เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 356 ประจัญบาน การค้นพบสะเทือนฟ้า!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 356 ประจัญบาน? การค้นพบสะเทือนฟ้า!

เยี่ยนชิงที่เพิ่งได้สติรีบตะโกนออกมา “เฮ้ย! ไม่ถูก! ทิ้งเสี่ยวเป่าไว้สิ!”

จนใจที่ต้าซือมิ่งบางคนห่างออกไปไกลและยามนี้ได้ร่อนลงภายในลัทธิเซิ่งเหลียนแล้ว ความเร็วนั้นเพียงชั่วกะพริบตาก็สามารถลัดผ่านหมื่นสายน้ำพันภูเขามาได้

เยี่ยนชิงที่ถูกทิ้งอยู่ที่เดิมหงุดหงิดใจ “เขยผู้นี้อะไรก็ดีเสียก็แต่ชอบพาเสี่ยวเป่าไปเสี่ยงอันตรายเนี่ยแหละ!”

“จะต้องไม่มีอันตรายแน่จึงได้ให้เสี่ยวเป่าไปด้วย” เยี่ยนจื่อเยี่ยเข้าใจ รู้ดีว่าน้องเขยผู้นี้สามารถพึ่งพาได้

เยี่ยนชิงเองก็รู้ แต่ไม่คิดว่านั่นเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะจะให้เด็กไปหรอกหรือ แต่ว่าเขาก็ปลงแล้วล่ะ หลานชายตัวน้อยเองก็ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป ก็ทำเช่นนี้แล้วกัน เฮ้อ!

สถานการณ์ปัจจุบันมีจิ่วอิงเทพดุร้ายตนนั้นและยังมีมารคลั่งเช่นเม่ยเอ๋อร์อยู่ด้วยจึงไม่มีทางมีปัญหาอื่นได้เลย ดังนั้นประมุขหอสัตว์บรรพกาลจึงหันมาคารวะเยี่ยนชิงอย่างจริงจัง “เจ้าสำนัก ข้าไม่ผิดต่อคำสั่งของท่าน! ปกป้องเมืองชางอู๋เอาไว้ได้แล้ว!”

“ดีมาก” เยี่ยนชิงเอ่ยชมอย่างพึงพอใจ

ประมุขหอสัตว์บรรพกาลถูมือไปมา “อย่างนั้นรางวัลจะนับอย่างไรล่ะ?”

เยี่ยนชิง “…”

จ่านเผิงจำต้องก้าวขึ้นมาดึงบิดาแท้ๆ เอาไว้แล้วกระซิบเสียงเบา “ท่านพ่อ พอถึงตอนที่ถกความชอบรับรางวัลย่อมไม่ขาดส่วนของท่านแน่ ท่านร้อนใจอะไรกัน?”

“ไม่ใช่ ข้าก็แค่อยากจะขอยาพยัคฆ์เพิ่มอีกสักสิบเม็ด เจ้าก็รู้ดีเหล่าอสูรพวกนั้นที่หอสัตว์บรรพกาลของเราล้วนตั้งตารอคอยอยู่ทุกวัน” ประมุขหอสัตว์บรรพกาลเอ่ยออกมาตามจริง

จ่านเผิงกระแอมไอเสียงหนึ่ง “นั่นก็ต้องรอให้ถึงเวลาก่อนแล้วค่อยพูด นี่ยังสู้กันไม่จบเลยนะ”

ประมุขหอสัตว์บรรพกาลกลอกตา “ไม่ใช่เพราะว่าคุณหนูใหญ่กลับมาแล้วหรอกหรือ ตอนคุณหนูใหญ่ไม่อยู่สำนักของเรามียาพยัคฆ์มากมายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ต้องรีบเป็นธรรมดาสิ! เจ้าโง่นี่!”

จ่านเผิง “…”

เอาเถิด เขาโง่เอง เขาไม่พูดแล้ว

เยี่ยนชิงที่กระจ่างแจ้งดีก็จนคำพูดกวาดตามองสองพ่อลูกที่ ‘กระซิบกระซาบ’ กันอยู่ “พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าหูไม่ดีหรือไรถึงมาปรึกษากับตรงหน้าข้าเนี่ย?”

“แค่ก! ไม่ใช่อย่างนั้น! ประมุขท่านยังหนุ่มจะหูไม่ดีได้อย่างไรกัน! พวกเราก็แค่เขินที่จะพูดตรงๆ แต่ท่านได้ยินแล้วก็ดี” ประมุขหอสัตว์บรรพกาลหัวเราะเสียงดังเอ่ย มองดูแล้วก็อาจจะดูเหมือนเขินอยู่บ้างหากเขาไม่หัวเราะเสียเจิดจ้าขนาดนี้น่ะนะ

ทำเอาเยี่ยนชิงไม่อยากจะมองแล้ว “ไปๆๆ! เสร็จเรื่องก่อนค่อยว่ากัน ยังรักษาเมืองไม่เสร็จสิ้นดี หากประชาชนชาวเมือง…”

“ประมุขท่านวางใจได้ นั่นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน!” ประมุขหอสัตว์บรรพกาลตบอกรับรอง เขาจัดการทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว หากไม่ใช่เพราะลัทธิเซิ่งเหลียนใช้วิชามารชั่วร้าย กับอีแค่ร่างแปลงสัตว์เหล่านั้น เมืองชางอู๋ต้านเอาไว้ได้อยู่แล้ว!

แต่ว่าในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันนั้น ทางฝั่งเม่ยเอ๋อร์และจิ่วอิงก็ตีกันขึ้นมาแล้ว!?

“นี่มันสถานการณ์แบบไหนกันเนี่ย?” อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจจริงๆ “สองคนนั้นไม่ใช่ว่าดีๆ กันอยู่หรือ”

“เหมือนกับว่าเจ้าหนูน้อยจะอยากกินทัพใหญ่ของลัทธิเซิ่งเหลียนแต่เม่ยเอ๋อร์ไม่ยอมนะ” เอ้อร์เหมาเหมือนได้ยินเสียงสองคนนั้นทะเลาะกันดังแว่วมา

เรื่องจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จิ่วอิงโกรธเพราะเรื่องนี้ “ทำไมไม่ให้ข้ากิน! ปู่ของเจ้าอยากจะกิน!”

“เจ้าพูดว่าปู่ใครนะ?” เลือดบนดาบเม่ยเอ๋อร์ยังไม่ทันแห้งเลย

“ข้าไง! ปู่อยากจะกิน!” ดวงตาทั้งสิบแปดข้างจ้องมองไปยังเนื้อขาวๆ เหล่านั้น กล้าไม่ให้เขากินไม่ใช่ว่ากำลังหาเรื่องหรอกหรือ!

เม่ยเอ๋อร์ทำหน้าเย็นชา “พวกเขายอมแพ้หมดแล้ว ทั้งหมดรอให้คุณหนูใหญ่มาจัดการ เจ้าห้ามแตะ”

“ไม่!” จิ่วอิงที่แปลงร่างเป็นชายท่าทางดุดันใบหน้ามีรอยแผลเป็นเอ่ยอย่างขึ้งโกรธว่า “มีสิทธิ์อะไรไม่ให้ข้ากิน ข้าไม่เชื่อฟังนางยักษ์สุดสวยนั่นหรอก! ข้าจะกิน!”

“หาเรื่องโดนดี!” เม่ยเอ๋อร์เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร

จิ่วอิงถกแขนเสื้อ “สู้ก็สู้สิ! ปู่เจ้าไม่กลัวอยู่แล้ว!”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน!” อินหลิวเฟิงรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น พวกเจ้าทำอะไรเนี่ย?”

“มีคนในครอบครัวเดียวกันที่ไหนที่ห้ามอีกคนกินข้าว!” จิ่วอิงรู้สึกน้อยใจอย่างมาก

เม่ยเอ๋อร์เองก็มีเหตุผลเป็นอย่างมาก “รอคุณหนูใหญ่!”

“ข้า…” จิ่วอิงอยากจะโต้แย้งเพราะในใจเขารู้ดีว่าเรื่องนี้หากรอให้เยี่ยนอวี๋กลับมาก็คงไม่ได้กินแล้ว เขาไม่รอหรอก!

เอ้อร์เหมาก็เอ่ยด้วยความปากไวว่า “หากครั้งนี้เจ้ากินเข้าไปแล้ว เจ้าคิดว่าพอกลับมาเจ้านายของเจ้าจะจัดการเจ้าเช่นไร ต้าซือมิ่งแค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกหลงภรรยา เจ้าคิดว่าเขาจะเข้าข้างเจ้าหรือ?”

จิ่วอิง “…”

มารดามันเถอะ! น่าโมโหจริง!

แต่ว่าไม่เป็นไรจิ่วอิงที่ยืดได้หดได้รีบมองประจบเม่ยเอ๋อร์ในทันที “พี่เม่ยเอ๋อร์ หรือไม่ให้ข้ากินสักหมื่นนึงก่อน? ส่วนคนอื่นก็รอคุณหนูใหญ่?”

บ้าเอ๊ย!

เอ้อร์เหมาเกือบจะหลุดปากออกมาแล้วว่านี่จะเปลี่ยนหน้าไวไปไหม?

อินหลิวเฟิงเองก็อึ้งไปคนอื่นล้วนไม่ต้องพูดถึง ภาพลักษณ์ในใจที่ทุกคนมีต่อจิ่วอิงพังทลายลงในทันที พวกเขายังคิดว่าสัตว์ร้ายตนนี้ชั้นสูงมากจริงๆ ดุร้ายสุดๆ!

แต่ว่ามันดุร้ายมากก็จริง แต่คะแนนความตลกก็สูงมากเช่นกัน…

แต่เม่ยเอ๋อร์ก็ยังคงตอบอย่างมีหลักการ “ไม่ได้”

“มารดามันเถอะ!” จิ่วอิงโกรธแล้ว “นี่เจ้ากำลังบีบให้เข้าทำลายสายสัมพันธ์สามีภรรยาของผู้อื่นอยู่นะ!”

ใบหน้าเม่ยเอ๋อร์เย็นชาไม่ตอบรับสื่อนัยว่า ‘ถึงอยากกินก็กินไม่ได้อยู่ดี’ ออกมา

จิ่วอิงโกรธเสียจน โกรธเสียจนกลับไปหมอบดูคนเหล่านั้นด้วยท่าทางตะกละ น้ำลายไหลหยดติ๋งๆ ลงบนศีรษะของทัพใหญ่ลัทธิเซิ่งเหลียน

ลัทธิเซิ่งเหลียนทั้งหมดล้วนตกใจจนร้องไห้ออกมา! รู้สึกว่าชีวิตช่างสิ้นหวังเหลือเกิน…

แต่ว่าเชลยศึกลัทธิเซิ่งเหลียนกลุ่มนี้ก็ค่อนข้างเชื่อฟังทีเดียว ทุกคนพากันอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยทำให้สำนักชางอู๋ไม่จำเป็นต้องส่งคนมาคอยเฝ้าดู

ในเวลาเดียวกันต้าซือมิ่งหรงและเยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งจะเหยียบลงที่ลัทธิเซิ่งเหลียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเพราะด้านในลัทธิไม่มีสัญญาณชีวิตอะไรเลย

ไม่ ไม่ใช่แค่ลัทธิเซิ่งเหลียนเท่านั้นที่ไม่มี ทั้งเมืองจิ่วหลีว่างเปล่าไม่มีใครสักคน?!

“เป็นไปได้อย่างไร?!” สีหน้าของชือหมินหมิ่นย่ำแย่เป็นอย่างมาก

“ดูก่อน” เยี่ยนอวี๋เอ่ยเสียงเข้ม เข้าไปยังส่วนลึกของลัทธิเซิ่งเหลียนก่อน นางรับรู้ได้ว่าด้านในนั้นเหมือนมีคลื่นประหลาดบางอย่างอยู่

ต้าซือมิ่งบางคนก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้ เขาเองก็รับรู้ได้ว่าแหล่งกำเนิดพลังประหลาดนั้นมาจากส่วนลึกของลัทธิเซิ่งเหลียน แต่ว่าชือหมินหมิ่นกลับรีบเดินนำหน้าไปก่อน “ข้านำทางเอง ในสำนักมีกลไกซับซ้อนประหลาดหลายอย่าง ถึงไม่อาจถึงขั้นทำร้ายอาจารย์ได้แต่ว่าให้ข้านำทางก็ลดความวุ่นวายไปได้ไม่น้อย”

“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า

ภายใต้การนำทางของชือหมินหมิ่น ทั้งครอบครัวเข้าไปยังส่วนลึกของลัทธิเซิ่งเหลียนอย่างรวดเร็ว

และในเวลานี้เอง…

เมืองหลวงตี้ชิว

เฉิงคั่วที่ต้องนำทัพออกเดินทางเพิ่งจะได้รับทรัพยากรจากติ้งซีอ๋องกำลังจะรีบเดินทางไปยังสำนักชางอู๋พร้อมกับประมุขหอราชทัณฑ์โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าทางนั้นไม่ได้ต้องการพวกเขาแล้ว

แต่ว่าพวกเขาเพิ่งจะออกไป รางวงศ์ก็ออกคำสั่งให้ปิดเมือง

ตอนแรกทุกคนยังไม่คิดอะไร อย่างไรเสียลัทธิเซิ่งเหลียนก็ฟังดูแล้วดุดันน่าเกรงขาม การปิดเมืองเตรียมไว้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ไม่นานพวกเขาก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ!

“ไม่ให้ออกไปข้างนอกหรือ?” ตี๋อูหวนแห่งสำนักเนี่ยผานที่ถูกกักบริเวณไม่เข้าใจ “หรือว่าเมืองหลวงมีศิษย์ชั่วของลัทธิเซิ่งเหลียนโผล่ออกมา?”

“ผู้น้อยไม่ทราบ ผู้น้อยเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น” แม่ทัพที่รับหน้าที่ให้มาปิดล้อมเรือนรับรองเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งสงบ

ตี๋อูหวนร้อนใจ “อย่างนั้นส่งข่าวออกไปได้หรือไม่”

“ได้ขอรับ”

ตี๋อูหวนจึงถอนใจโล่งอก “ข้าอยากส่งจดหมายไปให้เจ้าสำนักจวินฉบับหนึ่ง เม่ทัพน้อยโปรดรอสักครู่”

“เจ้าสำนักตี๋ตามสบาย”

ตี๋อูหวนจึงรีบไปเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วพร้อมส่งให้แม่ทัพน้อย หวังว่าจะสามารถได้ข่าวสารอะไรจากสำนักจวินจื่อบ้าง

แต่สิ่งที่ตี๋อูหวนไม่รู้ก็คือจดหมายของเขาไม่ได้ถูกส่งออกไป หลังจากแม่ทัพน้อยถือจดหมายเดินออกไปจากเรือนรับรองแล้วก็เอาจดหมายของเขาและคนอื่นที่เหลือออกมาเผาจนหมด

ตี๋อูหวนที่เฝ้ารออย่างร้อนใจจนถึงกลางดึกก็ยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆ นี่ทำให้เขารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าไม่ได้การแล้ว “เด็กๆ!”

“…”

ตี๋อูหวนยืนขึ้นแต่เขาที่กำลังจะเปิดประตูกลับได้ยินเสียงกรอบแกรบแปลกประหลาด นี่ทำให้เขาชะงักไป

แต่เพราะการชะงักไปนี้ของเขา เถาวัลย์เปล่งแสงอักษรโบราณแปลกประหลาดเส้นหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างเงียบเชียบและมัดเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น…

“ไม่…อื้อ!” ตี๋อูหวนได้เอ่ยออกมาเพียงคำเดียวก็ถูกลากเข้าไปใต้พื้นไม่เห็นร่องรอยใดอีก ราวกับว่าเขาไม่เคยอยู่ในห้องนี้มาก่อน

และแทบจะในขณะเดียวกันนั้นขาข้างหนึ่งของอินสวินอี้ก็กำลังเหยียบอยู่ที่หน้าประตูเรือนรับรอง ขณะเตรียมจะเข้าไปนั้นจวินอั้นเทียนที่อยู่ข้างกายของเขาพลันดึงเขาเอาไว้

อินสวินอี้อึ้งไป “อะไรหรือ?”

“ผิดปกติ” จวินอั้นเทียนมองประตูเรือนรับรองที่แสนเงียบเชียบตรงหน้า แม้จะรับรู้ได้ว่าคนข้างในอยู่กันอย่างหนาแน่นแต่ก็ยังรู้สึกว่ามันเงียบสงบเกินไปอยู่ดี

“พวกศิษย์ในสำนักเหล่านั้น…” อินสวินอี้สีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้านี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาที่ไม่จำเป็นศิษย์สำนักจวินจื่อทั้งหมดก็ล้วนมาพักที่เรือนรับรองแห่งนี้ตามการจัดการของกรมพิธีการ

ตอนนี้นอกจากจวินอั้นเทียนและอาวุโสมือกระบี่ที่ไปยังสำนักศึกษาเป็นเพื่อนอินสวินอี้และเพิ่งจะกลับมา ศิษย์สำนักจวินจื่อคนอื่นล้วนอยู่ในเรือนรับรอง หากเรือนรับรองมีปัญหาแล้วล่ะก็ อย่างนั้น…

“ข้าจะเข้าไปดูก่อน” จวินอั้นเทียนที่เป็นห่วงความปลอดภัยของศิษย์ในสำนักเตรียมจะเข้าไปสำรวจเส้นทางดูก่อน เพียงแต่เขาเพิ่งจะก้าวออกไป อาวุโสมือกระบี่ก็คว้ามือเขาเอาไว้อย่างแรง!

ขณะนั้นเองสีหน้าของพวกอินสวินอี้ทั้งสองก็พลันเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นว่าในเรือนรับรองมีเถาวัลย์ประหลาดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา เป็นเถาวัลย์ที่พวกเขาคุ้นเคยดีเหล่านั้น!

นี่มัน…

ไม่รอให้อินสวินอี้ได้สติกลับมา

ฟิ้ว!

เถาวัลย์เหล่านั้นพุ่งเข้ามาทางพวกเขาแล้ว!

“ท่านอ๋อง!”

จวินอั้นเทียนก็ขวางเอาไว้ไม่ทัน อินสวินอี้ก็โดนลากไปแล้ว

นี่ยังไม่นับ…

ฟิ้ว!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้” เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้น แต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย! เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือน จากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใคร โอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้ จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจง ชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท