เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] – บทที่ 1012 ไม่อาจช่วยอะไรได้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 1012 ไม่อาจช่วยอะไรได้

บทที่ 1012 ไม่อาจช่วยอะไรได้

ในขณะที่มู่หรงชิงเหอตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ทายาทของราชันลมปราณไม่ได้อารมณ์ดีขนาดนั้น เขาถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้มั่น ด้วยคิดว่ามันจะเฉือนแท่งโลหะที่อยู่ในมือของซูอันได้อย่างง่ายดาย แต่แท่งโง่ ๆ นั่นกลับไม่เป็นอะไรแม้จะถูกโจมตีหลายครั้งก็ตาม

‘วันนี้ข้าก้าวขาออกจากบ้านผิดข้างหรือเปล่า?’

ทายาทของราชันลมปราณเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตตัวเอง เขาไม่เพียงยังไม่สามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับต่ำกว่าได้ แต่แม้กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ไม่สามารถเอาชนะอาวุธไร้ค่าของคู่ต่อสู้ได้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เขายังคงมีสมาธิอย่างเต็มที่ ฉวยโอกาสเพียงเสี้ยววินาที เขาได้แทงกระบี่ไปที่ต้นขาของซูอัน

ฮึ่ม! มาดูกันว่าเจ้าจะทำอะไรตอนนี้! อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขาหยุดนิ่งทันที ความรู้สึกจากกระบี่ของเขาดูไม่ถูกต้อง

แน่นอนว่าร่างของซูอันที่เขาแทงค่อย ๆ หายไป

เป็นอีกหนึ่งภาพลวงตา!

ยิ่งห่างออกไป คนขับชราฟันหลอสัมผัสได้ว่าผู้หญิงในรถม้าเริ่มกังวล “ฮูหยิน ไม่ต้องเป็นห่วง” เขากล่าว “ชายคนนี้มีทักษะการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ”

ผู้หญิงในรถม้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในการต่อสู้ ทายาทของราชันลมปราณก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขาพลาดอีกครั้งแล้ว

เขาพยายามหลบไปด้านข้างในทันที แต่ก็สายไป ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วหลังต้นขาของเขา พร้อมด้วยสายเลือดที่พุ่งกระฉูด

ทายาทของราชันลมปราณคำรามพร้อมกวัดแกว่งกระบี่ในมือ ส่งสายฟ้าฟาดออกไปเต็มแรง

น่าเสียดายที่ซูอันไม่ได้ติดตามการโจมตีอย่างตะกละตะกลาม หลังจากได้เปรียบ เขาก็รีบถอยออกมา ทำให้การโจมตีครั้งนี้ของจ้าวจื่อพลาดไป

“เจ้าทำลายเกราะธาตุของข้าได้อย่างไร?!” ทายาทของราชันลมปราณมองบาดแผลที่ขาด้วยความโกรธและตกใจในขณะเดียวกัน

ท่านยั่วยุจ้าวจื่อสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +588… +588… +588…

ถ้าสัญชาตญาณในฐานะผู้บ่มเพาะไม่ได้ทำให้เขาหลบทันในวินาทีสุดท้าย เขาอาจจะสูญเสียน้องชายตรงหว่างขาไปแล้ว

ซูอันถอนหายใจด้วยความเสียดาย

“ใครเป็นคนโอ้อวดว่าข้าไม่สามารถทำลายเกราะธาตุได้? หากเจ้ายังไม่เชื่อ บางทีข้าอาจต้องสาธิตอีกครั้ง”

สีหน้าของจ้าวจื่อเย็นชา เขามองกระบี่ไท่เอ๋อร์นิ่ง อาวุธนี้เป็นปัญหา “ข้ายอมรับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไป แต่เจ้าคิดหรือว่าจะเอาชนะข้าได้เพราะกระบี่ประหลาดนั่น?”

“เจ้าเกิดปีวอกหรือเปล่า? ทำไมถึงดื้อด้านอย่างนี้?” ซูอันล้อเลียน

ใกล้ ๆ กัน ฉู่โหยวเจาและมู่หรงชิงเหอต่างพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ทายาทของราชันลมปราณนั้นน่าไม่อายจริง ๆ แพ้คือแพ้ แม้จะแพ้แค่นัดแรกก็ถือว่าแพ้

เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด แต่ถูกผู้บ่มเพาะระดับล่างกดดันอย่างไม่ลดละ และยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย คำพูดของเขาไม่มีความสำคัญอีกต่อไป

คนขับชราฟันหลอโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ “ชายหนุ่มคนนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย”

เขาหวังว่าผู้หญิงในรถม้าจะพูดอะไรสักอย่าง เพื่อที่เขาจะได้อธิบายสิ่งที่รู้สึกได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ยินอะไรจากนางเลย ดังนั้นเขาจึงต้องกลืนคำพูดกลับลงคอไป

แถบคาดศีรษะของจ้าวจื่อได้ขาดออกแล้ว ผมที่เป็นระเบียบก่อนหน้านี้พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสีม่วง “เจ้ารู้ไหมว่าความแตกต่างระหว่างผู้บ่มเพาะระดับแปดกับคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคืออะไร?”

ซูอันตกใจกับการเปลี่ยนแปลงของคลื่นพลังของคู่ต่อสู้อย่างกะทันหัน เขาจำบทเรียนในสถาบันจันทร์กระจ่างได้ดี

ที่ระดับหก ผู้บ่มเพาะสามารถสร้างเกราะธาตุได้ เกราะธาตุนี้เองที่ทำให้ผู้บ่มเพาะระดับล่างแทบไม่มีโอกาสคว้าชัยชนะ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งแรกในเส้นทางการบ่มเพาะ

ระดับที่แปดถือเป็นจุดสำคัญอันดับสองของการเปลี่ยนแปลง ก่อนถึงระดับแปด การบ่มเพาะล้วนอาศัยพลังชี่ที่เก็บไว้ในตัวของผู้บ่มเพาะ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาพึ่งพาพลังชี่ของตนเอง แต่เมื่อมาถึงระดับแปด ผู้บ่มเพาะสามารถยืมพลังชี่จากธรรมชาติได้!

แม้แต่ในโลกก่อนของเขาซึ่งเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษย์สามารถท่องไปในจักรวาลและสำรวจทะเลได้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติเพียงครั้งเดียวอาจมีพลังทำลายล้างมากกว่าระเบิดปรมาณูที่มนุษย์สร้างขึ้น

เมื่อเทียบกับพลังของธรรมชาติ มนุษย์ที่ต่ำต้อยนั้นไม่มีนัยสำคัญ

ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังชี่ภายในธรรมชาติกำลังพุ่งเข้าหาทายาทของราชันลมปราณอย่างดุเดือด

เมื่อเห็นสีหน้าของซูอันเปลี่ยนไป ความปีติยินดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทายาทราชันลมปราณในที่สุด “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรับรู้เช่นกัน ข้าไม่ได้ต้องการจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ในเมืองหลวง แต่เจ้าบังคับข้าเอง! ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของผู้บ่มเพาะระดับแปด!”

เมื่อคำพูดออกจากปาก เขาก็ส่งคลื่นแรงระเบิดไปทางซูอันด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า แม้แต่ฉู่โหยวเจาหรือมู่หรงชิงเหอก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

ซูอันรู้สึกประหลาดใจ ความเร็วของจ้าวจื่อเพิ่มขึ้นหลายเท่า ไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง เขากัดฟันใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์เข้าปะทะโดยตรง เมื่อนักรบสองคนเผชิญหน้ากัน คนที่กล้าหาญกว่ามักจะเป็นผู้ชนะ

จ้าวจื่อเยาะเย้ย “ช่างน่าเสียดาย ต่อให้เจ้าดึงดันแค่ไหน หากไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไร้ความหมาย!”

ขณะที่เขาพูด เขาป้องกันการโจมตีจากกระบี่ไท่เอ๋อร์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความเร็วในตอนนี้ การจู่โจมแบบเอาตัวเข้าแลกของคู่ต่อสู้กลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะ

เขาเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้า พลังงานสีขาวพุ่งขึ้นรอบ ๆ อันเป็นผลมาจากความเร็วของหมัดทะลุความเร็วเสียง มันคล้ายกับโซนิคบูมที่เกิดจากเครื่องบินขับไล่ไอพ่น

ซูอันรีบตั้งการ์ดปิดกั้น แต่สายเกินไป หมัดของฝ่ายตรงข้ามกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างถนัดถนี่

ร่างกายของซูอันถูกเหวี่ยงไปในอากาศราวกับกระสอบทรายที่แตกและกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง

“พี่เขย!” ฉู่โหยวเจาร้องด้วยความตกใจ นางเห็นเลือดไหลออกมาจากปากของซูอันเมื่อเขาตกลงมาจากท้องฟ้า

นางวิ่งไปขวางด้านหน้าซูอัน “ขอท่านโปรดยั้งมือด้วย!”

“พี่ฉู่!” มู่หรงชิงเหอตกใจวิ่งไปข้างหน้าเช่นกัน ความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะระดับแปดนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง คลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมาจากการโจมตีอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ถึงอย่างนั้น นางก็ยังวิ่งเข้าไปปกป้องฉู่โหยวเจาโดยไม่รู้ตัว

จ้าวจื่อหยุดตรงหน้าพวกนางทั้งสองและขมวดคิ้ว “เห็นแก่หน้าตระกูลฉินและตระกูลมู่หรง ข้าสามารถแสร้งทำเป็นว่าพวกท่านสองคนไม่ได้พูดอะไรกันก่อนหน้านี้ หลีกทาง!”

มู่หรงชิงเหอดึงฉู่โหยวเจาอย่างรวดเร็ว “เข้าใจแล้ว! พี่ฉู่ นี่คือการต่อสู้ระหว่างพี่เขยของท่านกับนายน้อย! พวกเราช่วยอะไรไม่ได้”

นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของฉู่โหยวเจา แต่ยังเป็นเพราะตระกูลมู่หรงสนับสนุนฝ่ายของราชันลมปราณไม่มีทางที่นางจะเสี่ยงทำลายความสัมพันธ์นี้ด้วยการต่อต้านทายาทของราชันลมปราณ

สำหรับซูอัน แม้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขาจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่สำหรับผู้คลั่งไคล้การต่อสู้เช่นนาง ในการประมือกันเช่นนี้มีเพียงชัยชนะหรือความพ่ายแพ้เท่านั้น

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

Status: Ongoing
ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า ซูอัน ชายหนุ่มที่วันๆใช้ชีวิตคลุกตัวอยู่แต่ในโลกออนไลน์ เที่ยวยั่วยุ ปั่นประสาทผู้คนในโลกออนไลน์ให้ไม่เป็นสุขอยู่ทุกวี่วัน เป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ใครๆต่างก็ต้องเข็ดขยาด แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้ว่าฟ้าลงทัณฑ์หรือสวรรค์บัญชา ให้เขาคนนี้ต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าอนาถโดนฟ้าผ่าตายในขณะที่กำลังเปิดศึกคีย์บอร์ดกับคนบนโลกออนไลน์อยู่ในห้องของตัวเอง หากแต่นี่ไม่ใช่จุดจบ! ชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาในร่างใหม่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเขยใหญ่ตระกูลอ๋องฉู่ที่แสนมั่งคั่งแถมยังมีภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลที่ใครๆต่างก็หมายปอง ดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตใหม่ของเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบสินะ? ไม่เลย! บนโลกใบใหม่ที่เขาฟื้นขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังเหนือมนุษย์มากมายแถมตำแหน่งลูกเขยอ๋องฉู่กลับทำให้เขาต้องคอยเผชิญจากการถูกลอบสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เจ้าของร่างคนก่อนไปสร้างศัตรูเอาไว้มากมายขนาดนี้ได้ยังไง? ซ้ำร้ายร่างที่เขามาสิงสู่กลับเป็นแค่ร่างที่ไม่ได้ดีเด่ไม่มีพรสวรรค์เป็นเลิศเหมือนใครเขา ทุกคนในโลกนี้จึงต่างมองเขาเป็นแค่ไอ้คนไร้ค่าที่โชคดีถูกคุณหนูใหญ่ลูกสาวคนโตของอ๋องฉู่เลือกให้เป็นสามี อย่างเดียวที่พอจะภูมิใจได้ก็มีแต่หน้าตาที่หล่อเหลาและไอเทมสุดล้ำที่ติดตัวเขามาด้วย ซึ่งมันคือ “คีย์บอร์ดเซียน!!” ระบบสุดโกงตัวช่วยที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตยียวนผู้คนในโลกใบใหม่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ตายก่อนวัยอันควร! ขอเชิญติดตามเรื่องราวการผจญภัยสุดป่วนในโลกที่ไม่ค่อยจะสงบสุขเท่าไหร่อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าหรือแม้แต่ขอทานยังต้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน “ซูอัน! แกมันไอ้ตัวบัดซบ!!” **เนื้อหาบางส่วนของนิยายแปลเรื่องนี้ อาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ และความรุนแรง** (ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท