เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 497 เปิดหน้าไพ่สู้กับจ้าวชู

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 497 เปิดหน้าไพ่สู้กับจ้าวชู

ภายในวังหลวง ห้องทรงพระอักษร

สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาที่ด้านนอก ฮ่องเต้โจวทรงถือฎีกาอยู่ในพระหัตถ์ ทอดพระเนตรมองอย่างจริงจัง พระอิริยาบทเป็นที่น่าเกรงขามและสง่างาม

เต๋อซุ่นกงกงเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เขาเดินไปหาฮ่องเต้โจว เปลี่ยนพระสุธารสชาแล้วยืนตัวตรงอยู่ทางเบื้องหลัง

จนกระทั่งฮ่องเต้ทอดพระเนตรฎีกาจนจบ เขาจึงเอ่ยทูลว่า

“ฝ่าบาท ท่านผู้บัญชาการซุนขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้บัญชาการซุนเป็นผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใหม่ เดิมทีเขาเป็นราชองครักษ์ของฮ่องเต้ จึงได้รับการไว้วางพระทัยให้ขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชา

“ให้เขาเข้ามา”

ไม่นานนัก ผู้บัญชาการซุนก็ได้เข้ามาทำความเคารพ

“ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ผู้บัญชาการซุนทำความเคารพ

“ลุกขึ้นเถอะ” ฮ่องเต้โจวตรัส

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ฝ่าบาท ตามตรอกซอยซอยในถนนล้วนมีข่าวลือเรื่องมังกรสี่เล็บปรากฏขึ้นที่หอฉีอานจนทำให้หอฉีอานพังทลายลงมา ผู้คนต่างพากันแซ่ซ้องสรรเสริญว่าองค์ชายสามสมควรเป็นองค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ”

ผู้บัญชาการซุนถวายรายงาน

“มังกรสี่เล็บ?” ฮ่องเต้หลากพระทัย

มังกรสี่เล็บหมายถึงองค์รัชทายาท และมังกรห้าเล็บหมายถึงฮ่องเต้

มังกรสี่เล็บปรากฏกายขึ้นที่หอฉีอานจนทำให้หอพังทลายลงมา!

เปลี่ยนจากลางร้ายกลายเป็นเรื่องมงคล ลูกสามไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย

ผู้บัญชาการซุนถวายรายงานเสร็จก็ทูลลากลับไป

“เต๋อซุ่น!” ฮ่องเต้โจวตรัสเรียก

“ฝ่าบาท” เต๋อซุ่นขานรับด้วยความเคารพ

“ไปเรียกโหรหลวงมาหาข้า” ฮ่องเต้ตรัส

เต๋อซุ่นเข้าใจทันทีว่าฮ่องเต้ทรงพระดำริจะให้โหรเลือกฤกษ์ยามใหม่ เขาโน้มตัวรับคำสั่งหันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง

“เต๋อซุ่น…” ฮ่องเต้โจวตรัสเรียกเขาอีกครั้ง

“กลับมา” เต๋อซุ่นเดินเข้าไปในห้องด้วยความมึนงง

“ยังไม่ต้องไป ข้าจะไตร่ตรองดูอีกครั้ง” ฮ่องเต้โจวตรัส

แม้ว่าลูกสามจะทำการเปลี่ยนแปลงเรื่องร้ายกลายเป็นดีได้อย่างงดงาม แต่ฮ่องเต้โจวรู้ดีว่าไม่มีมังกรอยู่ในโลกนี้แต่อย่างใด การที่หอฉีอานพังลงมายังคงทิ้งปมไว้ในใจของเขา

รอดูไปก่อน พิธีแต่งตั้งยังไม่ต้องรีบร้อน

………..

จวนอู่โหว

ห้องหนังสือ

ถังหลี่มองผ่านหน้าต่างเห็นชายร่างสูงใหญ่นั่งอยู่หลังโต๊ะ กำลังเขียนบางอยางด้วยท่าทางที่จริงจัง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูเด็ดเดี่ยวและจริงจังน่าดึงดูดใจ

ถังหลี่มองสามีเงียบๆ จากนั้นจึงได้เปิดประตูเข้าไปข้างใน

เมื่อนางเข้ามา เว่ยฉิงเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาทำให้ดูอ่อนโยนมากขึ้น

“ฮูหยิน…” เว่ยฉิงร้องเรียก ถังหลี่เดินไปยืนข้างกายสามี เขากำลังเขียนหนังสือ

สามีของนางเขียนตัวอักษรตวัดหางได้อย่างแข็งแกร่งทรงพลังตามแบบเฉพาะของเขา

‘พระจันทร์ส่องสว่าง คนงามผ่องใส โสมนัสกายใจ ใสสว่างกลางกมล’ ถังหลี่เข้าใจความหมายของบทกวีนี้ดี บทกวีนี้มาจากหนังสือรวมบทกวีสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งยกย่องความดีงามของจิตใจผู้คน

คนสมัยโบราณรู้จักชมเชยผู้คนด้วยบทกวี ซึ่งไพเราะงดงามมากกว่าที่จะพูดแค่คำว่า ‘เจ้าสวยมาก’ แต่เพียงอย่างเดียว

“สามี ท่านตั้งใจเขียนบทกวีนี้ให้แม่นางที่ไหนหรือ?” ถังหลี่ถามอย่างตั้งใจ

เว่ยฉิงชี้ไปที่ท้องฟ้าด้านนอก

“อยู่ไกลมาก…” จากนั้นเขาก็มองถังหลี่

“นางอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว”

วันนี้ภรรยาของเขาใส่ชุดสีเหลืองสด นางดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าสวยงาม ดวงตาสดใสและริมฝีปากสีแดง ดูบอบบางยิ่งกว่าดอกไม้ ในขณะที่พูดเขาก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ให้นางนั่งที่ตักของเขา

เว่ยฉิงวางคางเกยไว้ที่ไหล่ ซบหน้าลงที่เรือนผม สูดดมกลิ่นหอม

“ภรรยา เจ้าชอบหรือไม่?” ถังหลี่หน้าแดง นางพยักหน้า ขณะที่มองบทกวี

“ชอบ” นางชอบของที่สามีมอบให้ ต่อให้เป็นตัวหนังสือที่น่าเกลียดก็ตาม แต่นี่เป็นตัวอักษรที่สวยงามมาก

“ข้าจะเอาไปใส่กรอบวางไว้ในห้องนอน จะได้ชื่นชมผลงานชิ้นเอกของท่านปรมาจารย์เว่ยได้ทุกๆ วัน”

เว่ยฉิงมีความสุขมากที่ภรรยาเยินยอเขา เขาอดไม่ได้ที่จะจุมพิตแก้มที่อ่อนโยนของนาง

“สามี ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่?”

“มังกรวารีน่ะหรือ?”เว่ยฉิงถาม

ถังหลี่พยักหน้า

“จ้าวชูเจ้าเล่ห์ เขาคิดเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้คนได้จริงๆ” เขาเป็นพระเอกในนิยาย ต่อให้นางมีนิ้วทองคำ แต่จ้าวชูก็ยังคงต้านทานเอาไว้ได้

“เรามีหลักฐานสำคัญอยู่ในมือแล้ว” เว่ยฉิงเยาะเย้ยขึ้นมา ไม่สนในสิ่งที่จ้าวชูทำลงไป

“สามี ท่านพูดถึงหลักฐานทางทุจริตและการติดสินบนของจ้าวชูใช่หรือไม่?” เว่ยฉิงพยักหน้า

“ใช่แล้ว ฮูหยิน เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นประธานในการก่อสร้างหอฉีอาน?”

“จ้าวชู?” ถังหลี่คาดเดาได้ทันที

“ใช่ เขาโลภเงินก่อสร้างของหอฉีอาน นี่จึงเป็นสาเหตุแท้จริงที่หอได้พังถล่มลงมา”

เป็นเช่นนั้นนั่นเอง!

จ้าวชูสมควรตายจริงๆ! หอฉีอานพังถล่มลงมา ก่อนพิธีแต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาท เป็นการลงโทษจากสวรรค์อย่างแท้จริง

“สามี ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?”

“จ้าวชูกำลังจะได้เป็นองค์รัชทายาท ย่อมมีคนกังวลมากกว่าเรา”

เว่ยฉิงพูดขึ้นมา คนที่ไม่อยากให้จ้าวชูเป็นองค์รัชทายาทมากกว่าพวกเขา…

ถังหลี่คิดอย่างรวดเร็ว

“สกุลเหลียง”

เว่ยฉิงจูบนาง “ฉลาด!” ถังหลี่ยิ้ม

“ตราบใดที่เราให้หลักฐานนี้แก่สกุลเหลียง พวกเขาจะใช้มันได้ดีอย่างที่สุด” เว่ยฉิงกล่าว

“พวกเราแค่นั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน”

……………..

สกุลเหลียง

พระสนมเหลียงมีพี่ชายสามคน

เหลียงอวี้พี่ชายคนโตมีหน้าที่ดูแลสำนักศึกษาหลวง พี่ชายคนรองมีตำแหน่งเป็นถึงโส่วฝูส่วนพี่ชายคนที่สามเป็นแม่ทัพ

เหลียงอวี้พี่ใหญ่ของนางชอบการสอนและอ่านหนังสือ เขาไม่สนใจในเรื่องของอำนาจ ส่วนพี่สาม ท่านแม่ทัพกู้ และแม่ทัพเฉาเป็นแม่ทัพที่มีอำนาจควบคุมทางทหารของต้าโจว

พี่สามประจำอยู่ที่ชายแดนมาตลอด ดังนั้นเหลียงโส่วฝูบุตรชายคนที่สองของสกุลเหลียงจึงได้เป็นผู้รับผิดชอบสกุลเหลียง

หลังจากพระบรมราชโองการของฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้องค์ชายสามจ้าวชูเป็นองค์รัชทายาท ภายนอกเขาทำตัวดูสงบไร้คลื่นลม แต่เมื่อยามกลับถึงจวนก็ให้รู้สึกกระสับกระส่ายยิ่งนัก

หากองค์ชายสามได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จริงสกุลเหลียงของเขาเห็นทีจะจบสิ้นลง

การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย ต่อเมื่อหอฉีอานได้พังทลายลงมาเขาก็อดที่จะโล่งอกไม่ได้ แต่ไม่คาดคิดเลยว่ามีการถือกำเนิดมังกรวารีขึ้นมา ทำให้เกิดความหวังและศรัทธาขึ้นมาอีก เขาย่อมไม่เชื่อเรื่องมังกรวารีอยู่แล้ว แต่เมื่อคิดว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้อย่างไรดี จู่ๆ ก็มีคนส่งบันทึกมาให้เขา

เมื่อเขาอ่านจบลงก็อยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ

นี่ช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกิน

อย่างไรเสียเขาก็ต้องหาทางพิสูจน์ก่อนว่าเนื้อหาในบันทึกนี้เป็นเรื่องจริง หากเป็นเรื่องเท็จแล้วเขาก็ไม่อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้ เหลียงโส่วฝูส่งคนไปตรวจสอบทันที ในที่สุดเขาก็พอใจกับการสอบสวนเป็นอย่างมาก หลักฐานนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

การพังทลายของหอฉีอานเกี่ยวข้องกับจ้าวชู จริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะมังกรวารีแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะจ้าวชูโลภเอาเงินของการก่อสร้างหอฉีอานไปต่างหาก

จ้าวชูช่างกล้าหาญเหลือเกินที่คิดโลภเอาเงินจำนวนนี้

เหลียงโส่วฝูเดินไปมาพร้อมกับหลักฐานในมือ เขาจะต้องใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อที่จ้าวชูจะไม่ได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาควรจะส่งเรื่องนี้ให้ศาลต้าหลี่ดีหรือว่าส่งให้ฮ่องเต้โดยตรงจะดีกว่า?

หลังจากคิดอยู่สักพักเขาจึงตัดสินใจส่งให้ศาลต้าหลี่ เพื่อที่จะได้เผยแพร่ให้แก่ราษฎรทั่วไปได้ทราบถึงสาเหตุการพังทลายของหอฉีอานอย่างแท้จริง!

…………

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป ‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน แต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้! ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆ ต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมาก ผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้! แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า! พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง! พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท