม จะไม่ขัดขวางความสุขของเด็กสองคน เพราะความเห็นแก่ของตัวเองอย่างแน่นอน

“พ่อ ตอนนั้นพ่อจะมาอยู่ประเทศเฉินตอนไหนก็ได้ สะดวกมาก” เฟิงหานชวนรับรู้ถึงความเหงาของพ่อตัวเอง เขาจึงเอ่ยเสริมทันที

หลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก เพราะเรื่องของแม่ ทำให้เขาห่างเหินกับพ่อมาโดยตลอด

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ให้อภัยพ่อของเขา

“ใช่ ตอนนี้สะดวกสบายมาก บ้านเรามีเครื่องบินส่วนตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบาก” ครั้งนี้เฟิงเหลยถิงระบายยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

เขาต้องรู้จักปล่อยวาง ตอนนี้เจ้าสามพบความสุขของตัวเองแล้ว เขาจึงวางใจลงได้

ไม่อย่างนั้น สามปีที่ผ่านมา เขากังวลกับอาการป่วยของเจ้าสามจนกินไม่ได้ นี่คือความหดหู่ใจที่แท้จริง!

ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายลงหมดแล้ว

“นายท่านคะ ถึงตอนนั้นฉันกับอาหานจะมาอยู่ด้วยนะคะ” เป๋าฮวนรีบกล่าว

เมื่อเฟิงเหลยถิงได้ฟัง กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “ฮวนฮวน ยังเรียกฉันว่านายท่านอยู่อีกเหรอ เราคุยกันเรื่องลงหลักปักฐานหลังแต่งงานแล้ว ไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกฉัน ต้องรอจดทะเบียนก่อนใช่ไหม”

“เอ่อ…” เป๋าฮวนเหลือบมองเฟิงหานชวนอย่างประหม่า เฟิงหานชวนมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยเรียกเฟิงเหลยถิงด้วยความเขินอายเล็กน้อย “คุณพ่อ!”

“เฮ้ ต้องแบบนี้สิ!” เฟิงเหลยถิงปลื้มอกปลื้มใจ และกล่าวต่อว่า “เจ้าสาม สองวันนี้แกจัดการเรื่องของหลีซืออวิ๋นก่อน อีกสองฉันค่อยจัดงานเลี้ยงในครอบครัว ทุกคนจะได้มารวมตัวกัน”

“ครับ” เฟิงหานชวนตอบ

นายท่านตระกูลเฟิงอยู่รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนไปส่งเขาที่บ้านด้วยตัวเอง

หลังจากนั้น นายนายท่านขอให้พวกเขาพักที่นี่ เป๋าฮวนขึ้นไปที่ชั้นสอง และเดินมาที่ “ห้องหอ” ของเธอและเฟิงหานชวน

หลังจากเป๋าฮวนนั่งลง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็กข่าวของหลีซืออวิ๋นทันที พบว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงมาก ทำให้ราคาหุ้นของตระกูลหลีปรับตัวดิ่งลง

ภาพลักษณ์สาวสวยผู้เพียบพร้อมของหลีซืออวิ๋นไม่หลงเหลือแล้ว แม้กระทั่งเหล่าบรรดาอดีตแฟนคลับของเธอต่างพากันออกมาแฉความหยิ่งยโสไร้มารยาท และนิสัยกดขี่ข่มเหงของเธอ เธอไม่ได้อ่อนโยนและอ่อนหวานเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกของเธอ

รูมเมทชาวต่างชาติของเธอตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศ บอกว่าสมัยเธออยู่ต่างประเทศ ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ค่อนข้างวุ่นวาย เธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายหลายคน เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ ไม่แปลกใจเลยที่จะเกิดเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้

คลิปวีดีโอของหลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ยถูกโพสต์ไปทั่ว แม้กระทั่งสีหน้าท่าทางของเธอก็ถูกนำไปทำเป็นมีม* และภาพลักษณ์ที่สกปรกของเธอถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

……

*มีม (Meme) หมายถึง ภาพล้อเลียนที่นำมาใช้บนอินเทอร์เน็ต

หลังจากที่ทั้งสองมาถึงคฤหาสถ์ เฟิงหานชวนก็อุ้มเป๋าฮวนออกจากรถและพาเธอตรงไปที่ห้องนั่งเล่น กะว่าจะขึ้นบันไดโดยตรงเลย

ในเวลานี้ เสียงแห่งแหบแห้งติดด้วยความกังวลก็ดังขึ้น “เจ้าสาม!”

เฟิงหานชวนหยุดก้าวเดินและเป๋าฮวนก็มองไปที่ทางโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกัน คือนายท่านเฟิงเหลยถิงยืนอยู่ตรงนั้น เขาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนทันที

“พ่อ”

“นายท่าน”

เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนพูดเกือบจะพร้อมกัน

“พ่อ พ่อมาที่นี่ทำไม?” เสียงเข้มของเฟิงหานชวนดูเหมือนว่าไม่ค่อยพอใจ

เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ครั้้งนี้ที่พ่อของเขาจู่ๆก็มา ต้องเป็นเพราะเรื่องของหลีซืออวิ๋นแน่นอน

เป๋าฮวนคิดเหมือนกัน เธอรีบถามว่า “นายท่าน คุณมาที่นี่เพื่อขอร้องแทนหลีซืออวิ๋นใช่หรือเปล่า?”

“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นฉันขอโทษที่ไม่สามารถทำตามคำขอของคุณ เพราะฉันได้ลงโทษหลีซืออวิ๋นแล้ว”

ใบหน้าของเฟิงเหลยถิงจริงจังมาก เขาค่อยๆส่ายหัวและกระแอมเบาๆแล้วพูดว่า “ฮวนฮวน ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอร้องแทน ฉันแค่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุ พ่อแม่ครอบครัวหลีก็กำลังเดินทางมา”

“พวกเขาบอกว่าจะมาขอโทษเธอด้วยตัวเอง”

“ไม่ใช่พวกเขาที่ทำผิด พวกเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษ” เป๋าฮวนถอนหายใจ

“ฮวนฮวน มาเถอะ เรานั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เฟิงเหลยถิงตบไหล่เป๋าฮวนเบาๆ แล้วหันหลังเดินไปที่โซฟา

ที่จริงอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก เพราะเขาไม่คิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีที่แล้วกลับกลายเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากคนทำขึ้น

นี่คือสิ่งที่ทุกคนในตระกูลเฟิงคิดไม่ถึง!

เป๋าฮวนพยักหน้าแล้วเดินตาม นั่งลงบนโซฟา กำลังจะเปิดปากพูด เฟิงหานชวนก็อธิบายขึ้นมาก่อนว่า “พ่อ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เมื่อสามปีก่อนหลีซืออวิ๋นจ้างฆาตกร และอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นมีคนสร้างขึ้น ตอนนั้นเธอต้องการจะฆ่าฮวนฮวนให้ตาย”

“พวกเธอคิดว่าจะทำยังไงกับเธอ” เฟิงเหลยถิงพยักหน้าและถามขึ้นเอง

ได้ยินนายท่านพูดแบบนี้ เขาน่าจะไม่รู้เรื่องโรงงานร้าง ไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องนั้นยังคงดำเนินอยู่ เพราะเธอโกรธจึงไปจากเฟิงหานชวน ดังนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ในตอนนี้

พ่อแม่ครอบครัวหลี ก็ไม่น่าจะรู้ด้วยเช่นกัน

“หลีซืออวิ๋นคิดร้าย พวกเราก็มีวิธีจัดการกับเธอเอง” เฟิงหานชวนเหลือบมองเป๋าฮวน แย่งคำพูดของเธอและพูดตรงๆว่า: “ตอนนี้เธอกับเฉินเจี๋ยอยู่ในโรงงานร้างและกำลังถ่ายทอดสดอยู่”

“ถ่ายทอดสด?” เฟิงเหลยถิงไม่เข้าใจ

“ขณะที่ซูอวี่นำคนไปจับกุมเธอ เธอกับลูกน้องของเธอที่ชื่อเฉินเจี๋ย กำลังทำอะไรกันอยู่ในโรงงานร้าง ฉันก็เลยให้พวกซูอวี่ถ่ายทอดสดเรื่องนี้” เฟิงหานชวนช่วยเป๋าฮวนรับเรื่องนี้ไว้

“อะไรนะ!” สีหน้าของเฟิงเล่ยติงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อได้ยิน ดูเหมือนเขาจะแปลกใจและสับสน “เด็กคนนี้……เด็กคนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้?

เฟิงเหลยถิงตกใจมากที่นอกเหนือจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ยังมีเรื่องโรงงานร้างอีกด้วย เขาไม่ได้คาดหวังว่าหญิงสาวที่อ่อนโยนและสง่างามจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

“ถ่ายทอดสด?” เป๋าฮวนหันศีรษะอย่างงุนงง มองไปที่เฟิงหานชวนแล้วถาม

เธอให้พวกจิ่งมั่วบันทึกวิดีโอของเฉินเจี๋ยกับหลีซืออวิ๋น แล้วส่งต่อออกไป แต่ไม่ได้ให้ถ่ายทอดสดนี่นา?

“อืม ถ่ายทอดสด ฉันสั่งซูอวี่แล้ว” เฟิงหานชวนยกมือขึ้นและตบหัวหญิงสาวเบาๆ

เป๋าฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะเป็นห่วงเป็นใยหลีซืออวิ๋น ดังนั้นเธอจึงออกไปนั่งในรถข้างนอกก่อน แต่เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะสั่งให้ซูอวี่ถ่ายทอดสด

นี่เป็นสิ่งที่เป๋าฮวนไม่ได้คาดคิด และเฟิงหานชวนไม่เคยบอกเธอมาก่อน

“ช่างเถอะ เรื่องนี้หลีซืออวิ๋นทำผิดต่อฮวนฮวนแล้วเธอยังมีอารมณ์อยู่กับชายอื่นในโรงงานร้าง……นี่คือบทลงโทษที่เธอสมควรได้รับ” เฟิงเหลยถิงถอนหายใจและส่ายหัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความรังเกียจ

ยังไงก็ตาม เขามองดูเธอเติบโตแล้วกลายเป็นแบบนี้ในตอนนี้ มากหรือน้อยเขาก็เป็นทุกข์และทำอะไรไม่ถูก

ในขณะนี้ มีการเคลื่อนไหวจากประตู จากนั้นหลีเซ่าชิวและคุณนายหลีก็เข้ามา

อย่างเร่งรีบ

ทันทีที่พวกเขาเห็นเป๋าฮวน พวกเขารีบพุ่งเข้าไป และทั้งคู่ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเป๋าฮวน โดยเฉพาะคุณนายหลีจับมือเป๋าฮวนทันที

“คุณเป๋า ได้โปรดปล่อยอวิ๋นเออร์ของเราเถอะ เธอยังเด็กและติดคุกไม่ได้ โปรดยกโทษให้เธอด้วย คุณต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ พวกเราตกลงทั้งนั้น!” คุณนายหลีร้องไห้จนตาแดง และอ้อนวอนอยู่อย่างนั้น

“คุณเป๋า ขอแค่คุณบอกจำนวนมาก เราตอบตกลงคุณอย่างแน่นอน แม้ว่าคุณจะให้เราแบ่งหุ้นของตระกูลหลีให้กับคุณ เราก็ทำได้ เพียงแค่คุณอย่าให้อวิ๋นเออร์ติดคุก” หลีเซ่าชิวกล่าวอย่างมีหลักการ

ทั้งสองหมดหวังในตอนแรก แต่สงบลงมาและพูดคุยกัน พวกเขารู้ว่าแต่แรกเป๋าฮวนแต่งงานกับตระกูลเฟิงเพื่อเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะใช้เงินเพื่อขอร้องให้เป๋าฮวนละเว้นความผิดของอวิ๋นเออร์

เมื่อเป๋าฮวนยอมปล่อย เฟิงหานชวนก็จะไม่ตามเรื่องนี้อีกแน่นอน

พวกเขารู้สึกว่าถ้าเอาหุ้นของตระกูลหลีออกมาให้ เป๋าฮวนต้องรับข้อเสนออย่างแน่นอน!

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำอ้อนวอนของพวกเขา เป๋าฮวนยิ้มเยาะ “แน่นอนว่า มีพ่อแม่แบบไหนก็มีลูกแบบนั้น”

ตั้งแต่ต้นจนจบหลีเซ่าชิวและคุณนายหลีซื้อเธอด้วยเงิน เพื่อให้เธอปล่อยหลีซืออวิ๋นไป แต่ไม่มีคำขอโทษที่จริงใจแม้แต่คำเดียว

“คุณเป๋า นี่คุณหมายความว่าอย่างไร?” หลีเซ่าชิวถามลืมตาขึ้นถามอย่างรีบร้อน

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบ เขาลุกขึ้นยืนทันทีและรีบคว้าแขนของเฟิงเหลยถิงและอ้อนวอนว่า: “ลุงเฟิง มิตรภาพของเราสองตระกูลมีหลายชั่วอายุคนแล้ว และคุณก็เห็นเยว่เอ่อร์โตมา คุณจะมองดูเธอติดคุกไปต่อหน้าต่อตาเหรอ?”

เขารู้ว่าเขาไม่สามารถขอร้องเฟิงหานชวนได้ เฟิงหานชวนหลงใหลเป๋าฮวน ดังนั้นนอกจากขอร้องเป๋าฮวน ก็ขอร้องได้แค่นายท่านเฟิงเท่านั้น

เฟิงเหลยถิงส่ายหัวอย่างผิดหวัง ถอนหายใจอย่างแรงและกล่าวว่า “เซ่าชิว คุณผิดแล้ว คุณผิดมากมาย เลี้ยงอวิ๋นเออร์มาให้เป็นอย่างในตอนนี้!”

“ลุงเฟิง คุณ……” เมื่อหลีเซ่าชิวได้ยิน เขาก็เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว ตาทั้งคู่ตะลึงแล้วฟุบนั่งลงกับพื้น

เมื่อคุณนายหลีได้ยิน ก็ร้องไห้และตะโกนว่า “ลุงเฟิง คุณรู้เห็นเป็นใจกับสาวชาวป่าคนนี้กระทั่งทิ้งมิตรภาพของตระกูลหลีหรือ?”

“ชุนอวี่ เซ่าชิว ถ้าพวกคุณสำนึกผิดสักนิด ที่มาครั้งนี้ก็ควรขอโทษฮวนฮวนแทนที่จะใช้เงินซื้อเธอ!” เฟิงเหลยถิงดูออกถึงความตั้งใจของสองสามีภรรยาและเขาก็ผิดหวังอย่างยิ่ง

เพียงแค่พวกเขาทั้งสองคนขอโทษอย่างจริงใจ เขาจะขอร้องเป๋าฮวนแทนหลีซืออวิ๋นอย่างแน่นอน อย่างไรเขาก็เห็นหลีซืออวิ๋นโตมา

เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นหลีซืออวิ๋นหรือหลีเซ่าชิวกับคุณนายหลี ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด

ทำไมความเจริญของตระกูลหลีจึงหยุดนิ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันมีเหตุผลสินะ!

“บ้าไปแล้ว! พวกคุณบ้ากันไปหมดแล้วหรือ? ลุงเฟิง คุณก็บ้าเหมือนหานชวนหรือ? ช่วยเหลือสาวชาวป่าคนนี้อย่างนี้ เธอคงไม่ใช่นางจิ้งจอกกลับชาติมาเกิดหรอกนะ!” คุณนายหลีจ้องตาเขม็งและตะโกนว่า: “ลุงเฟิงคุณมีปัญญาเสมอ ไม่ใช่ว่าพวกคุณสองคนจะถูกสาวชาวป่าคนนี้ทำให้ลุ่มหลงไปแล้ว? ห๊ะ——”

เสียง “เพี๊ยะ” เป็นเสียงถูกตบหน้าอย่างแรง

เป๋าฮวนยกมือขึ้นตบที่หน้าคุณนายหลีอย่างแรงทีนึง และพูดอย่างดุดันว่า: “ทำปากของคุณให้มันสะอาดหน่อย!”

“อะไรนะ? จริง……จริงเหรอ?” เฉินเจี๋ยตกใจจนตาค้าง กระทั่งสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า

เพียงแค่ทำเรื่องแบบนี้กับหลีซืออวิ๋น ถ่ายวิดีโอไว้ เขาก็จะถูกปล่อยตัวไป?

“เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว คุณเป็นเพียงคนที่จ่ายเงินเพื่อทำสิ่งต่างๆ ถ้าคุณทำคุณไถ่โทษ ฉันก็จะไม่ตามสืบสวนอยู่แล้ว” เป๋าฮวนเบ้ปาก แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“ฉัน! ฉันรับปาก! ฉันรับปาก!” เฉินเจี๋ยตื่นเต้นอย่างยิ่ง หัวของเขาผงกเหมือนกลองป๋องแป๋ง ลับๆล่อๆ

ส่วนตัวหลีซืออวิ๋นทั้งตัวยืนโง่ไปเลย ดวงตาของเธอจ้องจนเป็นสีแดงเข้มราวกับสามารถพ่นไฟออกมาได้ เธอจ้องเขม็งไปที่เฉินเจี๋ยอย่างดุร้าย จากนั้นจ้องไปที่เป๋าฮวนและตะโกนว่า: “เป๋าฮวนเธอบ้าไปแล้วเหรอ——”

เธอไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะใช้กลอุบายแบบนี้!

บันทึกวิดีโอไว้ มีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น คือเพื่อเผยแพร่วิดีโอออกไป ถึงเวลานั้นชื่อเสียงของเธอก็จะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง!

“หานชวน คุณช่วยฉันด้วย! พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของฉันดีกับคุณมากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะติดคุก ฉันก็ไม่อยากถ่ายวิดีโอนี้ คุณช่วยฉันด้วย……”

หลีซืออวิ๋นหมดหวังและวางความหวังสุดท้ายไว้กับเฟิงหานชวน เนื่องจากทั้งร่างถูกมัดไว้ เธอทำได้เพียงบิดร่างกายแล้วค่อยๆขยับไปทางเฟิงหานชวน ดูไปแล้วสกปรกและน่าอับอาย

เฟิงหานชวนเบือนหน้า สีหน้าของเขาเย็นชามาก เพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยว่า: “คุณทำผิดเอง ต้องยอมรับเอง”

พูดแล้วเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปด้านนอก

เป๋าฮวนมองกลับไปที่เฟิงหานชวน แล้วสั่งไปทางจิ่งมั่ว: “อามั่ว แก้เชือกของเฉินเจี๋ยออก”

“ครับ” จิ่งมั่วพยักหน้า ก้าวออกจากหน้ากล้องถ่ายภาพ เดินไปทางเฉินเจี๋ยและแก้เชือกที่ร่างของเฉินเจี๋ยด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“อาเหลิ่ง เตรียมอัดวิดิโอ” เป๋าฮวนออกคำสั่งกับจิ่งเหลิ่งอีก

“ครับ คุณหนูใหญ่!” จิ่งเหลิ่งเข้าประจำที่

เมื่อเฉินเจี๋ยได้ยิน ไม่ทันได้ฟังคำสั่งของเป๋าฮวนก็กระโจนไปหาหลีซืออวิ๋น……

ต่อจากนั้น ก็เป็นเสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลี ซืออวิ๋นขัดขืนอย่างไม่คิดชีวิต ลูกน้องของจิ่งมั่วกรอกยาให้พวกเขาทั้งสองคน

สุดท้ายแล้วเฉินเจี๋ยและหลีซืออวิ๋นแยกไม่ออกระหว่างความเป็นจริงและความฝัน หลงระเริงไปกับมัน และลืมความละอายใจไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเป๋าฮวนเห็นฉากดังกล่าว หันศีรษะและเดินออกไปนอกประตู มอบส่วนที่เหลือให้สองพี่น้องตระกูลจิ่งและซูหยูกับพรรคพวก

เธอเดินออกจากโรงงานและมาที่ข้างรถของเฟิงหานชวน เห็นเขานั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ พิงพนักพิงอยู่ หลับตาทั้งสองข้าง ราวกับว่าได้นอนหลับไปแล้ว

เป๋าฮวนยืนอยู่หน้ารถ มองเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นหันกลับมาและเดินไปที่รถอีกคัน ซึ่งเป็นรถที่จิ่งมั่งและจิ่งเหลิ่งขับมาจากคฤหาสน์หมิงอวี่

เธอนั่งที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถเลย เลี้ยวหักศอกหนึ่งโค้ง และขับออกไปที่นี่อย่างรวดเร็ว

เมื่อเฟิงหานชวนกลับมารู้สึกตัว ก็พบหญิงสาววิ่งหนีไปแล้ว เขาจึงสตาร์ทรถทันทีและรีบไล่ตามไป

รถของเป๋าฮวนมีความเร็วมาก เฟิงหานชวนตามไม่ทันสักที สุดท้ายรถของเป๋าฮวนหยุดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรมตี้ฮวง ขณะที่เธอเดินไปถึงทางเข้าโรงแรม เธอก็ถูกเฟิงหานชวนจับแขนไว้

เฟิงหานชวนหายใจหอบ เขาไม่เคยคิดว่าความเร็วของรถเป๋าฮวนจะน่าตกใจมากขนาดนี้!

“ปล่อย!” เป๋าฮวนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา สะบัดมือเฟิงหานชวนออกไป

“ฮวนฮวน คุณโกรธหรือ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและจับมือเธอไว้อีกครั้ง

ครั้งนี้ เป๋าฮวนอยากจะสลัดออกไป แต่ก็ไม่สามารถสะบัดออกได้ เพราะชายหนุ่มใช้แรงจับมือเธอและกำนิ้วมือเธอไว้แน่น

“ทำไม ดูสีหน้าที่ยุ่งเหยิงของคุณ คุณรู้สึกเจ็บปวดใจต่อหลีซืออวิ๋นหรือ?” เป๋าฮวนกัดฟันแน่น พยายามต้านทานความขมขื่นในดวงตา และจ้องชายหนุ่มอย่างดุดัน

เธอหัวเราะเยาะตัวเอง “ใช่สิ ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็เป็นคู่รักในวัยเด็กของคุณ ไม่ว่าเธอจะทำเรื่องอะไรผิด ก็ไม่ควรถูกดูหมิ่นแบบนั้นใช่ไหม? ดังนั้นคุณทนดูไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”

เดิมทีเป๋าฮวนไม่ได้คิดมาก แม้กระทั่งคิดที่จะให้ หลีซืออวิ๋นรับการลงโทษทางกฎหมายก็พอ แต่เมื่อได้รู้เกี่ยวกับการกระทำของหลีซืออวิ๋นและ เฉินเจี๋ยในโรงงานร้าง เธอถึงตัดสินใจลงโทษพวกเขาด้วยตัวเอง

แต่ว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือเฟิงหานชวนไม่เห็นด้วยที่เธอทำแบบนี้ เพียงแค่ไม่ได้พูดออกมา

แท้จริงแล้วเขารู้สึกปวดใจต่อหลีซืออวิ๋นสินะ! ไม่สามารถเห็นหลีซืออวิ๋นถูกเหยียดหยามแบบนั้น!

“ไม่ใช่” เฟิงหานชวนรู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิด เขารีบอธิบายว่า: “ฮวนฮวน ผมไม่ได้เข้าข้างหลีซืออวิ๋น ผมแค่ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น ดังนั้นจึงได้อยู่ด้านนอก”

“คุณไม่อยากเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นหรือ? พูดตรงๆ คุณก็รู้สึกเจ็บปวดใจต่อหลีซืออวิ๋น คุณทิ้งเธอไม่ลง!” เป๋าฮวนกัดฟันและมือยังพยายามดิ้นรน พยายามให้หลุดออกจากพันธนาการของเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน คุณเข้าใจผิดจริงๆ! ผมไม่ได้ต้องการรู้สึกเจ็บปวดใจต่อหลีซืออวิ๋น ผมแค่ไม่ต้องการเห็นร่างกายของผู้หญิงคนอื่น!” เฟิงหานชวนเพิกเฉยต่อสายตาของผู้สัญจรไปมาและกอดเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนของเขา

เป๋าฮวนยอมแพ้การดิ้นรนทันที ดวงตาของเธอดูเฉื่อยชา แล้วเธอก็กัดริมฝีปากของอีกครั้ง “ฉันไม่เชื่อ คุณรักเธอสุดหัวใจ”

“ฮวนฮวน ถ้าผมรักเธอจริงๆ ผมจะเห็นด้วยที่คุณปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ไหม?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงแล้วจูบที่หน้าผากของหญิงสาว และพูดอย่างจริงจัง: “ในสายตาของผม ความรู้สึกของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผมไม่มีความเห็นอกเห็นใจหรือเจ็บปวดใจต่อเธอ นี่เป็นสิ่งที่เธอทำเองก็ต้องรับไว้เอง”

“ตอนนี้ผมทำสิ่งเหล่านั้นกับเธอแล้ว คุณคิดจะอธิบายกับตระกูลเฟิงและตระกูลหลียังไง?” เป๋าฮวนเม้มปาก ความโกรธเมื่อครู่นี้หายไปเกือบหมดแล้ว

“เธอทำเรื่องผิดจริงๆ พวกเราไม่จำเป็นต้องอธิบาย เธอควรต้องยอมรับการลงโทษ” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ แล้วก้มเอวลงอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นโดยตรง

เป๋าฮวนจู่ๆรู้สึกว่าร่างของเธอว่างเปล่า เธอตกใจ เกือบจะกรีดร้อง ก็พบว่าเฟิงหานชวนอุ้มเธอเดินไปที่รถ แล้ววางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ

“ฮวนฮวน ทักษะการขับรถของคุณเก่งกาจตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฟิงหานชวนงอเอวและกดเธอลงไปที่เบาะ

ลมหายใจร้อนโอบล้อมตัวเธอ เป๋าฮวนเม้มปากและตอบว่า: “ฉันฝึกตอนที่อยู่ประเทศเฉิน ที่สำคัญเพราะความสามารถสูง!”

“ต่อจากนี้ผมจะไม่ให้คุณจับรถจริงๆ” เฟิงหานชวนก้มศีรษะ กัดลูกปัดที่ต่างหูของเธอ และหายใจออกด้วยความร้อน

เป๋าฮวนแค่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย เธอลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอ? ฉันขับรถเป็นไม่ดีหรือไง?”

“ไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด” เฟิงหานชวนยื่นมือไปลูบที่แก้มหญิงสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “ความรู้สึกที่ผมตามคุณไม่ทัน ไม่ดีเลยสักนิด”

เป๋าฮวนบึนปากและพึมพำด้วยเสียงเบา: “ใครใช้ให้คุณไม่มีความสามารถหล่ะ?”

“อือ……”

วินาทีถัดมา ริมฝีปากของเธอถูกปิดไว้

หลังจากหมุนไปสักพัก เป๋าฮวนหายใจไม่ออกจนหน้าแดง แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นกังวล ชายหนุ่มจึงปล่อยเธอ

“ฮวนฮวน ว่าใครไม่มีความสามารถ? หลังจากที่กลับไป จะให้คุณได้เห็นคสามสามารถของผม” เฟิงหานชวนเบ้ปากแล้วออกจากรถ หลังจากปิดประตูเรียบร้อย เขาอ้อมผ่านหน้ารถทันทีแล้วมาถึงตรงที่นั่งคนขับ

เขาหันศีรษะและเหลือบมองหญิงสาวที่หน้าแดง สตาร์ทรถอย่างเร็วและบึ่งรถไป

“ประธานเฟิง คุณฝังฟังอยากจะอธิบายสถานการณ์เอง คุณต้องการไหม?” ซูอวี่เรียนถาม

“อืม ให้เธอพูดเถอะ” เฟิงหานชวนพูดเสียงเรียบ

ตามมาด้วย เสียงดัดจริตของผู้หญิง ราวกับมีความรู้สึกตื่นเต้นมากๆ “โอ้พระเจ้า คุณก็คือคุณชายสามตระกูลเฟิง

ใช่ไหม?”

ฝังฟังรู้ว่าคุณชายสามตระกูลเฟิงกำลังสืบเรื่องเฉินเจี๋ย ไม่ได้ทำให้เธอดีใจมากนัก เธอรู้ชื่อเสียงของคุณชายสาม

ตระกูลเฟิง แม้ว่าคุณชายสามตระกูลเฟิงมีนิสัยน่ากลัวมาก แต่เขาเป็นไม้แขวนที่เดินได้!

และ ได้ยินว่าถึงตอนนี้เฟิงหานชวนยังไม่แต่งงาน หากสามารถมีความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน แม้จะเป็นการนอนแค่คืนเดียว ก็สามารถทำให้เธอดีใจมากๆ

“คุณฝัง โปรดแจงข้อมูลของเฉินเจี๋ยให้ครบถ้วนหน่อย” เฟิงหานชวนพูดเสียงเย็นชา เขาไม่ชอบผู้หญิงโอ้อวดแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่คุยกับฝังฟัง

ถึงยังไง พวกเขาต้องการรู้ข้อมูลเฉินเจี๋ยจากทางฝังฟัง

“ค่ะ คุณชายสามตระกูลเฟิง คุยทางโทรศัพท์คงพูดได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ต้องการเจอหน้าไหม?” ฝังฟังถามด้วยความตื่นเต้น เธออยากคุยกับเฟิงหานชวนแบบเห็นหน้าจริงๆนะ!

เฟิงหานชวนมีสีหน้าโมโห

โทรศัพท์เปิดลำโพงอยู่ ดังนั้นเป๋าฮวนได้ยินคำพูดของฝังฟัง และสามารถรับรู้ได้ถึงความปรารถนาที่ฝังฟังมีต่อ

เฟิงหานชวน

แต่เมื่อคิดว่าวันนี้ต้องอยู่ที่บ้าน เธอก็กินมื้อเที่ยงไม่ลง ด้วยเหตุนี้เป๋าฮวนพยักหน้าให้เฟิงหานชวน บอกเป็นนัยให้เขาตอบตกลง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเจอหน้าพูดคุยกับผู้หญิงแบบนี้

แต่เป๋าฮวนพยักหน้าแรงๆอีกครั้ง เธอยังอยากออกไปมากๆ อุดอู้ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นหลายวันแล้ว

ราวกับรับรู้ความคิดที่อยากออกไปของเป๋าฮวน เขาทำได้แค่พูดเสียงเย็นกับคนในสาย “หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ เจอกันที่ร้านกาแฟหย่าจวี”

“อา คุณชายสามตระกูลเฟิง ฉันไปตรงเวลาแน่นอน ตอนนี้ฉันเตรียมตัวเดี๋ยวก็ออกไปแล้ว ” ฝังฟังเกือบร้องกรี๊ดออกมาแล้ว

เฟิงหานชวนบีบโทรศัพท์ มองไปทางหญิงสาวอย่างไม่พอใจ พูดเสียงเข้ม “เรื่องที่สามารถคุยได้ทางโทรศัพท์ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้า คุณอยากผลักผมออกไปขนาดนั้นเลย?”

ความบ้าผู้ชายของฝังฟังเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าเฟิงหานชวนไม่รับรู้ เขาก็ไม่เชื่อว่าเป๋าฮวนจะไม่รู้

เห็นได้ชัดว่าฝังฟังคนนี้พยายามยั่วยวนเขา

“อาหาน ฉันรู้สึกว่าคุยต่อหน้าจะแม่นยำกว่า ยิ่งคุณว่างๆอยู่ไม่ใช่เหรอ? พวกเราอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร” เป๋าฮวน ยิ้มกริ่มพูด แล้วพึมพำ “แบบนี้ฉันก็มีมื้อเที่ยงกินแล้ว”

เฟิงหานชวนอยากจะร้องไห้ “เพราะไม่อยากเล่นเกมอยู่บ้าน ดังนั้นเลยให้ผมออกไปเจอเธอ?”

“ใครบอกให้คุณออกไปเจอเธอกัน ฉันไปกับคุณด้วยนะ!” เป๋าฮวนถลึงตาให้เขา พูดว่า “ฉันไม่ให้โอกาสคุณได้อยู่กับ

ผู้หญิงคนอื่นตามลำพังหรอก แม้จะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว!”

“เพราะว่ามีผู้ชาย ก็ชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ผู้หญิงที่ไม่โสดก็อันตรายมากเหมือนกัน” เป๋าฮวนพูดเสริมเป็นพิเศษ

ถ้าฝังฟังยั่วเฟิงหานชวนจะทำยังไง?

รับรู้ถึงความหึงของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนยกริมฝีปากขึ้นช้าๆ “อืม ตัวอย่างเช่นผม ก็ชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว”

“คุณว่าไงนะ!” เป๋าฮวนหน้าเปลี่ยนสีทันที มองเขาด้วยความโกรธ ตบลงไปที่โต๊ะแรงๆ “เฟิงหานชวน คุณ! คุณมันไม่ปกติแล้ว!”

ไม่รอให้เธอโวยวาย ชายหนุ่มก็เดินไปถึงข้างตัวเธอ จับเธอนั่งบนเก้าอี้ พูดยิ้มๆว่า“ฮวนฮวน คุณไม่ลองคิดดูสถานะตัวเองตอนนี้คืออะไร?”

“ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว พูดถึงไม่ใช่คุณเองเหรอ?” นิ้วเรียวยาวเชยคางของหญิงสาวขึ้น

เอ๊ะ?

คำพูดนี้ของเฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้พูดผิด ถ้าเธอยอมรับว่าตัวเองเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน อย่างนั้นเธอก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจริงๆ

แต่ว่า…

“ไม่ใช่สิ!” เป๋าฮวนมองทางเฟิงหานชวน กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา ส่ายหน้าปฏิเสธ “อาหาน เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว แต่เป๋าฮวนไม่ใช่”

“อาหาน เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวน ไม่มีใบสมรสไม่มีงานแต่ง ไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยา ดังนั้นนางสาวเป๋าฮวนไม่ใช่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว” เป๋าฮวนทำปากยื่น อธิบายเสียงดัง

แววตาของเฟิงหานชวนเข้มขึ้น ร่างก้มต่ำมากขึ้น กอดผู้หญิงในอ้อมกอดไว้แน่น พูดเสียงเบาข้างหูเธอ“แต่ในใจผม ไม่ว่าจะเป็นเฉินฮวนฮวนหรือเป๋าฮวน ก็เป็นภรรยาของผม เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเหมือนกัน”

“คุณ~” แก้มทั้งสองข้างของเป๋าฮวนแดงขึ้น เธอไม่เคยเถียงชนะเฟิงหานชวนเลยแม้แต่นิดเดียว

ผู้ชายคนนี้กะล่อนจริงๆ!

“ฮวนฮวน พวกเราหาฤกษ์ดีมาหนึ่งวัน จดทะเบียนสมรสกันอีกครั้งนะ?” เฟิงหานชวนจ้องผู้หญิงด้วยตาที่เป็นประกาย เปิดปากถาม “ไปประเทศของคุณ ไปจดทะเบียนที่สมรสประเทศเฉิน”

“หา?” เป๋าฮวนอึ้งไปทันที เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย

จดทะเบียนสมรส?

“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบมั้ง” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก ในหัวยังยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย

“อืม ไม่รีบ แต่ต้องกำหนดไว้” เฟิงหานชวนกัดติ่งหูอวบอิ่มของเธอไว้

เขาไม่อยากบีบบังคับเธอเกินไป แต่เขาต้องทำให้เธอเข้าใจ ความตั้งใจและมุ่งมั่นของเขา

ความรู้สึกชาๆ เหมือนกระแสไฟแล่นไปทั่วร่าง เป๋าฮวนพูดเหมือนไม่พอใจออกมา “หยุดกัดได้แล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มปล่อยเธอออก

“คุณรีบกินสเต๊กเนื้อเถอะ ฉันขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำก่อน อีกเดี๋ยวไปร้านกาแฟเจอผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนนั้น” เป๋าฮวนผลักเขาออก วิ่งขึ้นชั้นบนไป

เฟิงหานชวนมองด้านหลังเธอที่หายวับไปกับตา อดหัวเราะออกมาไม่ได้

หลังจากที่เป๋าฮวนอาบน้ำในห้องน้ำ เดินไปถึงห้องแต่งตัวเพื่อเลือกชุดที่จะใส่ออกไปข้างนอก

นึกถึงว่าเดี๋ยวต้องไปเจอผู้หญิงที่มีเสียงเสแสร้งและแต่งงานแล้วคนนั้น เป๋าฮวนก็เป็นทุกข์ ไม่รู้ว่าตัวเองควรสวมชุดไหน

เธอเอาสัมภาระมาประเทศฮัว เพียงแต่สัมภาระอยู่ที่โรงแรม ตอนนี้ไปเอา เกรงว่าจะไม่ทัน

เสื้อผ้าที่เธอเอามา เป็นแบบที่เธอดีไซน์เป็นพิเศษ และในห้องแต่งตัวจะมีชุดที่สั่งทำจากแบรนด์หรู แต่ไม่ใช่ที่ตัวเองดีไซน์ เลยต้องพิถีพิถันขึ้นหน่อย

สวมใส่ปกติไม่มีปัญหา แต่วันนี้ เธอต้องไปประชันความสวย!

คิดไปคิดมา สุดท้ายเป๋าฮวนตัดสินใจ เลือกเสื้อสีส้มอ่อนสไตล์ฝรั่งเศสหนึ่งตัว และกางเกงยีนทรงกระบอกมาหนึ่งตัว จับคู่กับรองเท้าบูตสีดำ

ดูแล้วเรียบง่าย และไม่เสียเอกลักษณ์ไป!

หลังจากเลือกชุดเสร็จ เป๋าฮวนถอดชุดสายเดี่ยวบนตัวลง ในเวลานั้น ประตูเปิดออก ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาอย่าง

เป๋าฮวนหันหลังทันที มือทั้งสองข้างปิดด้านหน้าไว้

“ว้าย!ทำไมคุณไม่เคาะประตู?”

เฟิงหานชวนมองท่าทางเธอที่ขวยเขินแบบนั้น ด้านหลังขาวสะอาดที่ซ่อนสิ่งล่อใจ เขาเสียงแหบ“ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น”

“คุณมันไม่มีมารยาท!” เป๋าฮวนตำหนิ

“ไม่มีมารยาท?”เขาเข้าใกล้เธอ ก้มมองด้านหลังเธอ ก้มศีรษะลง ริมฝีปากบางเข้าใกล้หูของเธอ พูดเสียงเบา“ระหว่างเรา ต้องมีมารยาทยังไง?”

มือใหญ่จับเอวบางของเธอ ค่อยๆเลื่อนขึ้นข้างบน

“แบบนี้…ถือว่ามีมารยาทไหม?” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาเบาๆ

เป๋าฮวนอยากต่อต้าน แต่เสียงครางเบาๆออกจากปากอย่างไม่รู้ตัว ติ่งหูเธอแดงขึ้น ร่างกายพิงที่ชายหนุ่มด้วยความอ่อนแรง

เฟิงหานชวนสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า จากนั้นเป๋าฮวนก็ส่งโทรศัพท์ให้เขา

เมื่อเห็นผู้ชายตัวเตี้ยและในวิดีโอ เขาก็ขมวดคิ้วทันที ไม่แปลกใจที่เป๋าฮวนบอกว่าเฉินเจี๋ยขี้เหร่ ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่ขี้เหร่ แต่ยังดูเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างแย่อีกด้วย

“อาหาน ตาของหลีซืออวิ๋นมีปัญหาหรือเปล่า? ผู้ชายแบบนี้ให้ฟรี ฉันก็ไม่เอา!” เป๋าฮวนโพล่งออกมาโดยไม่ลังเล

ความขยะแขยงเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ

ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกสายตาของหลีซืออวิ๋น แต่คนอย่างเฉินเจี๋ยอธิบายยากจริงๆ

เฟิงหานชวนก็แสดงท่าทางขยะแขยงเช่นกัน

ผู้ชายแบบนี้ แค่ดูแวบแรกก็รู้ว่าไม่เหมือนคนปกติ และแถมยังเป็นคนที่เห็นเงินแล้วตาโต สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายตาของหลีซืออวิ๋นนั้นแย่มาก!

“ฉันรู้แล้ว!” เป๋าฮวนตะโกนทันที ราวกับนึกขึ้นอะไรบางอย่าง

“คุณรู้อะไร?” เฟิงหานชวนมองเธอและถามด้วยความสงสัย

เป๋าฮวนกลอกตา จากนั้นยืนขึ้น ด้วยความสูงจากเตียง เธอสามารถสบตากับเฟิงหานชวนได้

เธอเอียงศีรษะ วางริมฝีปากไว้ที่หูของผู้ชาย มือข้างหนึ่งแตะข้างปากของเธอ และกระซิบ: “บางทีเฉินเจี๋ยอาจจะเก่งเรื่องนั้นมาก…เลยทำให้หลีซืออวิ๋นติดใจ”

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุก: “…”

ภรรยาตัวน้อยของเขา ในหัวคิดแต่เรื่องแบบนี้?

เฉินเจี๋ยเป็นหนึ่งในฆาตกร ทำงานแลกเงิน เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำร้ายเป๋าฮวน

ตอนนี้เป๋าฮวนไม่วิตกหรือกลัว แต่เธอรู้สึกสนใจเรื่องที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้?

ผู้หญิงที่ตัวสั่นด้วยความกลัวและเกาะติดเขา เมื่อคืนนี้หายไปไหนแล้ว?

เมื่อเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของผู้ชาย เป๋าฮวนก็ปิดปากทันที จ้องมาที่เขา และถามอย่างระมัดระวัง: “อาหาน คุณโกรธเหรอ?”

การแสดงออกของเฟิงหานชวนบึ้งตึงและจริงจังมาก

“อาหาน คุณอย่าโกรธสิ~” เป๋าฮวนคว้าแขนของเขา เขย่าแขนแล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า: “คุณเก่งที่สุดในใจของฉันแล้ว~”

เฟิงหานชวน: “???”

เธอคิดว่าเขากำลังโกรธเรื่องนี้เหรอ?

“อาหาน งั้นฉันจะจุ้บคุณ ใจเย็นๆ โอเคไหม~” จากนั้นเป๋าฮวนก็หอมแก้มเขา

ใบหน้าเดิมของเฟิงหานชวนที่บูดบึ้งจางหายไปทันที

ผู้หญิงบ้า!

เป๋าฮวนเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูตัวฉกาจ!

“ฮวนฮวน” เขากระซิบ

ฝ่ามือใหญ่จับแก้มอันอ่อนนุ่มของเธอ ถูเบาๆ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม: “ผมเป็นห่วงคุณ ไม่ได้โกรธคุณเพราะเรื่องแบบนี้”

เป๋าฮวนกระพริบตา แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่ง: “ฉันรู้ มีคุณอยู่ ฉันไม่กังวลอะไรอีกแล้ว”

ท่าทางการพึ่งพาของผู้หญิง ทำให้ร่างกายของเฟิงหานชวนแข็งขึ้นทันที เขาเหยียดแขนออก รัดเอวของผู้หญิงแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

เพียงกอดเธอไว้ครู่หนึ่ง เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอ จ้องไปที่ผู้หญิงด้วยดวงตาสีเข้ม แล้วถามว่า: “คุณหิวไม่ใช่เหรอ? ไปห้องครัวกับผม ผมจะทำสเต็กให้คุณเอง”

“ห้องครัว…สเต็ก…” เป๋าฮวนพึมพำ หน้าลังเลเล็กน้อย

ตอนเช้าของเมื่อวาน ในห้องครัว เพราะเธอกับเฟิงหานชวน…จากนั้นสเต็กก็ไหม้ อีกอย่างบ้านแม่หลี่เกือบเห็นพวกเขาทำอะไรกัน

เมื่อเห็นการแสดงออกที่พัวพันของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็กลั้นยิ้มและพูดอย่างเจาะจงว่า: “ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้เป็นอาหารเช้าจริงๆ จะไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฟิงหานชวน สีหน้าของเป๋าฮวนก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในห้องครัว

“อืม” เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและมองคนตรงหน้าอย่างคาดหวัง

ท่าทางดีใจของเธอ ทำให้จิตใจของเฟิงหานชวนเต้นแรงอีกครั้ง แต่เขารีบตั้งสติและอุ้มเธอ ลงไปชั้นล่าง

เป๋าฮวนถูกปล่อยลงเมื่อถึงห้องครัว เธอเพิ่งตระหนักว่าเธอยังไม่ได้แปรงฟัน ล้างหน้า!

หันหลังกลับออกไป แต่เฟิงหานชวนจับแขนของเธอไว้ เขาพูดว่า: “รอกอนสเต็กก่อน กินเสร็จผมจะพาคุณขึ้นไป”

“ฉันมีมือมีเท้า ไม่ต้องการให้คุณอุ้มฉัน คนอื่นเห็น มันไม่ดี!” เป๋าฮวนกระซิบอย่างโกรธเคือง

ในเวลานี้ แม่บ้านหลี่เข้ามาถามอย่างกังวลว่า: “ฮวนฮวนคุณตื่นแล้วเหรอ? อยากกินอะไรไหม? อาหารเช้าที่ฉันเพิ่งทำ พวกเขากินไปหมดแล้ว”

จู่ๆเป๋าฮวนก็นึกขึ้นได้ว่า ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนในคฤหาสน์นี้ และมีจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งอีกด้วย

เธอยิ้มและตอบอย่างรวดเร็ว: “ไม่เป็นไรแม่บ้านหลี่ อาหานบอกว่าจะทำสเต็กให้”

“โอเคโอเค ถ้าคุณชายสามจะลงมือเข้าครัวเอง แม่บ้านหลี่อย่างฉันไม่กวนแล้วนะ” แม่บ้านหลี่ยิ้ม แล้วหันหลังกลับและหายตัวไป

ในขณะนี้ มีเพียงเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนที่ถูกทิ้งไว้ในห้องครัวที่เงียบสงบ

เฟิงหานชวนหยิบสเต็กออกจากตู้เย็นแล้วพูดว่า:”ฮวนฮวน วันนี้ไม่ออกไปซื้อของสดนะ ของแช่ไว้ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ฉันไม่เรื่องมาก ฉันไม่จู้จี้จุกจิกเหมือนคุณ ฉันกินของในตู้เย็นได้” เป๋าฮวนพูดทันทีว่า “ฉันเป็นเด็กเลี้ยงง่าย”

“เด็ก?” เฟิงหานชวนกระตุกคิ้วและยิ้ม: “คุณแน่ใจว่าคุณเป็นเด็ก? คุณเป็นผู้หญิงที่มีลูกได้แล้ว!”

“เฟิงหานชวน คุณ…” เป๋าฮวนโกรธจนพูดไม่ออก

วินาทีต่อมา ประตูตู้เย็นก็ปิดลง จากนั้นหลังของเธอก็เย็น ตัวเธอถูกผลักไปหน้าประตูตู้เย็น

“ฮวนฮวน ผมพูดผิดเหรอ? ถ้าผมพูดผิด ผมยอมให้คุณลงโทษผมเลย” เขาขดริมฝีปาก ใช้มือวาดส่วนโค้งที่ไม่ทราบความหมาย

ใบหน้าของเป๋าฮวนเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอยกมือขึ้นแล้วตีที่ไหล่ของผู้ชาย และพูดว่า “ฉันหิวแล้ว รีบหน่อย!”

“หืม?” เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ ก้มศีรษะเอนตัวไปที่หูของผู้หญิงคนนั้นแล้วกัดติ่งหูของเธอเบาๆ: “คุณหิวเหรอ? ให้ผมรีบหน่อย? รีบแบบไหน?”

“อ๊ากกกกก!” เป๋าฮวนผลักเขาออกทันที ปิดหู กรีดร้องและวิ่งออกจากห้องครัว

เฟิงหานชวนหัวเราะอย่างโง่เขลา ไม่ไล่ตามไป ในเวลานี้ เขาปล่อยให้เป๋าฮวนสงบสติอารมณ์ เขาก็ปรุงสเต็กต่อไป

หลังจากที่เป๋าฮวนวิ่งออกไป เธอก็นั่งลงบนโต๊ะอาหาร โต๊ะอาหารอยู่ติดกับหน้าต่าง เธอมองเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากมายที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตู

ความรู้สึกนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมาก

แต่ว่าจนถึงตอนนี้เธอก็คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนสั่งให้เฉินเจี๋ยวางแผนฆ่าเธอ?

ประเด็นคือตอนนี้เฉินเจี๋ยก็หายไป ราวกับว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีเงื่อนงำ

ขณะที่เธอกำลังงุนงง ทันใดนั้น เธอก็ได้กลิ่นพริกไทยดำ หอม หอมมาก

ทันทีหลังจากนั้น ผู้ชายก็เดินมาพร้อมกับจานสีขาว และสเต็กอันประณีตปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

เป๋าฮวนหิวมาก น้ำลายหลั่งในปากของเธอทันที เธอหยิบมีดและส้อมขึ้นโดยไม่พูดอะไร และเริ่มกิน

แสงแดดส่องบนโต๊ะผ่านหน้าต่างสูง และส่องผ่านร่างกายของเป๋าฮวน เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่ามันเป็นรสชาติของชีวิต

เฟิงหานชวนมองดูเธออย่างเงียบๆ ราวกับว่ามีความรู้สึกดีที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอด3ปีที่ผ่านมา

“ใช่สิ อาหาน ทำไมถึงมีแค่สเต็กจานเดียว แล้วคุณกินอะไร?” จู่ๆเป๋าฮวนก็เงยหน้าขึ้น มองไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะและถามด้วยความสงสัย

“คุณบอกให้ผมรีบหน่อยไม่ใช่เหรอ? ผมเลยทำจานเดียวก่อน กลัวคุณรอไม่ไหว” เฟิงหานชวนยื่นมือออก ใช้นิ้วปัดริมฝีปากของผู้หญิง เช็ดคราบน้ำมันที่มุมปากของเธอ

หลังจากนั้น ก็ก้าวขาเรียวยาวเดินเข้าไปในห้องครัว

เป๋าฮวนแข็งค้างสักครู่ แล้วแลบลิ้นไปทางหลังเฟิงหานชวน ก้มศีรษะลงกินสเต็กต่อ

หลังจากกินสเต็กไปเกือบหนึ่งชิ้น เธอเห็นเฟิงหานชวนเดินออกมาพร้อมกับจานอีกสองจาน จากนั้นก็ยื่นให้เธอหนึ่งจาน

เขานั่งลงตรงข้ามกับเธอ และเฟิงหานชวนวางจานอีกจานไว้ข้างหน้าเขา

“นี่คือ?” เป๋าฮวนมองไปตรงหน้า เกาหัวแล้วพูดว่า: “ฉันอิ่มแล้ว”

เธอรู้ว่าสเต็กจานนี้ เป็นจานที่สองที่เฟิงหานชวนทำไว้ให้ตัวเอง

“กินอีกหน่อย ไม่งั้นต้องรอถึงตอนเย็นกว่าจะได้กินอีกที” เฟิงหานชวนพูดอย่างเคร่งขรึม

เป๋าฮวน: “???”

“เกิดอะไรขึ้น? ตอนเที่ยงไม่มีกับข้าวเหรอ? เป็นไปได้ยังไง แม่บ้านหลี่ก็อยู่บ้านนิ! ผู้รักษาความปลอดภัยมากมายต้องกินข้าว…” ก่อนที่คำซักถามของเป๋าฮวนจะพูดจบ เสียงของเธอก็ลดเบาลงเรื่อยๆ และหน้าเริ่มแดง

เมื่อเห็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอ เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอเดาออก ขณะหั่นสเต็ก เขาพูดขึ้นว่า: “เมื่อคืนนี้มีคนโวยวายอยากเล่นเกมไม่ใช่เหรอ? วันนี้พอมีเวลาเล่นสนุกกันสักหน่อย”

“…” เป๋าฮวนก้มศีรษะลงครู่หนึ่ง อยากจะหารูมุดเข้าไป เธอกัดฟันและบ่นเงียบๆ: “คุณเฟิง คุณไม่ได้ไปบริษัทหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องจัดการปัญหาในบริษัทเหรอ? ฉันจำได้ว่าบริษัทของคุณยุ่งมากไม่ใช่เหรอ?”

“คุณเฟิง?” ผู้ชายขมวดคิ้วขึ้น

“อาหาน~” เป๋าฮวนเปลี่ยนคำพูดทันที

“ไม่เป็นไร มีคนระดับสูงช่วยจัดการ ผมพักผ่อนสักสองสามวันไม่มีปัญหาหรอก” เฟิงหานชวนตอบอย่างเฉยเมย

เป๋าฮวน : “…”

เธอรู้สึกว่าตัวเองถามคำถามที่โง่เง่า

เมื่อเหลือบมองผู้ชายที่นิ่งอยู่ตรงหน้า เป๋าฮวนหยิบมีดและส้อมขึ้น หั่นสเต็กต่อไป

กินเยอะหน่อย กินเยอะๆ ไม่งั้นคงต้องรอถึงเย็นแน่กว่าจะได้กิน

เมื่อวานก็มีบทเรียนแล้ว~

ในขณะนั้น โทรศัพท์ของเฟิงหานชวนบนโต๊ะดังขึ้น และเขาก็เปิดลำโพงทันที เสียงของซูอวี่ดังขึ้น: “ประธานเฟิง มีเบาะแสใหม่!”

“เราพบว่าเฉินเจี๋ยเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยในประเทศเฉิน เป็นเหมือนนักเรียนแลกเปลี่ยน และในรายชื่อผู้ติดต่อของเขา เราพบคุณฝังฟังคนนั้นด้วย เธอเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาลัยในประเทศเฉิน เดิมทีเป็นชาวต่างชาติ จากนั้นแต่งงานกับตระกูลหลิว ลูกชายนอกกฏหมายหลิวเฉินเฟิง ซึ่งเป็นน้องชายของหลิวตงรุ่ย”

หลิวตงรุ่ย!

เป๋าฮวนนึกถึงเขาในทันที และเธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย หลิวตงรุ่ยไม่ได้ทำอะไรเลยในตอนนั้น มันเป็นคำโกหกของหลิวเยว่เอ่อร์ ที่ทำให้เธอเข้าใจหลิวตงรุ่ยผิด

“แล้วยังไงต่อ?” เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเพราะชื่อหลิวตงรุ่ย

เขาไม่ได้มีอคติต่อหลิวตงรุ่ย แต่เมื่อได้ยินชื่อนี้ จะทำให้เป๋าฮวนนึกถึงสิ่งที่เขาหลอกเธอ ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงไม่อยากให้คนในตระกูลหลิวมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา

“เราไปที่บ้านคุณฝังฟังมา และเจอกับคุณฝัง เธอบอกว่าเธอจ้างเฉินเจี๋ยให้สืบเรื่องตารางงานของสามี แต่เมื่อสองวันก่อน เฉินเจี๋ยถามเธอเกี่ยวกับตระกูลเป๋า” ซูอวี่ยังคงรายงานต่อไป

“ตระกูลเป๋า?” เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนพูดขึ้นพร้อมกัน

เป๋าฮวนกลับประเทศ เรื่องที่เปลี่ยนชื่อและนามสกุล มีแต่คนรู้จักที่รู้ คนอื่นไม่น่าจะรู้

ทำไมเฉินเจี๋ยถึงถามเกี่ยวกับตระกูลเป๋า?

หรือว่าเฉินเจี๋ยรู้ว่าเธอเปลี่ยนชื่อเป็นสมาชิกของตระกูลเป๋า? เป็นไปได้ไหมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นคนใกล้ตัว?

เมื่อคืนเธอเพิ่งฝันถึงหลีซืออวิ๋น วันนี้ก็ได้ยินชื่อของหลีซืออวิ๋นเลย

แต่ว่า เธอกับหลีซืออวิ๋นไม่มีความแค้นต่อกัน แถมหลีซืออวิ๋นยังเป็นเพื่อนของเฟิงหานชวนอีกต่างหาก ไม่มีทางอยู่เบื้องหลังฆาตกรหรอกใช่ไหม

“เจออะไรเพิ่มเติมไหม ทำไมหลีซืออวิ๋นถึงติดต่อกับเฉินเจี๋ย” เฟิงหานชวนถาม

“ประธานเฟิง ตอนนี้ยังไม่เจอครับ เรากำลังเร่งตรวจสอบครับ” ซูอวี่รายงานทันที แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็เสนอขึ้นว่า “คุณหลีเป็นเพื่อนของท่านประธาน ท่านประธานลองถามเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”

“พวกนายตรวจสอบไปก่อน” หลังจากออกคำสั่ง เฟิงหานชวนก็วางสายไปทันที

เพราะว่าเปิดลำโพง เป๋าฮวนจึงได้ยินทุกอย่างที่ซูอวี่พูด

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเธอรู้สึกแปลกๆ มาตลอด เธอนึกไปถึงตอนที่อยู่บ้านตะกูลเฟิง สายตาของหลีซืออวิ๋นที่มองตัวเอง

แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ความริษยา และความเกลียดชัง

เดิมทีเธอสงสัยตัวเองว่ามองผิดไปหรือเปล่า หรือว่า…

“หลีซืออวิ๋นชอบคุณ เธอก็เลยเกลียดฉันมาก มันจะเป็นแบบนี้ได้ไหม ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงติดต่อกับเฉินเจี๋ยล่ะ นักสืบเอกชนคนหนึ่ง…” เป๋าฮวนพูดโพล่งออกมา รู้สึกเย็นวาบเล็กน้อยที่กลางสันหลัง

หลีซืออวิ๋นเป็นผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อมและสง่างามขนาดนั้น จะทำเรื่องน่ากลัวแบบนี้ได้เหรอ

ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็ดำทะมึนมากเช่นกัน เขาและเป๋าฮวนคาดเดาไว้เหมือนกัน เขารีบโทรหาหลีซืออวิ๋นทันที และยังคงเปิดลำโพงไว้

ไม่นาน ปลายสายก็กดรับสาย

เพียงแต่ เฟิงหานชวนยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงครางของหญิงสาวก็ดังมาจากปลายสาย

“อืม…อา…”

เมื่อได้ยินเสียงน่าอายเช่นนี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนพลันเขียวคล้ำ

ทว่า ใบหน้าของเป๋าฮวนเขียวคล้ำยิ่งกว่าเฟิงหานชวนเสียอีก เป๋าฮวนถลึงตาใส่เขาอย่างดุเดือด

เฟิงหานชวนยักไหล่บอกเป็นเชิงว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจมาก

หลังจากนั้น หญิงสาวจากปลายสายดูเหมือนจะตอบสนองแล้ว เสียงร้องอุทานอย่างตกใจดังขึ้น ก่อนจะรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เอ่อ ขอโทษนะหานชวน ฉันกำลังทำสปาอยู่ที่บ้าน! จู่ๆ นายก็โทรหาฉัน มีธุระอะไรเหรอ”

เมื่อพูดจบ หลีซืออวิ๋นขบเม้มริมฝีปากเงียบๆ ความจริงแล้วเธอจงใจทำเสียงเช่นนั้น

สปา?

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำนี้ เธอถึงกับกุมหน้าผากตัวเองทันที เสียงเมื่อสักครู่นี้ เธอคิดว่าหลีซืออวิ๋นกำลัง…

“ซืออวิ๋น ฉันมีเรื่องจะถามเธอ” เฟิงหานชวนไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง

เพราะหลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ยติดต่อกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าหลีซืออวิ๋นจะเป็นมือมืด*ที่อยู่เบื้องหลัง

“หานชวน นายจะถามอะไรฉัน ไม่ใช่ให้ฉันอธิบายเรื่องนั้นกับเป๋าฮวนหรอกใช่ไหม” หลีซืออวิ๋นขบฟันกรามเข้าหากัน สีหน้าของเธอดูน่ากลัวมาก ทว่าเสียงของเธอกลับหวานหยาดเยิ้ม ฟังดูแล้วไม่มีความผิดปกติใดๆ

เรื่องนั้น???

เมื่อเป๋าฮวนได้ยิน สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะถลึงตาใส่เฟิงหานชวนอีกครั้ง เฟิงหานชวนยังคงยักไหล่บอกเป็นเชิงว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ

ตอนนี้เป๋าฮวนโกรธมาก อยากรู้มากว่าเรื่องนั้นที่หลีซืออวิ๋นพูดคือเรื่องอะไรกันแน่ ทว่าเธอไม่สะดวกพูดในตอนนี้

“ซืออวิ๋น เธอหมายถึงเรื่องไหน” เฟิงหานชวนก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องนั้นที่หลีซืออวิ๋นพูดถึงคือเรื่องอะไร

“โธ่เอ๋ย ก็เรื่องที่ฉันเข้าใจผิดว่านายจะขอฉันแต่งงาน แล้วฉันส่งวีแชตหานายไง ปกตินายไม่เคยติดต่อฉัน จู่ๆ ก็โทรหาฉัน ฉันเลยคิดว่าฮวนฮวนงอนนายอีกหรือเปล่า ผู้หญิงหึงหวงเป็นเรื่องปกติมาก ถ้านายอยากให้ฉันช่วยอธิบายต่อหน้าเธอ ฉันทำได้นะ” น้ำเสียงของหลีซืออวิ๋นฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยนมาก ไม่ก้าวร้าวเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเป๋าฮวนฟัง คิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจหลีซืออวิ๋นผิด เธอดูไม่เหมือนผู้หญิงไม่ดีแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหลีซืออวิ๋นอยากครอบครองเฟิงหานชวนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นสามปีที่ผ่านมา ทำไมเธอไม่ทำอะไรเลยล่ะ

ดังนั้น เธอน่าจะเข้าใจผิดแล้ว

เฟิงหานชวนหลับตาลง ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ “ฉันไม่ได้โทรหาเธอเพราะเรื่องนี้ ซืออวิ๋น ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”

“ทำไมเธอถึงติดต่อกับเฉินเจี๋ย เขาเป็นนักสืบเอกชน และไม่ใช่เพื่อนโรงเรียนเก่าเธอ ว่ากันตามเหตุผลแล้วพวกเธอไม่น่าจะมาเจอกันได้นะ”

หัวใจของหลีซืออวิ๋น “กระตุก” ทันที นึกแล้วเชียวว่าต้องสอบสวนเธอ!

“เฉินเจี๋ย?” หลีซืออวิ๋นแสร้งถาม แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น “หานชวน ทำไมจู่ๆ นายถึงพูดถึงเฉินเจี๋ยล่ะ”

“ตอบฉันมา เธอกับเฉินเจี๋ยเป็นอะไรกัน ทำไมเธอถึงติดต่อกับเขา” เสียงของชายหนุ่มเย็นเยือกถึงขีดสุด

หลีซืออวิ๋นรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลังทันที เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่ง ความจริงเธอเตรียมแผนรับมือไว้นานแล้ว

ตราบใดที่เฟิงหานชวนจับไม่ได้คาหนังคาเขา เธอก็จะไม่เปิดโปงตัวเองอย่างแน่นอน

“หานชวน นายคงไม่สนใจฉันหรอกใช่ไหม นายมีปัญหาอะไรกับฮวนฮวนเหรอ ไม่อย่างนั้นทำไมนายถึงถามฉัน…เรื่องเฉินเจี๋ย” เสียงหวานของหลีซืออวิ๋นนุ่มนวลรื่นหู เธอจงใจทำเสียงกระเง้ากระงอด “ฉันกับเฉินเจี๋ยก็แค่ไม่กี่ครั้งเอง แค่นานๆ ครั้ง ถ้านายอยากแต่งงานกับฉัน ฉันจะตัดขาดกับเขา”

เมื่อเฟิงหานชวนและเป่าฮวนได้ฟังคำพูดของหลีซืออวิ๋น ทั้งสองมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

เป๋าฮวนขยับปากถามชายหนุ่มตรงหน้าโดยไม่ออกเสียง ‘หลีซืออวิ๋นกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่’

เฟิงหานชวนก็ส่ายหน้าไม่พูดอะไร

“หานชวน อันที่จริงฉันกับเฉินเจี๋ยไม่ค่อยได้เจอกันจริงๆ ถ้านายคิดจะแต่งงานกับฉัน และยังอยากแต่งงาน นายไม่สนใจเขา ฉันก็ไม่สนว่านายเคยแต่งงานกับฮวนฮวนมาก่อน” หลีซืออวิ๋นเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สิ่งที่เธอพูดออกมา ฟังดูจริงจังและจริงใจมาก แต่ในน้ำเสียงแฝงความขี้เล่นเอาไว้

ฟังไม่รู้ว่ากำลังเสแสร้งแกล้งทำ

เมื่อเธอธิบายเช่นนี้ เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนต่างพอจะเข้าใจว่า หลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ยมีความสัมพันธ์กันแบบชายหญิง

“เธอเคยคบกับเฉินเจี๋ยเหรอ” เฟิงหานชวนถามเธอ

“ไม่ใช่นะ หานชวน ฉันกับเขารู้จักกันหลายปีแล้ว ครั้งแรกตอนฉันดื่มอยู่ในบาร์ เขาอบอุ่นเป็นมิตรกับฉันมาก คืนนั้นเราก็เลย…หลังจากนั้น เราก็มีความสัมพันธ์กันแบบผู้ใหญ่ มันไม่ใช่ความรัก นายน่าจะเข้าใจนะ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แค่ความต้องการทางร่างกายเท่านั้น ฉันก็ไม่อยากพูดตรงๆ แบบนี้หรอก แต่ในเมื่อนายถาม ฉันก็ตอบตามความจริง” ตอนหลีซืออวิ๋นอธิบาย น้ำเสียงของเธอฟังดูเขินอายเล็กน้อย

เธอยังคงเอ่ยกำชับเป็นพิเศษว่า “หานชวน ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ต้องคำนึงถึงหน้าตาของตัวเอง นายอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ตกลงไหม”

เป๋าฮวนตะลึงทันที แม้ว่าเธอเพิ่งคาดเดาอะไรบางอย่าง ทว่าเธอไม่คิดว่าหลีซืออวิ๋นจะอธิบายจนหมดเปลือกเช่นนี้

อีกอย่างเธอไม่คิดเลยว่า ผู้หญิงที่สวยสง่าอย่างหลีซืออวิ๋น นึกไม่ถึงเลยว่าเวลามีความต้องการ เธอก็มีคู่นอนเหมือนกัน!

“ในเมื่อเธอกับเฉินเจี๋ยมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น เขาเคยพูดเรื่องฮวนฮวนกับเธอไหม” เฟิงหานชวนไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของหลีซืออวิ๋นกับเฉินเจี๋ย ตอนนี้เขาต้องการหามือมืดที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมเป๋าฮวน

“ฮวนฮวน? ไม่นะ!” หลีซืออวิ๋นอุทานอย่างตกใจ ก่อนยกมือปิดปากถามอย่างจงใจ “หรือว่าฮวนฮวนกับเฉินเจี๋ยก็มีความสัมพันธ์กันแบบนี้?”

สีหน้าของเฟิงหานชวนพลันเปลี่ยนเป็นสีดำมืดทันที เป๋าฮวนก็มีท่าทีประหม่าเช่นกัน

นี่หลีซืออวิ๋นมีจินตนาการมากเกินไปหรือเปล่า

ทว่า ตอนนี้เป๋าฮวนควรแน่ใจได้แล้วว่า หลีซืออวิ๋นไม่ใช่มือมืดที่อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เธอดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย

“ไม่ใช่ สามปีก่อนเฉินเจี๋ยร่วมมือกับคนขับรถคนหนึ่ง ตอนที่ฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น เขาต้องการให้ฮวนฮวนตาย แต่ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาแน่นอน” เฟิงหานชวนเอ่ยออกไปทันควัน

หลีซืออวิ๋นร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจ “พระเจ้า…เป็นไปได้ยังไง!”

“ฉันจะรีบติดต่อเฉินเจี๋ยเดี๋ยวนี้ ฉันจะช่วยนายถาม นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย!” หลังจากหลีซืออวิ๋นพูดจบ เธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินเสียงวางสาย “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แล้วเอ่ยขึ้นว่า “อาหาน ไม่น่าจะเป็นหลีซืออวิ๋นนะ เธอไม่รู้อะไรเลย แค่บังเอิญติดต่อกับเฉินเจี๋ยเท่านั้นเอง”

“ฮวนฮวน คุณไม่ต้องกังวล ซูอวี่กำลังสืบหาอยู่ ผมจะไม่ยอมให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ

เป๋าฮวนนั่งอยู่บนที่นอน และเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเตียงนอน เป๋าฮวนเอียงศีรษะมองเขา จากนั้นกลอกตาไปมาอย่างเจ้าเล่ห์ มุมปากแย้มยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กเรียงตัวสวย

“กำลังคิดอะไรอยู่” เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็รู้แล้วมีความคิดแปลกๆ ซ่อนอยู่ในหัวเล็กๆ ของเธอ

“อาหาน คุณเคยเจอเฉินเจี๋ยไหม” เป๋าฮวนถามเขา

“ไม่เคย” เฟิงหานชวนส่ายหน้า

“แล้วคุณมีรูปของเฉินเจี๋ยนไหม” เป๋าฮวนถามอีกครั้ง

“ไม่มี” เฟิงหานชวนยังคงส่ายหน้าไปมา

“งั้นคุณให้ซูอวี่ส่งรูปของเฉินเจี๋ยมาสักสองสามรูป โอเคไหม” เป๋าฮวนกระพริบตาปริบๆ ดวงตาคู่นั้นของเธอทอประกายวาววับ

เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย หญิงสาวตรงหน้าเขาดูเหมือนไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย จู่ๆ อยากดูรูปของเฉินเจี๋ย เป็นเพราะอะไรกัน

จากนั้น ราวกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหัวเราะเบาๆ “ทำไมถึงสนใจเรื่องของคนอื่นขนาดนี้”

“ฉันก็แค่แปลกใจ อยากเห็นว่าเฉินเจี๋ยจะหล่อแค่ไหน นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่สวยสง่าอย่างหลีซืออวิ๋นจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเขา ฉันก็เลยสงสัย” เป๋าฮวนเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

หล่อแค่ไหนกันเชียว…

ประโยคนี้ทำให้เฟิงหานชวนไม่พอใจอย่างมาก!

“ถึงเขาจะหล่อมาก ฮวนฮวนคุณอย่าลืมว่าเขาเกือบจะฆ่าคุณ!” เฟิงหานชวนเอ่ยเตือนอย่างจริงจัง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก

“ฉันรู้น่า ฉันแค่อยากเห็น” เป๋าฮวนกอดเอวแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “อีกอย่างนะ เราไม่เคยเห็นหน้าตาของเฉินเจี๋ยเลย ตอนนี้เฉินเจี๋ยยังไม่ถูกจับไม่ใช่เหรอ ถ้าเราเห็นเขาบนถนนจะไม่รู้จักเขานะ”

“คุณแค่อยากเห็นคนหล่อ” เฟิงหานไม่มีทางเลี่ยง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาซูอวี่ สั่งให้เขาส่งรูปถ่ายของเฉินเจี๋ยมา

ไม่นาน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวนก็สั่น เขาโยนโทรศัพท์มือถือให้เป๋าฮวนทันที ไม่แม้แต่จะดูก่อนเลยด้วยซ้ำ

เป๋าฮวนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา กดเข้าไปในประวัติการสนทนาของซูอวี่ทันที พบว่าซูอวี่ส่งรูปถ่ายมาหลายรูป รวมทั้งคลิปวีดีโอสังเกตการณ์ของผู้ชายคนหนึ่ง

“พระเจ้า…” เป๋าฮวนปิดปากด้วยความตกใจ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเป๋าฮวน มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย ผู้ชายที่ทำให้เธอตกใจขนาดนี้จะหล่อแค่ไหนกันเชียว

“ฮวนฮวน ถ้าคุณทำแบบนี้อีก ผมจะหึงเอาได้นะ” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ไม่ใช่นะ อาหาน คุณมาดูเร็วสิ ทำไมเขาถึงขี้เหร่ขนาดนี้!” เป๋าฮวนตะโกนด้วยความตกใจ

ขี้เหร่?

……

*มือมืด หมายถึง คนที่กระทำการเลวร้ายในที่ลับๆ

การกัดนั้นไม่เบาและไม่แรง ราวกับจั๊กจี้ เฟิงหานชวนไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

“ฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณเหมือนอะไร?” เฟิงหานชวนแสดงรอยยิ้มขบขัน

“เหมือนอะไร?” เป๋าฮวนถามเขา พลางเอียงศีรษะ

เฟิงหานชวนหันศีรษะมองเธอ ลูบปลายจมูกของเธอด้วยปลายจมูกของเขา พูดหยอกว่า: “เหมือนลูกหมา”

“???” เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง

ลูกหมา!?

เปรียบเทียบเธอกับลูกหมา?

“เฟิงหานชวน คนเลว!” เป๋าฮวนโกรธ กัดไหล่อีกข้างของเขาอย่างแรง

เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ท่าทางของเป๋าฮวนตอนนี้ มันน่ารักมากจริงๆ

เขาชอบ

“เฟิงหานชวน ยังจะหัวเราะอีก! ตอนนี้คุณคิดว่าฉันเหมือนสัตว์เลี้ยงใช่ไหม?” เป๋าฮวนกระวนกระวาย

ทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าเธอสามารถควบคุมเขาได้ แต่เธอก็พ่ายแพ้เฟิงหานชวนทุกที!

จะไม่ให้เธอโกรธได้อย่างไร!?

“เปล่า คุณจะเป็นลูกหมาของผมได้ไง คุณเป็นภรรยาของผม ภรรยาสุดที่รักของผม” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากของเขา เกลี้ยกล่อมเธอเบาๆ “ปลดกุญแจมือนะ คนดี”

เขาไม่ชอบความรู้สึกถูกผูกมัด

เป๋าฮวนมองลงมา ตระหนักว่าตอนนี้เธอกำลังควบคุมเฟิงหานชวนอยู่ มือทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนไม่สามารถขยับได้

ดวงตากลมโตของเธอหมุนไปรอบๆ มีความคิดผุดขึ้นมาในหัว

เธอมีวิธีที่จะทำให้เฟิงหานชวนขอความเมตตา~

“อาหาน ฉันไม่อยากปลด” เป๋าฮวนพลิกตัวและลุกจากเตียง นั่งยองๆต่อหน้าผู้ชาย กระพริบตาอย่างไร้เดียงสา

เมื่อมองไปที่ท่าทางที่น่าเอ็นดูของผู้หญิง เฟิงหานชวนก็หัวเราะและกล่าวว่า:”ก็ได้ ไม่ปลดก็ไม่ปลด คุณจะล็อคผมไว้นานแค่ไหนล่ะ?”

“อืม…ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน” เป๋าฮวนทำหน้าบึ้งและตอบอย่างครุ่นคิด

เฟิงหานชวนกระตุกริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่นานก็สงบลง เนื่องจากเป๋าฮวนต้องการล็อกเขา ก็ปล่อยให้เธอล็อค

อย่างน้อยก็แค่ใส่กุญแจมือ ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถยอมรับเกมแบบนั้นได้

“ฮวนฮวน ทำไมคุณถึงชอบเล่นแบบนี้?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม เขาอยากรู้จักเป๋าฮวนในตอนนี้มากขึ้น

เพราะผ่านไป3ปี เป๋าฮวนเองก็เปลี่ยนไปแล้ว

เป๋าฮวนมองขึ้นไปที่เขาด้วยสายตาที่อ้อนวอน ทำให้คนรู้สึกหวั่นไหว เพียงแค่มองเขา กลับทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกไม่สบายใจ

“ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ อาหาน” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากและเอนศีรษะไปที่ขาของผู้ชาย

“ผม?” เฟิงหานชวนสงสัย

“เมื่อก่อนคุณมักจะรังแกฉัน เพราะงั้นตอนนี้ฉันเลยชอบรังแกคุณ” เป๋าฮวนหัวเราะ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และจ้องไปที่ผู้ชาย

เฟิงหานชวนตะลึงไปครู่หนึ่ง

เมื่อก่อนเขามักจะรังแกเป๋าฮวนเหรอ?

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบางสิ่งอีกครั้ง ตอนนั้นเป๋าฮวน เรียกว่าเฉินฮวนฮวน ตอนที่เธอมาบ้านตระกูลเฟิงครั้งแรก เขาเคยทำเรื่องไม่ดีกับเธอไว้มากมาย

เขาทำให้เธอร้องไห้หลายครั้ง และยังทำให้ขี้เถ้าของคุณยายกระจายบนพื้น

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ” เขาสำลักและดวงตาของเขาแดงก่ำ

เขาไม่คิดว่าพฤติกรรมที่ไม่ตั้งใจในตอนนั้นทำให้เป๋าฮวนฝังใจนานขนาดนี้ แต่ถึงยังไง เขาก็ผิด

“ทำไมจู่ๆถึงขอโทษล่ะ?” เป๋าฮวนเริ่มไม่เข้าใจ

เธอบอกรังแก คือ “แกล้ง” หรือว่าเฟิงหานชวนจะนึกถึงเรื่องที่เขาเคยทำไม่ดีกับเธอ?

“ฮวนฮวน ผมขอโทษจริงๆ ให้โอกาสผมแก้ตัวอีกครั้ง ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก” เฟิงหานชวนไม่สามารถกอดผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาได้ดังนั้นเขาจึงเอนศีรษะเข้าหาไหล่ของเธอ

เป๋าฮวนยืนขึ้น กางแขนออก กอดผู้ชาย แล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขน

คราวนี้ เธอเป็นคนดึงเฟิงหานชวนมากอด แทนที่จะเป็นเฟิงหานชวนดึงเธอ

“คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ฉันบอกว่ารังแก ไม่ใช่รังแกอย่างที่คุณคิด” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเธอต้องอธิบายให้ชัดเจน พูดต่อว่า: “เริ่มแรกคุณทำกับฉันเกินไปมาก แต่ฉันเข้าใจ คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าเงิน เลยยอมแต่งงานกับคนในตระกูลเฟิง เรื่องพวกนั้นฉันไม่ได้ใส่ใจหรอก ไม่งั้นฉันคงไม่ตอบตกลงแต่งงานกับคุณหรอก…”

“ฮวนฮวน…” เมื่อฟังคำอธิบายของเธอ เฟิงหานชวนก็ตกตะลึงอีกครั้ง

เนื่องจากไม่ใช่การรังแกแบบนั้น ถ้างั้น…

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ

ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่น แต่ตอนนี้มือเล็กๆของเป๋าฮวน กำลังล้วงเข้าไปในชุดนอนของเขา

“ฮวนฮวน คุณกำลังจะทำอะไร?” เสียงของเขาเบาลง

เป๋าฮวนก้มลงมองผู้ชาย เธอยิ้มหน้าบาน พูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ “อาหาน คุณรู้หรือยังว่ารังแกแบบไหน?”

“รู้ รู้แล้ว” เฟิงหานชวนหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย

เป๋าฮวนมองไปที่ผู้ชายตรงหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อ เธอรู้ว่าผู้ชายไม่ได้หน้าแดงเพราะเขินอาย แต่แดงเพราะเริ่มทนไม่ไหว

เธอรู้สึกภูมิใจในทันใด: “อาหาน กล้ามท้องของคุณดูดีจัง หุ่นดีมาก~”

“แค่คุณชอบก็พอ” ผู้ชายตอบเสียงแหบแห้ง

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว คำตอบของเฟิงหานชวนทำให้เธอไม่พอใจมาก ดังนั้นเธอจึงพูดว่า: “ฉันไม่ได้ชอบ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณหุ่นดี รู้สึกกับชอบมันไม่เหมือนกัน”

“แล้วคุณไม่ชอบเหรอ?” เฟิงหานชวนสูดหายใจเข้าลึกๆ และถามเธอกลับ

“อืม…” เป๋าฮวนพ่ายแพ้ในทันที

อันที่จริง ถ้าเธอไม่ชอบ เธอก็คงไม่มีอารมณ์หรอก ถ้าตอนนี้เธอบอกว่าไม่ชอบ มันก็คงดูเสแสร้งเกินไป

เป๋าฮวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ดึงมือออกมา และนั่งลงที่ข้างเตียงอย่างไม่พอใจ ทำปากบูดบึ้ง

“ทำไมคุณถึงอารมณ์เสีย?” เมื่อกี้ยังรุกอยู่เลย ทำไมถึงหยุดไปแล้ว เสียงของเฟิงหานชวนปกติมากขึ้น

“ฮึ่ม!” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ไม่มองเขาและพ่นลมอย่างหนัก

“ผมยั่วยวนคุณเหรอ?” เฟิงหานชวนรู้สึกเช่นนั้น

เป๋าฮวนเม้มปาก หันศีรษะและจ้องมาที่เขา และพูดอย่างแปลกๆว่า “ฉันไม่เคยเอาชนะคุณได้เลย!”

“อะไรนะ? ชนะผม?” เฟิงหานชวนรู้สึกงงงวย “ทำไมต้องเอาชนะผม?”

“เพราะ…ฉันแค่อยากจะเอาชนะคุณ” เป๋าฮวนไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะเธอเคยถูกรังแกอย่างทรมานมาก่อน ดังนั้นเธอจึงอยากจะถือไพ่เหนือกว่าบ้าง

แต่เมื่อกี้ เธอยั่วเฟิงหานชวน แต่เฟิงหานชวนไม่แสดงอาการอะไรเลย แถมยังพลิกชนะได้อีก

“คุณอยากเอาชนะผมยังไง?” เฟิงหานชวนรู้สึกร้องไห้ไม่ออก

ล็อคเขาด้วยกุญแจมือ เพียงเพื่ออยากเอาชนะเขา? อยากชนะยังไง?

“ฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เป๋าฮวนพูดด้วยความเขินอาย

เมื่อเห็นผู้หญิงหลบสายตาและหน้าแดงเล็กน้อย เฟิงหานชวนเป็นคนฉลาด เขาเดาได้

ไม่คิดว่า เป๋าฮวนอยากชนะเขาเรื่องแบบนั้น

“ฮวนฮวน ผมยอมแพ้” เฟิงหานชวนกระตุกริมฝีปากของเขาเบาๆ และพูดอย่างสงบ: “ผมยอมแพ้ คุณชนะผมแล้ว”

เป๋าฮวน: “???”

เธอยังไม่ได้เอาชนะเขาเลย ทำไมเขาถึงยอมแพ้แล้ว?

เฟิงหานชวนกำลังพูดถึงอะไร?

“ฮวนฮวน เริ่มรังแกผมสิ” เขามองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าในดวงตาของเขา

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำเหล่านี้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างทันที

นี่ นี่ นี่… นี่คือสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดออกมาจากปากงั้นเหรอ?

เขาเขาเขา…ถึงกับพูดคำพวกนี้ออกมาเลยเหรอ?

เมื่อเห็นลักษณะที่ตกใจของเป๋าฮวน แทนที่จะยิ้ม เฟิงหานชวนกลับพูดอย่างจริงจัง: “ฮวนฮวน ผมพูดจริง”

“ไม่ว่าคุณอยากทำอะไร ผมก็จะให้ความร่วมมือ” เขากล่าวเสริม

แต่หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น เป๋าฮวนก็รู้สึกผิดหวัง

เธอคลานไปทางด้านหลังเฟิงหานชวน ปลดกุญแจมือของเขา แล้วโยนกุญแจมือออกไป ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“ฮวนฮวน คุณ…” เฟิงหานชวนหันศีรษะ เห็นผู้หญิงก้มหน้า ดูไม่มีความสุขเลย

เขาเต็มใจให้ความร่วมมือ ทำไมเธอถึงไม่มีความสุข?

เขาทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือพูดอะไรผิดไป?

“ฮวนฮวน?” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอ แล้วเรียกเธออีกครั้ง

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้น จากนั้นตบหน้าอกของผู้ชายเบาๆ กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า:“ฉันไม่ต้องการความร่วมมือของคุณ!”

ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าเป๋าฮวนคิดจะทำอะไร แล้วร่วมมือกับเธอโดยดี แบบนี้มันจะไปสนุกได้ยังไง

เธอไม่ชอบเกมที่ไม่มีความท้าทาย

“ฮวนฮวน ผม…” เฟิงหานชวนก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมเป๋าฮวนถึงผิดหวัง เขาทำลายความคิดของเธอ

จู่ๆเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาจะไม่พูดแบบนั้น

“ฉันหิว ฉันจะลงไปกินข้าวเช้า ฉันไปแปรงฟันก่อน” เป๋าฮวนเหยียบเท้าลงบนพื้น แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กอดเธอจากด้านหลัง แล้ววางเธอลงบนเตียง

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร…” เป๋าฮวนกำลังจะตะโกนด่า แต่เห็นเฟิงหานชวนนั่งยองๆ จับข้อเท้าของเธอด้วยมือที่เรียวยาว ช่วยเธอสวมรองเท้าแตะ

ประโยคที่เธอต้องการด่าเขา กลืนลงไปในทันที

เฟิงหานชวนยื่นมือไปจับสองมือเล็กๆของเธอ ดวงตาสีดำคู่หนึ่งจ้องมาที่เธออย่างจริงใจ และพูดว่า: “ฮวนฮวน สิ่งที่ผมบอกคุณก่อนหน้านี้ ผมอยากให้ระหว่างเราไม่มีเรื่องปกปิดใดๆ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นเกมเล็กๆที่คุณอยากเล่น ผมก็จะบอกแผนของผมกับคุณ…”

“ถ้าความจริงใจของผมทำให้คุณผิดหวัง ผมขอโทษ”

เป๋าฮวนตกตะลึง นี่มันอะไรกัน?

เฟิงหานชวนขอโทษเธอเพราะเรื่องแบบนี้?

ในขณะนั้น จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ

เฟิงหานชวนลุกขึ้นทันที เดินไปปลายเตียง แล้วเดินไปที่โต๊ะข้างเตียง เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากซูอวี่ เขาก็เปิดหน้าจอทันทีและเปิดลำโพง

ทันทีหลังจากนั้น ซูอวี่ก็รายงานเสียงดัง: “ประธานเฟิง เรายังไม่พบเฉินเจี๋ย แต่เราได้ข้อมูลใหม่”

“พูดมา” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วทันที ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม

“เราพบว่าในรายชื่อผู้ติดต่อของเฉินเจี๋ย มีคนที่คุณรู้จัก คุณหลีซืออวิ๋น”

“หลีซืออวิ๋น?” เป๋าฮวนอุทานขึ้นทันที

“ทำไมคุณต้องด่าด้วย?”

เป๋าฮวนรู้สึกไม่มีความสุขในทันที ดวงตาทั้งสองข้างน้ำตาคลอ ท่าทางน่าเอ็นดู

เธอเอื้อมมือไปผลักผู้ชายออกไป แต่ผลักไม่ออก

“ผมไม่ได้ด่าคุณ” เสียงของเฟิงหานชวนนิ่ง และอธิบายว่า: “ผมด่าตัวเอง”

เป๋าฮวนไม่สนใจ ขบริมฝีปาก “โกหก คุณกำลังด่าฉัน คุณคิดว่าฉันใจง่าย ร้อยลิ้นกะลาวน คิดว่าฉันคบคนสองคนในเวลาเดียวกันใช่ไหม?”

“เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมด่าตัวเองจริงๆ”

แววตาที่มืดมนของเฟิงหานชวนจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านล่างเขา เขาพูดด้วยเสียงต่ำ: “แค่การแสดงออกเล็กๆของคุณ ก็ทำให้ผมดิ้นรนเกือบตาย ผมกำลังด่าตัวเอง ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าคุณถึงชอบอารมณ์เสีย ทำไมอยู่ต่อหน้าคุณถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้…”

เขายิ่งพูด ยิ่งทำให้ใบหน้าของเป๋าฮวนกลายเป็นสีแดง ยิ่งอยู่ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ

เธอพบว่าตัวเองตกหลุมพรางของเฟิงหานชวนอีกแล้ว!

ทุกครั้ง เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะเฟิงหานชวนได้ แต่เฟิงหานชวนก็นำหน้าทุกครั้ง!

ไม่ยุติธรรมเลย!

“หุบปาก รีบหุบปาก” เป๋าฮวนพูดขณะที่ยื่นมือไปปิดปากของผู้ชาย ดวงตาทั้งสองจ้องเขาด้วยความโกรธ

เธอทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกขบขัน อดไม่ได้หัวเราะออกมา

เมื่อเห็นผู้ชายไม่สำนึกผิด แต่ยังหัวเราะ เป๋าฮวนก็ยิ่งอายและโกรธมากขึ้น เธอใช้แรงทั้งหมดของเธอ พลิกตัวและกดผู้ชายให้อยู่ใต้เธอ

เฟิงหานชวนอยู่ในท่าที่นอนตะแคง มิฉะนั้น เป๋าฮวนไม่มีแรงมากพอที่จะพลิกเขาได้

เขานอนลงโดยดี ต้องการดูว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้จะเล่นกลอะไร!

เป๋าฮวนมองไปที่ผู้ชาย ริมฝีปากที่โค้งงอ รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง

เธอไม่ได้ทำอะไร รีบลุกจากเตียงทันที แม้แต่รองเท้ายังไม่ทันใส่ ก็ออกจากห้องนอนและวิ่งลงไปชั้นล่าง

เฟิงหานชวนได้สติ รีบลุกขึ้นนั่ง ตามลงไป

เมื่อเขาตามไปถึงชั้นสอง เขาเห็นเป๋าฮวนเข้าไปในห้องของจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง เขารีบวิ่งตามไปโดยไม่ได้คิด

“อามั่ว ขอยืมกุญแจมือหน่อย ฉันจำได้ว่านายชอบพกกุญแจมือติดตัวไม่ใช่เหรอ?” เสียงที่ละเอียดอ่อนของผู้หญิงดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็หยุดที่ประตูทันที

“คุณหนูใหญ่ คุณจะเอากุญแจมือไปทำอะไร?” จิงมั่วถามอย่างสงสัย

“เล่นเกม!” เป๋าฮวนตอบด้วยรอยยิ้ม

จิ่งเหลิ่งงุนงงและถามด้วยความสงสัย: “คุณหนูใหญ่ กุญแจมือจะเอาไปเล่นเกมอะไร? หรือว่าจะเป็นเกมแบบที่ระหว่างสามีภรรยา… คุณหนูใหญ่ มีรสนิยมแบบนี้เหรอ?”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ทำไมนายถึงคิดเรื่องแบบนั้น? ตั้งสติหน่อย!” เป๋าฮวนไอ แสร้งทำเป็นว่าจริงจัง

จิ่งเหลิ่งขดริมฝีปากและพึมพำอย่างลับๆ:“นอกจากเกมแบบนั้น กุญแจมือจะเอาไปทำเรื่องอะไรได้อีก…”

ในเวลานี้ จิ่งมั่วได้มอบกุญแจมือให้กับเป๋าฮวน

หลังจากที่เป๋าฮวนได้รับมัน เธอก็หันหลังกลับอย่างมีความสุข แต่เฟิงหานชวนรีบกลับไปที่ห้องนอนชั้นสามก่อนแล้ว

เป๋าฮวนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาถึงชั้นสาม ถึงประตูห้องนอนก็รีบวิ่งเข้าไปในเฟิงหานชวน เธอยกมือขึ้นอย่างมีความสุข เขย่ากุญแจมือในมือของเธอ

จากนั้นเธอมองเฟิงหานชวยด้วยรอยยิ้มและถามว่า: “เล่นเกมไหม?”

เมื่อเฟิงหานชวนยืนขึ้นเขาสูงกว่าเป๋า เขาก้มลงมอง เป๋าฮวนสวมกระโปรงรัดรูป เผยให้เห็นสรีระ

เดิมทีสีหน้าก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ดีเข้าไปอีก

เมื่อเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของเขา แถมยังไม่ตอบตัวเอง เป๋าฮวนก็ขดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ “ไม่เล่นก็ไม่เล่น!”

เธออุตส่ายืมกุญแจมือมา แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมเล่นกับเธอ!

วินาทีต่อมา ข้อมือของเธอถูกคว้าไว้ จากนั้นทั้งตัวก็ถูกลากเข้าไปในห้อง ประตูปิดลง และเธอถูกกดแนบประตู

ใจของเป๋าฮวนกระวนกระวายทันที มองไปที่ผู้ชายตรงหน้า เธอถามว่า: “เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร? ไม่เล่นไม่ใช่เหรอ???”

“ฮวนฮวน ปกติคุณอยู่บ้านตระกูลเป๋า คุณก็ไม่ระวังแบบนี้เหรอ?” เฟิงหานชวนดูหงุดหงิดเล็กน้อย

“ไม่ระวังอะไร?” เป๋าฮวนสับสน

“คุณสวมชุดแค่นี้เข้าไปในห้องนอนของผู้ชายสองคน?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง

เป๋าฮวนก้มลงมอง ตัวเองก็สวมปกติดี มันก็ไม่ได้โป๊ไม่ได้อะไรเลย แถมกระโปรงยังยาวถึงหัวเข่า ไม่สั้นเลยสักนิด

มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?

แบบนี้เรียกว่าสวมแค่นี้? กระโปรงตัวนี้ใส่เดินตามถนนยังปกติเลย

“อาหาน คุณหัวโบราณเกินไปหรือเปล่า? นี่ถือว่าเยอะแล้ว คุณไม่เคยเห็นคนอื่นสวมเอวลอย โชว์สะดือเดินตามถนนเหรอ? คุณไม่เคยเห็นผู้หญิงสวมบิกินี่ในสระว่ายน้ำเหรอ?” เป๋าฮวนมองผู้ชายที่หน้าตาบูดบึ้ง

ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง และมุมปากของเขากระตุกอย่างต่อเนื่อง

ในวินาทีต่อมา เขาอุ้มผู้หญิงขึ้นโดยตรง โยนเธอลงบนผ้าห่ม แล้วห่อตัวเธอ

“ฮวนฮวน ต่อไปห้ามสวมชุดแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายคนอื่นอีก ผมไม่อนุญาต!” น้ำเสียงของเขาผสมด้วยความระคายเคืองและน้ำเสียงบังคับ

เป๋าฮวนรู้สึกไม่มีความสุขในทันที

เธอควรจะเป็นผู้นำในความสัมพันธ์นี้! ผู้นำ! ผู้นำ!

ทำไมเฟิงหานชวนถึงออกคำสั่งกับเธออีกแล้ว?

รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ยอมคืนดีกับเฟิงหานชวน

เธอเบือนหน้าหนี ไม่มองผู้ชาย หน้าเธอเย็นชา และเธอดูอารมณ์เสียมาก

เฟิงหานชวนปล่อยมือของเธอ ปล่อยเธอ ตระหนักถึงการกระทำของเขา กล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว: “ฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมไม่ควรพูดแบบนั้น”

“เฟิงหานชวน ฉันไม่ชอบที่คุณออกคำสั่งกับฉัน” เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่ง ยังคงไม่มองเขา เพียงบ่นพึมพำ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เมื่อกี้เขาโกรธมากไป เลยทำอะไรไม่ได้คิด

เป๋าฮวนในตอนนี้ไม่ใช่เฉินฮวนฮวนที่นุ่มนวล ตอนนี้เป๋าฮวนเป็นคุณหนูที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว

“ฮวนฮวน เมื่อกี้ผมหุนหันพลันแล่นเกินไป ผมขอโทษ…” เฟิงหานชวนกล่าวขอโทษอีกครั้งด้วยความจริงใจ เอื้อมมือไปสัมผัสมือเล็กๆของผู้หญิง

วินาทีต่อมา มือของเขาก็กระเด็นออก เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องมองมาที่เขา

“ฮวนฮวน ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีกไม่ว่าคุณจะสวมอะไร” แม้ว่าเฟิงหานชวนไม่อยากให้เป๋าฮวนสวมมัน แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงกัดฟันยอมเท่านั้น

เป๋าฮวนยังคงจ้องมาที่เขา แล้วพูดว่า: “เอามือไขว้ไว้ข้างหลัง”

เฟิงหานชวนไม่ถามอะไรมาก แค่ทำตาม หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกถึงความเย็นจากข้อมือของเขา

เมื่อหันไปมอง เป๋าฮวนใส่กุญแจมือที่มือของเขาทั้งสองข้าง ติดไว้กับหัวเตียง มือทั้งสองไม่สามารถขยับได้

เป๋าฮวนเข้าใกล้หลังของผู้ชาย ค่อยๆขึ้นมาที่คอของเขา ก้มศีรษะลงและกัดไหล่อย่างแรง: “ใครให้คุณออกคำสั่งกับฉัน ฉันไม่ใช่สาวใช้ของคุณ ฉันจะลงโทษคุณ”

คฤหาสน์ตระกูลหลี ชั้นใต้ดินชั้นหนึ่ง

ชายหนุ่มตัวเตี้ยที่สวมใส่เสื้อโค้ตสีเบจ ผมที่ยาวเล็กน้อยกระเซอะกระเซิง เขาถูกขังอยู่ในห้องแม่บ้าน

ได้ยินเสียงลูกบิดประตู เขารีบลุกขึ้นทันที เฝ้าดูประตูอย่างระแวดระวัง จนกระทั่งเห็นคนที่เดินเข้ามาอย่างชัดเจน เขาถึงได้โล่งอก

หลีซืออวิ๋นยกชามข้าวถ้วยหนึ่งเดินเข้ามา แล้ววางลงบนโต๊ะเล็กที่อยู่ด้านข้าง เฉินเจี๋ยพุ่งเข้ามาในทันที แล้วยัดกินอย่างมูมมาม

เห็นท่าทางแบบนั้นของเขา หลีซืออวิ๋นเบ้ปากอย่างรังเกียจ สีหน้าเผยความดุดัน

เธอยกมือขึ้น ถีบแรง ๆ ลงบนหลังของเฉินเจี๋ย เฉินเจี๋ยไม่ได้ระวังตัว ใบหน้าทิ่มลงในชามทันที

“ไร้ประโยชน์! ถูกจับได้เร็วขนาดนี้!” หลีซืออวิ๋นเกลียดจนกัดฟัน

ถ้าหากเฉินเจี๋ยถูกจับได้ จะต้องลากตัวเองออกไปด้วยแน่ งั้นเธอก็จบเห่

“แค่กแค่กแค่ก…” เฉินเจี๋ยรีบเงยหน้าขึ้น เพราะว่าสำลักแล้ว เขาไอไม่หยุด ไอจนหน้าแดง

กว่าเขาจะสงบลง เขาคุกเข่าลงบนพื้น กอดขาของหลีซืออวิ๋นไว้ แล้วรีบพูดขึ้น “อวิ๋นเออร์ ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย! มีเพียงแต่เธอที่ช่วยฉันได้! ฉันจะตกอยู่ในมือของเฟิงหานชวนไม่ได้!”

เมื่อคืนวาน เขามีธุระที่ต้องกลับไปที่สำนักงานนักสืบ แต่กลับพบว่ามีคนนั่งลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขา

จากนั้น ก็มีอีกหลายคนลงรถมา เขารู้จักผู้นำคนนั้น ก็คือผู้ช่วยเก่งกาจข้างกายเฟิงหานชวน…ซูอวี่

ตอนนั้นเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ถูกต้อง จึงทิ้งรถไว้ แล้วแอบวิ่งออกมา เขาเป็นคนว่องไวเฉียบแหลม หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีกล้องวงจรได้ จนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี

เขารู้ว่าเวลาสำคัญในตอนนี้ตันเองไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โทรหาหลีซืออวิ๋น แถมยังทิ้งลงโทรศัพท์ลงแม่น้ำ เพื่อป้องกันการถูกระบุตำแหน่ง

ตอนนี้ หลีซืออวิ๋นคือผู้ที่ช่วยชีวิตของเขาเพียงคนเดียว

“เฉินเจี๋ย นายกำลังขู่ฉันเหรอ!” หลีซืออวิ๋นตะคอก แล้วง้างมือขึ้น ตบหน้าเฉินเจี๋ย

เฉินเจี๋ยเจ็บจนร้องโอดครวญ

“พวกเราคือตั๊กแตนบนเรือลำเดียวกัน ฉันไม่ช่วยนายใครจะช่วยนาย? ฉันจะให้นายตกอยู่ในมือเฟิงหานชวนได้เหรอ?” หลีซืออวิ๋นโมโหจนคอแหบแห้ง

เฉินเจี๋ยถูกตะคอกจนหดตัว เขาตัวสั่นไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ที่เขาจับทางหลีซืออวิ๋นได้ ก็แอบข่มขู่ให้หลีซืออวิ๋นนอนค้างคืนกับเขา

แต่ตอนนี้ เขากลัวผู้หญิงคนนี้แล้ว ถ้าหากตอนนี้หลีซืออวิ๋นโหดร้ายกว่าเดิม แล้วฆ่าเขาที่คฤหาสน์ตระกูลหลี อาจจะไม่มีคนรู้ก็ได้

ดังนั้น เขาไม่สามารถยั่วโมโหหลีซืออวิ๋นได้

“ฉันจะอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง ฉันจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้เธอแน่นอน เพียงแค่เธอให้ข้าวฉันกิน ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” เฉินเจี๋ยสั่นไปทั้งตัว แล้วออกแรงดึงแขนของหลีซืออวิ๋น

เขารู้นิสัยของเฟิงหานชวน ดังนั้นเขายินยอมที่จะมาหาหลีซืออวิ๋น เพื่อที่จะได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยินยอมจะให้ตัวเองตกอยู่ในมือของเฟิงหานชวน

แบบนั้นก็เหมือนจะตายทั้งเป็น

“เฉินเจี๋ย จำคำที่นายพูดตอนนี้ไว้ อยู่ที่นี่ทำตัวดี ๆ ไม่อย่างงั้น…” หลีซืออวิ๋นกัดฟัน โมโหจนหมุนตัวเดินออกไป

ตอนที่กลับมาถึงห้องรับแขก พ่อแม่ตระกูลหลีกำลังนั่งอยู่ สีหน้าของทั้งสองท่านไม่ดีเป็นอย่างมาก

ถ้าพูดว่าแอบซ่อนคนไว้ในบ้าน พวกเขารู้แน่นอน ดังนั้นเมื่อคืนจี้ถามหลีซืออวิ๋นว่ามันเรื่องอะไรกัน

หลีซืออวิ๋นรู้ว่าพ่อแม่เข้าข้างเธอ เพราะว่าเธอคือลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี จึงบอกพ่อแม่ของตัวเองทุกเรื่อง

พ่อแม่ตระกูลหลีไม่ได้นอนทั้งคืน ครั้งนี้พวกเขาบาดหมางกับเฟิงหานชวน พวกเขาดูเฟิงหานชวนเติบโตมา ฝีมือเก่งกาจ ไม่เช่นนั้นคงสร้างเครือข่ายธุรกิจบริษัทอาร์ไม่ได้

แม้กระทั่งพวกเขาก็ไม่สามารถรับรองได้ ว่าถ้าหากเฟิงหานชวนรู้ความจริง จะทำอะไรกับลูกสาวแสนรักของพวกเขาไหม

“อวิ๋นเออร์ เรื่องนี้ลูกวางแผนจะจัดการยังไง?” หลังจากคุณนายหลีถามขึ้น ก็ถอนหายใจอย่างแรง แล้วชี้หน้าเธอพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “ลูกพูดมาว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ ถึงลูกจะชอบเฟิงหานชวนขนาดไหน ลูกก็ไม่ควรทำร้ายคนนะ!”

“หุบปาก!” หลีเซ่าชิวดุ ถลึงตาใส่ภรรยาของตัวเอง แล้วถามกลับ “อวิ๋นเออร์ของพวกเราทำร้ายคนตอนไหน? คุณรู้ไหมว่าตัวเองพูดอะไรอยู่?”

สั่งสอนภรรยาเสร็จ หลีเซ่าชิวก็เงยหน้ามองลูกสาวของตัวเอง แล้วพูดเสียงเข้ม “อวิ๋นเออร์ พวกเรารอดูความเปลี่ยนแปลงก่อน อย่าสารภาพ เฟิงหานชวนเป็นคนที่มีเรื่องด้วยไม่ได้”

“พ่อคะ หนูรู้ค่ะ หนูไม่มีทางสารภาพ ตอนนี้เฉินเจี๋ยอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะสามารถสืบถึงหนูได้” หลีซืออวิ๋นสองมือกอดอก เชิดหน้า ท่าทางหยิ่งผยองมั่นอกมั่นใจ

หลีเซ่าชิวดวงตาเคร่งขรึม ลึกลงในสายตาแฝงไปด้วยความดุร้าย เขากัดฟันถามขึ้น “ผู้ชายคนนั้น ลูกวางแผนจะจัดการยังไง?”

รู้ว่าพ่อของตัวเองถามถึงเฉินเจี๋ย เธอยิ้มเยือกเย็น แล้วพูดขึ้น “เก็บไว้ดูสถานการณ์ก่อน หนูไม่รู้ว่าเขาเก็บอะไรไว้ลับหลังหนูหรือเปล่า”

“ได้ หนูรีบงัดคำพูดของเขาออกมาให้เร็วที่สุด คนคนนี้เก็บไว้นานไม่ได้”

บริษัทหมิงอวี่

ที่ห้องนอนใหญ่ชั้นสาม

เป๋าฮวนนอนอยู่บนตัวของชายหนุ่ม เอาหน้าวางไว้บนหน้าอกของเขา แล้วฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาอย่างเงียบ ๆ

ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมาก

เฟิงหานชวนปล่อยให้เธอทำแบบนี้ ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวเธอเบา ๆ เหมือนกับกำลังปลอบเด็กน้อยอยู่

“ความฝันนั่นเหมือนจริงมาก ๆ…” เป๋าฮวนพูดถึงเรื่องความฝันอีก

เฟิงหานชวนรีบเอามือปิดปากเธอทันที แล้วพูดเสียงเข้ม “เด็กโง่ นั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด”

“แต่ว่าโบราณว่าไว้ กลางวันคิดกลางคืนก็จะฝัน” เฟิงหานชวนหันหน้ามามองหญิงสาว ยิ้มมุมปากแล้วถาม “ฮวนฮวน คุณเป็นกังวลอยู่ตลอดว่าผมจะมีชู้ ถึงได้ฝันแบบนี้ใช่ไหม?”

“หือ?” เป๋าฮวนเอียงศีรษะ เธอเม้มปาก จากนั้นก็ส่งเสียงในลำคอ “ไม่ใช่สักหน่อย”

“ถ้าจะกังวล ก็ควรจะเป็นคุณกังวลว่าฉันจะมีชู้ ไม่ใช่ว่าฉันกังวลว่าคุณจะมีชู้” เธอพูดเสริมอีก

เพียงแต่เมื่อพูดประโยคนี้จบ ด้านหน้าก็มืดไป โลกหมุน เธอถูกชายหนุ่มทับร่างไว้

เป๋าฮวนกะพริบตา มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา แล้วถามขึ้น “ทำไมเหรอ? ฉันพูดไม่ถูกเหรอ?”

“ฮวนฮวน คุณอยากจะมีชู้กับใคร? เวินซือเหยี่ยน?” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมมาก น้ำเสียงยังแสดงความไม่พอใจอย่างมาก

อีกแล้ว! อีกแล้ว!

เป๋าฮวนโมโหจนเบ้ปาก แล้วถามกลับ “ทำไมคุณพูดถึงเขาอีกแล้ว? คุณกำลังหึงเหรอ?”

“ใช่ ผมหึง ผมอิจฉา” เฟิงหานชวนยอมรับอย่างไม่ลังเล “คุณดีกับเขามาก อ่อนโยนมา แต่กับผมคุณโหดร้ายมาก ดังนั้นผม…”

เฟิงหานชวนยังพูดไม่จบ แต่ตอนนี้เขาพูดไม่ออกแล้ว เพราะว่าหญิงสาวปิดกั้นคำพูดของเขาด้วยริมฝีปากของเธอ

วินาทีต่อมา เป๋าฮวนถอนริมฝีปากออก เธอถามเขาอีก “งั้นแบบนี้ล่ะ ยังจะหึงเหรอ?”

“บ้าจริง!”

เฟิงหานชวนสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกว่าไฟในร่างกายถูกกระตุ้นทันที

“อยาก”

ตอบออกมาโดยที่แทบจะไม่ต้องคิด

เขาจะไม่อยากได้ยังไง เขาอยาก อยากมาก ๆ!

เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเป๋าฮวนจะเป็นฝ่ายรุกขนาดนี้ ยอมที่จะเกิดลูกให้เขา

“ฮวนฮวน คุณยินยอมที่จะมีลูกจริงเหรอ?” เฟิงหานชวนยืนยันกับเธอ

“ฉันพูดแล้วนี่ ว่าเป็นเกมสร้างลูก” เป๋าฮวนกลอกตา ท่าทางเหมือนจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ เหมือนกับตอบคำถามแต่ก็ไม่ตอบ เหมือนกับใช่แต่ก็ไม่ใช่

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “เกมเล็ก ๆ ที่คุณพูด น่าจะเป็นเกมประเภทนั้นที่ผมคิดใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ไม่ใช่!” เป๋าฮวนส่ายหน้า แถมยังโบกมือ รีบปฏิเสธ

“งั้นคือ?” เฟิงหานชวนงงในทันที

“คุณรอก่อน ฉันให้คุณดูวิดีโอตอนหนึ่ง” เป๋าฮวนปล่อยเขา รีบเดินไปข้างโต๊ะน้ำชา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็เดินกลับมาด้านหน้าเฟิงหานชวน

เธอก้มหน้า จิ้มลงที่โทรศัพท์สองสามครั้ง จากนั้นก็กดเลือกวิดีโอที่ถ่ายที่โรงแรมในวันนั้น ส่งให้เฟิงหานชวนดู

เฟิงหานชวนดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาหน้าเขียวนิดหน่อย มุมปากกระตุก “ฮวนฮวน คุณหมายความว่า…เล่นเกมประเภทนี้?”

เขาเขินอายเล็กน้อย ทำไมตอนนี้เป๋าฮวนถึงชอบแบบนี้แล้วนะ?

“อืม ครั้งที่แล้วฉันใช้เข็มขัดใยไหม ถูกคุณดิ้นหลุดไปได้ ครั้งนี้ฉันจะใช้กุญแจมือคล้องมือของคุณ ดีไหม?” เป๋าฮวนกะพริบตา มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา ท่าทางเต็มไปด้วยความรอคอย

เฟิงหานชวนมุมปากกระตุกยิ่งกว่าเดิม

“ฮวนฮวน ที่บ้านไม่มีกุญแจมือ” เขาสงบจิตใจลง พยายามเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนี้

นี่มันนิสัยแปลกประหลาดอะไร?

หรือว่าตอนนี้ฮวนฮวนชอบที่ตัวเองเป็นผู้ควบคุมเหรอ?

แต่ในฐานะผู้ชาย อันที่จริงเขาไม่ค่อยชอบเกมแบบนี้

ประการแรกเขาไม่มีนิสัยแปลกประหลาดแบบนี้ ประการที่สองในฐานะที่เขาเป็นผู้ชายร่างกายกำยำ เขาไม่ชอบรสชาติของการถูกควบคุม

เขาไม่ต้องการทำลายความสนใจของเป๋าฮวน ดังนั้นจึงโกหกว่าไม่มีกุญแจมือ อันที่จริงในตู้นิรภัยน่าจะมีกุญแจมืออยู่

“อาหาน ที่จิ่งมั่วมี” เป๋าฮวนเบิกตากลมโต ตอบอย่าจริงจัง

เฟิงหานชวนพูดไม่ออกชั่วขณะ “…”

“ดังนั้น คุณยินยอมไหม? อาหาน” เป๋าฮวนขยับปาก ตั้งใจถามเขา

“ฮวนฮวน เรื่องเมื่อคืนเป็นผมที่ไม่ดีเอง คืนนี้พวกเรารีบพักผ่อน ดีไหม? ร่างกายสำคัญ วันนี้พักก่อน พรุ่งนี้เล่นเป็นเพื่อนคุณ” เฟิงหานชวนพูดกล่อมหญิงสาวตรงหน้า

อันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินยอม แต่เมื่อคิดถึงความเหนื่อยล้าของเป๋าฮวนเมื่อคืน แถมยังมีเรื่องฆาตกรนั่นอีก เขาหวังว่าวันนี้เธอจะบำรุงรักษาร่างกายสักหน่อย

ในเมื่อเป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดลูก ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น

“อื้อ…คุณพูดอย่างมีเหตุผลนะ วันนี้เหนื่อยนิดหน่อยแล้วจริง ๆ” เดิมทีเป๋าฮวนไม่รู้อะไร ในหัวคิดแต่จะลงโทษเฟิงหานชวน แต่เมื่อเฟิงหานชวนทักขึ้นมาแบบนี้ เธอก็เริ่มหาวแล้ว

เธอปล่อยชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหมุนตัว เดินไปทางข้างเตียง จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่มทันที

เรื่องที่จะลงโทษเฟิงหานชวนไม่รีบร้อน รอให้จับฆาตกรคนนั้นได้ก่อน เธอก็สามารถสงบจิตใจได้ แล้วค่อยเล่นสนุกกับเฟิงหานชวน

ให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกของเธอ

หึหึ~

คิดได้ถึงตรงนี้ เป๋าฮวนอมยิ้ม แล้วรีบหลับตาลง

เมื่อเห็นเป๋าฮวนนอนลง เฟิงหานชวนยิ้มอ่อน ๆ แล้วส่ายหน้า จากนั้นก็เดินไปที่อีกด้านหนึ่งของเตียงนอนใหญ่ หลังจากที่เข้าไปในผ้าห่ม เขายื่นมือออกไปกอดเอวของเธอไว้

เป๋าฮวนไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้เฟิงหานชวนกอดตัวเอง ไม่ช้า เธอก็เข้าสู่ความฝัน

ในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนจริงมาก ๆ เธอวิ่งอยู่บนถนน เหมือนจะวิ่งไปทางคฤหาสน์นั่น

ในคฤหาสน์ไม่มีคน เธอวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสามอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปิดประตูห้องออก ก็เห็นเฟิงหานชวนกอดหลีซืออวิ๋นอยู่ ทั้งสองกอดกันแน่น หลีซืออวิ๋นมองมาทางเดิน แล้วกอดเฟิงหานชวนอย่างลำพองใจ จากนั้นก็จูบเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเหมือนกับมองไม่เห็นเธอ ก็กอดจูบกับหลีซืออวิ๋น

“กรี๊ด…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทำลายความสงบเงียบยามเช้า

เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่งอย่างแรง สีหน้าซีดขาว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ หายใจอย่างแรง

เฟิงหานชวนก็ถูกทำให้ตกใจตื่น เขารีบลุกขึ้นนั่ง โอบบ่าของเธอไว้ แล้วรีบถามขึ้น “ฮวนฮวน คุณเป็นอะไร? ฝันร้ายเหรอ? ฝันถึงฆาตกรคนนั้นใช่ไหม?”

“ไม่ใช่…” เสียงของเป๋าฮวนอ่อนแรง เธอส่ายหน้าเบา ๆ

“ไม่ใช่? งั้นฝันถึงอะไร? สีหน้าของคุณดูกลัวมาก ฮวนฮวนบอกผมมา ตกลงเป็นอะไร?” สองมือของเฟิงหานชวนประคองใบหน้าของเป๋าฮวน สีหน้าเป็นกังวลอย่างมาก

เป๋าฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก จับมือของเฟิงหานชวนออก จากนั้นก็นอนลงบนที่นอนนิ่ม ดวงตาสองข้างกะพริบตามองเพดาน

“ฉันฝันเห็นคุณ” เป๋าฮวนเบ้ปาก สีหน้าไม่ดีเป็นอย่างมาก

“ฝันเห็นผมเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ เอนกายลงข้างตัวเธอ เสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยน

เป๋าฮวนยังคงมองเพดานอยู่ อารมณ์สับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอพูดพึมพำ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงฝันแบบนั้น…”

“ฮวนฮวน บอกผมมา ตกลงว่าฝันอะไร ทำให้คุณกลัวขนาดนี้?” เฟิงหานชวนเป็นห่วงมากจริง ๆ เขาเข้าใกล้เป๋าฮวน จูบลงบนหน้าผากของเธอ ยกมือเช็ดเหงื่อของเธอ

ถึงแม้ว่าเป๋าฮวนจะรู้สึกตื่นในตอนนี้ รู้ว่านี่คือความฝัน ก็ยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่

เธอค่อย ๆ เคลื่อนย้ายสายตาจากเพดาน มามองที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นถอนหายใจ ค่อย ๆ พูดขึ้น “คุณไม่มีทางทำแบบนี้”

“ฮวนฮวน คุณกำลังพูดอะไร? ในฝัน ผมทำอะไรคุณ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้ากังวลมาก ๆ

สีหน้าของหญิงสาวซีดขาว ทำให้เขาเป็นกังวลที่สุด

“ฉันฝันเห็นคุณกับหลีซืออวิ๋น…” เป๋าฮวนพูดเสียงเบา “พวกคุณสองคนอยู่ในห้องนอน”

ไม่รอให้เป๋าฮวนพูดต่อ เฟิงหานชวนเหมือนกับเดาอะไรได้ เขากอดเธอไว้ในทันที แล้วพูดปลอบอย่างอ่อนโยน “ไม่มีทาง ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่มีทางแน่นอน”

“ฮวนฮวน ในสายตาของผมมีเพียงคุณคนเดียว ไม่มีทางพัวพันกับผู้หญิงคนไหนทั้งสิ้น ไม่มีทางแน่นอน”

น้ำเสียงที่แน่วแน่ของเขา ทำให้จิตใจของเป๋าฮวนค่อย ๆ สงบลง เป๋าฮวนพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดเขา และพูดพึมพำเสียงเบา “ถ้าหากคุณกล้าทำแบบนั้น ฉันจะให้คุณเป็นขันที”

“ไม่มีทางเป็นไปได้ ฮวนฮวน ไม่มีทาง” เฟิงหานชวนปล่อยเธอ ดวงตาจ้องมองไปที่เธอ เขาเห็นว่าดวงตาของเธอเปียกเล็กน้อย

เขาก้มหน้าลง จูบดวงตาคู่นั้นของเธอ จากนั้นก็ถามเสียงเบา “ในฝัน คุณเสียใจมากใช่ไหม?”

“อืม” เป๋าฮวนพยักหน้าอีกครั้งโดยไม่ต้องคิด

เสียงของเธอสะอื้นนิดหน่อย ดวงตาคู่นั้นที่เปียกปอน ดูแล้วน่าสงสารที่สุด

“ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน ผมรักคุณเพียงแค่คนเดียว” เฟิงหานชวนก้มหน้า ครองริมฝีปากขาวของหญิงสาวอย่างเสน่หา

เป๋าฮวนโอบคอของเขา แล้วตอบรับจูบนี้…

เป๋าฮวนหยุดก้าว

ที่สำคัญคือสถานการณ์ในตอนนี้ เธอก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้

“ฮวนฮวน อย่าไปเลยได้ไหม อยู่เคียงข้างผมตลอดไป ผมจะปกป้องคุณเอง ผมจะปกป้องคุณตลอดไป” เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น ซบหน้าของเขาไว้ที่ไหล่ของเธอและสูดกลิ่นหอมอย่างแรงบนร่างกายของเธอ

ให้เขาได้รู้รสอันหอมหวน ให้เขาได้ฝันถึงรสชาติสามปีที่ผ่านมา……

เขาขาดเธอไม่ได้จริงๆ

“เฟิงหานชวน ตามหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังเจอ และหลังจากถ่ายทำละครราชวังชิงเสร็จแล้ว ฉันจะไปจากประเทศฮัวและจะอยู่ที่ประเทศเฉินตลอดไป” ขณะที่เป๋าฮวนพูดเช่นนี้ ใจของเขาก็ไม่สบายราวกับเลือดกำลังไหล

เธอกระแอมในลำคอ ราวกับจะขจัดอารมณ์ที่สำลักออกไป พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง: “ถ้าคุณตกลงได้ ฉันก็จะรับปากกับคุณ”

“ผมตกลง ผมตกลงแน่นอน ผมยอมทิ้งทุกอย่างที่ประเทศฮัว ผมไปประเทศเฉินกับคุณ ผมยอมรับได้ทุกอย่าง เพียงแค่ผมสามารถอยู่กับคุณได้!” เฟิงหานชวนโพล่งออกมาโดยแทบไม่คิดเลย……

ในความเห็นของเขา ที่จริงที่ประเทศฮัวไม่มีอะไรที่คู่ควรแก่การยึดติด ธุรกิจของบริษัทที่นี่สามารถส่งต่อให้พวกพ้องได้ ตอนนี้การจราจรได้เจริญมากแล้ว สามารถกำหนดเวลากลับมาตรวจสอบได้ประจำ

ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้

ขอแค่ได้อยู่กับเป๋าฮวนอะไรก็ทำได้

“บริษัทของคุณ ญาติของคุณ เพื่อนของคุณ ทุกอย่างของคุณอยู่ที่นี่ คุณสามารถละทิ้งทุกอย่างที่นี่ได้จริงๆหรือ?” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเสียงของตัวเองสั่นเทา

จู่ๆเธอรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากโดย เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ทำไมเธอถึงถามคำถามแบบนี้กับเฟิงหานชวน ทำไมเธอถึงให้ความหวังเขาและปล่อยให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“ฮวนฮวน เพื่อคุณ ผมละทิ้งได้ทุกอย่าง” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดแบบนี้ เขาก็ปล่อยมือที่กอดเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหันกลับมาและสบตากับเขา เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองตกเข้าไปในความมืด

หัวใจของเธอราวกับจะหยุดเต้น

เพื่อเธอแล้ว อะไรก็ละทิ้งได้หรือ?

ความหุนหันทำให้เป๋าฮวนเขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้สองมือโอบคอของชายหนุ่มตรงหน้า ขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วจูบริมฝีปากบางๆของเขาอย่างดุเดือด

เย็นๆหนาวๆ แต่มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ส่วนทั้งตัวของเฟิงหานชวนก็ตกตะลึงอยู่กับที่

นัยน์ตาลึกของเขาเบิกกว้าง และมีแสงระยิบระยับอันน่าเหลือเชื่อใต้แววตาของเขา ประหลาดใจจนกระทั่งไม่ได้ตอบสนองต่อการจุมพิตของหญิงสาว

เป๋าฮวนจูบเขาครู่หนึ่ง แต่เธอพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อน การลงทุนของตัวเองเมื่อครู่ไม่ได้รับการตอบรับจากเขา เขาไม่ตอบรับเธอเลยสักนิด

หรือว่า……เขาเสียใจหรือ?

เขาไม่ต้องการไปประเทศเฉินกับตัวเอง?

เขาไม่เต็มใจที่ทิ้งละทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่หรือ?

ทุกสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องเท็จหรือเปล่า?

เป๋าฮวนปล่อยมือและเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าของเธอสุดจะทน เมื่อครู่เธอเป็นคนริเริ่มขึ้นเกินจำเป็น

“นี่คือการจูบลาของฉันกับคุณ” เธออธิบาย

จากนั้นเฟิงหานชวนก็รู้สึกตัว จากความประหลาดใจและตกใจไม่รู้จบก็ถูกดึงสติกลับมา สีหน้าของเขาประหลาดใจในทันที “ฮวนฮวน คุณพูดอะไร…..จูบลา?”

“คุณเพิ่งถามผมว่าตอบตกลงกลับประเทศเฉินกับคุณไหม? ผมตกลง ผมตกลงอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงบอกลาผมหล่ะ?”

เฟิฃหานชวนเดินไปหาเธออย่างไม่อยากเชื่อและจับมือเธอไว้ แต่เป๋าฮวนพยายามดิ้นให้หลุดออก

ในใจของเธอยุ่งเหยิง ยุ่งเหยิงมากจริงๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเดาความคิดของเฟิงหานชวนได้ เขาหมายความว่าอะไรกันแน่?

“ฮวนฮวน ไม่ต้องบอกลาผม ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอะไร เพียงแค่ได้อยู่กับคุณ……” เฟิงหานชวนไม่กล้าแตะต้องเธออีก กังวลว่าจะทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่ดี เขาจึงเพียงแค่พูดเบาๆ

เขาคิดว่าเมื่อครู่เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอกลับจูบบอกลา

เขาไม่ละทิ้งความตั้งใจ ชาตินี้นอกจากเป๋าฮวน เขาก็ไม่ต้องการใคร

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนมากในหัว เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เธอพบว่าเธอต้องพึ่งพิงเฟิงหานชวน แต่ถ้าเธออยู่กับเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองทำร้ายเขา

เขาไม่ควรถูกเธอขังอยู่ที่ประเทศเฉิน ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงของเขา อาณาจักรของเขา ล้วนอยู่ที่ประเทศฮัว!

“เฟิงหานชวน คุณเหมาะกับประเทศฮัว ที่นี่มีทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ” เป๋าฮวนพูดเบาๆ บางทีเธอไม่ควรเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

“ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่ไม่สามารถปราศจาดคุณ ฮวนฮวนสามปีที่ผ่านมานี้ วันเวลาที่ไม่มีคุณ ผมอยู่อย่างผีดิบที่เดินได้ คุณคิดว่าผมจะสนใจทรัพย์สินเงินทองเหล่านี้ไหม?”

เฟิงหานชวนจับไหล่เรียวของหญิงสาวแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เขาทรุดตัวลงและพูดอย่างสงบ: “นี่ไม่ใช่สมัยโบราณ การจราจรก็เจริญขนาดนั้น ญาติและเพื่อนพ้องสามารถมาหาผมที่ประเทศเฉิน พวกเราก็สามารถมาประเทศเฉินเพื่อพบปะสังสรรค์กัน ฮวนฮวน ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้หรอก เว้นแต่คุณจะไม่ต้องการผม……”

เพียงแค่เธอไม่ต้องการเขาเหรอ?

ไม่ใช่ เธอแค่คิดมากเกินไป

เธอไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนทำเพื่อเธอ สูญเสียคุณค่าของเขา เขาควรเป็นบุตรของสวรรค์ ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ต้องการอะไรเพียงเพื่อผู้หญิง

เมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของหญิงสาว เฟิงหานชวนดูออกว่าเป๋าฮวนกำลังลังเล

ครุ่นคิดลังเลเป็นเรื่องดี พิสูจน์ได้ว่าเธอกำลังหวั่นไหวใช่ไหม?

“ฮวนฮวน ถ้าคุณต้องการผมแค่จูบผม คราวนี้ไม่ใช่จูบลา แต่เป็นจูบเพื่อตอบรับ” การแสดงออกของเฟิงหานชวนสงบนิ่ง ดวงตาสีดำของเขาจ้องไปที่เป๋าฮวนอย่างหนักแน่น

เขารอคำตอบจากเธอ รอคำตอบรับจากเธอ

เป๋าฮวนอึ้ง ไม่ใช่จูบลาแต่เป็นจูบรับ?

ดังนั้นถ้าเพียงแค่เธอจูบเฟิงหานชวนในตอนนี้ แสดงว่าเธอยอมรับเขาแล้วใช่ไหม?

เธอลังเล และเกิดความสับสนขึ้นในใจ เธอไม่รู้ว่าควรจูบเขาดีไหม ควรหรือไม่ควร….

“ฮวนฮวน ขอแค่คุณยกโทษให้ผม ก็ยอมรับผมเถอะ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น ไม่ต้องคิดอะไร……เราพลาดมาสามปีแล้ว!” เฟิงหานชวนอกสั่นขวัญแขวน

เขากังวลว่าเพราะเรื่องคุณยายของเป๋าฮวนนั้นค้างคาในใจเธอมาตลอด และเธอไม่มีทางยอมรับเขาอีกมาตลอด

เป๋าฮวนฟังน้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่ม เขาบอกว่าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เขาบอกว่าพวกเขาพลาดมันมาสามปีแล้ว

ใช่ พวกเขาพลาดไปสามปีแล้ว……

ถ้าเธอพลาดอีกครั้ง เธอไม่รู้จริงๆว่าต้องทำอย่างไรแล้ว

เธอไม่อยากพลาดมัน และเธอเพิ่งค้นพบว่าเธอต้องพึ่งพิงเฟิงหานชวนจริงๆ

เธอนึกภาพวันเวลาต่อจากนี้ที่ไม่มีเฟิงหานชวนไม่ออก

แม้แต่คุณตาก็ยอมรับเฟิงหานชวนแล้ว ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับเฟิงหานชวนหล่ะ?

“เฟิงหานชวน!” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นสบตาสีแดงเข้มและเรียกเขา

“ผมอยู่นี่ ฮวนฮวน ผมอยู่นี่” เฟิงหานชวนพยักหน้าซ้ำๆ

เบ้าตาของเป๋าฮวนเจ็บเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้และเสียงของเธอก็สำลัก: “เฟิงหานชวน! ฉันคิดมากเกินไป ธุรกิจของตระกูลเป๋าเรายิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าคุณจะหาเงินไม่ได้ ฉันก็เลี้ยงคุณได้ !”

พูดแล้วเธอโอบที่คอของชายหนุ่มอีกครั้งแล้วยื่นริมฝีปากของตัวเอง……

เป๋าฮวนหยุดก้าว

ที่สำคัญคือสถานการณ์ในตอนนี้ เธอก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้

“ฮวนฮวน อย่าไปเลยได้ไหม อยู่เคียงข้างผมตลอดไป ผมจะปกป้องคุณเอง ผมจะปกป้องคุณตลอดไป” เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น ซบหน้าของเขาไว้ที่ไหล่ของเธอและสูดกลิ่นหอมอย่างแรงบนร่างกายของเธอ

ให้เขาได้รู้รสอันหอมหวน ให้เขาได้ฝันถึงรสชาติสามปีที่ผ่านมา……

เขาขาดเธอไม่ได้จริงๆ

“เฟิงหานชวน ตามหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังเจอ และหลังจากถ่ายทำละครราชวังชิงเสร็จแล้ว ฉันจะไปจากประเทศฮัวและจะอยู่ที่ประเทศเฉินตลอดไป” ขณะที่เป๋าฮวนพูดเช่นนี้ ใจของเขาก็ไม่สบายราวกับเลือดกำลังไหล

เธอกระแอมในลำคอ ราวกับจะขจัดอารมณ์ที่สำลักออกไป พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง: “ถ้าคุณตกลงได้ ฉันก็จะรับปากกับคุณ”

“ผมตกลง ผมตกลงแน่นอน ผมยอมทิ้งทุกอย่างที่ประเทศฮัว ผมไปประเทศเฉินกับคุณ ผมยอมรับได้ทุกอย่าง เพียงแค่ผมสามารถอยู่กับคุณได้!” เฟิงหานชวนโพล่งออกมาโดยแทบไม่คิดเลย……

ในความเห็นของเขา ที่จริงที่ประเทศฮัวไม่มีอะไรที่คู่ควรแก่การยึดติด ธุรกิจของบริษัทที่นี่สามารถส่งต่อให้พวกพ้องได้ ตอนนี้การจราจรได้เจริญมากแล้ว สามารถกำหนดเวลากลับมาตรวจสอบได้ประจำ

ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้

ขอแค่ได้อยู่กับเป๋าฮวนอะไรก็ทำได้

“บริษัทของคุณ ญาติของคุณ เพื่อนของคุณ ทุกอย่างของคุณอยู่ที่นี่ คุณสามารถละทิ้งทุกอย่างที่นี่ได้จริงๆหรือ?” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเสียงของตัวเองสั่นเทา

จู่ๆเธอรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากโดย เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ทำไมเธอถึงถามคำถามแบบนี้กับเฟิงหานชวน ทำไมเธอถึงให้ความหวังเขาและปล่อยให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“ฮวนฮวน เพื่อคุณ ผมละทิ้งได้ทุกอย่าง” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดแบบนี้ เขาก็ปล่อยมือที่กอดเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหันกลับมาและสบตากับเขา เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองตกเข้าไปในความมืด

หัวใจของเธอราวกับจะหยุดเต้น

เพื่อเธอแล้ว อะไรก็ละทิ้งได้หรือ?

ความหุนหันทำให้เป๋าฮวนเขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้สองมือโอบคอของชายหนุ่มตรงหน้า ขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วจูบริมฝีปากบางๆของเขาอย่างดุเดือด

เย็นๆหนาวๆ แต่มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ส่วนทั้งตัวของเฟิงหานชวนก็ตกตะลึงอยู่กับที่

นัยน์ตาลึกของเขาเบิกกว้าง และมีแสงระยิบระยับอันน่าเหลือเชื่อใต้แววตาของเขา ประหลาดใจจนกระทั่งไม่ได้ตอบสนองต่อการจุมพิตของหญิงสาว

เป๋าฮวนจูบเขาครู่หนึ่ง แต่เธอพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อน การลงทุนของตัวเองเมื่อครู่ไม่ได้รับการตอบรับจากเขา เขาไม่ตอบรับเธอเลยสักนิด

หรือว่า……เขาเสียใจหรือ?

เขาไม่ต้องการไปประเทศเฉินกับตัวเอง?

เขาไม่เต็มใจที่ทิ้งละทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่หรือ?

ทุกสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องเท็จหรือเปล่า?

เป๋าฮวนปล่อยมือและเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าของเธอสุดจะทน เมื่อครู่เธอเป็นคนริเริ่มขึ้นเกินจำเป็น

“นี่คือการจูบลาของฉันกับคุณ” เธออธิบาย

จากนั้นเฟิงหานชวนก็รู้สึกตัว จากความประหลาดใจและตกใจไม่รู้จบก็ถูกดึงสติกลับมา สีหน้าของเขาประหลาดใจในทันที “ฮวนฮวน คุณพูดอะไร…..จูบลา?”

“คุณเพิ่งถามผมว่าตอบตกลงกลับประเทศเฉินกับคุณไหม? ผมตกลง ผมตกลงอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงบอกลาผมหล่ะ?”

เฟิฃหานชวนเดินไปหาเธออย่างไม่อยากเชื่อและจับมือเธอไว้ แต่เป๋าฮวนพยายามดิ้นให้หลุดออก

ในใจของเธอยุ่งเหยิง ยุ่งเหยิงมากจริงๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเดาความคิดของเฟิงหานชวนได้ เขาหมายความว่าอะไรกันแน่?

“ฮวนฮวน ไม่ต้องบอกลาผม ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอะไร เพียงแค่ได้อยู่กับคุณ……” เฟิงหานชวนไม่กล้าแตะต้องเธออีก กังวลว่าจะทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่ดี เขาจึงเพียงแค่พูดเบาๆ

เขาคิดว่าเมื่อครู่เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอกลับจูบบอกลา

เขาไม่ละทิ้งความตั้งใจ ชาตินี้นอกจากเป๋าฮวน เขาก็ไม่ต้องการใคร

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนมากในหัว เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เธอพบว่าเธอต้องพึ่งพิงเฟิงหานชวน แต่ถ้าเธออยู่กับเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองทำร้ายเขา

เขาไม่ควรถูกเธอขังอยู่ที่ประเทศเฉิน ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงของเขา อาณาจักรของเขา ล้วนอยู่ที่ประเทศฮัว!

“เฟิงหานชวน คุณเหมาะกับประเทศฮัว ที่นี่มีทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ” เป๋าฮวนพูดเบาๆ บางทีเธอไม่ควรเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

“ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่ไม่สามารถปราศจาดคุณ ฮวนฮวนสามปีที่ผ่านมานี้ วันเวลาที่ไม่มีคุณ ผมอยู่อย่างผีดิบที่เดินได้ คุณคิดว่าผมจะสนใจทรัพย์สินเงินทองเหล่านี้ไหม?”

เฟิงหานชวนจับไหล่เรียวของหญิงสาวแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เขาทรุดตัวลงและพูดอย่างสงบ: “นี่ไม่ใช่สมัยโบราณ การจราจรก็เจริญขนาดนั้น ญาติและเพื่อนพ้องสามารถมาหาผมที่ประเทศเฉิน พวกเราก็สามารถมาประเทศเฉินเพื่อพบปะสังสรรค์กัน ฮวนฮวน ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้หรอก เว้นแต่คุณจะไม่ต้องการผม……”

เพียงแค่เธอไม่ต้องการเขาเหรอ?

ไม่ใช่ เธอแค่คิดมากเกินไป

เธอไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนทำเพื่อเธอ สูญเสียคุณค่าของเขา เขาควรเป็นบุตรของสวรรค์ ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ต้องการอะไรเพียงเพื่อผู้หญิง

เมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของหญิงสาว เฟิงหานชวนดูออกว่าเป๋าฮวนกำลังลังเล

ครุ่นคิดลังเลเป็นเรื่องดี พิสูจน์ได้ว่าเธอกำลังหวั่นไหวใช่ไหม?

“ฮวนฮวน ถ้าคุณต้องการผมแค่จูบผม คราวนี้ไม่ใช่จูบลา แต่เป็นจูบเพื่อตอบรับ” การแสดงออกของเฟิงหานชวนสงบนิ่ง ดวงตาสีดำของเขาจ้องไปที่เป๋าฮวนอย่างหนักแน่น

เขารอคำตอบจากเธอ รอคำตอบรับจากเธอ

เป๋าฮวนอึ้ง ไม่ใช่จูบลาแต่เป็นจูบรับ?

ดังนั้นถ้าเพียงแค่เธอจูบเฟิงหานชวนในตอนนี้ แสดงว่าเธอยอมรับเขาแล้วใช่ไหม?

เธอลังเล และเกิดความสับสนขึ้นในใจ เธอไม่รู้ว่าควรจูบเขาดีไหม ควรหรือไม่ควร….

“ฮวนฮวน ขอแค่คุณยกโทษให้ผม ก็ยอมรับผมเถอะ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น ไม่ต้องคิดอะไร……เราพลาดมาสามปีแล้ว!” เฟิงหานชวนอกสั่นขวัญแขวน

เขากังวลว่าเพราะเรื่องคุณยายของเป๋าฮวนนั้นค้างคาในใจเธอมาตลอด และเธอไม่มีทางยอมรับเขาอีกมาตลอด

เป๋าฮวนฟังน้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่ม เขาบอกว่าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เขาบอกว่าพวกเขาพลาดมันมาสามปีแล้ว

ใช่ พวกเขาพลาดไปสามปีแล้ว……

ถ้าเธอพลาดอีกครั้ง เธอไม่รู้จริงๆว่าต้องทำอย่างไรแล้ว

เธอไม่อยากพลาดมัน และเธอเพิ่งค้นพบว่าเธอต้องพึ่งพิงเฟิงหานชวนจริงๆ

เธอนึกภาพวันเวลาต่อจากนี้ที่ไม่มีเฟิงหานชวนไม่ออก

แม้แต่คุณตาก็ยอมรับเฟิงหานชวนแล้ว ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับเฟิงหานชวนหล่ะ?

“เฟิงหานชวน!” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นสบตาสีแดงเข้มและเรียกเขา

“ผมอยู่นี่ ฮวนฮวน ผมอยู่นี่” เฟิงหานชวนพยักหน้าซ้ำๆ

เบ้าตาของเป๋าฮวนเจ็บเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้และเสียงของเธอก็สำลัก: “เฟิงหานชวน! ฉันคิดมากเกินไป ธุรกิจของตระกูลเป๋าเรายิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าคุณจะหาเงินไม่ได้ ฉันก็เลี้ยงคุณได้ !”

พูดแล้วเธอโอบที่คอของชายหนุ่มอีกครั้งแล้วยื่นริมฝีปากของตัวเอง……

“เฟิงหานชวน คุณอย่าเข้าใจผิดจริงๆ ปกติจิ่งเหลิ่งไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาก็สุภาพมาก วันนี้เป็นเหตุการณ์กะทันหัน ดังนั้น……เขาถึงบุกเข้ามา”

เป๋าฮวนกังวลว่าจิ่งเหลิ่งบุกเข้ามาเห็นเฟิงหานชวนโป๊และทำให้เขาโกรธ ดังนั้นจึงรีบอธิบายแทนจิ่งเหลิ่ง: “เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณอย่าโกรธเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นผู้ชาย ดูคุณแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่เป็นไรหรอก”

เธอทำได้แค่ให้ความกระจ่างแบบนี้กับเฟิงหานชวน ยังไงทั้งหมดก็เป็นผู้ชาย

เฟิงหานชวนกระตุกมุมปาก ความคิดของเขาและเป๋าฮวนไม่ขนานกันเลย

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้โกรธที่เขาเห็นผม ผมโกรธที่เขาบุกเข้ามาตามใจชอบ แม้ว่าเรื่องจะเร่งด่วนมาก……ถ้าคนที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเมื่อครู่เป็นคุณ ไม่ใช่ผม ผมควรทำอย่างไร? ” สิ่งที่เฟิงหานชวนใส่ใจจริงเป็นอันนี้

“ฉัน……” เป๋าฮวนตะลึง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิงหานชวนกำลังพูดถึงเรื่องนี้

เธอยังนึกว่าเฟิงหานชวนใส่ใจที่จิ่งเหลิ่งเห็นเขาเมื่อครู่ แต่ไม่คิดว่าที่เฟิงหานชวนจะใส่ใจคือ ถ้าจิ่งเหลิ่งเห็นเธอโดยบังเอิญ

“คราวหน้าประตูห้องนอนของเราควรจะล็อคไว้” เฟิงหานชวนจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วเดินไปที่ประตูด้วยขายาวของเขาและล็อคประตู

เมื่อก่อนที่บ้านมีแม่บ้านหลี่เพียงคนเดียว พวกเขาเปิดประตูก็ปิดประตูอย่างเดียว ไม่มีนิสัยล็อคประตู แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ในบ้านมีคนอยู่อีกมากมาย

มีผู้คุ้มกันจำนวนมากประจำการอยู่ทุกมุมที่ชั้นล่าง ซึ่งอันนี้ไม่เป็นอะไร แต่จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง เป็นคนของเป๋าฮวน เขาจึงเป็นกังวลกับสองคนนี้

“ก็ดี ล็อคแล้วก็ดี” เป๋าฮวนพยักหน้าและกระซิบว่า “ถ้าหากฆาตกรบุกเข้ามา……”

“ไม่หรอกฮวนฮวน” เฟิงหานชวนจับมือของเธอและพูดเสียงเข้ม: “การรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก ไม่บุกเข้าหรอก คุณวางใจได้ ไม่ต้องกลัวดีไหม?”

“อืม” แม้ว่าในใจเป๋าฮวนยังประหม่าอยู่บ้าง แต่ภายใต้การปลอบโยนของเฟิงหานชวนก็ดีขึ้นมากแล้ว

“ผมจะไปเปลี่ยนชุดนอน แล้วเราก็จะเข้านอน ดีไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอเบาๆ

เป๋าฮวนมองไปที่ลักษณะท่าทางของเฟิงหานชวนในตอนนี้ เขาสวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น ผมของเขายังเปียกอยู่ เมื่อครู่ตอนเขาเช็ดผม จิ่งเหลิ่งก็บุกเข้ามา

“เฟิงหานชวน ฉันช่วยคุณเป่าผมก่อนดีกว่า” เป๋าฮวนเริ่มพูดขึ้น ดวงตาที่ชุ่มชื้นมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

เสียงของเฟิงหานชวนแหบแห้ง หัวใจราวกับจะหยุดเต้นเพราะคำพูดที่เป๋าฮวนเพิ่งเอ่ย เลยไม่มีการตอบสนอง

“คุณต้องการไหม?” เป๋าฮวนเม้มปากเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด ไม่รู้ว่าความอยากช่วยเหลือของตัวเองจะได้รับการตอบสนองหรือไม่

ถ้าเฟิงหานชวนไม่ต้องการ ก็ช่างเถอะ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เธอแค่อยากจะช่วยเขาเท่านั้นเอง

ยังไงวันนี้เขาก็ช่วยเธอไว้มาก

“ต้องการ” เฟิงหานชวนตอบโดยไม่ลังเล

เขาต้องการแน่นอน ไม่เพียงแต่ต้องการเท่านั้น แต่ยังต้องการเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป๋าฮวนดีกับเขาอย่างนี้น้อยมาก

“งั้นพวกเราไปห้องน้ำกัน” เป๋าฮวนจับแขนเขาราวกับไม่กล้าที่จะห่างแม้เพียงครึ่งก้าว จูงเขาเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

เมื่อเป๋าฮวนเสียบเครื่องเป่าผมแล้ว ขณะที่กำลังจะเป่าผมเฟิงหานชวน กลับพบว่าเขาสูงกว่าตัวเองมาก ถ้าเธอยื่นมือออกไปเป่าคงจะเหนื่อยน่าดู

“คุณนั่งบนชักโครก” เป๋าฮวนออกคำสั่ง

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ เขารู้ความหมายของเป๋าฮวน แต่เขาไม่ฟังคำของเป๋าฮวน เขาเดินไปที่อ่างอาบน้ำและนั่งบนราวจับของอ่างอาบน้ำ

เนื่องจากอ่างอาบน้ำอยู่ห่างจากที่อาบน้ำระยะหนึ่ง เป๋าฮวนจึงต้องลากสายไฟเครื่องเป่าผมและเดินไปตรงนั้น ยังดีที่สายไฟไปถึงพอดี

ถ้าไกลกว่านี้อีกนิดก็จะไม่ถึงแล้ว

“เสียงเครื่องเป่าผม——”

วินาทีต่อมา เธอเปิดเครื่องเป่าผมและเริ่มเป่าไปที่หัวของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ออกเสียงเลยสักนิด เพียงแค่เพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้อย่างเงียบๆ สบายมากๆ มือเล็กของหญิงสาวลูบหัวเขา มันอบอุ่นมาก

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ไม่นานนัก ไม่นาน เสียงของเครื่องเป่าผมก็หายไป และเสียงอ่อนนุ่มของหญิงสาวก็ดังขึ้น: “เป่าเสร็จแล้ว!”

“ยังไม่เสร็จ เป่าต่ออีกแป๊ปนึง” เฟิงหานชวนยังอยากจะเพลิดเพลินต่ออีกซักพัก

“เป่าจนแห้งแล้ว เฟิงหานชวน ผมคุณสั้น ไม่ใช่ผมยาวของผู้หญิง” เป๋าฮวนรู้สึกว่าไม่มีเหตุผล

เฟิงหานชวน: “……”

ดูเหมือนไม่มีคำพูดจะตอบโต้

“คุณอยากสระผมไหม?” เขาถามเธอ

“ฉันช่างเถอะ พรุ่งนี้ตอนกลางวันค่อยสระ ฉันไม่อยากสระผมตอนกลางคืน” เป๋าฮวนเกาผมตัวเองแล้วส่ายหัว

“ได้ พรุ่งนี้ผมจะช่วยคุณสระผมและช่วยคุณเป่าผม” เฟิงหานชวนหันกลับมามองเธอตรงๆ

เป๋าฮวนก้มศีรษะลงสบตาเขา นัยน์ตาสีดำเข้มดูเหมือนจะดูดเธอเข้าไป เธอส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “ไม่ต้อง ฉันสระเองได้ และก็เป่าเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณ……”

ยังไม่ทันรอเธอปฏิเสธเสร็จ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปกอดเอวเธอไว้และฝังหัวของเขาไว้ในอ้อมอกของเธอ

เป๋าฮวนจับเครื่องเป่าผมไว้ ยืนโง่อยู่ที่เดิม

ตอนนี้เธอยืนอยู่ แต่เฟิงหานชวนนั่งอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ ท่าทางตอนนี้ของเขาดูเตี้ยกว่าเธอ ดังนั้นศีรษะของเขาจึงพิงอยู่ที่หน้าอกของเธอ

“เฟิงหานชวน! คุณอย่ากอดฉันนะ คุณ……” เป๋าฮวนพยายามดิ้นรนอยู่สองครั้ง

เพียงแต่ว่าชายหนุ่มคงจะกอดแน่นเกินไป เธอจึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้ ทำได้เพียงให้เขากอดเธอไว้ ใบหน้าของเธอยุ่งเหยิง

ฮวนฮวน ให้ผมกอดไว้สักครู่ แค่ครู่เดียว เฟิงหานชวนโลภในความอบอุ่นของอ้อมอกเธอ กลิ่นหอมที่เป็นของเธอเท่านั้น ยังไงก็ปล่อยมือไม่ลง

เป๋าฮวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนโง่อยู่ท่าเดิมแบบนี้

“ฮวนฮวน ต่อจากนี้คุณทำดีต่อผมเพียงคนเดียวได้ไหม……” เฟิงหานชวนกอดเธอแน่นขึ้น เมื่อคิดว่าเธอก็ดีกับเวินซือเหยี่ยนด้วยเหมือนกัน รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

ดีต่อเขาแค่คนเดียวเท่านั้น…

ประโยคนี้ ทำให้สีหน้าที่ดีในตอนแรกของเป๋าฮวนกลายเป็นซีดทันที และในใจก็กระตุกและเจ็บอยู่สองครั้ง

เธอผลักชายหนุ่มในอ้อมอกออก ผลักออกอย่างแรง แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ในสายตาคุณ ฉันสุดทนขนาดนี้เหรอ?”

“ตอนอยู่กับคุณ ก็อยู่กับเวินซือเหยี่ยนด้วย คุณคิดแบบนี้ใช่ไหม?”

“ฉันรู้ว่าฉันเคยเข้าใจคุณผิด แต่คุณในตอนนี้หล่ะ? คุณจงใจเข้าใจฉันผิด หรือเข้าใจฉันผิดจริงๆ?”

เป๋าฮวนรู้สึกว่าทุกครั้งที่ตัวเองใจสั่นไหว ก็จะมีเรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจเกิดขึ้น

เธอรู้สึกว่าตัวเองและเฟิงหานชวน มักจะอยู่ในความเข้าใจผิดกัน ความรู้สึกแบบนี้ไม่สามารถอยู่กับมันได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ต่อหน้ากันยังสามารถเข้าใจผิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกหน่อยแยกคนละประเทศ

จิตใจที่แน่วแน่ไม่คืนดีของเธอนั้นถูกต้อง

เป๋าฮวนเหลือบมองชายตรงหน้าอย่างไม่สบายใจ โยนเครื่องเป่าผมในมือทิ้ง หันหลังกำลังจะเดินไป ชายหนุ่มก็กอดเธอแน่นจากด้านหลัง

“ผมขอโทษฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดแบบนี้อีกเลย ไม่แน่นอน…… ” เฟิงหานชวนจู่ๆก็พบว่าตัวเองโง่เขลา

เมื่อครู่ฮวนฮวนของเขาดีต่อเขามากขนาดนี้ พึ่งพาเขาขนาดนี้ ต้องเต็มใจที่จะคืนดีกับเขาอย่างแน่นอน เมื่อครู่เขาพูดอะไรออกไป?

เป็นเขาที่กำลังผลักไสเธอออกไป

“ไม่ไม่ไม่ ฉันไม่ได้แอบ…มองคุณ ฉันไม่…” เป๋าฮวนส่ายหัวอย่างรวดเร็วและปฏิเสธ

หลังจากนั้น เธอก็ถูกผู้ชายกอดจากด้านหลัง

เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตัวของเขาเย็น รู้สึกอบอุ่น จึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

“ฮวนฮวน จริงๆคุณไม่ต้องหลีกเลี่ยงก็ได้” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ เขาวางหัวของเขาไว้ที่ไหล่ของผู้หญิง

เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัวเอง… เกรงมากไป!

เธอกับเฟิงหานชวนเคยทำทุกอย่างแล้ว เคยเห็นทุกอย่างของกันและกัน เธอจะหลีกเลี่ยงไปทำไม?

เธอพยักหน้า แสร้งทำเป็นคนกันเอง และพูดว่า: “ถ้าไม่หลีกเลี่ยง ฉันกลัวคุณจะอาย! ถ้าคุณไม่อาย ฉันจะไม่หลีกเลี่ยงอีก!”

เป๋าฮวนกลอกตา เธอกำลังแก้ตัว!

“ถ้าไม่หลีกเลี่ยง งั้นก็หันกลับมา” เฟิงหานชวนพูดเบา ๆ เสียงของเขาอ่อนโยนมาก

ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็ตระหนักได้ว่าเธอยังคงหันหลังให้ผู้ชาย เธอรีบหันกลับมา

เมื่อเธอหันกลับมา เธอเพิ่งรู้ว่าเฟิงหานชวนยังไม่ได้สวมใส่อะไรเลย

ฉากเด็ดมาก…

“ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้า!” เป๋าฮวนด่า แก้มของเธอแดงก่ำอีกครั้ง

“ไม่ทันใส่” เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ แล้วเช็ดผมของเขาต่อหน้าเธออย่างเปิดเผย

แต่ ยังไม่ได้เริ่มใส่เสื้อผ้า

เป๋าฮวนกัดฟันด้วยความโกรธ เธอเพียงแค่จ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ เธอจะดูว่าเฟิงหานชวนจะหน้าด้านขนาดไหน!

ทันใดนั้น จู่ๆประตูห้องนอนด้านนอกก็ถูกเปิดออก จิ่งเหลิ่งวิ่งเข้ามา วินาทีต่อมา เขาหยุดทันที ใบหน้าของเขาตกตะลึง

เขายืนอยู่นอกประตูห้องน้ำพอดี เหลือบมองเข้าไปข้างใน และเห็นภาพที่น่าตกใจ

คุณหนูใหญ่ของเขา สวมชุดนอนและกำลังนั่งจ้องเฟิงหานชวนที่เปลือยกาย!

สายตาของจิ่งเหลิ่งอดไม่ได้ที่จะมองเฟิงหานชวน จากบนลงล่าง ราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่าง เขาตะโกนว่า “ว้าว–”

“จิ่งเหลิ่ง!!!”

เป๋าฮวนรีบเข้าไปดึงหูของเขา :“ทำไมนายไม่เคาะประตู!”

หลังจากนั้น เธอดึงหูจิ่งเหลิ่ง และโยนเขาออกไป

ในห้องน้ำ ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง รีบสวมเสื้อผ้าของเขาทันที

โชคดีคนที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าคือเขา ถ้าเป็นเป๋าฮวน… เขาควักตาจิ่งเหลิ่งแน่

ที่ด้านนอกประตู จิ่งเหลิ่งได้สติกลับมา ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “คุณหนูใหญ่ เมื่อกี้ผมรีบมาก จนลืมเคาะประตู ครั้งหน้าจะไม่ทำแล้ว ไม่ทำอีกเด็ดขาด!”

“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงรีบขนาดนี้?” เป๋าฮวนถามทันที เธอรู้ว่าปกติจิ่งเหลิ่งจะมักประมาท แต่เขาไม่ใช่คนไม่มีมารยาทเช่นนั้น

มันคงมีเรื่องใหญ่มากจริงๆ เขาถึงได้รีบร้อนขนาดนี้

“ซูอวี่โทรหาคุณเฟิงแล้วไม่รับ ผมโทรหาคุณ คุณก็ไม่รับ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณหลับไปแล้วหรือเปล่าถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ จึงรีบพุ่งเข้ามา!” จิ่งเหลิ่งรีบอธิบาย

“มีเรื่องอะไร?” เฟิงหานชวนใส่เสื้อคลุมแล้วเดินไป

จิ่งเหลิ่งแอบมองเฟิงหานชวน ก้มศีรษะของเขาและรายงานว่า: “พบผู้ต้องสงสัยแล้ว”

“อะไรนะ!!!” เป๋าฮวนอุทานและรีบถาม: “ใคร? ใครอยู่เบื้องหลัง?”

“จิ่งเหลิ่ง นายบอกว่าเจอผู้ต้องสงสัย? มันเป็นใคร?” เฟิงหานชวนถามทันที

“เป็นนักสืบคนหนึ่ง เขามีชื่อเสียงมากในวงการนี้ เขาชื่อเฉินเจี๋ย” จิ่งเหลิ่งปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาแล้วพูดว่า: “แต่ซูอวี่และคนอื่นๆ เชื่อว่าเฉินเจี๋ยไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่น่าจะรู้จักผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”

“เฉินเจี๋ย? เฉินเจี๋ยคือใคร? ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ!” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความนึกไม่ถึง

คนที่ไหนวะ!

“ฉันจะโทรหาซูอวี่” เฟิงหานชวนหันกลับมาและเดินไปที่ห้องนอน ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรกลับหาซูอวี่ทันที

ทันทีหลังจากนั้น เขาเปิดลำโพง

การโทรเชื่อมต่อในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ซูอวี่รายงานทันที: “ประธานเฟิง คนที่ติดต่อหลิวอวี่ถง เขาคือนักสืบคนหนึ่งชื่อ เฉินเจี๋ย”

“พูดต่อ” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชามาก

“เฉินเจี๋ยเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงในวงการ มีผู้หญิงมากมายติดต่อกับเขา เขามีวิธีการมากมาย รู้จักผู้คนเยอะ และเชี่ยวชาญในการหาข้อมูลต่างๆ” ซูอวี่กล่าวต่อ “ประธานเฟิง มีคนติดต่อหาเขาเยอะมาก ตอนนี้กำลังตรวจสอบทีละคน”

“ตรวจสอบอะไร? จับมันมาถามเลย!” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและคำราม

เสียงนี้ไม่เพียงทำให้จิ่งเหลิ่งและซูอวี่ตกใจ แม้แต่เป๋าฮวนก็ตกใจ

“ขอโทษครับประธานเฟิง ตอนที่คนของเราไปจับเขา เขาหนีไปแล้ว เราส่งคนไปค้นหาที่อยู่ของเขาแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจสอบรายชื่อที่ติดต่อ” ซูอวี่อธิบายอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและมืดมน ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยรัศมีอาฆาต

“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

“ครับ ประธานเฟิง”

หลังจากวางสาย เฟิงหานชวนก็บิดจมูกของเขา ใบหน้าของเขาซีด

เป๋าฮวนเดินไปหาเขาทันที กอดเอวเขา เอนศีรษะที่หลังของเขา

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จิ่งเหลิ่งจึงเปิดประตูห้อง หันหลังกลับและเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว รีบกลับไปที่ห้องพักชั้นสอง

เมื่อเห็นเขากลับมา จิ่งมั่วเพิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำและถามอย่างรวดเร็ว: “อาเหลิ่ง บอกคุณหนูใหญ่หรือยัง?”

“บอกแล้วบอกแล้ว! แถม…” จิ่งเหลิ่งมองลงมา แสดงรอยยิ้มที่มุ่งร้าย และหยุดพูด

ใบหน้าของจิ่งมั่วบึ้ง รู้สึกอธิบายไม่ถูก และถามว่า: “มองตรงนั้นทำไม?”

“อามั่วฉันจะบอกให้ ฉันเห็น…ของเฟิงหานชวน” จิ่งเหลิ่งเดินไปหาจิงมั่ว พูดสองสามคำที่ข้างหูของเขา: “ยิ่งกว่าของพวกเราอีก…น่าอิจฉาจัง!”

ใบหน้าของจิ่งมั่วนิ่งอีกครั้ง ยกมือขึ้นและตบหัวของจิ่งเหลิ่ง และตะโกนว่า: “ตอนนี้ใช่เวลาพูดเรื่องพวกนี้ไหม? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่ จับฆาตกรให้ได้!”

จิ่งเหลิ่งพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ห้องนอนบนชั้นสาม

เฟิงหานชวนปล่อยให้เป๋าฮวนกอดเขา เพราะเขารู้ว่าเป๋าฮวนต้องการความรู้สึกปลอดภัย

“ฮวนฮวน ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เจอคนที่ติดต่อกับหลิวอวี่ถงแล้ว อีกไม่นานเราก็จะจับตัวผู้อยู่เบื้องหลังได้” เฟิงหานชวนปลอบโยนเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุด

“อืม…” เป๋าฮวนพยักหน้า แล้วปล่อยมือ

เฟิงหานชวนหันกลับมา มองไปที่การแสดงออกที่มืดมนของเป๋าฮวน เขาต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ จึงถามว่า: “ปกติจิ่งเหลิ่งก็พุ่งเข้ามาแบบนี้เหรอ? ไม่เคาะประตู?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่!” เป๋าฮวนส่ายหัวปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอเม้มปาก เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า: “คุณโกรธเหรอ?”

ระหว่างทางกลับ เป๋าฮวนกลัวมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอนั่งอยู่ในรถ มันทำให้เธอนึกถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ3ปีที่แล้ว นึกถึงความรู้สึกขาดอากาศหายใจ

เธอตัวสั่นมาก เฟิงหานชวนเห็นแล้วเจ็บปวดมาก กอดเธอแน่นไว้ในอ้อมแขนของเขา ปลอบโยนเธอตลอดเวลา

“ฮวนฮวน เขากำลังตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อกับหลิวอวี่ถง เมื่อเรารู้แล้ว เราก็จะจับตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้!”

“ฉันไม่รู้จริงๆว่าเป็นใคร ใครกันแน่ที่จะฆ่าฉัน ใครที่อยากให้ฉันตาย…” จิตใจของเป๋าฮวนกระวนกระวาย

กลับไปถึงคฤหาสน์ จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งได้มารอก่อนแล้ว รอเปิดประตูให้เป๋าฮวน

หลังจากเห็นทั้งคู่ เป๋าฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“คุณหนูใหญ่ เมื่อกี้ซูอวี่ได้บอกสถานการณ์กับพวกเราแล้ว พวกเราเองก็ได้ส่งคนไปหาคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วเช่นกัน” จิ่งมั่วก้าวไปข้างหน้าและก้มหน้าลงเพื่อรายงาน

“อืม” เป๋าฮวนพยักหน้า

เธอไม่เชื่อว่าตระกูลเฟิงและตระกูลเป๋าทั้งสองตระกูลใหญ่ จะไม่สามารถหาคนที่คิดจะฆ่าเธอได้!

เธออยากรู้ว่า เธอไปทำให้ใครขุ่นเคือง ทำให้เขาทำถึงขนาดนี้!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งถูกมอบหมายให้อยู่ชั้นสอง

แต่เป๋าฮวนกลับไปที่ห้องนอนชั้นสาม พร้อมกับเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ไม่ต้องห่วง ช่วงที่ยังจับฆาตกรไม่ได้ ผมจะปกป้องคุณเอง” หลังจากปิดประตู เฟิงหานชวนกอดเธอและปลอบโยนเธอ

เขาพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

เป๋าฮวนไม่ขัดขืน และกอดผู้ชายกลับ เธอพิงหน้าอกของเขาและพยักหน้าเบาๆ: “อืม คุณต้องปกป้องฉัน”

เธอไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้เธอกลัวมาก เพราะตอนนี้เธอเป็นคนที่กลัวความตายมาก

“ ผมจะปกป้องคุณอย่างแน่นอน” มองลงไป เฟิงหานชวนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเอง

อย่างน้อยในเวลานี้ ในสายตาของเป๋าฮวนมีเพียงเขาคนเดียว ไม่มีเวินซือเหยี่ยน

ไม่รู้ว่ากอดไปนานแค่ไหนแล้ว เป๋าฮวนกลับมารู้สึกตัวและพูดว่า: “งั้นฉันจะไปอาบน้ำก่อน”

“อืม” เฟิงหานชวนปล่อยเธอ

เป๋าฮวนเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด หยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำ

แม้ว่าห้องน้ำจะไม่มีประตู แต่เธอก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ให้เฟิงหานชวนหันหลัง เธออาบน้ำอย่างเป็นกันเอง

เฟิงหานชวนตั้งใจจะหันหลังกลับ แต่ผู้หญิงไม่พูดอะไร เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขานั่งบนโซฟาหน้าต่าง รอเงียบๆ รอเธออาบน้ำ

“เฟิงหานชวน คุณห้ามออกไปนะ~” เสียงน้ำยังคงไหล และเสียงที่นุ่มนวลของผู้หญิงก็ดังออกมา

“ผมไม่ได้ออกไปไหน ผมอยู่ที่โซฟา” เฟิงหานชวนมองไปที่ห้องน้ำ เห็นหมอกในห้องอาบน้ำและเรือนร่างของผู้หญิง

เย้ายวนคน

เย้ายวนจิตวิญญาณของเขา

แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้

“อืม งั้นคุณนั่งรอที่โซฟา ห้ามไปไหนทั้งนั้น!” เป๋าฮวนตะโกนใส่เขา

อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย กังวลอยู่เสมอว่าฆาตกรจะเข้ามาฆ่าเธอ ดังนั้นเธอจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ต้องการใครสักคนอยู่กับเธอ

“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เฟิงหานชวนตอบด้วยรอยยิ้มจางๆที่มุมริมฝีปากของเขา

เขาชอบความรู้สึกนี้มาก ความรู้สึกที่เป๋าฮวนต้องการเขา

เดิมทีเป๋าฮวนอยากจะแช่ในอ่าง แต่เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงรีบไปอาบน้ำ ใส่ชุดนอนแล้วเดินออกไป

ทันทีที่เธอเดินออกมา เธอก็หน้าแดง

เฟิงหานชวนนั่งบนโซฟาตามปกติ แต่เป๋าฮวนนึกถึงตำแหน่งจากโซฟา เขาสามารถเห็นทุกอย่างในห้องน้ำได้

ดังนั้น ตอนที่เธออาบน้ำ เฟิงหานชวนเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน?

ถึงจะไม่คิดอะไร แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกเขิน

“ฉัน…ฉันอาบเสร็จแล้ว คุณจะอาบไหม?” เสียงของเธอแหบ

“อืม ผมจะเข้าไปอาบ คุณนั่งรอผมที่โซฟา” เฟิงหานชวนลุกขึ้น เดินไปตามทางของเธอ และเข้าไปในห้องน้ำ

จนกระทั่งเสียงน้ำไหล เป๋าฮวนก็ยังยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ เพียงแต่หันหลัง

เธอมองไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกล ห่างจากประตูห้องน้ำอย่างน้อย 10 เมตร ทันใดนั้นเธอก็ตกใจเล็กน้อย จึงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปในห้องน้ำ และนั่งบนฝาชักโครก

ห้องอาบน้ำอยู่ข้างๆเธอ

แต่เธอไม่ได้มองไปทางนั้น

แต่วินาทีต่อมา เสียงน้ำก็หยุดลง

เป๋าฮวนลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ แค่ไม่กี่นาที เฟิงหานชวนก็อาบเสร็จแล้วเหรอ?

มันเร็วเกินไปหรือเปล่า?

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณอาบน้ำเร็วจัง? คุณต้องอาบให้สะอาดสิ!” เป๋าฮวนพึมพำเบาๆ เธอก้มศีรษะลงเพียงแค่มองที่พื้น ไม่มองไปทางอื่น

เมื่อมองดูท่าทางที่น่ารักและขี้อายของเธอ เฟิงหานชวนก็อดไม่ได้ที่จะถามเธอว่า: “คุณกลัวเหรอ?”

ตามนิสัยของเป๋าฮวน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเข้ามาในห้องน้ำ ขณะที่เขากำลังอาบน้ำ และเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะติดกับเขาขนาดนี้

เฟิงหานชวนมีความคิดสกปรกในใจ แม้ว่าเขาจะพบฆาตกรแล้ว เขาจะแอบจัดการกับฆาตกร โดยไม่บอกฮวนฮวน

แบบนี้ฮวนฮวนก็จะต้องการเขาตลอด ติดกับเขาเสมอ เป็นเด็กน้อยของเขาตลอดไป

เขารีบขจัดความคิดนี้ทิ้งทันที เขาไม่อยากเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

เขาไม่ควรเห็นแก่ตัวเกินไป

แม้ว่าเขาจะชอบเป๋าฮวนในตอนนี้มาก แต่เขาก็ต้องจับฆาตกรให้เร็วที่สุด ให้ฆาตกรได้รับโทษ!

“อืม ฉันกลัว ฉันก็เลยเข้ามาหาคุณ” เป๋าฮวนก้มหน้าลงไม่กล้ามองเฟิงหานชวน เพราะเธอมองไม่ได้

ทันทีที่หันไปทางเฟิงหานชวน เธอจะเห็นเรือนร่างของเฟิงหานชวนที่กำลังอาบน้ำ

“โอเค” เฟิงหานชวนตอบอย่างเฉยเมยและพูดว่า: “ไม่ว่าจะเวลาไหน ผมก็จะอยู่ข้างๆคุณ ผมเคยบอกแล้ว”

“ฉันรู้ คุณรีบไปอาบเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ไม่ต้องคุยกับฉัน” เป๋าฮวนยังคงก้มหน้า รู้สึกเมื่อยคอ แต่เธอทำได้เพียงรักษาท่าทางนี้ไว้

มิฉะนั้น จะเป็นตากุ้งยิง

“อืม” หลังจากที่เฟิงหานชวนตอบ เขาก็อาบน้ำต่อ

เสียงน้ำดังก้องกังวาน

ประมาณ10นาทีต่อมา ตอนนี้เป๋าฮวนมองขึ้นไปบนเพดาน

ในช่วง10นาทีนี้ หันหน้าไปทางพื้นในช่วง 5 นาทีแรกและเพดาน 5 นาทีถัดไป กล่าวโดยสรุป แนวสายตาจะยึดในที่เดียว เพื่อป้องกันไม่ให้สายตาของเธอมองไปทางอื่น

ทันทีหลังจากนั้น ผ้าม่านกั้นห้องอาบน้ำก็เปิดออก ผู้ชายเดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ และเริ่มเช็ดร่างกายของเขา

เป๋าฮวนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเฟิงหานชวน แต่ไม่ได้มองเขา เธอหลับตาอย่างรวดเร็ว หันหลังของเธอ หันหลังให้กับเฟิงหานชวน

ด้วยวิธีนี้ ใบหน้าของเธอหันไปทางผนังและคอของเธอตั้งตรง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกสบายขึ้น

จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง

เป๋าฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนหัวเราะ เธอขดริมฝีปากและถามว่า: “คุณหัวเราะอะไร? ฉันไม่ได้…แอบมองคุณ”

“ฮวนฮวน ผมไม่ว่าหรอกถึงคุณจะแอบมองผม” เฟิงหานชวนขดริมฝีปาก มองที่ด้านหลังศีรษะของผู้หญิงและพูดด้วยเสียงเบา

“ใคร? ฮวนฮวน เป็นใครกันแน่” เฟิงหานชวนจับไหล่ของเธอทันที แล้วเอ่ยถาม

“อาจจะเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรว อาจจะเป็นพวกเธอ…ตอนแรกพวกเธอเกลียดฉันมากขนาดนั้น พวกเธออาจจะจ้างวานฆ่า!” ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง แววตาตื่นตระหนกและกังวล

ตอนนี้เฉินเจี้ยนหมินรู้แล้วว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เฉินซินโหรวก็เห็นตัวเองที่งานเลี้ยงด้วยตาของเธอเอง…พวกเธอจะยอมวางมือยุติเรื่องราวไหม

“ผมจะส่งคนไปไต่สวนพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากเฟิงหานชวนพูดจบ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ และโทรหาซูอวี่ทันที

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

เฉินซินโหรว เฉินเหม่ยเจวียน รวมทั้งเฉินเจี้ยนหมิน ทั้งหมดถูกพาไปที่โกดังร้างในเขตชานเมือง

เฉินซินโหรวยังคงอยู่ในชุดผู้ป่วย เฉินเจี้ยนหมินสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง และเฉินเหม่ยเจวียน…ไม่ได้สวมเสื้อผ้า สวมเพียงชุดชั้นในผ้าโปร่งบาง ซึ่งไม่อาจบดบังไขมันส่วนเกินของเธอได้

เฟิงหานชวนรีบไปพร้อมกับเป๋าฮวน เมื่อพวกเขามาถึง ซูอวี่รายงานว่า “ประธานเฟิง คุณนาย ตอนนี้เฉินซินโหรวอยู่โรงพยาบาล เธอเพิ่งแท้งลูกครับ เฉินเจี้ยนหมินกำลังเก็บขยะหาเลี้ยงชีพ ส่วนเฉินเหม่ยเจวียนตอนนี้ขายบริการ คนของเราจับเธอได้บนเตียงของเศรษฐีใหม่คนหนึ่งครับ”

เดิมทีเฉินเหม่ยเจวียนก้มหน้าลง ดูเหมือนเธอจะโดนทุบตี เธอเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

เมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เธอเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นเป๋าฮวน เสียงร้องตะโกนก็ดังไปทั่วทั้งโกดัง

“อ๊า…ผี…ผีมาแล้ว ผีมาแล้ว…”

“เฉินเจี้ยนหมิน คุณดูสิ ลูกสาวของคุณ ลูกสาวของคุณเฉินฮวนฮวน เธอกลายเป็นผีไปแล้ว…”

เฉินเหม่ยเจวียนส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง พลางตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็หมอบลงบนพื้น แล้วเคลื่อนตัวไปคุกเข่าอยู่แทบเท้าของเป๋าฮวน “เฉินฮวนฮวน เธอยกโทษให้ฉันเถอะ เธอเป็นผีมาสามปีแล้ว ยกโทษให้ฉันไม่ได้เหรอ ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง ฉันจะให้ยายของเธอยืมเงินไปรักษาแน่นอน ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันผิดไปแล้ว…”

ตอนนี้เฉินเหม่ยเจวียนสนใจแต่การขายตัวเพื่อหาเงิน เธอไม่ได้ติดต่อกับเฉินเจี้ยนหมินเลย ส่วนลูกสาวของเธอเฉินซินโหรวก็ไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนัก ถึงขนาดที่ว่าช่วงนี้เธอยุ่งมาก จนไม่มีเวลาไปดูแลลูกสาวที่แท้งบุตรที่โรงพยาบาล

ดังนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเฉินฮวนฮวนราวกับแกะ

เฉินเจี้ยนหมินรู้ว่าเป๋าฮวนที่อยู่ตรงหน้าเขา คือเฉินฮวนฮวนลูกสาวของตัวเอง แต่เฉินซินโหรวไม่ได้รับการยืนยันจากเป๋าฮวนในงานเลี้ยง อีกทั้งเป๋าฮวนยังเป็นแขกผู้มีเกียรติ ไม่ใช่ว่าเฉินฮวนฮวนจะสามารถทำได้ เดิมทีเธอเพียงสงสัยเท่านั้น

ในตอนนี้เอง เมื่อเห็นเป๋าฮวนและเฟิงหานชวนปรากฏตัวพร้อมกัน เฉินซินโหรวสรุปได้ว่า เป๋าฮวนคุณเป๋าในงานเลี้ยงวันนั้น ก็คือเฉินฮวนฮวน!

เฉินฮวนฮวนยังไม่ตาย เธอยังไม่ตายจริงๆ !

“เฉินเหม่ยเจวียน เธอไม่ต้องร้องไห้แล้ว ฉันไม่ใช่ผี ฉันเป็นคน” เป๋าฮวนควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เวลานี้ดูเหมือนเธอจะสงบนิ่งมากแล้ว

เฉินเหม่ยเจวียนผงะไปครู่หนึ่ง ดวงตาทั้งสองมองเป๋าฮวนด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว ก่อนจะชี้ไปที่เธอ และถามเสียงสั่นเครือ “เธอเธอเธอ…เธอพูดอะไร…เธอเป็นคน…เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ…”

“แม่ เธอยังไม่ตาย! เธอคือเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนยังไม่ตาย!” เฉินซินโหรวตะโกนใส่เฉินเหม่ยเจวียน

เฉินเจี้ยนหมินคุกเข่าลง รีบคลานไปตรงหน้าเป๋าฮวน ก่อนจะจับมือของเป๋าฮวนไว้ แล้วยิ้มอย่างประจบเอาใจ “ฮวนฮวน ลูกให้พ่อมาหามีเรื่องอะไรเหรอ คราวก่อนลูกเต็มใจให้เงินพ่อไม่ใช่เหรอ พ่อรู้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้พ่อทำผิด ต่อไปพ่อจะแก้ไขให้ดีขึ้น พ่อจะดีกับลูกแน่นอน”

เป๋าฮวนมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา ฟังสิ่งที่เขาพูด เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน คลื่นไส้ และสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก

เธอเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ “พ่อวางแผนฆ่าหนู ยังพูดว่าจะดีกับหนูอีกเหรอ”

“อะไรนะ!” สีหน้าของเฉินเจี้ยนหมินพลันเปลี่ยนไปทันที ทั้งตกตะลึงทั้งงุนงง เขารีบกล่าวว่า “ฮวนฮวน ลูกกำลังพูดถึงอะไร พ่อจะฆ่าลูกได้ยังไงกัน ถึงก่อนหน้านี้พ่อจะไม่ดีกับลูก แต่พ่อไม่มีทางฆ่าลูก!”

“พ่อไม่รู้แผนการของเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรวสักนิดเลยเหรอ พวกเธอต้องการฆ่าหนู พ่อไม่รู้เหรอ” เป๋าฮวนถามเขากลับ

สำหรับเธอแล้ว เธอไม่มีศัตรู จะมีแต่แม่ลูกเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวเท่านั้นที่เป็นศัตรูของเธอ ในสายตาของพวกเธอแม่ลูกเห็นเธอเป็นหนามยอกอก

คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ น่าจะเป็นพวกเธอสองคน

“อะไรนะ!!! ฆ่าเธอ? พวกเราจะฆ่าเธอได้ยังไง” เฉินเหม่ยเจวียนก็ตกใจ เธอไม่อาจยอมรับข้อกล่าวหานี้ได้!

แม้ว่าตอนนี้เธอกำลังสับสนงุนงง ไม่รู้ว่าเป๋าฮวนฟื้นจากความตายได้อย่างไร แต่เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!

“สามปีก่อน เธอไม่ได้ส่งคนมาฆ่าฉันงั้นเหรอ” เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น สายตาจับจ้องเฉินเหม่ยเจวียนด้วยความโกรธแค้น

“ไม่จริง! ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ! ต่อให้ฉันจะเกลียดเธอหรือรังเกียจเธอมากแค่ไหน ฉันก็ไม่ฆ่าคน!” เฉินเหม่ยเจวียนตบต้นขาตัวเองอย่างร้อนรนไม่เป็นสุข และรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

เฉินซินโหรวเห็นเป๋าฮวนยืนอยู่กับเฟิงหานชวน อีกทั้งเฟิงหานชวนยังโอบเป๋าฮวนไว้แน่น เธอรู้ว่าสองคนต้องคืนดีกันแล้ว ตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแบบนี้ ไม่สามารถยั่วยุพวกเขาได้อย่างแน่นอน

เธอคลานไปข้างหน้า แล้วรีบอธิบายว่า “ไม่ใช่จริงๆ เฉินฮวนฮวน พวกเราไม่ได้ฆ่าเธอจริงๆ การตายของคุณยายเธอเป็นความผิดของพวกเราเองที่ไม่ให้เธอยืมเงิน แม่ของฉันพูดไม่ดีจนทำให้เธอโกรธ แต่พวกเราไม่ได้ฆ่าเธอจริงๆ…”

“ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ฮวนฮวน ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันผิดเองที่ตอนแรกไม่ให้เธอยืมเงิน ฉันไม่ยอมให้ยืมเงิน แต่ฉันไม่เคยคิดจะฆ่าใคร!” เฉินเหม่ยเจวียนร้องไห้พลางตะโกนเสียงดังลั่น

สองแม่ลูกร้องไห้ขอความเมตตา และยังคงอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่หยุด

ในเวลานี้เอง เฉินเจี้ยนหมินกระแอมไอสองครั้ง แล้วเอ่ยว่า “ฮวนฮวน เฉินเหม่ยเจวียนกับพี่สาวของลูกเป็นคนเลวทรามจริงๆ เห็นแก่ตัว เห็นผลประโยชน์จนลืมความชอบธรรม!”

เมื่อเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวได้ยิน ดวงตาของพวกเธอเบิกกว้าง ก่อนจะรีบโผเข้าไปหาเฉินเจี้ยนหมิน

ในเวลานี้เอง เฉินเจี้ยนหมินกล่าวต่อว่า “แต่ว่า พ่อรับรองได้ว่าพวกเธอไม่มีทางฆ่าใครโดยเจตนาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่พ่อยืนยันได้”

“ดังนั้นฮวนฮวน ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน”

แม้ว่าเฉินเจี้ยนหมินจะเกลียดชังเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวมาก หลังจากตระกูลเฉินล้มละลาย เฉินเหม่ยเจวียนสวมหมวกสีเขียว*ให้เขามาตั้งเท่าไหร่แล้ว ชื่อเสียงข้างนอกเหม็นเน่ามาก ขายตัวให้ตาเฒ่าเลวๆ เพื่อแลกเงินก้อนโต

และลูกสาวที่เขาเลี้ยงจนโตอย่างเฉินซินโหรว หลังจากเข้าหาคนรวยจนได้ดิบได้ดี เธอก็อยู่ห่างจากเขา ไม่เคยส่งเสียให้เงินเขาใช้สักแดงเดียว

ทว่า ท้ายที่สุดแล้วคนหนึ่งก็อดีตภรรยา คนหนึ่งก็ลูกสาวของตัวเอง ไม่ว่าเฉินเจี้ยนหมินจะเกลียดชังพวกเธอแค่ไหน เขาก็จะไม่ทำร้ายพวกเธอ สิ่งที่เขาพูดคือความจริงอย่างแท้จริง

เป๋าฮวนดูออก ไม่ว่าจะเป็นเฉินเจี้ยนหมิน เฉินเหม่ยเจวียน หรือเฉินซินโหรว พวกเขาไม่ได้โกหก เธอก็คิดว่าเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรว ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนเลย

เมื่อสักครู่ความหวาดกลัวทำให้เธอตื่นตระหนก นึกถึงแต่พวกเธอเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงตัดสินว่าพวกเธอเป็นฆาตกร

ทว่าตอนนี้ เมื่อคิดดูให้ดี คนเห็นแก่ได้อย่างเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรว จะบุ่มบ่ามเสี่ยงฆ่าคน และใช้ชื่อเสียงเงินทองของตัวเองได้อย่างไร

ในสายตาของพวกเธอ ขอเพียงแค่มีเงิน และมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว

เป๋าฮวนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น จู่ๆ เธอก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย

เธอทำให้ใครไม่พอใจกันแน่

ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้น และคนที่อยากให้เธอตาย คือใครกันแน่

……

*สวมหมวกสีเขียว หมายถึง ภรรยามีการคบชู้ หรือภรรยานอกใจ

พวกเขาทั้งหมดคิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีที่แล้วเป็นอุบัติเหตุ……

เนื่องจากคนขับเมาแล้วขับ ตอนนั้นเป๋าฮวนยังเป็นเฉินฮวนฮวน ไม่มีความแค้นกับผู้อื่นและไม่มีใครคิดถึงเรื่องซื้อตัวฆาตกรแบบนี้

อารมณ์ของเฟิงหานชวนในตอนนี้ราวกับว่าบ้าไปแล้ว ตอนนั้นทำไมเขาถึงประมาทขนาดนั้น ไม่แม้กระทั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้ลึกลงไปอีก……

ฆาตกรคนนั้นกลับพุ่งไปที่ฮวนฮวน ตอนนี้ฮวนฮวนตัวคนเดียว จะตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า!

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน——”

เฟิงหานชวนตะโกนเรียกชื่อเป๋าฮวนขณะวิ่งไปตามถนน

เป๋าฮวนในขณะนี้ได้วิ่งไปถึงที่หน้าประตูใหญ่คฤหาสถ์แล้ว เธอมองไปที่ถนนกว้างตรงหน้าและสติหลุดไป

ตาเธอแดงมากๆ เพิ่งร้องไห้จนสุดทาง และตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้แล้ว แต่มีคราบน้ำตาปรากฏที่แก้มทั้งสองข้างชัดเจน

ตอนนี้เธอจะกลับโรงแรม เธอไม่อยากเจอเฟิงหานชวนอีก ไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว……

เธอยืนอยู่ข้างถนน ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และใช้แอพเรียกแท็กซี่ คนขับแท็กซี่คนหนึ่งรับคำสั่งและต้องรอประมาณ10นาทีถึงจะมาถึงบริเวณคฤหาสถ์

เป๋าฮวนยืนอยู่ที่เดิมอย่างนั้น มองดูรถที่แล่นไปๆมาๆข้างหน้าโดยไม่กะพริบตา ในขณะนั้นเอง เสียงเรียกเธอดังขึ้นจากที่ไม่ไกลนัก

“ฮวนฮวน!”

เป๋าฮวนมองย้อนกลับไป เวินซือเหยี่ยนยืนอยู่ที่ประตูหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต กำลังยิ้มและโบกมือให้เธอ

วินาทีต่อมาจากนั้น หลังจากที่เห็นดวงตาบวมแดงของเป๋าฮวน เวินซือเหยี่ยนก็ตกใจ ขณะที่เขากำลังจะเดินไปหาเธอ ร่างสีดำก็วิ่งไปทางเป๋าฮวนอย่างรวดเร็ว

เป๋าฮวนถูกเฟิงหานชวนกอดแน่นในอ้อมแขน อยากจะถูเธอเข้าไปในร่างกายของเขา ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือ เธอจะจากเขาไปไกล

เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้กระทั่งเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อเธออยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้ว่าชายที่จู่ๆกอดเธอนั้นคือเฟิงหานชวน

“เฟิงหานชวน คุณยังมาหาฉันทำไม! ก็เมื่อในสายตาคุณดูว่าฉันเหลือทนแล้ว งั้นก็อย่ามารบกวนฉันอีก!” เป๋าฮวนดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ตะโกนอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น ตั้งใจที่จะไม่ปล่อยและพูดทันทีว่า: “ฮวนฮวน กลับไปกับผม มีเรื่องที่สำคัญมากจะบอกคุณ”

“ปล่อยมือ ฉันอยากกลับโรงแรม ฉันจะไม่กลับไปกับนายอีก!” เป๋าฮวนตะโกนเสียงแหบแห้ง แต่เพราะไม่มีแรง เสียงของเธอจึงดูอิดโรย

ไม่เหมือนทะเลาะกัน เหมือนกับกล่าวหากันเบาๆ

“ฮวนฮวน อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่คุณได้รับที่ประตูค่ายฝึกเมื่อสามปีก่อนไม่ใช่อุบัติเหตุ!” เฟิงหานชวนเป็นกังวลและโพล่งออกมาอย่างเร็ว

วินาทีถัดมา เป๋าฮวนก็ชะงัก ในสมองเธอว่างเปล่าขึ้นทันที ริมฝีปากซีดเซียวของเธอถามพึมพำว่า: “คุณ……คุณพูดว่าอะไรนะ?”

ไม่ใช่อุบัติเหตุหมายความว่าอะไร?

เธอไม่รู้จักคนขับคนนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจงใจชนเธอ?

ตอนนั้นได้ยินเฟิงหานชวนบอกว่าอีกฝ่ายเมาแล้วขับ จึงเชื่อเพียงว่าตัวเองโชคไม่ดี

ส่วนตอนนี้…

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ ตอนนั้นผมไม่ได้สืบให้ชัดเจน ผู้ชายคนนั้นขับรถชนคุณไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ได้มีคนสั่งการ” หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ดวงตาของแดงก่ำและเกือบจะร้องไห้ออกมา

ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา!

หากไม่ใช่เพราะเขาประมาท คนขับที่ก่อเหตุก็จะไม่ตาย และเบาะแสก็จะไม่ถูกตัดขาด

ฆาตกรที่ทำร้านฮวนฮวนคนนั้น ตอนนี้ยังคงเป็นอิสระอยู่นอกกฎหมาย

ฟังเสียงหายใจติดขัดของชายหนุ่ม เป๋าฮวนยืนโง่ไปแล้ว มีคนเจตนาฆ่าเธอ เรื่องนี้……ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!

“เฟิงหานชวน ใครกันที่อยากจะฆ่าฉัน? ตอนนี้คนขับคนนั้นอยู่ที่ไหน? ฉันอยากเจอเขา! ฉันอยากถามให้ชัดเจน!” เป๋าฮวนถามอย่างใจร้อน

เฟิงหานชวนเพียงแค่กอดเธอไว้แน่นและส่ายหัวไม่หยุดพร้อมอธิบายว่า: “คนขับเสียชีวิตแล้วเมื่อสามปีก่อน”

“อะไรนะ!” ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง

ตายแล้ว งั้นก็ตายไร้หลักฐานพิสูจน์แล้วเหรอ?

เธอจำได้ว่าตอนนั้นคนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาจะตายได้ยังไง?

“เขาถูกมือมืดเบื้องหลังสั่งฆ่าเหรอ?” เป๋าฮวนถามต่อทันที

“ใช่ หลังจากที่เขาถูกผมส่งเข้าคุก เขาถูกคนรอบทำร้ายและเสียชีวิตในคุก” เฟิงหานชวนไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครทำแบบนี้ใต้จมูกของเขา

ตอนนั้นเขาส่งคนไปลงโทษคนขับที่ก่อเหตุ หลังจากนั้นก็ดูแลเป๋าฮวนสุดหัวใจ และไม่ได้สนใจคนขับอีก

ตอนนี้เขาโทษตัวเองที่ประมาทและโง่เกินไป……

“ใครกันแน่! เป็นใครกันแน่!” เป๋าฮวนดูหวาดกลัว ร่างทั้งร่างเย็นยะเยือก และเหงื่อเย็นๆยังออกทั่วตัวอย่างต่อเนื่อง

จู่ๆเธอก็รู้สึกหวาดกลัวมากๆ ที่ประเทศฮัวมีคนต้องการจะฆ่าเธอ เป็นใครกันแน่……

ถ้าในตอนนั้นเธอไม่ได้แกล้งทำเป็น “ฆ่าตัวตาย” ถ้าไม่ใช่เพราะสามปีนี้เธอหายตัวไปและอาศัยอยู่ที่ประเทศเฉินในฐานะเป๋าฮวน เธอคงกลายเป็นคนตายไปแล้วจริงๆใช่ไหม?

“เฟิงหานชวน ฉันกลัวมาก ฉันไม่อยากตาย……” เป๋าฮวนร้องไห้ออกมาทันที เธอยังมีคุณตา ตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียว เธอไม่อยากตายจริงๆ

ตอนนี้เธอกลัวความตายมาก กลัวมากจริงๆ

เธอต้องมีชีวิตที่ดีให้ได้ เพราะเธอต้องให้เป็นคนเลี้ยงดูและส่งคุณตาในบั้นปลายชีวิต……

“ฮวนฮวน วางใจเถอะ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณถูกทำร้าย คนของผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสืบค้นเรื่องนี้ ช่วงนี้คุณอยู่ที่นี่กับผม ผมจะส่งคนปกป้องคุณ” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง ริมฝีปากบางแตะหน้าผากของเธอและพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

“ฉันต้องการจิ่งมั่วและติ่งเหลิ่ง ฉันต้องการให้พวกเขามา…… ” เป๋าฮวนสั่นไปหมดทั้งตัว

“ได้ ผมจะติดต่อพวกเขาและให้พวกเขามา ผมจะพาคุณกลับก่อน ตกลงไหม?” เฟิงหานชวน พยายามปลอบของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนพยักหน้าอย่างเร็วในอ้อมแขนของเขา

ขาทั้งสองของเธออ่อนแรงมาก รู้สึกว่าจะเดินไม่ไหวแล้ว และตอนนี้เธอรู้สึกกลัวมาก เธอเอื้อมมือไปโอบคอของชายหนุ่มแล้วกระซิบ: “เฟิงหานชวน คุณอุ้มฉันกลับที……”

เฟิงหานชวนชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กๆตรงข้างหน้าเขาเต็มไปด้วยการพึ่งพาตัวเขา นี่คือสิ่งที่เขาคาดหวัง แต่ว่าตอนนี้เขากลับไม่มีความสุข

ตราบใดที่มือมืดที่อยู่เบื้องหลังค้นหาไม่เจอหนึ่งวัน เขาก็จะไม่มีความสุขหนึ่งวัน

เขาพยักหน้า อุ้มเป๋าฮวนขึ้นและพาเธอตรงไปเขตคฤหาสถ์

เวินซือเหยี่ยนยืนเงียบๆแบบนี้อยู่ที่ทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต มองดูร่างพวกเขาหายไปท่ามกลางความมืด เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ได้ตามไป แต่เปิดขวดน้ำแร่และจิบสองสามอึก

เขาไม่ได้ยินการสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่นี้ ท่าทางของเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนดูเหมือนคู่สามีภรรยาที่ทะเลาะกันแล้วก็คืนดีกัน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคืนดีกันจริงๆ เวินซือเหยี่ยนคิด

……

หลังจากกลับมาที่คฤหาสถ์

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนตรงไปที่ห้องนอนที่ชั้นสาม แล้ววางเธอลงบนเตียงขนาดใหญ่

เป๋าฮวนกอดคอชายหนุ่มแน่น พูดอะไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ ในสมองของเธอเต็มไปด้วยเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น เธอนอนอยู่ในกองเลือด เธอเจ็บทั้งตัว เจ็บมากจนเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย……

ต่อมาหลังจากได้รับการช่วยเหลือ ระหว่างที่รักษาตัวในโรงพยาบาล เธอยังคงปวดตามร่างกายเป็นอย่างมาก และมีรอยแผลเป็นตามตัวของเธอซึ่งเกิดจากการผ่าตัดในปีนั้น

เงาตามตัวหลังจากอุบัติเหตุ สามปีมานี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้มันหายไป และตอนนี้กำลังกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง……ดูเหมือนว่าร่างกายไม่มีพละกำลังและหนาวเย็นเป็นอย่างมาก

“ฮวนฮวน ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่ ผมจะอยู่กับคุณตลอดไป” เฟิงหานชวนก้มตัวให้หญิงสาวโอบรอบคอของตัวเอง เขากอดเธอและปลอบเบาๆ พยายามสงบอารมณ์กลัวของหญิงสาว

“ทำไมถึงมีคนอยากฆ่าฉัน ฉันไม่มีศัตรู หรือว่า……” ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้างทันทีและอุทานว่า “หรือว่าจะเป็นเธอ!!!”

มองดูด้านหลังที่จากไปไกลของหญิงสาว เวินซือเหยี่ยนยืนอยู่กับที่ไม่ได้ตามไป เพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ

เป็นการหัวเราะเยาะตัวเองแบบนั้น

เขามักจะรู้สึกว่าเขาอาจมีโอกาสแม่เพียงน้อยนิด แต่ในไม่ช้าความจริงก็บอกเขาว่าไม่มีโอกาส

เขาไม่มีโอกาสเลยสักนิด

เป๋าฮวนวิ่งกลับไปที่คฤหาสถ์อย่างรวดเร็ว อยู่ที่ไม่ไกลนักก็เห็นเฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ ยังคงรักษาท่าทางที่ไม่ขยับเขยื้อนนั้นไว้

เฟิงหานชวนในขณะนี้ไม่สามารถมองเห็นเธอได้ เพราะเขาหันหลังให้เธอ จนกระทั่งเป๋าฮวนเดินมาข้างหน้า เดินมาด้านหน้าของเขา เฟิงหานชวนถึงจะมองเห็นเธอ

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณถึงยังยืนอยู่ตรงนี้?” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอไม่รู้จริงๆว่าทำไมเฟิงหานชวนในตอนนี้ถึงเป็นเหมือนลาที่ดื้อรั้น

เฟิงหานชวนไม่ตอบ

“คุณ……อาการป่วยกำเริบเหรอ?” ประโยคนี้ เป๋าฮวนไม่ได้แค่ถาม แต่สอบถามอย่างระมัดระวัง

มิฉะนั้น คนปกตินั้นแม้ว่าจะโกรธขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยืนนิ่งอยู่ที่เดิมตลอด

นี่ดูแล้วผิดปกติจริงๆ!

ในที่สุดดวงตาที่มืดมนของเฟิงหานชวนก็สว่างขึ้น เขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มดูดว่า: “ฮวนฮวน เมื่อผมป่วยกำเริบเท่านั้นคุณถึงจะเป็นห่วงผมใช่ไหม?”

เป๋าฮวนตกตะลึงที่เฟิงหานชวนถามแบบนี้ เขาหมายถึงอะไร?

หรือเพราะอยากให้เธอห่วงใยเขา เลยจะอาการป่วยกำเริบเหรอ?

“เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้ว! ตอนนี้คุณมีชีวิตอยู่เพื่อใคร ตอนนี้คุณมีชีวิตอยู่เพื่อฉันหรือ? คุณคิดผิด คุณควรมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นท่าทางอย่างกับผีแบบนี้!” เป๋าฮวนข่มเสียงของเธอจนเกือบจะแหบแห้ง

เธอไม่สามารถเห็นเฟิงหานชวนกลายเป็นแบบนี้ได้จริงๆ เธอหวังจริงๆว่าเขาจะได้สติขึ้นมาในไม่ช้า

มองไปข้างหน้า ใช้ชีวิตให้ดี ไม่ดีหรือไง?

เธอก้าวเดินออกมาแล้ว ทำไมเขาถึงก้าวออกมาไม่ได้หล่ะ?

“ไม่มีคุณ ผมก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่” เสียงแหบของเฟิงหานชวนแสดงถึงความเศร้าโศกเหลือคณาอยู่ในคืนที่มืด

เป๋าฮวนรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตัวเองถูกกระแทกและคนทั้งคนก็ตะลึงอยู่ที่เดิม

เธอเดินถอยหลังโซเซไปสองก้าว มองขึ้นไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาเจ็บปวดเมื่อยหล้า ตาทั้งคู่แดงก่ำ เธอสำลักและพูดว่า “คุณมีฉันไง พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”

ตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกหายใจไม่ออกจริงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกอึดอัดใจมาก

คำพูดของเป๋าฮวนทำให้ดวงตาของเฟิงหานชวนเป็นประกายอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงประโยคที่เธอพูดก่อนหน้านี้ ดวงตาสีดำของเขาก็หรี่ลงอีกครั้ง

“ผมมีคุณ แต่ว่า คุณไม่ได้มีแค่ผม……” เขาพึมพำ

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนหมายความว่าอะไร เธอพูดออกมาว่า : “คุณกำลังคิดจะพูดอะไร? ถ้าเป็นเพื่อนในด้านนั้น มีเพียงคุณคนเดียว ฉันไม่ได้มั่วจนติดเป็นนิสัย”

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนเข้าใจอะไรผิด

เข้าใจเธอผิดว่ามีเพื่อนผู้ชายมากมายในแง่นั้นเหรอ?

เป็นเพราะเธอเคยโกหกเขามาก่อน โดยบอกว่าตอนอยู่ที่ประเทศเฉินเธอมีเรื่องอย่างว่ามากมายเหรอ? บอกว่าผู้ชายเหล่านั้นของประเทศเฉินเก่งกาจกว่าเขาเหรอ?

“ในสายตาและหัวใจของคุณ ตำแหน่งของผมกับเวินซือเหยี่ยนเหมือนกันหรือเปล่า? เท่ากัน เป็นแค่เพื่อนของคุณ” เฟิงหานชวนจ้องมองเธอแน่วแน่และถามขึ้น

เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่นขึ้น เดิมเธอยังขมขื่นในใจ แต่ตอนนี้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น เธอยกมือขึ้นและตบที่แก้มของเฟิงหานชวน

“คุณพอได้แล้ว!” เธอโกรธและตะโกนใส่เขา: “ในสายตาของคุณ ฉันเหลือทนขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“คุณเป็นแบบนี้เสมอ สิ่งที่ฉันอธิบายให้คุณฟัง คุณไม่เคยเชื่อเลย!”

เป๋าฮวนเชื่อว่าความหมายของเฟิงหานชวนคือประชดประชันเธอ เธอบอกว่าเวินซือเหยี่ยนเป็นเพื่อน แต่เฟิงหานชวนเชื่อว่าเธอถือว่าเวินซือเหยี่ยนเป็นเพื่อนในแง่นั้น

เธอโกรธจนหันหัวแล้วเดินเข้าคฤหาสถ์ เพียงแค่เดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าที่จริงตัวเองไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้างใน

มือถือของเธออยู่ในกระเป๋าเสื้อและเธอก็ไม่มีกระเป๋าเดินทาง เธอยังจะเข้าไปทำอะไรในคฤหาสถ์?

เท้าหยุดก้าวเดิน เธอหันกลับมาอีกครั้งและเดินออกไปข้างนอก เดินผ่านด้านข้างของเฟิงหานชวนโดยไม่สนใจ ก้าวเดินหน้าต่อไป

ในเมื่อเขาเข้าใจเธอผิดมาตลอด เข้าใจนิสัยของเธอผิด แล้วทำไมเธอต้องสนใจว่าอาการเขาจะกำเริบหรือเปล่า ทำไมต้องไปสนใจว่าเขาโกรธหรือไม่ ทำไมต้องสนใจเขาด้วย!

เป๋าฮวนเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ น้ำตาก็ไหลโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าเธอร้องไห้ทำไม จากคฤหาสน์ไปตอนนี้ก็เท่ากับหลุดพ้นจากเฟิงหานชวน ต่อไปนี้พวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอตั้งตารอเหรอ?

เธอจะร้องไห้ทำไมหล่ะ? ตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง

เธอปาดน้ำตาและวิ่งเร็วขึ้น เธอต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว เธอต้องการอยู่ห่างจากเฟิงหานชวน

……

เฟิงหานชวนหันกลับมา หันหน้าไปทางทิศที่เป๋าฮวนจากไป

เขาเฝ้ามองดูหลังของเธอเล็กลงเรื่อยๆ เขาอยากจะตามไป แต่ขาทั้งคู่ของเขาเหมือนจะเต็มไปด้วยตะกั่ว ยังไงก็ไม่สามารถขยับได้

เธอไม่มีเขาอยู่ในหัวใจเลย ไม่มีเลยสักนิด เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเธอ แต่เธอกลับผลักไสเขาแบบนี้

เธอยิ้มอย่างสดใสให้เวินซือเหยี่ยน แต่เขากลับถูกตำหนิทุกอย่าง ที่จริงในใจเธอยังคงรังเกียจเขาอยู่ อาจจะถึงกับเกลียดเขาด้วยซ้ำ……

เฟิงหานชวนรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก เขาระงับจนสุดขีด กระแสความร้อนพุ่งออกมาจากลำคอ

“พรวด” เลือดพุ่งออกจากปากของเขา

เขายื่นมือออกมาเช็ด มือของเต็มไปด้วยเลือดสีแดง

ในขณะนั้น จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ใบหน้าของเขาซีดเซียว เดิมทีเขาไม่ต้องการรับสาย แต่เสียงเรียกเข้ายังคงดังไม่หยุด

เขาตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโทรศัพท์ ไม่ให้มีการรบกวนการโทรมากเกินไป และเขายังมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัวด้วย ดังนั้นทุกสายที่โทรเข้ามาได้จึงเป็นสายจากคนสำคัญ

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้า ร่างของเป๋าฮวนหายไปแล้ว จะเป็นโทรศัพท์จากเธอไหม?

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ แต่เมื่อเห็นหมายเลขสายเรียกโทร เขาก็ยิ้มเศร้าๆ เป็นสายเรียกเข้าของผู้ช่วยซูอวี่ ไม่ใช่เป๋าฮวน

อย่างไรก็ตาม ซูอวี่ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็จะไม่โทรหาพร่ำเพรื่อ เฟิงหานชวนจึงรับสายทันที

“ประธานเฟิง ไม่ดีแล้ว เราค้นพบเรื่องร้ายแรงมากเรื่องหนึ่ง!” เสียงของซูอวี่ดูวิตกกังวลมาก และเหมือนว่ากลัวมากเช่นกัน

“รีบพูดมา!” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ราวกับว่าใจของเขาเหมือนขึ้นมาถึงคอ

“คุณยังจำคนขับที่ทำให้คุณนายประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม? หลังจากที่เขาถูกจับเข้าคุก ไม่ถึงหนึ่งเดือนเขาก็เสียชีวิตจากอาการป่วย!”

เสียงของซูอวี่ยังรายงานต่อไป: “ในตอนนั้นพวกเราแค่สั่งสอนเขาทำให้มือข้างหนึ่งของเขาพิการ สภาพร่างกายของเขาไม่มีปัญหา เป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง แต่จู่ๆเขาก็ป่วยด้วยน้ำตาลในเลือดต่ำเสียชีวิตกะทันหัน ”

“ผมใช้ข้อมูลของเขาหลังจากนั้นค้นพบว่า เขาเข้ามาทำงาน เป็นหนี้การพนันมากจำนวนหนึ่ง และมีคุณย่าอยู่ที่บ้านเกิด ตอนนี้คนของเราอยู่ที่บ้านเกิดของเขา คุณย่าบอกว่าเมื่อสามปีที่แล้วเขาเคยบอกคุณย่าว่า เขาแค่ทำเรื่องอย่างหนึ่งเขาจะได้เงิน5ล้านมา เขาบอกว่าถ้าได้เงินจะให้ย่า ให้ย่ามาอยู่ในเมืองและมีชีวิตที่ดี”

“คุณย่าของเขาไม่รู้ข่าวการเสียชีวิตของเขา และเธอยังตั้งตารอเขากลับมาที่บ้านเกิด”

“ประธานเฟิง ผมคิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เกิดขึ้นโดยตั้งใจ!”

“อีกฝ่ายซื้อคนในคุกและฆ่าคนขับเพื่อหลีกเลี่ยงการโอนเงิน5ล้าน เพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบหมายเลขบัญชีจากพวกเรา”

“ประธานเฟิง เดิมทีเราคิดว่าอีกฝ่ายพุ่งตรงที่คุณ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ น่าจะพุ่งตรงมาที่คุณนาย……”

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินประโยคเหล่านี้ เขาก็รีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง……

เป๋าฮวนหันไปมอง เธอเห็นเวินซือเหยี่ยนยืนอยู่ไม่ไกล

เมื่อกี้เวินซือเหยี่ยนเรียกชื่อของเธอ ไม่ใช่เฟิงหานชวน

เธอหันหมุนตัวไปอีกครั้ง จากนั้นก็โบกมือทักทายไปทางเวินซือเหยี่ยน อีกฝ่ายวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ

“ฮวนฮวน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่? ไม่ได้อยู่ที่โรงแรมตี้ฮวงหรอกเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนรู้ว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของเฟิงหานชวน จริง ๆ วันนี้เขาตั้งใจจะมาเดินเล่นที่นี่ อยากเห็นว่าเป๋าฮวนไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ

นึกไม่ถึงว่า เขาจะเจอเป๋าฮวนจริง ๆ

“เอ่อ ฉัน…..” เป๋าฮวนเกาศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะพูดอธิบายไปว่า : “เฟิงหานชวนชวนมาค่ะ ฉันรู้สึกว่าพักที่นี่ก็ดี สิ่งแวดล้อมก็ดี น่าจะดีกว่าโรงแรม ดังนั้นก็เลย ฮ่า ๆ ….”

ยิ่งเธอพูดก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด

แต่คงจะอธิบายความสัมพันธ์ในตอนนี้ของเธอและเฟิงหานชวนออกไปไม่ได้แน่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวินซือเหยี่ยนและคนในตระกูลเวิน ถ้าขืนขอกลับไปกับเวินซือเหยี่ยน ถูกคุณตารู้เข้า คุณตาคงจะโกรธจนหน้าเขียวแน่ ๆ

ถ่อมาถึงประเทศฮัว ก็เพื่อมาถ่ายละครไม่ใช่เหรอ? ทำไมจะต้องมาแสดงเป็นเพื่อนลับ ๆ กับเฟิงหานชวนด้วย?

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงควรทำ!

ตอนนี้สมองของเป๋าฮวนเลอะเลือนมาก

“จริงสิ ซือเหยี่ยน คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันพักในห้องพักแขก ฉัน……..ไม่ว่ายังไงคุณห้ามบอกคุณปู่ของคุณเด็ดขาดนะ …..” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

เวินซือเหยี่ยนเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง เขาไม่ได้โง่ เวลานี้เป๋าฮวนแสดงท่าทางเป็นกังวลทำอะไรไม่ถูก เขาย่อมเดาออกว่าหมายถึงอะไร

เพียงแต่รูปธรรมว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น เขาเดาไม่ออก แต่เขามั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเป๋าฮวนและเฟิงหานชวน ไม่มีทางแข็งทื่อต่อกันแบบนั้นอีกแน่นอน

“ฮวนฮวน คุณวางใจเถอะ คุณไม่เชื่อนิสัยของผมเหรอ? เรื่องส่วนตัวของคุณ ผมไม่บอกคุณปู่ของผมหรอก และไม่บอกคนอื่นแน่นอน” เวินซือเหยี่ยนยิ้มอย่างอบอุ่น รอยยิ้มนั้นเหมือนกับลมในฤดูใบไม้ผลิ ช่างอบอุ่นใจจริง ๆ

เป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธการเป็นเพื่อนกับเวินซือเหยี่ยน เพราะความรู้สึกที่มีให้กับเวินซือเหยี่ยน มันคือความสบายใจทำนองนั้นจริง ๆ มีระยะห่างแต่ไม่ได้เหินห่าง

“ขอบคุณนะ หลัก ๆ ฉันไม่อยากให้คุณตารู้ เขาต้องเป็นห่วงฉันแน่……” เป๋าฮวนอธิบายด้วยเสียงเล็ก ๆ

ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างฉับพลัน เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเฟิงหานชวนมายืนอยู่ข้างกายของตัวเองแล้ว

เพียงแต่สีหน้าของเฟิงหานชวนดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอใส่อารมณ์กับเขาเมื่อสักครู่ก็ได้ พูดคำพูดที่ไม่น่าฟัง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังโกรธอยู่

“ประธานเฟิงก็ออกมาด้วย ตั้งใจจะมาเดินเล่นกับฮวนฮวนใช่ไหมครับ?” เวินซือเหยี่ยนยังคงมองไปยังเฟิงหานชวนด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เปลี่ยนเจตนาอื่นแต่อย่างใด

“ครับ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นเย็นชามาก เขาตอบกลับไปง่าย ๆ ด้วยคำๆ เดียว

“ผมเองก็มาเดินเล่นเหมือนกัน สู้เราสามคนเดินไปด้วยกันดีไหมครับ?” เวินซือเหยี่ยนมองไปยังเฟิงหานชวนพร้อมกับชี้แนะอย่างไม่หลบเลี่ยงใด ๆ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็มองไปทางเป๋าฮวน ราวกับกำลังถามความคิดเห็นของเธอ

เป๋าฮวนไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เธอรีบพยักหน้า และพูดว่า : “เอาละ ๆ งั้นเราสามคนไปเดินเล่นด้วยกันเถอะ! เป็นเดือนมืด ลมแรงพอดี ต้นไม้ก็เยอะ ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย …… มีพวกคุณอยู่ด้วย ฉันก็วางใจ……..”

เธอไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นปัญหาแต่อย่างใด จึงได้พูดออกมาอย่างปกติ แต่สีหน้าของผู้ชายทั้งสองคนกลับยังคงนิ่ง

แต่เป๋าฮวนไม่ได้สังเกต เธอหมุนตัวกลับไปและเดินตรงต่อไปข้างหน้า กระโดดก้าวหนึ่งเดินก้าวหนึ่ง ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย เพราะกินอิ่มแล้ว ได้รับการย่อยสักหน่อยก็ดี

หลังจากที่เดินไปสักพัก เธอก็พลันพบว่าไม่มีเสียงฝีเท้าเดินตามมาด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง ก็พบว่าผู้ชายทั้งสองคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม กำลังเผชิญหน้าไม่ต่างกัน ราวกับกำลังมองหน้าของอีกฝ่าย

เป๋าฮวน : “???”

เธอเร่งก้าวเดินไปยังตำแหน่งนั้นทันที จากนั้นก็มองพวกเขาทั้งสองคน โบกมือไปมา ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปว่า : “เฮ้ ๆ พวกคุณทั้งสองคนเป็นอะไรไปคะ? ไม่เดินเล่นกันแล้วเหรอ?”

เวินซือเหยี่ยนได้สติเป็นคนแรก จากนั้นก็มองไปทางเป๋าฮวนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงที่อ่อนโยนออกไปว่า : “เดินเล่น ฮวนฮวน เมื่อกี้ผมเหม่อลอยไปหน่อย เราไปเดินเล่นกันเถอะ”

“ได้เลย!” เป๋าฮวนตอบรับ ทั้งสองคนจึงเดินไปข้างหน้าด้วยกัน

เพียงแต่ หลังจากที่เป๋าฮวนเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง จากนั้นก็หันกลับไปมอง เฟิงหานชวนหันหลังให้เธอ ไม่ได้ขยับก้าวตามมาแต่อย่างใด

เธอจึงทำได้แค่ต้องเดินกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ในตำแหน่งของเวินซือเหยี่ยนก่อนหน้านั้น จากนั้นก็มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า และเอ่ยถามว่า : “เฟิงหานชวน คุณไม่เดินเล่นแล้วเหรอ?”

นัยน์ตาของเฟิงหานชวนดูนิ่งสงบ สีหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ เป๋าฮวนคิดว่าเขายังโกรธเรื่องเมื่อสักครู่อยู่

“ฉันยอมรับว่าฉันพูดแรงเกินไป แต่ที่ฉันพูดก็มีเหตุผล คุณลองคิดดูดีๆ นะ คุณไม่ควรทำเรื่องแบบนั้น” เป๋าฮวนไม่ได้หวังให้เฟิงหานชวนทำแบบนี้กับตัวเอง เขาไม่ควรทำเรื่องที่ต่ำแบบนี้

เขาสูงส่งดุจบุตรสวรรค์ผู้หยิ่งผยอง เป็นผู้นำของทุกคน ไม่ควรต้องนอบน้อมเพื่อเธอ

สีหน้าของเฟิงหานชวนยังคงเย็นชา เพียงแต่ความเย็นชานี้ แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกมากกว่าเดิม ลมเย็นที่พัดผ่าน ให้ความรู้สึกสงบ

หลังจากที่เป๋าฮวนพูดจบ เฟิงหานชวนก็ยังคงไม่ตอบเธอราวกับรูปปั้น

เป๋าฮวนใจอ่อน แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถบอกเหตุผลกับเฟิงหานชวนได้ เพราะเวินซือเหยี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย ตอนที่บอกเหตุผลย่อมหมายถึงเรื่องส่วนตัวระหว่างพวกเขาด้วย ดังนั้นจึงยังไม่พูดก่อน

“เอาแบบนี้ละกัน เราไปเดินเล่นกันก่อนดีไหม? เดินเล่นเสร็จกลับมา ฉันจะคุยเรื่องนี้กับคุณ” เป๋าฮวนพยายามโน้มน้าวอย่างอดทนมาก

เฟิงหานชวนกยังคงนิ่งไม่ไหวติ่งแต่อย่างใด

เขารู้สึกแย่กับเรื่องที่เป๋าฮวนไม่ให้เขาช่วย แต่ไม่ได้โกรธ ตอนนี้เขารู้สึกแย่ละคนโกรธ สาเหตุที่เขาโกรธนั้นเพราะคำพูดเมื่อสักครู่ของเป๋าฮวน

เธอบอกว่า เดือนมืด ลมแรง มีพวกคุณอยู่ด้วย ฉันก็วางใจ

เธอไม่ได้มีแค่เขา แต่มีพวกเขา

ดังนั้นในใจของเป๋าฮวน เวินซือเหยี่ยนและเขาสำหรับเธอแล้วมีสถานะเหมือนกัน

เขาทำเพื่อเธอมากขนาดนั้น แต่กลับสู้น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเวินซือเหยี่ยนไม่ได้เลยใช่ไหม?

“เฟิงหานชวน!” เมื่อเห็นเขายังไม่ตื่นตัว ราวกับลาโง่ เป๋าฮวนจึงเริ่มโกรธขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าวไม่น้อย : “คุณไม่เดินเล่นก็ช่างเถอะ ฉันจะไปเดินเล่น”

เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

เวินซือเหยี่ยนหันกลับมามองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไป และไล่ตามเป๋าฮวนไป

เวินซือเหยี่ยนเดินทิ้งระยะห่างไปเรื่อย ๆ เมื่อมั่นใจว่าเฟิงหานชวนจะไม่เดินตามมาแล้ว เขาจึงเอ่ยถามด้วยตัวเอง : “พวกคุณทะเลาะกันเหรอ? เกิด……เกิดอะไรขึ้น?”

เป๋าฮวนเดินก้มหน้า สายตาทั้งสองข้างจ้องมองพื้น เมื่อเวินซือเหยี่ยนถามแบบนี้ เธอจึงหันกลับไปมองเขา โดยไม่พูดอะไร

จริง ๆ แล้วตอนนี้เธอกำลังโกรธมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะบอกเหตุผลกับเฟิงหานชวน แต่เขากลับมีทิฐิ เธอทำเพื่อเขา เขาไม่จำเป็นต้องช่วยทำเรื่องแบบนั้นให้เธอจริง ๆ ก็ได้

“ฮวนฮวน ผมคงจะกะทันหันไป คุณอย่าโกรธเลยนะ ผมก็ถามไปงั้นแหละ คุณไม่ต้องตอบผมก็ได้” เมื่อเวินซือเหยี่ยนเห็นเป๋าฮวนมองมาทางเขาโดยไม่พูดอะไร สีหน้ายังคงบูดบึ้งไม่พอใจ จึงรีบอธิบายทันที

“ฉันไม่ได้โกรธคุณหรอกค่ะ ฉันโกรธเฟิงหานชวนต่างหาก” เป๋าฮวนโพล่งออกไป จากนั้นก็ตำหนิด้วยความขุ่นเคือง : “เขาเป็นคนหัวดื้อ!”

แต่หลังจากที่ด่าคำนี้จบ ท่าทางนิ่งสงบของเฟิงหานชวนเมื่อสักครู่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสมองของเป๋าฮวน

เธอออกมาเดินเล่นแบบนี้ เฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่ที่นั่นรึเปล่า จะ…..อาการกำเริบไหม?

เมื่อคิดได้ เป๋าฮวนก็ตกใจฉับพลัน รีบพูดกับเวินซือเหยี่ยนว่า : “ซือเหยี่ยน ฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณค่อย ๆ เดินนะคะ เจอกันพรุ่งนี้!”

เมื่อพูดจบ เธอก็วิ่งไปอย่างรวดเร็วทันที

“ฉันอยากกิน…….สเต๊กพริกไทยดำและสปาเกตตี พรุ่งนี้เช้าต้องได้กิน”

เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลทันที เพราะสเต๊กเนื้อเมื่อเช้าตรู่ถูกทอดสุกไปหน่อย ก็เลยไม่ได้กิน ดังนั้นจึงอยากกินมาก

“ได้สิ พรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณกิน” เฟิงหานชวนได้แต่กำมือทั้งสองข้างแน่น ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะตื่นเต้นต่างหาก

“อื้อ” เป๋าฮวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปยังทิศทางของบันได

เฟิงหานชวนรีบลุกขึ้น และเรียกเธอไว้ “ฮวนฮวน คุณจะขึ้นไปตอนนี้เลยเหรอ?”

“คุณจะทำอะไรล่ะ?” เป๋าฮวนหันกลับมา และถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ความหมายของผมก็คือ อยากไปเดินเล่นไหม? ย่อยสักหน่อย?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นเคร่งขรึมลง แต่ไม่ได้รู้สึกอ้างว้างอีกต่อไป เป็นน้ำเสียงที่ค่อนข้างปกติมาก แต่แฝงไปด้วยความคาดหวัง

“กินอิ่มแล้วก็ต้องย่อยสิ แต่คุณคิดว่าฉันควรเดินเล่นในสภาพนี้เหรอ?” เป๋าฮวนชี้ไปยังชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนตัว และพูดว่า : “ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบน”

เฟิงหานชวนกระตุกยิ้มมุมปากทันใด รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า : “ได้สิ ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้”

เขาไม่ได้จะขึ้นไปด้วย เพราะแบบนี้จะทำให้เป๋าฮวนรู้สึกว่าเขาตามตื๊อเกินไป ดังนั้นเขารอเธออยู่ตรงนี้ดีที่สุดแล้ว

“อื้อ” เป๋าฮวนพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางของบันได

เธอเดินพลางก้มหน้าลงมองชุดกระโปรงผ้าไหมของตัวเอง

ชุดที่เธอสวมเมื่อตอนเช้าคือชุดนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่ถอดชุดนอนออก เธอก็โยนไปบนพื้น เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกว่าเปลือยเปล่า แต่เธอกำลังสวมชุดกระโปรงอยู่จริง ๆ

อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่าตัวเหนียว ๆ น่าจะเป็นเพราะเฟิงหานชวนช่วยทาตัวก่อนหน้านั้น

เธอคิดพลางกลับไปยังห้องนอนบนชั้นสาม เธอเห็นเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายสวยงามอยู่ในห้องแต่งตัว แต่หลังจากที่เปิดดูอย่างละเอียด เธอกลับอึ้งงันไปเล็กน้อย

เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นคอลเลกชันใหม่ของทั้งฤดู ขนาดตัวเหมือนกับเมื่อก่อน เพียงแต่สามปีมานี้เธอโชคดีหน่อยที่ขนาดของเสื้อผ้ายังไม่เปลี่ยน

เป๋าฮวนค่อนข้างขี้เกียจ จึงเลือกชุดกระโปรงคอปกสบาย ๆ จากนั้นก็หยิบรองเท้ากีฬา ก่อนจะลงไปชั้นล่าง

เฟิงหานชวนยังคงรอเธออยู่หน้าบันไดชั้นหนึ่งที่เดิม

เฟิงหานชวนมองไปยังเป๋าฮวนที่กำลังเดินลงมา ผมที่ปล่อยสยายของเธอถูกรวบเป็นหางม้า สวมชุดกระโปรงคอปกระบายอากาศได้ดี ดูทะมัดทะแมงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับเด็กสาวมอปลาย

เขามองอย่างอึ้งงัน

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนยืนมองทางตัวเองโดยไม่ไหวติ่งอยู่ตรงนั้น เป๋าฮวนจึงได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหมดคำพูด แต่สุดท้ายก็โพล่งออกไปว่า: “คุณมองอะไร!”

เฟิงหานชวนมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงราบเรียบว่า : “มองคุณไง”

“ฉันทำไม?” เป๋าฮวนหมดคำพูดเข้าไปใหญ่ เธอรู้สึกว่าตัวเองปกติมาก ทำไมต้องมองเธอด้วย

“ไม่ทำไม รู้สึกว่าคุณในตอนนี้ เหมือนเด็กสาวมอปลาย” เฟิงหานชวนพูดบางสิ่งที่อยู่ในใจ

“เอ่อ” ความรู้สึกหมดคำพูดของเป๋าฮวนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง เธอเอียงคอถามกลับไปว่า : “เด็กสาวมอปลาย? คุณรู้ไหมการชมคนอื่นว่าเหมือนเด็กสาวมอปลาย หมายความว่าอย่างไร?”

เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยสีหน้าสงสัย

“หาว่าเธอบ้านนอก หาว่าเธอรสนิยมห่วยแตก หาว่าเธอมีตาหามีแววไม่…..”

เฟิงหานชวน : “……คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนี้นะ คุณสวยมาก……”

เขารีบอธิบายด้วยความร้อนใจทันที

เป๋าฮวนมุ่ยปาก ถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็เดินไปยังทางออกของห้องรับแขก เตรียมจะเปลี่ยนรองเท้า

ในตอนนี้เอง ร่างกายของเธอกลับถูกอุ้มกลางอากาศอย่างฉับพลัน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เฟิงหานชวนอุ้มเธอขึ้นมา และเดินตรงไปยังทิศทางของโซฟา

จากนั้นเธอก็ถูกวางลงบนโซฟา

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร!” เป๋าฮวนรู้ว่าแม่บ้านหลี่กำลังล้างจานอยู่ในครัว เธอจึงกดเสียงให้ต่ำลง และตำหนิผู้ชายตรงหน้า

หลังจากที่ถลึงตาใส่เฟิงหานชวนด้วยความสงสัยแล้ว ก็ดุเขาด้วยความโกรธ เขากำลังจะ “ลงโทษ” เธอในห้องรับแขก

เพราะเขาในเมื่อก่อน เป็นผู้ชายนิสัยแบบนี้! เอะอะก็จะ “ลงโทษ” อย่างเดียว ผู้ชายมักพูดติดปากอยู่บ่อย ๆ !

เธอในตอนนั้น ไม่กล้าขัดขืน ทำได้แค่ปล่อยให้เขารังแก

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว!

เพียงแต่ตอนที่เธอกำลังจะสั่งสอนเฟิงหานชวนต่อนั้น เขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของเธอ ยื่นมือที่เห็นสันนูนของกระดูกออกไปยังขาของเธอ

มือข้างหนึ่งถอดรองเท้าแตะของเธอ ส่วนมืออีกข้างก็ยกข้อเท้าของเธอขึ้น มือที่ถอดรองเท้าแตะของเธอก็ได้หยิบรองเท้ากีฬาขึ้นมา จากนั้นก็สวมใส่รองเท้ากีฬาให้เธออย่างเบามือ

เป๋าฮวนอึ้งงันไป รูม่านตาเบิกกว้างหลายเท่า

เธอไม่ขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ช่วยใส่รองเท้าให้กับเธอ ไม่นานก็ใส่รองเท้าเสร็จ

เธอก้มหน้าลงมองอย่างอึ้งงัน มองไปยังรองเท้าที่ใส่เสร็จแล้วทั้งสองข้าง ด้วยสมองที่แทบจะว่างเปล่า

“รองเท้าก็ใส่เสร็จแล้ว ยังไม่ยืนขึ้นอีก อยากให้ผมอุ้มคุณเหรอ?” ทันใดนั้น ผู้ชายที่กำลังโน้มตัวลงมาก็ได้พูดขึ้นด้วยเสียงที่ทุ่มต่ำแต่แฝงไปด้วยการหยอกล้อเล็กน้อย

เป๋าฮวนได้สติกลับมา จากนั้นก็รีบยืนขึ้นทันที เธอเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า จ้องมองไปทางเขาโดยไม่กะพริบตา

เธอเห็นมุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าเรื่องเมื่อสักครู่น่าตลกอย่างไรอย่างนั้น

แต่เธอไม่ได้รู้สึกดี เขาเป็นบุตรสวรรค์ผู้หยิ่งผยอง ไม่ใช่คนใช้ที่จะต้องช่วยใส่รองเท้าให้เธอ

เป๋าฮวนรู้สึกว่าความกดดันในใจเพิ่มขึ้น เฟิงหานชวนดีกับเธอมาก ดีจนเธอต้านทานหัวใจตัวเองไม่ไหวแล้ว

“เฟิงหานชวน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ คุณไม่ควรทำแบบนี้” น้ำเสียงของเธอร้อนใจมาก และโกรธยิ่งกว่าเดิมด้วย

มุมปากยกยิ้มของเฟิงหานชวนหายไป เขามองไปยังผู้หญิงตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ : “ฮวนฮวน คุณไม่ชอบแบบนี้ใช่ไหม?”

เขาดีกับเธอมาก เธอต้องชอบมากอย่างแน่นอน เมื่อเธอก็ชอบ ถ้าเปลี่ยนเป็นฮวนฮวนในอดีต ต้องเขินและซาบซึ้งในตัวเขาไปแล้ว

แต่ตอนนี้ เธอกลับโกรธ

“ฉันมีมือ ฉันใส่เองได้ อีกอย่างคุณก็ไม่ใช่คนใช้ของฉันด้วย” เมื่อเป๋าฮวนพูดจบประโยคนี้ ก็หมุนตัวและตรงไปยังทางออกของห้องรับแขกทันที

เฟิงหานชวนถูกสั่งสอนจนหยุดชะงักอยู่ที่เดิมไปชั่วขณะ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้เรี่ยวแรง

เป๋าฮวนเดินไปยังประตูใหญ่ แต่เมื่อหันกลับมา ก็พบกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ตามมา จึงคิดว่าเขาต้องโกรธอย่างแน่นอน

เขาดีกับเธอมากขนาดนั้น แต่เธอไม่ได้ซาบซึ้งใจเลยสักนิด แถมยังสั่งสอนเขาไปอีกหนึ่งฉาก ถ้าเป็นคนทั่วไปย่อมโกรธเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!

แต่โกรธก็ดี โกรธแล้วจะได้ไม่ต้องดีกับเธอแบบนี้อีก เป๋าฮวนคิดอยู่เงียบ ๆ

เพราะเฟิงหานชวนดีกับเธอมาก เธอจึงรู้สึกกดดันมาก และหนักใจอยู่ในใจหลายเท่า

เมื่อ 3 ปีก่อน เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนวางยาในคืนนั้น แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นของเขา เธอคงได้ไปหาคุณยายเป็นครั้งสุดท้าย…….

อีกทั้งเขาก็ปกปิดเรื่องในคืนนั้นกับเธอมาตลอด เห็น ๆ อยู่ว่าเขารู้ คนในตระกูลเฟิงก็รู้ แต่เธอเหมือนคนโง่

เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาร่วมมือกับหลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงมี ต่อมาก็เธอก็แกล้งฆ่าตัวตาย หนีไปจากเขา ดังนั้นเธอจึงได้พูดว่าเขาหลอกเธอ เธอเองก็หลอกเขา ทั้งสองคนจึงสูญเสียกันทั้งคู่

เป๋าฮวนคิดเรื่องเหล่านี้พลางหันกลับไปด้านหน้า และเดินตรงต่อไป

“ฮวนฮวน”

ในตอนนี้เอง เสียงที่มีแรงดึงดูดของผู้ชายก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

เธอเคยเห็นอาการป่วยของเฟิงหานชวนกำเริบ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง……

หรือเขาอาจพยายามที่จะควบคุมอย่างดีที่สุดต่อหน้าเธอ หรือเขาอาจอาการจะหนักกว่านี้เมื่ออยู่ที่บ้าน?

เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น มือของเธอหยุดและปากก็หยุดเช่นกัน แม้ว่าจะมีอาหารอยู่ในปากก็ตาม

เมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติและก็หมองคล้ำของเธอ แม่บ้านหลี่ตระหนักว่าเธอพูดมากเกินไปและรีบพูดว่า: “ฮวนฮวน ที่ฉันเพิ่งพูดไปเป็นแค่เรื่องตลกนะ ตอนนี้คุณกับคุณชายสามมีความสัมพันธ์ดีขนาดนี้ เรื่องในอดีตก็ไม่ต้องไปคิดถึง ฉันพูดมากเอง ฉันจะไม่พูดถึงอีก ตอนนี้ฉันจะไปเตรียมของหวานในครัว”

พูดจบ แม่บ้านหลี่ก็หันหลังและรีบออกจากห้องครัวไป

ในห้องอาหารเงียบเชียบมาก

เป๋าฮวนนั่งบนเก้าอี้และจ้องไปที่จานอาหารมากมายที่อยู่ข้างหน้า แต่เขาไม่มีความอยากอาหารเลย

“ทำไมไม่ทานหล่ะ?”

ข้างหู เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้น: “ที่แม่บ้านหลี่พูดทำให้คุณโกรธหรือ?”

“ฉันไม่ได้โกรธ” เป๋าฮวนปฏิเสธทันที

ที่แม่บ้านหลี่พูด เธอจะโกรธได้อย่างไรหล่ะ!

เธอแค่รู้สึกไม่สบายใจ เธอมีความรู้สึกที่อัดอั้นไว้อย่างหนึ่ง

“งั้นก็ทานต่อไป ทานมากๆหน่อย ไม่งั้นผมจะรู้สึกผิด” เฟิงหานชวนนั่งลงข้างเธอ ใช้ตะเกียบคีบกระหล่ำปลีหัวเล็กแล้วใส่ลงในชามของเธอและกระซิบว่า “ทานมังสวิรัติก่อน”

เป๋าฮวนหลับตาลงและมองไปที่ใบกะหล่ำปลีหัวเล็กที่ละเอียดอ่อนในชาม เธอเม้มปากแต่ก็เปิดทาน: “แม่บ้านหลี่คิดว่าเราคืนดีกันแล้ว แต่เปล่าเลย”

เดิมทีเฟิงหานชวนยังคงคีบผัก แต่หยุดค้างในอากาศ

“เฟิงหานชวน เรื่องราวก่อนหน้านี้ พวกเราถือว่าหายกันนะ”

“คุณโกหกฉัน และฉันก็โกหกคุณ เราเท่าเทียมกัน”

“ดังนั้นจริงๆนะ คุณอย่าได้ฝืนตัวเองอีกต่อไปเลย ฉันมีชีวิตอยู่ดี มีชีวิตอยู่ดียิ่งกว่าเดิม”

เสียงของเป๋าฮวนอ่อนมาก อ่อนมากๆ โดยเฉพาะขณะที่เธอพูดคำเหล่านี้จมูกของเธอรู้สึกเหม็นเปรี้ยว

เฟิงหานชวนดึงมือกลับและวางตะเกียบลง ใบหน้าของเขาก็ซีดมาก ไม่ได้แสดงออกอะไรเลย มีเพียงร่องรอยของความเหงาแฝงอยู่

เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฮวนฮวนก็ไม่มีทางไม่ได้เจอคุณยายของเธอเป็นครั้งสุดท้าย……นี่เป็นหนามทิ่มอกของฮวนฮวนตลอดมา

แม้ว่าตอนนี้เขาจะติดเป็นเงาตามตัวเธอ และเธอฝืนเป็นเพื่อนกับเขา แต่เธอไม่เคยตอบตกลงที่จะคืนดีกับเขา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนด้านนั้นกับเธอ เขาก็เต็มใจ

“ฮวนฮวน ผมจะปล่อยวางได้ แม้ว่าคุณจะไม่คืนดีกับผม แม้ว่าเราจะเป็นแค่เพื่อนกันด้านนั้น เพียงแค่ยังได้เจอคุณ” เฟิงหานชวนเอนหลังพิงเก้าอี้ มองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเจือจางและเสียงก็เบามากเช่นกัน

เสียงของคนสองคนนั้นเบามาก และทั้งคู่ก็เผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกจางๆ

เบามาก เจือจางมาก

เพียงแค่ได้เจอคุณ……

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินประโยคนี้ รู้สึกปวดใจ

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นบุตรสวรรค์ที่หยิ่งผยอง ทำไมเขาถึงถ่อมตัวได้ขนาดนี้!

“พวกเราไม่สามารถเป็นเพื่อนแบบนั้นกันได้ตลอดไป ยังไงคุณก็ต้องแต่งงาน ต้องมีภรรยา และต้องมีลูกด้วย?” เป๋าฮวนหันศีรษะมองไปที่ด้านข้างใบหน้าที่ไร้ที่ติของชายหนุ่ม น้ำเสียงเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา

ถ้าเธอไม่ยอมรับเฟิงหานชวนสักที เป็นไปได้หรือที่เขาจะแก่ชราอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย?

“ถ้าคุณไม่แต่งงานกับผม ผมก็จะไม่แต่งงาน ถ้าคุณไม่ใช่ภรรยาของผม งั้นผมเฟิงหานชวนก็ไม่มีภรรยา ถ้าคุณไม่ให้กำเนิดลูกของผม งั้นผมก็จะไม่มีลูก……”

เฟิงหานยชวนรู้ว่าเขาพูดแบบนี้กับเป๋าฮวน ไร้ยางอายเพียงใด แต่นี่เป็นความคิดที่แท้จริงในใจเขา และเขาไม่ได้โกหกหรือปกปิดเลยสักนิด

ในใจของเขา ก็เป็นตามนี้

เป๋าฮวนงงงวยชั่วขณะ แม้แต่มือเล็กขาวก็เริ่มสั่น หัวใจดูเหมือนจะหยุดเต้น และคนทั้งคนก็ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

คำพูดเหล่านี้น่าตกใจมากจนเธอไร้สติครู่หนึ่ง

ขณะที่แม่บ้านหลี่ยกของหวานออกมา ก็เห็นคนทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ไม่มีใครพูดเลย ไม่มีใครทานอาหารเลย และนั่งนิ่งไม่ขยับเลย ราวกับว่าพวกเขาเป็นรูปปั้นเสมือนจริงสองชิ้น

“พวกคุณเป็นอะไรไป?” แม่บ้านหลี่รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ปกติ เธอก้าวไปข้างหน้าแล้ววางขนมบนโต๊ะ ยิ้มเละปรับบรรยากาศ พูดกับเป๋าฮวนก่อนว่า: “ฮวนฮวน ฉันทำโยเกิร์ตมะม่วงสาคู หลังจากทานข้าวเสร็จเธอก็ทานนี่นะ ช่วยย่อยอาหารได้”

“ค่ะ แม่บ้านหลี่” เป๋าฮวนกลับมารู้สึกตัวแล้วพยักหน้าเบาๆ

เฟิงหานชวนไม่พูดอะไรสักคำ แม่บ้านหลี่เป็นห่วงมากเลยถามขึ้นเองว่า:”คุณชายสาม คุณก็ไม่ได้ทานอะไรทั้งวัน ตอนบ่ายก็ยุ่งกับการทำอาหาร บอกว่าจะทำอาหารให้ฮวนฮวนด้วยตัวเอง คุณควรรีบทานสองสามคำ อย่าทำให้ร่างกายต้องอด ”

แม่บ้านหลี่ถือได้ว่าเป็นคนที่เห็นเฟิงหานชวนเติบโต ตอนเฟิงหานชวนเพิ่งมาที่บ้านตระกูลเฟิง เขาอายุเพียง 10ขวบ ยังเป็นเด็กอยู่เลย

ในเวลานั้นแม่บ้านหลี่เรียกเขาว่า “นายน้อยสาม” หลังจากมีนายน้อยเฟิงเฉินเหยี่ยน เฟิงหานชวนก็อาวุโสขึ้นและก็กลายเป็น “คุณชายสาม”

“อืม ขอบคุณแม่บ้านหลี่” เฟิงหานชวนเคารพแม่บ้านหลี่เสมอมา เขาพยักหน้าและหยิบตะเกียบขึ้นใหม่

เฟิงหานชวนกับเป๋าฮวนสองคน เริ่มทานอาหารอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

เดิมทีเป๋าฮวนมีความอยากอาหารมาก แต่ตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีความอยากอาหารอีกจริงๆ ทำได้เพียงแค่บังคับตัวเองทานให้มากขึ้นหรืออย่างน้อยก็ทานให้อิ่มเพื่อชดเชยที่ท้องว่างมาทั้งวัน

อาหารมื้อหนึ่ง ใช้เวลาทานเกือบครึ่งชั่วโมง

เธอเม้มปาก มองดูจานกับข้าวหลายอย่างแล้วถามว่า “กับข้าวอันไหนบ้างที่คุณเป็นคนทำ?”

“ผัดไก่ ไข่คนมะเขือเทศ กะหล่ำปลีอ่อนกระเทียม” เฟิงหานชวนเปิดปากบางของเขาแล้วตอบเบาๆ : “หมูตุ๋นและมะเขือเทศราดปลาแม่บ้านหลี่เป็นคนทำ คุณชอบรสชาติของเธอ ผมเลยไม่ได้ทำ…..”

“คราวหน้าฉันอยากลองชิมดู” เป๋าฮวนโพล่งออกมา ตัวเธอเองชะงักอยู่ครู่หนึ่ง

เฟิงหานชวนก็เช่นเดียวกัน เขาตกใจ น้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่อยากเชื่อแล้วถามยืนยันว่า: “ฮวนฮวน คุณหมายถึงคราวหน้าคุณอยากทานหมูตุ๋นและมะเขือเทศที่ผมทำ?”

“อืม” เป๋าฮวนไม่ปฏิเสธ เมื่อครู่เธอหมายถึงแบบนี้จริงๆ

“’งั้นพรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนปนกับความตื่นเต้นและดีใจซึ่งถูกระงับไว้

“ไม่เอา”คราวนี้เป๋าฮวนปฏิเสธ

ทันใดนั้น สีหน้าที่ผ่อนคลายในตอนแรกของชายหนุ่มก็หายไปกลายเป็นผิดหวัง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ฮวนฮวน คุณจะไปจริงๆ หรือ? ผมสัญญาว่าฉันจะไม่ปฏิบัติต่อคุณ……พักที่โรงแรมคงไม่สะดวกสบายเหมือนที่นี่อย่างแน่นอน……ที่นี่มีแม่บ้านหลี่อยู่ ที่นี่มีต้นไม้เขียวขจี อากาศก็ดี กว้างขวางและเป็นธรรมชาติมากกว่าที่โรงแรม ดังนั้น……”

พูดถึงตอนท้าย ดูเหมือนเขามีท่าทีที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี

“ฉันไม่ไป” เป๋าฮวนเม้มปากแล้วพูดว่า “ฉันแค่ไม่อยากทานหมูตุ๋นกับมะเขือแล้วในวันพรุ่งนี้ ฉันอยากทานกับข้าวอย่างอื่นบ้าง”

ในเวลานี้ เฟิงหานชวนตกตะลึงอีกครั้ง

จากนั้นเขายิ้มที่มุมปากทันที และเขาก็หัวเราะในลำคอ “ฮวนฮวน คุณอยากทานอะไร ผมจะทำให้คุณทานเอง”

“ฮวนฮวน อยู่นี่เถอะ ให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมสัญญาว่าผมจะเชื่อฟังคุณ…”

เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น น้ำเสียงของเขาเกือบจะอ่อนโยนจนสุดขั้ว

เมื่อเห็นอาการจริงใจยอมรับความผิดของเขา เป๋าฮวนก็รู้สึกใจอ่อน!

อย่างไรก็ตาม สองสามวันนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่โรงแรมหรือที่นี่ก็ไม่ต่างกัน แล้วอยู่ที่นี่ยังได้ทานกับข้าวฝีมือแม่บ้านหลี่และสะดวกกว่า

ดังนั้น หัวเล็กๆ ของเธอจึงพยักหน้าและตอบตกลง: “ก็ได้ ฉันจะอยู่”

“แต่เฟิงหานชวนถ้าคุณกล้าเล่นตลกกับฉัชาตินี้ฉันจะไม่สนใจคุณอีก! ฉันไม่สนว่าอาการป่วยคุณจะกำเริบหรือเปล่า ฉันไม่สนใจว่าคุณจะแข็งแรงหรือไม่ ฉันไม่สนว่าสามคูณเจ็ดได้ยี่สิบแปด ห้าคูณเจ็ดจะได้สามสิบห้า ฉันจะไม่มองคุณเลยสักนิด……”

เป๋าฮวนตะโกนไม่รู้จบ ที่สำคัญความโกรธเคืองเล็กๆ ในใจเธอยังไม่หายไป เธอไม่กล้าเคลื่อนไหวไปเรื่อยจริงๆ ทุกการเคลื่อนไหวจะทำให้เจ็บปวดทุกรูปแบบ

“อืม ผมเข้าใจ ผมจะไม่ทำอะไร” เฟิงหานชวนรับปากอยู่แล้ว

เขาไม่ทำอะไรไปเรื่อยในช่วงสองสามวันนี้แน่นอน เว้นแต่ จะหาโอกาสได้อีกครั้ง…

“ฉันหิวแล้ว” เป๋าฮวนรู้สึกว่าท้องของเขาแห้งมากจนคนทั้งคนแทบจะพังทลาย

“ผมจะพาคุณลงไปทานข้าว” เฟิงหานชวนปล่อยเธอและลูบแก้มของเธอ

เป๋าฮวนพยักหน้า ใช้ขาทั้งสองข้างของเธอ จากนั้นจึงเหยียบเท้าทั้งสองข้างที่พื้น กะจะลุกขึ้นแล้วขาทั้งสองก็อ่อนแรง และล้มลงบนที่นอนอ่อนนุ่มโดยตรง

เมื่อเห็นเข้า เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่ได้รับความยินยอมจากเป๋าฮวน เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาและเดินไปที่ประตูห้อง

“เฟิงหานชวน เฟิงหานชวน คุณปล่อยฉันลงมา ฉันเดินไปเองได้” เป๋าฮวนคิดถึงว่าแม่บ้านหลี่อยู่ชั้นล่าง เธอไม่ต้องการให้แม่บ้านหลี่เห็นเธอลงไปกินข้าวที่ชั้นล่างยังต้องให้เฟิงหานชวนอุ้มเธอไป

เดิมทีก็น่าอายอยู่แล้ว ถ้าลงไปข้างล่างแบบนี้ยิ่งน่าอายขึ้นไปอีก

เธอยังมีหน้าอีกหรือเปล่า?

“คุณแน่ใจหรือว่าเดินได้” เฟิงหานชวนไม่กล้าบังคับอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง หยุดที่บนสุดของบันไดชั้นสาม

“ฉันเดินได้ ฉันไม่ได้พิการ ทำไมฉันจะเดินเองไม่ได้?” เป๋าฮวนจ้องมองเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หุนหันพลันแล่น

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูไม่ดี และความกังวลก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่เขาไม่กล้าเถียงเป๋าฮวน เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอรำคาญ ดังนั้นจึงเชื่อฟังเธอและวางเธอลง

เท้าของโบฮวนแตะพื้นอีกครั้ง ฝ่าเท้าของเธอเย็น พบว่าตัวเองไม่ได้สวมรองเท้าเลยสูดอากาศเย็นเข้าไป

“หนาวมาก……”

หลังจากที่เฟิงหานชวนช่วยเธอสวมรองเท้า เธอกัดฟันและจับราวบันได และเดินไปที่ด้านล่างบันไดด้วยความยากลำบาก

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว……จู่ๆเป๋าฮวนก็นึกถึงเทพนิยายเรื่อง《ธิดาแห่งท้องทะเล》ของแอนเดอร์สัน

เงือกน้อยได้ทำข้อตกลงกับแม่มดเพื่อที่จะได้พบกับเจ้าชาย หางปลากลายเป็นสองขา และในที่สุดก็เดินขึ้นฝั่งและพบกับเจ้าชาย

ทว่า แม้ว่าเธอจะเดินได้ แต่ทุกย่างก้าวของเธอก็เหมือนเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ฝ่าเท้าและเธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือคณา

เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ สามารถสัมผัสความเจ็บปวดแบบนั้นของนางเงือกน้อยได้ แต่เป็นการสัมผัสได้ทางร่างกายเท่านั้น

สุดท้ายแล้ว เธอกลายเป็นแบบนี้ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะเธอต้องการพบเจ้าชาย

การลงบันไดยากลำบากมากสำหรับเป๋าฮวน เหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าผาก และหลังของเธองอในขณะนี้ ราวกับหญิงชราที่ง่อนแง่น

“ถ้าฉันแก่แล้วก็จะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้ฉันเดินเหมือนหญิงชราคนหนึ่ง……” เป๋าฮวนพึมพำกับตัวเอง

เฟิงหานชวนเดินตามหลังเธอไปแบบนี้ เมื่อได้ยินที่เธอพูด เขาก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา: “แม้ว่าจะกลายเป็นหญิงชรา ผมก็รักคุณ ถ้าผมยังมีกำลัง ผมสามารถอุ้มคุณ แบกคุณ แค่คุณยินยอม”

เป๋าฮวนหยุดก้าวทันที ร่างทั้งร่างชะงักงัน : “???”

นี่มันอะไรกันเกิดความรักขึ้นกะทันหัน?

เธอแค่บ่นว่าตอนนี้เธอเหมือนหญิงชรา แต่เฟิงหานชวนคิดไปถึงวันเวลาที่อยู่กันจนแก่ฒ่าร่วมกับเธอ?

เมื่อครู่เขายังบอกว่า รอเธอกลายเป็นหญิงชรา เขาสามารถอุ้มเธอ สามารถแบกเธอ……

ในเวลานี้ ขาของเป๋าฮวนไม่ได้แค่ปวดเมื่อย แต่ราวกับว่าถูกกรอกเต็มไปด้วยตะกั่ว รู้สึกหนักอึ้งและไม่สามารถที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อได้

ในใจเธอก็หนักอึ้งเช่นกัน……

“ฮวนฮวน เดินไม่ไหวแล้วเหรอ?” เฟิงหานชวนที่อยู่ข้างหลังเธอเห็นว่าเธอไม่เดินต่อสักทีเขาจึงถามอย่างเร็ว น้ำเสียงเขาปนไปด้วยความห่วงกังวล

เขาอยากจะกอดเธอ เขาไม่สามารถมองเธอทุกข์ทรมานได้ โดยเฉพาะความเจ็บปวดนี้ที่เขาเป็นคนมอบให้

วันนี้เขาไม่ควรเห็นแก่ตัว ไม่ควรเพียงเพื่อให้เธอท้องกับเขา แล้วไม่สนใจความรู้สึกเธอและเรียกร้องจากเธอ

เขาเป็นคนทำผิด

เฟิงหานชวนหลับตาสีดำเข้มคู่นั้นลง “ฮวนฮวน ผมขอโทษ”

“ทำไมจู่ๆคุณถึงขอโทษฉันหล่ะ?” เป๋าฮวนหันมองเฟิงหานชวนด้วยใบหน้าที่สับสน

“ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณก็คงไม่……”

“หยุด!” เป๋าฮวนหยุดคำขอโทษของเขาทันที

ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนบันไดที่ชั้น2 ถ้าตอนนี้เฟิงหานชวนพูดคำพูดที่ไม่สะดวกบนบันได แล้วแม่บ้านหลี่เกิดมาได้ยินเข้า มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เมื่อเห็นน้ำเสียงดุของเป๋าฮวนและจ้องเขาครั้งหนึ่ง เฟิงหานชวนรู้สึกเศร้าใจ “ฮวนฮวน คุณยังโกรธอยู่ใช่ไหม?”

“เปล่า ฉันไม่ได้โกรธ” เป๋าฮวนรีบปฏิเสธ เหตุผลที่ปฏิเสธก็เป็นเพราะไม่อยากให้เฟิงหานชวนพูดถึงเรื่องนี้อีก

“คุณไม่ได้โกรธ?” นัยน์ตาสีดำอ่อนของเฟิงหานชวนดูเหมือนจะถูกจุดด้วยไฟแห่งความหวัง

“คุณมานี่! ช่วยพยุงฉันลงไปหน่อย!” เป๋าฮวนสั่นแล้วยื่นมือขึ้น ราวเหมือนกับท่าทางของไทเฮาในละครสมัยโบราณ

เฟิงหานชวนยิ้มอย่างฉับพลัน หัวเราะเบาๆ และรีบเข้าไปจับมือเธอทันที

เป๋าฮวนรู้สึกว่าชายหนุ่มจับมือเธอแน่น แบบที่จิกนิ้วแน่น เดิมทีเธอแค่อยากจะวางไว้บนหลังมือของเขา

ช่างมันเถอะ จับมือก็จับมือเถอะ มืออีกข้างของเธอยังคงจับราวบันไดไว้ แล้วเดินลงช้าๆ

เดิมทีใช้เวลาในการเดินเพียงสิบกว่าวินาทีอย่างมากก็หนึ่งนาที เป๋าฮวนใช้เวลาสิบนาทีเต็มๆ แต่เฟิงหานชวนอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา ไม่มีร่องรอยของความรำคาญใจแม้แต่น้อย

เมื่อเดินไปถึงที่โต๊ะอาหาร เฟิงหานชวนรีบดึงที่นั่งให้เธอ มีจานอาหารหลายจานวางอยู่บนโต๊ะแล้ว ทั้งหมดมีฝาปิดซึ่งเธอไม่สามารถมองไม่เห็นได้โดยตรง

เฟิงหานชวนตะโกนไปทางห้องครัว “แม่บ้านหลี่ เริ่มทานอาหารกันเถอะ”

ขณะที่พูด นิ้วมือของเขายื่นออกไปเปิดฝาเพื่อแสดงอาหารแต่ละอย่างในจาน

เป๋าฮวนมองไปที่จานอาหารร้อนๆด้านหน้า น้ำลายก็หลั่งออกมาอย่างไม่รู้จบทันที

ไม่สนใจบุคลิกภาพใดๆ เธอใช้ตะเกียบคีบหมูตุ๋นขึ้นมาหนึ่งชิ้น และเคี้ยวอย่างไม่คิดชีวิต……

“ช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งกับคุณ” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ เขากลัวว่าเธอจะสำลักจริงๆ

“ทั้งหมดนี้เกิดจากคุณ เฟิงหานชวน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉันจะหิวมากขนาดนี้ไหม!” เป๋าฮวนเคี้ยวหมูตุ๋นในขณะที่ว่ากล่าวชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ

ในขณะนั้น แม่บ้านหลี่เดินยิ้มออกไปพร้อมกับชามซุป “ฮวนฮวน ทานเยอะๆหน่อย นี่คือซุปแม่ไก่แก่ที่ฉันตุ๋นไว้ตลอดช่วงบ่าย จะได้บำรุงร่างกาย”

บำรุงร่างกาย……

เมื่อได้ยินสี่คำนี้ เป๋าฮวนก็กลายเป็นหินทันที และปากก็หยุดเคี้ยว

“ฮวนฮวน ฉันดีใจมากที่ได้เห็นคุณกับคุณชายสามคืนดีกัน สามปีที่ผ่านมานี้ ฉันคิดว่าคุณไม่อยู่แล้ว เห็นคุณชายสามใช้ชีวิตแบบคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ฉันเศร้าใจมากจริงๆ ……” แม่บ้านหลี่วางซุปบนโต๊ะแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

เดิมทีเฉินฮวนฮวนต้องการปฏิเสธว่าเธอไม่ได้คืนดีกับเฟิงหานชวน แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่แม่บ้านหลี่พูดตามมา เธอก็ไร้คำพูดทันที

ตอนนี้เป๋าฮวนเต็มใจเอง ไม่ใช่เพราะอยากได้ยีนของเฟิงหานชวน หรือเพื่อสิ่งอื่นใด แต่หวังจะช่วยเฟิงหานชวน

มีแสงวาบที่ไม่น่าเชื่อในดวงตาของเฟิงหานชวน เขาไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะเป็นเช่นนี้…ปกติเธอจะปฏิเสธเขา

“ฮวนฮวน คุณ…” เขาต้องการยืนยันอีกครั้ง เขาไม่กล้าแสดงท่าทีเลินเล่อ

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาเห็นใบหน้าที่เล็กกระทัดรัดของเป๋าฮวน น่ารัก แถมเย้ายวน

เหมือนผลแอปเปิลที่สุกบนต้นไม้ รอคนมาเก็บ

“คุณอะไรคุณอยู่ได้ เร็วเข้า! เดี๋ยวจะไม่สบาย…” เป๋าฮวนเอื้อมมือดึงเสื้อของเฟิงหานชวน

ร่างกายของเฟิงหานชวนแข็งทื่อ มีเปลวเพลิงมากมายออกมาจากดวงตาของเขา เขาคว้าเอวเป๋าฮวน เข้าใกล้ราวกับจะสิงร่างของเธอ

เป๋าฮวนรู้สึกเสียใจ

เมื่อเธอตื่นขึ้นอีกครั้ง พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกแล้ว

เธอหยิบโทรศัพท์ข้างเตียง เหลือบมองดูเวลา เป็นเวลา5โมงเย็น เธอทรุดตัวลงทันที

เดิมทีตั้งใจว่าแค่จะช่วยเฟิงหานชวน ใครจะรู้ผู้ชายคนนี้… เป๋าฮวนรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว

ทีนี้ เธอต้องอายมากแน่ๆ!

เพราะแม่บ้านหลี่อยู่ในคฤหาสน์ เธอถูกอุ้มขึ้นมาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ยังไม่ลงไป แม่บ้านหลี่ก็คงรู้แล้วว่าพวกเขาขึ้นไปทำอะไรกัน

ตอนนี้เธอไม่ใช่ภรรยาของเฟิงหานชวน แม่บ้านหลี่จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายไหมนะ?

เป๋าฮวนอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา ปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย รู้สึกเริ่มหิว หิวมาก เพราะทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน

ทันใดนั้น มีการเคลื่อนไหวที่ประตูห้องนอน

จิตใจของเป๋าฮวนกระชับขึ้นทันที ดวงตาของเธอมองไปยังประตูโดยไม่กระพริบตา เสียงดัง “คลิก” ประตูก็เปิดออก

ขณะที่ผู้ชายเดินเข้ามา วัตถุสีขาวก็บินไปตรงหน้าเขา กระแทกศีรษะของเขา เขาเซไปมา แล้วล้มลงกับพื้น

เขามองลงไป มันคือหมอน

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เห็นผู้หญิงนั่งอยู่บนเตียงด้วยดวงตาที่เปียกชื้นสองข้างจ้องมอง กัดฟันจ้องอย่างดุเดือน

“ขอโทษ” เขาปิดประตู เดินเข้ามาหาเธอ ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วขอโทษเธอ

ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง เธอโกรธ โกรธมาก

แม้ว่าเธอจะเป็นคนยินยอมเอง แต่ความใจร้อนของเฟิงหานชวน ทำให้สภาพเป็นเหมือนตอนนี้

อยู่ในห้องทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม่บ้านหลี่จะคิดยังไง?

เฟิงหานชวนนั่งลงข้างเป๋าฮวน เขาเอื้อมมือไปจับเป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนสะบัดออก

“อย่าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะไปอาบน้ำแล้วกลับโรงแรม” เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา

แค่ไม่อยู่ใกล้เขา อารมณ์ของเธอก็จะดีขึ้น เพราะไม่ถูกเฟิงหานชวนก่อกวน และเหตุการณ์อย่างเมื่อเช้าก็จะไม่เกิดขึ้น

“ฮวนฮวน ผมทำข้าวต้มทะเลไว้ให้คุณ ของโปรดของคุณ แม่บ้านหลี่ยังทำหมูตุ๋นและมะเขือยาวรสปลาอีกด้วย ของโปรดของคุณทั้งนั้นเลย” เฟิงหานชวนนั่งข้างเตียงของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ดวงตาที่มักจะเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่ในตอนนี้กลับดูอ่อนโยน

ราวกับเป็นคนละคน

เป๋าฮวนเงียบไปครู่หนึ่ง

ข้าวต้มทะเล หมูตุ๋น มะเขือยาวรสปลา… เธอหิวมาก น้ำลายแทบไหลออกจากปาก

“ฮวนฮวน แม่บ้านหลี่ทำขนมพิเศษไว้ด้วย สาคูโยเกิร์ตมะม่วง บอกว่ากลัวคุณจะเลี่ยน จึงทำให้คุณกินหลังอาหาร” เฟิงหานชวนพูดอย่างยั่วยวน

ปกติเป๋าฮวนเป็นคนที่ไม่เจริญอาหาร แต่ตอนนี้เธอหิวจนกินม้าทั้งตัวได้ อยากจะกินข้าวสัก10ถ้วย

“ฉันกิน!” เป๋าฮวนพูดโดยไม่ลังเล

สีหน้าของเฟิงหานชวนผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ในวินาทีต่อมา ใบหน้าของเขาก็นิ่งอีกครั้ง

“กินเสร็จแล้วฉันค่อยกลับโรงแรม” เป๋าฮวนกล่าวเสริม

คำพูดเหล่านี้ทำให้ความสุขในตอนแรกของเฟิงหานชวนหายไปทันที เขารู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย ดวงตาที่หงอยของเขาก็ลึกขึ้นเรื่อยๆ

ทันทีที่เป๋าฮวนหันศีรษะ เธอก็เห็นท่าทางบูดบึ้งของเฟิงหานชวน ใจเธอเต้น “ตุบๆ” ท่าทางแบบนี้ ราวกับว่าโรคกำลังจะกำเริบ?

อันที่จริง เธอรู้สึกว่านอนที่นี่สบายมาก อย่างน้อยก็สบายกว่านอนในโรงแรม

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ไม่รู้ว่าเพราะเตียงทำให้เธอรู้สึกสบายตัว หรือผู้ชายที่โอบกอด ทำให้เธอรู้สึกสบาย?

เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน

ในความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เฟิงหานชวนทำเกินไป เธอก็ไม่อยากไป

“ฮวนฮวน ผมไม่อนุญาตให้คุณไป” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้น

ฟังดูเหมือนคำสั่ง แต่จริงๆแล้วเป็นคำขอ

“เท้าก็เท้าของฉัน คุณจะทำอะไรได้?” เป๋าฮวนแซะเขากลับ

“ฮวนฮวน ผมรู้ว่าคุณกำลังโกรธผม แต่คุณยั่วผมก่อน” เสียงของเฟิงหานชวนมั่นใจ ราวกับว่าเขารู้ว่าเขาทำอะไรลงไป แต่คิดว่าเขาไม่ผิด

ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง: “???”

“ฉันยั่วคุณ?” เธอชี้ไปที่จมูกของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน

อะไรคือเธอยั่วเขา?

เธอต้องการช่วยเขา กลัวว่าการอั้นไว้จะส่งผลต่อสุขภาพของเขา เขาเย่อหยิ่งมาก ใส่ร้ายว่าเธอยั่วได้ยังไง?

เป๋าฮวนโมโหจนจะระเบิดแล้ว!

เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กข้างหน้าเขา เขาลุกขึ้น และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา

เฟิงหานชวนยืนอยู่ เป๋าฮวนกำลังนั่ง ดังนั้นตอนที่เขาดึงเธอ ใบหน้าของเธอก็แนบอยู่บนกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา

“ปล่อยฉันนะ” เป๋าฮวนกัดฟันด้วยความโกรธ ใช้ศีรษะทุบหน้าท้องของเขา

“ฮวนฮวน ผมสัญญาว่าคืนนี้ผมจะไม่แตะต้องคุณ สองสามวันนี้จะไม่แตะต้องคุณเลย เว้นแต่คุณจะริเริ่มเต็มใจเอง กี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ โอเคไหม?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง มองไปที่ศีรษะของหญิงสาว เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน

เป๋าฮวนตะลึงอีกครั้ง: “…”

กำลังพูดเรื่องอะไร?

ระคายหู!

หูชา!

ดวงตาของเฟิงหานชวนบึ้งมาก สายตามืดมน ดวงตาของเขายกขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง

เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่วันแบบนี้เป็นโอกาสที่หายาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…ทั้งสองได้ป้องกันตลอด

สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความบ้าคลั่งของทั้งสองในวันนี้ อาจจะทำให้มีทายาทได้

ถ้าถึงเวลาเป๋าฮวนอ้อนวอนเขา เขาจะไม่ปล่อยเธอ

สองคืนก่อนพวกเขาก็ป้องกัน ถ้าครั้งนี้สำเร็จ เป๋าฮวน…อาจจะท้องลูกของเขาได้

เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจดี ถ้าเธอมีลูก เธอไม่ไปจากเขาแน่ เขาก็จะได้แต่งงานกับเธออีกครั้ง

เพราะยังไง ก็ต้องให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับลูก!

ในกรณีแบบนี้ถึงเป๋าฮวนจะไม่อยากยอมรับก็คงจะไม่ได้

แก้มของเธอแดงราวกับถูกต้มให้เดือด เธอวางคางบนไหล่ของร่างสูงแล้วกระซิบว่า: “ใช่”

ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอและเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของเธอเอง!

ถ้าเธอไม่พูดล้อเล่นก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

เฟิงหานชวนแอบยิ้มอย่างลับๆ และแสงแห่งความสุขก็ส่องประกายผ่านดวงตาของเขา เขาอุ้มเป๋าฮวนและเดินออกจากห้องครัวมา

เขาเดินไปเพียงไม่ถึงสองก้าว เป๋าฮวนก็รีบคว้าแขนของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า: “เดี๋ยวก่อน คุณวางฉันลงก่อน อย่าอุ้มฉันเลย”

“แน่ใจเหรอว่าอยากให้ปล่อย?”เฟิงหานชวนลดเสียงลงและถามกลับ

เป๋าฮวนอึ้งไปและรับรู้ได้ถึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบันทันที ดูเหมือนว่าเธอต้องให้เฟิงหานชวนอุ้ม เพื่อช่วยเฟิงหานชวนปกปิดความอับอายของเขาในตอนนี้

มิฉะนั้นหากเฟิงหานชวนพบแม่บ้านหลี่ระหว่างทางขึ้นไปชั้นบน มันจะต้องทำให้เฟิงหานชวนอับอายแน่ๆ

“งั้นก็ได้ อุ้มฉันขึ้นไปข้างบนเถอะ”เป๋าฮวนทำได้เพียงแค่เห็นด้วยและไม่กล้าขัดขืน สองมือของเธอจับรอบคอของเฟิงหานชวนแน่นและไม่ขยับเขยื้อนเลย

เส้นเลือดสีเขียวปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาในตอนนี้ ความรู้สึกของความอดทนในตอนนี้ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาอุ้มเป๋าฮวนและรีบออกไปจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว

ต่อมา เขาเพียงแค่ก้าวออกจากห้องครัวเพียงแค่ไม่กี่ก้าว จากนั้นเขาก็หยุดเดิน

เฟิงหานชวนหันหน้าไปทางบันได แต่วิธีการจับของเป๋าฮวนนั้นทำให้เธอยังห้อยต่องแต่งอยู่บนตัวเขา ดังนั้นสายตาของเขาจึงมองไปทางตรงกันข้าม

“ทำไมคุณไม่เดินต่อ?”เป๋าฮวนถามด้วยความสงสัยแล้วหันกลับไป

วินาทีต่อมาเป๋าฮวนก็ชะงักไป

แม่บ้านหลี่ยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดของบันได มองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มและกล่าวทักทาย: “คุณชายสาม ฮวนฮวน อรุณสวัสดิ์ค่ะ!”

เป๋าฮวนอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา สีหน้าของเธอดูรีแลกซ์ขึ้น ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ฉ่า”

“แม่บ้านหลี่ สเต๊กที่ทอดเมื่อกี้ไหม้แล้วและฮวนฮวนก็กลัว ผมจะพาเธอขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัว รบกวนคุณช่วยทำความสะอาดห้องครัวหน่อย”เฟิงหานชวนแสร้งทำเป็นนิ่ง หลังจากพูดจบเขาก็รีบขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเป๋าฮวนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

ตอนที่ขึ้นไปชั้นบน เป๋าฮวนหันศีรษะกลับมาและสบตากับแม่บ้านหลี่ เธอเม้มริมฝีปากและโบกมือให้แม่บ้านหลี่ในท่าทางที่เขินมากๆและพูดว่า: “แม่บ้านหลี่ รบกวนคุณด้วยนะคะ ฉันขึ้นไปข้างบนก่อน”

“ไม่มีปัญหาๆ มันเป็นหน้าที่”แม่บ้านหลี่ยิ้ม จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่ได้ถามอะไรมาก

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนไปจนถึงห้องนอนบนชั้นสาม เฟิงหานชวนเตะประตูห้องนอนจากนั้นก็เดินไปที่เตียงใหญ่และวางเป๋าฮวนลง

เป๋าฮวนรีบลุกขึ้นและยืนบนพื้นอย่างเร็ว เธอเกาหัวของเธออย่างบ้าคลั่ง

“อ๊าก!” แม่บ้านหลี่ต้องเห็นแน่ๆเลย! ทำยังไงดี! มันน่าอายมาก! ฉันไม่อยากอยู่แล้ว! “เป๋าฮวนเหมือนคนเป็นบ้า เธอใช้เท้าของเธอกระทืบกับพื้น

เฟิงหานชวนมองดูเธอ เธอดูเหมือนเธออยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา และมันก็ดูน่ารักมาก

“ไม่เป็นไรหรอก แม่บ้านหลี่มาที่นี่ และถ้าเธอรู้ว่าเราต้องการจะทำอะไร เธอก็คงไม่คิดว่ามันแปลกหรอก ใช่ไหม?”เฟิงหานชวนปลอบเธอ เสียงของเขายังคงแหบแห้ง

“แต่มันน่าอายจริงๆ! เฟิงหานชวน มันเป็นความผิดของคุณ ความผิดของคุณ! “เป๋าฮวนกังวลใจจริงๆ คนตัวเล็กๆของเขาเดินวนไปวนไปอยู่ตรงหน้าของเขา

“ฮวนฮวน ไม่เห็นจะต้องอายเลยจริงๆ แม่บ้านหลี่เธอไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”เฟิงหานชวนคว้าแขนของเป๋าฮวนและดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

เป๋าฮวนส่ายหัวทันทีและพูดว่า: “ฉันเคยเป็นภรรยาของคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไง เมื่อเธอเห็นเราแบบนี้แม่บ้านหลี่คงต้องคิดว่าฉันทำตัวแย่แน่ๆเลย”

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไง…

ประโยคนี้ทำให้หัวใจของเฟิงหานชวนเจ็บปวด

เขารู้สึกเจ็บปวดในทันที ไฟทั้งหมดถูกน้ำเย็นดับลงตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งร่างกายรู้สึกชาไปหมด

มันคือความหมดหวัง

ถ้าแม่บ้านหลี่ไม่มา เขาและเป๋าฮวนอาจทำเรื่องนั้นต่อในห้องครัวไปแล้ว แต่แม้ว่าเป๋าฮวนตกลงที่จะยอมรับเขา ก็คงเป็นเป็นได้แค่ความสัมพันธ์แบบ “เพื่อน” เท่านั้น

เธอตกลงกับเขาไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์แบบสามีภรรยากัน

เป็นแค่ “เพื่อน!”

“ฮวนฮวน…”เสียงที่ดูเหมือนจะหายใจไม่ออกบวกกับดวงตาที่เป็นสีแดงของเฟิงหานชวน

เป๋าฮวนสังเกตว่าเสียงของเฟิงหานชวนนั้นผิดปกติไป ดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นสีแดง และเธอก็ตกใจทันที

เธอก้มหน้าลง หน้าของเธอแดงระเรื่อและรีบถามไปว่า: “เฟิงหานชวน หรือว่าคุณ…คุณทนไม่ไหวเหรอ? คุณเหมือนจะร้องไห้แล้ว…”

เธอคิดว่ามันเป็นเพราะความอดทนที่ทำให้ดวงตาของเฟิงหานชวนกลายเป็นสีแดงแบบนั้น

ว่ากันว่าถ้าผู้ชายบรรเทาตัวเองไม่ทันจะส่งผลเสียต่อร่างกาย แล้วตอนนี้…ตอนนี้จะทำยังไงดี?

เดิมทีเธอไม่ได้อยากจะเห็นด้วย และตอนที่อยู่ในห้องครัวเธอเองก็ถูกเขาบังคับ เธอยอมขึ้นมาข้างบนเป็นเพราะเธอต้องการหลีกเลี่ยงจากสายตาของแม่บ้านหลี่ให้เร็วที่สุดด้วย และไม่ต้องการให้แม่บ้านหลี่จับได้

แต่ตอนนี้…..

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนในทันที เธอต้องทำอะไรสักอย่างกับเฟิงหานชวนใช่ไหม?

“ฮวนฮวน ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ดี”มันเป็นเพียงความทุกข์อย่างฉับพลันในจิตใจของเขา

เมื่อเขาได้ยินฮวนฮวนของเขาปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยากับเขา ความรู้สึกไม่สบายใจก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย

เมื่อนึกถึงความเข้าใจผิดที่พวกเขามีก่อนแต่งงาน ตอนนั้นเขาเองก็ใจร้ายกับเธอมาก และตอนนั้นเธอเองก็มีแต่ความสิ้นหวัง หลังจากนั้นเขาจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อชดเชยให้กับเธอ

เพียงแต่ความเข้าใจผิดมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทั้งสองคนก็ถูกแยกจากกันเป็นเวลาสามปี แต่ตอนนี้พวกเขาได้พบกัน และเธอกลับตั้งกำแพงกันเขาไว้

ดูเหมือนว่าต่อให้พยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถก้าวเข้าไปในหัวใจของเธอได้อีก

“คุณ คุณ คุณ……งั้น งั้น งั้น…”เป๋าฮวนลังเลและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี

ความคิดของเธอกับความคิดของเฟิงหานชวนไม่ตรงกันเลย สิ่งที่เธอคิดว่าเฟิงหานชวนพูดว่ารู้สึกไม่ดี คงไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดีที่อยู่ในใจ แต่…

เป๋าฮวนหน้าแดงและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่เฟิงหานชวนก็ไม่ได้ทำอะไรกับเธอมาเป็นเวลานานแล้ว เขาคำนึงถึงความรู้สึกของเธอใช่ไหม?

เมื่อเห็นดวงตาของผู้ชายตรงหน้าที่แดงก่ำ เป๋าฮวนก็รู้สึกกังวลใจจริงๆ ครั้งหน้าเธอคงไม่กล้าล้อเล่นอีกแล้ว ผู้ชายที่อดกลั้นมาสามปีคงแบกรับไม่ไหวแล้วจริงๆ!

เธอเม้มริมฝีปาก กัดฟันแน่นและหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เขย่งเท้าแล้วก็เอาแขนโอบรอบคอของร่างสูง แล้วใช้ริมฝีปากสีแดงของเธอ…

การรุกของคนตัวเล็กทำให้ดวงตาของเฟิงหานชวนเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย และสัมผัสของความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ฮวนฮวนของเขาจะรุกเขาจริงๆเหรอ?

เฟิงหานชวนไม่จูบตอบเธอ แต่เขาจับไหล่เรียวของผู้หญิงด้วยมือทั้งสองข้างแล้วผลักเธอออกไป ด้วยดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งที่ไร้อารมณ์นั้นจ้องไปที่เธอ

ใบหน้าของเป๋าฮวนแดงก่ำและเธอก็รู้สึกสับสน เธอไม่รู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนผลักถึงตัวเองออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามเขา แต่เฟิงหานชวนก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ฮวนฮวน คุณกำลังทำอะไร?”เฟิงหานชวนต้องการมั่นใจในความคิดของเธอ

“ฉัน…..”แก้มของเป๋าฮวนยิ่งแดงขึ้นมากกว่าเดิมราวกับไฟกำลังลุกโชน เธอกัดริมฝีปากล่างและหลับตา จากนั้นก็รีบพูดว่า: “คุณเลิกถาม แล้วเรามาเริ่มกันเลยเถอะ…”

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะทำต่อ แต่เขาก็หยุดหลังจากที่พยายามเพียงไม่กี่ครั้งแล้วก็ปล่อยเธอไป

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย สมองรู้สึกมึนงง เธอจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าของเธอโดยไม่กะพริบตา

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูเธอที่ไม่ต่อต้านเช่นนี้มันเหมือนกับย้อนเวลากลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว เขาก้มศีรษะลงและจูบเบาๆลงที่หน้าผากของเธออีกครั้ง

ความรู้สึกอุ่นๆทำให้เป๋าฮวนมีสติกลับมา เธอเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและบ่นว่า: “ฉันไม่ได้แปรงฟัน”

“ผมไม่ได้ใส่ใจ”เฟิงหานชวนจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง จากนั้นจับมือเธอและพาเธอไปที่ห้องรับประทานอาหาร

ในไม่ช้าเป๋าฮวนก็ถูกเขาพาไปที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะอาหารมีจานกระเบื้องสีขาวพร้อมกับแซนด์วิชที่เตรียมไว้สองชิ้น ข้างๆมีนมขวดใหญ่และแก้วสองใบ

“คุณตื่นมาทำอาหารเช้าเหรอ?”เป๋าฮวนหันศีรษะมาถามด้วยความประหลาดใจ

“อืม”เฟิงหานชวนตอบ เขากดไหล่ของเธอให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็วางจานไว้ตรงหน้าของเธอ

จากนั้นเขาก็หยิบนมขึ้นมารินใส่แก้วและยื่นให้กับเธอ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “กินไปก่อนนะ ผมจะไปทอดสเต๊ก”

“ยังมีสเต๊กอีกเหรอ?”ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง เธอดูแปลกใจมากกว่าเดิม

“อืม ผมจำได้ว่าคุณกินเยอะ”เฟิงหานชวนลูบหัวเล็กๆของเธอเบาๆ จากนั้นก็หันหลังเดินไปยังห้องครัว

เดินยังไม่ทันถึงสองก้าว เขาก็หันกลับมาและพูดเสริมว่า: “แซนด์วิชทั้งสองชิ้นนั้นเป็นของคุณ”

เป๋าฮวน: “???”

แซนด์วิชสองชิ้นกับสเต๊ก นี่เขากำลังให้อาหารหมูหรือเปล่า?

นี่เขากำลังจะทำให้เธอเป็นหมูใช่ไหม?

“เฟิงหานชวน ฉันไม่ต้องการ! ฉันกินแค่ชิ้นเดียวก็พอแล้ว อีกชิ้นเอาไว้ให้คุณเถอะ! “เป๋าฮวนตะโกนใส่หลังร่างสูง

เฟิงหานชวนยิ้มอย่างสบายใจโดยไม่ได้หันหลังกลับไป เขาเดินตรงเข้าไปในห้องครัวและเริ่มทอดสเต๊ก

ในตอนที่เขากำลังทอดสเต๊กอย่างตั้งใจอยู่นั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลังเขา เขาหันศีรษะกลับมาและพบว่าเป็นเป๋าฮวนนั่นเองที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา สายตาของเธอจ้องมองไปยังกระทะโดยไม่กะพริบตา

“รอไม่ไหวเหรอ?”เขาหัวเราะเบาๆ เขาพบว่าเป๋าฮวนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เธอมักจะสนใจและกระตือรือร้นอยู่เสมอ

“ฉันแค่อยากเห็นทักษะในครัวของคุณชายเฟิงที่สาม ฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ”เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างตรงไปตรงมา

“คุณชายเฟิงที่สาม?”เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว

“คนอื่นไม่ได้เรียกคุณว่าคุณชายเฟิงที่สามหรือประธานเฟิงหรอกเหรอ? ดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยดีสำหรับฉันสักเท่าไหร่ที่จะเรียกชื่อคุณตรงๆ แถมคุณยังไม่อนุญาตให้ฉันเรียกคุณว่าอาอีกด้วย งั้นก็เรียกคุณว่าคุณชายสามละกัน คุณชายสาม~” เป๋าฮวนมองเขาด้วยรอยยิ้ม

อาจเป็นเพราะอาหารที่ทำให้คนอารมณ์ดีขึ้น อารมณ์ของเป๋าฮวนในตอนเช้านี้ดีมาก

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุก: “…”

“คุณชายสาม คุณไม่ชอบชื่อนี้เหรอ?”อยู่ดีๆเป๋าฮวนก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแกล้งเฟิงหานชวน

โดยเฉพาะสีหน้าของเฟิงหานชวนที่ดูแข็งทื่อและพูดไม่ออกแบบนั้น

ในวินาทีถัดมาก่อนที่เธอจะแกล้งสำเร็จ จู่ๆตัวของเธอก็ถูกอุ้มไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ในห้องครัว เธอตกใจจนตาเบิกกว้าง ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เธออย่างใกล้ชิด ทำให้ร่างของทั้งสองคนแทบจะไม่มีช่องว่างหลงเหลืออยู่เลย

เป๋าฮวนดูบื้อไปเลย

“ฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำเมื่อกี้คืออะไร? มันเรียกว่าการยั่วโมโหนะ”การแสดงออกที่แข็งทื่อของเฟิงหานชวนผ่อนคลายลง มุมปากของเขายกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

มือทั้งสองข้างของเขาวางไว้บนเคาน์เตอร์และกักขังเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนของเขา แทบไม่มีที่ไหนเลยสำหรับเป๋าฮวนที่จะหลบหนีได้

“เฟิงหานชวน คุณคุณคุณ…”เป๋าฮวนอ้าปากจะพูด แต่เธอก็รู้สึกประหม่าจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“ฮวนฮวน คุณเลือกในห้องครัว…แกล้งผม หรือว่าต้องการจะบอกใบ้อะไรผม หืม?”เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามเธออย่างจงใจ

“ไม่ๆๆ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ล้อเล่น”เป๋าฮวนจู่ๆก็ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งถึงความหมายของการหาเรื่องใส่ตัวเอง

เธอแค่ล้อเล่นด้วยความสนุกเท่านั้น ทำไมมันถึงกลายเป็นความหมายแบบนี้ไปได้?

เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ เฟิงหานชวนเข้าใจผิดจริงๆ

จบแล้วๆ!

ในตอนนั้นเองที่เป๋าฮวนนึกได้ว่าเฟิงหานชวนทำเพราะต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอในเชิงแบบนั้น แถมเธอยังมาล้อเล่นกับเขาแบบนี้อีก เขาคงคิดว่าเธอคงอยากจะทำอะไรบางอย่างกับเขาจริงๆ

“ไม่ใช่จริงๆ!”เป๋าฮวนรีบปฏิเสธ

“ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิง ดังนั้นเลยละอายใจที่จะเริ่มก่อน คุณบอกใบ้ผมมาแบบนี้ คุณไม่ต้องกังวลไปนะ ผมจะเป็นคนทำให้คุณพอใจเอง”มุมปากของเฟิงหานชวนยกยิ้ม เขาก้มศีรษะลงและจูบเข้าที่ริมฝีปากของเป๋าฮวนทันที

เป๋าฮวนไม่สามารถหลุดพ้นจากตรงนี้ได้เลย เพราะเธอเองก็ยังไม่กินอาหารเช้าและไม่มีแรงที่จะต่อต้านเขา ดังนั้นจึงถูกเขาจูบทั้งๆที่เธอไม่มีสติ

เมื่อทั้งสองกำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นและตามมาด้วยกลิ่นไหม้อย่างรุนแรง

เฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวนทันทีและปิดสวิตช์เตาไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว เป๋าฮวนหันมาอย่างตกใจและมองไปเห็นสเต๊กสองชิ้นในกระทะซึ่งตอนนี้กลายเป็นสีดำเหมือนก้อนถ่านไปแล้ว

เฟิงหานชวนหยิบกระทะขึ้นมาแล้วโยนมันลงในอ่างล้างจาน แล้วจากนั้นก็เดินไปหาเป๋าฮวนอีกครั้ง เป๋าฮวนรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มเล็กน้อยที่ขาของเธอ เธอหันตัวกลับเพื่อที่จะพยายามสไลด์ตัวลงมา แต่ก็ถูกเฟิงหานชวนกักตัวเธอเอาไว้เสียก่อน

ก่อนที่เป๋าฮวนจะพูด ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดอีกครั้ง

ราวกับว่าดอกไม้ไฟกำลังระเบิดในหัวของเธอ ตอนนี้เธอไม่มีทางที่จะคิดอะไรออกได้เลย

……

“ปัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น

ประตูด้านหน้าของห้องนั่งเล่นด้านนอกดูเหมือนจะถูกปิดลง

ทันทีหลังจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ในขณะเดียวกันเสื้อผ้าของเป๋าฮวนก็กระจัดกระจายยุ่งเหยิงไปหมด เธอกลัวจนเอามือทั้งสองข้างจับเข้าที่คอเสื้อของร่างสูงแน่น

“เฟิงหานชวน มีคนอยู่ข้างนอก”เป๋าฮวนรู้สึกประหม่ามากจนกลั้นหายใจ

ห้องครัวของคฤหาสน์เป็นแบบเปิด ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบเปิดไม่หมด แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นห้องครัวได้ชัดๆ แต่ห้องครัวก็ไม่มีประตูเช่นกัน และถ้าหากเดินเข้ามาจากห้องรับประทานอาหารก็จะมองเห็นทุกอย่างในห้องครัว

เฟิงหานชวนเองก็ได้ยินเช่นกัน เขาหยุดและพูดด้วยเสียงแหบๆว่า: “น่าจะเป็นแม่บ้านหลี่”

“แต่ แต่ว่า…”

เป๋าฮวนจะร้องไห้อยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นแม่บ้านหลี่ก็ไม่ได้ จะให้แม่บ้านหลี่มาเห็นพวกเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน

มันน่าอาย!

วินาทีถัดมา เสียงของแม่บ้านหลี่ก็ดังขึ้น: “เอ๊ะ แปลกๆ อาหารเช้าวางไว้ที่นี่ แล้วทำไมถึงไม่มีใครเลย?”

“นี่มันอาหารเช้าสองที่นี่หน่า ฮวนฮวนพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? หรือว่าทั้งสองคนไปเดินเล่นกัน? ”

“คุณชายสาม ฮวนฮวน พวกคุณอยู่บ้านหรือเปล่า?”

แม่บ้านหลี่ตะโกนไปและพูดกับตัวเองไป

ในห้องครัวเฟิงหานชวนกอดเป๋าฮวนไว้โดยไม่มีใครตอบแม่บ้านหลี่สักคำและพวกเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกไปด้วย

เหมือนว่าคฤหาสน์ทั้งหลังนั้นเงียบมาก

จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดดังขึ้น จากนั้นเป๋าฮวนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แม่บ้านหลี่ไม่ได้มาที่ห้องครัวแต่ขึ้นไปชั้นบนแล้ว เธอใช้โอกาสนี้เขย่าคอเสื้อขอเฟิงหานชวนและกระซิบว่า: “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”

“กลับห้องไปทำต่อไหม?”เสียงของเฟิงหานชวนดูพยายามอดทนเป็นอย่างมาก

เป๋าฮวนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

ความหมายของเฟิงหานชวนก็คือ ทั้งคู่นอนกอดกัน?

นี่…ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากัน แบบนี้จะใกล้ชิดกันเกินไปหน่อยไหม?

แต่ว่าในหัวของเป๋าฮวนความคิดตีกันไปหมด บางทีการนอนกอดกันจะสามารถเบนจุดสนใจของเฟิงหานชวนได้ ไม่ให้เขาอาการกำเริบ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้

“ก็ได้” เธอตกลงแล้ว

ชายหนุ่มเหมือนจะตะลึง ริมฝีปากบางของเขายิ้มนิดหน่อย ข่มความตื่นเต้นไว้ “ฮวนฮวน คุณยินยอมจริงเหรอ?”

“อืม แค่นอนกอดกันก็ไม่มีอะไรสักหน่อย” เป๋าฮวนพยายามปลอบตัวเอง

จากนั้นเธอยื่นมือออกมากอดเอวหน้าของชายหนุ่มไว้ จากนั้นก็ซุกหน้าในอ้อมกอดของเขา แล้วรีบพูดขึ้น “นอน รีบนอนได้แล้ว”

เสียงนุ่มนวลของหญิงสาว ก็เหมือนยาที่ดีที่สุดในโลก ล้างความคิดของเฟิงหานชวนจนหมด ราวกับล้างสิ่งสกปรกออกไปหมด

ในตอนที่ทั้งคู่นอนกอดกัน เสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศแสนดีแบบนี้

“ติ๊งติ๊งติ๊งติ๊งติ๊ง…”

เป๋าฮวนฟังอยู่หลายวินาที เธอเงยหน้าขึ้น เอานิ้วจิ้มหน้าอกของชายหนุ่ม แล้วพูดขึ้น “เฟิงหานชวน เหมือนว่าจะเป็นโทรศัพท์ของคุณ”

เฟิงหานชวนได้ยินแล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากปล่อยเป๋าฮวน ดังนั้นจึงไม่ยอมปล่อยมือออกง่าย ๆ

ตอนนี้เขาทำได้เพียงยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนหัวเตียง วางไว้ตรงหน้าแล้วมองดู เป็นสายของผู้ช่วยพิเศษซูอวี่ เป๋าฮวนก็เห็นพร้อมกัน

“คุณรีบรับเถอะ สายของซูอวี่ น่าจะเป็นเรื่องด่วนของบริษัท” เป๋าฮวนคิดแบบนี้

เฟิงหานชวนรับสายทันที ขณะเดียวกันก็กดเปิดลำโพง

“ประธานเฟิงครัง บันทึกการโทรของหลิวหลี่ถงเมื่อสามปีก่อน มีการโทรลึกลับอยู่สองครั้งจริงครับ แสดงว่าเป็นสายจากต่างประเทศ เป็นวันที่คุณนายเสียชีวิตพอดี แต่ด้านเทคโนโลยีบอกว่าไม่แน่ว่าจะเป็นสายจากต่างประเทศ อาจจะถูกซ่อน IP ทางด้านนั้นกำลังสืบหาอยู่ครับ”

การรายงานของซูอวี่ดังก้องในห้องนอนใหญ่ทันที

“สืบต่อไป” เสียงของเฟิงหานชวนดุดันเป็นพิเศษ

“ครับ” ซูอวี่น้อมรับคำสั่ง

จากนั้นเฟิงหานชวนก็วางสายไป โยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะหัวเตียง แล้วยื่นมือมากอดหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด

เป๋าฮวนเอนตัวเข้าอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ดวงตาตกตะลึงจนกะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยปากพึมพำ “เฟิงหานชวน ฉันรู้สึกว่าคำเรียบของซูอวี่…เรียกผิดหรือเปล่า…”

เมื่อครู่ตอนที่ได้ยินซูอวี่รายงาน แล้วพูดถึงเธอ เรียกเธอว่า “คุณนาย” แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ภรรยาของเฟิงหานชวนแล้ว

“เขาเพียงแค่เรียกคุ้นเคยแล้ว คุณคงไม่โทษเขานะ?” เฟิงหานชวนกอดเป๋าฮวนแน่นยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับกลัวว่าเธอจะโมโห กลัวว่าเธอจะหนีไป

เป๋าฮวนส่ายหน้า พูดขึ้น “ไม่เป็นไร ก็แค่ครั้งหน้า คุณอธิบายกับเขาหน่อยเถอะ”

เพียงแต่เมื่อเธอพูดประโยคนี้จบ เฟิงหานชวนกลับเงียบไป

เขาไม่ได้ตอบรับเธอ เพราะว่านี่คือการยอมรับของเขา

เป็นเขาที่ให้ซูอวี่เรียกเธอว่า “คุณนาย”

ในสายตาของเขา เธอเป็นภรรยาของเขามาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิด

“อ่อใช่ ดูท่าน่าจะมีเบาะแสแล้ว คงจะใกล้หาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว” เป๋าฮวนไม่ได้สนใจว่าเฟิงหานชวนตอบรับหรือไม่ แล้วพูดต่อ

ครั้งนี้ เป็นเฟิงหานชวนที่เอ่ยขึ้น “อืม ใกล้แล้ว ใกล้หาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว”

“เขาทำให้พวกเราต้องแยกกันสามปี ผมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่”

ประโยคหลังนั้น เขาพูดเสียงต่ำ แต่กลับเคร่งขรึมเป็นพิเศษ ทำให้คนรู้สึกตัวสั่น

แม้แต่เป๋าฮวนที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ก็ยังรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เธอถามขึ้น “คุณวางแผนจะ…ลงโทษเขายังไง?”

“ดูสถานการณ์ก่อน” เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบหญิงสาวในอ้อมกอด

เรื่องบางเรื่อง โหดร้ายเกินไป เขาไม่อยากจะให้เธอรู้

เขาไม่อยากทำให้หู ทำให้ความคิด ทุก ๆ อย่างของเธอต้องแปดเปื้อน

ทุกอย่างของเธอ ควรจะบริสุทธิ์

“ก็ได้” เมื่อเห็นเฟิงหานชวนไม่พูด เป๋าฮวนก็ไม่ได้จี้ถามอีก

โดยสรุปคือถ้าจับคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้ก็ดี จะปล่อยเขาไปไม่ได้อีกแล้ว

ในไม่ช้า ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบมากอีกครั้ง

มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ประสานกัน

เป๋าฮวนง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ หลับไป ส่วนเฟิงหานชวนก็สังเกตได้ว่าสาวในอ้อมกอดหลับสนิท เหมือนกับมีความรู้สึกปลอดภัยแล้ว จึงหลับตาลง

ตื่นจากการนอนหลับที่แสนสบาย ก็เช้าแล้ว

ในตอนที่เป๋าฮวนลืมตาขึ้น ตัวเองยังนอนอยู่ในผ้าห่ม ผ้าห่มห่มตัวไว้อย่างดี เพียงแต่คนที่อยู่ด้านข้างไม่เจอแล้ว

หือ?

เธอจำได้ว่า ตัวเองกับเฟิงหานชวนนอนกอดกัน เฟิงหานชวนล่ะ?

หรือว่า…เขาอาการกำเริบแล้ว?

เป๋าฮวนรีบลุกขึ้นในทันที เธอเลิกผ้าห่มออก พุ่งตัวเข้าห้องน้ำ ในห้องน้ำไม่มีคน เธอก็พุ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว ห้องแต่งตัวก็ไม่มีคน

เธอเหลือบมองไปที่ระเบียง ก็ไม่มีคน เธอรีบลงไปด้านล่าง เดินลงชั้นล่างไปด้วยเรียกไปด้วย “เฟิงหานชวน คุณอยู่ไหน! เฟิงหานชวน คุณไปไหน!”

จนกระทั่งเธอเดินมาถึงชั้นหนึ่ง ก็หยุดฝีเท้าลง

เฟิงหานชวนยืนอยู่ที่ปากบันไดของชั้นหนึ่ง ใบหน้ายิ้มอ่อน กำลังมองเธออยู่

“เฟิงหานชวน นายไม่ได้อาการกำเริบใช่ไหม?” เฟิงหานชวนรีบเดินไปข้างหน้าเขา แล้วถามขึ้นอย่างใจร้อน

“ตื่นมาแต่เช้าก็เป็นกังวลอาการป่วยของผม?” เฟิงหานชวนยิ้มพึงพอใจ

เป๋าฮวนมองดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง เฟิงหานชวนท่าทางดูปกติดี เธอแอบถอนหายใจ

“คุณตื่นเช้าจัง รีบจะไปทำงานที่บริษัทเหรอ? เหมือนว่าคุณจะไม่ได้ไปจัดการธุระที่บริษัทหลายวันแล้วใช่ไหม? งั้นคุณรีบไปเถอะ ฉันเรียกรถกลับโรงแรมเอง วันนี้ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว” เป๋าฮวนพูดเยอะแยะมากมาย เธอรีบพูดออกมาก่อน ก็เพื่อให้เฟิงหานชวนได้เตรียมใจ

เมื่อคืนนอนที่นี่แค่คืนเดียวก็พอแล้ว เธอรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ เธอจึงเตรียมตัวกลับไปอยู่ที่โรงแรม

“สำหรับอาการป่วยของคุณ อีกไม่กี่วันฉันจะไปเมืองเหิงซื่อแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้ว คุณกินยาเองเถอะ” เป๋าฮวนพูดเสียงเบา แต่ในใจกลับรู้สึกผิด

เธอรู้สึกเหมือนตัวเองใจดำไปหน่อย ในเมื่อเฟิงหานชวนก็คือคนป่วยคนหนึ่ง

เมื่อคืนพวกเขานอนด้วยกัน เป็นการนอนที่บริสุทธิ์มาก ๆ เฟิงหานชวนจึงอาการไม่กำเริบ

“ก่อนที่จะไปเมืองเหิงซื่อ พักอยู่ที่นี่ ได้ไหม?” เฟิงหานชวนยื่นมือมาจับมือเล็กของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนตะลึง รู้สึกว่าฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มเย็นชุ่ม จึงพูดอย่างทนไม่ได้ “ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณแล้ว ฉันอยู่ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”

“แต่ว่าฮวนฮวน ตอนนี้พวกเราคือเพื่อนนอนกัน ดังนั้นคุณสามารถอยู่ที่นี่ได้” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ อ้าแขนออกกอดเธอไว้

เป๋าฮวนถลึงตาโต “???”

บ้าอะไร!

จู่ ๆ ภาพก็เปลี่ยนไป!

ทั้ง ๆ ที่กำลังคุยเรื่องจริงจังกัน ผลกลายเป็นว่าเปลี่ยนเรื่องในทันที

“ฮวนฮวน ทำไมถึงไม่พูด? หรือว่าเขินเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่ได้หยุด แต่ยังคงถามต่อไป

เขารู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาจะถอยไม่ได้ และจะต้องรุกไปข้างหน้า

“ฉัน…” เป๋าฮวนเอ่ยปาก ด้านหน้าของเธอพร่ามัว เธอพูดติด ๆ ขัด ๆ “เหมือนฉันจำได้ว่าฉันพูดว่า ฉันแค่ล้อเล่นนะ…”

“คุณไม่ได้ล้อเล่น ผมตกลงแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็คือความสัมพันธ์แบบนั้น” เฟิงหานชวนปล่อยเธอออก สองมือจับบ่าเรียวบางของเธอ แล้วมองเธออย่างจริงจัง

เป๋าฮวนรู้สึกในหัวสมองยุ่งวุ่นวายไปหมด

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก้มหน้าลง จูบลงบนริมฝีปากของเธอ

หลังจากที่เป๋าฮวนพูดคำพูดพวกนี้จบ ก็รู้สึกเสียใจแล้ว

เพราะว่าถ้าเธอตั้งครรภ์เด็กน้อย เธอจะสามารถเป็นเพื่อนแบบนั้นกับเฟิงหานชวนได้ยังไง? เธอไม่สามารถเจอเฟิงหานชวนได้อีก!

ถ้าหากถูกเฟิงหานชวนเห็นว่าเธอตั้งครรภ์ งั้นก็จะวุ่นวายมาก

ถ้าหากเฟิงหานชวนรู้ว่าเธอท้องลูกของเขา จะต้องเอาลูกไปแน่ ๆ ดูออกได้ว่าเฟิงหานชวนชอบเด็ก

อีกอย่างเฟิงหานชวนมีบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้น ก็ต้องการทายาทแน่นอน

เฟิงหานชวนได้ยินคำพูดของเป๋าฮวน เขาตัวแข็งทื่อ ตกตะลึง ไม่สามารถเอ่ยปากได้เป็นเวลาอยู่นาน

“เมื่อกี้ฉันล้อเล่นนะ แค่ล้อเล่นเอง นอนเถอะ” เสียงขี้เล่นของเป๋าฮวนแฝงไปด้วยความใจฝ่อ เธอรีบพูดอธิบาย

เธอพลิกตัว หันด้านข้าง หันหลังให้เฟิงหานชวน แล้วรีบนอนหลับ แต่วินาทีต่อมา ลมหายใจอุ่นอยู่ใกล้แผ่นหลังของเธอ

จากนั้นเธอก็ถูกชายหนุ่มโอบกอดไว้แน่น

“เฟิงหานชวน ฉันล้อเล่นจริง ๆ คุณรีบนอนเถอะ!” เป๋าฮวนตกใจ ร้อนรนนิดหน่อย

โทษความต้องการทางเพศของเธอ เมื่อหัวร้อน ก็อยากจะเป็นเพื่อนนอนกับเฟิงหานชวน เธอนับถือตัวเองมากจริง ๆ

“ฮวนฮวน ผมยินยอม” เฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้ฟังคำอธิบายของเธอ เอาหน้าซุกลงบนลำคอของเธอ หน้าฝังลึกลง เสียงทุ้มต่ำค่อย ๆ ดังขึ้น

เป๋าฮวน “…”

เธอพูดแล้วว่าเธอล้อเล่น

“ฮวนฮวน เพียงแค่คุณชอบ จะทำอะไรกับผมก็ได้หมด” เสียงของเฟิงหานชวนแฝงไปด้วยการขอร้อง ความถ่อมตน

เป๋าฮวน “???”

บ้าอะไร!

เฟิงหานชวนพูดคำพวกนี้ ทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงที่บ้าคลั่งโรคจิตมาก?

เพียงแต่ว่า…จู่ ๆ เธอก็นึกได้ถึงคืนนั้นที่โรงแรมตี้ฮวง เธอใช้เข็มขัดรัดมือของเฟิงหานชวน แถมยังถ่ายวิดีโอเขาอีก

ไอหยา ทำไมตอนนั้นเธอถึงได้ทำแบบนั้น!

มันไม่ใช่เรื่องที่คนปกติทำกัน

“ฉันบอกคุณไว้นะเฟิงหานชวน ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ก่อนหน้านี้ที่ฉันถ่ายวิดีโอคุณ เพื่ออยากจะลงโทษคุณ ฉันไม่มีนิสัยแบบนั้น!”

เฟิงหานชวนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้น “ฮวนฮวน ผมชอบให้คุณทำแบบนั้น”

เป๋าฮวน “???”

“เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นายมีมาโซคิสม์เหรอ? นายบ้าไปแล้ว!”

เป๋าฮวนแทบจะตกใจ ทำไมเฟิงหานชวนพูดแบบนี้ออกมาได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกเธอถ่ายวิดีโอยังรู้สึกขายขี้หน้า ตอนนี้ทำไมถึงพูดว่าชอบล่ะ?

“ฮวนฮวน” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอ แล้วพูดเสียงต่ำ “ประเด็นหลักคือสิ่งที่คุณทำ ผมชอบทั้งหมด”

“ถ้าฉันต่อยคุณ คุณก็ชอบเหรอ?” เป๋าฮวนพูดอย่างหมดปัญญา

“ชอบ” เฟิงหานชวนตอบอย่างจริงจัง

เป๋าฮวนถูกทำให้ตกใจจริง ๆ เธอรีบยื่นมือออกไปประคองใบหน้าของเฟิงหานชวน แล้วตะโกนอย่างตกตะลึง “ตายแล้วตายแล้ว คุณอาการกำเริบแล้ว คุณอาการกำเริบจริง ๆ ยาของคุณอยู่ไหน?”

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้อาการกำเริบ” เฟิงหานชวนจับมือของเธอไว้ เสียงอ่อนโยน น้ำเสียงใจเย็น

เขารู้ว่าในใจของเป๋าฮวนยังมีกำแพงกั้นอยู่ เขาจะต้องทำให้เธอประทับใจช้า ๆ ถึงจะได้ ในเมื่อเรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว การแยกจากกันสามปี เธอไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ในทันที

แต่ว่าเขาดูออกว่า เป๋าฮวนค่อย ๆ ยอมรับเขา

ดังนั้นเขาจะไม่ท้อแท้

“คุณอาการกำเริบแล้ว! อาการกำเริบแล้ว! คนป่วยไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองป่วย!” ตอนนี้เป๋าฮวนท่าทางสุขุมมาก เธอคิดว่าเฟิงหานชวนต้องอาการป่วยกำเริบแน่!

“มีคุณอยู่ ผมไม่มีทางกำเริบ” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ

เขารู้สึกได้ว่า ตอนนี้เขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าตัวเองมีตัวตนอยู่ในใจของเป๋าฮวน

“คุณหัวเราะ คุณยังหัวเราะอีก นี่มันเวลาสำคัญ คุณรีบบอกฉันมาว่ายาของคุณอยู่ที่ไหน!” เป๋าฮวนร้อนรนจนเหงื่อออกหน้าผาก

“ฮวนฮวน จูบผม” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจัง ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย แถมยังยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน

เป๋าฮวนสะดุ้ง “???”

“ฉันถามว่ายาของคุณล่ะ!”

ตอนสำคัญแบบนี้ ในหัวของเฟิงหานชวนคิดอะไรอยู่กันแน่?

“ฮวนฮวน ตอนนี้อาการกำเริบของผมไม่หนักเท่าไหร่ ในบ้านไม่มียา คุณสามารถทำลายสมาธิของผมได้ พาผมทำเรื่องอื่น”

ไม่มียา?

ทำลายสมาธิ?

ทำเรื่องอื่น?

เธอคิดได้ถึงคำพูดเมื่อครู่ของเฟิงหานชวน ว่าให้เธอจูบเขา การจูบสามารถทำลายสมาธิ บรรเทาอาการได้จริง ๆ เหรอ?

เป๋าฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มปล่อยเธอออก พลิกตัวนอนลงบนพื้นที่ของตัวเอง

“เฟิงหานชวน?” เป๋าฮวนค่อย ๆ เรียกเขา หันหน้าไปมองเขา

เฟิงหานชวนปิดตา หันหน้าไปทางเพดาน เขาไม่ได้ตอบเธอ ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับหลับไปแล้ว

จู่ ๆ เป๋าฮวนเป็นกังวลนิดหน่อย เธอรีบพยุงตัวขึ้น ขยับไปถามข้างเขา แล้วเอาหน้าแนบแก้มของเฟิงหานชวน

เธอเห็นผิวอันละเอียดอ่อนของเขา ดีกว่าผิวของผู้หญิงอีก มองไม่เห็นรูขุมขน ริมฝีปากสวยงาม ดั้งโด่ง โครงหน้าไม่มีที่ติ

ผู้ชายแบบนี้ ยีนทางพันธุกรรมดีมากจริง ๆ

เธอเม้มปาก กลืนน้ำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็ยื่นไปข้างหน้า จูบลงเบา ๆ ลงบนแก้มของเขา

ผิวของเขาทำให้คนรู้สึกสบายจริง ๆ

เวลานี้ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีดำของเขา เผยความลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด

เขาหันหน้ามามองเธอ ทั้งสองประสานสายตากันในทันที เป๋าฮวนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกพัดเข้าสู่กระแสน้ำวน

“แบบนี้ได้ไหม? เลิกฟุ้งซ่านแล้วยัง?” เป๋าฮวนถามเขา

วินาทีต่อมา ริมฝีปากที่ร้อน ก็มีลมเย็นพัดมาในทันที

เป๋าฮวนกะพริบตา เมื่อกี้มันเรื่องอะไรกัน?

เหมือนกับเฟิงหานชวนจูบปากของเธอ แต่ก็แค่แตะครู่เดียว แล้วปล่อยเธอ?

“คุณ…” เป๋าฮวนอ้าปากถามขึ้น “ตอนนี้คุณดีขึ้นเยอะแล้วใช่ไหม? อาการไม่กำเริบแล้วเหรอ?”

ตอนนี้เธอสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย มองดูชายหนุ่มที่หน้าตาเฉยชาตรงหน้า รู้สึกเหมือนอาการป่วยของเฟิงหานชวนจะหายเป็นปกติแล้ว

“ในใจรู้สึกอึดอัด” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจัง เอ่ยขึ้นช้า ๆ

เขาไม่ได้พูดโกหก เขารู้สึกอึดอัดจริง ๆ ผู้หญิงที่รักอยู่ตรงหน้า แต่เขามักรู้สึกว่าตัวเองควบคุมได้ แล้วก็ควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกใกล้ชิดก็ไม่ใช่ จะห่วงเหินก็ไม่เชิง ให้อารมณ์ของเขาแปรปรวนตลอดเวลา

“หา งั้นก็แสดงว่ายังมีอาการอยู่ ควรจะทำยังไงดี ที่บ้านก็ไม่มียา…” เป๋าฮวนกัดปาก ในใจรีบร้อนมากกว่าเดิม เธอรีบพูดขึ้น “ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล!”

“ฮวนฮวน ไม่ต้องไปโรงพยาบาล” เฟิงหานชวนยื่นฝ่ามือใหญ่ของเขาออกมา จับมือเล็กของหญิงสาวไว้ เขายิ้มบาง พูดขึ้น “นอนในอ้อมกอดผม ได้ไหม?”

เฟิงหานชวน ปลดกระดุมเสื้อของเขา…

ร่างกายที่บอบบาง และการถอดเสื้อผ้าที่สมบูรณ์แบบ

เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมา เขาก็บังเอิญมองหน้าเป๋าฮวน เป๋าฮวนหน้าแดงทันที วิ่งไปที่เตียง แล้วรีบกระโดดขึ้นไปบนเตียง

เธอเตือนเฟิงหานชวนว่าห้ามแอบมองเธอ แต่เธอกลับแอบมองเฟิงหานชวน และถูกจับได้! ! !

มันน่าอายจริงๆ!

เฟิงหานชวนจะคิดว่าเธอคิดถึงความหลังของเขาหรือเปล่า?

ท่าทางของเธอเหมือนจะคืนดีเหรอ?

แต่ถ้าเธอกับเฟิงหานชวนคืนดีกันจริงๆ พวกเขาอยู่คนละประเทศ มันคงมีความลำบากเล็กน้อย

ไกลเกินไป ระยะทางของประเทศเฉินกับประเทศฮัวห่างกันมาก

ต่อให้เฟิงหานชวนเต็มใจที่จะอยู่ประเทศเฉิน เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เธอคงจะเห็นแก่ตัวเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงหานชวนเต็มใจอยู่ประเทศเฉินระยะยาวเหรอ? ละทิ้งอุตสาหกรรมที่ใหญ่ในประเทศฮัว ละทิ้งญาติและเพื่อนในประเทศฮัว ยอมละทิ้งทุกอย่างในประเทศฮัว?

แม้ว่าเฟิงหานชวนต้องการอยู่กับเธอจริงๆ ยอมจากบ้านแดนไกลไปกับเธอ แต่ถ้าในระยะยาวล่ะ? เขาจะเสียใจทีหลังไหม?

Rกรุ๊ปที่เขาก่อตั้งขึ้น จะยอมปล่อยไปแบบนี้เหรอ?

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ อย่างน้อยเธอก็แน่ใจในความคิดของเธอ เธอจะไม่อยู่ที่ประเทศฮัว เพราะคุณปู่อยู่ที่ประเทศเฉิน ครอบครัวเป๋าอยู่ที่ประเทศเฉิน

ดังนั้น ระหว่างเธอกับเขา ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไม่สามารถอยู่เคียงข้างเขาได้ เหมือนเด็กผู้หญิงในเมื่อก่อน

แต่……

เมื่อนึกถึงว่าจะไม่ได้เจอเฟิงหานชวนอีก ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ

กำลังลังเล?

มีเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ เป๋าฮวนรู้สึกคิดหนัก เหนื่อยมาก เธอไม่อยากคิดถึงปัญหาเหล่านี้อีก เธอจึงนอนตัวตรง หลับตาลง กำลังจะนอน

เวลาผ่านไปหลายนาที เธอพลิกตัวไปมา นอนยังไงก็นอนไม่หลับ

เธอลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด วินาทีต่อมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นทันใด

ผู้ชายเดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนบนเปลือย ส่วนล่างห่อด้วยผ้าเช็ดตัว เส้นผมที่เปียกแฉะมีน้ำหยดลงมาจนทั่วตัว

เป๋าฮวนหน้าแดง กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ยิ้มอย่างเชื่องช้า: “คุณ… คุณอาบเสร็จแล้วเหรอ… ”

เธอทักทายเพราะเธอต้องการซ่อนความเขินอายของเธอ

“อืม” เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุดข้างใน

เป๋าฮวนนั่งบนเตียงด้วยความงุนงง เกาหัวเบาๆ

หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงหานชวนสวมชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินเข้มเดินออกมา เดินไปที่เตียง แล้วมองดูผู้หญิงที่มองเธออย่างเงียบๆ

ตอนนั้นเองที่เป๋าฮวนตระหนักได้ว่าเธอกำลังจ้องเฟิงหานชวน รีบมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“คือ ที่ฉันมองคุณฉันไม่ได้คิดอะไร ฉันแค่สงสัยนิดหน่อย” เป๋าฮวนอธิบายอย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่าเธอกำลังมองรูปร่างเขา เธอเปล่า

“สงสัย? สงสัยอะไร?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนปกติ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ

“ก็คือ… ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณชอบใส่เสื้อคลุมชุดนอน แต่ทำไมตอนนี้ถึงใส่ชุดนอนที่มีเสื้อและกางเกง?” เป๋าฮวนเม้มปากแล้วถาม

ในความทรงจำของเธอ เฟิงหานชวนชอบใส่เสื้อคลุม มีท่าทางที่มีเสน่ห์ชั่วร้าย เธอแทบจะไม่เคยเห็นเขาใส่ชุดนอนที่เรียบร้อยแบบนี้เลย…

เธอรู้สึก ตอนนี้เขาเหมือนเด็กน้อย

ไม่สิ เหมือนคนดี

เฟิงหานชวนไม่เป็นเด็กหรอก

“เพราะ ผมกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจัง

“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร?” เป๋าฮวนยิ่งงงงวยมากขึ้น

“กลางคืนเราจะนอนด้วยกัน ถ้าผมแต่งตัวไม่ดี คุณจะรู้สึกว่าผมคิดจะทำอะไร ผมเลยกลัวคุณเข้าใจผิด” เฟิงหานชวนยังคงอธิบายอย่างจริงจัง

เป๋าฮวน : “…”

มุมปากของเธอกระตุกและเธอกระซิบ: “ฉันก็เข้าใจผิดอยู่ดี”

“คุณเข้าใจผิดอะไร?” เฟิงหานชวนได้ยิน ในห้องนอนที่เงียบสงบ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น และยังอยู่ใกล้กันมาก

ห่างกันเพียงครึ่งเตียง

“คุณใส่หนาแน่นขนาดนี้ ฉันก็เข้าใจผิดคิดว่าคุณกลัวฉันจะข่มขืนคุณ” เป๋าฮวนกล่าวอย่างเรียบง่าย

อันที่จริงเธอไม่ได้เข้าใจผิดจริงๆ เธอแค่ไม่อยากให้เฟิงหานชวนใส่ชุดนอนแบบนี้เพียงเพราะกลัวเธอเข้าใจผิด แถมยังใส่ชุดนอนที่ตัวเองไม่ชอบ เธอจึงรู้สึกทนไม่ได้

เขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพราะเธอ

“ฮวนฮวน คุณอยากข่มขืนผม?” เฟิงหานชวนถามเธอโดยตรง

เป๋าฮวน : “…”

เธอกำลังพาตัวเองเข้าถ้ำเสือเหรอเนี่ย?

“ฮวนฮวน คุณไม่ตอบ เพราะว่า…ถ้าคุณต้องการ ผมยินดีทำกับคุณทุกเมื่อ ตามที่ผมบอกคุณตอนที่อยู่ประเทศเฉิน ผมจะเป็นคู่นอนให้คุณ แค่คุณต้องการ ผมก็จะปรากฏตัวทันที…”

“เดี๋ยวนะ!”

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะพูดจบ เป๋าฮวนก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธและหยุดคำพูดต่อไปของเขา

“ฉันไม่ต้องการ!” เธอหน้าแดงด้วยความโกรธ เดินไปข้างหน้าเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าบึ้ง: “ได้โปรดอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก มันทำให้ฉันดูเหมือนคนยังไงไม่รู้ ฉันบอกไปแล้ว สองครั้งก็พอ เพราะงั้นไม่จำเป็น เข้าใจ?”

เธอยืนอยู่บนที่นอนในขณะนี้ และเฟิงหานชวนกำลังยืนอยู่บนพื้น ความสูงของเตียง ทำให้เธอสบสายตากับเฟิงหานชวน เธอมองเขาอย่างดุดัน

จากนั้น เธอหันกลับมาอย่างดุเดือด ตั้งใจจะนั่งลงบนเตียง แต่แรงโน้มถ่วงของเธอก็ไม่สมดุล ทั้งร่างของเธอก็ล้มลงอย่างกะทันหัน

วินาทีต่อมา เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชาย เฟิงหานชวนรับเธอไว้

อ้อมกอดของผู้ชายอบอุ่นและสบายมาก และยังทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ในช่วงเวลาดังกล่าว เธอรู้สึกไม่อยากลุกขึ้น อยากอยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดไป

เฟิงหานชวนพยุงตัวเธอขึ้น พูดเพียงสามคำ: “ระวังหน่อย”

เป๋าฮวนไม่ตอบ แต่รีบเหยียบที่นอน ขึ้นเตียงแล้วห่มผ้า เผยให้เห็นเพียงสองตา

เฟิงหานชวนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ สีหน้าของเขาซีดมาก เขาเอื้อมมือไปปิดไฟ และเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะสีส้มข้างเตียง ห้องก็มืดลงทันที มีเพียง แสงสีส้มแดงจางๆส่องประกาย มีบรรยากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้

เขายกผ้าห่มผืนเดียวกันขึ้น แล้วนอนอีกด้านหนึ่งของเตียง เนื่องจากเตียงใหญ่มาก จึงยังมีระยะห่างระหว่างเขากับเป๋าฮวนหลายสิบเซนติเมตร

เขาไม่ได้เข้าใกล้เธอ ไม่พูดอะไร เพียงคลุมผ้าห่ม หันหน้าไปทางเพดาน และหลับตา

เป๋าฮวนเหลือบมองเขา เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะนอนแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เฟิงหานชวนไม่อยากพูดอะไรกับเธอหน่อยเหรอ?

เป็นเพราะเธอปฏิเสธหรือเปล่า ทำให้เขารู้สึกว่าเขาหมดหวัง?

หรือว่า เขาเพียงต้องการอยู่ห่างจากเธอและไม่ต้องการให้เธอเข้าใจผิดว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ

ถ้าเพราะไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด แล้วตอนที่เขาจูบเธอ เขาไม่คิดอยากทำอะไรเธอเลยเหรอ?

ในสองคืนก่อน เธอเป็นคนยั่วเขา เธอริเริ่ม เขาเต็มใจที่จะถูกเธอแกล้ง เขายังเต็มใจเป็นเพื่อนแบบนั้น เพียงเพราะอยากอยู่กับเธอ

ถ้าพวกเขาเป็นเพื่อนกันแบบนั้นจริง ก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันทุกวัน ไม่มีความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างคนทั้งสอง ยังสามารถอาศัยอยู่ในประเทศของตัวเองและมีชีวิตของตัวเองได้โดยไม่รบกวนกันและกัน

ขอแค่ได้เจอสักครั้ง

แบบนั้นเธอก็จะได้เจอเฟิงหานชวนเป็นครั้งคราว?

“เฟิงหานชวน” เธอเรียกเขาเบาๆ

ห้องเงียบไปหลายวินาที ไม่มีเสียงตอบกลับ เป๋าฮวนคิดว่าเขาหลับไปแล้ว

เธอตระหนักได้ว่าตัวเองริเริ่มอีกแล้ว ต้องการปัดเป่าความคิดนี้ เสียงของผู้ชายก็ค่อยๆดังขึ้น: “มีอะไร?”

“เอ่อ ฉัน…” เป๋าฮวนคิด ถ้างั้นก็ลองดูก่อน

“คุณอยากพูดอะไร ก็พูดเลย” เมื่อเห็นเป๋าฮวนลังเล เฟิงหานชวนก็พูดอีกครั้ง

“ฉันอยากจะบอกว่า ฉันคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นสามีภรรยากัน การใช้ชีวิตในสองประเทศไม่เหมาะที่จะสร้างครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความคิดของเราก็ดูเหมือนจะไม่เข้ากัน เป็นเพื่อนกันดีกว่า แล้วเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว”

คนที่เหมาะสมกับเขา?

จะมีใครเหมาะสมกับเขามากกว่าเธออีก?

ในสายตาของเขา เธอคือคนเดียว เขาไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่น เขา…

อยากอยู่กับเธอคนเดียว

“ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่ยอมรับผมเพราะผมอยู่ต่างประเทศ ผมย้ายไปประเทศเฉินก็ได้ ตอนนี้การติดต่อสื่อสารสะดวก ผมอาศัยอยู่ที่ประเทศเฉินนานๆได้” ดวงตาของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็จุดไฟความหวังขึ้นอีกครั้ง

ถ้าเพราะเหตุผลนี้ มันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าในใจฮวนฮวนยังมีเขา

แต่เพราะปัจจัยหลายอย่าง เธอถึงไม่ยอมรับเขา

“ฉัน…” เป๋าฮวนอ้าปาก ไม่รู้จะพูดอะไร

เธอต้องการปฏิเสธ งอริมฝีปาก “กลุ่มธุรกิจหลักของคุณอยู่ประเทศฮัว ประเทศเฉินไม่เหมาะกับคุณหรอก ประเทศเฉินเป็นเพียงประเทศเล็กๆ เทียบไม่ได้กับประเทศฮัว คุณไม่จำเป็นต้องย้ายไปที่นั่น อีกอย่าง…ครอบครัวของคุณอยู่ที่นี่”

“ฮวนฮวน!” เฟิงหานชวนขัดจังหวะเธอ เขาจ้องเธอด้วยดวงตาสีดำที่เงียบสงบ และถามเธอด้วยเสียงที่จริงจังมาก: “คุณกำลังคิดแทนผม ก็เลยปฏิเสธ ใช่ไหม?”

ตอนแรกเขาคิดว่าฮวนฮวนไม่เต็มใจมาประเทศฮัว ไม่อยากอยู่ต่างประเทศ แต่เมื่อได้ยินเธอพูดต่อ สิ่งที่เธอพูดและคิด ที่จริงแล้วกำลังคิดแทนสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเขา

เธอกำลังนึกถึงเขา

“ฉัน…” เป๋าฮวนรู้สึกวูบวาบอยู่ในใจ เธอกำลังสับสนในใจ

เธอกำลังคิดแทนเฟิงหานชวน? เธอไม่ได้กำลังปฏิเสธเฟิงหานชวน?

แล้วตอนนี้เธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่?

หรือว่า เธอยังรักเฟิงหานชวนอยู่?

เป็นไปได้อย่างไร 3ปีที่ผ่านมา เธอเกลียดเขา หลังจากที่ความเกลียดลดน้อยลง มันควรไร้ความรู้สึกไม่ใช่เหรอ?

“ฮวนฮวน ในใจคุณยังมีผม ยังรักผม ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เขาไม่กล้าแสดงออกมาก ระงับความตื่นเต้นไว้ เพราะเขากลัวมาก กลัวว่าจะหมดหวัง กลัวว่าเธอจะปฏิเสธ กลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับเขา

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำถามของเฟิงหานชวน เธอก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอยังคงรักเฟิงหานชวน…

เธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจจริงๆ

ในหัวของเธอว้าวุ่นไปหมด หัวใจของเธอก็สับสนวุ่นวาย

“ฮวนฮวน คุณตอบคำถามของผมได้ไหม?” เฟิงหานชวนรู้สึกประหม่า หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากของเขาราวกับว่าหัวใจลอยอยู่ในอากาศ

“ฉัน…” เป๋าฮวนหลับตาลง เธอไม่กล้ามองตาที่คาดหวังของเฟิงหานชวน ยังคงลังเลไม่รู้จะพูดอะไร

ในวินาทีต่อมา เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง ริมฝีปากร้อนบางของเขากดลงที่เธอ ใช้แรงทั้งหมดจูบอย่างดูดดื่ม

เป๋าฮวนไม่ขัดขืน ราวกับว่าคนทั้งคนหยุดคิดและปล่อยให้ผู้ชายจูบเธอ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เฟิงหานชวนค่อยๆปล่อยเธอ ดวงตาสีดำของเขายังคงจ้องไปที่ดวงตาของเธอ เสียงแหบของเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม: “ฮวนฮวน ในใจคุณยังมีผม ผมมั่นใจ”

“คุณไม่ปฏิเสธผม”

“เพราะงั้นฮวนฮวน อย่าปฏิเสธอีกเลย ต่อให้คุณจะปฏิเสธ ผมก็ไม่เชื่อแล้ว”

“ฮวนฮวน ผมรักคุณ”

เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนรู้สึกว่าดอกไม้ในใจของเธอกำลังจะระเบิด เธอตะลึงและไม่ตอบสนอง

เธอเม้มริมฝีปากที่เปียกของเธอ หันกลับมาอย่างรวดเร็ว หันหลังให้กับผู้ชาย และบ่นว่า: “คุณไปที่ระเบียง ฉันจะไปอาบน้ำ”

เธอต้องสงบสติอารมณ์

“ฮวนฮวน อย่าหนี” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ จับมือเธอ ดึงเธอหันกลับมาอีกครั้ง

เป๋าฮวนทำได้เพียงเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง เธอก้มศีรษะ หลีกเลี่ยงการจ้องมองที่แผดเผาของเขา

“ฮวนฮวน คุณบอกผมมา จูบเมื่อกี้ของผม คุณรังเกียจไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอด้วยเสียงทุ้มลึก

เป๋าฮวนตะลึงชั่วขณะ รังเกียจไหม?

ดูเหมือนว่าจะไม่มีความรังเกียจเลย

หากเธอรู้สึกรังเกียจในใจจริงๆ เธอคงไม่ยืนนิ่ง เธอจะผลักเขาออกไปอย่างแน่นอน แต่เธอไม่ทำ

“ฮวนฮวน คุณอยู่นิ่ง คุณไม่ได้ผลักผมออกไป คุณไม่ได้รังเกียจผม ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนหนักแน่น

ในหัวของเป๋าฮวนยุ่งเหยิงไปหมด เธอเงยหน้าขึ้นมองชายผู้น่ารักที่อยู่ตรงหน้าเธอ ปฏิเสธว่า: “ฉัน…เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เกลียดคุณ ฉันจึงไม่จำเป็นต้องรังเกียจคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าในใจของฉันยังมีคุณ…”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกจูบอีกครั้ง

คราวนี้รุนแรงกว่าเดิม มือของเป๋าฮวนแนบกับหน้าอกของผู้ชาย เธอต้องการผลักออกไป แต่แรงของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป และในท้ายที่สุด เธอก็ทำได้แค่ปล่อย

“ฮวนฮวน ผมรักคุณมากจริงๆ…” ผู้ชายพูดอย่างเสน่หา ออกจากริมฝีปากของเธอ จูบหูของเธอ ค่อยๆลงต่ำ

เขาพิงใบหน้าของเขาไว้บนไหล่และคอของเธอ ดมกลิ่นของเธออย่างลึกล้ำ กลิ่นที่ทำให้เขาฝันถึง กลิ่นที่มีเฉพาะตัวเธอ

ประโยคนี้เหมือนระเบิดในใจของเป๋าฮวน

ในขณะที่เธอกำลังเคลิ้ม จู่ๆผู้ชายก็ปล่อยเธอ อ้อมแขนอันอบอุ่นนั้นก็พัดผ่านไปพร้อมกับสายลมเย็นๆ

เป๋าฮวนได้สติกลับมา เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟิงหานชวน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และสัมผัสของความเศร้า

หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น

ในขณะที่เธอกำลังอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ผู้ชายก็หันกลับและพูดเบาๆว่า: “ผมจะรอคุณที่ระเบียง คุณไปอาบน้ำเถอะ”

หลังจากพูดจบ เป๋าฮวนยังไม่ตอบ เฟิงหานชวนก็เดินไปที่ระเบียง

เมื่อเห็นแผ่นหลังสูงของเขา เป๋าฮวนก็ตกตะลึง ส่ายหัวระงับความคิด จากนั้นหันหลังเดินเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำ

อันที่จริง เธออยากอาบน้ำอย่างผ่อนคลาย แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะกับการอาบน้ำ ดังนั้นเธอจึงรีบอาบ เดินออกจากห้องน้ำในชุดนอน

เธอเห็นเฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่บนระเบียง โดยหันหลังให้เธอ ดูเหมือนเขาจะไม่เคยแอบมองเลย เธอควรจะเชื่อในนิสัยของเขา

ถ้าเขาอยากจะทำอะไรกับตัวเองจริงๆ เมื่อกี้ตอนที่จูบ เขาก็คงจะทำไปแล้ว แทนที่จะกลับไปที่ระเบียงและรอให้เธออาบน้ำ

เป๋าฮวนกัดริมฝีปาก เดินไปที่หน้าต่างสูง เปิดประตูกระจก และเดินไปที่ระเบียง

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินการเคลื่อนไหว เขาหันไปมองเธอและถามว่า: “อาบเสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม คุณไปอาบเถอะ” เป๋าฮวนพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“โอเค” เสียงของเฟิงหานชวนก็เบามากเช่นกัน เมื่อเขาเดินผ่านเธอ เขาก็คว้าแขนเธอ

เป๋าฮวนเอียงศีรษะมองเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในวินาทีต่อมา หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็ขมวดคิ้วทันที

“อย่าตากลม ข้างนอกอากาศหนาว เดี๋ยวเป็นหวัด” เขาพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จากนั้นเอื้อมมือออกไปจับแขนของเป๋าฮวน แล้วพาเธอเข้าไปในห้องนอน

หลังจากเข้าไปในห้องนอน เฟิงหานชวนก็ปล่อยมือเป๋าฮวน และเดินตรงไปที่ห้องน้ำ

แต่เป๋าฮวนยืนอยู่หน้าประตูกระจกด้วยความงุนงง เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ห้องน้ำ…

เป๋าฮวนประหลาดใจทันที

เธอเข้าใจเฟิงหานชวนผิดหรือ? ดังนั้นเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น

ขณะที่เธองุ่มง่ามอยู่นั้น เฟิงหานชวนได้อุ้มเธอไปถึงที่ชั้นสามแล้ว พาเธอเข้าไปที่ห้องนอนที่เคยเป็นห้องหอของพวกเขา

เป๋าฮวนมองดูภาพคุ้นตาตรงหน้า รู้สึกว่าปลายจมูกของเธอมีเมื่อยเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล หากไม่ใช่เพราะเรื่องเหล่านั้นเมื่อสามปีก่อน เธออาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดมา

“นี่คือห้องนอนของคุณ ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ มีห้องรับแขกไหม?” เป๋าฮวนจำได้ว่ามีห้องรับแขก ห้องของแม่บ้านหลี่อยู่ชั้นสอง และชั้นสองยังมีห้องว่างอื่นๆอีก

“ห้องรับแขกมีแต่ยังไม่ได้เก็บกวาด เตียงใหญ่มาก นอนที่นี่ไม่ได้เหรอ?” ดวงตาสีเข้มของเฟิงหานชวนดูอ่อนโยนมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง และเขามองดูเธออย่างเงียบ ๆ : “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก หรือไม่ ผมนอนที่พื้นก็ได้”

เป๋าฮวน: “……คุณกำลังเล่นกลเจ็บกายอยู่เหรอ?”

เฟิงหานชวนปฏิเสธ: “ผมเปล่า ผมพูดจากใจจริง”

เป๋าฮวนพูดไม่ออก “ได้ คุณบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉัน ฉันก็ไม่ได้รังเกียจคุณ ฉันจะไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน”

เป๋าฮวนก็ขี้เกียจไปห้องรับแขก เธอไม่ได้ระแวดระวังหรือป้องกันอะไรเฟิงหานชวน อย่างไรก็ตามพวกเขาได้พบกันอย่างตรงไปตรงมาตั้งนานแล้ว นอนเตียงเดียวกันก็ไม่เป็นอะไร

เมื่อเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ของตกแต่งก็ยังเหมือนเดิม เป๋าฮวนหยิบชุดนอนแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

เพียงแต่ว่า หลังจากที่เธอเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็ตะลึงเล็กน้อย ห้องน้ำนี้ไม่มีประตู ในการออกแบบก่อนหน้านี้ เฟิงหานชวนตั้งใจปรับปรุงให้เป็นห้องน้ำแบบเปิด

ถ้าเธออาบน้ำที่นี่ เฟิงหานชวนจะแอบดูไหม?

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณไม่ติดตั้งประตูที่นี่?” เป๋าฮวนเดินไปที่หน้าประตูห้องน้ำและเห็นเฟิงหานชวนนั่งอยู่บนโซฟาข้างหน้าต่างสูงจากเพดานจรดพื้น

จากวิสัยทัศน์ของเฟิงหานชวน เป็นไปได้มากที่จะเห็นภาพข้างใน เธอรีบพูดว่า: “คุณไปรอที่ระเบียงหรือลงไปข้างล่าง ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะเรียกคุณ”

“ผมจะไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง” เฟิงหานชวนยืนขึ้น หันหลังกลับไปที่ประตู แล้วเปิดประตูระเบียง

“เดี๋ยวก่อน!” เป๋าฮวนเรียกเขาให้หยุด ขมวดคิ้วและพูดว่า “ห้ามสูบบุหรี่! สุขภาพของคุณไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าคุณสูบบุหรี่อีก คุณอยากตายก่อนเวลาหรือไง?”

ร่างกายของเฟิงหานชวนแข็งทื่อ เขาหันหลังกลับและเขามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว สีหน้าของเขายุ่งเหยิงมาก

เขาอยากจะก้าวไปข้างหน้ากอดเธอ แต่ก็กังวลว่าเธอจะปฏิเสธตัวเขา หัวใจของเขากำลังทุกข์ทรมาน

“คุณมองฉันทำไม? รีบไปที่ระเบียง! ห่ามแอบดูฉันอาบน้ำ!” เป๋าฮวนมองเขาอย่างไร้คำพูด

เพียงแต่ว่า เมื่อเธอหันหลังกลับ มีการเคลื่อนไหวข้างหลัง และทันทีหลังจากนั้น หลังของเธอก็ถูกกดทับด้วยอกที่ร้อนระอุ

เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมาก แว๊บแรกเธอไม่ได้แม้กระทั่งคิดที่จะต่อต้านด้วยซ้ำ

เมื่อเธอฟื้นคืนสติ เธอไม่ได้ดิ้นรน การดิ้นรนนั้นเสียแรง เธอเพียงแค่ดุอย่างเย็นชาว่า “เฟิงหานชวน คุณต้องการทำอะไร?”

“ฮวนฮวน คุณหวงร่างกายผมไม่ใช่หรือ? ตอนนี้…… ยังหวงหรือเปล่า?” เขาฝังศีรษะลงบนซอกคอของหญิงสาว ดมกลิ่นของเธออย่างลึกล้ำ

เธอเป็นยาของเขา และเป็นตัวซวยของเขา และเป็นสิ่งดึงดูดเขา!

เป๋าฮวน: “???”

เธอเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย

เพื่อยืมยีนของเฟินหานชวน เธอทำเหมือนปลื้มร่างกายของเขา เทคนิคของเขา หลังจากนั้นทั้งสองบ้าคลั่งเป็นเวลาสองคืน

คืนหนึ่งที่ห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมตี้ฮวง นั่นถือได้ว่าบ้าทั้งคืน และอีกคืนหนึ่งที่ห้องของเธอเองที่ประเทศเฉิง ซึ่งมีการเก็บอาการ

แต่ว่า ยืมแล้วสองครั้งน่าจะเพียงพอแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการยืมแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปพัวพันกับร่างกายของเฟิงหายชวนอีก!

“ตอนนี้ฉันไม่หลงแล้ว ไม่มีอารมณ์แล้ว สองครั้งก็พอแล้ว” เป๋าฮวนเม้มปากพูดปฏิเสธ

เสียงเย็นชาของหญิงสาวแสดงความเบื่อหน่ายของเธอ ซึ่งทำให้ใจของเฟิงหานชวนเย็นลงบางส่วน เขาทำดีไม่พอหรือ? ดังนั้นแค่สองครั้งก็ทำให้เธอเบื่อกับร่างกายของเขาแล้ว?

ดังนั้น แม้แต่เขาคนที่นำพาก็เบื่อแล้วหรือ?

“แล้วตอนนี้คุณหลงใคร? เวินซือเหยี่ยนหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะผมสร้างปัญหา คืนนี้คุณสองคนคงจะเปิดใช่ไหม!” ห้อง? เสียงของเฟิงหานชวนเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลขึ้นมา

เป๋าฮวนขมวดคิ้วทันทีและดุว่า “เฟิงหานชวน คุณพูดบ้าอะไร! ฉันกับเวินซือเหยี่ยนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น สองตระกูลเป็นมิตรกัน คุณอย่าสกปรกแบบนั้น!”

เฟิงหานชวนอารมณ์เสียมากในขณะนี้

เขาจับไหล่ของหญิงสาวแล้วหันเธอกลับมา ให้เธอเผชิญหน้ากับตัวเขา ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องที่เธอแน่วแน่ “ฮวนฮวน คุณก็บอกว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ?” แต่คุณก็เกิดความสัมพันธ์กับผมไม่ใช่หรือ?”

เป๋าฮวน : “……”

จู่ๆเธอรู้สึกยากที่จะโต้เถียง รู้สึกเหมือนแม้กระโดดลงไปในแม่น้ำหวงก็ไม่สามารถล้างตัวให้สะอาดได้

ตอนนี้ในสายตาของเฟิงหานชวน เธอเป็นผู้หญิงลามกที่เมื่อเห็นผู้ชายก็อยากจะลิ้มรส?

ถึงแม้ว่าจะถูกเข้าใจผิดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้อยากจะอธิบายเรื่องการยืมเมล็ดพันธุ์ เพราะเธอไม่สามารถบอกเฟิงหานชวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

“จะพูดอะไรก็แล้วแต่คุณเลย ฉันขี้เกียจอธิบาย คุณปล่อยฉัน ถ้าที่คุณไม่ต้อนรับฉัน ฉันจะโทรกลับโรงแรมเดี๋ยวนี้ ให้ฉันอยู่ต่อหรือไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่!” เสียงของเป๋าฮวนมีเรี่ยวไม่มีแรงและแฝงไปด้วยความโกรธ

เฟิงหานชวนปล่อยมือทันที สีหน้าของเขาแตกตื่นเล็กน้อย และรีบอธิบาย: “ฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจเข้าใจคุณผิด ผมแค่ห่วงใยคุณมากเกินไป ผมกังวลว่าคุณจะอยู่กับผู้ชายคนอื่น ดังนั้นผมเลย……”

เป๋าฮวนมองไปที่ท่าทางตื่นตระหนกของชายหนุ่ม จู่ๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นทันที

เธอมองออกอยู่แล้วว่าเฟิงหานชวนห่วงใยเธอและห่วงใยมากด้วย แต่เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาต่อไปยังไงจริงๆ

หรือบางทีเธออาจจะเคยชินกับความเป็นอยู่ในตอนนี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่อยากย้อนกลับไป ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีตระกูลเป๋าที่ต้องสืบทอด มีคุณตาที่ต้องดูแล

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดที่จะกลับประเทศฮัวเพื่อตั้งหลักปักฐาน เธอไม่สามารถเป็นภรรยาตัวน้อยที่สงบเสงี่ยมข้างกายเฟิงหานชวนได้อีก เพราะเธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวนคนเดิมอีกต่อไป

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้วเป็นความเข้าใจผิด แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปอยู่กับเฟิงหานชวนอีกครั้งได้ยังไง

หรืออาจจะไม่เหมาะสมกันอีกต่อไป

“เฟิงหานชวน ในเมื่อความเข้าใจผิดในตอนนั้นคลี่คลายแล้ว ฉันก็ไม่ได้เกลียดคุณอีกต่อไป ดังนั้นฉันหมายความว่าเราอยู่กันอย่างสงบสุขเหมือนอยู่กับเพื่อน” เป๋าฮวนหยุดและพูดต่อ: “ ฉันรับปากว่าจะรับละครราชวงศ์ชิงเรื่องนั้นของเวินซือเหยี่ยน บางทีอาจเป็นแค่ความฝันธรรมดาๆ เพราะตอนที่ฉันยังเป็นเด็กฝึก ฉันฝึกหนักมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อกำลังจะเริ่มประกวด ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์…… ”

เพราะอุบัติเหตุนั้น ตอนนี้ร่างกายของฉันไม่สมบูรณ์ ลูกของฉันแท้งไปแล้ว ม้ามของฉันไม่มีแล้ว แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของฉันจะแข็งแรงมาก ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตปกติของฉัน แต่ฉันไม่สามารถไปเป็นเด็กฝึกได้อีก ไม่สามารถรับการฝึกฝนที่หนักแบบนั้นได้”

“การถ่ายทำเป็นตัวประกอบถือได้ว่าเป็นการเติมเต็มความฝันที่เคยอยากจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง หลังจากฉันถ่ายทำเสร็จ ฉันจะกลับประเทศเฉิน บางทีฉันอาจจะไม่ได้มาประเทศฮัวบ่อยๆ อาจจะสามหรือห้าปีเพราะกิจกรรมอะไรแบบนี้ งานการกุศลอาจจะมาสักรอบ เวลาส่วนใหญ่ฉันจะอยู่ประเทศเฉิน และตอนนี้ที่นั่นถึงจะเป็นบ้านของฉัน”

“ฉันรู้สึกว่าเราไม่เหมาะสมกันแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะไม่ยึดติดกับอดีตและมองไปข้างหน้าใหม่ อนาคตยังอีกยาวไกลและมีสิ่งที่สวยงามอีกมากมาย หรือบางทีคุณอาจจะพบคนคนนั้นที่เหมาะสมกับคุณ…….”

“เป็นห่วง? ไม่ใช่หรอก” เป๋าฮวนหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำปากมุ่ยปฏิเสธ: “ฉันก็แค่แปลกใจ”

“แปลกใจเหรอ?” เฟิงหานชวนถามด้วยแววตาหมองคล้ำ“แล้วถ้าผมมีเรื่องอะไรจริงๆ……”

“เฟิงหานชวน คุณอย่าสมมุติแบบนี้ได้ไหม? อย่างน้อยสามปีมานี้ คุณก็ไม่เป็นอะไร” เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องมองไปที่ชายหนุ่มในที่นั่งคนขับ

เฟิงหานชวนหัวเราะกะทันหัน

“คุณหัวเราะอะไร? หรือว่าฉันพูดผิดเหรอ?” เป๋าฮวนพูดไรไม่ออกอย่างยิ่ง

“คุณไม่ได้พูดผิด ผมไม่ควรสมมุติ ที่จริงผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมยังอยากถามด้วยปากผมเอง ผมทำมากเกินไป” เฟิงหานชวนขับรถอย่างใจเย็นและเสียงของเขาราบเรียบ

“หือ?” คิ้วที่บอบบางของเป๋าฮวนขมวดขึ้น เกิดความสงสัยและไม่เข้าใจบนใบหน้า: “อะไรที่เรียกว่าคุณรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร? งั้นฉันกำลังคิดอะไรอยู่?”

เป็นไปได้เหรอที่เฟิงหานชวนจะสามารถอ่านใจได้? เธอไม่เชื่อหรอก

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เมื่อครู่คุณสงสัยไม่ใช่เหรอ ว่าคุณเป็นห่วงผม ผมมั่นใจ”

เป๋าฮวน : “……”

“อย่าหลงตัวเองได้ไหม?”

“ผมไม่ได้หลงตัวเอง ฮวนฮวน ทุกครั้งที่อาการป่วยผมกำเริบ คุณก็เป็นห่วงผม แล้วเมื่อผมตกอยู่ในอันตราย คุณก็เป็นห่วงผมเช่นกัน ไม่ใช่หรือ?” เฟิงหานชวนถามกลับ

เป๋าฮวน : “……”

ดูเหมือนว่าไม่สามารถปฏิเสธได้

เพียงแต่ว่า หัวเล็กๆที่ฉลาดของเธอหันกลับมาและพูดอย่างรวดเร็วว่า “โอ้โห ฉันเป็นสาวน้อยที่จิตใจดีแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือลูกสุนัขข้างถนน ฉันก็เป็นห่วงทั้งนั้น”

เฟิงหานชวนกระตุกปาก เปรียบเทียบเขากับลูกสุนัขข้างถนน?

“ฮวนฮวน มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากเตือนคุณ” มุมปากของเขายกขึ้นยิ้ม

เป๋าฮวนไม่ได้สนใจ เพียงแค่งุนงงและพูดว่า: “เรื่องอะไร?”

“คุณจิตใจดีมาก ไม่ผิด แต่คุณไม่ใช่สาวน้อย”

เป๋าฮวนอึ้ง พูดไม่ออก “ฉันอายุแค่ 23 ปี ทำไมฉันถึงไม่ใช่สาวน้อย? อายุของฉันนี้ ไม่ใช่สาวน้อย ไม่งั้นฉันจะเป็นสาวแก่หรือ? ไม่งั้นฉันจะเป็นคนข้ามเพศหรือไง?”

“ฮวนฮวน ความรู้ทางภาษาของคุณจำเป็นต้องเสริมแล้ว ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณเป็นนักเรียนAที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่มีความรู้นี้?” เฟิงหานฉวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

หลังจากเป๋าฮวนได้ฟัง ใบหน้าก็มึนงงมากขึ้นไปอีก

เฟิงหายชวนยิ้มจางๆ และอธิบายว่า: “คำว่าสาวน้อยหมายถึงผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน ในสมัยโบราณหมายถึงผู้หญิงพรหมจรรย์ คุณคิดว่าคุณเหมาะกับคำเรียกสาวน้อยนี้ไหม?”

สาวโสด สาวพรหมจรรย์……

เป๋าฮวนกัดฟัน เธอไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!

“ฉันถุย คุณยังคิดว่าเป็นสังคมศักดินาหรือไง? ผู้หญิงทุกคนเป็นสาวน้อย คุณนี่มันผู้ชายเหม็นน่าขยะแยง!” เป๋าฮวนมองเฟิงหานชวนอย่างดุเดือด หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เม้มปากแล้วไม่พูดอีก

เฟิงหานชวนจู่ๆก็พบว่าตัวเองดูเหมือนจะยั่วเธอเข้าแล้ว?

ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่ได้พูดผิด

ไม่ว่าจะเป็นสาวโสดหรือสาวพรหมจรรย์ เธอก็ไม่ใช่แล้วทั้งนั้น

เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากไม่ได้พูดอะไรอีก และในไม่ช้าจะอธิบายให้เธอฟังชัดเจน

ขณะที่รถแล่นไปตลอดทาง เป๋าฮวนรอเป็นเวลานาน ก็ไม่ได้คำขอโทษที่รอจากชายหนุ่ม และความโกรธเคืองในอกก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น รถก็เลี้ยวและถนนข้างหน้าก็คุ้นเคยมากขึ้น ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้างทันที

“เฟิงหานชวน นี่ไม่ใช่ทางไปโรงแรมตี้ฮวง นี่มัน……” เป๋าฮวนอุทานขึ้น

“ถูกต้อง นี่คือทางกลับบ้าน คุณยังจำได้ไหม?” เฟิงหานชวนยิ้มจางๆและพูดว่า “นี่คือคฤหาสถ์ที่เป็นเรือนหอของเรา”

สีหน้าของเป๋าฮวนเปลี่ยนไป และความโกรธยิ่งเพิ่มขึ้น: “ส่งฉันไปที่โรงแรม!”

“ฮวนฮวน เสื้อผ้า รองเท้า และทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ที่นี่ พักอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือ?” เสียงของเฟิงหานชวนอ่อนโยน ดูเหมือนจะปลอบสงบสติอารมณ์ของเธอ

“ทำไมฉันต้องพักอยู่ที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของฉัน และฉันก็ไม่ใช่ภรรยาของคุณอีกต่อไปแล้ว ทำไมฉันถึงต้องอาศัยอยู่ในคฤหาสถ์ที่เคยเป็นเรือนหอ?” เป๋าฮวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

แต่เฟิงหานชวนไม่ได้หยุดรถ แต่กลับเหยียบคันเร่ง ความเร็วรถเพิ่มขึ้น และรถก็เหมือนเครื่องบินกำลังบินขึ้น ขับไปข้างหน้าอย่างเมามันโดยไม่คิดที่จะหยุดเลยสักนิด

ความเร็วรถทำให้เป๋าฮวนตกใจ เธอเอื้อมมือไปจับที่จับไว้แน่นและขดตัวอย่างประหม่า กลัวราวกับว่าตัวเองจะถูกโยนทิ้งไป

ห้านาทีต่อมา รถหยุดที่หน้าประตูคฤหาสถ์

เป๋าฮวนคืนสติและสูดหายใจเข้า ดึงเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูเดินกลับหลัง

เธอมีเท้า ถึงแม้ว่าเฟิงหานชวนจะพาเธอมาที่นี่ เธอก็สามารถเดินออกจากเขตคฤหาสถ์และนั่งรถแท็กซี่กลับโรงแรมได้!

เฟิงหานชวนฉุดรั้งเธอไว้ไม่อยู่หรอก!

“ฮวนฮวน อย่าไป” เฟิงหานชวนตามไปจับแขนเธอด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

เป๋าฮวนหันศีรษะไปมองเขาผ่านโคมไฟบนถนน เฟิงหานชวนเห็นดวงตาสีแดงของเธอ

เขาตกตะลึงทันที

หรือว่าเขาทำอะไรผิดอีกแล้วหรือ?

“เฟิงหานชวน คุณมากเกินไปแล้ว! ตอนแรกดูถูกฉันด้วยคำพูด ตอนนี้ก็บังคับฉันกลับมา ต่อไปถ้าฉันไม่หนี คุณต้องการให้โค้งคำนับต่อคุณไหม?” เป๋าฮวนตะโกนขึ้นใส่เขาตรงๆ

เฟิงหานชวนปล่อยมือทันทีและส่ายหัว “ฮวนฮวน ผมเปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่……”

เขาแค่หวังว่าเธอจะอยู่ในอาณาเขตของเขา เขาแค่หวังว่าเธอใกล้ชิดตัวเองมากขึ้น

เป๋าฮวนมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังเดินต่อไป

ร่างกายสูงใหญ่เศร้าสลดของเฟิงหานชวนยืนอยู่ที่เดิม เขามองดูแผ่นหลังที่เล็กกระทัดรัดของหญิงสาว ลำคอของเขาดูเหมือนจะแข็งตัวและส่งเสียงแหบออกมา “ฮวนฮวน อย่าไป ได้ไหม?”

“ฮวนฮวน ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ……”

ฝีเท้าของเป๋าฮวนหยุดชะวัก ร่างทั้งร่างก็แข็งอยู่กับที่ เสียงอ้อนวอนของชายหนุ่มราวกับโซ่ตรวนนับไม่ถ้วนที่ผูกติดอยู่กับร่างเธอ

เธอนึกถึงอาการป่วยกำเริบของเขา และเธอก็คิดถึงที่เขาพูดกับเธอว่า ฮวนฮวน คุณคือยาของผม!

ถ้าเธอจากไปตอนนี้ อาการป่วยของเขาจะกำเริบหรือเปล่า?

เป๋าฮวนหันศีรษะและเหลือบมองที่คฤหาสถ์ มืดมิดไปหมด คิดถึงแม่บ้านหลี่อยู่ในบ้านหลังเก่าและหลิวหลี่ถงที่ถูกคุมขัง ไม่มีคนรับใช้อื่นในคฤหาสถ์นี้แล้ว?

ถ้าตอนนี้เธอจากไปจริงๆ แล้วเฟิงหานชวนป่วยกำเริบ ก็ไม่มีคนที่สามารถช่วยเขาได้?

เป๋าฮวนใจอ่อน เธอค่อยๆหันกลับมา หันหน้าไปทางชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนหน้าบูดบึ้งในขณะนี้ คนทั้งคนดูไร้ชีวิตชีวา เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนจากไปหรือไม่ เขาแค่ไม่มีใครช่วยได้ ราวกับว่าเขาไม่สามารถคว้าความหวังไว้ได้ยังไงยังงั้น

เป๋าฮวนมองท่าทางของเฟิงหานชวน แม้กระทั่งเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้สังเกตเห็นการหันกลับมาของเธอ ตอนนี้เขาปวดใจมากใช่ไหม?

จู่ๆหัวใจของเธอก็กลายเป็นลูกบอล เธออ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ช่างเถอะ มันดึกมากแล้ว พักที่นี่ก่อนหนึ่งคืนละกัน”

ในคืนที่เงียบสงัด เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที

หลังจากรอไม่กี่นาที เป๋าฮวนยังไม่ได้คำตอบที่รอจากชายหนุ่ม จู่ๆเธอก็ตกใจมาก เป็นไปได้ไหมว่าอาการป่วยของเฟิงหานชวนกำเริบ?

ทั้งสองอยู่ห่างกันหลายสิบเมตร ขณะที่เธอกำลังจะวิ่งไปข้างหน้า ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและใบหน้าของเขาก็ชัดเจนขึ้น

ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟบนถนน เป๋าฮวนมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขากำลังยิ้มให้เธอ

“ฮ่าฮ่าฮ่า…บอกคุณแล้วจะได้อะไร? ชีวิตของฉันพังทลายหมดแล้ว! พังพินาศถึงที่สุด…” เสียงแหบของหลิ่วเยว่เอ่อร์คมชัดขึ้น เหมือนเสียงเลื่อยยนต์กำลังคำราม

น่ารำคาญเป็นอย่างมาก

เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึม เขาพบว่าในเมื่อเรื่องไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดแบบนั้น

ที่แท้ฮวนฮวนของเขาไม่ได้ทิ้งเขาไปง่ายขนาดนั้น

“ถ้าหากพูดออกมาว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ฉันจะให้คนคืนทุกอย่างให้กับเธอ” ดวงตาเย็นชาดุดน้ำแข็งคู่นั้นของเฟิงหานชวน มองไปที่หลิ่วเย่ว์เอ่อร์อย่างเคร่งขรึม

หลิ่วเยว่เอ่อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นประสานสายตาเข้ากับเฟิงหานชวนพอดี เธอตกใจจนสั่น แล้วส่ายหัวอย่างหวาดกลัว “ตอนนั้นฉันโกหกคุณ แค่เรื่องนี้ สิ่งที่ฉันชดใช้ก็เยอะมากพอแล้ว…นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นฉันไม่ได้ทำอะไรเลย…”

“หลิ่วเย่ว์เอ่อร์ ตอนนั้นที่ฉันเกิดอุบัติเหตุ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ห้องคนไข้ห้องไหน? แล้วมาหาฉันได้ยังไง?” เป๋าฮวนจี้ถามทันที

ตอนนั้นเธอขาดการติดต่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปแล้ว จากความสามารถของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่มีทางสืบหาห้องคนไข้ของเธอได้ และก็ไม่น่ารู้เรื่องที่เธอเกิดอุบัติเหตุ

ก่อนหน้านี้ที่เธอคิดมาโดยตลอดว่าเฟิงหานชวนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์มีอะไรกัน ดังนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์จึงรู้ข่าวมาจากเฟิงหานชวน

“เฉินฮวนฮวน ถ้าฉันพูดว่าฉันไม่รู้ เธอจะเชื่อไหม?” หลิ่วเยว่เอ่อร์เคลื่อนสายตาจากเฟิงหานชวนมาที่เป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองดูเงียบ ๆ เธอสามารถดูออกได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก เหมือนกับหลิวหลี่ถง พวกเธอสองคนไม่ได้โกหก

“ฉันเชื่อ แต่เธอลองคิดดูให้ละเอียด สามปีก่อน ได้เจอคนแปลกประหลาดอะไรไหม?” เป๋าฮวนพูดเสียงเข้ม

เธอไม่เชื่อว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีจุดเล็ดลอด ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามพุ่งมาที่เธอกับเฟิงหานชวน ถ้างั้นก็ต้องมีจุดเล็ดลอดอยู่บ้าง

หลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ฟังคำพูดของเป๋าฮวน เหมือนในหัวจะคิดอะไรขึ้นมาได้ทันที เธอขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นมา พยักหน้าพูด “มี มีอยู่คนหนึ่งไปหาฉันที่บ้านเกิด เขาแปลกประหลาดมาก ดังนั้นฉันยังจำได้…”

“ประหลาด? ประหลาดยังไง?” เป๋าฮวนจี้ถามทันที ใจเต้นจนถึงลำคอ

หลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นท่าทางกังวลของเป๋าฮวน จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา เธอยิ้มถามพวกเขา “เฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวน ถึงฉันจะพูดออกมาแล้วยังไง ยังไงฉันก็ยังต้องอยู่ในคุกต่อไป?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าดุดันมาก

เขาไม่ชอบถูกคนข่มขู่ แต่เวลาสำคัญตอนนี้ เขาทำได้เพียงคล้อยถามหลิ่วเยว่เอ่อร์

“พูดออกมา ฉันจะให้คนปล่อยเธอไป ให้คฤหาสน์เธอ ให้เงินเธอห้าล้าน เป็นยังไง?” เขาหัวเราะเยือกเย็น

ตอนนั้นที่หลิ่วเยว่เอ่อร์มาหาเขาแทนเป๋าฮวน ก็แค่อยากได้ความมั่งคั่ง แค่เพียงเธอสามารถบอกเบาะแสได้ แน่นอนว่าเขาสามารถตอบสนองเธอได้

“จริงเหรอ?” จู่ ๆ ดวงตาเหม่อลอยของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เป็นประกายในทันที เดิมทีเธอที่เหมือนจะหมดแรงตาย ค่อย ๆ มีแรงขึ้นมา

“รักษาสัญญา” เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้ม

“ตกลง ฉันหวังว่าคุณจะไม่โกหก” หลิ่วเยว่เอ่อร์ยืนตัวตรง เดินไปที่หน้าราวกั้น แล้วพูดจริงจัง “สามปีที่แล้ว ฉันถูกส่งกลับมาเกิดจากคุก ตอนนั้นฉันกลัวมากว่านายจะลงโทษฉันอีก ระแวดระวังจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้วญาติที่บ้านเกิดก็ไม่รู้ว่าฉันถูกไล่ออกจากมหาลัย จึงคิดว่าฉันกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้าน”

“ฉันอยู่บ้านแบบมึนงงทุกวัน ที่ฉันจำได้แม่นก็คือวันนั้นฉันทะเลาะกับพ่อ ตอนที่ออกไปสงบสติอารมณ์ ก็ได้เจอกับชายสวมหน้ากากคนหนึ่ง”

“ผู้ชายคนนั้นถามฉันว่าใช่หลิ่วเยว่เอ่อร์ไหม แล้วยังบอกฉันอีกว่าเฉินฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุ แต่ภายหลัง ฉันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว รอให้ฉันตื่นมา ฉันก็อยู่ในห้องคนไข้ของเฉินฮวนฮวนแล้ว!”

“ชายสวมหน้ากาก? เธอไม่ได้เห็นหน้าตาของเขา?” เป๋าฮวนรอไม่ไหวที่จะถาม

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้พุ่งหาเธอ แต่เธอไม่น่าจะเคยมีเรื่องอะไรกับใคร นี่มันเรื่องอะไรกัน?

“ไม่เห็น แต่เขารูปร่างไม่สูง ค่อนข้างเตี้ยง น่าจะไม่ถึง 170 ใส่เสื้อโค้ตอังกฤษตัวหนึ่ง เสียงน่าจะเป็นเสียงเดิม…ถ้าหากฉันได้เจอเขาอีก ได้คุยกับเขา ฉันน่าจะจำได้” หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก นี่คือความทรงจำเดียวขอเธอ

“ชายหนุ่มตัวเตี้ย…” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ผู้ชายที่เธอรู้จักไม่เยอะ ยิ่งไม่รู้จักชายหนุ่มตัวเตี้ยแบบนี้

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอรู้สิ่งที่ต้องได้รับของการโกหก” เฟิงหานชวนพูดเตือน น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก

หลิ่วเยว่เอ่อร์ส่ายหน้าอย่างแรง ท่าทางของเธอตอนนี้จริงจังมาก คำพูดก็ซื่อสัตย์เป็นพิเศษ เพราะว่าเงื่อนไขที่เฟิงหานชวนให้เธอดีจริง ๆ ถ้าหากเธอช่วยพวกเขาหาชายคนนั้นเจอ เธอก็สามารถออกไปจากคุกได้ ได้ใช้ชีวิตดี ๆ แล้ว!

“ฉันรู้ คุณเฟิง ตอนนี้ฉันไม่กล้าพูดโกหก และก็ไม่อยากโกหก ฉันหวังว่าพวกคุณจะรีบหาตัวคนคนนั้นเจอ แบบนี้แล้วฉันก็สามารถออกจากคุกได้ ฉันไม่มีทางโกหกพวกคุณแล้ว!”

“ฉันจะให้คนพาพวกเธอออกไป แต่จะมีคนของฉันคอยสอดส่องพวกเธอ ถ้าหากนึกเบาะแสอะไรได้ จะต้องพูดออกมาทันที” เฟิงหานชวนพูดสั่ง

ในตอนที่เดินออกมาที่ประตูใหญ่ของคุก ด้านนอกมืดแล้ว

เป๋าฮวนเคยชินกับการนั่งที่นั่งข้างคนขับ เมื่อเฟิงหานชวนขึ้นรถ เธอพูดขึ้น “ส่งฉันกลับโรงแรมตี้ฮวงเถอะ”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบรับเบา ๆ โดยที่ไม่ได้อะไรอีก แล้วสตาร์ทรถมายบัคสีดำ

“เรื่องนี้ต้องมีคนพุ่งเป้ามาที่ฉัน แต่…ไม่รู้ว่าพุ่งเป้ามาที่ฉัน หรือว่าคุณ…” เมื่อครู่เป๋าฮวนคิดจนหัวระเบิด แต่ก็คิดไม่ออกว่าตัวเองมีเรื่องกับผู้ชายที่ไหน

งั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปที่เฟิงหานชวน

ในเมื่อดูไปแล้วเหมือนเฟิงหานชวนจะมีศัตรูอยู่บ้าน สามปีที่แล้วอุบัติเหตุที่บลูส์คลับ เป็นเพราะเฟิงหานชวนถูกคนวางยา

“น่าจะเป็นผม” เฟิงหานชวนรู้ว่าเขาสร้างศัตรูนับไม่ถ้วน

แต่เขาคิดไม่ถึงตรงที่ ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปที่ฮวนฮวนของเขา ทำให้เขากับฮวนฮวนต้องแยกจากกันสามปี

บัญชีนี้ เขาจำเป็นต้องคิดคำนวณให้ดี

“ตอนนี้สำคัญที่สุดก็คือหาให้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร” เป๋าฮวนพูดจบ ก็เอนหัวไปด้านหลัง กะว่าจะงีบหลับสักครู่

จู่ ๆ เธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเงยหน้าขึ้นทันที แล้วหันหน้าไปถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่อย่างตะลึง “เฟิงหานชวน ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูของคุณ งั้นสามปีมานี้ ได้เจออันตรายบ้างไหม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม?”

ถ้าหากเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามพุ่งไปที่เฟิงหานชวน งั้นตอนที่หนีไปสามปีมานี้ ฝ่ายตรงข้ามน่าจะไม่หยุดมือ

ถ้าหน้าเป็นไฟแดงพอดี เฟิงหานชวนค่อย ๆ จอดรถลง เขาหันหน้ามา ประสานสายตามกับหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม

เขายิ้มบางพูดขึ้น “ฮวนฮวน คุณกำลังเป็นห่วงผมเหรอ?”

สิ่งที่เป๋าฮวนสงสัยคือความแปลกประหลาดของหลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงในตอนนั้น

ในเวลานั้น เธอถูกทำให้โกรธจนสมองเลอะเลือน ไม่มีกะจิตกะใจคิดให้ถี่ถ้วน ส่วนคำพูดที่หลิวหลี่ถงพูดในตอนนี้ ทำให้เธอรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แท้จริงแล้ว หลิวหลี่ถงไม่เหมือนว่าโกหก เรื่องราวเมื่อสามปีที่แล้ว หลิวหลี่ถงและหลิ่วเยว่เอ่อร์ มีพฤติกรรมบ้าๆบอๆ และดูไม่ปกติ

“หลิวหลี่ถง เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์แท้จริงเป็นอย่างไร?” เป๋าฮวนถามอย่างจริงจังด้วยใบหน้าที่เย็นชา

ตามหลักแล้ว ผู้หญิงขี้ขลาดอย่างหลิวหลี่ถง ไม่กล้าทำเรื่องแปลกประหลาดแบบนั้นกับเฟิงหานชวนบนเตียง ในตอนนั้นหลิวหลี่ถงดูเหมือนบ้าไปแล้วจริงๆ

“คุณนายสาม ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันรู้แค่ว่าพระเจ้าโทรหาฉัน เขาบอกว่าเขาสามารถช่วยฉันได้ ฉันชอบคุณชายสาม เขาบอกว่าเขาสามารถช่วยฉันขับไล่คุณออกไปและฉันจะได้ตัวคุณชายสาม จากนั้นฉันก็ไปจากวิลล่า ฉันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย……”

“เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าฉันอยู่ในห้องของคุณกับคุณชายสาม จากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเลย……” หลิวหลี่ถงยังคงสับสนอยู่ในสมอง เธอรู้เพียงว่าทุกอย่างแปลกมาก แปลกมากจริงๆ

เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามเธออีกครั้ง: “พระเจ้าที่คุณกำลังพูดถึงเป็นชายหรือหญิง? น้ำเสียงเป็นแบบไหน? ฟังจากเสียงเธอรู้หรือไม่ว่าคือใคร?”

“เป็นเสียงผู้ชาย ไม่ใช่เสียงมนุษย์ เป็นเสียงของพระเจ้า เป็นของพระเจ้า ฉันจำไม่ได้ จำไม่ได้จริงๆ……” หลิวหลี่ถงส่ายหัวกะทันหัน

“ฮวนฮวน เธอกำลังหลอกคุณ เธอแค่อยากให้คุณปล่อยเธอออกไป” เฟิงหานชวนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เลย เขาคิดเพียงว่าหลิวหลี่ถงจงใจทำให้พ้นตัวจึงแต่งเรื่องขึ้นมา

เป๋าฮวนหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วหันไปหาเฟิงหานชวนและว่า “ฉันเห็นเธอรับสายจากพระเจ้านั้นกับตา เธอวิ่งออกไปโดยไม่ใส่เสื้อผ้า หลังจากที่เธอจากไป ฉันก็เก็บกระเป๋าและจากไป”

“เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่?” เฟิงหานชวนแปลกใจทันที

เขาไม่รู้เรื่องนี้ และยังมีสิ่งที่น่าแปลกแบบนี้

เขาคิดมาตลอดว่าเป๋าฮวนจากไปเพราะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงง อีกเรื่องคือปกปิดเรื่องคืนนั้นที่บลูส์คลับ

เรื่องอื่นเขาไม่รู้

คิดไม่ถึงเลยว่า เหตุผลที่เป๋าฮวนจากไปนั้นเป็นเพราะสายโทรเข้าจากพระเจ้านั่น? เป็นเพราะการกระทำของหลิวหลี่ถง?

“ฉันต้องการให้คุณส่งคนไปตรวจสอบว่าคนที่โทรหาหลิวหลี่ถงในบ่ายวันนั้นคือใคร สืบให้ชัดเจนว่าคือใคร อาจมีเค้าลางอะไรบางอย่าง” เป๋าฮวนพูดวิเคราะห์

“คุณนายสาม ขอให้คุณสืบให้ละเอียด ต้องคืนความบริสุทธิ์ให้ฉัน! ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ! ถึงแม้ว่าคุณจะให้ร้อยความกล้าแก่ฉัน ฉันก็ไม่กล้าทำอะไรคุณ……” หลิวหลี่ถงร้องไห้และอ้อนวอนขอความเมตตา

ตรงข้ามกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ดูสงบนิ่งมากกว่า เธอหัวเราะเยาะขึ้น ไม่สนใจที่จะขอความเมตตาเลย

ถึงแม้จะรู้ชัดว่ามีคนใส่ร้ายพวกเธอ แล้วจะทำอะไรได้?

เธอถูกขังที่นี่มาสามปีแล้ว ต่อให้ออกไป เธอก็ต้องเผชิญกับชีวิตที่โหดร้ายกว่า ไร้การศึกษาและไร้ความสามารถ มีแต่จะถูกญาติพี่น้องผองเพื่อนหัวเราะเยาะ!

ถึงแม้จะถูกปล่อยออกมา แล้วจะมีความหมายอีกเหรอ?

เธอกับหลิวหลี่ถงไม่เหมือนกัน หลิวหลี่ถงอาจยังมีความหวัง แต่ความผิดที่เธอทำไม่ใช่เพียงเรื่องเดียว

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอหัวเราะอะไร? เธอรู้ว่าใครคือมือมืดเบื้องหลัง? บอกฉันมา!” เป๋าฮวนมองดูหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่กำลังยิ้มอย่างมึนงง ขมวดคิ้วอย่างหนักและมองดูเธออย่างสงสัย

ดูเหมือนว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร

หลิ่วเยว่เอ่อร์นึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะยังมีชีวิตอยู่!

เฟิงหานชวนไม่ได้บ้า แต่มันคือความจริง ความจริงที่ว่ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ เพราะเฉินฮวนฮวนอยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้

อีกทั้งกำลังจ้องมองมาทางเธอด้วย

หลิ่วเยว่เอ่อร์รีบคลานมายังหน้าคุกอย่างร้อนรน ดวงตาที่ว่างเปล่าของเธอได้จ้องมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่เจอกันนานเลยนะ” น้ำเสียงของเป๋าฮวนราบเรียบมาก ถึงขนาดนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ผ่านไป 3 ปี กลายเป็นเพื่อนเก่า แต่เมื่อเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ในตอนนี้ เธอรู้สึกสะเทือนใจอย่างไม่น้อย

เป๋าฮวนพบว่า ความเกลียดชังหลิ่วเยว่เอ่อร์ในตอนนั้น เวลานี้ได้เลือนหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ความสงสาร

“คุณ…..คุณคือเฉินฮวนฮวนจริง ๆ ………” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์แหบพร่ามาก ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนเลยสักนิด เธอกินไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าไม่อุ่นเวลาอยู่ในคุก ส่งผลให้ร่างกายดูแย่ลง

“ค่ะ” เป๋าฮวนไม่ได้อธิบายอะไรมาก ตอบแค่เพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อ่าฮ่า ๆๆๆ ………”

หลิ่วเยว่เอ่อร์เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะนั้น มันทั้งเศร้าและโหยหวนมากทีเดียว

เธอต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ตลอด 3 ปี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะยังไม่ตาย อีกทั้งยังสง่างามและมีความสุขมากอีกด้วย

ส่วนตัวเองนั้น เพราะการฆ่าตัวตายของเฉินฮวนฮวน เวลานั้นเธอต้องได้รับความทุกข์ทรมานแค่ไหน?

สำหรับเฟิงหานชวนแล้ว การปรากฏตัวของเธอนำมาซึ่งการฆ่าตัวตายของเฉินฮวนฮวน เธอต้องอยู่ในเรือนจำตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เหมือนตลกทั้งเป็น

“คุณบ้าไปแล้ว? คุณหัวเราะอะไร? ยังไม่อ้อนวอนคุณนายสามอีก?” หลิวหลี่ถงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็คุกเข่าลงไปบนพื้น และตะโกนไปทางเฉินฮวนฮวนว่า : “คุณนายสาม ขอร้องนะคะไว้ชีวิตฉันเถอะ! ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันถูกคนอื่นควบคุม ถูกคนอื่นล้างสมอง ฉันคิดว่าตัวเองกำลังฝัน ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆ ……”

เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น ภาพสำมะเลเทเมาของหลิวหลี่ถงในตอนแรกได้ปรากฏขึ้นมาในสมอง

จู่ ๆ หลิ่วเยว่เอ่อร์เหมือนคิดอะไรได้ เธอมองไปยังหลิวหลี่ถงอย่างอึ้งงัน ก่อนจะโพล่งออกมา : “เธอเองก็รู้สึกแบบนี้เหรอ? ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เมื่อสามปีก่อนฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันกำลังกลับบ้านเก่า แต่หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมา กลับอยู่ตรงหน้าของเฉินฮวนฮวนแล้ว ในโรงพยาบาลเมืองเป่ยเฉิง…..”

ตอนนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์แค่มาแทนเฉินฮวนฮวน กลายเป็นผู้หญิงในคืนนั้น เธอถูกทำร้ายปางตาย ดังนั้นตอนนั้นเฟิงหานชวนจึงให้คนลงโทษเธอ และขังเธอไว้ 1 เดือนแล้วค่อยส่งตัวเธอกลับบ้านเก่า

นี่คือส่วนที่เขาเสียใจที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์ปรากฏตัวอีกครั้ง มาสร้างปัญหาต่อหน้าเฉินฮวนฮวน เธอก็คงไม่ต้องเล่นสงครามเย็นกับเขา

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นท่าทางที่สั่นสะท้านของผู้หญิงทั้งสองคนนี้ ก็รู้สึกอดขำไม่ได้ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “พวกเธอสองคนสร้างข่าวลือว่าฉันมีความสัมพันธ์กับพวกเธอ ทำร้ายฉันและเฉินฮวนฮวนจนต้องแยกจากกันสามปี ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอ ก็เพื่อพิสูจน์ความจริงในวันนี้”

“ฮวนฮวน ตอนนี้ผู้หญิงสองคนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมสามารถบอกคุณอย่างตรงไปตรงมา …….” เฟิงหานชวนหมุนตัว ไปเผชิญหน้ากับเป๋าฮวน จากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยสายตาจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ผมกับพวกเธอ ไม่ว่าใครคนไหน ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แม้แต่จะใกล้ชิดกัน ก็ไม่มี”

เป๋าฮวนอึ้งงันไปเล็กน้อย

จริง ๆ แล้วเธอไม่แคร์ความจริงด้วยซ้ำ ๆ แต่ความจริงใจของผู้ชายตรงหน้า ทำให้เธอเหม่อลอยไม่น้อย

ตอนนี้เธอเชื่อแล้ว เชื่อแล้วจริง ๆ เชื่ออย่างไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว

เธอไม่ต้องการคำยืนยันอะไรอีกแล้ว

เพียงแต่…..

ยังมีเรื่องสงสัยอีกหนึ่งเรื่อง ยังเปิดเผยไม่ได้!

“ฉันพักโรงแรม” เป๋าฮวนตอบความจริงกลับไป : “บอดี้การ์ดของฉันจองโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

หลังจากลงเครื่อง เธอก็ตามเฟิงหานชวนไปยังบ้านตระกูลเฟิง ส่วนจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งก็ไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้ว

“โรงแรมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ผมจึงไปพักคอนโดใจกลางเมือง มีแม่บ้านทำความสะอาด และยังพาบอดี้การ์ดไปพักที่นั่นได้อีกด้วย ถึงอย่างไรก็เหลือเวลาเปิดกล้องอีกไม่กี่วันแล้ว หลังจากเริ่มถ่ายทำทีมงานในเมืองเหิงซื่อก็ต้องจองโรงแรมที่อยู่ละแวกใกล้เคียง”

น้ำเสียงของเวินซือเหยี่ยนประดุจสายน้ำที่ใสสะอาด อ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และยังเกรงใจอยู่เล็กน้อยด้วย

“ไม่ต้องรบกวนหรอก อยู่โรงแรมก็ดีอยู่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็พักโรงแรมนี่คะ” เป๋าฮวนรู้ว่าเวินซือเหยี่ยนเต็มใจช่วยเหลือ แต่เธอไม่อยากรบกวนคนอื่นจริง ๆ

“ไม่ได้รบกวนเลย คุณคิดว่าคอนโดเป็นโรงแรมก็ได้ เดี๋ยวกินหม้อไฟเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณไป” เวินซือเหยี่ยนกลับยังตั้งใจมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ และพูดต่อว่า : “คุณช่วยผมเรื่องนี้ รับเล่นบทที่สำคัญนี้ชั่วคราว ไม่อย่างนั้นเกรงว่าละครเรื่องนี้คงจะเปิดกล้องไม่ได้แน่ คุณอย่าปฏิเสธผมอีกเลยนะครับ”

ในเวลานี้เป๋าฮวนเข้าใจในที่สุด ว่าอะไรคือความรู้สึกที่ยากจะปฏิเสธ

ในตอนที่เธอกำลังรู้สึกลำบากใจ เธอเตรียมจะตอบกลับไป แต่แล้วผู้ชายที่นั่งอยู่อีกด้านก็เอ่ยพูดขึ้นฉับพลันว่า : “ประธานเวิน ตอนกลานคืนฮวนฮวนต้องอยู่กับผม เราไม่ลำบากประธานเงินดีกว่า”

เป๋าฮวนหันไปมองเฟิงหานชวน : “???”

เธอต้องอยู่กับเขาตอนกลางคืน?

เธอไปตอบรับตั้งแต่ตอนไหน?

“ฮวนฮวน ประธานเวินเจตนาดีกับคุณ ผมรู้ว่าคุณคงจะไม่กล้าปฏิเสธ แต่เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าตอนกลางคืนผมจะพาคุณไปเรือนจำ จากนั้นก็พาไปยังคฤหาสน์ก่อนหน้านั้น” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปกุมหลังมือของผู้หญิงตรงหน้าไว้

ความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากหลังมือ ทำให้เป๋าฮวนอึ้งงันไป

ไปเรือนจำ?

ไปเรือนจำทำไม?

หรือว่า…….ไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์?

เป๋าฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเกิดความสับสน ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงไปชั่วขณะ

เวินซือเหยี่ยนตั้งใจจะพาเธอไปคอนโดของเขา เฟิงหานชวนจะพาเธอไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ในเรือนจำ….

“ซือเหยี่ยน คืนนี้ไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า ฉันต้องไปเรือนจำกับเฟิงหานชวนจริง ๆ” เป๋าฮวนเลือกที่จะไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ และเป็นการปฏิเสธเวินซือเหยี่ยนในเวลาเดียวกัน

ความตั้งใจของเธอก็คือ หลังจากที่เยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์เสร็จแล้ว เธอไม่สามารถกลับคฤหาสน์ไปพร้อมเฟิงหานชวน แต่จะกลับโรงแรมไปพร้อมกับฮ่องเต้คนนี้

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่บังคับคุณ” เวินซือเหยี่ยนยิ้มด้วยความลำบากใจ แต่ในใจกลับรู้สึกผิดหวัง

แต่ในใจของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนเชื่อมั่นมาก

…..

หม้อไฟมื้อนี้ไม่มีความสุขเลยสักนิด บรรยากาศก็เย็นยะเยือกและอึดอัดใจไม่น้อย

หลังจากที่แยกกัน เฟิงหานชวนก็พาเป๋าฮวนไปเรือนจำ

เป๋าฮวนเคยมาเรือนจำเมื่อสามปีก่อน ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดี ไม่นาน ผู้คุมก็พาพวกเขาไปยังหน้าห้องห้อง ๆ หนึ่ง

หลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงอยู่ในห้องนี้ ทั้งสองคนผมเผ้ายุ่งเหยิง สวมชุดนักโทษสีฟ้า นอนอยู่บนพื้นที่ทั้งเก่าและสกปรก

สิ่งแวดล้อมในนี้แย่มาก มีแค่ช่องระบายอาการเล็ก ๆ เหนือสุดของกำแพงช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้รู้สึกหดหู่และหายใจไม่ออก

เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว หลิวหลี่ถงเงยหน้าขึ้นมาเป็นคนแรก เมื่อเธอเห็นผู้มาเยือนคือเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน จึงรีบคลานไปยังหน้าคุกโดยไม่คิดทันที จากนั้นก็ตะโกนออกไปเสียงดังว่า : “ประธานเฟิง ให้อภัยฉันเถอะนะ ปล่อยฉันออกไปเถอะ…….”

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของหลิวหลี่ถง วินาทีที่หันหน้าไปมอง ร่างทั้งร่างก็อึ้งงันไป

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายของเฟิงหานชวน เหมือนกับเฉินฮวนฮวนไม่มีผิด……..

“อ๊า!!!” หลิ่วเยว่เอ่อร์จับศีรษะพร้อมกับกรีดร้อง : “คุณยังไม่ตาย! คุณยังไม่ตายจริง ๆ !”

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แล้วมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ภาพลักษณ์ของเขาในเวลานี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เป๋าฮวนรู้สึกราวกับหัวใจของเธอเต้นผิดไปครึ่งจังหวะ เธอไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ และไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว

“ฮวนฮวน ผมคีบให้คุณใหม่นะ อาหารในถ้วยของคุณเย็นหมดแล้ว” ในเวลานี้เอง เสียงของเวินซือเหยียนก็ดังขึ้น

สติของเป๋าฮวนถูกดึงกลับมา เธอหันกลับมาอีกครั้ง เห็นว่าเวินซือเหยียนใช้ตะเกียบคีบเนื้อและผักที่สุกแล้วให้เธอ

มันกำลังร้อนๆ ดูน่ากินมาก

“ขอบคุณค่ะ!” เป๋าฮวนรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หยิบตะเกียบ คีบเนื้อที่ยังร้อนๆ ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จุ่มลงในซอสงาแล้วนำเข้าปาก อร่อยจนเธอติดใจ

เป๋าฮวนกำลังหิวพอดี กินราวกับน้ำไหลหลากทะทักเข้าท่วมฉับพลัน ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่นานผักและเนื้อในถ้วยของเธอก็หมด

เป๋าฮวนกำลังจะเปลี่ยนตะเกียบแล้วคีบต่อ ก็เห็นว่าเฟิงหานชวนเริ่มคีบเนื้อส่งมาในถ้วยของเธอแล้ว

“เฟิงหานชวนไม่ต้องแล้ว คุณกินของคุณเถอะ ไม่ต้องคีบให้ฉันแล้ว” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยอัตโนมัติ

มือของชายหนุ่มหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลงทันที

เวินซือเหยียนคีบอาหารให้เธอ เธอไม่ปฏิเสธ พอตัวเองคีบอาหารให้เธอบ้าง เธอกลับปฏิเสธ?

เฟิงหานชวนที่อารมณ์ดีในตอนแรก ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับชายหนุ่ม เป๋าฮวนหันไปมองเขา พบดวงตาสีดำสนิทของเขาที่เย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง เธอรู้สึกหัวใจ “กระตุก” ขึ้นมาทีหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

นี่เธอทำให้เฟิงหานชวนโกรธเหรอ

ก็ไม่ใช่ ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังป่วย อารมณ์แปรปรวนก็เป็นเรื่องปกติ

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนผ่อนคลายลงแล้ว อย่างไรประโยคนั้นของเขา ทำให้เธอนึกไปถึงตอนบ่าย เขาบอกกับเธอว่า ‘ฮวนฮวน คุณก็เป็นยาของผมไง’

ดังนั้นเมื่อเธออยู่ตรงนี้ เขาไม่น่าจะป่วยหรอกใช่ไหม

“เฟิงหานชวน ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็กลับไปก่อนนะ” เป๋าฮวนเอ่ยบอกเขาอย่างนิ่มนวล

อย่างไรเวินซือเหยียนก็อยู่ตรงนี้ เฟิงหานชวนต้องไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาป่วยอย่างแน่นอน ดังนั้นเป๋าฮวนจึงไม่ได้พูดตรงๆ แต่พิจารณาจากความคิดของเฟิวหานชวน และเอ่ยโน้มน้าวอย่างนิ่มนวล

ทว่า ในหูของเฟิงหานชวน คำพูดของเป๋าฮวนกลับเปลี่ยนไป

สำหรับเขาแล้ว เป๋าฮวนก็แค่ไม่ชอบที่เขามาเกะกะอยู่เป็นก้างขวางคอ ทำให้เป๋าฮวนไม่สามารถอยู่กับเวินซือเหยียนได้ตามลำพัง

เมื่อสักครู่เขามั่นใจมาก คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในใจของเป๋าฮวน แต่ตอนนี้ เฟิงหานชวนเริ่มสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง…

เป๋าฮวนสามารถทำให้เขาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้เสมอ

“ผมสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นเยือกลง แล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกคุณคุยกันปกติเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้”

เฟิงหานชวนดูเหมือนจะกลับไปเย็นชาตามปกติของเขา เป๋าฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังกังวลเล็กน้อยว่าเฟิงหานชวนจะป่วย

“โอเค ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็บอกฉันล่วงหน้านะ” เป๋าฮวนเอ่ยบอกเสียงเบา

ทุกการกระทำและบทสนทนาระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนตกอยู่ในสายตาของเวินซือเหยียน เวินซือเหยียนดูออกว่าเป๋าฮวนห่วงใยเฟิงหานชวนมาก

แต่ว่า เป๋าฮวนไม่ได้ยอมรับเฟิงหานชวนภายในเดียว ถ้าอย่างนั้นเขายังมีโอกาสไม่ใช่เหรอ

“ฮวนฮวน ช่วงนี้ประธานเฟิงไม่สบายเหรอ ผมรู้สึกว่าประธานเฟิงดูแข็งแรงมากเลยนะ” แม้ว่าเวินซือเหยียนจะถามเป๋าฮวน แต่สายตาของเขากำลังพินิจพิเคราะห์เฟิงหานชวน

เวินซือเหยียนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย แต่เป๋าฮวนกลับคิดว่าเฟิงหานชวนไม่สบาย หรือว่าเฟิงหานชวนกำลังแสร้งป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจ?

“ฮะ?” เป๋าฮวนผงะไป เธอรีบเอ่ยอธิบาย “เขาแค่เป็นหวัดน่ะ ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง”

ปลายนิ้วชี้ของเฟิงหานชวนขยับเคาะเบาๆ บนโต๊ะสองครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของเป๋าฮวน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย

เธอไม่ได้พูดอาการป่วยของเขาออกไป พิสูจน์แล้วว่าเธอห่วงใยเขา

และยังพิสูจน์ด้วยว่า เวินซือเหยียนไม่ได้สำคัญกับเธอขนาดนั้น

ถ้าเป็นคนสำคัญ เป๋าฮวนควรจะซื่อสัตย์ต่อเวินซือเหยียน ไม่ใช่จงใจปิดปังอาการป่วยของเขา

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประธานเฟิงซะอีก” เวินซือเหยียนเพียงยิ้มน้อยๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฮวนฮวน คืนนี้คุณพักที่ไหน มีที่พักในเป่ยเฉิงไหม”

“เฟิงหานชวน คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

เป๋าฮวนเดินไปที่ข้างโต๊ะของเฟิงหานชวน ขมวดคิ้วและเท้าเอวแล้วถามอย่างไม่พอใจ

เดิมเธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะใจดีพาเธอไปส่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะสะกดรอยตามมาที่ร้านหม้อไฟ

นี่เป็นการสะดกรอยตาม นี่คือการเฝ้าสังเกต!

เมื่อถูกหญิงสาวจับได้ต่อหน้า เฟิงหานชวนเกลียดตัวเองที่ปกปิดอีกต่อไปไม่อยู่ แต่ว่าเขาไม่เสียใจ

ถูกเห็นเข้าก็ถูกเห็นเข้า เขาเป็นคนซื่อตรงและเปิดเผย

“ฮวนฮวน ผมแค่มาทานอาหารที่นี่” เขาอธิบายอย่างใจเย็น

“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?” ใบหน้าเป๋าฮวนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“ในเมื่อคุณอยากเข้าใจผิด ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้” เฟิงหานชวนยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเธอแล้วถามว่า: “ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่ได้มาหาผม เมื่อครู่ผมรบกวนพวกคุณหรือเปล่า”

เป๋าฮวน : “……”

ดูเหมือนว่าไม่มีรบกวน

“อะแฮ่ม แม้ว่าคุณจะไม่ได้รบกวน แต่คุณกำลังเฝ้าดูฉันอยู่! ไม่อย่างนั้นคุณต้องมาทานที่นี่ให้ได้?” เป๋าฮวนไม่เชื่อสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดเลย

“ร้านนี้รสชาติดีมาก ผมบังเอิญส่งคุณมา ก็เลยทานอาหารเย็นที่ร้านนี้ มีปัญหาอะไรไหม?” เฟิงหานชวนพูดอย่างชอบธรรม

เป๋าฮวน : “……”

ดูเหมือนว่าไม่มีปัญหา

ทันใดนั้นเธอก็หัวเสีย

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะไม่ได้รบกวน ทานหม้อไฟที่นี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เขาต้องอยู่ทานหม้อไฟที่นี่ เพื่อความสะดวกในการเฝ้าตามดูเธอแน่ๆ

“ประธานเฟิงพบกันอีกแล้ว” ในขณะนั้นเวินซือเหยี่ยนก็เดินมาและเริ่มเป็นคนทักทายเฟิงหานชวน และยื่นมือขวาของตัวเองออกมา

เฟิงหายชวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้ตอบหรือจับมือกับเขา

เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีมารยาท เป๋าฮวนก็หยิกแขนของเขาและสั่งสอนว่า “คนเขาทักทายคุณ ทำไมคุณถึงไม่สนใจ? เฟิงหานชวน คุณไม่มีมารยาทเลย”

เฟิงหานชวนเบ้ปาก:“……”

สมควรตาย!

ผู้หญิงคนนี้ให้ความสำคัญกับเวินซือเหยี่ยนมากขนาดนี้หรือ?

เขาแค่เพิกเฉยต่อคำทักทายของเวินซือเหยี่ยน เป๋าฮวนก็รู้สึกเห็นใจ?

“ฮวนฮวน ไม่เป็นไร ประธานเฟิงเย็นยะเยือกมาตลอด ผมเตรียมใจไว้แล้ว” เวินซือเหยี่ยนดึงมือกลับ แล้วยิ้มเจื่อนๆ

เฟิงหานชวนรับรู้ถึงการยั่วยุในคำพูดของเขา และเขาเยาะเย้ย “ประธานเวินนี่ว่างมากจริงๆ เป็นประธานที่สง่างาม เขาอธิบายสคริปต์ด้วยตัวเอง”

“ประธานเฟิง ฮวนฮวนเป็นเพื่อนของผม ตระกูลเป๋าก็เป็นคนรู้จักของตระกูลเวินเรา ดังนั้นฮวนฮวนจึงมีความสำคัญกับผมมาก และผมต้องการความช่วยเหลือจากฮวนฮวน ดังนั้นก็ต้องคุยต่อหน้ากันเป็นอย่างดี” เวินซือเหยี่ยนยังคงยิ้มเจื่อนๆ ที่มุมปาก ซึ่งดูแล้วอ่อนโยนและสง่างามมาก

อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนตระหนักถึงความก้าวร้าวในคำพูดของเขา

เวินซือเหยี่ยนกำลังอวดดี ตระกูลเวินและตระกูลเป๋าเป็นเพื่อนกัน ตระกูลเป๋ายืนอยู่ข้างเขา และเขาชอบฮวนฮวน นี่คือจุดที่สำคัญ

เฟิงหานชวนรู้สึกหงุดหงิด สีหน้าของเขาดูหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม

“ในเมื่อประธานเฟิงมาคนเดียว ถ้าคุณไม่รังเกียจ ทำไมไม่อยู่ด้วยกันหล่ะ?” เวินซือเหยี่ยนเป็นคนเชิญเอง

ตอนนี้เขาเข้าใจสิ่งหนึ่ง นั่นคือเป๋าฮวนไม่ได้ยอมรับเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็จะไม่มีสถานการณ์แบบนี้

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังตามจีบเป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนไม่มีท่าทีเห็นด้วย

ถ้ายังงั้น ตัวเองก็ยังมีโอกาส

“ได้” เฟิงหานชวนเห็นด้วยโดยไม่ลังเล

เป๋าฮวนที่อยู่ข้างๆ: “???”

ผู้ชายสองคนนี้กำลังทำอะไรกัน?

ไม่คิดจะถามเธอหรือ?

……เฮ้ย!

“พวกคุณสองคนควรทำอะไร ก็ทำเถอะ ฉันไปเข้าห้องน้ำ” เป๋าฮวนหันหัวอย่างหมดคำพูดและเดินไป

เรื่องนี้จบลงแล้ว เธอจะไล่เฟิงหานชวนออกไปก็ใช่เรื่อง ทานด้วยกันก็ทานด้วยกันเถอะ

เมื่อเธอกลับมา พนักงานเสิร์ฟก็เชิญเธอไปที่โต๊ะกลมเล็กๆอีกโต๊ะ เฟิงหานชวนและเวินซือเหยี่ยนนั่งอยู่ที่นั่น ต่างคนต่างหันไปคนละทิศ

เป๋าฮวนนั่งลงในด้านที่พวกเขาปล่อยให้ว่าง และตำแหน่งของทั้งสามคนกลายเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม

มีบรรยากาศที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน

“ซือเหยี่ยน ขอฉันดูเนื้อเรื่องก่อน หากมีตรงไหนที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันจะถามคุณอีกครั้ง” เป๋าฮวนยังคงพูดกับเหวินซือเหยี่ยนอย่างสุภาพ

“ได้” เวินซือเหยี่ยนยิ้มพร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า “ทานอะไรหน่อยก่อนเถอะ ทานไปดูไปด้วยก็ได้ ไม่ต้องรีบ”

พูดแล้วเขาใช้ตะเกียบกลางคีบอาหารร้อนๆให้เป๋าฮวน

เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาอารมณ์เสียกับการกระทำของเวินซือเหยี่ยน นึกไม่ถึงเลยว่าจะยั่วยุแบบนี้ต่อหน้าเขา

“ขอบคุณ” เป๋าฮวนยังคงขอบคุณเขาอย่างสุภาพ และหยิบตะเกียบขึ้นมา หยิบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากทาน

สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งหมอง เป๋าฮวนไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ ยังทานอาหารอีกด้วย

อารมณ์ของเขามืดมิดเกินไปแล้ว และดวงตาของเขาจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงข้าม

เวินซือเหยี่ยนสังเกตเห็นแววตาและสีหน้าของเฟิงหานชวน เขาหัวเราะเบาๆ และจงใจพูดว่า: “ประธานเฟิง ทำไมคุณไม่ทาน? ไม่ถูกปากคุณหรือ?”

“ฮวนฮวน ผมอยากทานเนื้อวัว” เฟิงหานชวนไม่สนใจคำพูดของเวินซือเหยี่ยน แต่หันไปมองเป๋าฮวนและพูดกับเธอ

เป๋าฮวนกำลังเคี้ยวเนื้อในขณะที่ดูเนื้อเรื่องในมือ เธอเงยหน้าขึ้นเผชิญกับสายตามของเฟิงหานชวนปรากฏเครื่องหมายคำถามขึ้นสามอันต่อหน้าเธอ

เป๋าฮวน: “???”

“โอ้ คุณอยากทานก็ทานสิ” เธอพยักหน้าด้วยสีหน้างุนงง แล้วมองเนื้อเรื่องต่อ

สีหน้าของเฟิงหานชวนคล้ำหมอง เขายิ่งพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ฮวนฮวน คุณคีบให้ผมทานหน่อย”

เป๋าฮวน: “???”

เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าสมองเฟิงหานชวนถูกลาเตะหรือเปล่า?

“ฮวนฮวน ผมอยากทานเนื้อชิ้นนั้นในชามของคุณ” เฟิงหานชวนพูดต่อโดยไม่ย่อท้อ

“……” เป๋าฮวนมองหม้ออีก จากนั้นก็มองเฟิงหานชวนและพูดด้วยท่าทางงุนงง: “ในหม้อก็มีนี่!”

“ฮวนฮวน ฉันแค่อยากทานในชามของคุณ ผมแค่อยากทานที่คุณคีบให้ผมเท่านั้น” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้ว่าคำว่า “หนังหน้า” สองคำนี้เขียนอย่างไรแล้ว

เป๋าฮวน: “???”

เรื่องบ้าอะไร!

อาการป่วยของเฟิงหานชวนกำเริบหรือเปล่า?

เห็นลักษณะตกใจของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนไม่ลังเลและเกือบจะบีบคั้นทุกฝีก้าว: “ฮวนฮวน ผมอยากทาน”

เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่เคยแปลกประหลาดขนาดนี้ และกังวลว่าอาการป่วยเขากำเริบขึ้น ดังนั้นจึงรีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งในชามตัวเองแล้วโยนมันลงในชามของเฟิงหานชวน

เธอรีบพูดว่า: “นี่ ทานสิ ทานสิ”

เฟิงหานชวนมองลงไปที่ชิ้นเนื้อวัวในชาม ยกมุมปากขึ้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบชิ้นเนื้อเข้าปาก

จากนั้นเขาก็มองเวินซือเหยี่ยนที่ฝั่งตรงข้ามอย่างยั่วยุ

เวินซือเหยี่ยนมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปากมาตลอด แต่มันหายไปในทันที และมีความเศร้าอยู่ในใจ

ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะอิจฉาเฟิงหานชวนขึ้นมา

ถ้าตัวเขาพูดแบบนี้กับเป๋าฮวน เป๋าฮวนคงไม่คีบอาหารเขา

“เฟิงหานชวน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” เป๋าฮวนมองดูเฟิงหานชวนที่แอบหัวเราะอยู่ แล้วรีบยื่นมือออกไปเขย่าไหล่และถามอย่างเป็นห่วง

“หือ?” ขณะที่เฟิงหานชวนหันศีรษะและมองเธอ แววตาของเขาอ่อนลงทันที เขายิ้มและพูดอย่างแผ่วเบา: “ผมไม่เป็นไรอยู่แล้ว”

“ฮวนฮวน มีคุณอยู่ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”

“ที่นี่ไม่มีห้อง VIP เหรอ?”

เป๋าฮวนนั่งลงตรงข้ามเขา ประโยคแรกที่ถามก็คือคำถามนี้

ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าเวินซือเหยี่ยนคือนักแสดงชายที่กำลังโด่งดัง ซุปตาร์หนุ่ม ที่มีแฟนคลับเยอะมาก ยังไงก็ต้องมีปาปารัสซีคอยตามอยู่แน่นอน คนแบบนี้มากินข้าวกับผู้หญิงเป็นการส่วนตัวในที่สาธารณะ คงไม่เหมาะสมแน่ ๆ?

เกิดเป็นข่าวขึ้นมา คงจะอธิบายยากแน่ ๆ?

“วางใจเถอะ ที่นี่คนน้อย อีกอย่างมันเป็นระบบการจอง ปาปารัสซีเข้ามาไม่ได้หรอก” เวินซือเหยี่ยนหัวเราะเบา ๆ

ความจริงแล้วเรื่องที่เขาอยากพูดก็คือไม่มีปาปารัสซีตามเขาทั้งนั้นแหละ

“งั้นก็ดี ไม่งั้นถ้ามีข่าวหลุดออกไปคงสะเทือนวงการบันเทิง เกิดปัญหาใหญ่แน่ ๆ” เป๋าฮวนพูดความจริง เธอเองก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันเรื่องซุบซิบนินทาเหล่านั้น

ถึงแม้จะอยากก้าวหน้าในวงการบันเทิง แต่ก็ไม่อยากใช้วิธีนี้มาสร้างกระแส

เวินซือเหยี่ยนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบไอแพดยื่นให้กับเป๋าฮวน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า : “ดูสิว่าอยากกินอะไร ผมยังไม่สั่งอาหาร เลือกน้ำซุปก่อนเถอะ”

“ได้” เป๋าฮวนพยักหน้า

หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จแล้ว เวินซือเหยี่ยนก็หยิบบทละครออกจากระเป๋า และยื่นมันให้กับเป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองไปบนตัวอักษรสีทองที่ปรากฏอยู่บนหน้าปกสีดำว่า หมิงเยว่แห่งวังหลวง เธอเข้าใจทันที นี่คือบทละครที่เวินซือเหยี่ยนเคยพูดกับเธอ

“แล้วฉันได้รับบทไหน? ชื่อว่าอะไร?” เป๋าฮวนถามขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว

ก่อนหน้านั้นเวินซือเหยี่ยนเคยพูดแค่เรื่องตัวละครกับเธอเท่านั้น แต่บทที่เป็นรูปธรรมแบบไหน เป๋าฮวนไม่รู้

“บทที่คุณต้องแสดงก็คือ พี่น้องแสนดีกับนางเอกหมิงเยว่ ชื่อว่า กุยหลาน” เวินซือเหยี่ยนตอบกลับไป

โชคดีที่เป๋าฮวนเพิ่งศึกษาบทบาทของตัวละครกุยหลานคนนี้มาพอดี ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเปล่งประกาย ก่อนจะพูดว่า : “ชื่อนี้ไพเราะมาก แต่ ……. ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับบทบาทของตัวละครเท่าไหร่”

ความคิดแรกที่เห็นชื่อนี้ เธอคิดว่าเป็นนางสนมที่สง่าผ่าเผยอยู่ในวัง แต่กุยหลานมีบทบาทเหมือนอย่างที่เวินซือเหยี่ยนพูดไว้ก่อนหน้านั้น เป็นคนที่โง่เขลาและไร้เดียงสาที่สุดในวัง

“ส่วนหมิงเยว่บทนี้ แสดงโดยหลินฉายเฟยหนึ่งในนักแสดงที่กำลังฮอตฮิตที่สุดในวงการบันเทิงตอนนี้ เนื้อเรื่องหลักเล่าถึงชีวิตของหมิงเยว่ตั้งแต่เป็นหญิงรับใช้ของฮองเฮาจนถึงพระสนมของฮ่องเต้” เวินซือเหยี่ยนตั้งใจเล่าให้เธอฟัง

หลังจากที่ได้ฟังอย่างละเอียด เป๋าฮวนก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ส่วนบทบาทของตัวเองนี้ ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นตัวดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่เรื่องที่หนักใจก็คือ กุยหลานเป็นพี่น้องที่แสนดีของหมิงเยว่ ตัวร้ายทำร้ายหมิงเยว่ไม่สำเร็จ ต่อมาก็มาลงมือกับกุยหลาน สุดท้ายกุยหลานก็ตายอย่างน่าอนาถอยู่ในสระน้ำของสวนยวี่ฮวาเยวี๋ยน ส่วนหมิงเยว่ก็กลายเป็นผู้ร้ายไปโดยปริยาย

ถึงแม้ว่าบทบาทของกุยหลานจะไม่ค่อยเยอะนัก แต่ก็ไม่น้อยเลย อีกทั้งยังอยู่ในเส้นทางที่แสนเล่ห์เหลี่ยมของหมิงเยว่ นำพาไปสู้บทสรุปของการตัดสินใจครั้งสุดท้าย

ดังนั้นพูดได้ว่ากุยหลานบทนี้ ถึงจะดูไม่สำคัญ แต่ก็สำคัญอยู่มากทีเดียว

เธอพอใจกับบทบาทนี้มาก

“อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะแสดง ฉันคุยกับคุณตาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะถ่ายทำตอนไหนฉันโอเคหมด ก่อนจะถ่ายทำเสร็จ ฉันน่าจะยังอยู่ในประเทศฮัว” เป๋าฮวนพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น

เวินซือเหยี่ยนคลี่ยิ้ม เหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า : “งั้นผมขอสรุปให้คุณรับบทเป็นกุยหลานอย่างเป็นทางการ”

“ค่ะ!” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อีกครั้งว่า : “แล้วนักแสดงคนอื่นเขาเป็นคนแบบไหนกันบ้าง? ฉันอยากจะหาประวัติของพวกเขา ทำความเข้าใจสักหน่อย”

ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานในกองถ่ายอยู่แล้ว หลายปีมานี้เธอไม่ค่อยรู้เรื่องราวของนักแสดงภายในประเทศเท่าไหร่ ดังนั้นจึงอยากจะค้นหาข้อมูลศึกษาคร่าว ๆ ก่อน ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่อึดอัดใจ

“แล้วฮ่องเต้ล่ะใครแสดง? คุณเหรอ ซือเหยี่ยน?” เป๋าฮวนถามไปเรื่อย

เวินซือเหยี่ยนหยุดชะงักไปทันที

ในเวลานี้ ก็มีผู้ชายที่นั่งอยู่ห่างจากด้านหลังของพวกเขาไม่ไกลนัก เกิดอาการนิ้วสั่นเล็กน้อย

ซือเหยี่ยน เรียกสนิทกันขนาดนี้เชียว……

เวินซือเหยี่ยนมองไปทางเป๋าฮวนที่กำลังอ่านบทละคร เมื่อเห็นเธอใจลอย ก็รู้ทันทีว่าเธอคงจะไม่ได้ตั้งใจถาม จึงอธิบายไปว่า : “ฮ่องเต้คือนักแสดงรุ่นเก่าของผมคนหนึ่ง เป็นนักแสดงมากฝีมือ ชื่อว่าซ่งเฟิง”

“ฮวนฮวน คุณ……อยากให้ผมแสดงเป็นฮ่องเต้เหรอ?” เขาอดใจไม่ไหว จึงถามออกไปอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็อยากจะถามออกไป

“อ่า?” เป๋าฮวนอึ้งงันไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีและพูดว่า : “ฉันก็ถามไปงั้นแหละ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นฝ่ายผู้จัดอยู่แล้ว ฉันก็แค่คิดว่าคุณจะเล่นบทนำด้วยรึเปล่าเท่านั้น”

“จริง ๆ แล้วผม…..” เวินซือเหยี่ยนเกิดเห็นแก่ตัว เขาคิดอยากจะเปลี่ยนตัวซ่งเฟิง ก็ใช่ว่าจะไม่ได้

ถึงอย่างไร เขาก็เป็นฝ่ายการสร้างและฝ่ายผู้จัดของบทละครเรื่องนี้อยู่แล้ว

เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกเป๋าฮวนตัดบทไปเสียก่อน

“ฉันรู้สึกว่าบทของฮ่องเต้นี้ไม่เหมาะสมกับคุณ คุณยังเด็กเกินไป อีกอย่างฉันรู้สึกว่าบทบาทฮ่องเต้เหมือนกับ……เอ่อ หลายใจ ไม่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของคุณ” เป๋าฮวนไม่ค่อยชอบฮ่องเต้บทนี้เท่าไหร่

ที่เรียกว่านางงามในวัง 3000 นาง หมายถึงบรรดาพวกผู้หญิงของฮ่องเต้ วนเวียนอย่างเท่าเทียม ไม่มีจิตใจที่บริสุทธิ์เลย

สำหรับฮ่องเต้ การมีพระสนมเยอะแบบนี้ ผลัดเวรกันมาสร้างความสุขทุกวัน เป็นเรื่องปกติ แต่ความคิดของคนปัจจุบัน ก่อนแต่งงานจะอะไรยังไงกับใครก็ได้ ตอนแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน หลังแต่งงานถ้าไปมีผู้หญิงหรือผู้ชายคนอื่น นั้นเรียกว่าไม่ซื่อสัตย์

ส่วนบทฮ่องเต้ในละครเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นหมิงเยว่ กุยหลาน ฮองเฮาหรือว่าพระสนมคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มี “ความรัก” กับฮ่องเต้ทั้งนั้น บางคนถึงกับต้องต่อสู้เพื่อแก่งแย่งชิงดี บางคนก็เข้าใจซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นพี่น้องกัน

“ฮวนฮวน คุณเป็นห่วงภาพลักษณ์ของผมเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกดีไม่น้อย

รู้สึกสบายใจอะไรประมาณนั้น

อีกทั้งในสายตาของเป๋าฮวน เขาน่าจะเป็นผู้ชายมั่นคงในความรัก

“คุณหล่อขนาดนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีความสามารถ แต่แฟนคลับก็คงอยากให้บทบาทที่คุณได้รับนั้นสะอาดไม่คดโกง ฉันคิดแทนพวกเธอ” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างจริงจัง

ต่อจากนั้น เวินซือเหยี่ยนก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจ แต่แล้วก็เกิดเสียง “ปุด” ทุกอย่างก็มอดไหม้ลง

“ฮวนฮวน ผมเป็นแขกรับเชิญได้นะ ส่วนนักแสดงหลักส่วนใหญ่ ก็เซ็นสัญญาไปหมดแล้ว ดังนั้นคงจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว” เวินซือเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ และยังคงมุ่งมั่น

อันดับแรก เขาไม่เคยยอมเป็นแขกรับเชิญแบบนี้ แต่เพื่อเป๋าฮวน เขาทำได้

เขาอยากจะเข้าไปดูเธอในกองถ่ายในนามของแขกรับเชิญ ถือโอกาสเข้าฉากกับเธอ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

ไม่อย่างนั้น เขาคงจะหาโอกาสสานสัมพันธ์กับเธอไม่ได้อีกแล้ว

“อื้อ ๆ ดีเลย” เป๋าฮวนอ่านบทละคร ได้แต่พยักหน้าโดยไม่คิดอะไร

ไม่นาน หม้อไฟก็เดือด ผักและเนื้อก็ถูกยกเสิร์ฟพอดี

เป๋าฮวนถือโอกาสตอนที่กำลังต้มผักและเนื้อบอกกล่าวกับเวินซือเหยี่ยน จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะไปเข้าห้องน้ำ

ในตอนที่เธอหมุนตัวนั้น ก็เหลือบไปเห็นโต๊ะสองและสามในร้านอาหารกำลังรับประทานอาหาร แต่มีเงาคนคนหนึ่ง ที่เธอรู้สึกไม่ชอบมาพากล

ประเด็นคือโต๊ะนั้น มีเขาแค่คนเดียว อีกทั้งเสื้อผ้าตัวนั้น ด้านหลังศีรษะนั้น เธอไม่มีทางจำผิดแน่

เป๋าฮวนก้าวเท้าไปยังทิศทางของผู้ชายคนนั้น

หลังจากที่คุยกับฝังซูเสร็จ เฉินเจี๋ยก็วางสายไป

เพราะว่าตอนที่เฉินเจี๋ยโทรศัพท์ก็เปิดลำโพง ดังนั้นหลีซืออวิ๋นได้ยินคำพูดทั้งหมดของฝังซูอย่างชัดเจน

“เป๋าอวี้ เป็นแค่ลูกนอกคอก เป็นไปได้ว่าเป๋าฮวนก็อาจจะใช่ด้วย” หลีซืออวิ๋นคาดเดาแบบนี้ เธอพูดขึ้น “วันนี้ฉันเห็นกระโปรงที่เป๋าฮวนใส่ ไม่ใช่แบบของแบรนด์หรู ถึงแม้จะดูละเอียดสวยงาม แต่อาจจะเป็นแค่ผลงานดีไซเนอร์ของแบรนด์เล็ก ๆ แค่นั้นแหละ”

“ใช่ใช่ใช่ อาจจะเป็นไปได้มากว่าเป็นแค่ลูกนอกคอก อีกอย่างเธอดูนะก่อนหน้านี้เป๋าฮวนเร่ร่อนอยู่ด้านนอก จะต้องเป็นลูกนอกกฎหมายแน่นอน จะมาเทียบกับอวิ๋นเออร์ได้ยังไง?” เฉินเจี๋ยพูดเสริม

หลีซืออวิ๋นพอใจเป็นอย่างมากกับคำตอบของเฉินเจี๋ย เธออกผายไหล่ผึ่ง ดูมั่นใจในตัวเองมากกว่าเดิม

ในเมื่อเป๋าฮวนไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงของตระกูลเป๋า งั้นก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีเงินนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง

แต่หลีซืออวิ๋นไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหลี ภายภาคหน้าก็จะเป็นของเธอทั้งหมด

“เฉินเจี๋ย ช่วงนี้ฉันไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป เพราะว่าหานชวนยังจีบเป๋าฮวนไม่ติด แต่…ฉันอยากให้นายช่วยฉันคอยสอดมองเป๋าฮวนไว้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวและภูมิหลังของเธออย่างละเอียด” หลีซืออวิ๋นใบหน้าสวยสง่านั่น กลับเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ได้อย่างชัดเจน

“อวิ๋นเออร์คุณวางใจได้ ไม่มีปัญหา เชื่อใจฉันได้ ฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ เธอยังไม่วางใจเหรอ?” เฉินเจี๋ยจงใจขยับตา ดูเลี่ยนเป็นพิเศษ

หลีซืออวิ๋นรู้สึกพะอืดพะอม แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ เธอรู้ว่าตัวเองมีเรื่องที่ต้องพึ่งพาเฉินเจี๋ย ดังนั้นจึงลดทิฐิลง

เดิมทีเฉินฮวนเตรียมตัวจะกลับไปตอนบ่าย แต่เฟิงเหลยถิงให้เธออยู่เล่นหมากรุกต่อ

เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ตอนเย็นตนเองยังจะต้องนัดเจอกับเวินซือเหยี่ยน จึงเป็นฝ่ายบอกลาเฟิงเหลยถิง หยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะออกไป

เฟิงหานชวนเรียกเธอไว้ “ฮวนฮวน ผมไปส่งคุณ”

“ไม่ต้อง ฉันเรียกแท็กซี่ก็ได้แล้ว” เป๋าฮวนส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

“ผมไปส่งคุณ” เฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเธอ โอบเอวของเธอไว้ แล้วพาเธอออกไปจากห้องรับแขก

เมื่อมาถึงในสวน เป๋าฮวนถึงได้ดิ้นหลุดจากมือเขา แล้วพูดอย่างหมดอารมณ์ “เฟิงหานชวน คุณอย่าลงไม้ลงมือ!”

“ฮวนฮวน ผมแค่ทำให้นายท่านเห็น” เฟิงหานชวนหยิบโล่กำบังออกมา

“หมายความว่าอะไร? ฉันพูดกับนายท่านไว้แล้ว ว่าตอนนี้พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน แค่เพื่อน คุณเข้าใจไหม?” เป๋าฮวนจนปัญญาอย่างมาก

“แต่นายท่านกลับไม่ดีใจ ไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนตอกกลับ

เป๋าฮวนอึ้งนิดหน่อย สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ

ในตอนที่เฟิงเหลยถิงถามเธอ เธอตอบไปแบบนี้ ทำให้สีหน้าของเฟิงเหลยถิงผิดหวังไปจริง ๆ เพียงแต่เธอก็ไม่อยากปิดบังอะไรไว้

อีกอย่างเธอไม่ใช่แม่พระ เป็นไปไม่ได้ที่จะคำนึงถึงความคิดของคนตระกูลเฟิง ก็คือดีกับเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ตอนนี้คุณคือคนที่ผมตามจีบ ในเมื่อผมจีบคุณ ก็ให้นายท่านคิดว่าพวกเรามีความเป็นไปได้ เขาอายุเยอะขนาดนี้แล้ว ให้เขามีเครื่องยังชีพได้ไหม?” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจังมาก

สีหน้าของเป๋าฮวนยิ่งอยู่ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ เธอจับหูลูบแก้ม ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบยังไง

ความหมายของเฟิงหานชวนชัดเจนมาก ก็คือให้เสแสร้งต่อหน้านายท่าน ทำเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เลว มีความเป็นไปได้ที่จะคืนดีกัน

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ลังเลนิดหน่อย “ฉัน…”

“ฮวนฮวน ผมจะไม่รบกวนคุณบ่อย นายท่านก็ไม่มีทางให้คุณมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงทุกวัน ดังนั้นไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เฟิงหานชวนแทบจะพูดไม่ออก

หัวสมองของเป๋าฮวนมั่วเป็นปมไปหมด กว่าจะแยกแยะความคิดได้ จึงถามขึ้น “ความหมายของคุณก็คือ ต่อหน้านายท่าน ให้ฉันแกล้งทำเป็นอยากจะยอมรับคุณใช่ไหม?”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบ

“…ตามใจคุณ” เป๋าฮวนพยักหน้า ถือว่าตอบรับแล้ว

ยังไงซะเธอจะไปถ่ายละครแล้ว น่าจะมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงไม่ได้แล้ว เฟิงหานชวนจะวุ่นวายยังไงก็ตามใจเถอะ

ถ้าหากการโกหกแบบนี้สามารถทำให้นายท่านอารมณ์ดี เธอก็ไม่สนใจที่เฟิงหานชวนจะใช้เธอเป็นหน้ากาก

“ฮวนฮวน ผมรู้ว่าคุณมีเมตตาที่สุด” ฝ่ามือใหญ่ของเฟิงหานชวนวางลงที่ท้ายทอยของหญิงสาว แล้วจูบลงบนหน้าผากของเธอ

เป๋าฮวนยุ่งเหยิงในทันที เธอรู้สึกตัว ก็ถลึงตาใส่เฟิงหานชวนทันที แล้วจี้ถาม “เฟิงหานชวน ฉันเคยพูดว่ายังไง? นายฟังไม่รู้เรื่องเหรอ? ต่อไปไม่ให้นายลงไม้ลงมืออีก!”

จริง ๆ เลย!

เธอแค่ตอบรับว่า “แกล้งทำเป็นยอมรับเขา” ไม่ใช่ว่ายอมรับเขา คือดีกับเขาจริง ๆ ทำไมถึงได้จูบแล้ว?”

นิสัยชอบแต๊ะอั๋งของเฟิงหานชวนไม่เปลี่ยนเลยสักนิด!

“ฮวนฮวน ผมมีความจำเป็นต้องเตือนคุณ แม้จะดูไร้ยางอายไปหน่อย” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก แล้วพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ “ผมไม่ได้ลงไม้ลงมือ ผมแค่ลงปาก”

เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก เธอพ่นออกมาครึ่งเสียง “…เชี่ย”

“คุณเป็นกุลสตรี ต้องสำรวมหน่อย” เฟิงหานชวนยกมือลูบหัวของเธอ จากนั้นก็จับข้อมือของเธอ พาเธอไปเอารถ

และที่หน้าต่างห้องรับแขกของคฤหาสน์ เฟิงเหลยถิงยืนค้ำไม้เท้าอยู่ตรงนั้น

มองดูรถจี๊ปสีดำขับออกไป เขาเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา

แม่บ้านหลี่เดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูด “นายท่านคะ ฉันก็เห็นแล้วค่ะ ฉันคิดว่าในใจของฮวนฮวนยังมีคุณชายสามอยู่แน่ เพียงแค่ต้องการเวลานิดหน่อย”

“ใช่ เจ้าสามสู้อย่างหนัก ก็น่าจะมีความหวัง ฉันอยากจะเห็นลูกของเจ้าสามเกิดมา ในตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ แบบนี้ฉันถึงจะมีหน้าไปเจอแม่ของเขา” เฟิงเหลยถิงขอบตาแดงขึ้น

แม่บ้านหลี่ถอนหายใจ พูดเกลี้ยกล่อม “นายท่านค่ะ ร่างกายของท่านยังแข็งแรงอยู่ อย่าคิดเยอะไปเลยค่ะ ออกกำลังกายเยอะ ๆ ทุกวัน แล้วก็ทานยา คุณยังวัยรุ่นอยู่เลย!”

“ฉันอายุเท่านี้ยังไม่แก่นะ แต่สามปีมานี้ดูเจ้าสามใช้ชีวิตยากลำบากขนาดนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเยอะเลย” เฟิงเหลยถิงแอบถอนหายใจ ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น “เมื่อเห็นว่าฮวนฮวนกลับมาแล้ว ฉันสบายขึ้นเยอะ บางทีฉันควรจะหาหญิงสาวสักคนมาดูแลฉัน”

แม่บ้านหลี่ “…”

จู่ ๆ ก็หมดคำพูด

สถานที่ทานอาหารเย็นที่เวินซือเหยี่ยนอยู่ในร้านหม้อไฟเนื้อวัวระดับหรู

ที่ตั้งของร้านหม้อไฟนี้ค่อนข้างจะไกล ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่สภาพแวดล้อมรอบด้านค่อนข้างเงียบ เหมาะสำหรับการเจรจากัน

เฟิงหานชวนจอดรถตรงที่จอดรถกลางแจ้ง เป๋าฮวนปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วโบกมือลาเขา “ขอบคุณค่ะ ฉันลงรถแล้ว บายบาย”

ในเมื่อเวินซือเหยี่ยนเลี้ยงอาหารเธอ เธอจึงไม่ได้ชวนเฟิงหานชวน อีกอย่างเธอกับเวินซือเหยี่ยนมีเรื่องสำคัญจะคุยกัน

“อืม” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรเยอะ เพียงแค่ตอบรับคำเดียว

หลังจากเป๋าฮวนลงจากรถ ก็เข้าไปในร้านหม้อไฟคนเดียว จากการนำทางของพนักงานเสิร์ฟ เดินเข้าไปข้างใน

ในไม่ช้า เธอก็เห็นเวินซือเหยี่ยน เวินซือเหยี่ยนสวมชุดลำลอง นั่งอยู่ด้านในสุด

หลีซืออวิ๋นไม่ได้ไปช็อปปิ้งกับเฟิงหย่า แต่หาข้ออ้างว่ามีธุระที่บริษัท แล้วรีบออกไป

เธอไปคอนโดส่วนตัวที่อ่าวมั่นเย่ว์ นี่เป็นจุดนัดพบของเธอกับเฉินเจี๋ย

หลังจากที่เฉินฮวนฮวน “เสียชีวิต” เธอคิดว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเฉินเจี๋ย เพียงแต่เฉินเจี๋ยตามจอแจเธอตลอด ด้านเฟิงหานชวนก็ไม่สนใจเธอ ดังนั้นเธอกับเฉินเจี๋ยก็อยู่ในสถานะเด็ดบัวสายใยไม่ขาด

แต่หลายวันมานี้ เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะคบกับเธอ ดังนั้นจึงตัดขาดกับเฉินเจี๋ย แต่เธอคาดไม่ถึง ว่าเธอจะเป็นฝ่ายที่มาหาเฉินเจี๋ยเอง

ถึงแม้ว่าเฉินเจี๋ยจะตัวเตี้ยขี้เหร่ แต่พูดหยอดคำหวานเก่ง ปกติก็สามารถปลอบเธอให้มีความสุขได้ ที่สำคัญคือ เฉินเจี๋ยมีฝีมือที่ทรงพลังมากนั่นก็คือ…วิธีสะกดจิต

เป็นเพราะการช่วยเหลือของเฉินเจี๋ย ตอนนั้นเธอถึงเอาชนะเฉินฮวนฮวนได้

แต่ตอนนี้กลับแย่กว่าเดิม ไม่มีเฉินฮวนฮวนแล้ว แต่กลับมีเป๋าฮวนปรากฏตัวขึ้น แถมยังเป็นคนเดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนสถานะ

เธอคิดไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนคือทายาทของตระกูลเป๋า!

หลีซืออวิ๋นมาอย่างรีบร้อน เมื่อเธอมาถึงอ่าวมั่นเย่ว์ เฉินเจี๋ยยังรถติดอยู่บนถนน

เธอเปิดไวน์แดงขวดหนึ่ง ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ในที่สุดเฉินเจี๋ยก็มาถึง เฉินเจี๋ยมีรหัส จึงเข้ามาในคอนโดได้ทันที

“อวิ๋นเออร์!” เฉินเจี๋ยไม่ได้เจอหลีซืออวิ๋นหลายวันแล้ว จึงพุ่งตัวเข้าไปกอดเธอไว้

เฉินเจี๋ยเตี้ยกว่าหลีซืออวิ๋นหลายเซนติเมตร บวกกับหลีซืออวิ๋นสวมรองเท้าส้นสูง หน้าของเฉินเจี๋ยสามารถถึงแค่ไหล่ของหลีซืออวิ๋นเท่านั้น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะซุกหน้าลงบนกระดูกไหปลาร้าของหญิงสาว

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลา!” หลีซืออวิ๋นผลักเขาออก เดินไปที่หน้าต่างด้วยความหงุดหงิด เธอขมวดคิ้วแน่น พูดขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ “ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดี?”

“อวิ๋นเออร์ เธอบอกว่าเฉินฮวนฮวนคนนั้นกลับมาแล้ว ตกลงว่ามันเรื่องอะไรกัน เธอบอกฉันหน่อย” อันที่จริงเฉินเจี๋ยก็รู้สึกกลัดกลุ้ม ในเมื่อตอนนั้นเฉินฮวนฮวนถูกไฟเผาแล้วจริง ๆ

หลีซืออวิ๋นหมุนตัวมา หน้าดำหน้าเขียวถึงที่สุด เธอกัดฟันพูดขึ้น “ผ่านการสนทนาระหว่างนายท่านกับเฉินฮวนฮวนที่โต๊ะอาหาร ฉันเดาได้คร่าว ๆ แล้ว”

“เฉินฮวนฮวนคือทายาทของตระกูลเป๋า หลังจากที่ตระกูลเป๋าตามหาตัวเธอเจอ เธอจึงใช้อำนาจของตระกูลเป๋าหนีไปได้ ศพหญิงที่ถูกเผานั่นก็ไม่ใช่เธอ”

“ตระกูลเป๋า?” เฉินเจี๋ยได้ยินคำนี้ สีหน้าครุ่นคิดขึ้น

“ตระกูลเป๋า ตระกูลขุนนาง ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงทั้งครอบครัวไปพัฒนาอยู่ที่ประเทศเฉิน ภายหลังยิ่งอยู่ยิ่งเงียบ ตอนนี้สถานะเป็นยังไง ยังไม่แน่ชัด”

เธอเกลียด!

เธอเกลียดที่เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเป็นเป๋าฮวน ปรากฏตัวต่อหน้าเฟิงหานชวนอีกครั้ง!

เธอเกลียดมากจริง ๆ!

“ฉันก็เคยได้ยินตระกูลเป๋า ฉันเคยเรียนที่ประเทศเฉินอยู่ช่วงหนึ่ง” เฉินเจี๋ยพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของหลีซืออวิ๋น

ได้ยินเฉินเจี๋ยพูดแบบนี้ หลีซืออวิ๋นจับแขนของเขาในทันที แล้วรีบถามขึ้น “นายได้ยินอะไรมาอีก?”

“มหาลัยของพวกเรามีคนของตระกูลเป๋าคนหนึ่ง ตอนนั้นฉันไม่ได้ใส่ใจ แค่ได้ยินนักเรียนหญิงในห้องพูดว่าตระกูลของเขาเก่งมาก มีผู้หญิงเยอะแยะตามจีบเขา” เฉินเจี๋ยตอบตามความจริง

หลีซืออวิ๋นได้ยิน ก็เหมือนกับหาเบาะแสได้ จึงรีบถามขึ้นอีก “นายกับนักเรียนหญิงพวกนั้นยังติดต่อกันอยู่ไหม?”

“มีอยู่สองคนแต่งงานอยู่ที่เป่ยเฉิง ช่วงนี้มีอยู่คนหนึ่งที่ติดต่ออยู่ สามีของเธอเลี้ยงดูเมียน้อยอยู่ที่นอกบ้าน ให้ฉันช่วยสืบข้อมูล” เฉินเจี๋ยกลอกตา ยื่นมือออกไปลูบหน้านุ่มลื่นของหลีซืออวิ๋น แล้วถามขึ้น “อวิ๋นเออร์ ความหมายของเธอก็คือให้ฉันไปถามพวกเธอเหรอ?”

“ใช่ นายโทรไปให้ฉันตอนนี้เดี๋ยวนี้!” หลีซืออวิ๋นปัดมือเขาออก ถลึงตาโตแล้วพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นกับนาย ฉันจะต้องรู้เกี่ยวกับตระกูลเป๋าให้ชัดเจน!”

“ได้ได้ได้ เธออย่าโมโห ฉันจะโทรให้เธอตอนนี้เลย” เฉินเจี๋ยตามใจหลีซืออวิ๋นมาโดยตลอด เพราะเธอคนนี้เท่านั้น เขาถึงสามารถลิ้มลองรสหวานได้

พูดจบ เฉินเจี๋ยก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาเพื่อนนักเรียนหญิงของเขาทันที “ฮัลโหล ฝังซู ฉันเองเฉินเจี๋ย”

“ฉันรู้ว่าเป็นนาย เฉินเจี๋ย นายหาเบาะแสอะไรได้อีกเหรอ? ตอนนี้สามีของฉันอยู่กับเมียน้อยคนนั้นเหรอ?” เสียงของฝังซูค่อนข้างดัดจริต เมื่อได้ฟังก็รู้ว่าเป็นพวกชอบเข้าสังคม ที่เทิดทูนเงินทอง

หลีซืออวิ๋นเจอคนแบบนี้มาเยอะแล้ว ผู้หญิงแบบนี้รอบตัวเธอเยอะแยะที่ชอบประจบสอพลอเธอ คนมีชื่อเสียงแบบเธอ รู้สึกรังเกียจพวกเธอจนเข้ากระดูก เธอเผยสีหน้ารังเกียจออกมา

“ฝังซู เรื่องของสามีเธอกำลังสืบอยู่ เธอวางใจได้ ฉันจะหาหลักฐานมาให้เร็วที่สุด วันนี้ที่ฉันโทรหาเธอ ไม่ใช่เพราะเรื่องของเธอ แต่เป็นเรื่องของฉัน ฉันอยากจะถามเรื่องคนคนหนึ่งจากเธอ”

เฉินเจี๋ยเอ่ยปากตรง ๆ “ตอนที่เรียนมหาลัยที่ประเทศเฉิน เธอเคยจีบผู้ชายสกุลเป๋าคนหนึ่ง เคยพูดว่าเป็นคนของตระกูลเป๋า เธอรู้ภูมิหลังอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของผู้ชายคนนั้นไหม?

“เป๋าอวี้? ทำไมจู่ ๆ นายถามถึงเขา? ฉันเกือบจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว!” ฝังซูพูดถึงชื่อนี้ แถมยังหัวเราะเยาะเย้ย

หลีซืออวิ๋นได้ยิน ก็เห็นได้ชัดว่าฝังซูดูเหมือนจะดูถูกเป๋าอวี้ เธอขมวดคิ้ว แล้วส่งสายตาให้เฉินเจี๋ย บอกเขาว่าให้ถามต่อให้ชัดเจน

“เขาทำไมเหรอ? ไม่ดีเหรอ? ที่บ้านล้มละลายเหรอ?” เฉินเจี๋ยจี้ถาม

“ไม่ใช่หรอก! ตระกูลของเขาไม่ได้ล้มละลาย ก็แค่ไฮโซเล็ก ๆ ไม่มีอะไรดี ตอนนั้นยังทำเป็นกร่าง อ้างว่าเป็นตระกูลขุนนางราชวงศ์ชิง ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เรื่องอะไร ถูกเขาโกหกกันหมด กินฟรีดื่มฟรีแถมยังนอนฟรี มีผู้หญิงหลายคนที่ถูกหลอก!”

ฝังซูเหมือนว่าไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด พูดออกมาเยอะแยะไปหมด มีแต่เรื่องที่เป๋าอวี้หลอกฟันผู้หญิงยังไง พูดถึงชื่อนักเรียนหญิงเยอะแยะ”

“ไม่จริงมั้ง! ชายคนนี้ขี้งกขนาดนี้เหรอ? ฉันจำได้ว่ามีตระกูลเป๋าที่เป็นตระกูลขุนนางอยู่จริง แล้วย้ายไปพัฒนาอยู่ที่ประเทศเฉิน เป๋าอวี้คนนี้ใช้นามสกุลเดียวกัน เพื่อตั้งใจพูดอวด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่คนของตระกูลเป๋าหรือเปล่า?” เฉินเจี๋ยคิดว่าบางทีอาจจะเป็นแบบนี้ หลีซืออวิ๋นก็คิดเช่นเดียวกัน

“เป็นคนตระกูลเป๋าไหม แน่นอนว่าเป็นคนตระกูลเป๋า เพียงแต่ตอนหลังมีเพื่อนฉันพัฒนาความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเป๋าอวี้ ถึงได้รู้ว่าเป๋าฮวนก็แค่ลูกนอกคอก นายรู้ไหม? ก็คือพวกลูกคนใช้ แบ่งมรดกได้ไม่เท่าไหร่! ได้เพียงแค่เศษของตระกูลเป๋า ถือว่าเป็นลูกคนรวยเล็ก ๆ” คำพูดของฝังซูเต็มไปด้วยความดูถูกเป๋าอวี้

เฉินเจี๋ยพยักหน้าทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ตระกูลผู้ดีก็ค่อนข้างวุ่นวาย แถมยังแบ่งเยอะขนาดนี้…”

“แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นนายคิดว่าลำดับชั้นของสังคมเก่ามาจากไหน? ไม่ได้เกิดมาจากของแท้ แม่งก็เป็นลูกเมียน้อย ต่อไปไม่มีสิทธิ์รับมรดก!”

ฝังซูเป็นคนนิสัยตรง ๆ เธอพูดฉอดต่อ “ประเทศของพวกเราตอนนี้ก็พอ ๆ กัน? สามีของฉันก็เป็นลูกเมียน้อย ได้รับส่วนแบ่งแค่บริษัทเล็ก ๆ โชคดีที่ธุรกิจของตระกูลใหญ่โต ใช้ชื่อในนามของบริษัท ผลประโยชน์ของบริษัทเล็กไม่เลว ไม่อย่างงั้นตอนนี้ฉันคงกินดินแล้ว!”

“แต่ก็โชคดีที่สามีของฉันคือลูกเมียน้อย ไม่อย่างงั้นฉันคงเหยียดเท้าเข้าตระกูลของเขาไม่ได้ ทายาทตระกูลที่แท้จริงต้องหาคนที่คู่ควรเหมาะสมอยู่แล้ว”

“เออคือ…คุณเฟิง ฉันกับอาสามของคุณไม่ใช่สามีภรรยากัน อีกอย่างอายุฉันน้อยกว่าคุณ แต่คุณเรียกฉันว่าอาสะใภ้ มันดูไม่ค่อยเหมาะ!”

เป๋าฮวนแอบกระตุกมุมปาก ชื่อเรียกอะไรกัน!

เธอไม่อยากเป็นอาสะใภ้อะไรทั้งนั้น!

“หืม? ฉัน… ฉันคิดว่าคุณคืนดีกับอาสามแล้ว พวกคุณยังเป็นสามีภรรยากัน ฉันเลยเรียกคุณแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณยังไม่คืนดีกัน…” ใบหน้าของเฟิงหย่าประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการปฏิเสธของเป๋าฮวนนั้นตกตะลึง

ทั้งๆที่เธอเคยเห็นในสวน เห็นเป๋าฮวนและอาสามพูดคุยหัวเราะกันที่ระเบียง ดูเข้ากันได้ดี!

เธอไม่คิดว่า เป๋าฮวนยังไม่ตอบตกลงอาสาม ประสิทธิภาพของอาสามแย่จัง

“เราถือว่าคืนดีกันแล้ว แต่ไม่ใช่การคืนดีแบบที่คุณคิด อาสามของคุณและฉันถือเป็น…เพื่อนกันเท่านั้น” เป๋าฮวนอธิบายอย่างอดทน

“เพื่อน?” เฟิงหย่าและหลีซืออวิ๋นพูดพร้อมกัน

ทั้งสองคนประหลาดใจพอๆกัน คนหนึ่งแปลกใจ คนหนึ่งตะลึง

แต่หลีซืออวิ๋นแอบดีใจลึกๆ แต่ท่าทางที่แสดงออกดูเหมือนประหลาดใจ

“พูดได้ก็คือ อาสามยังจีบคุณไม่ติด ใช่ไหม?” เฟิงหย่าเกาหัว หลังจากถามเป๋าฮวน เธอก็มองไปที่อาสาม

ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะพูดว่า อาช้ามาก!

ใบหน้าของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง การแสดงออกไม่ค่อยดี

“เออ คือ…” เป๋าฮวนยื่นมือออกเกาหัว หากเธอยืนยันเฟิงหานชวนจะเสียหน้าไหม?

เพราะสายตาของเฟิงหย่าเริ่มดูหมิ่นเฟิงหานชวนแล้ว

“ไม่ใช่หรอก อาสามของคุณไม่ได้จีบฉัน เขามีเสน่ห์ขนาดนี้ มีผู้หญิงที่สวยมากมายยินดีจะอยู่กับเขา” เป๋าฮวนพูดอย่างคลุมเครือ

เธอไม่เพียงยกย่องเฟิงหานชวนเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาศักดิ์ศรีของเฟิงหานชวน

เธอคิดว่ามันควรที่จะพูดอย่างนั้น แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเฟิงหานชวนที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาบึ้งตึงมาก

“อาสาม ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันกับพี่อวิ๋นจะไปซื้อของที่ตลาด พวกเราไปก่อนนะ ไม่รบกวนอากับฮวนฮวนแล้ว” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เฟิงหย่ารีบพาหลีซืออวิ๋นออกไปอย่างรวดเร็ว แถมยังปิดประตูอย่างเป็นกันเอง

หลีซืออวิ๋นถูกดึงออกจากห้อง อันที่จริง เธอลังเลมาก กว่าจะหาโอกาสเข้ามาได้ ไม่อยากปล่อยให้เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่ไม่คิดว่าเฟิงหย่าจะ “ไร้เดียงสา” ขนาดนี้

ความไร้เดียงสานี้ ใช้ผิดเวลาจริงๆ

“เสี่ยวหย่า ไม่คุยกับอาสามของเธออีกสักหน่อยเหรอ?” หลีซืออวิ๋นถูกเฟิงหย่าดึงไปที่บันได เธอเอ่ยขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่าฮวนฮวนยังไม่ได้ตอบตกลงกับเขา?”

“โถ่พี่อวิ๋น พี่ไม่เห็นเหรอ? อาสามกำลังตามจีบฮวนฮวน แต่ฮวนฮวนยังไม่ตอบตกลง เพราะงั้นเราต้องให้พวกเขาอยู่ในโลกของพวกเขาตามลำพัง แบบนี้อาสามถึงจะมีโอกาสรุกฆาต!” เฟิงหย่าพูดพร่ำ ราวกับเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนในร่างของผู้หญิง

“โอกาสรุกฆาต?” หลีซืออวิ๋นขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

“ฮี่ฮี่ฮี่…” เฟิงหย่ายิ้มเยาะ จากนั้นเอนตัวเข้าไปที่หูของหลีซืออวิ่นและกระซิบ: “เป็นหมากที่กินขาดไง!”

ดวงตาของหลีซืออวิ๋นหรี่ลง เธอหันหลังกลับและถามด้วยความประหลาดใจ: “แบบนี้…ไม่เหมาะสมมั้ง? ฮวนฮวนอาจจะรังเกียจ”

“พี่อวิ๋น เรื่องนี้พี่ไม่รู้หรอก เพราะพี่ไม่เคยมีความรักมาก่อน ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้ มันจะทำให้ผู้หญิงตื่นเต้นมาก!” เฟิงหย่าพูดด้วยท่าทางที่เข้าใจมาก แล้วตบเบาๆที่หน้าอกของเธอ พูดอย่างมั่นใจ

อีกอย่างในสายตาของเธอ หลีซืออวิ๋นเป็นสาวโสดมาตลอดชีวิต เธอมีอารมณ์อ่อนโยนและความคิดโบราณ และแน่นอนว่าเธอไม่ค่อยรู้เรื่องผู้ชายและผู้หญิงมากนัก

หลีซืออวิ๋นหัวเราะเยาะในใจ เธอไม่เคยมีความรัก? เธอไม่เข้าใจ?

เหอะ เธอมีผู้ชายนับไม่ถ้วน สิบนิ้วมือยังนับไม่หมด!

ผู้ชายเหล่านั้น มีค่าแค่อยู่ใต้ตีนของเธอ เป็นสุนัขที่เลียขาของเธอ

เธอไม่ชอบพวกเขา แต่เธอจะเล่นกับพวกเขา ฟันแล้วทิ้ง ผู้ชายในใจของเธอคือเฟิงหานชวน

แต่คนที่เฟิงหานชวนชอบไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงที่ด้อยกว่าเธอทุกอย่าง!

เมื่อถูกผู้ชายกอดจากด้านหลัง เป๋าฮวนก็รู้สึกประหม่าในทันที

ตอนนี้เธอไม่เห็นการแสดงออกของเฟิงหานชวน อาจจะโกรธจนอยากหักคอเธอ?

เพราะผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าไม่ชอบคนที่อายุน้อยกว่า ถ้าอย่างนั้นผู้ชายที่แก่กว่า…ก็คงจะเหมือนกัน!

“ปล่อยฉันนะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ~” เป๋าฮวนยอมรับทันที

เมื่อกี้แค่ต้องการหยอกล้อเฟิงหานชวน เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาโกรธจริงๆ

ผู้ชายไม่พูด แต่เขาโอบแขนเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันแค่ล้อเล่นจริงๆ” เป๋าฮวนเม้มปากและพึมพำ

“ฮวนฮวน ถ้าผมเรียกคุณว่าป้า คุณจะรู้สึกยังไง?” ผู้ชายก้มศีรษะลง เอนไปทางหูของเธอและกัดติ่งหูของเธอ

เป๋าฮวนสั่นสองครั้ง ราวกับว่าถูกไฟดูด

“ป้า?” มีเครื่องหมายคำถามมากมายบนหัวของเธอ

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?

เฟิงหานชวนจะเรียกเธอว่าป้า?

“คุณเคยบอกว่าเราควรเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง”

“ถ้าอย่างนั้น คุณเรียกผมว่าอา ว่าด้วยความเท่าเทียม ผมก็ควรเรียกคุณว่าป้า”

ผู้ชายอธิบายเช่นนี้

เป๋าฮวน : “…”

เธอพูดไม่ออก และรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

ตอนนั้นเธอเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับตัวเอง แต่มักจะปฏิบัติกับเขาอย่างไม่เท่าเทียม เอาอายุของเขามาล้อเล่น

ดูเหมือนว่าเธอจะทำผิดจริงๆ

“ฉันขอโทษ!” เป๋าฮวนเลือกที่จะขอโทษและสารภาพว่า: “ฉันไม่ได้จะล้ออายุของคุณ ฉันแค่พูดเล่น ต่อไปฉันจะไม่ทำอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดที่จริงใจและอ่อนโยนของผู้หญิง เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะละลาย

เขาอดไม่ได้ที่จะกอดผู้หญิงไว้ในอ้อมแขนของเขา เขากดคางแนบกับไหล่ของเธอ

ความอบอุ่นและความรู้สึกหายใจไม่ออกแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเป๋าฮวน แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ขัดขืน ไม่พูดอะไร ยืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้น

ปล่อยให้ผู้ชายกอด

“ก๊อกก๊อกก๊อก!”

ทันใดนั้น ประตูตรงหน้าก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

เป๋าฮวนดิ้นสองครั้ง เฟิงหานชวนปล่อยเธอทันที เดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตู

“อาสาม!” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น

ร่างที่สูงของเฟิงหานชวนบังประตูไว้ เป๋าฮวนมองไม่เห็นว่าใครมา แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอก็รู้ว่าคือเฟิงหย่า

ในวินาทีต่อมา เสียงของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้น เสียงที่อ่อนโยน: “หานชวน รบกวนหน่อยนะ เสี่ยวหย่าบอกว่าอยากมาหา”

เป๋าฮวนจำเสียงนี้ได้ มันคือเสียงของหลีซืออวิ๋น

“เข้ามาก่อน” เฟิงหานชวนก้าวถอยหลังและพูดเบา ๆ

เป๋าฮวนเห็นเฟิงหย่าและหลีซืออวิ๋นยืนอยู่ที่ประตู เธอหันหน้าไปทางประตูพอดี ดังนั้นพวกเธอจึงเผชิญหน้ากัน

“อัยยะ! ทำไมแก้มของอาสะใภ้แดงจัง?” เฟิงหย่าวิ่งเข้าไปหาเธอ มองดูเธออย่างระมัดระวัง และถามด้วยรอยยิ้มว่า: “ ฉันมารบกวนเวลาของคุณกับอาสามหรือเปล่า?”

อา…สะใภ้?

อาสะใภ้อะไรกัน?

อาสะใภ้!!!

เป๋าฮวนลืมตากว้างด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความนึกไม่ถึง ราวกับว่ามีฝูงอีกาบินผ่าน

ก้าก้าก้า

กรรม ผลกรรมมาแล้ว!

เธอเรียกเฟิงหานชวนว่าอา จากนั้นหลานสาวของเขาก็เรียกเธอว่าอาสะใภ้!

คำเรียกนี้ฟังแล้ว ค่อนข้างจะ…

“อาสะใภ้ ทำไมอาไม่ตอบ? ชื่อเรียกนี้ฟังดูไม่ดีเหรอ? แล้วคุณอยากให้ฉันเรียกคุณว่าอะไร?” เฟิงหย่าจับมือเธออย่างตื่นเต้น เข้าหาเธอด้วยความกระตือรือร้น

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น

เธอไม่รู้ว่าจะตอบเฟิงหานชวนอย่างไร เธอไม่รู้จริงๆ

เธอเพียงมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความงุนงง ไม่ได้พูดหรือทำอะไรทั้งนั้น

“ฮวนฮวน…ผมทำให้คุณตกใจใช่ไหม ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ…” เฟิงหานชวนเห็นสีหน้าของเป๋าฮวนแปลกไป เธอดูตื่นตระหนกตกใจเล็กน้อย

เขากังวลว่าสถานการณ์ของเขาในตอนนี้จะทำให้เป๋าฮวนกดดัน และทำให้เป๋าฮวนอึดอัด เขากังวลว่าเป๋าฮวนจะจากเขาไปเพราะเหตุนี้

“ฮวนฮวน คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่บังคับคุณแล้วจริงๆ ผมแค่หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมได้อยู่ข้างๆ คุณ” ดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำของเฟิงหานชวนค่อยๆ หลุบลง เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย เขาเอ่ยเสริมเสียงเบาขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “แม้จะเป็นเพียงคนที่ตามจีบคุณก็ตาม”

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ประโยคนี้ราวกับหินก้อนใหญ่ที่กดทับหัวใจของเธอ

“อาหาน…ความจริงแล้ว…” เธอพึมพำ

วินาทีต่อมา ยังไม่ทันพูดจบ เธอก็ถูกชายหนุ่มขัดจังหวะเสียก่อน เธอเห็นสีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อย ราวกับไม่อยากจะเชื่อแบบนั้น

“มีอะไรเหรอ คุณ…ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เป๋าฮวนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนดูแปลกไปเล็กน้อย

“ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ” เฟิงหานชวนเหมือนจะกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ แล้วถามอย่างระมัดระวัง “ชื่อนั้น คุณ…เรียกอีกครั้งได้ไหม”

ทันใดนั้น เป๋าฮวนก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อสักครู่เธอเผลอเรียกชื่อ “อาหาน” ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อาหาน ต่อไปฉันเรียกคุณแบบนี้ก็ได้” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองได้ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้ว

ดังนั้น เธอจึงไม่เกลียดชังเฟิงหานชวนแล้ว ชื่อนี้ต้องมีปัญหาอะไรอีกเหรอ

ไม่จำเป็นต้องมีปัญหาอะไรแล้ว

“ฮวนฮวน ผม…ผมดีใจจริงๆ นี่เป็นชื่อเรียกระหว่างเราสองคน ตอนนี้คุณยอมเรียกผมแบบนี้แล้ว…” ท่าทางระงับความตื่นเต้นของเฟิงหานชวน ทำให้เขาวางตัวผิดปกติไป

“คุณ คุณอย่าตื่นเต้นนักเลย” เป๋าฮวนเกาศีรษะ เธอเม้มริมฝีปากและกล่าวว่า “ฉันเรียกตามมารยาทน่ะ”

“มารยาท?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ

“คุณดูสิ คุณแก่กว่าฉันตั้งเก้าปีนะ แก่กว่าฉันมากเลย คุณเป็นรุ่นอาของฉันแล้ว ฉันมักจะเรียกคุณว่าเฟิงหานชวน เหมือนฉันไม่ได้รับการสั่งสอนเลย!” เป๋าฮวนยกมือสองข้างกุมแก้มตัวเอง ก่อนจะกล่าวต่ออย่างจริงจังว่า “แต่ว่า คุณก็เป็นอดีตสามีของฉัน ฉันเรียกคุณว่าคุณอาก็ดูไม่ค่อยเหมาะสม ฉันก็เลยเรียกคุณว่าอาหาน ตอนนี้เราสองคนนับได้ว่าเป็นเพื่อนกันครึ่งหนึ่งแล้ว”

“คุณอา?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงทันที ใบหน้าดีอกดีใจเมื่อสักครู่ดูเหมือนจะหายวับไปทันที

เป๋าฮวนดูออกว่าเฟิงหานชวนโกรธมาก แต่สิ่งที่เธอพูดคือความจริงนะ!

เขาแก่กว่าเธอตั้งเก้าปี เฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงหย่าเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ แม้ว่าเธอจะอายุน้อยกว่าพี่น้องสองคนนั้น แต่เฟิงหานชวนก็เป็นคนรุ่นอาของเธอ

“ถ้าคุณไม่รังเกียจที่ฉันเรียกคุณว่าคุณอา ฉันเรียกคุณว่าคุณอาก็ได้นะ คุณอา~” จู่ๆ เป๋าฮวนก็อยากหยอกล้อ เธอจงใจเย้าเฟิงหานชวนเล่น

“เป๋าฮวน!”

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้น ก่อนตะโกนว่า “ห้ามเรียกผมว่าคุณอา!”

“คุณอา คุณอา ฉันจะเรียกคุณว่าคุณอา คุณอาเฟิง คุณอาเฟิง…” เป๋าฮวนแลบลิ้นราวกับเด็กน้อยที่จงใจซุกซน แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เฟิงหานชวน แล้วรีบวิ่งหนีไป

ทันใดนั้น แผ่นหลังของเธอก็แนบติดกับแผงอกอุ่นร้อนของชายหนุ่ม

ในเวลานั้นหลีซืออวิ๋นคิดว่ามันจบลงแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ และเฟิงหานชวนผู้ซึ่งสูญเสียเฉินฮวนฮวนก็ล้มป่วย

เขาเหมือนคนบ้า เขาทุ่มเทตัวเองเพื่องานของเขา ไม่ไปงานเลี้ยง ไม่ไปสังสรรค์และปฏิเสธทุกอย่าง

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอได้เห็นเขาแค่เพียงไม่กี่ครั้ง

อย่างไรก็ตามเธอคิดแล้วว่าเธอจะต้องรอเขาอย่างไม่มีวันจบ แต่กลับเป็นคำพูดของเฟิงหย่าที่ทำให้เธอรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง ในตอนนั้นเธอรอเฟิงหานชวนเพื่อให้เขาขอเธอแต่งงานมาโดยตลอด

เธอคิดว่าเขาประมูลไพลินราชินีไพลินซีซาร์มาเพื่อมอบให้กับเธอ เพื่อขอเธอแต่งาน และเพื่อที่จะออกจากความเศร้าโศกที่เฉินฮวนฮวนนำมาให้เขา

ท้ายที่สุดเวลาสามปีก็นานพอแล้ว

แต่หลังจากผ่านไปหลายวัน เธอก็แทบจะรอไม่ไหว เธอแทบรอไม่ไหวจริงๆ เธอรู้สึกว่าเธอควรเริ่มทำอะไรบางอย่าง แต่…

ทั้งหมดก็เป็นเพราะเฉินฮวนฮวน! ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!

ไม่สิ ไม่ควรเรียกว่าเฉินฮวนฮวนแล้ว ตอนนี้ต้องเรียกว่าเป๋าฮวน!

ทั้งหมดเป็นเพราะเป๋าฮวนที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด!

ในเมื่อสามปีที่แล้วเธอสามารถขับไล่เป๋าฮวนออกไปได้ ถ้าอย่างนั้นสามปีหลังจากนี้เธอก็ต้องสามารถทำแบบเดียวกันได้เหมือนกัน

……

บนระเบียงชั้นสอง

เป๋าฮวนนั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย เธอแหงนมองท้องฟ้าเพื่อรับแสงแดด

เมื่อสักครู่เธอกับเวินซือเหยียนได้ติดต่อกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคืนนี้เราจะทานอาหารเย็นกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของละครเรื่องราชวงศ์ชิง เพราะเธอได้ตัดสินใจแสดงแทนนักแสดงที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว

เมื่อเห็นหญิงสาวยิ้ม เฟิงหานชวนที่พิงราวบันไดก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติกับหัวใจของเขา

“ผมไปด้วยได้ไหม?”เขาถาม

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่สบายใจที่เป๋าฮวนจะไปทานอาหารเย็นกับเวินซือเหยียนตามลำพัง

“คุณจะไปทำอะไร? คุณก็ต้องแสดงเหมือนกันเหรอ? “เป๋าฮวนกลอกตาและพูดอย่างเงียบ ๆ

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย: “…ผมไม่อยากให้คุณไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง”

เขาเปิดเผยความจริงในใจของเขาตรงๆ

อย่างไรก็ตามในตอนแรกเขาเคยปิดบังเป๋าฮวนมาก่อน และนั่นก็ทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองปะทุขึ้น ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่ต้องการที่จะปิดบังอะไรจากเป๋าฮวนอีกแล้ว

สิ่งที่อยู่ในใจที่เขาต้องการจะพูด เขาก็จะพูดมันกับเป๋าฮวนไปตรงๆ แม้ว่ามันจะตรงไปตรงมา แต่เขาก็จะหน้าด้านพูดมันออกไป

เมื่อได้ยินเขาพูดตรงๆเช่นนั้น เป๋าฮวนก็แอบกุมหน้าผาก เธอได้แต่คิดในใจว่าเฟิงหานชวนนั้นจะหน้าด้านเกินไปหน่อยแล้ว!

แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆ เขาก็หน้าด้านเหมือนกับเมื่อสามปีที่แล้วนั่นแหละ

“เฟิงหานชวน ฉันไม่อยากเสียอารมณ์กับคุณ แต่ฉันหวังว่าคุณจะไม่พูดแบบนี้อีก”

เป๋าฮวนชะงักไปแล้วพูดว่า: “สิ่งที่ฉันอยากจะทำ มันคืออิสรภาพของฉัน คุณไม่มีสิทธิที่จะควบคุมฉัน”

เธอพูดอย่างเคร่งขรึมและไร้ความรู้สึกอย่างมาก ซึ่งมันแทงลึกเข้าไปในหัวใจของเฟิงหานชวนทันที

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเศร้าลงทันที เขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า: “อืม”

ถูกต้อง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปควบคุมเป๋าฮวน และเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจะทำ

แม้ว่าเป๋าฮวนจะไปแต่งงานกับเวินซือเหยียนในตอนนี้ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหยุดมัน

“ฮวนฮวน ตอนนี้ผมแค่อยากถามคุณเรื่องหนึ่ง”เฟิงหานชวนเม้มปากแน่น และการแสดงออกบนใบหน้าของเขาดูจริงจังและซีเรียส

“เรื่องอะไรเหรอ?”เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นและถามเขา

“คุณรู้สึกดีกับเวินซือเหยียนใช่ไหม?”เฟิงหานชวนถามตรงๆโดยไม่มีความลังเลใดๆ

เป๋าฮวนตกตะลึง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ: “ฮ่าฮ่า!”

“เฟิงหานชวน ตอนนี้คุณดูเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเลย” เธอยักไหล่และตอบด้วยรอยยิ้มว่า: “ใช่ ฉันมีความรู้สึกที่ดีกับเขา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงหานชวนก็ค่อยๆคลายริมฝีปากที่เม้มออก ใบหน้าของเขาดูเย็นชามาก และไม่แสดงท่าทีใดๆออกมาเลย ร่างกายของเขาดูเหมือนกำลังปล่อยรังสีที่น่ากลัวออกมา

และดูเหมือนว่ามันจะสามารถหยุดทุกคนรอบๆตัวได้!

เขาไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะชอบเวินซือเหยียนจริงๆ เขามาช้าไปหนึ่งก้าวจริงๆเหรอ?

อย่างไรก็ตามถ้าเป๋าฮวนชอบเหวินซีเหยียน แล้วทำไมเธอถึงเริ่มทำสิ่งเหล่านั้นกับเขาล่ะ?

เป็นไปได้ไหมว่าในสายตาของเป๋าฮวนมีเพียงแค่ร่างกายของเขาเท่านั้นที่สำคัญ?

เฟิงหานชวนไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้ในหัวของเขาเกือบจะว่างเปล่า และความรู้สึกของการหายใจไม่ออกก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา มันเป็นความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยมาก

ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาการป่วยอีกแล้ว!

เมื่อเห็นว่าการหายใจของเฟิงหานชวนดูหนักขึ้นและใบหน้าก็ดูซีดลง ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็นึกถึงอาการป่วยของเฟิงหานชวนหลายๆครั้งก่อนหน้านี้ออก จากนั้นเธอก็รีบคว้าแขนของร่างสูงไว้ทันที

“คุณโง่หรือไง? ความหมายของการมีความรู้สึกดีๆ มันสามารถเป็นไปได้ในหลายรูปแบบ”เป๋าฮวนกล่าวทันที

เฟิงหานชวนประหลาดใจ ดูเหมือนว่าความสนใจจะถูกเบี่ยงเบนไป แต่ก็ยังคงยากที่จะส่งเสียงออกมา: “คุณหมายความว่ายังไง?”

“พูดอีกอย่างก็คือ ฉันคิดว่าตราบใดที่เป็นคนดี ฉันก็รู้สึกดีกับอีกฝ่ายหมดนั่นแหละ! ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะแก่หรือหนุ่ม เป็นกระเทยหรือเป็นเกย์ก็ตาม…..เฟิงหานชวน คุณเข้าใจความหมายของฉันไหม? “เสียงของเป๋าฮวนดูเร่งรีบ เธอต้องการที่จะอธิบายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของเฟิงหานชวนก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย เสียงของเขาแหบแห้ง เขาทำได้เพียงแค่จับมือเป๋าฮวนไว้แน่นแล้วถามเธอว่า: “ดังนั้นแล้วที่คุณมีความรู้สึกที่ดีต่อเวินซือเหยียน คุณก็แค่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะเพื่อนที่ดีใช่ไหม?”

“อืม เป็นแบบนั่นแหละ”เป๋าฮวนพยักหน้า

เมื่อได้ยินคำยืนยันของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็เหมือนได้กินยา สีหน้าของเขาดีขึ้นและความรู้สึกของการหายใจไม่ออกในตอนนี้ก็ดูเหมือนหายวับไปในทันที

เขายืดตัวขึ้นและกอดเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง

เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงของร่างสูง เป๋าฮวนก็ขมวดคิ้วทันที เขาไม่ได้รู้สึกไม่สบายเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงกลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง?

“เฟิงหานชวน คุณแค่แกล้งทำเป็นป่วยเหรอ? คุณ……”ป๋อฮวนรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก และความโกรธของเธอก็เพิ่มขึ้นในทันที

เพราะเธอเป็นห่วงเฟิงหานชวน เธอจึงอธิบายกับเขาไปอย่างกังวลใจ แต่เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะโกหกเธอ

เธอเกลียดการหลอกลวงที่สุด!

เกลียดที่สุด!

ถ้าเฟิงหานชวนไม่ได้หลอกเธอตั้งแต่ตอนแรก เธอก็คงไม่ทิ้งเขาไปเช่นกัน

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้โกหกคุณ ไม่ได้โกหกจริงๆ”เฟิงหานชวนรู้สึกตึงเครียดทันที เขารู้ว่าที่จู่ๆเขาดีขึ้น เป๋าฮวนคงคิดว่าเขาหลอกเธอแน่ๆ

เขาอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: “คุณปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเวินซือเหยียน ดังนั้นผมเลยรู้สึกดีขึ้นในทันที และอาการหายใจไม่ออกเมื่อกี้ก็หายไปเลย ดูเหมือนว่าผมจะดีขึ้นได้โดยไม่ต้องกินยา

ฮวนฮวน คุณคือยาของผม!”

เฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวน มือทั้งสองข้างของเขาจับไหล่เรียวของเธอไว้แน่น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความจริงจัง เขามองไปที่เธอและพูดประโยคเมื่อสักครู่

ฮวนฮวน คุณคือยาของผม…

เป๋าฮวนพูดประโยคนี้อีกครั้งในใจของเธอ เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกกระแทกอย่างแรง และทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ทันที

เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทั้งเป็นใบ้ และตาพร่ามัว

อาการป่วยของเฟิงหานชวนเกิดจากเธอจริ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะการฆ่าตัวตายของเธอ เฟิงหานชวนก็คงจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานทางจิตใจเป็นเวลาสามปีแบบนี้

ดังนั้นตอนนี้เธอปรากฏตัวแล้ว เธอสามารถรักษาเฟิงหานชวนได้หรือเปล่า?

แต่เธอเองก็ได้รับความทุกข์ทางจิตใจเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

ถ้าไม่ใช่เพราะความทรมานในใจ ปีนั้นเธอก็คงจะไม่จากไป

“ผมคิดว่าคุณไปแล้ว ผมคิดว่าคุณจะจากไปโดยไม่บอกลาเหมือนก่อนหน้านั้น!”อารมณ์ของเฟิงหานชวนดูเหมือนจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษ

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบสนอง เป็นอีกครั้งที่เธอถูกกอดแน่นไว้ในอ้อมแขน

เป๋าฮวนตกใจ ตอนนี้หัวใจของเธอดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

หลังจากที่เธอตอบสนอง เธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา: “เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาเอง~”

น้ำเสียงของเธอกลับกลายเป็นดีมากและไม่ได้มีความดุร้าย แต่มันกลับอ่อนโยนราวกับเป็นการปลอบโยน

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินสิ่งที่เป๋าฮวนพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและมันเป็นการหัวเราะให้กับตัวเขาเอง

เขาประหม่ามากจนจิตใต้สำนึกคิดว่าป๋อฮวนจะจากไปโดยไม่บอกลา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปหาเธอในห้องน้ำ

“เฮ้ เฟิงหานชวน ฉันเป็นคนมีมารยาทนะ ตอนนี้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแล้ว ดังนั้นถ้าฉันจะไป ฉันก็จะบอกลาคุณก่อน”เป๋าฮวนเม้มปากและพึมพำเบาๆ

ศีรษะของเป๋าฮวนถูกบังคับให้พิงกับหน้าอกของร่างสูงจนทำให้ไม่มีระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ดังนั้นแม้ว่าเธอจะพูดเบาๆ แต่เฟิงหานชวนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนอยู่ดี

“อืม จำไว้นะว่าถ้ามีอะไรต้องบอกผม!”เฟิงหานชวนวางคางลงบนไหล่ของหญิงสาวและกอดเธอไว้แน่น

เป๋าฮวนไม่ได้ต่อต้านเช่นกันเพราะเธอรู้สึกว่าต่อต้านไปก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี ถ้าเฟิงหานชวนอยากจะกอด งั้นก็กอดกันไปสักพักละกัน

“รู้แล้ว”เธอพึมพำ

“นอกจากนี้ ผมต้องการที่จะทำให้มันชัดเจนว่าเราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแบบความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายแล้ว”เฟิงหานชวนพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก

“หืม? คุณพูดว่าอะไรนะ?”เป๋าฮวนไม่เข้าใจ: “คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เก็บความแค้นไว้แล้ว และฉันก็จะไม่แก้แค้นคุณด้วย”

เกี่ยวกับความคับข้องใจที่ผ่านมา เป๋าฮวนไม่ต้องการไล่ตามอะไรอีกแล้ว อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเยียวยาทุกสิ่ง

หรืออาจจะเป็นการเปลี่ยนความคิด

ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่สามารถไปบ้านตระกูลเฟิงได้แล้ว

“ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้”เฟิงหานชวนปฏิเสธและพูดอย่างจริงจัง: “ผมพูดไปแล้วว่าผมต้องการจีบคุณ ตอนนี้ผมคือคนที่จีบคุณ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราก็น่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนใช่ไหม?”

เป๋าฮวน: “???”

มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน!

คำอธิบายนี้มันคืออะไร?

“ได้โปรดล่ะ เราแค่อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ใครเป็นเพื่อนของคุณกัน?”เป๋าฮวนสับสนกับคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องของใครบางคน

อย่างไรก็ตามเฟิงหานชวนกดริมฝีปากบางๆของเขาเข้ากับติ่งหูของหญิงสาว และกระซิบด้วยเสียงนิ่งๆว่า: “fwbก็เป็นเพื่อนประเภทหนึ่งเช่นกัน”

“เวร!”

มีเพียงแค่คำนี้ที่โพล่งออกมาจากปากของเป๋าฮวน

เธอประเมินเฟิงหานชวนต่ำไป!

เธอประเมินต่ำไป!

สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้จริงๆ สู้ไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว…

เป๋าฮวนกัดฟันของเธอแน่น ฝ่ามือนุ่มของเธอผลักหน้าอกอุ่นๆของเขาออกไปและดวงตาสีแอปริคอทของเธอก็จ้องเขาอย่างโกรธเกรี้ยว: “จะไปไหนก็ไปเลย!”

เดิมเขาคิดว่าทำไมเธอถึงได้ดุร้ายนัก เฟิงหานชวนต้องการทำให้ทุกอย่างมันบรรจบกันสักที ในวินาทีต่อมาร่างสูงก็จับมือของเธอและยกหลังมือของเธอขึ้นมา

จากนั้นก็จูบเบาๆลงบนหลังมือของเธอและพูดอย่างใจเย็นว่า: “ผมขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะระวังคำพูด”

เป๋าฮวน: “???”

เป๋าฮวน: “….?”

เป๋าฮวนแข็งทื่อไปในทันที

……

พวกเขายืนอยู่บนระเบียง ทำให้แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องลงมากระทบพวกเขา

เมื่อมองไปยังท่าทางที่ไม่พอใจของหญิงสาว เฟิงหานชวนก็ยิ้มออกมาและรอยยิ้มของเขามันทำให้เขาดูเหมือนผู้ชายที่สุดแสนจะอบอุ่น

การจ้องมองเขาอย่างโกรธๆของเป๋าฮวนฮวน ทำให้ดูเหมือนว่าเธอกำลังทะเลาะกับแฟนหนุ่มของเธอ และการโต้ตอบระหว่างทั้งสองก็เหมือนกับฉากหนึ่งในซีรี่ย์

ฉากนี้ถูกเห็นโดยผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่บนชิงช้าในสนาม

เฟิงหย่ามองด้วยความงุนงง เธอพูดออกมาเบาๆว่า: “ฉันไม่เคยเห็นอาสามยิ้มอบอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลย!”

เฟิงหย่ามองอย่างอึ้งๆ แต่สายตาของหลีซือวิ๋นนั้นกลับดูชั่วร้าย

วินาทีต่อมาเฟิงหย่าดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และในขณะที่เธอกำลังจะพูดนั้น เธอก็พบเข้ากับดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวของหญิงสาว

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง

เมื่อหลีซือวิ๋นเห็นว่าเฟิงหย่ากำลังมองเธออยู่ เธอก็รีบเปลี่ยนกลับไปเป็นท่าทางที่อ่อนโยนในทันที เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและถามว่า: “เสี่ยวหย่า เธอเป็นอะไร?”

“เอ่อ ฉัน…พี่อวิ๋น พี่…ก็คือ จะพูดยังไงดีล่ะ! จู่ๆฉันก็ลืมว่าจะพูดอะไรกับพี่…”เฟิงหย่าขมวดคิ้ว เธอรู้สึกแปลกๆ

“เธออยากพูดอะไรกับฉัน? ลองคิดๆดูใหม่สิ! มันเกี่ยวกับอาสามและฮวนฮวนหรือเปล่า? เธอดูพวกเขาสิ ดูเป็นคู่รักเพอร์เฟคจริงๆ ผู้ชายก็หล่อและผู้หญิงก็สวย! “หลี่ซื่ออวิ๋นยิ้มกว้างและพูดติดตลกว่า: “โอ้โห อาสามของเธอนี่ดีอะไรขนาดนี้ ฉันนี่ไม่มีโชคเอาซะเลย!”

“พี่อวิ๋น พี่…พี่จะว่าฉันไหม? ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พี่ก็คงจะไม่เข้าใจอาสามผิด…”เฟิงหย่าลังเลที่จะพูด แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอถูกหลีซือวิ๋นขัดจังหวะเสียก่อน

“เสี่ยวหย่า ฉันจะว่าเธอได้ยังไง? อันที่จริงอาสามของเธอดีมากเลย ถ้าเขาขอฉันแต่งงาน ฉันก็ยินดีที่จะแต่งงานกับเขา! แต่ถึงจะหลอกตัวเองยังไง ฉันก็ไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้ฉันเป็นคนดีขนาดไหน ก็ไม่มีใครต้องการอยู่ดีใช่ไหมล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายดีๆก็ไม่ใช่แค่อาสามของเธอสักหน่อย! ”

เมื่อเห็นหลีซือวิ๋นพูดอย่างร่าเริง เฟิงหย่าก็รู้สึกว่าเมื่อสักครู่ตัวเองอาจจะมองผิดไป

นัยน์ตาอันน่ากลัวของพี่อวิ๋นอาจไม่ได้กำลังนึกถึงอาสามและเป๋าฮวน บางทีอาจนึกถึงอย่างอื่น หรืออาจจะแค่แสดงสีหน้าแบบนั้นโดยไม่ได้มีความหมายอื่นก็ได้

เฟิงหย่าพยักหน้า เธอตบหน้าอกของเธอและพูดด้วยความมั่นใจว่า: “พี่อวิ๋นที่พี่พูดน่ะถูกแล้ว อาสามของฉันไม่ใช่คนดีแค่เพียงคนเดียว ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะหาคนที่ดีกว่าให้พี่เอง!”

“เอาล่ะ เสี่ยวหย่า งั้นต่อไปนี้เธอจะเป็นคู่หูที่ดีของฉัน!”ใบหน้าของหลีซือวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“อื้มๆ”หลังจากที่เฟิงหย่าตอบตกลง เธอก็หันไปมองทางระเบียงบนชั้นสอง และมองไปยังการกระทำระหว่างเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความอิจฉาริษยา

เธออยากมีผู้ชายคนหนึ่งที่ห่วงใยเธอ คิดถึงเธอ และรักเธอมากมาตลอด…

หลีซือวิ๋นมองไปที่ด้านหลังศีรษะของเฟิงหย่า แต่แล้วจู่ๆรอยยิ้มของเธอก็หายไปในทันที ใบหน้าของเธอนั้นมืดมนมาก มันฉายรัศมีอันน่ากลัวออกมาราวกับแม่มดที่ฝึกจนกลายเป็นปีศาจ

มันแตกต่างจากภาพที่อ่อนโยนเมื่อสักครู่มาก

หลีซือวิ๋นกัดฟันแน่น เธอหัวเราะเยาะเย้ยออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เฟิงหย่าคนนี้ช่างตลกจริงๆ ทำไมเธอถึงต้องหาสิ่งที่ดีกว่าสำหรับเธอกัน?

เธอรอมานานมาก ใครมันจะดีไปกว่าเฟิงหานชวน?

ในกลุ่มสังคมไฮโซของเมืองเป่ยเฉิง สามเหลี่ยมเหล็กที่ก่อตั้งโดยโม่เหวินโจว หรงจิ่นซิวและ เฟิงหานชวนมีชื่อเสียงอย่างมาก เหตุผลที่มีชื่อเสียงไม่เพียงเพราะพวกเขานั้นเลิศเลอเพอร์เฟค แต่ยังเป็นเพราะอาณาจักรธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาและรูปร่างหน้าตาของพวกเขาด้วย

ท้ายที่สุดแล้วมีผู้ชายหลายคนที่มีเงิน มีอำนาจ และหน้าตาดี แต่เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วให้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบนั้น มันน้อยมาก!

โม่เหวินโจวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ หรงจิ่งซิวเป็นหมอและไม่ได้มีความสนใจในเรื่องธุรกิจนัก ทั้งรูปลักษณ์และนิสัยก็ไม่ใช่สไตล์ของเธอ เธอมองว่าหรงจิ่งซิวเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

และถ้าสักเกตดีๆดูเหมือนว่าหรงจิ่งซิวจะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขาแล้ว

แต่เดิมตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือเฟิงหานชวน เธอชอบเขามากที่สุด เธอชอบมาตั้งแต่ยังเด็ก และชอบมาหลายปีแล้ว!

เพื่อให้ได้มาซึ่งเฟิงหานชวน เธอใช้วิธีการมากมายที่ไม่เพียงแต่กำจัดเฉินฮวนฮวน แต่ยังกำจัดลูกของเธอและเฟิงหานชวนอีกด้วย

และมันเป็นอีกครั้งที่เธอจับได้โอกาสของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน จนในที่สุดเธอก็ทำให้เฉินฮวนฮวนออกไปได้ ในเวลานั้นเธอค่อยหายใจได้อย่างสะดวกหน่อย

และไม่นานก็มีข่าวการฆ่าตัวตายของเฉินฮวนฮวน เธอไปร่วมงานศพด้วยตัวเธอเอง หลังจากกลับมาในคืนนั้น เธอก็มีความสุขทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน…

“อ่า….?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนอ้าปากค้าง ตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง อยู่ในอาการตื่นตกใจในคำพูดที่เฟิงหานชวนพูดออกมา

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็พูดขึ้นเสียงดังว่า : “พระเจ้า! อาสามโคตรเจ๋งเลย! อาเก่งมาก!”

“เรื่องของฉัน ไม่ต้องให้นายมาสนใจหรอก” เฟิงหานชวนทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ จากนั้นก็เปิดประตูและเดินออกจากห้องไป

ในตอนที่กลับมาในห้องนอนนั้น เป๋าฮวนก็หายตัวไปแล้ว เฟิงหานชวนกังวลใจ จึงรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที

เมื่อเห็นแม่บ้านหลี่ผ่านตรงหน้าบันได เขาก็รีบคว้าตัวแม่บ้านหลี่ไว้ และถามด้วยความร้อนใจทันทีว่า : “แม่บ้านหลี่ เห็นฮวนฮวนไหมครับ?”

“ฮวนฮวน ไม่เห็นนี่คะ คุณชายสามพาเธอขึ้นไปชั้นบนไม่ใช่เหรอคะ?” แม่บ้านหลี่ตกอยู่ในอาการอึ้งงัน เธออายุตั้งขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่อง “กลับชาติมาเกิดใหม่” เลยสักครั้ง

“ทำไม? ฮวนฮวนหายตัวไปเหรอ?” เฟิงเหลยถิงได้ยินที่เฟิงหานชวนถามแม่บ้านหลี่ จึงรีบเดินมาหาและเอ่ยถามขึ้นทันที

“พ่อ พ่อเห็นฮวนฮวนไหม?” สีหน้าของเฟิงหานชวนกังวลมาก และร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เห็น พ่ออยู่ในห้องรับแขกตลอด ไม่เห็นฮวนฮวนออกไปไหนนี่!” เฟิงเหลยถิงเองก็งุนงงไม่แพ้กัน จากนั้นก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งนั้น : “พวกเธอเห็นฮวนฮวนไหม?”

เฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินสองพี่น้องกลับไปแล้วเพราะเรื่องที่บริษัท ภรรยาของเขาซ่งหวั่นโหรวและหลินเจินจึงนั่งพูดคุยและดื่มชากับนายท่านอยู่บนโซฟาฝั่งนั้น

ซ่งหวั่นโหรวและหลินเจินพร้อมใจกันส่ายหน้า ซ่งหวั่นโหรวได้ตอบกลับไปว่า : “เมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าใครเลยนะ และไม่เห็นฮวนฮวนลงมาด้วย! ยังอยู่ชั้นบนรึเปล่า?”

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าโซฟาที่พวกเธอนั่งหันหลังให้กับประตูห้องรับแขก ดังนั้นถ้าเป๋าฮวนจะแอบออกไปแบบเงียบ ๆ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น

เมื่อคิดได้ สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เปลี่ยนไป เธอไม่อยากอยู่ข้างกายของเขาจริง ๆ ใช่ไหม? ถึงได้หนีไปไม่บอกสักคำแบบนี้?

เขาพุ่งตัวออกจากห้องรับแขก และเห็นว่าประตูใหญ่ยังคงปิด จู่ ๆ ก็คิดได้ว่าเฉินฮวนฮวนในอดีตมักจะชอบไปนั่งชิงช้าในลานกว้างอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงรีบวิ่งไปยังภูเขาเทียมฝั่งนั้น

เขาได้ยินเสียงผู้หญิงดังมาจากฝั่งนั้น แต่เห็นแค่เพียงเฟิงหย่าและหลีซืออวิ๋นที่นั่งแกว่งชิงช้าอยู่ เฟิงหานชวนเย็นสะท้านไปทั่วทั้งใจ

“อาสาม อามาได้ยังไงคะ?” เฟิงหย่าเห็นเฟิงหานชวนเดินมา จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย : “อามาขอโทษพี่อวิ๋นใช่ไหม?”

“เห็นฮวนฮวนไหม?” ในสายของเฟิงหานชวนมีแค่เป๋าฮวนเพียงคนเดียว

“เฉินฮวนฮวน? ไม่เห็นนะ! เธอไม่ได้มาหาเราสักหน่อย!” เฟิงหย่าส่ายหน้าอย่างอึ้งงัน

หลีซืออวิ๋นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง : “หานชวน เกิดอะไรขึ้น? นายตามหาฮวนฮวน ฮวนฮวนหายตัวไปเหรอ?”

“พวกเธอนั่งเล่นต่อเถอะ ฉันจะไปตามหาเธอ” เฟิงหานชวนทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ จากนั้นก็วิ่งไปยังทิศทางของประตูใหญ่ทันที

ในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตู ตั้งใจจะข้ามถนนไปตามหาเป๋าฮวนนั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น : “เฮ้ เฟิงหานชวน ฉันอยู่นี่!”

เฟิงหานชวนหมุนตัวกลับไปด้วยท่าทางตัวแข็งทื่อ และก็เห็นเงาคนท่าทางอ้อนแอ้นที่เจิดจรัสอยู่ใต้แสงอาทิตย์บนระเบียงชั้นสอง เธอยกมือขึ้นและโบกมือไปทางเขา

เขารู้สึกโล่งใจ ราวกับได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

เฟิงหานชวนรีบวิ่งไปยังห้องรับแขกโดยไม่คิดอะไร จากนั้นก็ตรงขึ้นไปชั้นบน กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

หลังจากที่ปิดประตู เขาก็ก้าวเท้าไปยังระเบียง เป๋าฮวนหันกลับมาพอดี และเห็นเฟิงหานชวนเดินเข้ามาหาตัวเอง

วินาทีต่อจากนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปาก ผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาสวมกอดเธอแน่น ออกแรงกระชับกอดให้แน่นมากกว่าเดิม

ปฏิกิริยาแรกของเป๋าฮวนก็คือ เฟิงหานชวนป่าเถื่อนมาก ทุกครั้งที่กอดเธอ เหมือนจะฆ่าเธอให้อย่างไรอย่างนั้น!

“เฮ้ เฟิงหานชวน ครั้งต่อไปถ้าคุณยังกอดฉันแบบนี้อีก ฉันจะไม่ให้คุณกอดแล้ว!” เป๋าฮวนเม้มปาก ก่อนจะพูดแขวะออกไปอย่างหมดแรง

ถ้าเฟิงหานชวนอยากกอดเธอ เธอก็คงจะต้านไม่ไหว ถึงอย่างไรเรี่ยวแรงของเธอก็ยังน้อยกว่าเขามาก

ดังนั้น เธอทำได้แค่ขู่เขา ถ้าอยากกอดก็ได้ แต่ต้องเบาลงกว่านี้!

“ฮวนฮวน ผมตกใจหมดเลย คุณทำผมตกใจจริง ๆ …..” เฟิงหานชวนปล่อยตัวเป๋าฮวน มือทั้งสองข้างจับไหล่ของผู้หญิงตรงหน้าไว้แน่น สีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ทำคุณตกใจ?” เป๋าฮวนกะพริบตาด้วยความอึ้งงัน

เป๋าฮวนสังเกตท่าทางดูมีความสุขและภูมิใจในตัวเองของเฟิงหานชวนอยู่เงียบ ๆ เธอคิดว่าเฟิงหานชวนคงจะเล่นงานสำเร็จแล้ว ความภูมิใจที่ก่อเกิด ได้หยุดชะงักแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

“เฟิงหานชวน คุณ….ต่อไปถ้าคุณกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก คุณจะได้เห็นดีกันแน่!” เป๋าฮวนขู่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับยกเข่าของตัวเองขึ้นมา

เธอเอื้อมมือไปชี้ที่เข่าของตัวเอง และขู่อีกครั้งว่า : “คุณรู้ไหม เข่าข้างนี้ทำอะไรได้บ้าง คุณน่าจะเคยสัมผัสมาแล้ว”

เฟิงหานชวนรู้สึกเย็นสะท้านในทันที

“ฮวนฮวน พูดกันดี ๆ ก็ได้” เขารีบยกมือยอมแพ้

นี่เกี่ยวกับความสุขอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของทั้งสองคนเลยทีเดียว ดังนั้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เขาจึงต้องยอมอ่อนข้อ

ถึงอย่างไรเป๋าฮวนในตอนนี้ก็เป็นนกฮูกตัวน้อยที่แสนดุร้าย ไม่ควรเข้าไปยั่วโมโห ขืนไปยั่วยุเข้า คงจะโต้กลับมาอย่างรุนแรงทันทีแน่ ๆ งั้น……ไม่ลองดีกว่า

“ฉันพูดดี ๆ ก็ได้ ก่อนอื่นคุณต้องปรับทัศนคติให้ดีเสียก่อน” เมื่อเป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนยอมจำนน จึงตะโกนออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ

“อื้อ ผมปรับทัศนคติให้ดีแล้ว” เฟิงหานชวนพยักหน้า และพูดด้วยความซื่อตรง

เป๋าฮวนกลอกตาไปทางเขาแวบหนึ่ง ปากบอกว่าปรับทัศนคติให้ดี? เรื่องที่เขาทำ ไม่มีความถูกต้องสักนิด

“เอาละ คุณลากฉันออกมาแบบนี้คงอยากจะพูดเรื่องนั้นใช่ไหม? ในเมื่อพูดจบแล้ว งั้นฉันไปล่ะ” เป๋าฮวนไม่อยากอยู่ในห้องนี้นานนัก

เธอกลัวว่าถ้าขืนตัวเองอยู่ต่อไป คงจะยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่ แบบนี้คงจะกวนใจของเธอไม่น้อย

“ฮวนฮวน อย่าไป!” เฟิงหานชวนรีบคว้าแขนของเธอไว้ จากนั้นก็ดึงเธอกลับมาตรงหน้าของตัวเองอีกครั้ง

ภายใต้เหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้เป๋าฮวนล้มเซมาอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายคนนี้ เธอเงยหน้ามองเขาและถามขึ้นว่า : “คุณจะพูดอะไรกันแน่?”

“เจิ้งจือหาวคนนั้น สรุปเป็นยังไงกันแน่?” เฟิงหานชวนไม่ทนอีกต่อไป โพล่งถามออกทันที

“หา? เจิ้งจือหาว?” เป๋าฮวนถามขึ้นอย่างหมดปัญญา

ผ่านมาขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้ยังจะอิจฉาคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง หึงไปทั่วอีกเหรอเนี่ย!

“อื้อ ก็คุณบอกว่าเขาตามจีบคุณ มันเป็นยังไงกันแน่?” เมื่อเห็นเป๋าฮวนไม่ตอบ เฟิงหานชวนจึงถามอีกครั้ง

เป๋าฮวนกลอกตาไปมาด้วยความโกรธเคือง และพูดอย่างจนปัญญาว่า : “เรื่องเมื่อ 3 ปีก่อนฉันจำไม่ได้แล้ว ขนาดชื่อของเขาฉันยังลืมเลย แล้วคุณกลับมาถามฉันว่าเรื่องเป็นมายังไง?”

“คุณจำได้ คุณบอกว่าเขาตามจีบคุณ” เฟิงหานชวนยังคงพูดอย่างหนักแน่น

เป๋าฮวน : “………”

“ฮวนฮวน คุณจะไม่ยอมบอกผมใช่ไหม?” เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเป๋าฮวนไม่ยอมพูด จึงเกิดความกระวนกระวายใจราวกับมดที่ดิ้นพล่านอยู่ในกระทะร้อนอยู่ในใจ อยากจะรู้ความจริงจนแทบทนไม่ไหว

ทรมานใจอย่างมาก

“ไม่ใช่ฉันไม่อยากบอกคุณ แต่ฉันไม่มีความประทับใจแรกอะไร…เดี๋ยวนะ ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย? คุณเป็นอะไรกับฉันไม่ทราบ?” เป๋าฮวนผลักเขาออกไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฟิงหานชวน คุณรู้แก่ใจดี ตอนนี้เราเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องของฉัน และไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องนั้นเรื่องนี้กับฉันด้วย”

เฟิงหานชวนไม่มีเหตุผลโต้แย้ง : “……….”

วินาทีต่อจากนั้น เขาก็พูดออกไปตรง ๆ ว่า : “ฮวนฮวน ผมคือคนรักของคุณ ผมย่อมถามสถานการณ์ของคู่แข่งจากคุณได้ คุณจะบอกผมหรือไม่ ก็แล้วแต่คุณ ผมไม่บังคับให้คุณบอกผมหรอก”

เป๋าฮวน : “……พูดดูมีเหตุผลดี”

เฟิงหานชวน : “ไม่ใช่แค่ดู แต่มันคือเหตุผลจริง ๆ ”

เป๋าฮวน: “……สู้คุณไม่ได้หรอก พ่อคนฉลาด”

เฟิงหานชวน : “ไม่ใช่ฉลาด แต่แคร์”

เป๋าฮวน : “….คำพูดหวานเยิ้ม ไม่มีใครเทียบคุณได้จริง ๆ ”

เฟิงหานชวน : “ปฏิบัติแบบนี้กับคุณแค่คนเดียว”

เป๋าฮวนปรายตามอง จนกระทั่งปะทะเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความลึกล้ำของผู้ชายตรงหน้า เธอกำลังจะเบนสายตาของตัวเองไปทางอื่น แต่ไม่รู้ทำไม กลับเบนหนีไม่ได้

ทั้งสองคนมองตาของอีกฝ่าย จ้องเขม็งกันอย่างไม่ลดละ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”

แต่ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ใคร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น

บรรยากาศที่คงรักษาไว้อย่างยากลำบาก ถูกรบกวนจนไม่เหลือชิ้นดี

“อาสาม ฮวนฮวน ฉันเอง!” เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเริงร่า

เฟิงหานชวน : “…….”

“เข้ามา” น้ำเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น

วินาทีต่อจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เฟิงเฉินเหยี่ยนก็พรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนตรงข้ามกัน ขาของเขาก็หยุดชะงักลง พร้อมกับเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ ก่อนจะถามออกไปว่า : “ฉัน….มารบกวนทั้งสองคนรึเปล่า?”

“แล้วนายว่าไงละ?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลง พร้อมกับเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย

“งั้นฉันออกไปก่อน?” เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มอย่างโง่เขลา

เป๋าฮวนดูออกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนกำลังยิ้ม เธอจึงรีบเอ่ยปากถามว่า : “อาเยี่ยน นายมาหาเรามีธุระใช่ไหม?”

“ใช่! ฮวนฮวน เมื่อกี้ฉันอยู่ในอาการตกใจ แต่ตอนนี้ฉันปรับตัวได้แล้ว นึกไม่ถึงว่า เธอยังมีชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดีใจมากจริง ๆ เขาเดินมาตรงหน้าของเป๋าฮวน มองพิจารณาใบหน้าของเธอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็มองต่ำลง และพูดด้วยความตื่นตกใจว่า : “ยังมีชีวิตจริง ๆ ด้วย!”

เมื่อเห็นสายตาที่ก้มมองต่ำของเฟิงเฉินเหยี่ยน นัยน์ตาของเฟิงหานชวนก็เคร่งขรึมลง จากนั้นก็รีบดึงตัวของเป๋าฮวนไปด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ในเมื่อเห็นแล้ว ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว”

“ไม่ใช่สิ อาสาม คุณเพิ่งพาฮวนฮวนกลับมา ครอบครัวของเราก็อยู่ชั้นล่าง คุณจะร้อนใจไปทำไม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนแสดงสีหน้าดูถูกถากถางทันที จากนั้นก็แบะปากและพูดว่า : “กินเจมาสามปี คงจะอยากกินเนื้อสัตว์แทบไม่ไหวแล้วละสิ?”

เป๋าฮวนไม่ได้เป็นเด็กที่ไร้เดียงสา ย่อมรู้ว่าความหมายของเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นอย่างดี เธอเกร็งนิ้วเท้าด้วยความกระวนกระวายใจ เฟิงเฉินเหยี่ยนคนนี้ยังคงนิสัยปากโป้งและขี้อวดไม่เปลี่ยนจริง ๆ

“นายเข้าใจผิดแล้ว เขาแค่มาคุยกับฉันเท่านั้น ไม่ได้เป็นแบบที่นายคิดสักหน่อย” เป๋าฮวนกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “อีกอย่างอาเยี่ยน เรื่องที่ฉันพูดกับนายท่านบนโต๊ะอาหาร นายก็น่าจะได้ยินแล้วนี่?”

เธอหมายถึงความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน ไม่ใช่สามีภรรยากันอีกแล้ว เธอไม่อยากเป็นคนของตระกูลเฟิงอีกแล้ว

เธอคือเป๋าฮวน ไม่ใช่เฉินฮวนฮวน

“เอ่อ….” เฟิงเฉินเหยี่ยนเกาศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางโง่เขลาว่า : “ได้ยิน ฉันได้ยินแล้ว แต่ฉันเหลือบเห็นพวกเธอสองคนขึ้นมาคุยกันชั้นบนเป็นการส่วนตัว จึงคิดว่าพวกเธอคงจะดีกันแล้ว!”

“เปล่าซะหน่อย” เป๋าฮวนส่ายหน้า จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว ไว้มีโอกาสนัดเจอกันใหม่ ถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกัน”

เฟิงเฉินเหยี่ยนอึ้งงันไป : “อ่า? ฮวนฮวน เธอจะกลับแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าเธอโกรธอาสาม เธอก็เลยยอมกลับมา ยอมที่จะกินข้าวที่บ้านเก่า ฉันคิดว่า…”

สีหน้าของเฟิงเฉินเหยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง เขารีบมองไปทางเฟิงหานชวนทันที จากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า : “อาสาม คุณไม่คิดจะรั้งฮวนฮวนไว้หน่อยเหรอ?”

เฟิงหานชวน : “……”

เขากำลังจะรั้ง แต่ถูกเจ้าหมอนี้เข้ามาขัดจังหวะไง

“อาสาม คุณมากับผม!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดึงแขนของเฟิงหานชวนโดยไม่สนใจใคร ลากเขามายังห้องพักแขกที่อยู่ถัดไป

แถมยังล็อกประตูอย่างแน่นหนาอีกด้วย

เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “อาสาม ทำไมคุณได้โง่แบบนี้!”

เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง : “?”

“สาเหตุที่ฮวนฮวนแกล้งตายในตอนแรก นั้นเป็นเพราะเกลียดคุณที่คุณหลอกลวงเธอ ในเมื่อเธอยอมกลับมากินข้าวที่บ้านกับคุณ นั้นก็ย่อมหมายความว่าเธอรู้สึกกับคุณแน่นอน คุณ..คุณไม่ได้รุกก่อนสักนิดเลยเหรอ?” น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่านของอีกฝ่ายนัก

เฟิงหานชวน : “…..นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่รุกก่อน?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นอาสามยังคงนิ่งสงบแบบนี้ ราวกับจักรพรรดิผู้ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนก็ยิ่งร้อนใจ เขาจึงรีบพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวลว่า : “คุณไม่ได้กินเนื้อ ย่อมรู้ว่าคุณไม่มีทางรุกก่อนแน่!”

นัยน์ตาของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลง จากนั้นท่าทางรุกหาที่เย้ายวนใจของเป๋าฮวนก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียงแหบไปชั่วขณะ ร่างกายเกิดอาการเกร็งอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้กินเนื้อ?”

“คุณตาเธอ?” เฟิงเหลยถิงทั้งตกใจและประหลาดใจด้วย

เป๋าฮวนตอบตามความจริง: “คุณตาของฉันตอนวัยรุ่นได้สูญเสียความทรงจำ และทิ้งคุณยายของฉันไว้ที่ประเทศฮัวตามลำพัง ต่อมาคุณยายของฉันให้กำเนิดแม่ของฉันซูอวิ้นเรื่องราวหลังจากนั้นคุณก็รู้แล้ว”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้……” เฟิงเหลยถิงพยักหน้าเข้าใจกระจ่างแจ้ง และความสับสนในใจของเขาก็ได้รับการแก้ไขในทันที

เขามองดูแต่ละคนที่ท่าทางมึนงงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น: “ฮวนฮวนกลับมาแล้ว อีกหน่อยบ้านก็จะครึกครื้นน่าอยู่”

“พวกเราอย่าโง่ไปเลย เป๋าฮวนก็คือเฉินฮวนฮวน ทั้งคู่เป็นฮวนฮวนคนเดียวกัน ศพผู้หญิงตอนนั้นไม่ใช่ฮวนฮวน เป๋าฮวนคนนี้ถึงจะเป็นฮวนฮวนตัวจริง”

“ไม่มีผีสิงอะไรทั้งนั้น ทุกคนรีบทานข้าวเถอะ” เฟิงเหลยถิงอารมณ์ดีในทันทีใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี

เป๋าฮวนคิดถึงประโยคหนึ่งที่เขาเพิ่งพูด คิดๆแล้วจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นายท่าน ครั้งนี้ที่ฉันมา เพียงเพื่ออยากอธิบายให้พวกคุณชัดเจน ไม่อย่างนั้นจะทำให้ทุกคนประสาทกลับกันหมด ฉันก็รู้สึกผิดใอยู่ในใจ”

“สำหรับฉันและเฟิงหานชวน ในเมื่อแยกจากกันแล้ว งั้นก็แยกจากกันเลย ต่อไปถ้ามีโอกาส ฉันก็จะกลับมาเยี่ยมคุณอีก”

เป๋าฮวนรู้สึกว่าความหมายที่ตัวเองแสดงออกมานั้น น่าจะชัดเจนมากแล้ว

เฟิงเหลยถิงกำลังยื่นตะเกียบออกไปคีบผัก แต่มือของเขาหยุดกลางอากาศครู่หนึ่ง เขาคิดไม่กี่วินาที แล้วางตะเกียบกลับมาไว้ข้างหน้าตัวเอง จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขามองไปยังลูกชายคนที่สามของตัวเอง สีหน้าของเฟิงหานชวนเยือกเย็นเหมือนชื่อของเขา เย็นจนไม่รู้จะเย็นยังไง

เป๋าฮวนก็หันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวน เธอเห็นว่าสีหน้าของเฟิงหานชวนดูไม่ได้เลย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิด ตัวเองได้แสดงความหมายแบบนี้กับเขาตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ได้เห็นเธอยังมีชีวิตอยู่ดีฉันก็ดีใจแล้ว” เฟิงเหลยถิงโบกมือและพูดว่า “หิวแล้วหล่ะสิ? รีบทานอาหารเถอะ! ทุกคนทานกันเถอะ!”

เป๋าฮวนพยักหน้าแล้วหยิบตะเกียบขึ้น แม้ว่าคนอื่นๆจะเริ่มทานกัน แต่ทั้งหมดก็มีความคิดของตัวเอง

กระบวนการรับประทานอาหารกลางวันดูแปลกๆ เล็กน้อย และทุกคนก็แทบไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น ยกเว้นเฟิงเหลยถิงกับเป๋าฮวนที่คุยกันไม่กี่ประโยค

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เป๋าฮวนนั่งอยู่ที่ที่นั่งอย่างเบื่อหน่าย ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ จู่ๆก็ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ทานเสร็จหรือยัง?”

“ทานเสร็จแล้ว” เป๋าฮวนรู้ว่าเขากำลังถามตัวเองอยู่จึงพยักหน้าตอบ

“มากับผม” ชายหนุ่มคว้าข้อมือเธอไว้

เป๋าฮวนเลยต้องลุกขึ้นและเดินตามเฟิงหานชวน เห็นแค่เฟิงหานชวนดึงเธอขึ้นชั้นบน พอถึงชั้นสองก็พาเธอไปที่ห้องนอนห้องหนึ่ง

เธอรู้จักห้องนอนนี้แน่นอน เป็นห้องของเธอกับเฟิงหานชวนในบ้านหลังเก่า ภายในไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ยังเหมือนกับเมื่อ3ปีที่แล้ว และได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย

เมื่อเธอเห็นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มก็กดร่างของเธอบนผนัง และจู่ๆเกิดความรู้สึกถูกกดขี่ขึ้นมา

“เฟิงหานชวน คุณต้องการทำอะไร? มีคนมากมายที่ชั้นล่าง!” สีหน้าของเป๋าฮวนเริ่มหมองคล้ำและดุด่า

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มโอบร่างทั้งร่างของเธอไว้ในอ้อมอก คางของเขาวางอยู่บนบ่าเธอ เขาใช้แรงมาก อยากจะถูเธอเข้าไปในร่างกายของเขา

“ฮวนฮวน เธออยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ?” น้ำเสียงของเขาอ่อนน้อมและอ้อนวอน

เป๋าฮวนพูดไม่ออก

เธอพูดแต่แรกแล้วว่าเธอแค่มาอธิบายกับตระกูลเฟิง ไม่ได้กลับมาตระกูลเฟิง

“เฟิงหานชวน ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าเราไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว” เธอพูดทีละคำทีละประโยค: “เพราะว่าตอนนี้ฉันคือเป๋าฮวน”

“เฉินฮวนฮวนคนนี้ ไม่มีอีกแล้ว”

อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดไม่กี่ประโยคนี้จบ

เฟิงหานชวนกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น และเธอรู้สึกว่าเธอกำลังหายใจไม่ออก

“ไม่ว่าคุณจะเป็นเฉินฮวนฮวนหรือเป๋าฮวน คุณก็เป็นฮวนฮวนของผม เป็นภรรยาของผม!” เสียงของเฟิงหานชวนเกือบจะขาดรอนๆ ราวกับว่ากลัวว่าเธอจะหายไปทันทีที่ปล่อยมือ

“คุณปล่อยฉันก่อน ฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว” เป๋าฮวนใช้กำปั้นทุบหลังของชายหนุ่ม เสียงกล่าวออกมาไม่ค่อยได้แล้ว เพราะเธอหายใจไม่ออกจริงๆ

ชายหนุ่มกอดเธอแน่นเกินไป ราวกับว่าต้องการชีวิตของเธอ

เฟิงหายชวนได้ยินความแตกต่างในเสียงของเป๋าฮวนรีบปล่อยมือทันที ก้มศีรษะและเอื้อมมือไปจับใบหน้าของเธอ และพูดอย่างกังวล: “ผมหุนหันพลันแล่นเกินไป คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?”

เป๋าฮวนสูดอากาศบริสุทธิ์เฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้าช้าๆ: “ฉันไม่เป็นไร”

เธอยอมแพ้เฟิงหานชวนจริงๆ กอดผู้หญิงก็ช่างเถอะ แต่นี่ไม่นับว่าเป็นการกอด นี่เขากำลังจะฆ่าปิดปากแล้ว!

“ผมขอโทษฮวนฮวน ผมขาดสติไปแล้ว” ในสมองของเฟิงหานชวนวุ่นวายไปหมด เขาไม่รู้ว่าตัวเองทนมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง

หลังจากที่เป๋าฮวนและนายท่านพูดคำเหล่านั้นออกมา เขาก็ทนอยู่ตลอด ทนจนถึงตอนนี้ ทนตลอดช่วงเวลาอาหารกลางวัน

“คุณ…เฟิงหานชวน คุณต้องการทำอะไรกันแน่?” เป๋าฮวนมองท่าทางแบบนี้ของเฟิงหานชวน พูดคำตำหนิไม่ออกมีแค่เสียงมีแบบช่วยไม่ได้

“ผมอยากให้คุณอยู่เคียงข้างผม” เขาพูดโดยไม่ลังเล

เป๋าฮวนหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างเย็นชา: “ฉันคิดว่าฉันไม่เพียงบอกคุณชัดเจนแค่ครั้งเดียว และฉันไม่ต้องการที่จะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก”

“คุณโทรกลับหาเวินซือเหยี่ยนหรือยัง?” เฟิงหานชวนพูดขัดจังหวะเธอ

เป๋าฮวนใบหน้างงงวย: “มันเกี่ยวกับคุณหรือ?”

“เกี่ยว!” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจัง: “ถ้าคุณรับปากเวินซือเหยี่ยนว่าจะเล่นเป็นตัวประกอบในละครราชวังชิง ถ้าอย่างนั้นคุณก็สามารถอยู่ในประเทศฮัวต่อ และอยู่ใกล้ผมมากขึ้น”

เป๋าฮวน : “……”

“ใกล้ชิดคุณมากขึ้น? คุณต้องการทำอะไร?”

“ผมอยากตามจีบคุณ!”

“……”

“ฮวนฮวน ตาของคุณเห็นด้วยแล้ว ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ฉันจะตามจีบคุณเรื่อยๆ ตามจีบคุณไปจนถึงสุดหล้าฟ้าเขียว จนกว่าคุณจะตอบตกลง”

“……”

เป๋าฮวนพูดไม่ออก อีกทั้งรู้สึกว่าสมองของเฟิงหานชวนไม่ปกติ

“สุดหล้าที่ไหนไม่มีฟ้าเขียว ทำไมถึงรักดอกไม้แค่ดอกเดียว?” เธอแอบพูด

“แต่ผมรักแค่ดอกไม้ดอกนี้”

เฟิงหานชวนจ้องไปที่ดวงตาที่สดใสของหญิงสาวด้วยความรักลึกซึ้ง ลูกกระเดือกของเขาสั่นไหว อดไว้ไม่อยู่ ก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากของหญิงสาวโดยตรง

เพียงแต่ว่าเร็วมาก ไม่กล้าค้างไว้

เป๋าฮวนผงะไปครู่หนึ่งและมองขึ้นไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า แม้กระทั่งสงสัยว่าช่วงเวลาเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาของเธอ

แต่ความอบอุ่นอันน้อยนิดที่ริมฝีปาก ทำให้เธอรู้สึกอีกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกไปเอง

“คุณเพิ่ง……จูบฉันเหรอ?” เป๋าฮวนชี้ไปที่ปากตัวเองและถามด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง

“อืม” เฟิงหานชวนตอบอย่างมั่นใจ “ทนไม่ไหว”

“ฉัน……เหี้ย……” เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะระเบิดคำหยาบ

“ฮวนฮวน เมื่อก่อนคุณไม่เคยดุขนาดนี้” เฟิงหานชวนลิ้มรสความหวานและมีความสุขใจมาก

ไม่ว่าอย่างไรฮวนฮวนเป็นของเขา ร่างกายทั้งหมดของเธอก็เป็นของเขา

ส่วนเวินซือเหยี่ยนนั่น เกรงว่าแม้แต่นิ้วของฮวนฮวนก็ไม่เคยได้แตะ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเฟิงหานชวนก็ม้วนงอและรอยยิ้มที่พึงพอใจก็ปรากฏขึ้น

น้ำเสียงของหลีซืออวิ๋นทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่สบายใจ

เธอหันศีรษะและเหลือบมองหลีซืออวิ๋น จากนั้นใช้สายตามองไปที่คนบ้านตระกูลเฟิง

หลีซืออวิ๋นรู้สึกถึงแววตาที่อธิบายไม่ได้ของเป๋าฮวน เธอรู้สึกอึดอัดมากราวกับว่าเป๋าฮวนเป็นคนที่สูงส่ง เธอถึงถูกเป๋าฮวนละสายตาเช่นนี้

วินาทีต่อมาหลังจากนั้น เสียงอันไพเราะของเป๋าฮวนก็ดังขึ้น: “ฉันไม่ได้ต้องการทำให้ทุกคนตกใจ ฉันกลับประเทศฮัวครั้งนี้ก็เพื่ออธิบายให้ทุกคนเข้าใจให้ชัดเจน”

“สามปีที่แล้ว ศพผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนตัวจริงไปจากประเทศฮัว และไปใช้ชีวิตที่ประเทศเฉิน”

“บางทีทุกคนอาจจะรู้สึกประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ เพราะศพผู้หญิงในตอนนั้นถูกระบุว่าคือตัวเฉินฮวนฮวน แต่จริงๆแล้วนั่นเป็นสิ่งที่ปลอมขึ้นมา”

เป๋าฮวนอธิบายอย่างละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ตกตะลึง ยกเว้นเธอและเฟิงหานชวน

“คุณ……คุณคือ……ฮวนฮวนจริงๆ เหรอ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนแรกที่กลับมารู้สึกตัว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อความจริงข้อนี้

“คุณถูกอาสามของผมล้างสมองใช่ไหม? อาสามให้คุณพูดแบบนี้ใช่ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเกาศีรษะของเขาแล้วพูดไม่ปะติดปะต่อ: “แล้วคุณมีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ว่าคุณคือเฉินฮวนฮวน? หลีกเลี่ยงไม่ทานของเหล่านี้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ……”

“ออ งั้นฉันจำเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นตามลำพังระหว่างเราได้?” เป๋าฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงเรื่องที่หลินอวี่หยางพาเธอไปเที่ยวผับ และก็บังเอิญได้เจอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนและเหล่าพี่น้องของเขา

เฟิงเฉินเหยี่ยนผงะไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “นับนับนับ คุณลองบอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา ที่ไม่มีอาสามอยู่ด้วย!”

“ตามลำพัง? ผมไม่ได้อยู่ด้วย?” เมื่อเฟิงหานชวนได้ยิน สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำลง

เฟิงเฉินเหยี่ยนเกร็งทันทีและรีบอธิบาย: “อาสาม อาอย่าเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฮวนฮวนเรียบง่ายมาก”

“เหรอ?” เฟิงหานชวนถามอย่างมีเลศนัย จากนั้นมองไปที่เป๋าฮวนและถามอย่างเย็นชา: “งั้นคุณเป๋าลองพูดถึงว่าเรื่องตามลำพังเป็นแบบไหน?”

เป๋าฮวน : “……”

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเฟิงหานชวนกำลังข่มขู่เธอ?

เขาหึงหวงแม้กระทั่งกับหลานชายของเขา?

ส่วนคนอื่นๆไม่พูดอะไรสักคำ แต่ละคนมองไปที่ทั้งสามคน รอดูสถานการณ์ต่อจากนี้

“แค๊กแค๊ก” เป๋าฮวนไอสองครั้ง มองไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยนแล้วกล่าวว่า “ฉันจำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง หยางหยางพาฉันไปที่โรงแรมพอยเซิน ตอนนั้นบังเอิญพบคุณและบรรดาพี่น้องสองสามคนของคุณ ฉันจำได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงมาก ชื่อเจิ้ง……ลืมชื่อไปแล้ว ตอนนั้นเขาต้องการตามจีบฉันด้วย แล้วถูกคุณตักตือน”

เมื่อพูดถึงชื่อหยางหยาง แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับเธอเพียงแค่สองสามเดือน แต่จริงๆแล้วในใจเป๋าฮวนไม่เคยลืมเธอ

ท้ายที่สุด หลินอวี่หยางก็ดีกับเธอมากจริงๆ

ครั้งนี้ถ้าเธอถ่ายทำอยู่ที่ประเทศฮัว เธออยากติดต่อกับหลินอวี่หยาง

“เจิ้งจือหาว เป็นเขา!” เฟิงเฉินเหยี่ยนตกตะลึงด้วยความตกใจ

“เจิ้งจือหาว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาคล้ำหมองแบบดูไม่ได้แล้ว

เขาจ้องไปที่เป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนไม่อยากใส่ใจเขา ท่าทางที่ไม่อยากอธิบายให้ชัดเจน เฟิงหานชวนจึงต้องถามหลานชายของเขาว่า: “อาเยี่ยน เหตุการณ์เป็นยังไงกันแน่?”

“ดังนั้น อาสามคุณก็ไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ขณะที่ถามเฟิงหานชวน เขาถึงได้ยืนยันแบบจริงแท้แน่นอน

ส่วนคนอื่นๆในที่นั้น ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ก็เหมือนเฟิงเฉินเหยี่ยนที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว

โดยเฉพาะหลีซืออวิ๋น เธอไม่เคยคาดคิดว่าเฉินฮวนฮวนยังไม่ตาย?

และยังกลับมาแบบเปิดเผยด้วย?

ตอนนั้นเธอสร้างเรื่องราวไว้มากมาย เดิมคิดว่ากำจัดเฉินฮวนฮวนได้แล้ว ส่วนคราวนี้ที่มาเป็นเพียงตัวแทน แต่ตอนนี้……

แม้ว่าหลีซืออวิ๋นจะจิตใจแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการกระแทกอันทรงพลังนี้ได้ สีหน้าของเธอซีดเซียวแทบจะในทันที

เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของหลีซืออวิ๋น เฟิงหย่าถามอย่างกังวลว่า: “พี่อวิ๋น คุณเป็นอะไร? ทำไมสีหน้าแย่ขนาดนี้ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

“ไม่ ไม่ใช่” เมื่อหลีซืออวิ๋นเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอก็รีบปฏิเสธและอธิบายว่า: “ฉันอาจจะตกใจเพราะคิดว่าเฉินฮวนฮวนถูกสิง”

“ถูกสิง? อ๊าอ๊าอ๊า——เป็นไปได้!” เฟิงหย่ากรีดร้องออกมา มองไปยังเป๋าฮวนด้วยความกลัว และถามอย่างสั่นเทาว่า: “คุณถูกเฉินฮวนฮวนเข้าสิงหรือเปล่า?”

เป๋าฮวน : “……”

“เฉินฮวนฮวน ปีนั้นเธอเกลียดอาสามถึงได้กระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตาย ดังนั้นตอนนี้คุณถึงเข้าสิงตัวเป๋าฮวน คุณมาเพื่อล้างแค้นอาสามใช่ไหม?” เสียงของเฟิงหย่าดูหวาดกลัวและก็ตื่นเต้น

เรื่องพัวพันระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนในปีนั้น คนบ้านตระกูลเฟิงรู้กันอยู่แล้ว ดังนั้นเฟิงหย่าพูดแบบนี้เป๋าฮวนไม่ได้แปลกใจเลย

เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันไม่มีเวลาแก้แค้น”

“อ๊า——คุณมาที่นี่เพื่อแก้แค้นจริงๆ!” เฟิงหย่ากรีดร้องอีกครั้งและตะโกนว่า: “คุณปู่ รีบหาพระอาจารย์มา ! ผี——”

เป๋าฮวน : “……”

เธอหันศีรษะและเหลือบมองเฟิงหานชวน ท่าทางรังเกียจอย่างยิ่ง

ถ้ารู้แต่แรกเธอก็จะไม่มาตระกูลเฟิง คุยกันตั้งนานก็ยังถูกมองว่าเป็นผี!

“เสี่ยวหย่า หุบปาก!” เฟิงหานชวนดุ

เฟิงหย่าปิดปากและส่ายหัวอย่างเอาชีวิต มองไปทางเป๋าฮวนด้วยสีหน้าสยดสยอง

ในเวลานี้ เฟิงเหลยถิงไอสองครั้งและพูดปลอบว่า: “เสี่ยวหย่า คุณเป๋าดูร่าเริงและมีชีวิตชีวาใบหน้าเป็นธรรมชาติ เธอไม่มีทางถูกเข้าสิงได้”

ทันใดนั้น เฟิงเหลยถิงยิ้มอย่างเมตตาและหันไปถามเป๋าฮวนว่า “ฮวนฮวน ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าตอนนั้นเธอให้ตำรวจระบุตัวตนอย่างไร? แม้แต่เราก็ถูกปิดซ่อนไปได้”

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินที่เฟิงเหลยถิงพูด ก็รู้ว่าเขาเชื่อว่าตัวเธอคือเฉินฮวนฮวน เพียงแต่เขายังสงสัยเกี่ยวกับ “วิธีดำเนินการอาชญากรรม” เมื่อสามปีก่อน

“นายท่านรู้จักเป๋าเยี่ยนไหม?” เป๋าฮวนพูดชื่อของคุณตาเธอออกมาโดยตรง

“เป๋าเยี่ยน? รู้จักแน่นอน เขาเป็นเจ้าของตระกูลเป๋าในปัจจุบัน ตอนหนุ่มๆพวกเรายังเคยต่อสู้ทางธุรกิจกัน” เฟิงเหลยถิงยิ้มเมื่อพูดจบประโยค ทันใดนั้นสีหน้าตกตะลึง

เขาชะงัก ดูเหมือนจะนึกไม่ถึง: “ฮวนฮวน ตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน เป๋าเยี่ยนเป็นอะไรกับเธอ?”

ปีนั้น เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินเริ่มธุรกิจขนาดเล็กด้วยมือเปล่า ต่อมาล้มละลาย พูดได้ว่าไม่มีภูมิหลังที่ต้องกล่าวถึง

แต่ตระกูลเป๋าต่างกัน ตระกูลเป๋าเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่หยั่งรากลึกซึ่งอพยพไปยังประเทศเฉินตอนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง ต่อมาก็ได้พัฒนาอยู่ในประเทศเฉินมาตลอด มีอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลกและลึกลับอย่างยิ่ง

ความลึกลับที่ว่านั้น แท้ที่จริงคือตระกูลเป๋าติดดินมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นตอนนี้หลายคนไม่รู้ว่าครอบครัวตระกูลเป๋ายังมีอยู่

เป๋า มีสายเลือดของราชวงศ์ เป็นชนชั้นสูงที่แท้จริง

“นายท่าน เขาเป็นคุณตาของฉัน” เป๋าฮวนตอบอย่างสงบนิ่ง

ตระกูลหลีก็เป็นครอบครัวที่ร่ำรวย หลีซืออวิ๋นเคยได้ยินชื่อตระกูลเป๋าอยู่แล้ว เมื่อเธอได้ยินคำตอบของเป๋าฮวน คนทั้งคนยืนงงอยู่อย่างนั้น

เป๋าฮวนสูดหายใจลึกๆ รุนแรงอะไรขนาดนั้น?

เธอพูดผิดตรงไหน?

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เธอยังไม่ได้ตอบตกลงเขา ดังนั้นหลีซืออวิ๋นก็ยังมีโอกาสไม่ใช่เหรอ?

เป๋าฮวนรู้สึกว่าข้อมือของเธอเจ็บ เพราะผู้ชายจับไว้แน่น เธอจ้องมาที่เขาและสะบัดมือของเขาออก

จากนั้น ก้าวไปข้างหน้าและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

หลีซืออวิ๋นมองดูฉากนี้อย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเธอก็เกิดความสงสัย สถานการณ์ในตอนนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเฟิงหานชวนกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนดูเหมือนต้องการกำจัดความสัมพันธ์ของเฟิงหานชวน

ดูเหมือนว่าที่เฟิงหย่าบอก บอกว่าตัวแทนคนนี้ยังไม่ได้ตอบตกลงเฟิงหานชวนจะเป็นความจริง

“หานชวน คุณสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทำไมคุณเป๋าถึงปฏิเสธคุณ?” หลีซืออวิ๋นถามเฟิงหานชวนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

เฟิงหานชวนกำลังจะเข้าไปในห้องนั่งเล่น หยุดทันทีและตอบว่า: “เธอเข้าใจผมผิด”

“เข้าใจผิด?” หลีซืออวิ๋นงงงวย ต้องการจะถาม แต่เฟิงหานชวนเดินนำไปข้างหน้าแล้ว

เฟิงหานชวนพูดเบาๆ : “เข้าไปทานข้าวเถอะ”

หลังจากพูดจบ ขายาวของเขาก็ก้าวออก เดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนทำตัวเฉยชากับตัวเอง หลีซืออวิ๋นรู้สึกอึดอัดมาก อึดอัดและตื่นตระหนก

เธอเดินตามเข้าไปช้าๆ

ที่นั่งของทุกคนถูกคนใช้จัดเตรียมไว้แล้ว ที่ของเป๋าฮวนแม่บ้านหลี่จัดให้นั่งทางด้านซ้ายของเฟิงหานชวน และหลีซืออวิ๋นก็ถูกจัดไว้ด้านซ้ายของเป๋าฮวน ดังนั้นเป๋าฮวนจึงถูกคั่นกลางระหว่างคนทั้งสอง

หลีซืออวิ๋นรู้สึกอึดอัดมากขึ้นในขณะนี้ เฟิงหย่าที่อยู่ข้างๆเธอยังคงคุยกับเธอเกี่ยวกับกระเป๋าใบใหม่ เธอรู้สึกรำคาญมากและไม่อยากฟัง แต่เธอไม่สามารถหยุดเฟิงหย่าได้

เพราะเธอไม่สามารถให้ทุกคนเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี

อาหารเย็นพร้อมแล้ว เฟิงเหลยถิงเชิญให้ทุกคนรับประทาน เป๋าฮวนรู้สึกว่าคราวนี้คล้ายกับงานเลี้ยงของครอบครัวตระกูลเฟิง ยกเว้นเธอและ หลีซืออวิ๋นทั้งสองเป็นบุคคลภายนอก

ทุกคนเริ่มทาน ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน บรรยากาศก็ดูเคร่งเครียดเล็กน้อย

เฟิงเหลยถิงไอออกมา หาเรื่องคุยและถามเฟิงหานชวนทางด้านซ้ายมือ: “อยู่ดีๆทำไมหลิวอวี่ถงถึงเป็นลมกะทันหัน? มีโรคอะไรหรือเปล่า? ถ้าเธอป่วยก็ให้เงินกับเธอและเลิกจ้าง”

“ครับ” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ

ในความเป็นจริง เขารู้ว่าหลิวอวี่ถงเป็นลมเพราะช็อก ไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยใดๆ

“แล้ว… ฮวนฮวน? ชื่อเล่นของคุณเป๋าคือชื่อนี้ใช่ไหม?” เฟิงเหลยถิงเพิ่งรู้อายุและชื่อของเป๋าฮวนจากเฟิงหย่า แต่ในขณะที่เขาอยู่ในความงุนงงและไม่รู้จะพูดอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป๋าฮวนดูคล้ายเฉินฮวนฮวนมาก

“ใช่ค่ะนายท่าน คุณเรียกหนูว่าฮวนฮวนก็ได้” เป๋าฮวนยิ้มจางๆและตอบ

“บังเอิญ ช่างบังเอิญเหลือเกิน…” เฟิงเหลยถิงมองดูมึนงงเล็กน้อย ราวกับว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้

เขามองไปที่จานของเป๋าฮวนว่างเปล่า เขาคีบกระเจี๊ยบมาใส่ในจานของเป๋าฮวน แล้วกล่าวว่า: “กินเยอะๆนะ”

เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง นายท่านเฟิงลืมไปแล้วเหรอว่าเธอไม่กินกระเจี๊ยบ?

จะว่าไปก็ผ่านมา3ปีแล้ว ตัวเองก็ไม่ใช่ลูกสาวหรือหลานสาวของเฟิงเหลยถิง เป็นเรื่องปกติที่เขาจะจำความชอบของเธอไม่ได้

เธอแค่พยักหน้าและไม่พูดอะไร

เวลาผ่านไปสักครู่ เห็นว่าเป๋าฮวนไม่เคยแตะกระเจี๊ยบเลย สายตาของเฟิงเหลยถิงค่อยๆเผยให้เห็นความสงสัย เขาก็ถามว่า: “ฮวนฮวน เธอไม่ชอบกินกระเจี๊ยบเหรอ?”

เป๋าฮวนก้มศีรษะลง เหลือบมองกระเจี๊ยบในชามของเธอ เธอพยักหน้าและพูดว่า: “ใช่ค่ะ”

เมื่อเสียงยืนยันดังขึ้น เฟิงเหลยถิงถึงกับตกตะลึง

ทันใดนั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนซึ่งอยู่ตรงข้ามก็อุทาน: “คุณเป๋าก็ไม่ชอบกระเจี๊ยบเหรอ? ผมจำได้ว่าฮวนฮวนก็ไม่ชอบเหมือนกัน ปีนี้คุณอายุ23ปี ถ้าฮวนฮวนยังไม่ตาย เธอก็23เหมือนกัน…พระเจ้า!”

“คุณ คุณ…” เฟิงเฉินเหยี่ยนมองเธอด้วยสีหน้าตกใจ

เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเชื่อว่าเธอคือเฉินฮวนฮวน

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เฟิงเฉินเหยี่ยนลุกขึ้น ชี้ไปที่เธอและพูดอย่างตื่นเต้น: “คุณเป๋า คุณต้องเป็นพี่น้องฝาแฝดของฮวนฮวนแน่เลย คุณควรถามพ่อแม่ของคุณว่าคุณเป็นลูกบุญธรรมหรือเปล่า หรือพวกเขาเคยให้ลูกสาวกับใครไหม?”

เป๋าฮวน : “…”

ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินไอคิวของเฟิงเฉินเหยี่ยนสูงเกินไป

แต่เป็นเรื่องปกติที่จะคิดเช่นนี้ เพราะร่างของ “เธอ” ถูกส่งไปเผาโดยตระกูลเฟิง ในสายตาของพวกเขาเฉินฮวนฮวนได้กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว

ดังนั้น หากมีคนที่อายุเท่ากันและคล้ายกัน พวกเขาจะคิดว่าเป็นฝาแฝดโดยไม่รู้ตัว

“แม่ของเธอให้กำเนิดเธอคนเดียว”

ในเวลานี้ เสียงต่ำของผู้ชายพูดปฏิเสธความสงสัยของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เฟิงเฉินเหยี่ยนส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “เป็นไปไม่ได้! อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฝาแฝดแล้วจะอธิบายยังไง เว้นแต่…”

เขาลังเล แล้วส่ายหัวอย่างแรง

“เว้นแต่อะไร?” เป๋าฮวนถามเธอด้วยความสนใจ

“เว้นแต่คุณจะเป็นฮวนฮวนที่ฟื้นคืนชีพ แต่… ไม่น่าจะเป็นไปได้!” เฟิงเฉินเหยี่ยนสับสนทันที

แน่นอน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ยกเว้นเป๋าฮวนและเฟิงหานชวน พวกเขาต่างตกตะลึง เพราะไม่มีใครเคยเจอเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน

“อาเหยี่ยน ฉันบอกคุณทางโทรศัพท์แล้ว แต่คุณไม่เชื่อฉัน” เป๋าฮวนยิ้มเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ

จุดประสงค์ของการมาของเธอคือเพื่อขจัดความสงสัยของครอบครัวตระกูลเฟิงที่มีต่อ “เฉินฮวนฮวน” และให้พวกเขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่คิดว่าเฟิงหานชวนเป็นคนบ้า

เป๋าฮวนคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายตัดสินใจกลับมาประเทศฮัวเพราะเฟิงหานชวน

“อาเหยี่ยน? ทางโทรศัพท์?” เฟิงเฉินเหยี่ยนอุทาน คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการสนทนาของเขากับเป๋าฮวน

ที่สำคัญกว่านั้น ตอนนี้เขารู้สึกแปลกๆมากขึ้น เสียงที่เป๋าฮวนเรียกเขานั้นเหมือนกับเสียงของเฉินฮวนฮวนทุกประการ

เพราะเขาชอบน้ำเสียงที่เฉินฮวนฮวนเรียกเขา เขารู้สึกว่าเสียงของเธอดีมาก และมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขเวลาได้ยิน

หลายคนเรียกเขาว่าอาเหยี่ยน แต่ว่าน้ำเสียงแต่ละคนต่างกัน

ยิ่งกว่านั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนนึกถึงสิ่งที่พวกเขาคุยทางโทรศัพท์ เป๋าฮวนเคยบอกเขาว่า เธอคือเฉินฮวนฮวน

“ไม่… เป็นไปไม่ได้…” เฟิงเฉินเหยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหลือเชื่อ แต่สัญญาณทั้งหมดบอกเขาว่าเป๋าฮวนคือเฉินฮวนฮวน

คนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงและสงสัย โดยเฉพาะหลีซืออวิ๋น ที่ไม่เชื่อและรู้สึกไร้สาระมาก

ในความเห็นของเธอ เป๋าฮวนจงใจแกล้งสวมบท เพราะแวบแรกก็ดูออกว่าเธอกำลังสร้างความยุ่งเหยิง

หลีซืออวิ๋นจิบน้ำล้างคอของเธอ พูดขึ้นด้วยท่าทางราวกับคุณนาย: “คุณเป๋า พวกเราทุกคนรู้ว่าคุณเฉินจากไปแล้ว คุณพูดเล่นแบบนี้จะทำให้ทุกคนกลัว”

หลิวอวี่ถงเป็นเช่นนี้ ทำให้ทุกคนในนั้นตกใจ

เฟิงเจิ้งหมิงรีบเรียกคนใช้ชายสองคน พาหลิวอวี่ถงขึ้นรถ สั่งคนใช้ชายสองคนส่งหลิวอวี่ถงไปที่โรงพยาบาล

หลีซืออวิ๋นกัดฟันของเธอ ในขณะที่ทุกคนสับสน เธอก็ส่งข้อความถึงเฉินเจี๋ยอย่างลับๆ

“คุณยังไม่ไล่เธอออกเหรอ?” เป๋าฮวนสังเกตเห็นหลิวอวี่ถงตั้งแต่มาถึง แต่เธอไม่สนใจ

ในขณะนี้ เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยสายตาที่เย็นชา ยิ้มและกล่าวว่า: “เสียดายล่ะสิ!”

“ไม่ใช่ ผมรอคุณกลับมา” เฟิงหานชวนตอบอย่างเคร่งขรึม

เป๋าฮวน: “???”

“รอฉันกลับมา?” เธอเยาะเย้ยอีกครั้ง พึมพำว่า: “ข้อแก้ตัวเยอะจัง”

“รอคุณกลับมา ให้คุณยืนยันกับเธอต่อหน้า และหลิวเยว่เออร์ ผมตั้งใจว่าจะพาคุณไปพบเธอในตอนบ่าย” เฟิงหานชวนกระซิบข้างหูของเป๋าฮวน บอกเจตนาของตัวเอง

เป๋าฮวนตกตะลึงและกล่าวว่า: “ไม่จำเป็น”

“จำเป็น” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนหนักแน่น

เป๋าฮวน: “…”

“มันเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ของผม ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมต้องชี้แจงความบริสุทธิ์ของผม”

เป๋าฮวน: “…”

“เจ้าสาม ทำไมยังยืนอยู่ตรงนั้น? เข้ามา!” เฟิงเหลยถิงยืนอยู่ที่ประตูห้องนั่งเล่นและโบกมือให้พวกเขา

เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อเธอมาถึงประตูห้องนั่งเล่น หลีซืออวิ๋นยังคงยืนอยู่ที่นั่น การแสดงออกของเฟิงหย่ารู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอจับแขนของหลีซืออวิ๋น

การแสดงออกของหลีซืออวิ๋นสีหน้าไม่ค่อยดี เธอจ้องไปที่เฟิงหานชวนและเป๋าฮวน แต่ไม่ได้พูดอะไร

เฟิงหานชวนนึกขึ้นว่าเขายังไม่ได้ตอบกลับหลีซืออวิ๋น ดังนั้นเขาจึงหยุดและหันไปมองหลีซืออวิ๋น พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ขอโทษด้วยนะซืออวิ๋น ที่ทำให้คุณเข้าใจผิด”

“อาสาม หนูเข้าใจผิดเอง มันเป็นความผิดของหนู ขอโทษนะคะ ขอโทษพี่อวิ๋นด้วยเหมือนกัน!” เฟิงหย่าเกาศีรษะ ท่าทางยุ่งเหยิง

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่เนื่องจากเป็นการคิดไปเองของเธอ เธอทำให้เกิดความอับอายอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงอายและไม่มีหน้าไปเผชิญกับอาสามและพี่อวิ๋น

หลีซืออวิ๋นมาครั้งนี้ เพราะเธออยากดูว่าเฟิงหานชวนพาผู้หญิงแบบไหนกลับมา แต่—

เธอคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เฟิงหานชวนพากลับมานั้นถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกับเฉินฮวนฮวน และที่สำคัญกว่านั้น เธอดูเยอะกว่าเฉินฮวนฮวน

พูดตรงๆก็คือ สวยกว่าเฉินฮวนฮวน

ใจที่หยิ่งจองหองของเธอก็ท่วมท้นทันที เมื่อยืนตรงหน้าชายหญิงคู่นี้ เธอเพียงรู้สึกละอายใจเท่านั้น

เข้าใจผิดคิดว่าเฟิงหานชวนจะขอตัวเองแต่งงาน อายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แถมตอนนี้เฟิงหานชวนเจอคนที่จะมาแทนเฉินฮวนฮวน ตัวเองคงไม่มีโอกาสอีกแล้วใช่ไหม?

หลีซืออวิ๋นรู้สึกไม่มีหน้าจะเผชิญกับผู้อื่น

“เหอะ ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน เป็นความเข้าใจผิด” หลีซืออวิ๋นพยายามแสร้งทำเป็นสงบ

แต่ความจริง แม้ว่าเธอดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่เธอก็รู้สึกแย่มากกว่าใครลึกๆในใจ

เธอรอมา3ปี 3ปีเต็ม คิดว่าตัวเองกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่พระเจ้ากลับเล่นตลกกับเธอ

เธอจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอ รูปลักษณ์ที่เล็กกระทัดรัดและน่ารักของเธอ ดึงดูดใจผู้ชายได้ง่ายมาก เป็นเหมือนเฉินฮวนฮวนเมื่อ3ปีก่อน ทำให้เฟิงหานชวนหลงใหลในเสน่ห์

และผู้หญิงอย่างเธอคือสเปคที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายที่จะเลือกคู่ครอง แต่ก็ไม่ใช่แบบที่ผู้ชายทุกคนจะชอบ

“นี่คือแฟนใหม่ของหานชวนเหรอ? เรียกคุณว่าอะไรดี? ฉันชื่อหลีซืออวิ๋น เป็นเพื่อนของหานชวน” หลีซืออวิ๋นริเริ่มที่จะยื่นมือขวาของเธอ ทักทายเป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองไปที่หลีซืออวิ๋น เธอพบว่าตอนนี้หลีซืออวิ๋นดูใจกว้างเป็นพิเศษ แต่ตอนที่เธอลงจากรถ หลีซืออวิ๋นไม่ได้มีท่าทางแบบนี้

ด้วยสายตาที่หึงหวง เป๋าฮวนดูไม่ผิด

อย่างไรก็ตาม สำหรับเธอ หลีซืออวิ๋นเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรสำคัญ

เธอยื่นมือออกไปจับมือกับหลีซืออวิ๋น และตอบว่า: “สวัสดี ฉันชื่อเป๋าฮวน”

“เป๋า…ฮวน?”

เมื่อเอ่ยคำสุดท้ายออกมา หลีซืออวิ๋นลังเลอยู่นานแล้วจึงถามว่า: “ฮวนที่แปลว่าความสุข…หรือเปล่า?”

“ใช่” เป๋าฮวนพยักหน้าและตอบด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของหลีซืออวิ๋นเปลี่ยนไปทันที

“พระเจ้าช่วย!” เฟิงหย่าอุทานและกล่าวว่า “อาสาม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณอาถึงคลั่งแบบนี้! ชื่อของพี่สาวคนนี้มีฮวนด้วย แถมเธอยังดูคล้ายเฉินฮวนฮวน เหลือเชื่อมาก! นี่คือสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เป็นพิเศษ!”

เฟิงหานชวนไม่ตอบ ตรงกันข้ามเป๋าฮวนเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พูดขึ้นเบาๆ : “พี่สาว?”

“ห๊ะ?” เฟิงหย่าตื่นเต้นมากในตอนแรก จากนั้นได้สติ ใบหน้าของเธอก็ประหลาดใจ: “ไม่ใช่พี่สาวงั้นเหรอ?”

“คุณอายุมากกว่าฉัน1ปี” เป๋าฮวนตอบด้วยยิ้ม

เธอจำได้ว่าตอนที่เธอมาที่บ้านตระกูลเฟิงครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว เธอรู้ว่าเฟิงหย่าอายุใกล้เคียงกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะแก่กว่า1ปี

ดังนั้น เมื่อเฟิงหย่าเรียกเธอว่าพี่สาว เธอรู้สึกเขินเล็กน้อย

“ห้ะ? ฉันแก่กว่าคุณ1ปีเหรอ? คุณอายุน้อยกว่าฉัน1ปี! พระเจ้า! คุณยังสาวมาก!” เฟิงหย่าตกตะลึง

ท่าทางที่แปลกใจของเธอ ทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่พอใจ และถาม: “ฉันดูแก่มากเหรอ?”

เฟิงหย่าตอบสนองทันที ส่ายหัวและโบกมือ: “ไม่ใช่ไม่ใช่ น้องฮวน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพราะคุณเป็นแฟนของอาสาม ฉันก็เลยคิดว่าคุณอายุมากกว่าฉัน…”

“เดี๋ยวนะ คุณอายุน้อยกว่าฉัน1ปีเหรอ?””

เมื่อเฟิงหย่าอธิบายเสร็จ เธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดวงตาทั้งสองของเธอก็เบิกกว้าง

“ใช่” เป๋าฮวนพยักหน้าอีกครั้ง: “ปีนี้ฉันอายุ 23 ปี”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลีซืออวิ๋นก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ผู้หญิงคนนี้อายุน้อยมาก แต่เธออายุ 31 ปีแล้ว เธอจะเป็นคู่แข่งของเป๋าฮวนได้อย่างไร?

“โอ้พระเจ้า!!!”

เฟิงหย่าตะโกนทันที วิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นและตะโกนว่า: “คุณปู่ ผู้หญิงคนนั้นอายุเท่าเฉินฮวนฮวนเลย!!!”

เป๋าฮวน : “…”

ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?

หรือจะรู้ว่าเธอก็คือเฉินฮวนฮวนตัวจริง?

“คุณเป๋า เสี่ยวหย่าเป็นคนตรงไปตรงมา อย่าถือสาเลยนะ” หลีซืออวิ๋นยิ้มจางๆ แล้วถามว่า: “ฉันได้ยินมาว่า คุณมาจากประเทศเฉิน? ฉันค่อนข้างคุ้นเคยกับประเทศเฉิน ฉันเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่น1ปี คุณเป็นคนประเทศเฉินหรือเปล่า?”

“ฉันเป็นคนเมือง L” เป๋าฮวนมองไปที่หลีซืออวิ๋นและพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ฉันกับคุณเฟิง ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิด ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเขา คุณหลียังมีโอกาส”

ตอนนี้เป๋าฮวนฉลาดมาก ทำไมจะดูไม่ออกว่าหลีซืออวิ๋นสนใจเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงโพล่งออกมา!

สิ่งที่เธอพูดนั้นชัดเจนมาก บอกหลีซืออวิ๋น ถ้าคุณชอบเขา ก็ริเริ่มเข้าหาเลย ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเฟิงหานชวน

แต่หลังจากที่เป๋าฮวนพูดเช่นนี้ ข้อมือของเธอก็เจ็บทันที เธอมองลงมา มันเป็นมือของเฟิงหานชวนที่กำข้อมือของเธอไว้แน่น

เธอเงยหน้าขึ้น พบกับสายตาที่บูดบึ้งของผู้ชายทันที

######เนื่องจากมีข้อผิดพลาดเรื่องการเรียงเนื้อหา บทที่359จึงถูกข้ามไป จะลงใหม่ภายในวันนี้ค่ะ

“เหอะเหอะ!”

เป๋าฮวนหัวเราะเยือกเย็นให้ชายหนุ่ม

สองครั้งนี้ ที่เธอยินยอมทำอะไรแบบนั้นกับเขา เป็นเพราะ “แผนมิดีมิร้าย” ของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ “มีความสนใจ” เขาแล้วจริง ๆ!

“ฉันจะนอนแล้ว” เป๋าฮวนยื่นมือออกไปผลักเขา แล้วเดินไปที่ประตูห้องโดยสาร

จากนั้นก็เปิดประตูห้องโดยสารออก พบว่าจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆ ด้วยความเคารพ

“เข้ามาเถอะ ด้านในมีที่นั่ง” เสียงของเป๋าฮวนยืดยาด แต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชา

จิ่งเหลิ่งรู้สึกหัวสมองตึงเครียด แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณให้พวกเราเข้าไปทำอะไรครับ?”

ไม่ใช่ว่าจะทุบตีคนหรอกนะ?

“ด้านในที่นั่งเยอะขนาดนั้น พวกนายนั่งตรงนี้ทำอะไร? ฉันไม่มีนิสัยชอบแกล้งคน!” เป๋าฮวนพูดอย่างหมดคำพูด “เดี๋ยวฉันจะนอนสักงีบ รีบเข้ามา!”

“หา?” จิ่งเหลิ่งตะลึง จากนั้นก็เกาหัว เผยให้เห็นรอยยิ้มมีเลศนัย แล้วพูดเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ครับ พวกคุณเสร็จเรื่องเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ? เฟิงหานชวนคนนี้ไม่ผ่านนี่ครับ”

เป๋าฮวน “…”

ผ่านไปหนึ่งนาที หัวของจิ่งเหลิ่งถูกตบจนกลายเป็นรังไก่

หลังจากผ่านเวลาการบินที่แสนนาน ก็มาถึงสนามบินปลายทาง แล้วนั่งรถไปที่คฤหาสน์เฟิง

ในเวลาเที่ยงวันที่มีแดดจ้า เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเฟิง ในตอนนี้เอง คนในคฤหาสน์ตระกูลเฟิงทุกคนมารวมตัวกันที่ตัวคฤหาสน์

ที่มากันครบ เป็นเพราะก่อนที่เครื่องจะลงสู่พื้นหนึ่งชั่วโมง เฟิงหานชวนโทรหาเฟิงเหลยถิง ว่าจะพา “เฉินฮวนฮวน” กลับมาพบเขา

เป๋าฮวนเพียงแค่อยากจะอธิบายกับนายท่านให้ชัดเจน แต่เธอคิดไม่ถึง ว่าเมื่อมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเฟิง ก็พบว่าที่คฤหาสน์มีรถจอดอยู่หลายคันมาก

จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งออกมา

แทบทุกคนในนี้ เป๋าฮวนรู้จักหมด อีกอย่างเมื่อได้เห็นสายตาตกตะลึงของพวกเขา เธอก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน

ในเมื่อเพียงครู่หนึ่งก็มีกลุ่มคนวิ่งออกมาเยอะขนาดนี้ เธอตกใจมาก

เธอมองอย่างละเอียด คนที่ยืนนำอยู่ด้านหน้าคือนายท่านเฟิงเหลยถิง คนที่พยุงอยู่ด้านข้างเฟิงเหลยถิงคือเฟิงเฉินเหยี่ยน

และด้านหลังพวกเขา มีสองพี่น้องเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินยืนอยู่ แล้วก็ภรรยาของพวกเขา แม่บ้านหลี่ เสี่ยวลี่และหลิวหลี่ถงก็มาด้วย แม้กระทั่ง…หลีซืออวิ๋น

เธอมองไปรอบ ๆ มีเพียงเด็กหญิงวัยรุ่นคนนั้นที่อยู่ด้านข้างหลีซืออวิ๋นที่เธอไม่คุ้นหน้า อายุน่าจะเท่า ๆ กับตัวเอง เธอย้อมผมสีเกาลัด ดูทะเล้นและแปลกตามาก สวมชุดเดรสต่างประเทศสไตล์ใหม่

เป๋าฮวนคิดว่าตัวเองเดาไม่ผิด คนนั้นก็คือลูกสาวคนเดียวของเฟิงเจิ้งซวิน

สายตาของทุกคน บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็ดีใจ มีเพียงคนเดียวก็คือ…หลีซืออวิ๋น สายตาของเธอแฝงไปด้วยความอิจฉา

เป๋าฮวนรู้สึกได้ถึงสายตาแบบนั้นในทันที ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดลูกตา ไม่สบายเป็นอย่างมาก

เพียงแต่เธอก็สามารถเข้าใจหลีซืออวิ๋นได้ ในเมื่อหลีซืออวิ๋นคิดเองเออเอง ทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โต เสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก แล้วยังจะพาเธอออกมา เกลียดเธอเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“แม่เจ้า!!!”

นี่เป็นเสียงประหลาดใจที่เฟิงเฉินเหยี่ยนส่งออกมา ม่านตาของเขากว้างขึ้นหลายเท่า แล้วร้องเรียกขึ้น “เหมือนกันมาก เหมือนกันมากจริง ๆ!”

“ฮวนฮวน ฮวนฮวนกลับมาแล้ว” เฟิงเฉินเหยี่ยนตื่นเต้นจนวิ่งมาด้านหน้าเป๋าฮวน

เป๋าฮวนยิ้มเล็กน้อย นึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะจำตัวเองได้จริง ๆ อันที่จริงค่อนข้างโล่งใจอยู่

จากนั้นวินาทีต่อมา เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ตื่นเต้นจนจับมือของเธอ แล้วรีบพูดขึ้น “เธอคือฝาแฝดของฮวนฮวนใช่ไหม?”

เป๋าฮวน “…”

เฟิงหานชวนเหลือบมองมือของเฟิงเฉินเหยี่ยน ดวงตาเคร่งขรึม พูดด้วยความเย็นชา “อาเยี่ยน ปล่อยมือ”

เฟิงเฉินเหยี่ยนสัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตของอาสามของตัวเอง จึงรีบดึงมือกลับ แล้วพูดพึมพำ “แค่จับมือเอง เหมือนกับการทักทาย นี่ก็หึงเหรอ?”

เป๋าฮวนที่อยู่ด้านข้างหมดคำพูด “…”

เวลานี้ นายท่านเฟิงพยุงไม้เท้าเดินเข้ามา ท่าทางเชื่องช้า ดูแล้วเดินไม่ค่อยเร็ว เป๋าฮวนมองดูเขา แล้วคิดถึงคุณตาของตัวเอง จู่ ๆ ก็แสบจมูกขึ้นมา

เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเฟิงเหลยถิงดีกับเธอมาก อีกอย่างร่างกายของเฟิงเหลยถิงเมื่อก่อนแข็งมาก ในเมื่อตอนนั้นยังมีความรักกับสาวเซ็กซี่ ไม่ต้องพูดเลยว่าโรแมนติกและอ่อนโยนแค่ไหน

แต่ตอนนี้ เฟิงเหลยถิงแก่ขึ้นเป็นสิบปียี่สิบปีจริง ๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก เธอรู้สึกผิด เป็นเพราะตัวเองทั้งหมด ถึงได้ทำให้เฟิงเหลยถิงกลายเป็นแบบนี้

“ขอโทษค่ะ นายท่าน” เป๋าฮวนขอโทษอีกครั้ง

“เด็กโง่ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ขอโทษฉันแล้ว?” เฟิงเหลยถิงยิ้มอย่างดีใจ มองไปทางเฟิงหานชวน แล้วพูดขึ้น “ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมนายถึงแน่ใจว่าเธอคือฮวนฮวน เหมือนกันจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือเสียง”

เพียงแต่นึกได้ถึงคำพูดที่หลานชายของตัวเองเฟิงเฉินเหยี่ยนเคยพูดว่า ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ยินยอมที่จะคบกับเจ้าสาม เฟิงเหลยถิงก็เป็นกังวลขึ้นมานิดหน่อย

ถ้าหากหญิงสาวคนนี้ปฏิเสธเจ้าสาม งั้นอาการป่วยของเจ้าสามก็เกรงว่าจะแย่ยิ่งกว่าเดิม?

เฟิงเหลยถิงเอ่ยปากถามขึ้นในทันที “หนูน้อย ครั้งนี้หนูกลับมากับเจ้าสาม เพราะยอมรับการจีบของเจ้าสามแล้วใช่ไหม?”

เป๋าฮวน “???”

“ไม่ใช่ค่ะ” เธอส่ายหน้า

การปฏิเสธนี้ ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ตกตะลึงอีกครั้ง

ยินยอมกลับมาพบผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่ยินยอมให้ตามจีบ? ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างมาก

“งั้นครั้งนี้ที่หนูมาที่นี่ เพราะ…” เฟิงเหลยถิงก็งุนงง แม้กระทั่งรู้สึกแน่นหน้าอก

ถึงแม้จะรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือของทดแทน แต่แค่เพียงลูกชายของตัวเองชอบ สามารถช่วยลูกชายของเขาจากน้ำลึกได้ งั้นเขาก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณสวรรค์แล้ว

เพียงแต่ของทดแทนนี้ไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้แบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เขามักรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับเห็นเฉินฮวนฮวน แต่เขารู้ว่าศพของเฉินฮวนฮวนเขาเป็นคนเห็นเองกับตา

“นายท่านคะ หนูเคยคุยในสายโทรศัพท์กับท่านไปแล้วว่า หนูจะมาอธิบายกับท่านอย่างชัดเจนด้วยตัวของหนูเอง”

เป๋าฮวนหยุดนิ่งไป จากนั้นก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากขึ้น “หนูก็คือ…”

“พ่อครับ อาหารเที่ยงเตรียมพร้อมแล้วยังครับ?”

จู่ ๆ เสียงเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ขัดคำพูดของเธอ

เป๋าฮวนหันหน้ามา ขมวดคิ้วมองไปทางเฟิงหานชวนอย่างไม่เข้าใจ

เธอจะอธิบายกับเฟิงเหลยถิงให้ชัดเจน ทำไมเฟิงหานชวนถึงขัดขวางเธอ?

“อาหารเที่ยง? แน่นอน เจ้าสามนายหิวแล้วเหรอ?” เฟิงเหลยถิงพยักหน้า

“ครับ หิวมาก เธอก็ด้วย” เฟิงหานชวนโอบบ่าของเฉินฮวน แล้วพูดขึ้นเบา ๆ “มีเรื่องอะไร ทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วค่อยพูดเถอะ”

เฟิงเหลยถิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า พูดขึ้น “ตกลง พวกนายหิวกันแล้ว ตอนนี้ไม่คุยแล้ว ไปทานอาหารกันก่อน”

จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับ พูดสั่งแม่บ้านหลี่ “แม่บ้านหลี่ ไปเตรียมถ้วยตะเกียบ เสิร์ฟอาหารได้!”

แม่บ้านหลี่ที่ยังคงตกใจอยู่ ได้สติขึ้น จีบรีบพูดขึ้น “ค่ะค่ะค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

จากนั้นเธอก็ลากเสี่ยวลี่กับหลิวหลี่ถงเข้าไปด้านใน หลิวหลี่ถงกลับเหมือนกับก้อนหินก้อนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเหม่อลอยเป็นอย่างมาก

“ยืนอึ้งอะไรอยู่ รีบเข้าไปข้างในกับฉัน!” แม่บ้านหลี่พูดสั่งสอน

วินาทีต่อมา หลิวหลี่ถงตัวกระตุกสองสามครั้ง ตาเหลือก แล้วล้มลงไปกับพื้น

เห็นเป๋าฮวนเงียบไป เฟิงหานชวนมั่นใจว่าเป๋าฮวนพูดจริง ๆ

“ความสัมพันธ์ของคุณกับพวกเขาดีถึงขนาด…เรื่องแบบนี้ก็คุยกันได้?” เสียงของเขาเย็นชามาก และดูเหมือนจะมีร่องรอยของความโกรธอยู่

“เอ่อ” รอบนี้เปลี่ยนเป็นเป๋าฮวนที่ขายขี้หน้า

ไม่เพียงแค่เสียหน้า ใจฝ่อ แถมอารมณ์เสียกับความวู่วามของตัวเอง เมื่อหัวร้อนก็เผลอพลั้งปากไป

“คุณกับคุณลุงของคุณ มีความสัมพันธ์อะไรกัน?” เฟิงหานชวนดวงตาเคร่งขรึม สีหน้าเผยความดุดันขึ้น

ไม่เพียงแค่มีเวินซือเหยี่ยน ยังมีเป๋าเฉินอีกคน?

จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่ง เขารู้สึกว่าไม่ใช่สเปคของเป๋าฮวน อาจจะเป็นเพราะทั้งสองเป็นบอดี้การ์ดติดตัว ดังนั้นเป๋าฮวนอาจจะมีความสนิทสนมกับพวกเขา ไม่มีอะไรที่คุยกันไม่ได้

แต่เป๋าเฉิน…

“ฉันกับคุณลุงของฉัน เป็นอะไรกัน?” เป๋าฮวนงุนงง ถามขึ้นอย่างหมดคำพูด “คุณพูดเองว่าฉันกับคุณลุงของฉัน คุณว่าเป็นอะไรกันล่ะ? แน่นอนว่าเป็นลุงกับหลานสาวกัน!”

เป๋าฮวนสงสัยว่าเฟิงหานชวนถูกเธอทำให้โมโหจนโง่ไปแล้วเหรอ ถึงได้ไม่ชัดเจนกับปัญหาการนับญาติ

“ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่ลุงแท้ ๆ ของคุณ เป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรมของคุณตาของคุณ คุณชอบเขาเหรอ?” เฟิงหานชวนเอ่ยปากตรง ๆ โดยไม่ลังเล เขาต้องทำให้ชัดเจน

เป๋าฮวนอึ้งก่อน จากนั้นบนหัวก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“???”

“อะไรนะ? เฟิงหานชวน คุณพูดว่าฉันชอบคุณลุงของฉัน?”

“เฟิงหานชวน หัวสมองของคุณแม่งบ้าไปแล้วเหรอ!”

เป๋าฮวนโมโหจนสบถคำหยาบออกมา

ถึงแม้จะพูดว่าเธอกับเป๋าเฉินจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่สำหรับเธอแล้วเป๋าเฉินก็คือคุณลุงแท้ ๆ ของเธอ คุณตาก็เห็นเป๋าเฉินเป็นลูกชายแท้ ๆ

อีกอย่างสองวันมานี้เธอกับเป๋าเฉินก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน เป๋าเฉินปรากฏตัวขึ้นตอนที่เฟิงหานชวนสลบไปเท่านั้น ทั้งสองยังไม่ได้เจอกันอย่างเป็นทางการ

ทำไมเฟิงหานชวนได้พูดมั่วขนาดนี้นะ?

เห็นปฏิกิริยาตอบสนองที่โมโหเป็นอย่างมากของเป๋าฮวน ก้อนหินที่ทับหัวใจของเฟิงหานชวนตกลงสู่พื้นในทันที

ดีมาก เป๋าฮวนน่าจะไม่ชอบเป๋าเฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานสาวเท่านั้นแหละ

“งั้นก็ดี ผมเข้าใจผิดแล้ว” เฟิงหานชวนถอนหายใจ

“เข้าใจผิด? เพราะความเข้าใจผิดของนาย ก็สามารถพูดมั่ว ๆ ได้เหรอ?” เป๋าฮวนโมโหจนกัดฟัน ยื่นสองมือออกมาบีบคอชายหนุ่มไว้

เฟิงหานชวนเห็นแบบนี้ จึงถือโอกาสโอบเอวของเป๋าฮวนไว้ ออกแรงยกขึ้นให้เธอควบนั่งบนหน้าขาของตัวเอง

เป๋าฮวนก้มหน้ามอง “???”

วินาทีต่อมาในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้น เห็นหน้าขุ่นมัวของชายหนุ่มพอดี

ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธแล้ว?

เชอะ คนที่ควรจะโกรธเป็นเธอถึงจะถูก!

“ฮวนฮวน คุณเป็นแบบนี้มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?” ดวงตาดำดุดสระน้ำเย็นจ้องมองเธอด้วยความสงสัย

จู่ ๆ เป๋าฮวนก็อึ้งไป คิดได้ถึงเรื่องต่าง ๆ เมื่อก่อน จู่ ๆ ก็สูญเสียความเย่อหยิ่งไป รัศมีรอบตัวหายไปในทันที

“คุณชอบเข้าใจผมผิดมาโดยตลอด ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจแล้วว่ารสชาติที่ถูกคนอื่นเข้าใจผิดเป็นยังไง?” เฟิงหานชวนยังคงจ้องมองเขา น้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนเน้นถามกลับ

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ก้มหน้าก้มตา คำพูดที่อยากจะสั่งสอนเฟิงหานชวนเมื่อครู่ ถูกลืมไปตั้งนานแล้ว

ในสมองมีแต่ฉากที่เคยเข้าใจเฟิงหานชวนผิด

เธอเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร สองมือที่บีบคอของชายหนุ่มไว้ ก็ค่อย ๆ คลายออก จากนั้นก็วางมือลงไว้ข้างกาย

“ฮวนฮวน อันที่จริง…เมื่อกี้แวบหนึ่งนั้น จู่ ๆ ผมก็เข้าใจเหตุผลหนึ่ง” สองโมของเฟิงหานชวนโอบเอวบางของหญิงสาวไว้

เป๋าฮวนถูกบังคับให้ใกล้ชิดเขา แต่กลับลืมขัดขืน แล้วถามเขาด้วยจิตใต้สำนึก “เหตุผลอะไร?”

“เพียงแค่สนใจคนคนหนึ่ง ถึงอดไม่ได้ที่จะคิดเยอะ สุดท้ายถึงได้เข้าใจผิด จากความเข้าใจผิดสู่การแก้ไขความเข้าใจผิด เป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง”

เป๋าฮวนอึ้งในทันที

และในตอนนี้ ที่ประตูห้องบนเครื่องบิน แอบถูกแง้มออก คนที่แอบดูอยู่ ได้เห็นภาพด้านในห้อง ก็ถลึงตาโต

เขาหันตัวกลับ เดินไปทางชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอย่างตื่นเต้นแล้วพูดขึ้น “อามั่ว ไม่ได้การแล้ว! คุณหนูใหญ่กับเฟิงหานชวนเปลี่ยนท่วงท่าอีกแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะเอาจริงบนเครื่องบินแล้ว! คุณหนูใหญ่หิวกระหายเกินไปแล้ว”

เป๋าฮวน “?”

เฟิงหานชวน “?”

เฟิงหานชวนเอนคอมองดูเป๋าฮวน และเป๋าฮวนก็มองดูเขา ทั้งสองมองหน้าซึ่งกันและกัน ใบหน้างุนงง

จากนั้นเหมือนกับคิดได้ถึงประโยคสุดได้ เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก พูดทำปาก “คุณ หิวกระหายเหรอ?”

ใบหน้าของเขาดูดีอกดีใจเมื่อเห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบาก

เป๋าฮวนสีหน้าเปลี่ยน แน่นอนว่าเธอฟังออกว่าเสียงเมื่อสักครู่คือเสียงของจิ่งเหลิ่ง และเห็นได้ชัดว่าจิ่งเหลิ่งแอบดูพวกเขา ไม่อย่างงั้นจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเปลี่ยนท่วงท่า

วินาทีต่อมา ก็ได้ยินเป๋าฮวนตะคอกออกมา “จิ่งเหลิ่ง นายไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้…”

หลังจากเสียงตะโกน ในห้องโดยสารเข้าสู่ความเงียบหนึ่งนาที

จากนั้น จิ่งเหลิ่งเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว ส่วนเป๋าฮวนเป็นเพราะโมโหมาก จึงลืมว่าตัวเองยังนั่งควบอยู่บนขาของเฟิงหานชวน

จิ่งเหลิ่งก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร จนกระทั่งจิ่งมั่วเดินเข้ามา โค้งคำนับให้เป๋าฮวน แล้วพูดเตือน “คุณหนูใหญ่ครับ แค่กแค่ก”

เห็นจิ่งมั่วกระแอม เป๋าฮวนคิดเพียงว่าเขามาขอร้องตัวเอง เพราะยังไงจิ่งเหลิ่งก็คือน้องชายแท้ ๆ ของจิ่งมั่ว

เธอตำหนิอย่างเคร่งขรึม “อามั่ว เวลานี้แล้ว นายควรจะสั่งสอนน้องชายแสนดีของนาย นายยังจะคิดขอร้องแทนเขาอีก?”

”คุณหนูใหญ่ครับ ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าอาเหลิ่งควรจะโดนตีสักยก ผมไม่ได้คิดจะขอร้องแทนเขา แต่เป็น…” จิ่งมั่วยื่นกำปั้นออกมาไว้ที่ข้างปากของตัวเอง แล้วกระแอมอีกครั้ง

เป๋าฮวนยังโมโหอยู่ ไม่ได้สังเกตถึงความหมายของจิ่งมั่ว แล้วพูดขึ้น “นายไม่สบายเหรอ? ทำไมถึงไออยู่ตลอด? บนเครื่องน่าจะมียาแก้หวัด รีบไปกินสักสองสามเม็ด”

จิ่งมั่วพบว่าการเตือนที่คลุมเครือนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ จึงพูดโดยตรง “คุณหนูใหญ่ครับ ท่านั่งของคุณ…รอให้พวกเราไปห้องด้านข้าง พวกคุณค่อย…แค่กแค่ก!”

จู่ ๆ เป๋าฮวนก็ตะลึง ในตอนที่หันหน้าไป ก็ประสานสายตากับเฟิงหานชวนอีกครั้ง แล้วก้มหน้ามองดู ท่านั่งนี้ของเธอ…

“ว้าย!”

เป๋าฮวนอุทาน แล้วรีบกระโดดลงมา เธอยืนขึ้น แก้มสองข้างร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สภาพเมื่อสักครู่ เธอคุยกับจิ่งมั่วจิ่งเหลิ่งอยู่ตั้งหลายประโยค มันน่าขายขี้หน้ามาก!

“คุณหนูใหญ่ ผมไม่ได้พูดผิดสักหน่อย คุณ…คุณหิวกระหายจริง ๆ” จิ่งเหลิ่งทำหน้าทะเล้นใส่อย่างใจกล้า แล้วรีบวิ่งหนีออกไปที่ห้องโดยสารด้านข้างอย่างรวดเร็ว

เป๋าฮวน “…”

จิ่งมั่วกุมขมับ แล้วพูดอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณวางใจได้ครับ ผมกับอาเหลิ่งจะไม่มารบกวนอีก ผมจะล็อกประตู จะปกป้องอย่างดี แล้วก็จะไม่อนุญาตให้อาเหลิ่งมาแอบดูอีก”

พูดจบ อามั่วก็หันหลังกลับ เดินออกไปทางห้องโดยสารด้านข้าง แล้วลงกลอนประตูให้จริง ๆ ด้วย

เป๋าฮวนถลึงตาโต “…”

แต่ละคน กบฏกันหมดแล้ว?

รอให้เธอรู้สึกตัว ก็หมุนตัวกลับไป สองมือเท้าเอว โมโหชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจ เธอพูดขึ้นอย่างโมโห “โทษคุณเลย! ฉันขายขี้หน้าหมดแล้ว!”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนไม่ได้โกรธ แล้วยืนขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเดินมาด้านหน้าเป๋าฮวน ใกล้ชิดกับเธอมาก ๆ

เป๋าฮวนอยากจะขยับถอยหลัง แต่จู่ ๆ เครื่องบินก็สั่นสะเทือน เธอล้มลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง แถมยังเกี่ยวคอของชายหนุ่มล้มลงไปด้วย

วินาทีต่อมาริมฝีปากสัมผัสกัน ประกายไฟกระเซ็น

เป๋าฮวนรู้สึกตัว แล้วผลักเฟิงหานชวนออกอย่างแรง เตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกเฟิงหานชวนจับกดเอาไว้

เขาก้มหน้า ริมฝีปากสัมผัสใบหูของเธอ เขาอ้าปากเล็กน้อย กัดลงบนหูของเธอเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ฮวนฮวน ในเมื่อบอดี้การ์ดของคุณคิดว่าพวกเราทำอะไรกัน ไม่อย่างงั้นสู้ทำจริง ๆ ดีไหม?”

“ไม่อย่างงั้น เกียรติของคุณ ก็ถือว่าเสียไปอย่างสูญเปล่า?”

คุณพระช่วย!

ถ้าคุณตารู้เรื่องนี้จริงๆ ก็น่าอายเกินไปแล้วจริงๆ!

ใบหน้าของเป๋าฮวนเป็นสีแดงทันที และสมองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่ายังคงสั่นอยู่

อย่างไรก็ตาม ตามหลักแล้วลุงของเขาเป๋าเฉินไม่ใช่ผู้ชายประเภทพูดมากยุ่งเรื่องคนอื่น ไม่น่าจะเป็นคนริเริ่มบอกคุณตา และเรื่องที่น่าอายแบบนี้ ก็เกิดขึ้นกับตัวเองและเฟิงหานชวนตามลำพัง……

ดังนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเฟิงหานชวนเพื่อจะได้ความเห็นชอบของบริษัท เลยบอกเรื่องนี้แก่คุณตา ดังนั้นคุณตาถึงยอมให้เขาตามจีบตัวเอง?

“เฟิงหานชวน คุณมากเกินไปแล้ว! เรื่องแบบนี้พูดออกไปได้ยังไงกัน?” แก้มของเป๋าฮวนแดงก่ำทั้งสองข้าง ดูเหมือนเขินอาย แต่ดวงตาที่เปียกชื้นมีเปลวไฟแห่งความโกรธ

เฟิงหานชวนตกใจเล็กน้อยแล้วถามว่า: “ฮวนฮวน เรื่องแบบนี้ทำไมจะพูดไม่ได้?”

ในความเห็นของเขา เรื่องตามจีบเป๋าฮวนนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูด นายท่านเป๋าก็ดูออก

ยิ่งไปกว่านั้น การพูดคุยเมื่อครู่นี้เป๋าเยี่ยนยังเป็นคนริเริ่มพูดคุยกับเขาเอง

“คุณ——คุณหน้าด้านไร้ยางอาย!”

เมื่อเป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนมีท่าทีว่าเป็นเรื่องโดยธรรมชาติ ความโกรธในใจของเป๋าฮวนก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอแค่ลนลานหวาดกลัว

คิดไม่ถึงว่าปากของเฟิงหานชวนจะใหญ่เพียงนี้ และไม่มีความรู้สึกละอายเลย ถึงขนาดสามารถพูดคุยเรื่องแบบนี้กับผู้อาวุโสได้อย่างยิ่งใหญ่รโหฐาน

เพียงแค่ทำให้เธอหงุดหงิดเจียนตาย!

“ฮวนฮวน ผมไม่คิดว่าตามจีบคุณจะเป็นเรื่องหน้าด้านไร้ยางอาย” เฟิงหานชวนรู้ดีว่าตอนนี้เป๋าฮวนยังไม่เต็มใจ แต่ว่ามีเพียงแค่เขามีความหน้าด้านถึงจะมีความหวังอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เป๋าเยี่ยนก็ไม่ได้คัดค้าน อีกทั้งหลังจากที่มาที่ประเทศเฉินในครั้งนี้ เขามั่นใจว่าเป๋าฮวนยังคงไม่ลืมเขา ดังนั้นเพียงแค่เขาพยายาม เป๋าฮวนจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน

“คุณ คุณ คุณ……”

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานฉวนไม่มีความละอายใดๆ เป๋าฮวนแค่รู้สึกว่าตัวเองโกรธเจียนตายจริงๆ และพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

เมื่อเห็นท่าทางเป๋าฮวนโกรธและโมโหมาก เฟิงหายชวนขมวดคิ้วและถามว่า “คุณเกลียดผมมากขนาดนี้จริงๆเหรอ?”

“ฉันเกลียดคุณแน่นอน ฉันเกลียดคุณเจียนตะตายอยู่แล้ว! คุณเพียงแค่——คุณเพียงแค่เป็นคนที่กากมาก!” เป๋าฮวนดุด่าและพยายามจะดิ้นรนลุกขึ้นจากตัวของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนถูกดุด่า รู้สึกไม่สบายใจ และไม่ได้ห้ามเธอ เป๋าฮวนเพิ่งยืนได้มั่น จู่ๆเครื่องบินก็กระแทกและเธอก็ล้มลงอยู่ในอ้อมแขนของชายคนหนุ่มอีกครั้ง

“คุณบอกว่าผมกากไม่ใช่เหรอ? ทำไมมานอนอยู่ในอ้อมแขนผมอีกหล่ะ?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขาโกรธนิดหน่อย โกรธแบบงอน

เป๋าฮวน : “……”

เงียบไปครู่หนึ่งเธอพูดเสริมอีกว่า “ฉันยืนไม่มั่น ฉันจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

เพียงแต่ว่าเมื่อเธอต้องการจะลุกขึ้น ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็รั้งเอวเธอไว้และถามอย่างเย็นชาว่า “ฮวนฮวน ที่แท้ผมทำอะไรผิด? ตามจีบคุณก็เป็นความผิดของผมหรือ?”

“……”

เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก เธอพบว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกละอายใจ แต่กลับยังมั่นอกมั่นใจอย่างมาก

“ตามจีบฉันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะตามจีบใครก็เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของคุณ แต่คุณเอาเรื่องส่วนตัวของเราออกมาพูดคุยกับคุณตา คุณน่าขยะแขยงไหม?” เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโกรธ

“เรื่องส่วนตัว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจและพูดว่า “ผมต้องการตามจีบคุณ ไม่สามารถพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”

“สุดท้ายแล้ว คุณเพิ่งพูดว่าตามจีบใครเป็นเรื่องของผมเอง เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของผม ไม่ใช่หรือ?”

เป๋าฮวนฟังจบ พบว่าเฟิงหานชวนก็ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นสำคัญ เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยลักษณะที่สับสนและสงสัย เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงนี้

“ฉันไม่ได้หมายถึงตามจีบหรือไม่ตามจีบ คุณยังไม่รู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง ปกติคุณชอบพูดคุยเรื่องแบบนั้นกับคนอื่นใช่ไหม ดังนั้นจึงรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย?” เป๋าฮวนคิดแบบนี้

“เรื่องแบบนั้น?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วมากขึ้น

“ก็คือฉัน……ฉันจะกับคุณ……เรื่องแบบนั้นสองคืนไง!” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเธอยังคงอนุรักษ์นิยมเกินไป และเธอยังคงไม่สามารถพูดถึงเรื่องแบบนี้อย่างเปิดเผยได้

และในขณะนี้มีเพียงเธอกับเฟิงหานชวนแค่สองคนในเครื่องบินนี้

หลังจากฟังคำพูดที่ลังเลของเป๋าฮวน ในที่สุดก็รู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิดอะไรแล้ว ปรากฎว่าคนสองคนไม่ได้พูดคุยในเรื่องเดียวกันเลย

“คุณคิดว่าผมบอกเรื่องที่เราสนิทสนมกันกับคุณตาหรือ?” เฟิงหานชวนอดหัวเราะไม่ได้

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สำนึกผิดเลย แล้วยังถามตัวเองกลับ เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็งอีกครั้ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หรือไม่ใช่?”

“ไม่ใช่แน่นอน” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาดังๆ และเสียงหัวเราะดั่งแม่เหล็กก็สะท้อนอยู่ในห้องผู้โดยสาร ซึ่งดูน่าดึงดูดเป็นพิเศษ

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินการปฏิเสธของเฟิงหานชวน ก็ตกตะลึงทันที

ไม่ใช่แน่นอน?

นี่หมายความว่า เขาไม่ได้บอกเรื่องแบบนั้นของเราสองคนกับคุณตา?

งั้นเมื่อครู่……

เป๋าฮวนทบทวนบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนเมื่อครู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทันทีที่เธอจัดการความคิดได้ เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ: “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมและคุณตาของคุณคุยกันเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน ตัวอย่างเช่น ผมรักคุณเสมอมา ผมยังอยากตามจีบคุณต่อไป ส่วนสถานการณ์ที่ลึกซึ้ง คุณตาของคุณไม่รู้ ผมไม่ได้พูดเลยสักคำ มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้……”

เสียงของชายหนุ่มมีความเย้ายวนที่อธิบายไม่ถูก เป๋าฮวนฟังแล้วรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย รู้สึกชา เหมือนว่ากำลังจะโดนไฟฟ้าช็อต

แต่ว่า จู่ๆเธอก็พูดอย่างเหม่อลอย ปฏิเสธคำพูดของเฟิงหานชวน: “ไม่ใช่มีแค่เราสองคน”

เฟิงหานชวน: “???”

“ไม่ใช่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้?” เขาถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน

เป๋าฮวนพยักหน้าอย่างโง่เขลาและตอบว่า “อืม”

“มีใครอีก?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูเล็กน้อย

“เอ่อ ยังมีลุงของฉันเป๋าเฉิน รวมทั้งพี่น้องสองคนในห้องเครื่องถัดไป อามั่วกับอาเหลิ่ง” เป๋าฮวนดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่าความดันอากาศในร่างกายของเฟิงหานชวนลดลง และเธอก็แลบลิ้นออกมาอย่างเขินอาย

เฟิงหานชวน: “……”

จู่ๆเขาก็ร้องไห้หัวเราะไม่ออก ยิ่งกว่านั้นมีความโกรธด้วย

“คุณไม่อนุญาตให้ผมพูดออกไป แต่คุณกลับนำเรื่องส่วนตัวแบบนี้บอกกับผู้ชายสามคน?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจเป๋าฮวนในตอนนี้จริงๆ

หากบอกกับผู้หญิง ก็เป็นเรื่องนินทาระหว่างเพื่อนรักอะไรทำนองนั้น เขาก็จะไม่รู้สึกอึดอัดใจ แต่ว่า เป็นผู้ชายสามคน และเป็นผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ ทั้งหมดไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเป๋าฮวน!

เขาเคยพบกับเป๋าเฉิน เขารู้ว่าแม้ว่าเป๋าเฉินจะเป็นลุงของเป๋าฮวน แต่เป็นเพียงลูกชายบุญธรรมของเป๋าเยี่ยน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเริ่มหมองคล้ำ

ในเวลานี้เป๋าฮวนคืนสติ จู่ๆก็พบเรื่องร้ายแรงเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอ…….จะหลุดปากพูดแล้ว!

เป๋าเฉิน จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง รู้เรื่องเธอกับเฟิงหานชวน เพราะพวกเขาคิดว่าเธอแค่ยืมเมล็ดพันธุ์ แน่นอนว่าเธอคิดอย่างนี้ในตอนนั้น เลยพูดไปอย่างนี้

แต่ตอนนี้เธอพลั้งปากไปแล้ว ถ้าเธอต้องการปกปิดเรื่องที่เธอยืมเมล็ดพันธุ์ แล้วเฟิงหานชวนจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย และชอบพูดถึงเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับผู้ชาย

ยิ่งกว่านั้น เธอเพิ่งดุด่าเฟิงหานชวน ด่าเขาหน้าด้านไร้ยางอาย ด่าเขาน่าขยะแขยง ส่วนตอนนี้——

ถึงคราวของตัวเองแล้ว?

หลังจากที่เป๋าฮวนนั่งลงตรงที่นั่งของเธอแล้ว ก็หันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่างทันที ตำแหน่งนี้เธอสามารถมองเห็นคุณตาและเฟิงหานชวนพูดคุยกันได้พอดี

เพียงแต่ว่าระยะทางนั้นไกลเกินไป พวกเขาหันหลังให้เธอ เธอจึงมองไม่เห็นลักษณะปากของพวกเขา และก็ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าด้านข้างของเฟิงหานชวน สามารถเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมของเขาในตอนนี้

หรือว่าคุณตากำลังเตือนเขาให้อยู่ห่างจากตัวเธอ?

อืม ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ!

เพียงแต่ ถึงแม้ว่าคุณตาจะไม่เตือน เธอก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าใกล้เฟิงหานชวน เธอแค่จะไปอธิบายกับตระกูลเฟิง เพื่อที่คนบ้านตระกูลเฟิงจะได้ไม่ต้องทำตัวแปลกประหลาด จากนั้นเธอจะได้ไปถ่ายละคร

แม้ว่าเธอและเฟิงหานชวนจะอยู่ในประเทศฮัวเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน และจะไม่ได้พบปะกันมากนัก

หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงหานชวนและเป๋าเยี่ยนก็พยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังและเดินมาทางเครื่องบินนี้ หลังจากเข้าไปในห้องโดยสาร เฟิงหานชวนก็นั่งที่นั่งตรงข้ามกับเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหันเข้าหาและถามเขาตรงๆ “คุณตาเตือนคุณใช่ไหม?”

“เตือน?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา

เป๋าฮวน: “?”

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าการแสดงออกของเฟิงหานชวนแปลกๆ?

“เปล่า” เฟิงหานชวนส่ายหัวเล็กน้อย

“ฉันไม่เชื่อหรอก คุณตาต้องเตือนคุณแน่นอน เตือนให้คุณอยู่ห่างจากฉัน” เป๋าฮวนชี้มาที่เขาและพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ใบหน้าเล็กๆของเธอดูเย่อหยิ่งยิ่งนัก

“ผิดแล้ว ไม่ใช่จริงๆ” เฟิงหานชวนฝืนไม่ให้ยิ้มและตอบอย่างเคร่งขรึม

“แล้วคุณตาชวนคุณคุยเรื่องอะไรตามลำพังหล่ะ?” เมื่อเห็นการปฏิเสธของเฟิงหานชวนอีกครั้ง เป๋าฮวนก็อดสงสัยไม่ได้ จึงรีบตามถามทันที

“คุณตาให้ผมปกป้องคุณ” มุมปากของเฟิงหานชวนเผยอขึ้นเล็กน้อย

เป๋าฮวนโพล่งออกมา: “คุณโม้ไปเรื่อย!”

เฟิงหานชวนกระตุกปาก: “……”

“ถ้าคุณตาขอให้คุณปกป้องฉัน ฉันจะตีขาตัวเองให้หัก!” เธอไม่มีทางเชื่อหรอก

“ฮวนฮวน ขาของคุณหักแล้ว ผมจะดูแลคุณเอง” เฟิงหานชวนยิ้ม แต่สีหน้าของเขาไม่สามารถควบคุมได้

เป๋าฮวน : “……”

เรื่องบ้าอะไร?

“เฟิงหานชวน คุณบอกความจริงกับฉันมา ฉันไม่มีอารมณ์พูดอ้อมค้อมกับคุณ!” ตอนนี้เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีจริงๆ

เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักเพราะต้องจากคุณตาไปซักพัก

เฟิงหานชวนดูออกว่าเป๋าฮวนอารมณ์ไม่ดี สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันทีและพูดอย่างจริงจังว่า: “ผมไม่ได้โกหกคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณสามารถถามคุณตาได้”

เป๋าฮวนมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เวลาเฟิงหานชวนจริงจัง สายตาที่แน่วแน่ของเขานั้นไม่สามารถหลอกใครได้ ดังนั้นเป๋าฮวนจึงยืนยันได้ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้โกหกจริงๆ

คุณตาให้เขาดูแลตัวเองจริงๆเหรอ?

เป๋าฮวนไม่ได้ตอบ แต่หันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นคุณตาเป๋าเยี่ยนยืนถือไม้เท้าอยู่ไม่ไกล ที่ที่คุณตายืนอยู่สามารถมองเห็นหน้าต่างตรงนี้ได้

ขณะที่เธอหันศีรษะ เธอกับคุณตามองตากันพอดี และคุณตาก็มองดูเธอตลอด

เป๋าฮวนสงบลงอย่างไม่ง่าย ดวงตาของเธอก็แดงขึ้นอีก เห็นแค่คุณตายกมือขึ้นและโบกมือให้เธอ

เธอก็รีบโบกมือให้คุณตาทันที

ก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนโบกมือกันนานเท่าไร จนกระทั่งพวกเขามองไม่เห็นกันและกัน เพราะเครื่องบินบินขึ้นไปกลางอากาศแล้ว

เป๋าฮวนหันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและมองดูตัวเองตลอด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอก้มศีรษะลง ใช้มือเช็ด แล้วคลุมทั้งตัวด้วยผ้าห่ม รวมทั้งใบหน้าของเธอด้วย

“การร้องไห้ ไม่มีอะไรต้องอาย ไม่ต้องปิดบัง” เสียงทุ้มต่ำของชายผู้นั้นดังขึ้นช้าๆ

เป๋าฮวนรู้อยู่แล้วว่าเฟิงหานชวนกำลังพูดกับเธอ เธอถอนหายใจ ดึงผ้าห่มออกแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย: “คุณตาคุยกับคุณครู่ใหญ่ ยังพูดเรื่องอื่นอีกไหม?”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบ

เป๋าฮวนมองเขา รอคอยคำพูดที่เขาจะพูดต่อไป แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากพูดสักที

“อืมอะไร!” คุณพูดสิ! เธอร้อนใจ

“ฮวนฮวน ในช่วงสามปีนี้ อารมณ์ร้อนของคุณเพิ่มขึ้นไม่น้อย” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมา

เป๋าฮวน : “……”

ใช่ ตอนนี้เธอเป็นคนเจ้าอารมณ์จริงๆ

“คุณพูดประเด็นสำคัญได้หรือเปล่า?” เป๋าฮวนจ้องด้วยดวงตาสีแดงคู่หนึ่งและพูดอย่างทนไม่ไหว

“ได้” เฟิงหานชวนพยักหน้าและยิ้มอย่างสงบ: “แต่ว่าคุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดี”

“เตรียมใจ?” สีหน้าของเป๋าฮวนดูไม่ได้ในทันใด

หรือว่าร่างกายของคุณตาไม่ไหวแล้ว? แต่เขาไม่กล้าบอกตัวเธอเอง ดังนั้นให้เฟิงหานชวนดูแลเธอเป็นการส่วนตัว?

ในชั่วพริบตาใบหน้าของเธอซีดไม่มีเลือด

“ไม่ได้ ฉันไม่ถ่ายทำแล้ว ฉันจะกลับไป!” เป๋าฮวนลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความงุนงง กำลังคิดที่จะไปหากัปตัน

ในเวลานี้ ข้อมือของเธอถูกข้อมือใหญ่อันอบอุ่นจับไว้ และทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามใช้แรง รวมถึงเครื่องบินกำลังบินขึ้น เป๋าฮวนก็ล้มลงทันที

หลังจากนั้น ล้มลงสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น

เธอหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเธอลืมตาขึ้นเธอก็ได้พบกับดวงตาที่มืดคล้ำลึกล้ำของเฟิงหานชวน ราวกับว่าคนทั้งคนถูกดูดเข้าไปในวังวนลึกนั้น

ในเวลานี้ประตูเปิดออกพอดี จิ่งเหลิ่งยกน้ำส้มสองแก้วไว้ในมือและกำลังจะเดินเข้าไป จู่ๆก็เห็นฉากที่ทั้งสองคนกอดกัน

เขาเอามือข้างหนึ่งปิดตาทันทีแล้วรีบพูดว่า: “ผมขอโทษคุณหนูใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนพวกคุณ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

พูดแล้ว จิ่งเหลิ่งก็ปิดประตูเครื่องบินและกลับไปที่ห้องโดยสารห้องถัดไป

เป๋าฮวนกระพริบตา: “……”

แต่ว่าเธอตกตะลึงแค่วินาทีเดียว ก็นึกถึงหัวข้อที่ยังคุยไม่จบเมื่อครู่ เธอคว้าคอเสื้อของเฟิงหานชวนทันทีและถามร้อนใจว่า: “คุณตาเป็นอะไรกันแน่?”

“เขาสบายดี สุขภาพแข็งแรง ไม่มีอะไรผิดปกติ” เมื่อเฟิงหานชวนรู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิด ก็อธิบายสองสามประโยค

“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าฉันต้องเตรียมใจให้พร้อม?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่นไม่รู้ว่าทำไม

“เตรียมใจไว้ให้ดี ไม่เกี่ยวกับคุณตาของคุณ แต่เกี่ยวกับ……ผม” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนขดขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้บนใบหน้า

เป๋าฮวน: “?”

“เกี่ยวกับคุณ? เกี่ยวอะไรกับคุณ?” เธอดูมึนงง แต่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างน้อยคุณตาก็สบายดี เมื่อครู่เธอตกใจแทบตาย ยังนึกว่าคุณตาป่วยหนักแล้วไม่ได้บอกเธอ

“คุณตาบอกว่า ถ้าผมตามจีบคุณได้ เขาไม่คัดค้านเราอยู่ด้วยกัน”

หลังจากเป๋าฮวนฟังชายหนุ่มพูดจบ สองตาตกตะลึง เกือบจะสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตามเธอได้ยินไม่ผิด

“เป็นไปไม่ได้ คุณตาไม่คัดค้าน? คุณฝันอยู่สินะ! คุณโกหกฉัน!” เป๋าฮวนจ้องเขม็งไปที่เฟิงหานชวนโดยตรง

“ผมไม่ได้โกหกคุณ เขาไม่ได้ห้ามผมตามจีบคุณ แต่……” สีหน้าของเฟิงหานชวนหนักอึ้ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัยว่า: “แต่ว่าอะไร?”

จู่ๆในใจเธอ “ตึกตึก” หรือว่าคุณตารู้เรื่องที่เธอเป็นคนเริ่มอะไรอะไรกับเฟิงหานชวน?

“หา?” จู่ ๆ เป๋าฮวนก็งงไปหมด

แถมงงมากกว่าเมื่อกี้เยอะ

วุ่นวายอยู่ตั้งนาน ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นภรรยาของเฟิงหานชวนแล้ว?

ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน? เฟิงหานชวนเล่นตลกเหรอ?

สีหน้าของเป๋าเยี่ยนเปลี่ยนไป เขาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับอยากจะรอให้หลานสาวของตัวเองเอ่ยปากก่อน

ขณะเดียวกัน คำพูดโต้แย้งของเป๋าฮวนก็ตามมาติด ๆ “เฟิงหานชวน คุณช่วยชัดเจนหน่อย ตอนนี้ฉันคือเป๋าฮวน ไม่ใช่เฉินฮวนฮวน”

“ที่ประเทศฮัว เฉินฮวนฮวนได้ตายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้คู่สมรสของคุณเสียชีวิตแล้ว คุณไม่มีภรรยาแล้ว โอเค?”

เป๋าฮวนเกลียดวิธีการครอบงำแบบนี้ของเฟิงหานชวน เหมือนกับจะให้เธอตกเป็นของตัวเองโดยไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น อีกอย่างก่อนหน้านี้ไม่เคยเจรจากับเธอมาก่อน ว่าจะคุยเรื่องพวกนี้กับคุณตาของเธอ

ดังนั้นตอนนี้เป๋าฮวนโมโหนิดหน่อย

ฟังข้ออ้างของเป๋าฮวน อันที่จริงเฟิงหานชวนเดาได้ตั้งนานแล้วว่าเธอจะพูดแบบนี้ ที่เขาทำกระทันหันแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาต้องการเผยต่อหน้าเป๋าเยี่ยนว่าตัวเองไม่อาจลืมเป๋าฮวนได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาอยากจะบอกเป๋าฮวนว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้

“ผมเข้าใจ” เฟิงหานชวนตอบสามคำอย่างง่ายดาย

เห็นเฟิงหานชวนไม่ได้โต้แย้งตนเอง แต่กลับพยักหน้าตอบรับอย่างง่ายตาย ความโมโหที่เป๋าฮวนมีอยู่เมื่อครู่ก็หายไปในทันที

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนหุนหันพลันแล่นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เธอเม้มปาก แล้วพูด “ในเมื่อคุณเข้าใจก็ดีแล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรเยอะแยะ”

“ครับ” เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเป๋าเยี่ยน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “รบกวนเวลาพวกคุณทานอาหารเลยครับ”

“นั่งลงเถอะ ทานอาหารกลางวันกันต่อ” เป๋าเยี่ยนก็แค่พยักหน้าเบา ๆ

เริ่มทานอาหารกลางวันต่อ แต่ทั้งสามคนก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก

บรรยากาศวังเวงเป็นพิเศษ

เป๋าฮวนไม่ค่อยชินกับการทานอาหารที่เงียบขนาดนี้ เธอไม่ชินกับการทานอาหารในบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนี้

เธอคิดได้ถึงสายที่เวินซือเหยี่ยนโทรมา เธอกระแอมเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปทางเป๋าเยี่ยน เรียกขึ้นเสียงเบา “คุณตาคะ”

เป๋าเยี่ยนวางตะเกียบลง มองไปที่เป๋าฮวนเช่นเดียวกัน ใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง ๆ ถามขึ้น “หนูอยากพูดอะไรกับตา?”

เป๋าเยี่ยนแทบจะยอมเป๋าฮวนทุกอย่าง ตามใจเธอเป็นอย่างมาก

“คุณตาคะ คือว่า…เมื่อกี้ตอนที่ลงไปด้านล่าง หนูได้รับสายของเวินซือเหยี่ยน หลานชายคนนั้นของคุณเวินเจี้ยนกัวที่เป็นเพื่อนของคุณตาค่ะ”

“อ๋อ ตารู้แล้ว เขาโทรหาหนูทำไม?” เป๋าเยี่ยนสงสัยขึ้นมา

จากนั้น เฟิงหานชวนที่อยู่ตรงข้ามเป๋าฮวนก็วางตะเกียบลงเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเป๋าฮวน เขาหน้าเขียวหน้าดำเป็นอย่างมาก

เมื่อคิดได้ว่าเวินซือเหยี่ยนคือหลานชายของเพื่อนของนายท่านเป๋า เฟิงหานชวนรู้สึกว่าด้านความสัมพันธ์ เขาก็แพ้แล้ว

อย่างน้อย ถ้าหากเขากับเวินซือเหยี่ยนจีบเป๋าฮวนพร้อมกัน เป๋าฮวนจะต้องยืนอยู่ด้านของเวินซือเหยี่ยนอย่างแน่นอน

“เขาบอกหนูว่า บริษัทของพวกเขาเตรียมจะถ่ายทำละครในวัง มีนักแสดงหญิงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อยากจะหาคนไปแทน ดังนั้น…” เป๋าฮวนเม้มปาก ไม่ได้พูดต่อ

เธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากยังไง

คุณตาอายุเยอะแล้ว หลายปีมานี้เธอไม่ได้อยู่ข้างกายคุณปู่ เพิ่งกลับมาเพียงแค่สามปี ถ้าหากออกไปถ่ายละคร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองสามเดือนถึงจะกลับมาได้

ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไปเข้าร่วมการฝึกอบรมหรือกิจกรรมงานเลี้ยงต่าง ๆ ไม่ก็ไปด้วยกันกับคุณตา ไม่ก็ออกไปแค่ไม่กี่วันก็กลับมา ไม่ได้นานขนาดนี้

“เด็กตระกูลเวินนั่น หวังจะให้หนูแสดงเป็นนักแสดงสำรองหญิงใช่ไหม?” เป๋าเยี่ยนรู้ว่าเป๋าฮวนอยากจะพูดอะไร

ยังไม่ทันรอให้เป๋าฮวนตอบกลับ เขาก็พูดขึ้นอีก “ถ้าหนูชอบก็เถอะ ตาสนับสนุนหนู”

“คุณตา…” เป๋าฮวนตะลึง จู่ ๆ ก็พูดไม่ออก

“ถ่ายละครก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ อีกอย่างตาก็สามารถไปหาหนูได้ พวกเรามีเครื่องบิน สะดวกสบายมาก” เป๋าเยี่ยนพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย

เป๋าฮวนรู้สึกแสบเบ้าตา ถึงแม้เธอรู้ว่าครอบครัวของตัวเองมีเครื่องบิน การเดินทางสะดวกสบายอย่างมาก แต่ประเทศเฉินห่างจากประเทศฮัวไกลมา เที่ยวบินอย่างน้อยสิบชั่วโมง

โดยเฉพาะตอนนี้คุณตาอายุเยอะแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้ดีมาก มีแพทย์พิเศษประจำบ้านคอยตรวจทุกวัน ถึงแม้จะพูดว่าร่างกายจะยังทรงตัวอยู่ แต่ก็ไม่สามารถทนต่อการเดินทางที่ยาวนานได้อย่างแน่นอน

“คุณตาหัวใจไม่ค่อยดี ทางที่ดีอย่างนั่งเครื่องบินเลยค่ะ” เป๋าฮวนส่ายหัว ตาเริ่มแดง

เป๋าฮวนหัวเราะเบา ๆ เขายกมือขึ้นลูบหัวเป่าฮวน แล้วพูดขึ้น “เด็กโง่ ร่างกายของตาแข็งแรงขนาดนี้ นั่งเครื่องบินแค่ครั้งสองครั้ง จะกังวลอะไร?”

“แต่ว่า แต่ว่าหนูไม่แสดงแล้วดีกว่า…” เป๋าฮวนลังเลเล็กน้อย อยากจะเปลี่ยนใจ

เธอไม่ใช่ว่าจะเป็นนักแสดงให้ได้ แค่มีความสนใจแค่นั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะเคยเสียดายมาก่อน แม้แต่เข้าคัดเลือกไอดอลก็ไม่ได้เข้าร่วม ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ คลาดกับวงการบันเทิง

“ฮวนฮวน อย่าเป็นเพราะอยู่เป็นเพื่อนตา แล้วทิ้งความฝันของตัวเอง ถ้างั้นตาจะกลับจะเสียใจ ตาเคยพูดไว้ว่าเห็นหนูดีใจ ตาถึงจะดีใจ” เป๋าเยี่ยนยื่นมือออกไปจับหลังมือของหลานสาว น้ำเสียงปลงต่อโลก

เป๋าฮวนเข้าใจความหมายของคุณตา แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ดี

ในร้านอาหารกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงนุ่มลึกจู่ ๆ ก็ดังขึ้น “คุณตาครับ คุณวางใจได้ครับ ที่ประเทศฮัวมีผมอยู่ ผมจะดูแลฮวนฮวนอย่างดี จะไม่ให้เธอได้รับความลำบาก ผมจะประคองเธอตามความฝันของเธอ”

เป๋าฮวนได้ยินแบบนี้ ก็เงยหน้ามองไปทางเฟิงหานชวนที่นั่งอยู่ตรงข้าม หน้าหมองไปในทันที

เป๋าเยี่ยนก็มองไปที่เฟิงหานชวนด้วยสายตาแบบเดียวกัน เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจัง ทำให้เขาสัมผัสได้

แต่ว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ยอมปล่อยวางง่าย ๆ เพียงแค่พูดขึ้นเบา ๆ “ฉันจะให้คนไปคอยปกป้องดูแลฮวนฮวน ไม่รบกวนนายดีกว่า”

เมื่อพูดประโยคนี้กับเฟิงหานชวนจบ เฟิงเยี่ยนก็หันหน้าไปมองเป๋าฮวน แล้วพูดขึ้น “ให้อามั่วกับอาเหลิ่งไปด้วยกันกับหนู ให้พวกเขาดูแลหนูอยู่ที่นั่น”

“ตกลง” เป๋าฮวนฮวนพยักหน้า แต่เหลือบมองเฟิงหานชวนอย่างไม่ตั้งใจ

คำพูดพวกนั้นของเขาเมื่อครู่ พูดจริงจากใจไหม?

ฉันไม่ให้เธอได้รับความลำบาก จะปกป้องเธอตลอด?

แต่ว่าความเจ็บปวดของเธอเมื่อก่อน เกิดจากเขาทั้งนั้น!

เป๋าฮวนเหม่อลอยนิดหน่อย

ตลอดมื้อกลางวัน ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แถมบรรยากาศก็แปลกประหลาด

หลังจากมื้อกลางวัน เป๋าฮวนกลับห้องไปเก็บกระเป๋าเดินทางแล้วออกมา ในเมื่อตัดสินใจที่จะแสดงแล้ว งั้นเธอก็ต้องพาชุดกี่ชุดไปประเทศฮัว

เมื่อถึงตอนบ่ายสาม คนกลุ่มหนึ่งมาถึงที่สวน

เป๋าฮวนเห็นเครื่องบินที่อยู่ไม่ไกล หันหลังไปกอดเป๋าเยี่ยน ตาของเธอแดง ร้องไปด้วยพูดไปด้วย “คุณตา ถ่ายทำละครเรื่องนี้เสร็จ ถ้าหากครึ่งทางมีวันหยุด หนูจะกลับมา”

“ตกลง ตกลง ตาจะรอดูละครที่หนูถ่ายนะ!” เป๋าเยี่ยนถึงแม้จะรอบตาแดง แต่ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ ยิ้มตอบ

เขาแค่ไม่อยากรบกวนความฝันของหลานสาวตัวเอง ไม่อยากให้เป๋าฮวนเห็นเขาเสียใจ

หลังจากที่บอกลาเป๋าฮวนเสร็จ เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวน แล้วก็จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งเดินไปทางเครื่องบินด้วยกัน

จู่ ๆ เสียงของเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หานชวน นายมานี่หน่อย อามั่วอาเหลิ่ง พวกนายพาฮวนฮวนขึ้นเครื่องไปก่อน”

ความหมายของเป๋าเยี่ยนชัดเจนมา ว่าต้องการจะคุยกับเฟิงหานชวนตามลำพัง

เฟิงหานชวนพยักหน้า แล้วเดินไปข้างกายเขา ทั้งสองคนคุยไปด้วย เดินไปที่ด้านข้างไปด้วย

เป๋าฮวนอยากจะตามไป แต่ก็ถูกจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งดักเอาไว้ จิ่งมั่วพูดขึ้นอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณขึ้นเครื่องไปก่อน นี่เป็นคำสั่งของนายท่านครับ”

เป๋าฮวนอึดอัดใจ แต่ก็ไม่อยากไม่เชื่อฟังคำของคุณตา จึงทำได้เพียงขึ้นเครื่องไปก่อน

เป๋าฮวนฟังออกว่าคุณตาแอบต่อต้านเฟิงหานชวน

เธอรู้ว่าคุณตาไม่ชอบเฟิงหานชวน สาเหตุที่ไม่ชอบเฟิงหานชวนน่ะเหรอ ความจริงอาจเป็นเพราะ “คุณงามความดี” ของเธอล่ะมั้ง!

“คุณเป๋า กระผมเป็นผู้น้อย ท่านเกรงใจเช่นนี้ เฟิงหานชวนรับไม่ไหว” ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงเล็กน้อย ทว่าคำพูดของเขาสุภาพมาก เพียงแต่แสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น

ทันใดนั้น เป๋าเยี่ยนก็หัวเราะ ลูบเคราสีขาวของตัวเอง เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดี มีความกล้าหาญ!”

ยังไม่ทันรอให้เฟิงหานชวนเอ่ยตอบ เป๋าเยี่ยนก็กล่าวต่อเสียก่อน “คุณเป็นโรคนี้มาสามปีแล้วเหรอ”

ตอนเช้า เป๋าเยี่ยนยังไม่ได้พูดคุยกับเฟิวหานชวน เพราะว่าเฟิงหานชวนยังไม่รู้สึกตัว หลังจากที่เขาตื่นขึ้น เป๋าเยี่ยนก็ไม่อยู่แล้ว

“ครับ สามปีแล้ว” เฟิงหานชวนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเป๋าเยี่ยน แต่ก็ตอบคำถามนี้

“เป็นเพราะฮวนฮวนของเรา คุณถึงได้ป่วยใช่ไหม” เป๋าเยี่ยนไม่ได้อ้อมค้อมใดๆ เลยแม้แต่น้อย เขาถามไปตามตรง

เป๋าฮวนอยากจะห้ามปราม ทว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจว่าในใจของคุณตากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“ครับ” เฟิงหานชวนยังคงตอบตามความจริง

“เพราะความละอายใจเหรอ หรือเพราะความกลัว” เป๋าเยี่ยนเอ่ยถามต่อ

เฟิงหานชวนหลุบตาลงมองต่ำ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทั้งความละอายใจ ไม่ใช่ทั้งความกลัว”

“เป็นความเสียใจครับ”

“ภรรยาของผมจากไปด้วยการฆ่าตัวตาย ความรู้สึกแบบนี้ บางทีอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ”

เป๋าเยี่ยนถึงกับพูดไม่ออก เป๋าฮวนก็ชะงักงันอยู่กับที่

เฟิงหานชวนคาดเดาไว้นานแล้ว ว่าการฆ่าตัวตายของเป๋าฮวน หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเป๋าเยี่ยน คงไม่มีทางทำสำเร็จ

ศพผู้หญิงที่นำมาแทน การวินิจฉัยของแพทย์นิติเวชชื่อดัง การยืนยันตัวตนของตำรวจ และอื่นๆ ตระหง่านอยู่ต่อหน้าเขา ความจริงทั้งหมดถูกปกปิดไว้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป๋าฮวนสามารถทำคนเดียวได้

“อันที่จริง ความตายทำให้คนทุกข์ยิ่งกว่าการจากไปซะอีก” เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเบา บางทีตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ความเจ็บปวดที่บีบเค้นหัวใจของเขาในตอนแรก ตอนนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสงบนิ่งแล้ว

เพราะว่า เป๋าฮวนยังมีชีวิตอยู่ ก็เท่านั้นเอง

ดังนั้น ไม่มีความโศกเศร้าที่ทำให้รู้สึกทุกข์ระทมยิ่งกว่าตอนนั้นแล้ว

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตแล้ว กินข้าวเย็นกันก่อนเถอะ” เป๋าเยี่ยนเห็นหลานของตัวเองผิดปกติไปเล็กน้อย จึงกระแอมไอทีหนึ่ง เพื่อห้ามปรามไม่ให้เฟิงหานชวนพูดอะไรต่อ

เฟิงหานชวนไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาพยักหน้าน้อยๆ แล้วเริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะคีบ*ไก่น้ำลายสอมาหนึ่งชิ้น แล้ววางลงบนจานของเป๋าฮวน

เป๋าฮวน “?”

เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยใบหน้างุนงง นี่…มันอะไรกัน

เฟิงหานชวนก็มองเธอเช่นกัน เขาเพียงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าคุณชอบเมนูนี้มาก”

เป๋าฮวน “…”

เธอชอบมันจริงๆ แต่ว่า ตอนนี้เขาทำแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า

เธอไม่ได้รับปากว่าจะอยู่กับเขา เขาคีบอาหารให้เธอ การกระทำที่สนิทสนมแบบนี้ จงใจอยากให้คุณตาเข้าใจผิดหรือเปล่า

ผลออกมาตามคาด วินาทีต่อมา เสียงของเป๋าเยี่ยนดังขึ้น น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเล็กน้อย “คุณเฟิง ฮวนฮวนของพวกเรามีมือมีเท้า คีบอาหารเองได้”

แม้ว่าเป๋าเยี่ยนจะพูดเช่นนี้ ทว่าคำพูดของเขาไม่ได้ปฏิเสธความจริงที่ว่าเป๋าฮวนชอบกินไก่น้ำลายสอ เพราะว่าเป๋าฮวนชอบกินมันจริงๆ

รสนิยมไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

“คุณเป๋า เมื่อก่อนผมก็คีบอาหารให้ฮวนฮวน ฮวนฮวนก็ชอบกินอาหารที่ผมทำมาก ถ้ามีโอกาสผมจะทำให้เธอกินต่อไป” เฟิงหานดูเหมือนจะไม่เกรงกลัว น้ำเสียงยังแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น

เป๋าฮวน “…”

เป๋าฮวนถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง เธอชอบอาหารที่เฟิงหานชวนทำมากจริงๆ และข้อนี้เธอไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ

เมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองไม่พูด กลับเอาแต่ก้มหน้างุด เป๋าเยี่ยนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กโง่คนนี้นี่ ตั้งสามปีแล้ว ไม่มีอะไรพัฒนาเลยสักนิด

เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดนเจ้าเฟิงหานชวนคนนี้ล่อลวงอีกแล้ว!

“เฮ้อ!” เป๋าเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเฟิงหานชวน แล้วถามว่า “ทุกคนเรียกคุณว่าหานชวน?”

“ครับ คุณเป๋าเรียกผมว่าหานชวนก็ได้ครับ” เฟิงหานชวนตอบอีกครั้ง

ประมาณสิบนาทีที่แล้ว เขาขอให้เป๋าเยี่ยนเปลี่ยนคำเรียก เป๋าเยี่ยนไม่สนใจ ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายถามก่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการยอมรับของเป๋าฮวน เขาจึงรู้สึกโล่งใจ

จู่ๆ เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่า สิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำไปนั้นถูกต้อง

เมื่อมองเฟิงหานชวนที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น เป๋าฮวนก็ตกอยู่ในห้วงความทรงจำในอดีต ตอนที่เธออยู่บ้านเก่าแก่ของตระกูลเฟิง ตอนนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าเธอกับเฟิงหานชวนเป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยน

คืนนั้น เธอและเฟิงหานชวนนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองพูดคุยกัน เฟิงหานชวนให้เธอตั้งชื่อเล่นให้กับเขา เธอบังเอิญพูดชื่อหนึ่งออกมา ชื่อว่า “อาหาน”

หลังจากโพล่งชื่อนี้ออกไป เธอก็เห็นว่าสีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป ดูไม่ค่อยดีนัก เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย ตอนนั้นเธออารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที

เพราะเธอคิดว่า ชื่อนี้อาจเป็นชื่อเล่นที่รักแรกของเฟิงหานชวนมอบให้เขา ด้วยเหตุนี้เธอจึงโกรธเคืองเล็กน้อย ทว่าเรื่องเข้าใจผิดนี้ไม่นานก็ได้รับคำอธิบาย

คำอธิบายนี้ นายท่านตระกูลเฟิงอธิบายให้เธอฟังว่า มันเป็นชื่อที่แม่ของเฟิงหานชวนเรียกเขา คนอื่นไม่สามารถเรียกเขาเช่นนั้นได้ ทว่าตั้งแต่เธอปรากฎตัว ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อเฉพาะของเธอสำหรับเขา…

ตั้งแต่นั้นมา เธอก็เรียกเขาว่า “อาหาน” นอกจากเธอ และแม่ของเขาที่จากไป ก็ไม่มีใครอีกแล้ว

ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เสียงของคุณตาเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ก็ได้ ยังไงนายก็เป็นเด็ก ฉันเป็นผู้อาวุโสเรียกนายว่าคุณ อันที่จริงก็ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมของประเทศฮัว ยังไงประเทศฮัวก็เป็นประเทศที่ต้องลำดับความอาวุโส ไม่เหมือนกับประเทศเฉิน”

เป๋าเยี่ยนกล่าวอย่างจริงจัง ทว่าดูเหมือนว่าเขากำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง อย่างไรเสีย ตอนแรกเขาไม่ต้องการกลับคำพูด และไม่ต้องการใกล้ชิดกับเฟิงหานชวนมากขึ้น

“ถ้าตามธรรมเนียมของประเทศฮัว ผมควรเรียกคุณว่า…คุณตา” เฟิงหานชวนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยปากบอกไป

“นาย…นายได้คืบจะเอาศอกอีก!” เป๋าเยี่ยนตบโต๊ะ สีหน้าพลันจริงจังขึ้นมา “ฉันกับพ่อของนายเฟิงเหลยถิงเป็นรุ่นเดียวกัน สมัยหนุ่มๆ ก็เคยติดต่อกัน นายเป็นลูกชายของเขา ว่ากันตามเหตุผลแล้วนายควรเรียกฉันว่าคุณอา หรือคุณตา?”

“ใครเป็นตาของนาย” เป๋าเยี่ยนจ้องเขาตาเขม็ง

เฟิงหานชวน “…”

เป๋าฮวน “…”

หญิงสาวรู้สึกได้ทันทีว่า การลำดับรุ่นมั่วไปหมดแล้ว!

วุ่นวายกันไปหมดแล้ว!

“คุณตาคะ คุณตาอย่าโกรธเลยค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจ” เป๋าฮวนคิดว่าคุณตาของเธอโกรธจริงๆ ทั้งตบโต๊ะ ทั้งจ้องเขาอย่างโกรธเคือง

เธอรีบลงไปนั่งยองๆ ข้างคุณตา เอื้อมมือไปจับแขนขวาของเขา ก่อนจะกล่าวอย่างออดอ้อน “เฟิงหานชวนคิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นเดียวกันกับหนู ดังนั้นจึงเรียกคุณตาว่าตา คุณตาอย่าจริงจังไปเลยค่ะ ก็แค่เรียกโดยไม่ทันคิด เขาไม่ได้ว่าคุณตาแก่เลยนะคะ”

“คุณตา ผมไม่ได้เรียกผิดหรอกครับ” เฟิงหานชวนกล่าวต่อไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง จากนั้นลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง แล้วเดินไปด้านข้างของเป๋าฮวน ก่อนจะโค้งคำนับให้เขาอย่างสุดซึ้ง

ในเวลาเดียวกันนั้น เป๋าเยี่ยนและเป๋าฮวนต่างตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่

จนกระทั่งคำอธิบายของเฟิงหานชวนดังขึ้นอีกครั้ง “สามปีก่อนผมกับฮวนฮวนเป็นสามีภรรยากัน ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เราไม่เคยหย่าร้างกัน ในชีวิตของผม ปรากฎเพียงคำว่าคู่สมรสเสียชีวิตเท่านั้น

“แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่า คู่สมรสเสียชีวิตเป็นเรื่องโกหก ดังนั้น คู่สามีภรรยาคือเรื่องจริง”

“ในเมื่อฮวนฮวนเป็นภรรยาของผม ตามความอาวุโสในครอบครัว ผมควรเรียกคุณว่าคุณตานะครับ”

……

*ไก่น้ำลายสอ คือ เมนูไก่ขึ้นชื่อแถบเสฉวน จัดอยู่ในประเภทอาหารเย็น

กับเฟิงหานชวนที่จู่ๆพูดแทรก ความรู้สึกสงสารและเห็นใจที่เดิมทีเป๋าฮวนมีต่อเขาก็หายไปในทันที

เธอจ้องมองที่เขา กัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ อีก และตอบอย่างใจเย็น: “ใช่ ตอนนี้เราอยู่ที่ประเทศเฉิน เขามาเป็นแขกที่บ้านฉัน”

“พวกคุณอยู่ที่ประเทศเฉิน?” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเมื่อเขาเพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงกับเป๋าฮวนที่ประเทศฮัวเมื่อคืนก่อน

ในช่วงสองวันนี้ เขาได้ขอให้คนของเขามองหารายการที่เหมาะสม โดยเฉพาะรายการที่สามารถเริ่มถ่ายทำได้ในเร็วๆนี้หรือโดยเร็วที่สุด เขาต้องการหาเป๋าฮวนมาเป็นนักแสดง พอดีเมื่อคืนได้รู้ว่ามีนักแสดงหญิงสมทบที่วางตัวไว้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

ดังนั้น เขาถึงได้โทรหาเป๋าฮวน

“อืม กลับมาเมื่อวาน แต่วันนี้ฉันต้องบินไปประเทศฮัวอีก หรือบางที……แต่บทบาทนี้ ขอฉันคิดดูก่อนนะ” เป๋าฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เธอไม่รู้ว่าควรรับบทบาทนี้หรือไม่

เธอไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ไม่มีประสบการณ์ในการถ่ายทำ และอีกไม่นานก็จะเริ่มเปิดกล้อง และเธอก็ไม่มีเวลาฝึกอบรม อีกทั้งประเทศฮัวก็อยู่ห่างจากประเทศเฉินมาก

“ได้” เวินซือเหยี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ตอบเจื่อนๆ

เมื่อรู้ว่าเฟิงหานชวนก็อยู่ที่บ้านตระกูลเป๋าด้วย ที่จริงเขารู้สึกใจลอยนิดหน่อย และมักสงสัยว่าเขามาช้าไปก้าวนึงหรือเปล่า

“ฉันจะตอบคุณโดยเร็วที่สุด” เป๋าฮวนพูดอย่างเคร่งขรึม

“อืม รอข่าวจากคุณ” เวินซือเหยี่ยนได้สติแล้วตอบกลับ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบพักผ่อนเถอะ พวกคุณทางโน้นน่าจะดึกมากแล้ว ฉันวางสายก่อน ราตรีสวัสดิ์” เป๋าฮวนวางสายหลังจากกล่าวคำอำลา

หลังจากใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าแล้ว เธอหันหน้ากลับมาทางเฟิงหานชวนและถามว่า: “เมื่อครู่คุณพูดทำไม?”

“ผมก็แค่เห็นคุณสับสนและอยากจะเกลี้ยกล่อมคุณสักสองสามคำ” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบด้วยความมั่นใจด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่มีความไม่พอใจอยู่

เหตุผลที่เมื่อครู่เขาพูดแทรก ก็เพียงเพราะเขาอารมณ์เสีย!

มีสิทธิ์อะไรที่เป๋าฮวนจะมีท่าทีดีขนาดนั้นกับเวินซือเหยี่ยน แต่กับเขากลับไร้เยื่อใย!

เขาไม่ดีเท่าเวินซือเหยี่ยนสักนิดจริงๆหรือ? หรือว่าตอนนี้เป๋าฮวนจะชอบเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นจึงไม่ต้องการกลับมาอยู่ข้างกายเขา?

เป๋าฮวนได้ยินเฟิงหานชวนเกลี้ยกล่อมเธอ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดูใจร้ายเกินไปไหม เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ ลงไปกินข้าวข้างล่าง!”

พวกเขายังคงยืนอยู่กลางบันได และในขณะที่พูด เธอก็เดินลงไปที่ด้านล่างของบันได โดยไม่คำนึงว่าเฟิงหานชวนจะเดินตามมาหรือไม่

เดิมทีเฟิงหานชวนยังอยากถามเกี่ยวกับเรื่องของเธอและเวินซือเหยี่ยน แต่พบว่ามีสาวใช้หลายคนยืนอยู่ที่ชั้นล่าง หลังจากคิดแล้ว เขาก็เลยก้าวตามของเป๋าฮวนไป

ทั้งสองมาถึงห้องอาหารด้วยกัน ห้องอาหารเป็นสไตล์จีน แต่ผสมผสานกับสไตล์ตะวันตก โต๊ะยาวที่ทำจากไม้ดอกสีเข้มดูมีเอกลักษณ์มีหนึ่งเดียวและน่าสนใจ

นายท่านเป๋านั่งอยู่ที่ที่นั่งหัวโต๊ะแล้ว และตำแหน่งอื่นว่างเปล่า เป๋าฮวนเป็นคนเริ่มเดินไปและถามว่า “คุณตา แล้วคุณลุงหล่ะ?”

“เขามีธุระไปก่อนแล้ว” ขณะที่เป๋าเยี่ยนตอบ เขาก็จ้องมองเฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะแล้วพูดว่า: “คุณเฟิง นั่งลงก่อนเถอะ”

ขณะพูดเป๋าเยี่ยนก็เคาะบนโต๊ะด้านซ้ายมือของเขา

เฟิงหานชวนเดินเข้ามาไปโค้งคำนับเขาแล้วนั่งทางด้านซ้ายและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “คุณเป๋า คุณเรียกผมว่าหานชวนก็ได้”

“คุณเฟิงอายุน้อยและมีความสามารถ ตอนนี้บริษัทR แข็งแกร่งมาก ผมไม่กล้าละเลย วันนี้เลยให้พ่อครัวทำอาหารของประเทศฮัวมากมายหลายชนิด น่าจะถูกปากของคุณ” เป๋าเยี่ยนเพียงแค่ยิ้มจางๆ พูดจาสุภาพและจริงจัง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเป๋าเยี่ยนไม่ชอบเขา

ป๋าฮวนปวดจมูก และจู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้

เธออ้าปากเล็กน้อย แต่เธอพูดอะไรไม่ออก

“ตึงตึงตึง……”

ในขณะนี้ ประตูที่อยู่ข้างหลังถูกเคาะดังขึ้นมา

เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนเปิดโดยไม่รู้ตัว หันกลับมามองที่แผงประตูแล้วถามว่า “ใคร?”

“คุณหนูใหญ่ ฉันเอง ซูซาน มื้อเที่ยงพร้อมแล้ว พวกคุณไม่ได้ทานอาหารเช้า นายท่านบอกให้ทานอาหารกลางวันเร็วหน่อย ฉันมาเพื่อเรียกคุณหนูใหญ่และคุณเฟิงให้ลงไปทานอาหารชั้นล่าง” ซูซานตอบ

เป๋าฮวนรู้แล้ว และพูดว่า: “ได้ เธอลงไปก่อน เราจะรีบตามไป”

“ได้ค่ะ คุณหนูใหญ่” ซูซานถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อย แล้วหันกลับและจากไป

ในเวลานี้เป๋าฮวนหันกลับมาอีกครั้งและเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน เธอเห็นแค่เพียงดวงตาที่แดงก่ำของเฟิงหานชวน และใบหน้าที่ซีดเล็กน้อย เธอก็นึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้

“เมื่อครู่คุณก็ได้ยินแล้ว เราสามารถลงไปรับประทานอาหารกลางวันที่ชั้นล่างแล้ว หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน บ้านฉันมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจอดอยู่ใกล้คฤหาสน์โน่น เราไปประเทศฮัวด้วยกัน” เป๋าฮวนมองเขาและพูดเบา ๆ

อย่างไรก็ตาม ในคำพูดของเธอ มีคำหนึ่งที่ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกปวดใจ

เพราะเป๋าฮวนพูดถึง “ไป” ประเทศฮัว แต่ไม่ใช่ “กลับ” ประเทศฮัว

ในโลกของเธอ ประเทศฮัวสำหรับเธอแล้วไม่ใช่มาตุภูมิเธออีกต่อไป ไม่ใช่บ้านเกิดเธออีกต่อไป และไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป

เหมือนที่เธอเพิ่งพูดไป เธอแค่ไปอธิบายกับชายชราและคนอื่นๆฟัง แล้วเธอก็จะกลับประเทศเฉินทันที

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฟิงหานชวนก็เดินโซเซถอยหลังไปสองก้าว และตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ได้”

ในเมื่อเธอไม่ต้องการอยู่ที่ประเทศฮัว งั้นเขาก็สามารถมาหาเธอที่ประเทศเฉินได้

……

เป๋าฮวนกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่ที่เป็นชุดเดรสสีขาว

ผ้าของชุดเดรสเป็นผ้าฝ้ายแท้ที่เรียบง่ายมาก แต่เนื่องจากการออกแบบและการตัดเย็บที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงมีเสน่ห์เป็นพิเศษ และเน้นรูปร่างได้อย่างลงตัว

เธอเป็นคนออกแบบเองตั้งแต่กลับมาถึงประเทศเฉิน เธอเริ่มติดต่อกับแฟชั่นดีไซน์และพบว่าเธอมีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก ตอนนี้เธอกลายเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่เก่งและทรงพลังมากแล้ว

ส่วนด้านเฟิงหานชวน เธอให้ชุดสูทที่เป๋าเฉินยังไม่เคยใส่กับเฟิงหานชวน เป๋าเฉินมีรูปร่างใกล้เคียงกับเฟิงหานชวน และเฟิงหานชวนก็สวมใส่ได้พอดี

สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้นำเสื้อผ้ามาด้วย

เมื่อทั้งสองคนเก็บของเสร็จแล้ว พวกเขาก็ลงไปข้างล่างด้วยกัน พูดให้ถูกคือเป๋าฮวนพาเฟิงหานชวนลงไปข้างล่าง

บันไดเป็นบันไดเวียนไม้มะฮอกกานีที่มีความกว้างกว้างมาก เป๋าฮวนและเฟิงหานชวนเดินหน้ากระดานเคียงข้างกันโดยไม่รู้สึกแออัด แม้ว่าบันไดจะไม่ได้ตกแต่งมากนัก แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหรูหราแบบเรียบง่าย

ในเวลานี้ เป๋าฮวนรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพานกำลังสั่น เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเวินซือเหยี่ยน

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเธอ เพราะเขาสูงกว่าเธอ เพียงเหลือบมองที่โทรศัพท์ของเธอก็เห็นชื่อผู้โทรเข้าอย่างชัดเจน

สีหน้าของเขาหมองลงกะทันหัน ยังไม่ทันที่เขาจะห้าม เป๋าฮวนได้เชื่อมต่อโทรศัพท์แล้ว

“สวัสดี ซือเหยี่ยน จู่ๆโทรหาฉันทำไม?” เป๋าฮวนยิ้มและทักทายเขา เผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว และเสียงของเธอก็นุ่มเป็นพิเศษ

ลักษณะท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้สีหน้าของเฟิงหานชวนหมองคล้ำขึ้น

แสดงอารมณ์ต่อผู้ชายคนอื่นดีขนาดนี้ แต่ว่ากับเขา…..

เฟิงหานชวนรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

“ฮวนฮวน เรื่องเป็นแบบนี้ ผมเพิ่งรู้ว่านักแสดงสมทบคนหนึ่งในละครราชวังชิงเรื่องใหญ่ ที่เตรียมการโดยบริษัทของเราประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้กำลังจะเริ่มถ่ายทำแล้ว คนที่เหมาะกับบทค่อนข้างหายาก ผมคิดว่าภาพลักษณ์ของบทบาทนี้เข้ากับคุณ คุณก็สนใจในเรื่องตัวนักแสดงพอดีไม่ใช่หรือ? ผมอยากถามว่าคุณแสดงแทนได้ไหม?”

“เพียงแค่บทแสดงของตัวประกอบนี้เป็นนักแสดงหญิงลำดับที่5ของการแสดง ผมไม่รู้ว่าคุณจะรังเกียจไหม……”

เสียงของเวินซือเหยี่ยนสงบนิ่งและอ่อนโยนมาก ฟังผ่านลำโพงเข้าไปในหูของเป๋าฮวนอย่างช้าๆ

ในเวลาเดียวกัน ก็ผ่านไปถึงหูของเฟิงหานชวนเพราะเขายืนอยู่ข้างเป๋าฮวน อยู่ใกล้ๆไม่ห่างเป๋าฮวนก็เพื่อฟังว่าเวินซือเหยี่ยนพูดอะไร

ที่แท้ใช้เรื่องหานักแสดงมาตามจีบฮวนฮวนของเขา เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด!

แต่เดี๋ยวก่อน……

เฟิงหานชวนจู่ๆก็เปลี่ยนความคิด

ถ้าเป๋าฮวนรับแสดงละครเรื่องนี้ ก็ต้องถ่ายทำที่ประเทศฮัวไม่ใช่หรือ? ปกติละครราชวังชิงมักถ่ายทำในเมืองเหิงซื่อ และใช้เวลาบินเพียงแค่สองชั่วโมงจากเมืองเป่ยเฉิง

ยังไงก็ใกล้กว่าประเทศเฉินมาก

“จริงเหรอ? ละครราชวังชิง บทบาทที่เหมาะกับฉัน? บทบาทประเภทไหน?” เป๋าฮวนเดิมไม่โต้ตอบเเพราะยังไม่รู้ตัว พอคืนสติขึ้นได้ จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นมากและถามคำถามหลายคำถามต่อๆกัน

หลังจากเวินซือเหยี่ยนได้ฟังคำถามของเธอแล้ว เพียงแค่ยิ้มเบาๆ และพูดว่า: “ละครราชวังชิงคุณคงรู้จัก มีนางสนมต่อสู้กันมากมาย บทบาทที่ขาดคือพระสนมท่านหนึ่งเป็นบทบาทนางเอกคู่กัน บทนี้ไร้เดียงสา เซ่อเซ่อซ่าซ่าและชอบกินอาหารอร่อย ถือว่าเป็นบทที่มีกลอุบายน้อยที่สุดในเรื่องทั้งหมด”

เป๋าฮวน: ?

เป๋าฮวน: “เซ่อๆ……ซ่าๆ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า……” เวินซือเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ แล้วพูดว่า “น่ารักดี น่ารักน่าเอ็นดูและชอบทานอาหารอร่อย เป็นนักกิน”

ขณะอธิบาย เขาก็คิดไปโดยไม่รู้ตัวถึงตอนที่พบกับเฉินฮวนฮวนเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเป๋าฮวนยังชื่อเฉินฮวนฮวน ตอนอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเธอซื้อส่วนประกอบของอาหารมากมายและบอกว่าเป็นของที่จะทำอาหารเช้า

ท่าทางที่ซื่อบื้อและน่ารักน่าเอ็นดูนั้น เขาสามารถจินตนาการหน้าตาเป็นตอนที่เธอกินได้ว่าเป็นยังไง เธอคงจะเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่เซ่อๆซ่าๆ

เป๋าฮวนเบ้ปากและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “น่ารักน่าเอ็นดูไม่เท่าไหร่ เซ่อๆซ่าๆนี่ฉันปฏิเสธ!”

สรุปแล้วผู้หญิงคนไหนอยากให้คนอื่นบอกว่าเธอเซ่อซ่า?

ไม่ใช่นกเพนกวินซะหน่อย!

“อืม น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ใช่เซ่อซ่า” เวินซือเหยี่ยนกลั้นยิ้มและถามอย่างจริงจังว่า: “แล้วคุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง? อยากเล่นเป็นตัวละครนี้ไหม?”

“ละครเรื่องนี้เริ่มแสดงประมาณช่วงเวลาไหน?” เป๋าฮวนถาม

“สัปดาห์หน้า ก็อีกสี่ห้าวัน แต่บทบาทของคุณไม่มีบทแสดงในตอนแรก แต่ควรมาล่วงหน้าเพื่อแต่งหน้า เพราะบทบาทนี้เปลี่ยนตัวกะทันหัน ไม่มีเวลาลองแต่งหน้าดูก่อน” เวินซือเหยี่ยนตอบจริงจัง

เป๋าฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดมากนิดหน่อย เดิมเธอบอกคุณตาว่าเธอจะอยู่ใช้ชีวิตที่ประเทศเฉิน แต่ตอนนี้……

อันที่จริง เธอสนใจในบทบาทนี้มาก แต่เธอไม่รู้ว่าควรกลับไปประเทศฮัวเพื่อเดินหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะข้างกายที่ยังมีชายหนุ่มคนนี้เกาะติดอยู่

เธอหันศีรษะและเหลือบมองเฟิงหานชวนโดยไม่รู้ตัว เฟิงหานชวนก็มองเธอพอดี เธอเลยทำตาเขม็งใส่เขา

เฟิงหานชวนรู้สึกไฟลุกในใจทันที เดิมทีเขาเต็มไปด้วยความหึงหวง แต่ตอนนี้เป๋าฮวนทำตาเขม็งใส่เขาอีก ราวกับว่าเขากีดกันไม่ให้เธอกับเวินซือเหยี่ยนเกี้ยวพาราสีกัน

“ในเมื่อคุณอยากแสดงก็แสดง บางครั้งคิดมากเกินไปก็ไม่ดี” เสียงทุ้มต่ำที่มีพลังของเขาดังขึ้น

ทันใดนั้น เป๋าฮวนชะงัก ส่วนเวินซือเหยี่ยนที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ก็เงียบไป

บรรยากาศเย็นยะเยือกหลายวินาที

หลังจากนั้น เหวินซือเหยี่ยนพูดขึ้น เขารู้สึกอารมณ์คลุมเครือเล็กน้อย: “ฮวนฮวน คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ?”

ขณะนี้เวลาในประเทศฮัวเป็นเวลากลางคืน หลังจากงีบหลับสักพักจะเป็นวันถัดไป

เฟิงเหลยถิงอายุมากแล้ว การนอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อนึกถึงสุขภาพของเฟิงเหลยถิงไม่ค่อยดี เป๋าฮวนก็ไม่อยากอธิบายออกมา

“เดี๋ยวนะ เธอหมายความว่ายังไง?” เฟิงเหลยถิงเริ่มสับสนเล็กน้อย

ยิ่งเขาฟังเสียงของผู้หญิงคนนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเธอเหมือนเฉินฮวนฮวนมากขึ้นเท่านั้น เขาอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ ราวกับว่าเฉินฮวนฮวน กำลังคุยกับเขาอยู่

“นายท่าน รีบนอนเถอะค่ะ เจอกันพรุ่งนี้” เป๋าฮวนรู้ว่าคุยผ่านโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง เธอจึงไม่อยากพูดอะไรมาก

ไม่ว่าจะพูดทางโทรศัพท์ยังไง เฟิงเหลยถิงก็ไม่เชื่อ

“อืมโอเค เจอกันพรุ่งนี้” เฟิงเหลยถิงตอบอย่างงุนงง ตอบอย่างเรียบๆ

เมื่อเห็นว่าเขาตกลง เป๋าฮวนก็วางสาย

ผู้ชายยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาของเขาจ้องมาที่เธอ เป๋าฮวนรู้สึกได้ เธอวางโทรศัพท์ของเฟิงหานชวนไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วจ้องมาที่เขา

เธอพูดเบาๆ: “เตรียมตัวให้พร้อม กินมื้อเที่ยงเสร็จ เราก็จะบินไปประเทศฮัวเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเฟิงหานชวนก็สว่างขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะแปลกใจ: “จริงเหรอ?”

เขาดูไม่เชื่อเล็กน้อย เป๋าฮวนจะยอมกลับด้วยง่ายๆแบบนี้

“ฉันแค่จะกลับไปประเทศฮัวเพื่ออธิบาย อธิบายเสร็จก็จะกลับมา” เป๋าฮวนทำลายความหวังของเฟิงหานชวน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเศร้าลงในทันใด เขาจับมือผู้หญิงทันที อารมณ์ของเขาหดหู่เล็กน้อย เขาทำอะไรไม่ถูกและกังวลเล็กน้อย

“ฮวนฮวน คุณ…คุณอยู่ที่ประเทศฮัวสักสองสามวันได้ไหม?” น้ำเสียงของเขาอ้อนวอน

“ไม่จำเป็น” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขา เผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว ตอบด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มของเธอราวกับมีดพุ่งเข้าใส่หัวใจของเขา ทำให้เลือดไหลออกจากหัวใจ

เฟิงหานชวนคิดว่าเป๋าฮวนให้อภัยเขาแล้ว เขาจะได้อยู่กับเป๋าฮวนอีกครั้ง แต่คำพูดของเธอ เหมือนทำให้เขาตายทั้งเป็น

“ใกล้เที่ยงแล้ว ฉันจะไปดูว่าอาหารใกล้เสร็จหรือยัง คุณพักก่อน เสร็จแล้วฉันจะมาเรียก” เป๋าฮวนพูดขณะลุกจากเตียง เดินไปที่ประตูห้อง

เมื่อเธอเดินไปที่ประตู เธอเอื้อมมือออกไปและจับลูกบิดประตู ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นเหนือศีรษะของเธอ แล้วกดลงที่ประตู มือใหญ่อีกข้างหนึ่งก็จับมือที่เธอจับลูกบิดประตู

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร” เป๋าฮวนหันหลังให้ผู้ชาย ถามอย่างเย็นชา

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนเรียกเธอด้วยเสียงต่ำ แล้วกอดเธอแน่นในอ้อมแขนของเขา

เป๋าฮวนรู้สึกว่าแผ่นหลังของเธอเกาะติดกับหน้าอกอันร้อนระอุ เป็นความรู้สึกอบอุ่น แต่พฤติกรรมนี้ทำให้เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“เฟิงหานชวน ในหัวคุณคิดแต่เรื่องไม่ดีอีกแล้วใช่ไหม?” เป๋าฮวนถามเขา

“ผมแค่อยากกอดคุณ แค่กอดเฉยๆ” เฟิงหานชวนตอบโดยที่คางของเขาวางอยู่บนไหล่ของเธอ แขนของเขาโอบเอวเธอ กอดแน่นขึ้น

เป๋าฮวน : “…”

เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังจะถูกเฟิงหานชวนสิงเข้าไปในร่างกาย

นี่เหรอ? เรียกว่ากอดเฉยๆ?

ความรู้สึกของหญิงสาวไร้เดียงสากับเฒ่าหัวงูนั้นต่างกัน

อย่างไรก็ตาม อยากกอดก็กอดเถอะ แค่กอด ไม่มีการกระทำอื่นใด ดังนั้นเป๋าฮวนจึงไม่ขัดขืน

เป๋าฮวนไม่พูด และผู้ชายที่อยู่ข้างหลังก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอรู้สึกปวดหลังเล็กน้อย แต่ผู้ชายก็ยังมีทีท่าจะไม่ปล่อย

“เฮ้ย เฟิงหานชวน พอหรือยัง?” เป๋าฮวนถามอย่างช่วยไม่ได้

ผู้ชายยังคงกอดเธอ แต่ไม่ตอบสนอง

เป๋าฮวน: “???”

เธอค่อยๆหันศีรษะ ใบหน้าของผู้ชายปรากฏต่อหน้าต่อตา เขาเอาศีรษะซบไหล่เธอ หลับตาแน่น หายใจเข้าออก ราวกับว่า…

แม่เจ้า!

เธอพบว่า เฟิงหานชวนกำลังยืนซบไหล่เธอหลับ?

เขาต้องเหนื่อยแค่ไหน ขนาดยืนอยู่ยังหลับได้!

เป๋าฮวนอดคิดไม่ได้เรื่องคืนนั้นที่โรงแรม ทั้งสองคนทำกันตลอดทั้งคืน หลังจากที่ตัวเองผล็อยหลับไป ก็บินกลับประเทศเฉินตอนเช้า และนอนบนเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมง

แต่ ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเฟิงหานชวนไปที่บริษัทก่อน จากนั้นจึงค้นหาที่อยู่ของเธอ แล้วรีบบินมาที่ประเทศเฉิน เมื่อคืนนี้ถูกเธอยั่วอีกและมี “ออกกำลังกาย” ที่หนักหน่วง ดูเหมือนจะหนักมาก

ที่สำคัญ เฟิงหานชวนยังเป็นผู้ป่วย!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เป๋าฮวนก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

เมื่อมองดูขนตาที่เรียวยาวของผู้ชายและผิวบอบบาง โดยไม่มีร่องรอยของรูขุมขน เป๋าฮวนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

รูปลักษณ์ของเฟิงหานชวน ไม่อาจปฏิเสธได้ มันหล่อมากจริงๆ!

แต่ว่าผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ ถูกเธอทรมานจนกลายเป็นเช่นนี้… เป๋าฮวน ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

ราวกับว่ารู้สึกถึงการกระทำของผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา ผู้ชายค่อยๆลืมตาขึ้น เป๋าฮวนก็กำลังมองเขาเช่นกัน ทั้งสองสบตากัน

วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนรีบปล่อยเธอ กล่าวขอโทษเบาๆ : “ขอโทษนะ คุณเหนื่อยไหม?”

เมื่อได้ยินคำขอโทษของเขา เป๋าฮวนก็เบ้ปากเล็กน้อย หลับตาลง ถอนหายใจอีกครั้ง อ้าปากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะถาม โดยตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ

“คุณเหนื่อยมากใช่ไหม?” เป๋าฮวนหันกลับมาและยืนเผชิญหน้ากับเขา เงยหน้าขึ้นมองเขา

เฟิงหานชวนก็รู้ว่าเขาเพิ่งผล็อยหลับไป อย่างไรก็ตาม เขาหมดสติไปครู่หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเขาผล็อยหลับไปขณะยืน

เมื่อเป๋าฮวนถามเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่าเขากำลังยืนหลับจริงๆ

“ใช่” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ

“เป็นเพราะฉัน ใช่ไหม?” เป๋าฮวนถามอีกครั้ง ความรู้สึกผิดของเธอยิ่งแย่ลงไปอีก

เฟิงหานชวนเงียบ

“ไม่ว่าสมรรถภาพทางกายของคุณจะดีแค่ไหน แต่คุณก็ยังเป็นคน ไม่ใช่เหล็ก คุณหาเวลาพักผ่อนบ้างสิ” เป๋าฮวนรู้สึกถึงไฟในใจ ตะโกนใส่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ผู้ชายไม่ได้โกรธหรือโมโห แต่เขากลับหัวเราะ ในสายตาของเป๋าฮวน เขาหัวเราะเหมือนคนงี่เง่า

“สมองคุณมีปัญหาแน่ๆ!” เป๋าฮวนพูดไม่ออก

“ฮวนฮวน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพักผ่อน แต่ผมไม่กล้าพัก” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดเช่นนี้ เขาก็กอดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา

อ้อมกอดนี้ต่างจากเมื่อกี้ คราวนี้เป็นการเผชิญหน้ากัน เมื่อกี้เป๋าฮวนหันหลังให้เขา

เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินผู้ชายพูดต่อว่า: “ผมกลัวว่าถ้าผมพักแล้วจะเหมือน3ปีที่แล้ว ที่เสียคุณไป…”

“เพราะงั้น เลยไม่กล้าพัก”

“ผมพบว่าคุณจากไป ผมก็เรียกหาคุณอย่างบ้าคลั่ง”

“แต่ผมโชคดีมาก ที่คราวนี้ผมรู้ว่าคุณแค่จากไป กลับไปประเทศเฉิน ไม่ใช่ฆ่าตัวตายหรือตายจาก”

“ฮวนฮวน แค่คุณยังมีชีวิต แค่คุณยังมีชีวิตก็พอ…”

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

Status: Ongoing

“อาสาม ไม่ได้นะคะ…………”เธอถูกชายหนุ่มดันตัวติดกับผนัง ใบหน้าแดงขึ้นมาเหมือนจะระเบิด เธอส่ายหน้า “คุณออกห่างจากฉันหน่อย……” “มองให้ชัดว่าใครกันแน่คือสามีของเธอ”คุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงใบหน้าเยือกเย็น ยื่นสมุดสีแดงให้ผู้หญิงคนนั้นโดยตรง เฉินฮวนฮวนเปิดดู เธองุนงงไปชั่วขณะ นี่…..นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอ…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท