เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… – ตอนที่ 752

ตอนที่ 752

บทที่752 เห็นเขาแล้วรีบวิ่งหนี

ในเวลาแบบนี้ หานมู่จื่อควรจะรีบเดินออกไป

เพราะถ้าถึงชั้นยี่สิบเอ็ด คนอื่นๆจะพากันเดินออกไป แล้วไม่มีใครยืนบังให้เธอได้อีก

หลัวลี่ทำตัวไม่ถูก สีหน้าของเธอน่าสงสารมาก

“เอ่อ คือว่า… พวกเราขอออกไปหน่อยได้ไหมคะ” เธอถาม

ทุกคนชะงักไปเล็กน้อย เฉียวจื้อหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ได้แน่นอนครับ จริงสิคนสวย คุณเป็นพนักงานของที่นี่ใช่ไหมครับ ขอช่องทางการติดต่อไว้ได้ไหมครับ”

เขาดูท่าทางเสเพล ไม่มีความจริงจังอะไรเลย สายตาที่มองหลัวลี่เหมือนหมาป่าที่กำลังหิวกระหาย

หลัวลี่ตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ฉัน…”

พอไม่มีใครเดินออกไป ประตูลิฟต์จึงทำท่าจะปิดลงอีกครั้ง หลัวลี่ตกใจมาก เธอก้มหน้าลงแล้วเดินตรงออกไป พอเดินไปได้ครึ่งทาง เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะหันไปมองทางหานมู่จื่อ

หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างไว้ กำลังลังเลว่าจะเดินออกไปยังไงดี

จะเดินออกไปตรงๆ หรือหลบซ่อนตัวรอจนถึงชั้นยี่สิบเอ็ดแล้วค่อยลงมาอีกที

ในขณะที่กำลังลังเล หลัวลี่ก็เรียกชื่อเธอออกมา “มู่จื่อ ไปกันเถอะ”

หานมู่จื่อ “???”

เธออุตส่าห์ซ่อนตัวอย่างยากลำบาก แต่กลับถูกเปิดเผยง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ

และแล้ว ผู้ชายที่หานมู่จื่อยืนหลบอยู่ข้างหลังก็หันหน้ากลับมา ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอ แล้วขยับตัวหลีกทางให้เธอ

หานมู่จื่อตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เดิมทีภายในลิฟต์มีผู้หญิงแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน เย่โม่เซินก็อารมณ์เสียมากอยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางหวาดกลัวมาก น่าจะไม่ใช่สายลับที่ลักลอบเข้ามาขโมยข้อมูลของบริษัท ดังนั้นเย่โม่เซินจึงไม่ใส่ใจอะไรมาก แต่นี่กลับมีอีกคนเพิ่มเข้ามาอีก

เย่โม่เซินมองตามสายตาของทุกคนไป

ยังไม่ทันมองหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจน เงาร่างบางก็รีบเอากระเป๋าขึ้นมาปิดหน้า แล้ววิ่งออกไปซะก่อน เพราะรีบร้อนวิ่งออกไป และบังเอิญว่าเขายืนอยู่ตรงประตู ทำให้อีกฝ่ายวิ่งชนไหล่เขาโดยไม่ระวัง

กลิ่นหอมอ่อนๆที่ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคยโชยเข้ามาในจมูกของเขา

เย่โม่เซินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองตามร่างบางที่วิ่งออกไปด้วยสายตาเยือกเย็น

เขาเห็นแค่เงาด้านหลัง เธอใส่ชุดกระโปรงสีขาว ผมยาวสลวยถึงเอว ตอนที่วิ่งผ่านหน้าผมบางสัมผัสโดนใบหน้าเขาเล็กน้อย

เย่โม่เซินจำเธอได้

เธอคือคนที่จับมือเขาตรงประตูวันนั้น บอกให้เขาอย่าดื้อ แล้วกลับบ้านกับเธอคนนั้น

“มู่จื่อ” หลัวลี่ได้สติกลับมา ก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป

ไม่นานแผ่นหลังของทั้งสองคนก็หายไป

“โอ๊ะโอ” เฉียวจื้ออุทานออกมา ก่อนจะก้มลงไปเก็บพวงกุญแจที่ตกอยู่ข้างเท้าเย่โม่เซิน ก่อนจะควงไปมาจนเกิดเสียงกริ๊งกริ๊งออกมา

“ดูเหมือนจะเป็นของคุณผู้หญิงที่ใส่ชุดขาวทำตกไว้นะ”

เย่โม่เซินเหลือบมองเล็กน้อย

มันเป็นพวงกุญแจหนึ่งพวง

“เป็นพวงกุญแจนี่นา” เฉียวจื้อยิ้มอย่างตลกขบขัน “วิ่งหนีไปเร็วขนาดนี้ ไปทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่านะ อีกอย่างนายสังเกตเห็นไหม ดูเหมือนเธอจะไม่กล้ามองหน้านายด้วยนะ”

เย่โม่เซินเหลือบตามองเขาเล็กน้อย เฉียวจื้อรู้สึกเสียววาบบริเวณลำคอ ก่อนจะเบ้ปาก “เอาเถอะ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูด แต่พวงกุญแจนี่ ดูเหมือนจะสำคัญมาก เดี๋ยวประชุมเสร็จฉันจะเอาไปคืนเธอด้วยตัวเองก็แล้วกัน”

เฉียวจื้อไม่มีงานอดิเรกอื่น นอกจากทำงานแล้ว ก็มีแต่สนใจสาวสวยเท่านั้น

เขาควงผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ในวงการจะรู้ชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่ยอมเข้าหาเขา ส่วนใหญ่จะเข้าหาด้วยความเต็มใจกันทั้งนั้น

ถ้าไม่เต็มใจ เฉียวจื้อก็ไม่บังคับจิตใจ

ที่เขาแสดงตัวแบบนี้ หรือว่าเขาจะสนใจผู้หญิงนิสัยแปลกๆคนนั้น

“เอามา”

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมาในลิฟต์

เฉียวจื้อยังไม่รู้เลยว่าเป็นเสียงของใคร แต่กลับพบว่าตรงหน้าของตัวเองมีฝ่ามือใหญ่กำลังแบมือรออยู่

“?”

อะไรกัน

สายตาคมกริบของเย่โม่เซินมองมาที่เขา เฉียวจื้อถึงได้รู้ว่าคนที่พูดเมื่อตะกี้คือเย่โม่เซิน เขาหมุนพวงกุญแจในมือ แล้วพบว่ามันมีเสียงกริ๊งกริ๊งดังออกมา

“นายหมายความว่า นายจะเอาพวงกุญแจนี่ใช่ไหม”

เย่ฌม่เซินเม้มปาก แต่ไม่ได้ปฏิเสธออกไป

“what”เฉียวจื้อตกตะลึง สีหน้าเหยเกเหมือนกินของสกปรกมา “ปกตินายกลัวผู้หญิงมากไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงขอพวงกุญแจจากฉันล่ะ ยู่ฉือเซิน หรือว่าข่าวลือที่ฉันได้ยินมาจะผิดพลาด”

พอพูดจบ เฉียวจื้อก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเย่โม่เซินเย็นยะเยือกขึ้นมาจนดูน่ากลัว

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่กล้ามีปัญหากับคุณชายที่ท่านยู่ฉือพยายามตามหาจนเจอคนนี้ จึงรีบยื่นพวงกุญแจให้ ก่อนจะบ่นพึมพำ “ช่างเถอะ กลัวนายแล้วจริงๆ ฉันให้นายก็ได้ ก็แค่พวงกุญแจไม่ใช่หรือไง ถ้าฉันอยากได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

แต่หลังจากยื่นพวงกุญแจให้แล้ว เฉียวจื้อก็ลูบคางตัวเองด้วยความเสียดาย

ตอนที่เห็นผู้หญิงสองคนนั้น เดิมทีเขานึกว่าจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวซะอีก แต่ตอนนี้… คงไม่มีโอกาสแล้ว

พอเห็นท่าทางของหลัวลี่ที่หวาดกลัวเขามาก เฉียวจื้อก็ยิ่งรู้สึกสนใจ

แต่ไม่เป็นไร ขอแค่พวกเธอยังทำงานอยู่ที่บริษัทนี้ พวกเขาก็มีโอกาสจะได้เจอกันอีก

ติ๊ง

ประตูลิฟต์เปิดออก ถึงชั้นที่พวกเขาจะมาแล้ว หลังจากที่เย่โม่เซินเก็บพวงกุญแจแล้ว เขาก็ก้าวเดินออกไป คนที่อยู่ด้านหลังรีบเดินตามไปทันที

บุรุษหนึ่งในนั้นที่มีอายุมากกว่าทุกคน พอเห็นท่าทางของเย่โม่เซินก็ยิ้มออกมา ไม่รู้ว่าเขาจงใจพูดหรือเปล่า แต่เขาพูดขึ้นมากะทันหัน

“ชั้นสิบห้า เป็นชั้นของฝ่ายบุคคลนี่ครับ”

เย่โม่เซินชะงักไปเล็กน้อย คิ้วของเขาขมวดขึ้นอีกครั้ง

ฝ่ายบุคคล

ผู้หญิงแปลกๆคนนั้น มาสัมภาษณ์งานที่นี่อย่างนั้นเหรอ

เธอคิดจะทำอะไรกันแน่

เขาจับพวงกุญแจไว้ในมือ พอนานเข้าจึงเริ่มอุ่นขึ้นตามอุณหภูมิร่างกายของเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เย่โม่เซินถึงได้นึกถึงตอนที่ดวงตาคู่สวยของเธอมีน้ำตาไหลออกมา

“…… ”

น่าแปลกจริงๆ

ทำไมเขาถึงจำผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งได้แบบนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะว่าวิธีการที่เธอใช้เข้าหาเขาแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆกันนะ

แต่เฉียวจื้อกลับไม่รับรู้ถึงความหมายแฝงของผู้ชายคนที่พูด เขาเบ้ปาก ก่อนจะพูด “ฝ่ายบุคคล พวกเธอใจกล้าเกินไปหรือเปล่า ถึงได้กล้าใช้ลิฟต์ตัวนี้”

“ถ้าหากเป็นพนักงานของที่นี่คงไม่มีใครกล้าใช้ พวกเธอน่าจะมาสัมภาษณ์งาน ถึงไม่รู้เรื่องนี้”

“ที่พูดมามันก็ใช่”

“จริงสิ ผู้หญิงที่วิ่งออกไปเมื่อตะกี้ ถึงแม้ฉันจะไม่เห็นหน้าตาของเธอเต็มๆ แต่แค่เห็นใบหน้าด้านข้างก็ดูไม่เลวแล้วนะ น่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากทีเดียว”

เพิ่งพูดจบ คนที่เดินอยู่หน้าสุดก็หยุดเดิน

ทุกคนพากันหยุดเดินตาม เย่โม่เซินหันหน้ากลับมา แล้วตวัดตามองไปที่ทุกคน

“พวกคุณว่างกันมากเหรอ”

ทุกคน “???”

เย่โม่เซิน “เดินตามผมมาทำไม”

เฉียวจื้อพูดไม่ออก เขานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดตอบ “เดี๋ยวนะ… นายบอกให้พวกเราตามนายมาไม่ใช่เหรอ บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย”

เย่โม่เซิน “…”

อย่างนั้นเหรอ

เขาลืมไปแล้ว

แต่ว่า ตอนนี้เขาไม่อยากเสียภาพพจน์ต่อหน้าคนอื่น จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว พวกคุณแยกย้ายกันไปได้แล้ว”

เฉียวจื้อ “คุณชายครับ คุณบรรลุเป้าหมายแล้วจะถีบคนอื่นทิ้งเร็วเกินไปหรือเปล่า”

“ช่างเถอะ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะไม่มีอารมณ์คุย พวกเราไปกันเถอะ”

เฉียวจื้อทำสีหน้าหมดคำพูด ก่อนจะบ่นพึมพำ “นี่มันอะไรกัน ทำไมอารมณ์แปรปรวนกว่าพวกผู้หญิงที่เรารู้จักอีกล่ะเนี่ย”

สายตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้มองมาที่พวกเขา ทำให้ทุกคนรีบเดินหนีอย่างหวาดกลัว

บทที่751 เจอกันอีกครั้ง

หานมู่จื่อถูกลากเข้าลิฟต์ไป

ติ๊ง

หลัวลี่กดที่ชั้นสิบห้า ไม่นานประตูลิฟต์ก็ปิดลง

หานมู่จื่อดูตัวเลขชั้นที่กำลังจะขึ้นไป ภายในใจรู้สึกแปลกๆ จึงถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “จริงสิ ทำไมคนอื่นๆถึงไม่ขึ้นลิฟต์ตัวนี้ล่ะ ลิฟต์ฝั่งนั้นคนเต็มไปหมดเลย แต่ลิฟต์ตัวนี้กลับไม่มีใครเลยสักคน”

ได้ยินแบบนั้น หลัวลี่ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “เธอไม่รู้เหรอ”

หานมู่จื่อมองด้วยสายตาสงสัย “รู้อะไรเหรอ”

“ลิฟต์ตัวนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถใช้ได้หรอกนะ”

หานมู่จื่อ “?… ”

หลัวลี่ “ดูท่าทางเธอคงจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆนะ นี่เป็นลิฟต์ที่มีไว้ให้สำหรับประธานบริษัทบริษัทตระกูลยู่ฉือใช้งานเท่านั้น อย่าว่าแต่คนที่มาสมัครงานใหม่อย่างพวกเราเลย แม้แต่พนักงานในบริษัทยังไม่กล้าใช้ลิฟต์ตัวนี้เลย”

พอได้ยินถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เธออดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “แล้วพวกเราทำไมถึง…”

“เอาน่า ไม่ต้องกลัวหรอก” หลัวลี่ปิดปากอมยิ้ม “ฉันเองก็เจอที่นี่โดยบังเอิญตอนมาเข้าห้องน้ำ ฉันก็เลย… เข้าไปหาข้อมูลดู ถึงได้รู้เรื่องนี้ วางใจได้ ฉันไม่พาเธอมาซวยหรอก ยังไงเราก็ขึ้นลิฟต์ถึงแค่ชั้นสิบห้า พอถึงแล้วพวกเราก็ออกจากลิฟต์ วางใจได้ พวกเราคงไม่โชคร้ายถึงขนาดมีคนมาเจอหรอก”

เพิ่งพูดเสร็จ ลิฟต์ก็หยุดลงที่ชั้นเจ็ด

หานมู่จื่อ “…”

หลัวลี่ “???”

โอ้แม่เจ้า

คงไม่ดวงซวยถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง

หลัวลี่ยืนชะงักอยู่ที่เดิม พอเสียงลิฟต์ดัง ติ๊ง ขึ้นมา แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออกช้าๆ

ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึก… ประตูตรงหน้าไม่ใช่ประตูลิฟต์ แต่เป็น… ประตูยมโลก

แง แง ทำไมเธอต้องขึ้นลิฟต์ตัวนี้ด้วย ทำไมถึงรักความสะดวกสบาย ทำไมถึงได้ปากพล่อยขนาดนี้

เธอซวยคนเดียวก็ช่างมันเถอะ แต่นี่ยังทำให้เพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันต้องเดือดร้อนไปด้วย แย่แล้ว

ติ๊ง

หลังจากประตูลิฟต์เปิด ก็มีผู้ชายใส่ชุดสูทเดินเข้ามาหลายคน ตอนที่เห็นพวกเธอสองคน ทุกคนก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่… เพราะอยู่ในลิฟต์ ทำให้ขยับตัวไปจากที่นี่ไม่สะดวกเท่าไหร่

หลัวลี่หดตัวเข้ามุม หานมู่จื่อเองก็ขยับไปยืนชิดมุม เพื่อเว้นที่ว่างให้พวกเขา

สีหน้าของเธอเสียมาก คิดไม่ถึงว่าหลัวลี่เพิ่งพูดจบ ประตูก็เปิดออกมา ดวงซวยมากจริงๆ

หานมู่จื่อที่ปกติจะสงบเยือกเย็น ตอนที่เห็นคนที่เข้ามาในลิฟต์เป็นคนสุดท้าย สีหน้าของเธอก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ

หานมู่จื่อมีสายตาหวาดหวั่น แทบจะควบคุมความคิดที่อยากจะเข้าไปกอดเขาไว้ไม่อยู่ แต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติได้

ไม่ได้นะ ตอนนี้เย่โม่เซินความจำเสื่อม จำเธอไม่ได้แล้ว

ถ้าเธอเข้าไปกอดเขา เขาคงจะสั่งให้คนไล่เธอออกไปแน่ๆ

อีกอย่าง… ตอนที่เจอกันครั้งแรกเธอก็ทำอะไรแปลกๆไปแล้วด้วย

ดังนั้นตอนที่เย่โม่เซินมองมา เธอจึงหันหลังกลับ เพื่อหลบหน้าเขา

แต่ที่ว่างในลิฟต์ก็ยังไม่พออยู่ดี หานมู่จื่อทำสมาธิอธิษฐานกับตัวเองในใจ ขออย่าให้เย่โม่เซินมองเห็นเธอเลย

เธอยังไม่ได้เป็นพนักงานที่แท้จริงของบริษัทตระกูลยู่ฉือเลย แต่กลับกล้าใช้ลิฟต์ของประธานบริษัท ถึงตอนนั้น… เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ไหม

ถ้าหากเย่โม่เซินจำเธอได้ แล้วสั่งให้คนไล่เธอออกไป แผนที่เธอวางไว้ทั้งหมดก็จะล้มเหลวทันที

หานมู่จื่อรู้จักนิสัยของเย่โม่เซินดี เมื่อก่อนเขาทำดีกับเธอแค่คนเดียว แต่กับคนอื่น… เขาจะเย็นชามาก ตอนนี้เขาจำเธอไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าจะทำนิสัยเหมือนเดิมหรือเปล่า…

ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย

“เอ๊ะ”

หลังจากที่เย่โม่เซินเข้าลิฟต์ เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีผู้หญิงสองคนเพิ่มเข้ามาด้วย เพราะในลิฟต์มีทีมผู้จัดการยืนอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงยืนหันหน้าไปทางประตูลิฟต์

แต่มีคนอุทานอย่างสงสัยออกมา แล้วใช้ภาษาอังกฤษถามเย่โม่เซิน

“นี่เป็นลิฟต์ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้นายใช้งานไม่ใช่เหรอ”

เย่โม่เซินพยักหน้าให้ด้วยสีหน้านิ่ง

“แล้วทำไมถึงมีผู้หญิงเข้ามาในนี้ได้ล่ะ แถมยังเป็นสาวจีนอีก พวกเธอเป็นพนักงานที่นายพามาจากประเทศจีนเหรอ”

หานมู่จื่อที่พยายามลบตัวตนของตัวเองอยู่ “…”

คนคนนี้ทำไมถึงได้พูดมากอย่างนี้ ทั้งๆที่เย่โม่เซินแทบไม่รู้สึกตัว และแทบไม่รู้เลยว่าเธออยู่ในนี้ด้วย

แต่ตอนนี้กลับถูกพูดขึ้นมาซะแล้ว

พอได้ยินว่ามีผู้หญิงอยู่ด้วย เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา และรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที

มิน่าล่ะตอนที่เขาเดินเข้ามา ถึงรู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมที่แปลกประหลาดและคุ้นเคย ไม่เหมือนกลิ่นของผู้ชาย แต่กลับเหมือนกลิ่นของผู้หญิงมากกว่า

แต่เขาไม่ได้สนใจ พอตอนนี้พวกเขาพูดขึ้นมา เย่โม่เซินจึงได้มองไปทางด้านหลัง หลัวลี่ที่หดตัวอยู่ตรงมุมถูกจับได้ทันที พอสบตาเข้ากับสายตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน หลัวลี่ก็นกมือขึ้นทั้งสองข้าง แล้วก้มหน้าลงทันที

“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้ลิฟต์ตัวนี้… ขอโทษจริงๆค่ะ”

หานมู่จื่อรีบหลบอยู่ด้านหลังชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทันที ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ แค่ขยับสองสามก้าวก็พาร่างของเธอไปหลบได้แล้ว

หลัวลี่ เธออย่าโกรธกันนะ

ฉันให้เขารู้ว่าฉันอยู่ทีานี่ไม่ได้จริงๆ เพราะเป้าหมายในการมาที่นี่ของฉันก็คือเขา ขอแค่เขาฟื้นความจำได้ ฉันจะพาเขากลับประเทศกับฉันทันที ให้อยู่ต่อนานๆไม่ได้

ถึงแม้จะรู้ว่าที่เธอทำแบบนี้มันเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่หานมู่จื่อกลัวมากจริงๆ

เธอรอเย่โม่เซินมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ถึงแม้จะได้ข่าวว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เรื่องที่เขาสูญเสียความทรงจําและจำเธอไม่ได้ เป็นเรื่องที่ทำให้เธอหวาดกลัวมาก

ถ้าหากพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป เธอไม่รู้เลยว่าเธอจะมีโอกาสอีกไหม

เย่โม่เซินขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่หลบอยู่ด้านหลัง ไม่ยอมออกมา แววตาของเขาแหลมคมดั่งมีด หลัวลี่ถูกเขาจ้องมองจนเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มหมด เธอพูดอ้ำอึ้ง รีบขอโทษไม่หยุด

คนที่พูดก่อนหน้านี้เอ่ยปากพูด “เฮ้ นายอย่ามองคนอื่นเขาแบบนี้สิ เดี๋ยวคนสวยก็ตกใจกลัวหรอก สวัสดีครับสาวสวยชาวจีน ผมชื่อเฉียวจื้อนะครับ”

เขาพูด ก่อนจะยื่นมือไปทางหลัวลี่ แล้วทักทายด้วยสีหน้าอยากทำความรู้จัก

หลัวลี่ “…”

เธอกระพริบตาปริบๆ ความรู้สึกหวาดกลัวยังคงพุ่งมาที่ตัวเธอ ภายใต้แววตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้ของเย่โม่เซิน เธอจะกล้ายื่นมือออกไปจับมือทักทายกับเฉียวจื้อได้ยังไงกัน

นอกจากว่าเธอจะไม่กลัวตาย

ถึงแม้แววตาของเย่โม่เซินจะเยือกเย็นน่ากลัว แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังปิดสนิทไม่พูดอะไรออกมา

ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ

บรรยากาศภายในลิฟต์กลับดูอึดอัดมาก

หานมู่จื่อแอบเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วมองตัวเลขที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจอ

พวกเธอจะขึ้นไปชั้นสิบห้า ส่วนพวกเย่โม่เซินดูเหมือนจะเป็นชั้นยี่สิบเอ็ด

นั่นก็หมายความว่า ตอนที่ลิฟต์หยุดที่ชั้นสิบห้า พวกเขาจะยังไม่ออกไปจากลิฟต์ แต่เธอกับหลัวลี่ต้องออกไปจากลิฟต์

ถ้าเธอเดินออกไป ถึงเวลานั้น… เย่โม่เซินจะต้องเห็นเธอแน่ๆ

ทำยังไงดี

พอใกล้จะถึงชั้นสิบห้าแล้ว ลิฟต์ก็ค่อยๆหยุดลงช้าๆ

ติ๊ง

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…

Status: Ongoing

ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอํานาจ ใหญ่ “ฉันเปโม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมที่คิดว่า งานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไป ด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเปโม่เซิน ด้วยฝ่ามือเล็กๆ “พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร ?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท