เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 734 เจ้านายเสี่ยวไป๋

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 734 เจ้านายเสี่ยวไป๋

“โอ้ สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“ในมือข้าถืออะไรไว้น่ะ”

“ใต้เท้าข้าคืออะไรน่ะ”

ผู้คนที่ได้รับสมบัติมากมายกองบนตัวโดยไม่ต้องยื้อแย่งเสียสติไปหมดแล้ว

แน่นอนว่าผู้ที่เสียสติมากที่สุดคือคุณชายอวิ๋นที่สิบสองที่เพิ่งกลับมาคุนหลุนซวีจากตำหนักสวรรค์

เดิมทีเขาลงมาเพื่อดูอาการของซั่งกวนฉิง ถึงอย่างไรเรื่องของเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกไม่ใช่ท่านเทพเช่นเขาเข้าไปยุ่งได้ แต่เขาเพิ่งก้าวเท้าเข้าไปในจวนก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากทางนี้แล้ว

ถึงอย่างไรจวนซั่งกวนก็ห่างจากโรงเตี๊ยมไม่ไกล…

คุณชายอวิ๋นที่สิบสองจึงเดินตามเสียงมา และยังได้เห็นว่าทรัพย์สมบัติมากมายของคลังจวนของ ‘ตระกูลเขา’ ถูกเทกระจาดบนถนนและปล่อยให้ฝูงชนเก็บอย่างไร

คุณชายอวิ๋นที่สิบสองเกือบจะสลบในทันที

เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่ต้องเป็นฝีมือของจอมโจรเหล่านั้นแน่ๆ

ฝูงชนที่ชอบกินเผือกเหล่านั้นยังสรรเสริญไม่หยุดว่า “ฮูหยินน้อยท่านนั้นรูปงามจิตใจก็งาม สวรรค์ ทรัพย์สมบัติมากมายเช่นนี้ให้เราอย่างง่ายดายเช่นนี้”

“ไม่อยากจะเชื่อเลย เด็กโปรยเงินเป็นเช่นนี้นี่เอง…”

“เดี๋ยวสิ พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าทรัพย์สมบัติเหล่านี้มีมากมายเกินไปแล้ว” ผู้แข็งแกร่งสองสามนายที่ไม่ได้ลุ่มหลงไปกับทรัพย์สินเงินทองตั้งคำถาม แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดแบ่งสมบัติกัน

ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป

ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า

ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น

ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ

0

“เดี๋ยวสิ พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าทรัพย์สมบัติเหล่านี้มีมากมายเกินไปแล้ว” ผู้แข็งแกร่งสองสามนายที่ไม่ได้ลุ่มหลงไปกับทรัพย์สินเงินทองตั้งคำถาม แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดแบ่งสมบัติกัน

นักฝึกฌานที่ไร้เดียงสาบางคนกล่าว “ก็ไม่นะ คงเป็นเพราะฮูหยินน้อยงดงามท่านนั้นเก่งกาจมากจริงๆ นอกจากนี้ พวกเขามีมหาเทพสามท่านรับพร้อมกัน คิดไม่ถึงเลยว่ามหาเทพได้รับสวัสดิการดีเช่นนี้ ข้าจะต้องเลื่อนขั้นเป็นมหาเทพให้ได้”

“พอเถอะ เว้นแต่ว่าจะเป็นเทพแต่กำเนิด คนทั่วไปฝึกบำเพ็ญกลายเป็นเทพได้ก็ถือว่าเป็นปรปักษ์กับสวรรค์แล้ว ยังคิดจะเป็นมหาเทพรึ อาบน้ำแล้วเข้านอนนะ ในฝันน่ะมีหมดเลย”

“ข้าไม่นอนหรอก ในความฝันจะได้เก็บทรัพย์สมบัติที่ดีมากมายเช่นนี้ได้หรือ เฮ้ย นี่คือกระบี่เซียนนี่ มารดามันเถอะ ของข้า ของข้า…” เหล่าสามัญชนคุนหลุนซวีที่เก็บกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้มือไม้อ่อนเปลี้ย กระเป๋าวิเศษของพวกเขายัดแน่นจนแทบจะล้นออกมาแล้ว

ในระหว่างนี้เองยังมีนักฝึกฌานที่ได้ข่าวและตามมาอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญคือ… เทียนอ๋องทุกท่านในตำหนักสวรรค์ยังไม่รู้เรื่องเลย

หยางเตี๋ยอีทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ยังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่เป็นตำหนักสวรรค์ที่นางปิดผนึกไว้แท้ๆ

ดังนั้นเมื่อคุณชายอวิ๋นที่สิบสองพาหน่วยลาดตระเวนคุนหลุนซวีหยุดยั้งการเก็บและยื้อแย่งได้ ทรัพย์สมบัติที่เหลือก็มีไม่มากแล้ว ส่วนใหญ่ยังเป็นส่วนที่เหลือด้วย

คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง “…”

เขาไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกของตนอย่างไร

ที่สำคัญคือ เขาไม่รู้ว่าจะเรียกคืนทรัพย์สมบัติเหล่านั้นกลับมาอย่างไร

หรือว่าท้องพระคลังของตำหนักสวรรค์ถูกปล้นกันนะ

คุณชายอวิ๋นที่สิบสองพูดไม่ออก…

ทว่าเหลียงฟางอวิ๋นเจ้าเมืองแห่งคุนหลุนซวีที่เดาบางอย่างได้ เขาก็ถามว่า “คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง ตอนนี้ควรทำอย่างไร จะสั่งให้ผู้ที่เก็บสมบัติเหล่านั้นได้คืนกลับมาหรือไม่”

“ข้าขอคิดก่อน” คุณชายอวิ๋นที่สิบสองรู้ดีว่าหากจะเรียกคืนดื้อๆ แม้จะสามารถได้ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่กลับคืน แต่คุนหลุนซวีในฐานะที่เป็นสำนักเซียนอันดับหนึ่งคงอับอายน่าดู

แต่หากไม่เรียกคืนกลับมา… คนฉลาดใครจะไม่รู้ว่าตำหนักสวรรค์ไม่มีทางให้รางวัลแก่มหาเทพสามท่านมากมายเช่นนี้?

คุณชายอวิ๋นที่สิบสองยิ่งคิดยิ่งปวดฟัน ปวดตัวด้วย

เขาถามขึ้นอีกครั้งว่า “ยังคงติดต่อตำหนักสวรรค์ไม่ได้หรือ”

“ไม่ได้ขอรับ” เหลียงฟางอวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักสวรรค์ เหตุใดจู่ๆ จึงขาดการติดต่อ เขาก็ไม่กล้าเดามั่วซั่วด้วย

หลังจากคุณชายอวิ๋นที่สิบสองเคาะโต๊ะเสร็จก็สูดหายใจก่อนจะพูดว่า “ตามคืน บอกว่าเป็นรางวัลที่ตำหนักสวรรค์มอบให้ มหาเทพสามท่านนั้นไม่พอใจ ฉวยโอกาสปล้นทรัพย์สมบัติของท้องพระคลังตำหนักสวรรค์ไปด้วย ตอนนี้ได้ออกใบประกาศจับพวกเขาแล้ว

นอกจากนี้ผู้ที่เก็บสมบัติอันได้มามิชอบไป ให้นำมาคืนที่จวนเจ้าเมืองแปดส่วนของสมบัติทั้งหมดภายในวันนี้ ส่วนที่เหลืออีกสองส่วนสามารถรับไปได้อย่างถูกกฎหมาย หากไม่นำมาคืน ให้มองว่าอยู่กลุ่มเดียวกับจอมโจร หากจับได้ ตายสถานเดียว”

การจัดการเช่นนี้มีประสิทธิภาพดีกว่าการเรียกคืนทั้งหมด ฝูงชนที่ตอนนี้กำลังรู้สึกขอบคุณจอมโจรเหล่านั้นจะได้รู้ในเร็วๆ นี้ว่าผู้ที่มอบทรัพย์สมบัติให้พวกเขาไม่ใช่ฮูหยินน้อยงดงามและจิตใจดีคนนั้น แต่คือตำหนักสวรรค์

นอกจากนี้ยังช่วยให้ชาวเมืองกระตือรือร้นที่จะหาตัวพวกเขา

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว

เหลียงฟางอวิ๋นอดชื่นชมไม่ได้ “คุณชายอวิ๋นที่สิบสองปรีชา ข้าน้อยจะไปทำเดี๋ยวนี้”

“ไปเถอะ” คุณชายอวิ๋นที่สิบสองโบกมือ สีหน้ายังคงดูย่ำแย่

เพราะว่าเขารู้ดีว่าด้วยกำลังคนและทรัพยากรของคุณหลุนซวีไม่สามารถจับจอมโจรกลุ่มนั้นได้แน่นอน ต้องให้ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของตำหนักสวรรค์ร่วมมือกันจึงจะจับได้

แต่บัดนี้ตำหนักสวรรค์ปิดผนึก ข่าวคราวใดๆ ก็ส่งเข้าไปไม่ได้

กว่าตำหนักสวรรค์จะเปิด คุณชายอวิ๋นที่สิบสองเดาว่าจอมโจรกลุ่มนั้นคงหนีไปไกลแล้ว

“ให้ตายเถอะ”

คุณชายอวิ๋นที่สิบสองรู้ทุกอย่างกลับทำอะไรไม่ได้ สีหน้าเขาย่อมย่ำแย่มาก

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือเยี่ยนอวี๋ไม่ได้จะจากไป นางเพียงแค่ต้องการสร้างเรื่องเหมือนกับว่านางออกจากตำหนักสวรรค์แล้ว กระทั่งออกจากคุนหลุนซวีแล้ว เพื่อให้นางกลับไปปฏิบัติการในตำหนักสวรรค์ได้สะดวกอีกครั้ง

ทว่าครานี้นางก็ไม่ได้รีบร้อนจะไปตำหนักสวรรค์ทันที นางกำลังป้อนอาหารให้เด็กน้อย

หงับ เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กินข้าวคำใหญ่คำแล้วคำเล่ายังไม่ลืมลูบเจ้าเหมียว

แมวเหมียวสีขาวมองเด็กน้อยทานข้าวตาปริบ ท่าทางกำลังบอกว่า ‘ข้าก็หิวมาก’ และยังรู้สึกเสียดายสมบัติที่เทกระจาดไปเหล่านั้น เหมียวๆ…

เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็สั่งว่า “เม่ยเอ๋อร์ ป้อนข้าวต้มให้แมวตัวนี้ด้วย”

“เมี๊ยว” เจ้าแมวเหมียวสีขาว ‘ลุกขึ้นยืน’ ทันที และยังยื่นมือให้เยี่ยนอวี๋จับ จากนั้นก็กระโดดไปข้างหน้าเม่ยเอ๋อร์ ร้อง เมี๊ยวๆ รอนางป้อนแล้ว

จิ่วอิงเห็นดังนั้นก็กลอกตา “เจ้าก็ไม่เลือกกินเลย สมองกินได้ ข้าวต้มก็กินได้ ข้าน่ะทำไม่ได้หรอก…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ จิ่วอิงก็มองเยี่ยนอวี๋ตาปริบ “ภรรยาอี้เอ๋อร์ ให้ปู่จิ่วออกไปกินคนก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวค่อยเจอกัน?”

“บังอาจ” เม่ยเอ๋อร์โต้กลับทันที “เจ้าอย่าอาศัยว่าตนมีอายุมากกว่ามารังแกคุณหนูใหญ่ เจ้าออกไปกินคนตอนนี้จะทำลายแผนการของคุณหนูใหญ่ คนของคุนหลุนซวีก็จะรู้ว่าพวกเรายังอยู่ในเมือง”

“รู้ก็รู้ไปสิ จะเป็นอะไรไป” จิ่วอิงคิดว่าไม่ใช่ปัญหา แต่เขายังคงนั่งดื่มชาอยู่ที่เดิม…

น่าเวทนาจริงๆ ราชาอสูรที่ดุร้ายเช่นเขากลับกำลังดื่มชา?

จิ่วอิงเองก็ไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไร…

นี่ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเขา เขายังคงอยากกินคน ไม่สนว่าจะเป็นคนบริสุทธิ์หรือไม่ แค่อยากกิน

เดิมทีคิดว่ามาถึงยุคคุนหลุนซวีแล้วจะได้กินคน สุดท้าย…

คิดไว้อย่างสวยงาม ความเป็นจริงช่างโหดร้าย

จิ่วอิงที่อุ้มทารกน้อยในอ้อมอก สีหน้าอมทุกข์เศร้าสลด…

“อิงอิง?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเสียสละเวลาอันมีค่าเรียกเขา เขายังลูบรอยบากบนใบหน้าของจิ่วอิง และยังจูบด้วยปากที่เปียกชื้นเบาๆ

จิ่วอิงยิ้มแป้น “ทำไมหรือ หน้าอิงอิงสวยหรือ”

“สวย” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดเสร็จก็หันไปกลืน ‘ข้าวต้มรวมมิตร’ ที่ท่านแม่เขาป้อนให้ ข้างในนั้นมีทุกอย่างจริงๆ วัตถุดิบมาจากท้องพระคลังฝ่ายในของตำหนักสวรรค์

หยางเตี๋ยอีในครานี้ยังไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เพียงปล้นท้องพระคลังหลวง ท้องพระคลังฝ่ายในก็ถูกปล้นแล้ว

อีกทั้งคนที่ปล้นท้องพระคลังหลวงคือจิ่วอิงและเม่ยเอ๋อร์ คนที่ปล้นท้องพระคลังฝ่ายในคือเยี่ยนอวี๋เอง

สมบัติที่โยนออกไปนั้น สำหรับปฐมราชินีเยี่ยนแล้ว ไม่มีค่าอะไรเลย

ทว่า…

“เสี่ยวไป๋คุ้นเคยกับตำหนักสวรรค์ดีนี่” เยี่ยนอวี๋ที่ป้อนเด็กน้อยเหลือบมองเจ้าแมวเหมียวอีกครั้ง

จิ่วอิงมีความสุข “มันคุ้นเคยกับทุกสถานที่ที่ซ่อนสมบัติ”

“เหมียว?” เจ้าเมียวสีขาวมองจิ่วอิงทันที มันรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่รู้จักมันดีเกินไปแล้ว นอกจากนี้เหมือนกับว่าจะคุ้นตามากเลย

แล้วก็… เจ้าตัวน้อยก็ดูคุ้นตามากเช่นกัน

เจ้าเหมียวสีขาวที่กำลังคิดเช่นนี้มันก็ไม่กิน ‘ข้าว’ แล้ว มันมองเยี่ยนเสี่ยวเป่านิ่ง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคุ้น แต่เหมือนกับว่ามันจะเพิ่งเคยเจอคนกลุ่มนี้ครั้งแรกเอง เหมียว…

เจ้าเหมียวสีขาวที่ไม่เข้าใจเกาศีรษะ ร้อง ‘เหมียวๆ’ สองสามครั้ง

จิ่วอิงเองก็มองเจ้าเหมียวสีขาว มั่นใจว่า “เสี่ยวไป๋ถูกประตูหนีบศีรษะจริงๆ ด้วย จำอะไรไม่ได้เลย”

“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวร้องใส่จิ่วอิงอย่างดุดัน เจ้าต่างหากที่ถูกประตูหนีบ

เยี่ยนเสี่ยวเป่าสนุกสนาน “ฮ่า… เหมียว น่า รัก…”

เจ้าเหมียวสีขาวกระโดดเข้าไปในอ้อมอกของเยี่ยนเสี่ยวเป่าอย่างมีความสุข รอเม่ยเอ๋อร์ป้อนอาหารให้มันแล้ว

คุนหลุนซวีและตำหนักสวรรค์ในครานี้วุ่นวายจนไม่มีผู้ใดสามารถปลีกตัวออกมาได้

ในที่สุดหยางเตี๋ยอีก็รู้ว่าท้องพระคลังฝ่ายในของตำหนักสวรรค์ก็ถูกปล้นแล้ว และยังรู้ว่าคุนหลุนซวีผิดปกติ

ครานี้เอง…

“ให้ตายเถอะ!”

หยางเตี๋ยอีที่โมโหอยากจะกระอักเลือด ในขณะเดียวกันก็คลายผนึกของตำหนักสวรรค์ เพราะว่านางรู้ว่าการปิดผนึกนี้ไม่มีผลใดๆ ต่อจอมโจรกลุ่มนี้

ทว่าหยางเตี๋ยอีก็ใช่ว่าจะไม่มีแผนการรับมือ หลังจากที่นางส่งเทพราชาหลันและชิงลงไปคุนหลุนซวีแล้ว นางก็เรียกเทพราชาจิงและเฮ่อสองท่านไปแก้ไขกฎกักขังมิติของตำหนักสวรรค์พร้อมนาง

น่าเสียดาย… ก่อนที่หยางเตี๋ยอีจะแก้ไขกฎ เยี่ยนอวี๋ก็กลับมาตำหนักสวรรค์แล้ว

“ภรรยาอี้เอ๋อร์ ดังนั้นตอนนี้เราจะทำอะไรหรือ” จิ่วอิงอดถามไม่ได้ คิดในใจว่าควรมีแผนการรับมือ

เยี่ยนอวี๋เอ่ย “ประตูมิติที่จะพาเรากลับไปหายไปแล้ว ข้าเดาว่าต้องหาตำแหน่งที่ตรงกับจักรวาลดั้งเดิม จึงจะเรียกประตูมิติคืนมาได้”

“คือที่นี่หรือ” จิ่วอิงชี้ไปที่ตำหนักหลังเดิมที่กลายเป็นสีดำไปแล้ว

เยี่ยนอวี๋พยักหน้าก่อนจะมองไปที่ตำแหน่งประตูเขตแดนที่นางเพิ่งสัมผัสก่อนหน้านี้ เตรียมจะพาพวกเขาบุกเข้าไป

สุดท้าย… ทันทีที่นางมองไปกลับเห็นคนๆ หนึ่ง?

ม่านตาเยี่ยนอวี๋หดลงเล็กน้อย เพราะว่านางไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของบุคคลคนนี้เลย ฝ่ายตรงข้ามปรากฏขึ้นกลางอากาศเอง

มิหนำซ้ำ… สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…

“เมี๊ยว”

เจ้าเหมียวสีขาวที่เดิมทีนอนอยู่ในอ้อมอกของเจ้าตัวน้อย บัดนี้มันกระโจนขึ้นไปบนไหล่ของคนๆ นั้นแล้ว

เยี่ยนอวี๋ “…”

นางหยุดหายใจจังหวะหนึ่ง ในที่สุดนางก็รู้ว่าเหตุใดเจ้าเหมียวตัวนี้จึงรู้จักตำหนักสวรรค์ดีเช่นนี้ และยังไวต่อการปรากฏตัวของหยางเตี๋ยอีด้วย

เพราะว่าเจ้านายของเจ้าเหมียวคือคนของตำหนักสวรรค์ มันคือแมวของบุรุษตาสีม่วง ใบหน้าสวมหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์และสวมชุดสีขาวคนนี้ นี่มัน…

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้” เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้น แต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย! เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือน จากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใคร โอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้ จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจง ชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท