บทส่งท้าย 22 หมาล่าเสี่ยวเป่า! ตระกูลหรงกตัญญู
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็สะดุ้งตกใจ มองย่าทวดซีของเขาอย่างสงสัย “เนะ?”
อวิ๋นจื่อซีเองก็พูดไม่ถูกว่าเป็นอะไร แต่นางยื่นมือออกไปและใช้ปลายนิ้วจิ้มศีรษะของเจ้าเหมียวสีขาวเบาๆ ฝ่ายหลังนิ่งไม่ขยับ เหมือนกับว่ากำลังหลับลึก
ทว่าอวิ๋นจื่อซีกลับรู้สึกว่าเจ้าเหมียวสีขาวไม่ได้หลับลึก มันเหมือนกับ… กำลังเงียบมากกว่า… มันกำลังจมสู่ความเงียบแห่งความตาย สัญชาติญาณเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหันและอธิบายไม่ได้จึงทำให้นางตื่นตระหนก
หรงหวงที่ได้ยินน้ำเสียงแฝงความวิตกของนาง เขาก็ละทิ้งงานในมือทั้งหมดและมายังข้างกายภรรยา “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“เสี่ยวไป๋ เจ้าดูเสี่ยวไป๋สิ ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆ” อวิ๋นจื่อซีจับเจ้าเหมียวสีขาวที่อยู่บนมือของเหลนชาย อาการวิตกเพิ่มมากขึ้น ไม่สามารถระงับไว้ได้เลย
หรงหวงยื่นมือไปรับเจ้าเหมียวสีขาวในมืออ่อนนุ่มของเหลนชายมา ฝ่ายหลังเหมือนกับว่าจะรับรู้กลิ่นอายของเขา มันสั่นเทาครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่ตื่น
อวิ๋นจื่อซีเป็นกังวลกว่าเดิม นางจำได้ว่าเสี่ยวไป๋กลัวหวงหวง แต่ตอนนี้… ถึงแม้หวงหวงจะ ‘ลงมือ’ แล้ว เสี่ยวไป๋กลับยังคงไม่ตื่น
“ท่านแม่”
“ท่านย่าซี”
หรงมั่วและหรงอี้ที่ทิ้งงานในมือลงเพราะได้ยินว่าเจ้าเหมียวสีขาวเป็นอะไรไป เห็นได้ชัดว่าเป็นห่วงเจ้าเหมียวสีขาวมาก สำหรับพวกเขาแล้ว เจ้าเหมียวสีขาวเป็นญาติสนิทที่พิเศษเพียงตัวเดียวที่อยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เกิด
เจ้าเหมียวสีขาวพูดไม่เป็น แต่เสียง ‘เหมียวๆๆ’ ของมันกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของคนทั้งสองรุ่นในตระกูลหรงไปนานแล้วดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
สำหรับอวิ๋นจื่อซี ความสำคัญของเจ้าเหมียวสีขาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ช่วงที่นางโต มันคือสิ่งมีชีวิตที่ขาดไปไม่ได้ในระหว่างทางที่นางเติบโต ตอนที่นาง ‘สูญเสีย’ มั่วมั่วไป เจ้าเหมียวสีขาวเป็นญาติสนิทเพียงตัวเดียวที่อยู่ข้างกายมั่วมั่วเมื่อครั้นยังเด็กแทนนาง
เจ้าเหมียวสีขาวสำคัญสำหรับอวิ๋นจื่อซีและตระกูลหรงมาก!
แต่ว่า… ตอนนี้ทั้งสี่รุ่นได้พร้อมหน้าแล้ว เจ้าเหมียวสีขาวกลับ…
อวิ๋นจื่อซีสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบอารมณ์มองสามี เยี่ยเชียนหลีที่กอดอวิ๋นจื่อซีลูบหลังปลอบประโลมนาง
เยี่ยนเสี่ยวเป่า หรงหลินและหรงเจ๋อสีหน้าตึงเครียด มองเจ้าเหมียวสีขาวที่นอนอยู่ในฝ่ามือของหรงหวง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหรงหวงที่ขมวดคิ้วเป็นปมก็บอกข่าวร้ายเรื่องหนึ่งว่า “มันกำลังจะตาย”
“เป็นไปได้อย่างไร” เสียงร้องอุทานพร้อมเสียง ‘เนะ’ หน่อมแน้มเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างตกใจ เห็นได้ชัดว่าทุกคนตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ
อวิ๋นจื่อซีกลั้นน้ำตา ถามอย่างร้อนรนว่า “แล้วจะทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากให้เสี่ยวไป๋จากข้าไป!”
“เดี๋ยวสิ เสี่ยวไป๋จะตายได้อย่างไร” หรงอี้ไม่เข้าใจ ในความทรงจำของเขา เจ้าเหมียวตัวนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิตและพลังงานอยู่เสมอ
ส่วนหรงมั่ว เขายื่นมือไปรับเจ้าเหมียวสีขาวจากมือของท่านพ่อ น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาเยือกเย็นของเขาอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเยี่ยเชียนหลีตกใจ “ฝ่าบาท!”
สำหรับหรงมั่วแล้ว เจ้าเหมียวสีขาวไม่ได้เป็นเพียงอสูรน้อยตัวหนึ่ง มันยังเป็นความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่ผ่านชีวิตที่มืดมดที่สุดมาพร้อมกับเขา ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเสี่ยวไป๋กำลังจะตาย เขาก็ข่มอารมณ์ไม่อยู่
เยี่ยเชียนหลีรู้เรื่องนี้ดี นางจึงกอดสามีของนางไว้อย่างปวดใจ “ฝ่าบาท! ใจเย็นๆนะ ไม่เป็นอะไรหรอก ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
ขณะที่พูดเช่นนี้ เยี่ยเชียนหลีก็กระตุ้นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ไท่อี่ออกมา ดอกไม้น้อยๆ สีม่วงมากมายห่อหุ้มเจ้าเหมียวสีขาวไว้ พลังชีวิตมากมายถ่ายโอนเข้าไปในร่างกายของเจ้าเหมียวสีขาวอย่างต่อเนื่อง
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่คิดได้ว่าตนเองก็มีดอกไม้ก็รีบสั่งให้ดอกไม้น้อยๆ ของตนบานออกที่ตัวเจ้าเหมียวสีขาว ทำเอาเยี่ยเชียนหลีเหลือบมอง “เสี่ยวเป่า…” คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวเป่าปลุกพรสวรรค์ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ไท่อี่ของนางตื่นแล้ว
“ไม่ใช่!” กล่องวิเศษสีดำตัวหนึ่งที่ดังขึ้นจากอนุสติของเยี่ยเชียนหลีกลับพูดขึ้นว่า “ของเสี่ยวเป่าไม่ใช่ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ไท่อี่ กลิ่นมันแปลกๆ…”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร ดูเหมือนกับของข้าเลย ล้วนมีพลังการรักษาที่แข็งแกร่ง” เยี่ยเชียนหลีคิดว่าเหมือนกัน ถึงอย่างไรสีและรูปทรงของดอกไม้ก็ไม่ต่างกันโนเวลพีดีเอฟ
ทว่าดอกไม้ดอกน้อยไท่อี่ที่ยังเป็นสาวน้อยกลับพูดขึ้นในอนุสติของเยี่ยเชียนหลีว่า “คุณหนู ไม่เหมือนกันหรอก ดอกไม้ที่บานออกมาของเสี่ยวเป่ามีกลิ่นหมาล่า!”
เยี่ยเชียนหลี “?”
“อีกอย่างดอกไม้ของเขาก็ไม่ได้มีแค่ธาตุไม้” ดอกไม้ไท่อี่กล่าว
ครั้นเยี่ยเชียนหลีกำลังจะถามว่ามีตรงไหนไม่เหมือนกันอีก…
แต่อวิ๋นจื่อซีกลับจับเสี่ยวลี่ว์ที่อยู่ในแดนมหัศจรรย์ของนางออกมา ฝ่ายหลังรู้สึกไม่ได้การ ร้องโวยวายทันที “อวิ๋นถลกหนัง! เจ้าจะทำอะไรอีกน่ะ”
คิดถึงครานั้นกว่ามันจะมีผลคืนชีพกลุ่มแรกได้ แต่กลับถูกเจ้านายอำมหิตเด็ดไปใช้หมด! ไม่เหลือแม้แต่ลูกเดียว! บัดนี้…
กว่ามันจะมีผลคืนชีพกลุ่มที่สองได้ (ครั้งนี้มีแค่สิบลูกด้วย!) และยังบ่มเพาะให้มันสุกอีกครั้งโดยใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของพื้นที่เขาพระสุเมรุ! ทว่า… มันยังไม่ทันฟูมฟักเลยก็ถูกจับออกมาแล้ว
แม้เสี่ยวลี่ว์ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แต่มันรู้ดีว่าที่อวิ๋นถลกหนังเจ้านายคนนี้จับมันออกมาต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
สุดท้ายก็เป็นตามคาด… ไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ!
อวิ๋นจื่อซีรูดผลไม้คืนชีพทั้งหมดบนตัวของเสี่ยวลี่ว์!
“เฮ้ย!”
เสี่ยวลี่ว์ถูกการกระทำที่หยาบกระด้างนี้ทำร้ายจนเลือดไหลไปทั้งตัว! ทว่ามันยังไม่ทันร้องคัดค้าน อวิ๋นจื่อซีก็ป้อนผลไม้คืนชีพให้เจ้าเหมียวสีขาวแล้ว
“!”
หลังจากเสี่ยวลี่ว์ชะงักไปหนึ่งวินาทีก็แหกปากร้องไห้ “โฮ…” ผลไม้คืนชีพของมัน! ทุกอย่างของมัน! โหดร้ายเกินไปแล้ว! เจ้านายคนนี้อำมหิตจริงๆ! โฮ…
มันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!
“โฮ…”
เสี่ยวลี่ว์ที่เกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นร้องไห้โวยวายอย่างหนัก ทำเอาเยี่ยนเสี่ยวเป่างงงัน เขาไม่เคยเห็นต้นไม้ที่ร่าเริงเช่นนี้มาก่อน
อวิ๋นจื่อซีกลับไม่ได้สนใจเสี่ยวลี่ว์ ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสี่ยวลี่ว์โวยวายเช่นนี้แล้ว แต่ครั้งนี้แม้นางจะรู้ว่าเสี่ยวลี่ว์จะปวดใจ นางก็จำใจต้องกลืนน้ำลายตนเอง
“โฮ…”
“เจ้าเคยรับปากข้าว่าผลไม้คืนชีพครั้งนี้จะไม่เด็ดของข้าอีก!”
“โฮ…”
“คนไม่รักษาสัจจะ! ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้า!”
…
เสี่ยวลี่ว์ที่ร้องไม่หยุด เมื่อร้องไปพักใหญ่ก็พบว่ามีกิ่งก้านสีเขียวสองสามกิ่งพันตนเองไว้
“เอ๋?”
เสี่ยวลี่ว์หยุดร้องอย่างกะทันหัน มันลุกขึ้นมาพบว่ามีกิ่งก้านและใบไม้พันรอบตัวมันไว้จริงๆ เหมือนกับว่ายังมีความสัมพันธ์ที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกันด้วย
เห็นได้ชัดว่ากิ่งก้านและใบไม้เหล่านั้นมาจากร่างกายของเด็กน้อย เขากำลังปลอบโยนเสี่ยวลี่ว์ เห็นมันหยุดร้องแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ ร้องนะ ช่วย ไป๋ไป๋ ขอบ คุณขอรับ…”
เสี่ยวลี่ว์ “?”
มันถูกทารกน้อยคนหนึ่งปลอบโยน? และมันยังถูกปลอบประโลมได้จริงๆ ด้วย
บัดนี้เสี่ยวลี่ว์ที่รู้สึกว่าหัวใจถูกปลอบประโลมด้วยกิ่งไม้และใบไม้อ่อนโยน มันก็ถามว่า “นี่คืออะไร”
“ดอกไม้ไง…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบ
เสี่ยวลี่ว์ “?”
นี่ไม่ใช่ใบไม้หรือ!? ดอกไม้บ้านใครหน้าตาเช่นนี้กัน?! แม้จะเป็นของตระกูลหรงก็มีหน้าตาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ!?
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็แสดงความจริงให้ดูด้วยการกระทำ เขาไม่ได้พูดซี้ซั้ว
ถึงอย่างไรกิ่งก้านและใบไม้เหล่านั้นที่พันเสี่ยวลี่ว์ไว้ก็มีดอกไม้สีม่วงงอกออกมา ฟริ้ง
เยี่ยเชียนหลีเข้าใจทันทีว่าไม่เหมือนกันจริงๆ ด้วย! ดอกไม้ของนางแม้จะมีเถาวัลย์เช่นกัน แต่ก็ไม่มีใบไม้
“เอ๋?”
เห็นได้ชัดว่าดอกไม้ดอกน้อยไท่อี่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่า ‘ฝ่ายตรงข้าม’ นอกจากจะเผ็ดและชาแล้ว ยังเติบโตได้เหมือนกับต้นไม้ รู้สึกมหัศจรรย์มาก
ทว่าไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ดอกน้อยไท่อี่หรือเยี่ยเชียนหลี ความสนใจของพวกนางในบัดนี้อยู่ที่เจ้าเหมียวสีขาวมากกว่า อาการของฝ่ายหลัง…
“ไม่ดีขึ้น” หรงหวงส่ายศีรษะถอนหายใจเบาๆ “พลังชีวิตเข้าไปแล้ว พลังของผลไม้คืนชีพล้วนไม่สามารถทำให้สภาพใกล้ตายของเสี่ยวไป๋ดีขึ้น”
“เป็นไปได้อย่างไร?!” อวิ๋นจื่อซีจะทนไม่ไหวแล้ว!
ทว่า… หรงมั่วในครานี้กลับกรีดปลายนิ้วมือข้างหนึ่งของตนเอง นำนิ้วชี้ที่มีเลือดซึมออกมาเข้าไปในปากของเจ้าเหมียวสีขาว
อวิ๋นจื่อซี “มั่วมั่ว?”
“ข้าลองดู” เสียงเยือกเย็นของหรงมั่วตึงเครียดอย่างยิ่ง ราวกับธนูที่ถูกง้างเต็มที่
หรงอี้เห็นดังนั้นก็กรีดปลายนิ้วมือของตนเองส่งเลือดให้เจ้าเหมียวสีขาวจากระยะไกล
จากนั้นจึงมีเลือดที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงอร่ามเข้าไปในปากของเจ้าเหมียวสีขาวไม่หยุด ถูกเจ้าเหมียวสีขาวดูดเข้าไปพร้อมกับเลือดของหรงมั่ว
“ยังมี เป่า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ชอบเลียนแบบ เขาก็ยัดมืออวบอ้วนของตนเองเข้าไปในปากของเสี่ยวไป๋ แต่ถูกอวิ๋นจื่อซีห้ามไว้ “เสี่ยวเป่าใจเย็นๆ”
“มีประโยชน์” หรงหวงกลับขมวดคิ้วพูด “ปล่อยเขาทำต่อไป”
“จริงหรือ” อวิ๋นจื่อซีไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผลดี เพราะว่าสายเลือดตระกูลหรงเหมือนกับเจ้าเหมียวสีขาว เป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ทั้งนั้น
จนถึงบัดนี้หรงหวงยังไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวสีขาวมาได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าเจ้าเหมียวสีขาวจะตาย เขาต้องช่วยอย่างไร และจะช่วยได้หรือไม่
และเป็นเพราะเช่นนี้เอง หรงหวงจึงไม่ได้ห้ามการช่วยเหลือของลูกสะใภ้และเหลนชายน้อย แต่เขาพบว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นศูนย์ จิตวิญญาณพิเศษบางอย่างในตัวเจ้าเหมียวสีขาวลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่ตอนนี้… การลดลงเช่นนี้หยุดลงแล้ว
เพียงเพราะลูกชายและหลานชายของเขากำลังส่งเลือดให้เจ้าเหมียวตัวนี้
เพียงแต่ว่า… ไม่ว่าพวกเขาจะส่งเลือดให้เท่าไร จิตวิญญาณพิเศษในตัวของเจ้าเหมียวตัวนี้ที่สลายหายไปยังคงไม่สามารถรวบรวมกลับมาได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดยังไม่พอหรือเพราะสาเหตุอื่น
หรงหวงไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงให้ลูกชายและหลานชายทำต่อไป จนเมื่อสีหน้าของทั้งสองเริ่มซีด เขาจึงสั่งให้หยุด “เรียกเจ้าสามและเจ้าสี่มา”
“ขอรับ!” หรงหลินและหรงซีที่ถูกเรียกลงมือทันที
เพียงแต่ว่า… จนเมื่อสีหน้าของทั้งสองซีดลงแล้วเช่นกัน เจ้าเหมียวสีขาวยังคงไม่ฟื้น ซึ่งหมายความว่า… จิตวิญญาณพิเศษที่สลายหายไปก่อนหน้านี้ยังคงไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้
หรงหวงขมวดคิ้ว “หยุด”
หรงหลินและหรงซีหยุดลงอย่างเชื่อฟัง
หรงหวงเองก็ไม่มีคำสั่งอื่น แต่เขาขมวดคิ้วตลอดเวลา
อวิ๋นจื่อซีรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดจึงไม่ให้ผู้ใดรบกวนเขา
เพียงไม่นาน… หรงหวงก็พบว่าจิตวิญญาณพิเศษในตัวของเจ้าเหมียวสีขาวมีสัญญาณว่าจะสลายอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ย่ำแย่มาก! เพราะว่านี่หมายความว่านอกจากเจ้าเหมียวสีขาวจะไม่สามารถฟื้นตัวได้แล้ว อีกทั้งทันทีที่หยุดให้เลือด มันยังคงสูญสลายต่อไปได้
นี่คือปัญหาที่แย่ที่สุด ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นหรงมั่วหรือหรงอี้ หรือหรงหลินหรงซีล้วนไม่สามารถให้เลือดเจ้าเหมียวสีขาวตลอดไปได้
เช่นนี้แล้ว… หรงหวงกรีดปลายนิ้วของตนเอง เห็นได้ชัดว่าจะส่งเลือดให้เจ้าเหมียวสีขาวด้วยตนเอง
ทว่า… กลิ่นเลือดของเขาเพิ่งแผ่ซ่านออกมา เจ้าเหมียวสีขาวก็ตัวสั่นระริกทีหนึ่ง!
ทำให้หรงหวงหยุดเลือดทันที แม้เขาไม่รู้ว่าจะต้องช่วยเจ้าเหมียวตัวนี้อย่างไร แต่เขารู้ดีมากว่าสัญชาติญาณของเจ้าเหมียวตัวนี้เฉียบแหลมมาก ในเมื่อมันสั่นระริก นั่นก็หมายความว่าเลือดของเขาไม่เหมาะสม
“เป่า! เป่าเอง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เสนอตัวลงมืออีกครั้ง ทว่าเขาไม่ได้กรีดมือของตนเอง แต่กลับยัดนิ้วอวบๆ ของตนเองเข้าไปในปากของเจ้าเหมียวสีขาว
สุดท้ายย่อมกลายเป็นว่า… เจ้าเหมียวสีขาวกัดเขาไม่ได้อยู่ดี!
“ไป๋ กัด!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเร่ง
เจ้าเหมียวสีขาวกลับนิ่ง เหมือนกับยังคงหลับลึก
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน เขาชักมือตนเองกลับมา เอาเข้าปากและกัดลงไป! การกระทำเช่นนี้ทำเอาสายตาของบุรุษตระกูลหรงสี่ห้าคนเผยความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กัดจนรู้สึกเจ็บทำหน้ามุ่ย เขาไม่รู้ว่าจะเจ็บเช่นนี้ ทว่าท่าทาง ‘เจ็บมาก’ ของเขาทำให้อวิ๋นจื่อซีทำใจไม่ได้เลย
แต่หรงหวงรั้งภรรยาที่กำลังจะเข้าไปห้ามเหลนชายน้อยไว้ พูดเสียงเบาว่า “ให้เขาลองดูเถอะ” ร่างกายอมตะของเขาอาจจะเป็นจุดเปลี่ยน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ในที่สุดก็กัดนิ้วตนเองเสร็จ เขาก็รีบยัดนิ้วเข้าไปในปากของเจ้าเหมียวสีขาวอีกครั้ง น่าเสียดายที่นิ้วของเขายังไม่ทันยัดเข้าไป บาดแผลที่ตนเองกัดเองนั้นก็ผสานเสียแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “?”
ต้อง… ต้องกัดใหม่หรือ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่งุนงงมองไปที่ท่านพ่อเขาด้วยสัญชาติญาณ
หรงอี้อดพูดไม่ได้ว่า “พ่อช่วยเจ้าเอง เจ้าใส่มือเข้าไปก็พอ”
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย
หรงอี้จึงกรีดปลายนิ้วของเด็กน้อยด้วยพลังวิเศษและควบคุมไม่ให้บาดแผลสมาน มิเช่นนั้นด้วยความสามารถในการรักษาตนเองของเด็กน้อยจะทำให้แผลหายเป็นปกติ
ดังนั้นเลือดของเยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงถูกส่งเข้าไปในท้องของเจ้าเหมียวสีขาวสำเร็จเพราะการช่วยเหลือของท่านพ่อเขา
แรกเริ่มเหมือนกับว่าจะไม่มีผลอะไร ยังคงทำได้เพียงแค่หยุดยั้งไว้ แต่จู่ๆ หรงหวงในครานี้ก็กรีดปลายนิ้วของตนเอง ส่งเลือดของตนเข้าไปในปากของเจ้าเหมียวสีขาวด้วยพลังวิเศษและผสานกับเลือดของเด็กน้อยก่อนจะเข้าไปในท้องของเจ้าเหมียวสีขาว
จากนั้น… บังเกิดผลแล้ว!
หรงหวงพบว่าบนตัวของเจ้าเหมียวสีขาวมีจิตวิญญาณพิเศษที่ดูเหมือนว่ามีสัญญาณของการกลับมา
เจ้าเหมียวสีขาวตัวน้อยในครานี้ มันยังลืมตาขึ้นเล็กน้อย นั่นคือดวงตาสีเขียวเทาหม่นหมอง ไม่สุกใสมีชีวิตชีวาดังเดิม
อวิ๋นจื่อซีพะวง “เสี่ยวไป๋!”
“เสี่ยวไป๋!” หรงมั่วเรียก
เจ้าเหมียวสีขาวที่กระพริบตาสองสามทีอยากจะขยับตัว อวิ๋นจื่อซีกลับห้ามมันไว้ “เจ้าอยู่นิ่งๆ ก่อน หายแล้วค่อยว่ากัน”
เจ้าเหมียวสีขาวจึงนิ่งไม่ขยับตัว มันมองหวิ๋นจื่อซีแล้วจึงมองไปที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าและหรงหวงที่กำลังป้อนเลือดให้มัน จู่ๆ ดวงตาหม่นหมองก็มีน้ำตา
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงพูดขึ้นว่า “ไป๋ ไม่ร้อง หายดีแน่!”
เจ้าเหมียวสีขาวหลับตาลง แต่อวิ๋นจื่อซีดูออกว่ามันร้องไห้ น้ำตาทำให้ขนตาของมันเปียก
ในขณะเดียวกัน… กล่องวิเศษของเยี่ยเชียนหลีดังขึ้นในอนุสติของนางอีกครั้ง “เจ้าเหมียวที่สมควรถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ นับพันครั้งตัวนี้มีวันที่หายใจรวยรินเช่นนี้ด้วย” ทว่าประชดก็ส่วนของประชด ในใจของกล่องวิเศษอันที่จริงรู้สึกโล่งใจมาก! มันคิดว่าเจ้าเหมียวตัวนี้คงไม่มีวันตายแล้ว
ก็ใช่ ราชาแห่งเขาพระสุเมรุและทายาทรุ่นหลังให้เลือดมันตั้งมากมายพร้อมกัน หากยังตายอีก คงไม่มีทางช่วยแล้วจริงๆ
ทว่า…
หรงหวงจำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “ยังคงไม่พอ”
“อะไรไม่พอ” อวิ๋นจื่อซีถามทันที
สองพ่อลูกหรงมั่วมองไปที่หรงหวงทันที อยากรู้ว่ายังขาดอะไร พวกเขาจะได้ไปจัดหามาให้! ไม่ว่าต้องการสิ่งใด พวกเขาจะต้องหามาให้ได้แน่นอน!
หรงหวงกลับทอดสายตาออกไปไม่ได้พูดอะไร มองหลานสะใภ้ที่ยังอยู่ในสถานะจำศีล
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ นางยังคงอยู่ในขั้นตอนสำรวจและทำความเข้าใจ ค่อยๆ ทำให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าและแดนจิ่วเหลียนสมบูรณ์
ถึงอย่างไรก็ใกล้เคียงกับการสร้างอาณาจักรทั้งปวงและเขาพระสุเมรุใหม่อีกครั้ง กระบวนการทั้งหมดย่อมไม่สามารถเร่งเร้าได้ และยังมีหลายอย่างที่ต้องขัดเกลาและทำให้สมบูรณ์ในอนาคต
“ท่านปู่หวง เป็นอะไรไปหรือ” หรงอี้ที่สังเกตเห็นว่าปู่หวงของตนกำลังมองภรรยาของตนเอง เขาก็ถามด้วยสัญชาติญาณ “ต้องการให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ช่วยหรือขอรับ”
“ข้าไม่แน่ใจ” อันที่จริงหรงหวงยังคงไม่รู้ว่าต้องช่วยเจ้าเหมียวอย่างไร แต่หลังจากที่เขาครุ่นคิดแล้ว แม้การกำเนิดของเจ้าเหมียวตัวนี้จะแปลกพิสดาร แต่บัดนี้ในเมื่อเลือดของเขาและเหลนชายมีประโยชน์กับมัน เช่นนั้น…
“เสี่ยวเป่า อุ้มเสี่ยวไป๋ไว้” หรงหวงพูดเสร็จก็อุ้มเหลนชายไว้ในอ้อมแขน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบ “ขอรับ” เบาๆ พร้อมกับรับเจ้าเหมียวสีขาวจากมือของปู่ทวดหวงของเขาอย่างรวดเร็ว
จากนั้น…
หรงหวงก้าวไปข้างหน้า เดินไปหาหลานสะใภ้
เดิมทีทุกคนจะตามไปด้วย แต่หรงหวงห้ามไว้ “พวกเจ้าอย่าตามมา” หลานสะใภ้ยังไม่ออกจากการจำศีล บัดนี้เขาพาเหลนชายมาซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อการการจำศีลของนาง คนอื่นๆ จึงยิ่งไม่ควรตามมา
อวิ๋นจื่อซีและคนอื่นๆ หยุดฝีเท้าลง มองหวงหรงอุ้มเด็กน้อยเดินไปหาเยี่ยนอวี๋
“อี้เอ๋อร์มานี่” จู่ๆ หรงหวงกลับเรียกหรงอี้หลานชายคนนี้มา เพราะว่าเขารู้สึกแปลกๆ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นปู่ทวดแล้ว เข้าใกล้หลานสะใภ้เช่นนี้คงไม่ดี
เดิมทีหรงอี้อยากจะตามไปอยู่แล้ว ครานี้จึงเดินตามไปทันที อันที่จริงในใจก็ไม่ค่อยพอใจที่ปู่หวงของเขาอุ้มเด็กน้อยไปข้างกายภรรยา หากภรรยาลืมตาตื่นขึ้นมา เข้าใจผิดว่าปู่หวงเป็นเขาจะทำอย่างไร ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้นี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน แต่หรงอี้ยังคงหวังว่าเมื่อภรรยาลืมตาขึ้น ผู้ชายที่นางเห็นคนแรกจะเป็นเขาผู้เป็นสามีคนนี้ ไม่ใช่ปู่หวง
ทันทีที่เข้าใกล้ภรรยา หรงอี้ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายรอบตัวของภรรยาคล้ายกับปู่หวงของเขา เห็นได้ว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของปู่หวง ภรรยาศึกษาได้ค่อนข้างแตกฉานแล้ว
“แม่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เรียกท่านแม่เบาๆ อันที่จริงเขาอยากจะโถมใส่ท่านแม่เขามาก แต่เนื่องจากมีงานสำคัญต้องทำ เขาจึงหักห้ามสัญชาติญาณนี้ไว้
ในขณะเดียวกัน…
หรงหวงสัมผัสถึงพลังบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของหลานสะใภ้ มันกำลังถูกเจ้าเหมียวสีขาวดูดซับ!?
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง…
หรงหวงมั่นใจว่า การดูดซับเบาๆ นี้มีอยู่จริงๆ
จากนั้นหรงหวงยังพบว่าในแดนจิ่วเหลียนและสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีพลังมหัศจรรย์กลุ่มหนึ่งกำลังถูกเจ้าเหมียวสีขาวกลืนกิน แม้การกลืนกินนี้จะอ่อนแอมาก แต่ว่า… จิตวิญญาณพิเศษที่สูญเสียไปเหล่านั้นของมันกำลังกลับมาอย่างรวดเร็ว
ชั่วจังหวะหนึ่ง หรงหวงเดาว่าเจ้าเหมียวสีขาวอาจจะเป็นสหายของสิ่งมีชีวิตที่ทำให้การกำเนิดจักรวาลมั่นคง แต่การคาดเดาเช่นนี้ก็ถูกเขาพับเก็บอย่างรวดเร็ว เพราะว่าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เลือดของเขาเพียงพอที่จะฟื้นฟูเจ้าเหมียวสีขาวได้ ฝ่ายหลังเองก็คงไม่กลัวเขาเช่นนี้จึงจะถูก
ดังนั้น หรงหวงยังคงไม่รู้ภูมิหลังของเจ้าเหมียวสีขาว ที่โชคดีคือไม่ว่าเขารู้หรือไม่ สำหรับยามนี้แล้ว ชีวิตของเจ้าเหมียวตัวนี้ถูกช่วยไว้แล้ว
ผ่านไปไม่นาน เจ้าเหมียวสีขาวก็หยุดดูดซับเลือดของทั้งสองลง
“ไป๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รับรู้ได้รู้สึกเป็นห่วง
หรงหวงกลับชักมือกลับมา “มันไม่ต้องการแล้ว”
“ขอรับ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงชักมือกลับมา
หรงอี้รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือให้เด็กน้อย กลัวว่าเจ้าตัวน้อยจะยัดมือที่เพิ่งใช้ป้อนเจ้าเหมียวเข้าไปในปากตนเอง…
การกระทำของเขาทำให้หรงหวงจ้องมองอย่างมีความนัย
หรงอี้ที่เช็ดมือให้เด็กน้อยเงียบๆ รู้ว่าท่านปู่หวงของเขาคงกำลังรังเกียจเขาที่ไม่ได้สั่งสอนเด็กน้อยให้ดี ปล่อยให้เด็กน้อยมีนิสัยไม่รักสะอาดเช่นนี้
หรงอี้รู้สึกคับข้องใจเล็กน้อย แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้ จะหาว่าเด็กน้อยไม่รักสะอาดตั้งแต่กำเนิด สอนอย่างไรก็ไม่ฟังไม่ได้หรอก
เฮ้อ ค่อยๆ สอนไปแล้วกัน
หรงหวงที่เหมือนกับดูออกว่าหรงอี้คิดอะไรในใจเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ และพูดขึ้นว่า “ความอดทนของเจ้าดีขึ้นมากเลย” คิดถึงครานั้น หลานชายคนนี้ของเขาหยาบกระด้างเพียงใด เขารู้ดียิ่งกว่าใคร คิดไม่ถึงเลยว่า… หลานชายที่ผ่านด่านเคราะห์กลับมาจะปรับปรุงนิสัยอารมณ์ร้ายของตนเองได้จนแทบไม่เหลือให้เห็น กลายเป็นพ่อที่มีความอดทน กระทั่งมีมากกว่าเขาเสียอีก
“แน่นอน” หรงอี้ไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย เขาตอบพลางยิ้มเบาๆ รู้ว่าความอดทนอของเขาเกิดจากภรรยาเขา เฝ้ารอนางมานานหลายปีเช่นนี้ หากเขาไม่มีความอดทนพอ จะอยู่กับนางสำเร็จได้อย่างไร ถึงอย่างไรยิ่งร้อนใจมีแต่จะยิ่งผ่านด่านเคราะห์ให้สำเร็จได้ยาก
หรงหวงที่ไม่ได้พูดอะไรอีกยกมือขึ้นจับไหล่ของหลานชาย และส่งเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกคืนให้หลาน ส่วนเขาก็ใช้มือดีดแขนเสื้อเบาๆ อย่างสง่าก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปหาภรรยา
หรงอี้รู้ว่าเขาต้องการให้เขาและลูกพาเจ้าเหมียวสีขาวเฝ้าอยู่เคียงข้างภรรยาต่อไป คงเป็นเพราะเจ้าเหมียวสีขาวยังต้องการกลิ่นอายของภรรยาหล่อเลี้ยง
สองสามวันหลังจากนั้น สองพ่อลูกอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋ตลอดเวลา ระหว่างนั้นหรงหวงเป็นคนทำอาหารให้เด็กน้อย ส่งอาหารให้อี้เอ๋อร์ป้อนลูก
พวกเขาใช้ชีวิตเช่นนี้เกือบเดือน! เจ้าตัวน้อยแทบจะ ‘อุ้ม’ เจ้าเหมียวสีขาวไม่ไหวแล้ว เพราะเขาเป็นคนอยู่ไม่นิ่ง มักจะชอบวิ่งไปวิ่งมารอบๆ ท่านแม่เขาหรือบางครั้งเวลาที่นอนหลับ เกือบจะทำเจ้าเหมียวสีขาวในมือ ‘ตก’
ทว่าหรงหวงพูดแล้วว่าเจ้าเหมียวสีขาวต้องให้เด็กน้อยประคองไว้ในฝ่ามือจึงจะหายได้…
“หวงหวง จะว่าไปแล้ว คนอื่นช่วยไม่ได้เลยหรือ” อวิ๋นจื่อซีสงสารเหลนชายที่เมื่อยมือ อยากจะทำแทนมาก น่าเสียดายที่คำตอบยังคงเป็นเช่นเดิม
ทว่า…
“อ้ะเนะ!”
จู่ๆ เด็กน้อยก็อุทานขึ้น เพราะว่าเขาเห็นเจ้าเหมียวสีขาวในมือของตนเองลืมตาขึ้นอีกครั้ง! ทำเอาเขาดีใจปนประหลาดใจมาก
ส่วนเจ้าเหมียวสีขาว ขณะที่มันลืมตาขึ้น มันก็เลียฝ่ามือของเด็กน้อยเบาๆ ทำเอาเด็กน้อยรู้สึกจั๊กจี้!
จากนั้น… เขาก็ทำเจ้าเหมียวสีขาวร่วง
ตุบ!
