ตอนที่ 478 ธิดาเทียนตี้ก็ต้องตาย!
“!!!”
ไม่ว่าจะเป็นตี้เซินหรือเหล่าเทพพิทักษ์ที่ปกป้องนางล้วนไม่คิดว่าจะจบเช่นนี้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยืนอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางค่ายกลสุริยันจันทรา เมื่อศัตรูสัมผัสโดนแม้แต่น้อยเดียว ค่ายกลก็จะระเบิดได้ มันจะระเบิดทำลายทั้งบริเวณเว้นแต่หัวใจค่ายกล ดังนั้นพลังการจู่โจมใดๆ จึงไม่สามารถเข้าถึงศูนย์กลางค่ายกลได้จึงจะถูกต้อง
แต่แล้ว… ตี้เซินนอนบนพื้นเลือดไหลอาบปาก
เยี่ยนอวี๋หลุบตามองนางราวกับมองปลวกแมลง กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าคืออะไรรึ”
“สุนัข!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบเสียงเล็กเสียงน้อย
“เด็กดี” ต้าซือมิ่งให้ของทานเล่นเป็นรางวัลเพื่อแสดงความชมเชย
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มตาหยีชมว่า “พ่อดี!”
เยี่ยนอวี๋ “…”
สองพ่อลูกนี่คงไม่ได้มาเพื่อโค่นล้มนางหรอกนะ
ส่วนตี้เซินที่ถูกฟาด นางยังคงมึนงง เพราะฝ่ามือนี้ของเยี่ยนอวี๋รุนแรงจริงๆ! ด้วยร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่สื่อของตี้เซิน ยังสามารถฟาดจนฟันแหลกละเอียดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่บวมปูด คิดว่าเลือดคงคั่งในสมองแล้ว
“องค์หญิงเจ็ด!”
“องค์หญิง!…”
เหล่าเทพพิทักษ์และผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพสุริยันจันทราที่เพิ่งตั้งสติได้รีบประคองตี้เซินขึ้นมาและรักษานาง ที่เหงื่อบนศีรษะไหลลงมาไม่หยุดอย่างวิตกกังวล!
องค์หญิงเจ็ดเป็นถึงบุตรอันเป็นที่รักของเทียนโฮ่ว หากเมื่อครู่นี้คนสารเลวนั่นลงมือสังหาร เช่นนั้นพวกเขาก็อย่าคิดมีชีวิตอยู่อีกเลย แม้พวกเขาจะไม่ตายที่นี่ แต่ก็จะตายในมือของเทียนโฮ่วอยู่ดี ทว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งเพิ่งจะประคองตี้เซินขึ้นมากลับถูกนางผลักออก นางที่ยืนยังยืนไม่นิ่งกลับยังกล้ามองเยี่ยนอวี๋เขม็ง “ดูท่าเจ้าไม่สนใจเชลยเหล่านั้นจริงๆ ด้วย ปฐมราชินีหยวนชูรึ ฮึ ก็ไม่เท่าไรนี่”
เมื่อพูดจบ ตี้เซินก็คำรามว่า “ท่านพี่! ท่านยังยืนบื้อทำไมอยู่อีก! ฆ่าทิ้งให้หมด!”
น่าเสียดาย…
“เจ้าหมายถึงนางหรือ” ซีหวังหมู่ที่คาบฉางซีบินมาปรากฏตัว หางของมันยังสะบัดเชลยเผ่าเทพสุริยันจันทรามาเป็นพวง แม้แต่เทพอัสนีก็ถูกพาเสียคนไปด้วย หางของมันเองก็ผูกเชลยเผ่าเทพสุริยันจันทรามาเป็นพวงเช่นกัน
ถึงอย่างไรซีหวังหมู่ก็พูดแล้วว่ามาตรฐานของอสูรร้ายในยุคนี้ล้วนต้องแขวนเชลยเช่นนี้ เทพอัสนีจำเป็นต้องตามกระแสให้ทัน แม้มันจะรู้สึกอัปยศอดสูก็ตาม…
“ว้าววว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าชอบเป็นบ้า “สวย! สวย! เป่าชอบ!” อยากไป แต่ท่านพ่อกอดเขาไว้แน่น ย่อมไม่ปล่อยให้เด็กน้อยออกไปวิ่งเล่น
ซีหวังหมู่ส่งสายตาให้เทพอัสนีเป็นสัญญาณว่า ‘เห็นหรือไม่ เป็นเช่นนี้จริงๆ!’
เทพอัสนี “…”
ก็ได้ นายน้อยชอบก็ดี
ซีหวังหมู่ที่อวดดีเสร็จแล้ว นางก็รายงานกับเยี่ยนอวี๋ว่า “นายท่าน ข้าน้อยสำรวจดูแล้ว ที่นี่ไม่มีพวกวิหคทมิฬน้อยเลย ตี้เซินคนนี้แค่ต้องการจับเสือมือเปล่า!”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า
“ท่านพี่?” ตี้เซินกลับมองฉางซีและเผ่าเทพสุริยันจันทราหนึ่งหมื่นนายที่ถูกจับ ไม่รู้เลยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!?
แม้ตี้เซินคิดว่านางจินตนาการปฐมราชินีหยวนชูที่ว่านี้ยิ่งใหญ่มากแล้ว แต่สุดท้ายยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่าลูกไม้ที่นางเล่นต่อหน้าปฐมราชินีนั้นก็เป็นเพียงลูกไม้ตื้นๆ เท่านั้น
“องค์หญิง…” ฉางซีเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ร่างกายของนางสั่นระริก นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ นางเพียงแค่รับปากองค์หญิงเจ็ดว่าจะมาจับคนเลว แต่กลับจับบรรพบุรุษซีหวังหมู่ออกมาแทน!
บรรพบุรุษดุร้ายท่านนี้เป็นถึงสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่เผ่าเทพสุริยันจันทราไม่กล้าหาเรื่องในยุคสมัยไท่กู่ นางเป็นเพียงเทพชั้นผู้น้อยในเผ่าสุริยันจันทราแล้วจะรับมือไหวได้อย่างไร
ทว่าตี้เซินมีความชอบธรรมดี เมื่อนางมั่นใจแล้วว่านางพ่ายแพ้อย่างราบคาบโดยที่ไม่ต้องต่อสู้ก็พูดกับเยี่ยนอวี๋ว่า “เจ้าปล่อยพวกเขา พวกเขาแค่ปฏิบัติตามคำสั่งข้า ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง เก่งจริงก็ฆ่าข้าเสียสิ! ข้าไม่กลัว!”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น…
เพียะ!
เยี่ยนอวี๋ที่ฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง นางตบหน้าตี้เซินอีกฉาดหนึ่ง ทำเอาใบหน้าข้างหนึ่งของนางแตก นางกระอักเลือดล้มกองกับพื้นอีกครั้ง
“องค์หญิง!” ฉางซีกรีดร้องอย่างหวาดผวา “พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว! แม้พวกเจ้าคือเหล่าขุนเขาและท้องทะเล แต่องค์หญิงเจ็ดก็เป็นถึงบุตรอันเป็นที่รักของเทียนตี้ นางเป็นเทพเผ่าสวรรค์รุ่นหลังเพียงหนึ่งเดียวที่สืบทอดร่างศักดิ์สิทธิ์ของเทียนตี้ พวกเจ้ากระทำเช่นนี้ต่อนางได้อย่างไร!”
“ครานั้นข้ายังเคยอัดเทียนตี้เช่นนี้เลย ไม่ให้อัดนางเพียงเพราะเป็นบุตรสาวเขาหรือ มิหนำซ้ำคนที่จัดการนังหนูคนนี้คือนายท่านของพวกเรา! ในจักรวาลแห่งนี้ มีสิ่งมีชีวิตใดไม่อาจถูกนายท่านของเราจัดการรึ!” ซีหวังหมู่โต้กลับไปอย่างเย็นชา
ฉางซีพูดไม่ออกในทันที! เพราะว่าตี้เซินไม่ได้บอกนางว่า ‘จอมโจร’ ที่พูดถึงมีสถานะสูงส่งเช่นนี้!
ปฐมราชินีหยวนชูหรือ… ฉางซีหน้าซีดเผือด!
หากเป็นก่อนหน้าที่จะถูกซีหวังหมู่จับ ฉางซีต้องคิดว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินเป็นเรื่องหยิ่งยโสที่น่าขบขันที่สุด แต่นางได้เจอกับตนเองแล้ว หลังจากที่ทั้งกองทัพถูกซีหวังหมู่และเทพอัสนีจับอย่างไร้สุ้มเสียง นางก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก! แต่เป็นเรื่องจริง
ดังนั้น…
“ปฐมราชินี!?”
ฉางซีมองไปที่สตรีงดงามไร้ที่ติที่ยืนมือไพล่หลังอยู่บนท้องฟ้าที่เพิ่งตบหน้าตี้เซินไป ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าองค์เทพบรรพกาลผู้สูงส่งที่ประดิษฐานไว้ในศาลของเผ่าเทพสุริยันจันทรามีหน้าตาเหมือนกับสตรีนางนี้…
ทว่าเมื่อครู่นี้นางมองไม่ออกเลย นางเอาแต่งงงันไม่ได้สังเกต ราวกับถูกบังตา จนเมื่อนางรู้สึกตัวจึงกระจ่างว่านางคือคนผู้นั้น…
ฉางซีตะลึงงันราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ผ่านไปนานก็ยังเรียกสติคืนมาไม่ได้
ส่วนตี้เซิน นางสามารถยืนยันตัวตนของเยี่ยนอวี๋ผ่านปฏิกิริยาของฉางซี รู้ว่าสตรีที่ตบหน้านางถึงสองครั้งคือปฐมราชินีหยวนชู!
เพียะ!
เยี่ยนอวี๋ฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง ครานี้ฟาดไปที่ศีรษะของตี้เซินจนเกิดเสียงดัง เปรี๊ยะ ราวกับกะโหลกศีรษะแหลก
ตี้เซินถูกตบกลิ้งลงบนพื้นอย่างแรงจนพื้นกลายเป็นหลุมใหญ่ เห็นได้ว่าเยี่ยนอวี๋ตบลงไปแรงมาก ตบอย่างไร้ปรานีกว่าเดิม
ครานี้เอง…
“โปรดไว้ชีวิตด้วย! นายท่าน!”
“ได้โปรดท่านหยุดตีเถอะ! นายท่าน!”
“องค์หญิงเจ็ดสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดท่านเมตตา อย่าเอาความกับเด็กเลย” เหล่าผู้พิทักษ์ต่างคุกเข่าขอร้อง รวมถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพสุริยันจันทราล้วนร้องขอชีวติอย่างไม่กล้าต่อต้านแล้ว
แต่แล้ว…
“ห้ามขอร้องนาง!” ตี้เซินที่ศีรษะยังวิงเวียนอยู่นั้นยืนกรานไม่ยอมรับผิด “ข้าไม่ผิด ข้าจะฆ่านังสารเลวนี่!”
“องค์หญิงเจ็ด!”
“บรรพบุรุษน้อยเอ๋ย!”
“โอ้ สวรรค์…” เหล่าผู้พิทักษ์น้ำตาจะไหลลงมา แม้พวกเขาจะยืดหยุ่น แต่ก็รับมือเจ้านายที่ปรารถนาความตายเช่นนี้ไม่ได้! พวกเขาควรทำอย่างไรดี
ในครานี้เอง ไม่ต้องพูดถึงเยี่ยนอวี๋ ซีหวังหมู่และเทพอัสนีก็อยากจะสังหารแล้ว มารดาใครกันปล่อยให้นังหนูคนนี้อาจหาญเช่นนี้ หาว่านายท่านของพวกเขาเป็นนังสารเลว!? นี่น่ะหรือ บุตรสาวเทียนตี้แล้วอย่างไร ถึงอย่างไรก็ต้องตาย!
ทว่าในบัดนี้ฉางซีที่ตั้งสติได้ก็ตำหนิขึ้นทันที “เซินเซิน! หยุดหยาบคายได้แล้ว เจ้าจะเอาชีวิตของเสด็จแม่เจ้ารึ! ครานั้นนางให้กำเนิดเจ้าเกือบจะคลอดยาก นางคลอดเจ้าออกมาอย่างยากลำบาก หลังจากนั้นท่านยังไปคุกเข่าวิงวอนต่อหน้าตี้จวินเพื่อปกป้องเจ้า ขอร้องให้ตี้จวินอย่าส่งเจ้าให้เหล่าขุนเขาและท้องทะเลเพื่อระบายอารมณ์ บัดนี้เจ้ากลับเหยียบย่ำตนเองเช่นนี้! ไม่รู้สึกผิดต่อท่านบ้างหรือ!”
แม้จะบอกว่าคือการดุด่า แต่เป็นการร้องขอชีวิตให้ตี้เซินเสียจะดีกว่า! ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องการให้เยี่ยนอวี๋รู้ว่า ที่ตี้เซินหยาบคายต่อนาง อันที่จริงมีสาเหตุ จะว่าไร้อุบายก็ไม่ใช่ ถือว่าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
อย่างน้อยบัดนี้สายตาของเยี่ยนอวี๋ก็ปรายมองซีหวังหมู่และเทพอัสนีแล้ว ทั้งสองกลับเชิดหน้าขึ้น ซีหวังหมู่กล่าวว่า “ซีเหอนังคนชั่วนั่นเป็นอะไรมากหรือ! พวกเราก็แค่พูดกับเทียนตี้ขณะโมโหร้อนใจ ย่อมเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ! ถึงแม้เทียนตี้เจ้าลูกเต่าจะยินดีส่งบุตรสาวมาให้ ข้าจะลงมือกับทารกน้อยเช่นนั้นจริงๆ รึไง ถุย! ข้าไม่ยอมเสียหน้าเช่นนี้หรอก!”
“ดังนั้นเจ้าเคยพูดหรือ” เยี่ยนอวี๋ถาม
“แน่นอน! นายท่านหากท่านคิดว่ามีปัญหา ท่านก็ลงมือจัดการข้าได้เลย! ถึงอย่างไรข้าน้อยก็ไม่เปลี่ยนใจ ซีเหอนังชั่วนั่นต่างหากที่มีปัญหา ยุยงปลุกปั่นระหว่างเราพี่น้อง!” ซีหวังหมู่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เทพอัสนีพูดเสริมว่า “ใช่แล้ว! พวกเราพี่น้องคุยกัน เกี่ยวอะไรกับซีเหอนังชั่วนั่น เป็นแค่นังดอกบัวขาว[1]แก่ ข้าก็เลยบอกว่าเทียนตี้ไม่ควรแต่งงานกับนังชั่วนั่น! แพศยานัก”
“หุบปาก!” ตี้เซินที่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากอีกครั้งกลับยังกล้าตวาดใส่ซีหวังหมู่ “เสด็จแม่ของข้าเป็นอย่างไรไม่ถึงตาสัตว์เดรัจฉานเช่นพวกเจ้ากล่าวหา จะฆ่าก็ฆ่า! หากตัวข้าตี้เซินขอร้องสักคำ! ข้าไม่ขอแซ่ตี้!”
เพียะ!
เยี่ยนอวี๋ซัดฝ่ามือใส่อย่างไม่ลังเล! ครานี้ตบใส่ก้นของตี้เซินจนเกิดเสียงกระดูกหักดัง กร๊อบ
ทว่ากระดูกหักนั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร…
ปัญหาคือเยี่ยนอวี๋ตบเข้าที่ก้นของนางอย่างจัง! เสียงนั่น ความสะใจนั่น ความดุดันนั่นทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าอดหดศีรษะไม่ได้ “เป่าเด็กดี”
ส่วนเยี่ยนอวี๋…
เพียะ!
นางใช้ขาเตะเข้าที่กระดูกขาของตี้เซิน! จากนั้น…
กร๊อบ
แกร๊บ
ขาทั้งสองข้างของตี้เซินร้าวทันที
[1] ดอกบัวขาว เป็นคำแสลงของจีน หมายถึง ผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ มีพฤติกรรมไม่ดี
