ตอนที่ 701 จักรพรรดิล่มสลาย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่รู้สึกตัวเลย เขายังคงจับดวงตาของท่านแม่เขา ถามด้วยดวงตาสีเงินเหมือนม่านหมอก “แม่… ร้องไห้ ทำไม นอน ร้องไห้ขอรับ”
เยี่ยนอวี๋ลุกขึ้นอุ้มเด็กน้อย ไม่มีจิตใจตอบเด็กน้อย นางตรวจอาการของเด็กน้อยทันที เด็กน้อยที่ปกติสุขดีจู่ๆ ดวงตาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวเงินได้อย่างไร
นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร แม้ดวงตาจะเปลี่ยนสีได้เหมือนพ่อ เช่นนั้นก็ไม่ควรเป็นสีขาวหรือไม่
“เนะ?”
เด็กน้อยที่ถูกท่านแม่จับมือและยังจับไปทั่ว เขาทำท่าจะขัดขืนอย่างเขินอาย “ไม่ จับ น่า อาย”
“อายอะไร” เยี่ยนอวี๋หยิกก้นเด็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เด็กน้อยปิดหน้าแดงระเรื่อไว้ “มีศักดิ์ศรี…”
พรวด ความกังวลมากมายของเยี่ยนอวี๋กลายเป็นเสียงหัวเราะทันที แต่นางยังคงจูบเด็กน้อยถามว่า “เช่นนั้นแม่ถามเสี่ยวเป่าผู้รักในศักดิ์ศรี รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
เด็กน้อยลูบท้องอย่างรู้สึกอึดอัด เยี่ยนอวี๋ใจกระตุกทันที
ทว่า…จ๊อก
เด็กน้อยที่ท้องร้องประท้วงขึ้นเพราะความหิวพูดว่า “หิว…”
เยี่ยนอวี๋จึงจูบเด็กน้อยถามต่อไปว่า “นอกจากหิวแล้ว ยังมีตรงไหนไม่สบายหรือไม่”
“เหี่ยว…” เด็กน้อยที่บอกว่าตนเองหิวจนไม่มีแรง เขานอนบนตัวของท่านแม่เขาและถามว่า “แล้ว แม่ ร้องไห้ ทำไมขอรับ”
เยี่ยนอวี๋หันไปมองสามีที่ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างกาย พื้นฐานแล้วนางมั่นใจว่านางคงเข้าฝัน มันคือความฝันและความทรงจำ
สามีที่ตอนนี้กำลังย่อยพลังของตนเองก็คงกำลังจัดเรียง ‘ความทรงจำ’ ของตนเอง
เยี่ยนอวี๋ที่คิดเช่นนี้ก็ไม่ได้เอาแต่สนใจสามี นางไม่ลืมว่าเด็กน้อยหิวแล้ว ครั้นกำลังจะอุ้มเด็กน้อยลุกขึ้นเพื่อป้อนอาหารให้เด็กน้อยสักเล็กน้อย เสียงของเยี่ยนจื่อเยี่ยก็บังเอิญดังขึ้นจากด้านนอกพอดี “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เสี่ยวเป่า? ตื่นหรือยัง”
เยี่ยนจื่อเยี่ยที่คอยสังเกตสถานการณ์ฝั่งนี้ หลังจากที่สองแม่ลูกตื่นแล้ว เขาก็รับรู้ได้ทันที จึงตระเตรียมข้าวต้มและยกมาให้ทันที ดังนั้น…
“อ้ะ”
เด็กน้อยที่ได้กลิ่นหอมของข้าวอย่างไว เขาก็เดินเตาะแตะไปเปิดประตูให้ท่านลุงใหญ่ของเขาแล้ว ขาสั้นๆ ของเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับไว
เยี่ยนอวี๋นั่งมองบนตั่ง ไม่ได้รีบร้อนออกไปข้างนอก นางกลับหันไปมองสามีรูปงาม และยังยื่นมือไปลูบใบหน้าของเขาอย่างไม่รู้ตัว…
“อ้ะ”
แต่เสียงอุทานของเด็กน้อยและเสียงร้องหลงของเยี่ยนจื่อเยี่ยกลับขัดจังหวะความคิดของเยี่ยนอวี๋ที่คิดจะนั่งดูสามีดีๆ สักเล็กน้อยไป
เยี่ยนอวี๋คิดถึงดวงตาสีขาวของเด็กน้อยทันที นางรีบลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยและเดินออกไป
นางเห็นพี่ใหญ่ของนางมองลูกของนางอย่างตะลึงงันตามคาด
ส่วนเด็กน้อยของนางลอยขึ้นกลางอากาศ ใช้มืออวบอ้วนคู่หนึ่งรับอาหารของตนเองไว้แล้ว
เยี่ยนอวี๋จินตนาการได้ว่าพี่ใหญ่ที่ตกตะลึงคงทำหม้อข้าวหลุดมือ แต่ถูกเด็กน้อยรับไว้ได้
เยี่ยนจื่อเยี่ยที่ตั้งสติได้ก็นำหม้อในมือเด็กน้อยไปไว้ข้างๆ ส่วนเขาก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด
เด็กน้อยที่เพิ่งถูกท่านแม่จับไปทั่วเสร็จก็ถูกลุงใหญ่เขาจับไว้และจับไปทั่วไม่หยุด ทำให้เขาอยากจะประท้วงจริงๆ “หยุด จับ แม่ จับแล้ว อย่าจับ เป่า ซี้ซั้ว”
“พี่ใหญ่” เยี่ยนอวี๋เดินขึ้นหน้า
เยี่ยนจื่อเยี่ยรีบถามว่า “เสี่ยวเป่า ไม่เป็นอะไรหรือ”
“อื้ม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ข้าลองตรวจแล้ว ไม่เป็นอะไรจริงๆ แต่เหตุใดสีตาจึงเปลี่ยน ข้าเองก็ไม่ทราบ อาจจะต้องรอสามีตื่นจึงจะรู้”
“น้องเขยยังสบายดีใช่หรือไม่” เยี่ยนจื่อเยี่ยมองเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วง “พวกเจ้าสองแม่ลูกหลับไปนานมาก เขายังไม่ตื่นหรือ”
เยี่ยนอวี๋มองฟ้า รู้ว่าพวกเขาหลับไปตั้งแต่เมื่อวานตอนพลบค่ำจนถึงตอนนี้ตะวันโด่งฟ้าแล้ว มิน่าเด็กน้อยจึงหิวโซ
“ป้อนข้าวให้เสี่ยวเป่าก่อน เขาหิวจะตายอยู่แล้ว” เยี่ยนอวี๋พูดพลางนำข้าวต้มที่พี่ใหญ่นางทำเสร็จไว้ข้างๆ ขึ้นบนโต๊ะ
เจ้าตัวน้อยชิ่งหนีจากอ้อมอกของท่านลุงใหญ่ของเขาทันทีและลอยมานั่งลงข้างหน้าท่านแม่เขาอย่างตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าหิวมากแล้วจริงๆ
เยี่ยนจื่อเยี่ยเห็นดังนั้นรู้สึกโมโหตนเอง “หากรู้แต่แรกว่าเสี่ยวเป่าหิว เมื่อคืนน่าจะอุ้มเขาออกมาและปลุกเขากินก่อนค่อยนอน”
“อ้ะ…” เด็กน้อยที่ทานข้าวอย่างตั้งอกตั้งใจไม่มีเวลามาสนใจท่านลุงใหญ่ของเขา
เยี่ยนอวี๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไร เขาหิวแล้วจะตื่นเอง ก่อนหน้านี้ไม่ตื่นแสดงว่ายังไม่หิว”
เยี่ยนจื่อเยี่ยถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหลานชายน้อย ยังคงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ดวงตาสีขาวคู่นี้จะเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือ”
“อาจจะ” เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่แน่ใจจึงเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “ท่านพ่อและท่านแม่…”
ครานี้เอง เยี่ยนชิงและจางอวิ๋นเมิ่งที่ถูกเยี่ยนอวี๋กล่าวถึงเดินเข้ามาในเรือนแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงไม่ต้องถามแล้ว สองสามีภรรยาเองก็เดินเข้ามาในห้อง
ทันทีที่เยี่ยนชิงเดินเข้ามาในห้องเห็นภาพตรงหน้าก็หัวเราะ “ตื่นแล้วจริงๆ ด้วย กินข้าวแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยวเป่าของเราหิวแย่เลยใช่หรือไม่”
“ท่านพ่อ ท่านแม่” เดิมทีเยี่ยนอวี๋ทำท่าจะลุกขึ้น แต่เมื่อเด็กน้อยเห็นท่าทีของนาง เขาก็จับหม้อแน่นไม่ยอมปล่อยและยังร้องเสียงอู้อี้อย่างร้อนรน
เยี่ยนชิงรีบก้าวเข้ามาห้าม “กับพ่อจะมากพิธีไปไย รีบป้อนเสี่ยวเป่า เจ้าตัวเล็กของเราหิวจนผอมไปหมดแล้ว ดูสิ…”
เยี่ยนชิงที่เห็นสีตาของเด็กน้อย เขาก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกับถูกคนบีบคอ สีหน้าและอารมณ์แปรเปลี่ยนไปหมด
“เป็นอะไรหรือ” จางอวิ๋นเมิ่งไม่เข้าใจ
เยี่ยนชิงจึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แต่เด็กน้อยร้องอู้อี้อย่างขัดขืน “ไม่ เล่น เป่า กินข้าว”
“ท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วง ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋รีบอธิบายและก็ไม่ได้ป้อนเด็กน้อยช้าลงแต่อย่างใด กลัวว่าเจ้าตัวน้อยร้อนใจจนเอาศีรษะมุดเข้าไปในหม้อ
เรื่องแบบนี้ นางเชื่อว่าลูกของนางทำได้แน่นอน
คิดไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวน้อยลุกขึ้นยืนแล้ว เหมือนกับว่ากำลังจะปีนเข้าไปในหม้อ
โชคดีที่ตอนนี้เขาโตขึ้นไม่น้อย หม้อใบนี้จุเขาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงมุดเข้าไปจริงๆ แน่
จางอวิ๋นเมิ่งเห็นว่าเด็กน้อยยังเป็นปกติดีจึงระงับอารมณ์ตนเองไว้และดึงสามีไว้ “เสี่ยวเป่ายังดูร่าเริงมาก คงไม่เป็นอะไร ปล่อยให้เขากินข้าวก่อน”
เยี่ยนชิงมองหลานชายน้อยที่ใจมุ่งจะกินข้าวอย่างเดียวก็ไม่รู้สึกเป็นกังวลมากเช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยยังกินได้ก็หมายความว่าร่างกายยังปกติดี
ทว่า… เยี่ยนอวี๋กลับมองไปที่ประตูห้องอย่างรับรู้ถึงบางสิ่ง
ในขณะเดียวกัน…
เทียนตี้ผู้มีสีหน้าเคร่งเครียดจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และทันทีที่เขาปรากฏตัวก็กล่าวว่า “อาจารย์ ไม่ได้การ ไท่เฮ่ากำลังสลายไปดื้อๆ ในจิตเหนือสำนึกของข้า”
