ตอนที่ 648 ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์รสหมาล่า พลังพัฒนาการของเป่า!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เพิ่งลืมตาขึ้น เขาเพิ่งพบว่าดอกไม้บานแล้ว และยังเป็นดอกไม้สีม่วงสวยงามด้วย ทำเอาเขาดีใจจนหัวเราะออกมา จากนั้น…
ซู่! ซู่ๆ…
ดอกไม้ดอกน้อยสีม่วงนับไม่ถ้วนเบ่งบานเพราะความสุขของเขา ราวกับว่าเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์ของเขา แกว่งไกวระลอกคลื่นแห่งความสุขออกมา
“ว้าว…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับดอกไม้ดอกหนึ่งยัดใส่ปากทันที เมื่อไม่มีใครคอยดูเขา ดอกไม้จึงถูกเขายัดใส่ปากอย่างรวดเร็ว
“นายน้อย…”
เทพอัสนีเกาศีรษะ คิดในใจว่าถึงอย่างไรก็เป็นดอกไม้ที่งอกออกมาจากตัวนายน้อยเอง น่าจะไม่มีพิษ แต่แล้ว…
แหวะ! แหวะๆ!…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่คายออกมาหลายทีก็กอดศีรษะของท่านพ่อไว้นิ่ง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกน้อยอกน้อยใจมาก
ดอกไม้น้อยๆ สีม่วงนับไม่ถ้วนและใบไม้น้อยๆ เหล่านั้น รวมถึงแสงสีขาวที่เป็นชั้นหมอกนั้นก็สลายไปในครานี้ ทว่าต้าซือมิ่งก็ยื่นมือออกมารวบตัวเด็กน้อยเข้าไปในอ้อมอกและลูบหลังของเขาเบาๆ “ไม่อร่อยหรือ” เขาจำได้ว่าดอกไม้ไท่อี่ก็แค่ไม่มีรสชาติ ไม่ได้ไม่อร่อยเสียหน่อย หรือว่าดอกไม้ไท่อี่ที่เปลี่ยนไปของเด็กน้อยรสชาติแย่นะ
“ไม่หวาน…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดและยังจับปากของตนอย่างน่าสงสาร “เผ็ด! เป่าเผ็ด!”
หรงต้าซือมิ่ง “?” รสชาติเปลี่ยนไปจริงๆ หรือ
“เจ้างอกออกมาอีกหนึ่งดอกให้พ่อชิมดู” ต้าซือมิ่งสงสัยในรสชาติของดอกไม้ไท่อี่ จะว่าไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยจะปลุกพลังวิเศษของท่านแม่เขาได้ และยังเป็นฉบับที่พัฒนาแล้วด้วย
นี่คงเป็นเพราะพลังวิเศษฟื้นคืนชีพที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีและเจ้าตัวน้อยยังกินต้นไม้แห่งชีวิตไป ทำให้ดอกไม้ไท่อี่ในสายเลือดถูกปลุกตื่นและยังเปลี่ยนเป็นรสเผ็ด
แต่ว่า…
“ไม่!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เขาไม่รักดอกไม้แล้ว! ไม่เสก! เป่าเผ็ด! เสียใจ
ต้าซือมิ่งที่หยิบขนมนุ่มนิ่มรูปจิ่วอิงออกมาชิ้นหนึ่งก็ยื่นไปข้างหน้าเด็กน้อย จากนั้น…
“ฮ่า…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดีใจจนหัวเราะออกมาก็กินขนมจิ่วอิงลงไป ทำเอาจิ่วอิงที่หดตัวอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของเด็กน้อย ‘ขนลุกขนพอง’ !
จิ่วอิงตัดสินใจในทันทีว่าต้องหาเวลาคุยกับเด็กน้อยคนนี้เสียหน่อยแล้ว เหตุใดจึงชอบกินขนมที่มีรูปร่างเหมือนมันเช่นนี้นะ เพราะคิดมิดีกับมันหรือไม่
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ลงมาอยู่ข้างกายสองพ่อลูกแล้ว มือข้างหนึ่งแตะข้อมือเพื่อตรวจชีพจรของต้าซือมิ่ง เมื่อยืนยันแล้วว่าเขาสบายดี ยังคงถามอย่างไม่วางใจว่า “เสถียรแล้วจริงๆ หรือ”
“มีเสี่ยวเป่าอยู่ ไม่เป็นอะไรหรอก วางใจเถอะ” ต้าซือมิ่งที่ยังคงลูบหลังของเด็กน้อยเบาๆ พูดด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่ากำลัง ‘เยาะเย้ย’ เด็กน้อย
เด็กน้อยต่อยต้นขาของท่านพ่ออย่างโมโห “เยาะเย้ยเป่า! เชอะ!”
เยี่ยนอวี๋ไร้ซึ่งแรงต้านทานต่อเด็กน้อยที่อวบอ้วนเช่นนี้ นางอุ้มเขาเข้ามาในอ้อมอกและถามว่า “ท่านพ่อเจ้าเยาะเย้ยอะไรเสี่ยวเป่าของเราอีกแล้วหรือ พูดให้แม่ฟังหน่อยสิ”
“ก็หัวเราะดอกไม้เป่า ทำให้เป่าเผ็ด!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าฟ้องเสียงดัง
เยี่ยนอวี๋อดยิ้มถามไม่ได้ “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าให้แม่ชิมดูดอกหนึ่งได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อ่อนโยนให้ดอกไม้ท่านแม่เขาทันทีและยังทำหน้าเชิดใส่ท่านพ่อเขาด้วย
ต้าซือมิ่งหยิกแก้มตุ้ยนุ้ยของเด็กน้อย “ครั้งหน้าทำขนมรสดอกไม้ให้เจ้า”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโถมไปข้างหน้าทุบท่านพ่อของเขา
เยี่ยนอวี๋ลองชิมดอกไม้ของเด็กน้อย จากนั้นนางก็พบว่า “รสเผ็ดชาจริงๆ ด้วย สามี ครั้งหน้าใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารได้”
“ไม่! ไม่! เป่าไม่ชอบ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคัดค้านสุดฤทธิ์
เยี่ยนอวี๋จูบแก้มของเด็กน้อยเบาๆ “แม่กิน ไม่ป้อนเป่า ไม่ทำให้เป่าเผ็ด ให้เป่ากินแค่ของหวานๆ ดีหรือไม่จ๊ะ”
“ขอรับ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีอกดีใจ เอาใจง่ายมาก
ทว่า… ต้าซือมิ่งที่ยังคงสังเกตสถานการณ์ฝั่งเยี่ยนจื่อเยี่ย เขาก็พูดขึ้นว่า “ตามหลักแล้วสภาพของแม่ยายในยามนี้ควรจะตื่นได้แล้ว”
“อาจจะเป็นเพราะวิญญาณสลายไปนานเกินไป หากต้องการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์คงค่อนข้างยาก แต่มีไม้อู๋ถงและหงส์ผีอยู่ ท่านแม่ต้องฟื้นตัวได้ไม่ช้าก็เร็ว แต่สิ่งที่เจ้ากังวลก็มีเหตุผล อีกสักครู่ข้าจะส่งดวงวิญญาณของท่านแม่ไปที่บ่อหกวิถี เผื่อว่าจะมีวิญญาณหลงเหลือไหลเข้าไปในนั้น ติดอยู่ในที่ๆ ไม่รู้จัก” เยี่ยนอวี๋พูดอย่างมีแผนการในใจ
หรงอี้จึงหายห่วง และยังพิงภรรยา “เช่นนั้นข้าขอพักสักครู่”
“อืม” เยี่ยนอวี๋กอดสามีไว้อย่างคุ้นเคย ปล่อยให้สามีของนางพิงอกที่อ่อนนุ่มของนางแล้ว
เจ้าตัวน้อยกลับมองท่านป้าสวยงามที่ท่านลุงของเขาช่วยฟื้นตัวด้วยความสงสัย และถามท่านแม่ของเขาว่า “ใครหรือ”
“ท่านแม่ของแม่ ท่านยายของเสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋อธิบาย
“ท่านยาย? ท่านตา?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเชื่อมโยงได้อย่างเฉลียวฉลาด
เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะน้อยๆ ของเด็กน้อยเบาๆ ยิ้มพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านยายและท่านตาเป็นสามีภรรยากัน ก็เหมือนกับท่านแม่และท่านพ่อของเจ้า พวกเขาให้กำเนิดและเลี้ยงแม่และท่านลุงสองคน เหมือนกับที่ท่านแม่และท่านพ่อให้กำเนิดและเลี้ยงเจ้า”
“อ๋อ!” เจ้าตัวน้อยที่เหมือนกับฟังเข้าใจหมดแล้ว เขาก็หยักหน้า
เยี่ยนอวี๋กลับกวักมือเรียกเอ้อร์เหมา
“เอ๋! คุณหนูใหญ่เรียกข้าหรือ” เอ้อร์เหมารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ใต้คำบัญชาของนายน้อยจวนของตนตลอด คุณหนูใหญ่เยี่ยนไม่ค่อยสั่งให้เขาทำอะไรโดยตรง และยิ่งไม่เคยเรียกเขาไปทำอะไรเพียงลำพังด้วย
ถึงอย่างไรอินหลิวเฟิงก็สงสัยเช่นกัน และยังเข้าไปใกล้เอ้อร์เหมาแล้ว “กูไหน่ไน ท่านเรียกเอ้อร์เหมาทำไมหรือ”
“นายน้อย ข้าน้อยไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลยหรืออย่างไร ท่านตามมาเช่นนี้ แย่จะตายไป” เอ้อร์เหมากล่าวจริงจัง
เพียะ! อินหลิวเฟิงตบท้ายทอยลูกน้องโง่เขลาทีหนึ่ง “เจ้าถูกขายให้ตระกูลอินในโยวตูตั้งแต่เด็ก เจ้ายังคิดจะมีพื้นที่ส่วนตัว?”
เอ้อร์เหมา “…” นายน้อยใจร้ายกับลูกน้องเสมอ! แม้แต่ความเป็นส่วนตัวก็ไม่มี! เกินไปแล้ว! กลับไปต้องวาดรูปคนต่ำต้อยสาปแช่งให้นายน้อยไม่ได้นอนกับชุนซิ่นจวิน
เยี่ยนอวี๋ที่ดูเจ้านายและลูกน้องสองคนนี้ทะเลาะกันเสร็จ นางก็ส่งสัญญาณให้ทั้งสองนั่งลง “ขอคุยด้วยสองสามคำ”
“คุณหนูใหญ่โปรดบัญชา!” เอ้อร์เหมาตอบอย่างรู้งาน “ไม่ว่าเรื่องอะไรเอ้อร์เหมาช่วยท่านจัดการ”
อินหลิวเฟิง “…” เป็นลูกน้องของกูไหน่ไนไปแล้วสินะ
เยี่ยนอวี๋กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าช่วยข้าจัดการอะไร เพียงแค่อยากให้ทางเลือกเจ้า ดูว่าเจ้าอยากจะเลื่อนขั้นสายเลือดของตนหรือไม่”
“อยากสิขอรับ!” เอ้อร์เหมาตอบโดยไม่ต้องคิด “เลื่อนขั้นก็จะหมายความว่าแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่หรือ เอ้อร์เหมาย่อมอยากเลื่อนขั้น คุณหนูใหญ่ท่านไม่ต้องถามหรอก ดังนั้นท่านจะมอบชิ้นส่วนสมบัติสวรรค์ให้เอ้อร์เหมาหรือขอรับ”
เพียะ! อินหลิวเฟิงตบเอ้อร์เหมาอีกครั้ง “เจ้าไม่อับอายบ้างหรือไง!”
“…เดี๋ยวสิ ก็คุณหนูใหญ่หมายความเช่นนี้ไม่ใช่หรือ” เอ้อร์เหมาไม่เข้าใจ
“ใช่แล้ว ข้าหมายความเช่นนี้” เยี่ยนอวี๋ยิ้มตอบ “แต่ต้องดูว่าเจ้าจะย่อยได้หรือไม่ และต้องดูว่าเจ้ามีเจตนารมณ์ที่อยากจะเลื่อนขั้นจริงๆ หรือไม่ มิเช่นนี้ก็เปล่าประโยชน์”
เอ้อร์เหมาตบหน้าอกทันที “ท่านวางใจ! เอ้อร์เหมามีขอรับ!”
เยี่ยนอวี๋จึงพูดต่อไปว่า “เช่นนั้นก็ดี ประเดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าไปยังบ่อหกวิถีด้วย มันจะชำระล้างจิตวิญญาณและเลือดเนื้อของเจ้า กลั่นหลอมสายเลือดพญาครุฑต้าเผิงของเจ้าเป็นสายเลือดปลาคุนนกเผิง ในกระบวนการนี้ เจ้าจะเจ็บปวดทรมานมาก เพราะว่าสายเลือดเดิมของเจ้าต่ำต้อยเกินไป ตามหลักแล้วไม่สามารถเข้าไปในบ่อหกวิถีได้ เพราะจะทำให้เจ้าสูญเสียดวงจิต แต่ข้าจะมอบต้นกำเนิดโลหิตปลาคุนนกเผิงให้เจ้าหยดหนึ่ง มันจะปกป้องดวงจิตของเจ้าไว้ ส่วนเจ้าจะเลื่อนขั้นได้หรือไม่ในตอนท้ายสุดนั้นก็อยู่ที่การขัดเกลาของเจ้าแล้ว”
“ขอรับ! ขอบคุณคุณหนูใหญ่!” เอ้อร์เหมาตอบอย่างมีความสุข คิดว่าตนเองจะกลายเป็นคุณชายใหญ่เยี่ยนคนที่สอง! บดขยี้นายน้อยจวนของตนได้แล้ว แต่แล้ว…
“กูไหน่ไน แล้วข้าเล่า” อินหลิวเฟิงที่ไร้ยางอายบอกว่าตนเองก็อยากใช้ทางลัด “ข้าเล่า? ช่วยข้าเลื่อนขั้นด้วยได้หรือไม่”
เอ้อร์เหมาประชดทันที “นายน้อย ท่านก็เกาะสตรีกินเกินไปหน่อยแล้ว!”
เยี่ยนอวี๋คร้านจะสนใจลูกน้องคนนี้ อินหลิงเฟิงมองเยี่ยนอวี๋ตาปริบต่อไป
นานๆ ทีจะเห็นเยี่ยนอวี๋กลอกตามองบน “สายเลือดของเจ้าเอง เจ้าไม่รู้เลยหรือ”
“อะไรนะ” อินหลิวเฟิงที่ไม่รู้จริงๆ ก็เกิดคำถามเต็มไปหมด
กู้จื่อเฟิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปหมดแรงจะเหน็บแนมแล้ว แต่ก็อดถามเทพอัสนีไม่ได้จริงๆ ว่า “นี่คือวิหคทมิฬแห่งขุนเขาและท้องทะเลที่กลับชาติมาเกิดจริงๆ หรือ”
“จริงแท้แน่นอน!” เทพอัสนีกล่าว “สมองอาจจะไม่ได้กลับมาด้วยตอนกลับชาติมาเกิด”
กู้จื่อเฟิง “…”
ก็ได้ สมองอาจจะเคยถูกหนีบมา มิน่าความคิดของลูกน้องจึงไม่ได้เรื่องได้ราวเช่นนี้
ในขณะที่กู้จื่อเฟิงเหน็บแนมในใจนั้นเอง…
“ปฐมราชินี” เจี่ยนชิวเดินไปข้างหน้าเยี่ยนอวี๋แล้ว “เช่นนั้นหม่อมฉันและยมราชไปเตรียมบ่อหกวิถีก่อนดีหรือไม่เพคะ”
