เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 283 การตัดสินใจของจักรพรรดิมาร

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่​ 283 การตัดสินใจ​ของ​จักรพรรดิ​มาร​

สิ้น​เสียง​รอบกาย​ของ​สตรี​ลึกลับ​ก็​เปล่งประกาย​แสงระยิบระยับ​ พร้อมกับ​มีไอ​มรณะ​อัน​เข้มข้น​แผ่​ออกมา​

มินาน​ภาพมายา​มากมาย​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​กลางอากาศ​

“ตู๋​กู​ชิงเฟิง บัดนี้​พวก​ข้า​เป็น​เพียง​เศษเสี้ยว​วิญญาณ​เท่านั้น​ จะสะกด​เจ้าเอาไว้​ได้​เยี่ยง​ไร​ ? ”

เสียง​ชาย​ชรา​ที่​แหบแห้ง​เสียง​หนึ่ง​จู่ ๆ ก็​ดัง​ขึ้น​ น้ำเสียง​เต็มไปด้วย​ความท้อแท้​

สตรี​ลึกลับ​ที่​ถูก​ขนานนาม​ว่า​ตู๋​กู​ชิงเฟิงแสยะ​ยิ้ม​ออกมา​ ก่อน​จะเอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เย็นเยียบ​ว่า​ “ใน​เมื่อ​เจ้ารู้ตัว​ว่า​มิอาจ​สะกด​ข้า​เอาไว้​ได้​อีก​ แล้ว​เหตุใด​พวก​เจ้าถึงยัง​มาปรากฏตัว​ให้​ข้า​เห็น​อีก​ ? ”

“ตู๋​กู​ชิงเฟิง แม้เจ้าจะเป็น​จักรพรรดิ​แห่ง​ฝ่าย​มาร​ ทว่า​เยี่ยง​ไร​เสีย​ภายใน​ร่างกาย​ของ​เจ้าก็​ยังมี​สายเลือด​เผ่า​มนุษย์​ของ​ข้า​อยู่​ พวก​ข้า​หวัง​ว่า​เจ้าจะเห็นแก่​สิ่งนี้​ อย่า​ได้​กำจัด​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​ไป​เลย​นะ​”

เสียง​ของ​สตรี​ผู้​ผ่าน​โลก​มาอย่าง​โชกโชน​ผู้​หนึ่ง​เอ่ย​ขึ้น​

“น่าขัน​ ! ”

“ตอนนั้น​หาก​มิใช่เพราะ​พวก​เจ้าบีบคั้น​ ข้า​จะถูก​พวก​เจ้าทำร้าย​จน​บาดเจ็บ​หนัก​ได้​เยี่ยง​ไร​ ทั้ง​ยัง​เอาชีวิต​เข้า​แลก​เพื่อ​เปิด​โลง​นว​โลกา​เช่นนี้​อีก​ ! ”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงเอ่ย​อย่าง​เย้ยหยัน​ต่อว่า​ “มิเพียง​เท่านั้น​ แม้ข้า​จะถูก​ส่งเข้าไป​อยู่​ใน​โลง​นว​โลกา​แล้ว​ แต่​พวก​เจ้ากลับ​ยัง​ใช้ค่าย​กล​ต้องห้าม​ผนึก​ข้า​เอาไว้​โดย​มิสนใจ​สิ่งใด​อีกด้วย​ ! ”

“มาบัดนี้​พวก​เจ้ากลับ​ร้องขอ​มิให้​ข้า​กำจัด​พวก​มนุษย์​อีก​อย่างนั้น​หรือ​ ? ! ”

เอ่ยถึง​ตรงนี้​รอบกาย​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิง พลัน​จิต​สังหาร​ก็ได้​ระเบิด​ออกมา​อย่าง​รุนแรง​

ขณะเดียวกัน​ คลื่น​พลัง​ก็​ถูก​ปล่อย​ออกมา​ภายใน​พริบตา​ ทำให้​อากาศ​รอบกาย​บิดเบี้ยว​ขึ้น​อีกครั้ง​

“ข้า​ขอ​บอก​เอาไว้​เลย​ว่า​ รอ​จน​ข้า​นำ​คนใน​เผ่า​ก้าว​เข้าสู่​จงหยวน​ได้​เมื่อใด​ ข้า​จะทำให้​จงหยวน​นอง​ไป​ด้วย​เลือด​ และ​ผลกรรม​ทั้งหมด​นี้​พวก​เจ้าจะต้อง​เป็น​ผู้​ที่​รับ​ไป​ ! ”

น้ำเสียง​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเย็นเยียบ​ลง​ยิ่งกว่า​เดิม​ อีก​ทั้ง​ยัง​แฝงไว้​ด้วย​ความเคียดแค้น​อัน​ใหญ่หลวง​

ตอนนั้น​เอง​เสียง​ชรา​เสียง​หนึ่ง​ก็​ดัง​ขึ้น​

“หาก​มิใช่เพราะ​มีคน​บรรเลง​เพลง​ฮั่ว​ฟาน​เพลง​นั้น​ เจ้าจะฟื้น​ขึ้น​มาและ​เปิด​โลง​นว​โลกา​ได้​เยี่ยง​ไร​กัน​ ? ”

ทันทีที่​สิ้น​เสียง​นั้น​ ปรากฏการณ์​อัน​น่ากลัว​ที่​ปกคลุม​รอบกาย​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเอาไว้​ ราวกับ​ถูก​คุมขัง​

เพียง​พริบตา​ก็​มลาย​หาย​ไป​จน​สิ้น​

ขณะเดียวกัน​ร่าง​ทั้ง​ร่าง​ก็​แข็ง​ค้าง​ไป​ราวกับ​หิน​ ได้​แต่​ยืน​นิ่ง​อยู่​กลางอากาศ​เช่นนั้น​ และ​มิได้​เอ่ย​สิ่งใด​ออกมา​อีก​

“ตู๋​กู​ชิงเฟิงดูท่า​ต่อให้​เวลา​จะผ่าน​มาเนิ่นนาน​ เจ้าก็​ยัง​มิสามารถ​ลืม​คน​ผู้​นั้น​ได้​สินะ​”

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​พวก​ข้า​เอง​ก็​สามารถ​จากไป​อย่าง​วางใจ​ได้​แล้ว​…”

สิ้น​เสียง​เงาร่าง​จำนวน​หลาย​ร่าง​นั้น​ก็​ทยอย​หาย​ไป​ใน​อากาศ​ เหลือ​แค่​ตู๋​กู​ชิงเฟิงแต่เพียง​คนเดียว​

จน​เวลา​ผ่าน​ไป​เกือบ​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​

ใบหน้า​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ค่อย ๆ​ สดใส​ขึ้น​มา

ทันใดนั้น​ใบ​หน้าที่​เลอโฉม​ งดงาม​หยาดเยิ้ม​ก็​ปรากฏ​สู่สายตา​

คิ้ว​โก่ง​ดัง​คันศร​ จมูกโด่ง​ได้รูป​ ริมฝีปาก​เรียว​บาง​ ใบหน้า​รูปไข่​กลับ​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​สับสน​

“เป็น​เจ้าจริง ๆ​ หรือ​ ? ”

“ข้า​หลับใหล​อยู่​ภายใน​โลง​นว​โล​กามา​เนิ่นนาน​ ประสบ​กับ​เคราะห์กรรม​จาก​สวรรค์​มาถึงเก้า​ครา​ ทว่า​ข้า​ก็​ยัง​มิลืม​คำพูด​สุดท้าย​ของ​เจ้า”

“บน​โลก​นี้​จะมีดอกไม้​ที่​เหมือนกัน​สอง​ดอก​ ดอก​หนึ่ง​ผลิบาน​ อีก​ดอก​หนึ่ง​เหี่ยวเฉา​”

“สวรรค์​ช่างโหดร้าย​ หวัง​เพียง​รอคอย​เจ้ากลับมา​…”

เอ่ยถึง​ตรงนี้​ดวงตา​เรียว​ยาว​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​แดง​เรื่อ​ขึ้น​ พร้อมกับ​มีหยด​น้ำตา​คลอ​อยู่​

ใน​ตอนนั้น​เอง​จู่ ๆ ก็​มีเสียง​พิณ​ดัง​ขึ้น​กลางอากาศ​แม้จะขาด​ ๆ หาย​ ๆ

ขณะเดียวกัน​

ด้านนอก​ของ​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​

ได้​มีผู้คน​นับ​ล้าน​มารวมตัวกัน​อยู่​ที่นี่​อย่าง​คัก​คึก​

เมื่อ​ทอด​มองออก​ไป​ราวกับ​มีกระแสน้ำ​สีดำ​ ปกคลุม​ดินแดน​รกร้าง​กว้างใหญ่​เอาไว้​

ทว่า​รูปร่าง​ของ​พวกเขา​กลับ​แตก​ต่างกัน​ไป​

บ้าง​ก็​มีปีก​สอง​ข้าง​ หน้าผาก​มีเขา​งอก​ขึ้น​มา สายตา​แหลมคม​ดุจ​เหยี่ยว​

บ้าง​ก็​มีใบหน้า​และ​หู​สีแดง​ หว่าง​คิ้ว​มีดวงตา​ที่สาม​โผล่​ขึ้น​มา ดู​ชั่วร้าย​ยิ่งนัก​

บ้าง​ก็​มีผม​ยา​วสี​ขาว​ ใบหน้า​สีเขียว​คล้ำ​พร้อมกับ​แยกเขี้ยว​ออกมา​ แขน​ทั้งสอง​ข้าง​เต็มไปด้วย​ลวดลาย​โบราณ​ ทั่ว​ทั่ง​ร่าง​แผ่​ไอ​เลือด​รุนแรง​ออกมา​

นอกจากนี้​ยังมี​บางส่วน​ใน​นั้น​ ที่​มีลักษณะ​เหมือนกับ​มนุษย์​มิมีผิดเพี้ยน​ มิหนำซ้ำ​ยัง​ดู​หล่อเหลา​กว่า​มนุษย์​อีกด้วย​

เห็น​ใน​ชัด​ว่า​กลุ่มคน​เหล่านี้​ก็​คือ​มาร​จาก​เผ่า​ต่าง ๆ​ ที่​ต้อง​กล้ำกลืน​ฝืนใจ​อยู่​ใน​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​แห่ง​นี้​

บัดนี้​เนื่องจาก​จักรพรรดิ​มาร​ได้​ฟื้น​ขึ้น​มาแล้ว​ เช่นนั้น​พวกเขา​ต่าง​ก็​ตื่นเต้น​ยินดี​และ​มีจิตใจ​ฮึกเหิม​ จน​อยาก​จะบุก​เข้า​โจมตี​จงหยวน​เสีย​เดี๋ยวนี้​ให้​รู้แล้วรู้รอด​

“ผู้อาวุโส​ ท่าน​จักรพรรดิ​ออกมา​หรือยัง​ ? ”

“ใช่แล้ว​ ดาบ​ใน​มือ​ของ​พวกเรา​กระหายเลือด​จะแย่​แล้ว​ ขอ​เพียง​ท่าน​จักรพรรดิ​สามารถ​ทำลาย​ค่าย​กล​ที่​ชายแดน​ได้​ วันนี้​พวกเรา​คง​ได้​ฆ่าพวก​มนุษย์​จน​สาแก่ใจ​อย่าง​แน่นอน​”

“พวก​เจ้ารีบร้อน​อะไร​กัน​ ! ”

“พวกเรา​ต้อง​ฝืนทน​อยู่​ที่​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​มาเนิ่นนาน​ มิใช่ระยะเวลา​เพียงแค่​สั้น​ ๆ ”

“อีก​อย่าง​พวก​เจ้าอย่า​ได้คิด​ว่า​ท่าน​จักรพรรดิ​จะมีความเมตตา​ หาก​ทำ​สิ่งใด​ล่วงเกิน​ต่อหน้า​นาง​ ระวัง​เผ่า​ของ​พวก​เจ้าจะประสบ​หายนะ​ไป​ด้วย​ล่ะ​”

“……”

“……”

ระหว่าง​ที่​ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​มากมาย​กำลัง​ถกเถียง​กัน​อยู่​นั้น​

ทันใดนั้น​บน​หัว​ของ​พวกเขา​ก็​เกิด​การ​สั่นสะเทือน​ขึ้น​กลางอากาศ​ เงาดำทะมึน​พวยพุ่ง​ออกมา​

วินาที​ต่อมา​ เมื่อ​ร่าง​อรชร​ร่าง​หนึ่ง​ปรากฏ​สู่สายตา​

ไอ​พลัง​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ก็​แผ่​ออกมา​ภายใน​พริบตา​ จน​ปกคลุม​ดินแดน​รกร้าง​อัน​กว้างใหญ่​แห่ง​นี้​เอาไว้​ทั้งหมด​

“สูด​ ! ”

เมื่อ​สัมผัส​ได้​ถึงไอ​พลัง​อัน​น่าสะพรึงกลัว​เช่นนี้​

ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​หลาย​ตน​จึงอด​มิได้​ที่จะ​สูด​หายใจเข้า​เฮือก​ใหญ่​ด้วย​ความหวาดหวั่น​ ก่อน​จะค่อย ๆ​ คุกเข่า​ลง​คำนับ​กับ​พื้น​

“ผู้น้อย​คารวะ​ท่าน​จักรพรรดิ​ ! ”

ทันใดนั้น​ เสียง​อัน​กึกก้อง​ราวกับ​อสนีบาต​ก็​ดัง​กังวาน​ไป​ทั่ว​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​

ตู๋​กู​ชิงเฟิงที่อยู่​ใน​ชุด​กระโปรง​ยาว​สีม่วง​ ยืน​ตระหง่าน​อยู่​กลางอากาศ​

ใบหน้า​ของ​นาง​แฝงไว้​ด้วย​ความ​เย็นชา​ ทว่า​ยัง​งดงาม​และ​เย่อหยิ่ง​

วินาที​ต่อมา​ นาง​เพียงแค่​กวาดตา​มอง​ผู้คน​ที่อยู่​เบื้องล่าง​เล็กน้อย​ ทว่า​กลับ​ทำให้​เหล่า​มาร​ทั้งหลาย​ต่าง​ขนลุก​ชัน​ขึ้น​มาทันที​ ราวกับ​วิญญาณ​สั่นสะเทือน​

‘น่ากลัว​ ! ’

‘ช่างน่ากลัว​ยิ่งนัก​ ! ’

‘สมกับ​ที่​เป็น​ท่าน​จักรพรรดิ​ผู้​แข็งแกร่ง​ เพียงแค่​สายตา​ที่​จ้องมอง​มายัง​น่ากลัว​ถึงเพียงนี้​ ! ’

หลังจาก​นิ่งเงียบ​อยู่​สักพัก​

“ก่อนหน้านี้​ตอนที่​ข้า​ฝืน​ทำลาย​ค่าย​กล​ ได้​ประสบ​กับ​การ​ครอบงำ​ เช่นนั้น​จึงต้อง​ใช้เวลา​พักฟื้น​อีก​หลาย​วัน​”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงเอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เนือย ๆ​ “ยิ่งไปกว่านั้น​การ​จะเข้าสู่​จงหยวน​ต้อง​มีการวางแผน​ให้​รอบคอบ​เสีย​ก่อน​”

ทว่า​เวลานี้​ภายในใจ​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงกลับ​รู้สึก​ขัดแย้ง​เป็นอย่างมาก​

แม้ว่า​นาง​จะรู้สึก​เคียดแค้น​พวก​มนุษย์​เหลือคณา​ จน​อยาก​จะบุก​โจมตี​จงหยวน​เสีย​เดี๋ยวนี้​ ทำลาย​สำนัก​เต๋า​ใน​จงหยวน​ทุก​สำนัก​ด้วยมือ​ของ​ตัวเอง​

แต่​สิ่งที่​ทำให้​นาง​รู้สึก​กังวล​ก็​คือ​

หาก​เขา​ผู้​นั้น​ได้มา​เกิด​ใหม่​อีกครั้ง​และ​ออกหน้า​ขัดขวาง​อีก​ นาง​จะรับมือ​เช่นไร​ดี​ ?

เพราะ​ใน​ตอนนั้น​เขา​มิต้องการ​ที่จะ​เห็น​มนุษย์​กำจัด​ฝ่าย​มาร​จน​สิ้นซาก​ และ​มิต้องการ​เห็น​ลัทธิ​เต๋า​ของ​พวก​มนุษย์​พ่ายแพ้​

เช่นนั้น​หลังจาก​ฝ่าย​มาร​พ่ายแพ้​

เพื่อ​นาง​ เพื่อ​ฝ่าย​มาร​ เขา​จึงจำต้อง​ต่อสู้​กับ​ผู้​แข็งแกร่ง​มากมาย​ของ​เผ่า​มนุษย์​ ทว่า​สุดท้าย​กลับ​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ จน​ชีวิต​แขวน​อยู่​บน​เส้นด้าย​

ส่วน​นาง​ หาก​มิใช่เพราะ​เพลง​ฮั่ว​ฟาน​เพลง​นั้น​ จะสามารถ​ออก​มาจาก​ส่วนลึก​ของ​หุบเหว​ได้​เยี่ยง​ไร​ ?

อีก​ทั้ง​เพลง​ฮั่ว​ฟาน​ก็​เป็น​กุญแจ​ที่​ใช้เปิด​โลง​นว​โลกา​

หาก​มิใช่เพราะ​คน​ผู้​นั้น​มาเกิด​ใหม่​ คนอื่น​ย่อม​มิมีทาง​บรรเลง​เพลง​ฮั่ว​ฟาน​ได้​อย่าง​แน่นอน​

เช่นนั้น​หาก​ฝ่าย​มาร​บุก​โจงตี​จงหยวน​ เช่นนั้น​นาง​ก็​จะต้อง​เผชิญหน้า​กับ​เขา​ผู้​นั้น​ด้วย​

คิดถึง​ตรงนี้​ ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​กวาดตา​มอง​จ้าว​มาร​ที่​คุกเข่า​อยู่​แถวหน้า​สุด​ พลาง​เอ่ย​เรียบ ๆ​ ว่า​ “พวก​เจ้าตาม​ข้า​มา”

ตอนนั้น​เอง​บุรุษ​ที่​มีหน้าตา​อัปลักษณ์​และ​มีร่างกาย​กำยำ​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มาทันที​ ดวงตา​แดงก่ำ​ พร้อมกับ​เอ่ย​ออกมา​ด้วย​ความ​มิพอใจ​

“ท่าน​จักรพรรดิ​ ตอนนั้น​พวก​มนุษย์​บีบ​ให้​พวกเรา​มาอยู่​ใน​ดินแดน​ที่​หนาวเหน็บ​แห่ง​นี้​ ความแค้น​นี้​ต้อง​ทำให้​จงหยวน​นองเลือด​เท่านั้น​ จึงจะถือว่า​เป็นการ​ล้างแค้น​ที่​สาสมของ​พวกเรา​นะ​ขอรับ​”

“มิเพียง​เท่านั้น​ เวลานี้​พวก​มนุษย์​ยัง​อ่อนแอ​ลง​อย่าง​มาก​ หา​ได้​แข็งแกร่ง​อย่าง​เมื่อก่อน​ไม่ ขอ​เพียง​ทำลาย​ค่าย​กล​ตรง​ชายแดน​ของ​จงหยวน​ได้​ ท่าน​มิจำเป็นต้อง​ลงมือ​เอง​ก็ได้​ แค่​พวก​ข้า​ก็​สามารถ​ทำลาย​จงหยวน​ให้​ราบเป็นหน้ากลอง​ได้​แล้ว​ขอรับ​”

“ผู้น้อย​ขอให้​ท่าน​จักรพรรดิ​สั่งลงมือ​ด้วย​ขอรับ​”

เมื่อ​สิ้น​เสียง​ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​จำนวนมาก​ ต่าง​ก็​มีท่าทาง​กระเหี้ยนกระหือรือ​อย่าง​เห็นได้ชัด​

ทว่า​ใน​วินาที​ที่​ตู๋​กู​ชิงเฟิงหมุน​กาย​ พลัง​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ราวกับ​ทะลักทลาย​ออกมา​ พลัง​มหาศาล​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทั้ง​พื้นที่​

“ปัง​ ! ”

จู่ ๆ ก็​มีเสียงดัง​สนั่นหวั่นไหว​ดัง​ขึ้น​

บุรุษ​รูปร่าง​กำยำ​ผู้​นั้น​ดวงตา​ถึงกับ​เบิกโพลง​ ท่าทาง​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​ความเจ็บปวด​อย่าง​แสน​สาหัส​ ก่อนที่จะ​ระเบิด​กลายเป็น​หมอก​โลหิต​ภายใน​พริบตา​

ทันใดนั้น​ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​ต่าง​ก็​มีใบหน้า​ซีดเผือด​ลง​ ท่าทาง​เต็มไปด้วย​ความหวาดกลัว​ และ​มิมีใคร​กล้า​เอ่ย​คำ​ใด​ออกมา​อีก​

เพราะ​นี่​คือ​การตัดสินใจ​ของ​จักรพรรดิ​มาร​ !

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… …… เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท