ตอนที่ 616 คุณชายเสี่ยวเป่าสุดแกร่ง ศาลเจ้ามังกรแปลกประหลาด
หมู่บ้านตระกูลเจี่ยงตั้งอยู่ที่เชิงเขา เป็นหมู่บ้านที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่สิ่งก่อสร้างกลับถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เป็นหมู่บ้านที่ถูกวางผังอย่างดีและผู้คนยังมีความสามัคคีเหนียวแน่น
คุณหนูเจี่ยงย่อมคือบุตรสาวของผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านตระกูลเจี่ยง และเป็นสตรีในฝันของชายทุกคนในหมู่บ้าน ถึงอย่างไรโลกในเจดีย์ขาวใบน้อยๆ นี้ ทุกคนถือว่าความอ้วนคือความงาม
เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกในครานี้ถูกชายฉกรรจ์เหล่านั้นนำตัวมาที่เรือนจำของหมู่บ้านตระกูลเจี่ยงแล้ว ตามที่คุณหนูใหญ่เจี่ยงพูด คืนนี้ก็จะนำตัวพวกเขาไปยังศาลบรรพชนเพื่อประหารชีวิต
“ชั่วร้ายจริงๆ” อินหลิวเฟิงหาพื้นที่ที่พอจะสะอาด ปูเสื่อและเรียกเยี่ยนอวี๋พวกเขามาให้นั่งลง “แม้ข้าจะแอบดูนางอาบน้ำจริงๆ ถุ้ย ไม่สิ ข้าไม่ทำหรอก ก็ไม่ถึงกับต้องมาติดคุกเช่นนี้มิใช่หรือ”
“เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเราแอบดูหรือไม่ จุดจบก็ถูกกำหนดไว้แล้ว” สีหน้าของกู้จื่อเฟิงย่ำแย่มาก อีกทั้งยังยืนห่างจากอินหลิวเฟิงมากเป็นพิเศษ
แน่นอนว่าอินหลิวเฟิงเข้าใจความจริงข้อนี้ดี แต่เขายังคงอยากถามเด็กน้อยว่า “จะว่าไปแล้ว ท่านเสี่ยวเป่า เหตุใดครานั้นท่านไม่ชี้กู้จื่อเฟิง ชี้ข้าทำไมเล่า ข้ายังเป็นคนรับใช้ของท่านหรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ห่อเหี่ยวไม่ได้สนใจอินหลิวเฟิง เขาซบเข้าไปที่อกของท่านพ่ออย่างอดสู
อินหลิวเฟิงยิ้ม “ท่านเสี่ยวเป่า พูดหน่อยเถอะนะ”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่คอยสัมผัสหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านไม่สบอารมณ์ทันที “ที่เสี่ยวเป่าชี้เจ้าใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เจ้าขยี้เขาต่อไปสิ ดูซิว่าคราวหน้าเสี่ยวเป่าจะชี้เจ้าอีกหรือไม่”
อินหลิวเฟิงที่ลูบจมูกเบาๆ รีบยอมรับผิด “ขอโทษ ท่านเสี่ยวเป่า ข้าน้อยไม่ดีเอง แต่ข้าและท่านเป็นตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน คราวหน้าท่านจะชี้ข้าเช่นนี้ไม่ได้แล้วนะ”
“หากไม่ชี้เจ้า ไม่มีคำพูดไร้สาระเหล่านั้นของเจ้า บางทีคุณหนูเจี่ยงอาจจะไม่มาก็ได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณหนูเจี่ยงตั้งใจจะใส่ร้ายพวกเรา” แม้กู้จื่อเฟิงยังคงรู้สึกคลื่นไส้ แต่เขาจำเป็นต้องพูดว่านิ้วเล็กๆ ของเสี่ยวเป่านั่นช่างเป็นนิ้ววิเศษจริงๆ
อินหลิวเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ก็ถูก เช่นนั้นหากเราแสร้งทำเป็นว่าถูกทุบตี จากนั้นก็ถูกจับขัง หรือไม่ก็หนีไปเลยก็คงไม่รู้ปัญหาในเชิงลึกกว่านี้จริงๆ แต่ว่า กูไหน่ไน เหตุใดเราจึงไม่หนีกันหรือ”
กู้จื่อเฟิงมองไปที่เยี่ยนอวี๋ อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องมาที่นี่ ที่สำคัญคือเหตุใดต้องพาเขามาด้วย?
แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ตอบ นางมองฟ้าที่มืดลงแล้วพูดว่า “เมื่อพระจันทร์ขึ้นและได้เข้าไปในศาลของพวกเขา เจ้าจะเข้าใจ”
เมื่อครู่นี้ เยี่ยนอวี๋ ‘ได้ยิน’ คำสั่งของคุณหนูเจี่ยงแล้ว ‘เมื่อพระจันทร์ขึ้น พวกเขาจะถูกพาไปที่ศาลเจ้ามังกรเพื่อบูชามังกร’
หากนางเดาไม่ผิด กลิ่นอายแปลกประหลาดบนตัวของคุณหนูเจี่ยงน่าจะเกี่ยวข้องกับมังกรที่ว่า ส่วนกลิ่นอายนั่น…
“คือกลิ่นอายของตัวเจ้า ‘เอง’ หรือ” เยี่ยนอวี๋หันไปถามต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กน้อย
“เนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อยากจะตอบก็ได้แต่ความห่อเหี่ยวกลับมา เขาได้แต่ส่ายศีรษะตอบให้ท่านพ่อแทน ตัวน้อยๆ ของเขาเหี่ยวเฉาอีกครั้ง รู้สึกเสียใจมาก
เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะที่กลับไปโล้นเหมือนเดิมของเด็กน้อยและจูบลงไป “เสี่ยวเป่าอย่าได้กังวล เมื่อพวกเราออกไปแล้ว เจ้าก็จะโตนะ”
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าอยากจะถามว่า ‘จริงหรือ จะกลับไปได้หรือขอรับ’
เยี่ยนอวี๋ตอบอย่างมั่นใจว่า “แน่นอน ต้องเป็นเพราะว่าเสี่ยวเป่าของเราเก่งเกินไป เจดีย์องค์นี้จึงทำให้เจ้าตัวเล็กลง เพื่อให้เจ้าไม่สามารถใช้พลังได้”
“เชอะ” จู่ๆ เด็กน้อยพ่นเสียงออกมาและยังทำหน้ามุ่ยชี้ไปที่อากาศ ท่าทางนั่นทำให้อินหลิวเฟิงรู้สึกตื่นตระหนกอย่างไม่สามารถอธิบายได้
เยี่ยนอวี๋จูบใบหน้าน้อยๆ ของเด็กน้อย “เสี่ยวเป่าไม่โกรธ เจดีย์น้อยของเจ้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน”
“เชอะ” เด็กน้อยบอกว่ายังคงให้อภัยไม่ได้
ทว่าท่านพ่อของเขาก็ยื่นขวดนมขวดหนึ่งให้เขา เขาก็ ‘ฮ่า’ หัวเราะออกมาและกอดนมขวดนั้นพร้อมกับดูดนม ไม่ห่อเหี่ยวอีกแล้ว
“เจ้านี่นะ…” เยี่ยนอวี๋หยิกแก้มน้อยๆ ของเด็กน้อย และมองสามีอย่างเป็นกังวล “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
“ตราบใดที่ไม่ได้ใช้ตบะระดับเทพ ก็จะไม่มีผลกระทบอะไร” หรงต้าซือมิ่งที่รวบตัวเด็กน้อย สีหน้าเขาดูปกติราวกับสภาพใกล้ตายเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทำให้กู้จื่อเฟิงที่ได้เป็นพยานเห็นทุกสิ่งพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าต้าซือมิ่งท่านนี้แค่บาดเจ็บเล่นๆ พริบตาเดียวก็หายแล้ว ผลที่เขาทำนายไว้ไม่ผิดเลยสักเล็กน้อย
ทว่าเขาเพิ่งจะคิดเช่นนี้เสร็จ…
แกรก
จู่ๆ กลอนประตูถูกไขออก ชายร่างใหญ่สองคนเข้ามาทันทีและเดินไปหาต้าซือมิ่ง ทำให้เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยและยืนข้างหน้าปกป้องสองพ่อลูกไว้แล้ว
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นศีรษะออกมาจากด้านหลังของท่านแม่มองชายร่างใหญ่สองคนนั้นและหยุดดื่มนมทันที “อ้ะเนะเนะ?” ทำอะไรหรือ
ชายร่างกำยำสองคนที่เดิมทีดุร้ายมากก็ลดความน่ากลัวลง และยังชี้ไปที่ต้าซือมิ่งพูดว่า “ผู้ใหญ่บ้านต้องการให้นำตัวคนนี้ไป”
“เขาคนเดียวหรือ” อินหลิวเฟิงมีปัญหา “พี่น้องคนนี้ของข้าเป็นโรคหัวใจ หากจะไปเราต้องไปด้วย”
“ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะตัดสินใจได้ นำตัวไป” ชายร่างกำยำพูดพลางทำท่าจะคุมตัวไปแล้ว
“อ้ะเนะ” เจ้าตัวน้อยเก็บขวดนมและกอดท่านพ่อเขาไว้ เหมือนกับกำลังบอกว่า ‘พ่อข้า ข้าปกป้อง ห้ามพาไป’
เยี่ยนอวี๋จึงพูดขึ้นว่า “เอาเช่นนี้ เราทั้งครอบครัวจะไปพร้อมพวกเจ้า”
“ไม่…” แน่นอนว่าชายร่างกำยำสองคนอยากจะปฏิเสธ แต่เยี่ยนอวี๋ใช้ความคิดอันทรงพลังสะกดอนุสติของพวกเขาไว้แล้ว ทำให้พวกเขาพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
เยี่ยนอวี๋จึงหันหลังไปอุ้มสามีของนางขึ้นมาด้วยความคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ ทำเอาอินหลิวเฟิงที่เห็นอดเลิกคิ้วไม่ได้ ครานี้… ต้าซือมิ่งยังปล่อยให้ปฐมราชินีอุ้มขึ้นมาอย่างคน ‘บอบบาง’
หากไม่ใช่เพราะความสูงต่างกันมากและหลังจากนั้นต้าซือมิ่งก็ยืนทรงตัวได้ด้วยตนเองแล้ว อินหลิวเฟิงคงต้องสงสัยแล้วว่าพวกเขาสลับเพศกัน
ขณะที่อินหลิวเฟิงคิดไร้สาระอยู่นั่นเอง พวกเขาทั้งครอบครัวก็ถูกนำตัวไปแล้ว เขางุนงง “แล้วพวกเราล่ะ?”
แกรก
สิ่งที่ตอบอินหลิวเฟิงมีเพียงเสียงใส่กลอนประตู เขาได้แต่มองไปที่กู้จื่อเฟิง ฝ่ายหลังถอยไปมุมห้องทันที “มองหาอะไรกัน?”
อินหลิวเฟิง “…”
ก็ได้ ครานี้เขาคงไม่มีโอกาสชี้แจงแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องชี้แจงแล้วกัน
เขาแผ่จิตสัมผัสไปข้างนอกทันที จากนั้นก็ได้ยินว่า…
คุณหนูใหญ่เจี่ยงกำลังถามว่า “ท่านพ่อ จะเลื่อนพิธีให้เร็วขึ้นหรือเจ้าคะ”
