ตอนที่ 748 ทูตสวรรค์ฝ่ายขวามา
แม้เจ้าเหมียวสีขาวยังจำรายละเอียดไม่ได้ เนื่องจากความทรงจำยังสลับซับซ้อนเกินไป
แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้หยุดทำให้มันเข้าใกล้เด็กน้อย เพราะว่าเด็กน้อยในครานี้จู่ๆ ก็ทำให้มันคิดถึงเด็กน้อยคนแรกที่มันชอบที่สุด นั่นก็คือ เสี่ยวมั่วมั่ว
จากนั้นมันก็ค่อยๆ จำได้ว่ามันไปใช้ชีวิตผ่านด่านเคราะห์กับเสี่ยวมั่วมั่วและได้เห็นเสี่ยวมั่วมั่วมีลูกชื่อเสี่ยวอี้เอ๋อร์ อี้เอ๋อร์ อี้เอ๋อร์ ใช่ อี้เอ๋อร์
เจ้าเหมียวสีขาวที่จู่ๆ มุดออกมาจากซอกคอของเด็กน้อย มันก็กระโจนใส่ต้าซือมิ่ง ร้องเหมียวไม่หยุด อี้เอ๋อร์ อี้เอ๋อร์นี่
เจ้าเหมียวสีขาวที่ในที่สุดก็จำได้ว่าตนเองมาใช้ชีวิตเพื่อผ่านด่านเคราะห์กับอี้เอ๋อร์ ในที่สุดมันก็จำวันที่ไม่มีใครเหลืออยู่ข้างกายหลังจากตนตื่น
ครานี้เอง…
“เมี๊ยววว…”
เจ้าเหมียวสีขาวร้องไห้
เจ้าเหมียวสีขาวที่อุ้งเท้าทั้งสี่ของมันเกาะบนแผ่นอกของต้าซือมิ่งแน่น มันร้องเหมียวๆ ไม่หยุด
มันอยากบอกอี้เอ๋อร์ว่ามันไม่ได้ผนึกตนเอง แต่มันจำอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่ลงมา อีกทั้งข้างกายก็ไม่มีอี้เอ๋อร์และไม่มีจิ่วอิงด้วย เหมียว
“เหมียววว…”
เจ้าเหมียวสีขาวร้องไห้อย่างหนัก
แม้แต่จิ่งอิงก็รู้สึกโศกเศร้า นานๆ ทีจะเห็นมันปลอบเจ้าเหมียว “เจ้าโง่ ในที่สุดก็จำได้แล้วสินะ ควรดีใจสิ”
“เมี๊ยว” เจ้าเหมียวสีขาวถลึงตามองจิ่วอิงบอกว่า เจ้าไม่รู้ความเสียใจของข้าหรอก เหมียววว…
จิ่วอิงหัวเราะ “เอาเถอะ ซาบซึ้งเป็นพิธีก็พอแล้ว เจ้าดูแม้แต่เสี่ยวเป่ายังมองเจ้า เสี่ยวเป่าคือลูกของอี้เอ๋อร์ เจ้าดูสิ เหมือนกับอี้เอ๋อร์ตอนเด็กเลยใช่หรือไม่”
เจ้าเหมียวสีขาวที่มองไปที่เด็กน้อยพบว่า เด็กน้อยไม่ได้มองมันเสียหน่อย เขายังคงทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เลย…
ทว่าเสี่ยวเป่าที่ชอบกินเช่นนี้ ไม่… ไม่เหมือนอี้เอ๋อร์เสียหน่อย เหมียว…
เจ้าเหมียวสีขาวส่ายศีรษะก่อนจะกระโดขึ้นไปบนไหล่ของเจ้าตัวน้อย รู้สึกว่าอี้เอ๋อร์น้อยน่ารักน่าชังคนนี้เหมือนเสี่ยวมั่วมั่ว พ่อของอี้เอ๋อร์มากกว่า
“เหมียววว…” เจ้าเหมียวสีขาวเลียใบหน้าของเด็กน้อยด้วยสัญชาติญาณ มันพยายามยื่นอุ้งเท้าออกไปกอดคอของเด็กน้อยไว้ “เหมียวๆๆ…”
เด็กน้อยที่ถูกเลียและคลอเคลีย เขาก็สละเวลาลูบเจ้าเหมียวสีขาวสองสามที เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ขอแค่ไม่แย่งข้าวเขา อะไรก็คุยกันได้อ่อนหวานมากจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้เจ้าเหมียวสีขาวยิ่งรู้สึกว่าอี้เอ๋อร์น้อยเหมือนเสี่ยวมั่วมั่วมากเลยเหมียว “เมี๊ยวๆๆ เมี๊ยวๆๆ…”
เหมือนกับว่าเจ้าเหมียวสีขาวกำลังพูดเยอะมาก สุดท้ายกลับมีเพียงความเงียบตอบ ไม่มีใครฟังออกว่ามันกำลังพูดอะไร
ทว่าเนื่องจากเด็กน้อยหิวมาก ต้าซือมิ่งก็ไม่ได้คิดจะเดินทางต่อไป แต่เขาหาที่ตั้งกระโจมในป่าบริเวณใกล้กับคุนหลุนซวี
ดังนั้นแม้เด็กน้อยจะยังกินไม่อิ่ม แต่ก็ไม่ค่อยหิวแล้วจึงเล่นกับเจ้าเหมียวสีขาวอย่างสนุกสนาน
จิ่วอิงมองดู ดูๆไปก็รู้สึกสนุกกับเขาด้วย เขาจึงนั่งดูพวกเขาเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน
เยี่ยนอวี๋มองกลับมาและมองไปที่ต้าซือมิ่งที่กำลังทำอาหาร “สามี…”
“หืม?” ต้าซือมิ่งที่เงยหน้าขึ้นครุ่นคิดว่าหากภรรยายังรุกไม่เลิก เช่นนั้นเขาควรจะยอมหรือว่ายอมนางดีนะ
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางก็เกาะติดสามีจริงๆ และยังยื่นมือไปกอดเอวบางของต้าซือมิ่งไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำเอา… ต้าซือมิ่งอดกอดภรรยาเข้ามาในอ้อมอกไม่ได้และยังจูบดอกไม้บนหน้าผากนาง “ไม่เล่น”
เยี่ยนอวี๋ที่ยกมือแขนคล้องคอต้าซือมิ่งไว้ นางก็… ไม่เล่นจริงๆ และไม่ได้จะเล่นด้วย นางถามว่า “เราจะได้กลับไปเมื่อไหร่หรือ”
ต้าซือมิ่งที่เลิกคิ้วเล็กน้อย เขาก็โอบเอวของถรรยาเบาๆ คิดว่าภรรยาไม่เล่นแล้วจริงๆ
แต่ว่า… กระโจมนี่ก็ไม่เหมาะที่จะทำอะไรกันจริงๆ มิหนำซ้ำเด็กน้อยยังอยู่ นี่คือปัญหา
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่รู้ว่าสามีรูปงามของตนกำลังครุ่นคิดว่าจะกินนางอย่างไร นางยังขมวดคิ้วเล็กน้อยและเรียก “สามี?”
“อืม” หรงต้าซือมิ่งกอดภรรยาไว้แน่นและยังสามารถตอบคำถามภรรยาได้ว่า “รออีกหน่อย ต้องตรวจสอบเรื่องบางอย่างก่อน”
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้เซ้าซี้ แต่ถามว่า “สามี เจ้าเป็นอะไรไปหรือ เหม่อลอยสองครั้งแล้ว”
หรงอี้ “…”
เขาที่เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดไปตรงๆ ว่า “กำลังคิดว่าจะชดเชยเรือนหอให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างไรดี คงทำระหว่างทางหรือในกระโจมไม่ได้หรอก ดูสุกเอาเผากินเกินไป”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่ตั้งอกตั้งใจคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่สามีเหม่อลอยไปสองครั้งเป็นเพราะเรื่องนี้
แต่ว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ดังนั้นเยี่ยนอวี๋จึงถามว่า “แล้วต้องเมื่อไหร่ ที่ไหน”
หรงอี้ที่เงียบไปอีกครั้งหัวเราะ ฮึ ออกมาเบาๆ เขาจูบริมฝีปากของภรรยา พูดเสียงเบาว่า “เมื่อกลับจักรวาลดั้งเดิม ในห้องนอนของเจ้า”
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วถามว่า “เช่นนี้คงต้องรออีกนานเลย”
หรงอี้ที่หัวเราะอีกครั้ง เขาก็กอดภรรยาไว้แน่นกว่าเดิม เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้าปลาน้อยตัวนี้ของเขา ช่างน่ารักและเย้ายวนจริงๆ
หากไม่ใช่เพราะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจริงๆ เขาไม่อยากทนเลยจริงๆ ไม่อยากทนแม้แต่นาทีเดียว
แต่ว่า…
“อ้ะเนะ”
เด็กน้อยที่โถมตัวเข้ามาเตือนสติต้าซือมิ่งอีกครั้งว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจริงๆ
“เหมียว”
เจ้าเหมียวสีขาวที่โถมตัวเข้ามาตามเด็กน้อย มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของต้าซือมิ่ง อุ้งเท้าข้างหนึ่งของมันเกาะบนคอของต้าซือมิ่ง และยื่นศีรษะออกมามองไปที่เยี่ยนอวี๋
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…
เจ้าเหมียวสีขาวรู้ว่านางคือภรรยาของอี้เอ๋อร์ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เหมียววว…
เจ้าเหมียวสีขาวที่ร้องเหมียวๆๆๆ มันก็พูดกับเยี่ยนอวี๋ “เมี๊ยวๆๆ…” ภรรยาอี้เอ๋อร์ ช่างงดงามจริงๆ แม่สามีและท่านย่าของเจ้าต้องชอบเจ้ามากแน่ๆเลย เหมียว เมี๊ยวๆ…
เจ้าเหมียวน้อยสีขาวที่พูดไปมากมายทำเอาเยี่ยนอวี๋งุนงง
ในขณะเดียวกัน…
ณ อาณาจักรมาร
เหล่าปีศาจเผ่ามารที่ได้รับจดหมายจากคุณชายอวิ๋นที่สิบสองแล้วกำลังพูดถึงเรื่องนี้ “ตำหนักสวรรค์ส่งจดหมายมาว่าอะไรหรือ”
“ยังต้องพูดอีกหรือ ปฐมราชินีสวรรคต พวกเขาต้องกลัวจักรพรรดิของเราแล้วน่ะสิ ส่งมาขอความร่วมมือแน่ๆ”
“ฝันกลางวันจริงๆ ให้ข้าพูดนะ นี่เป็นโอกาสดีที่เผ่ามารของเราจะยึดครองคุนหลุนสิบสองชั้นสวรรค์” ปีศาจไม่น้อยก็คิดเช่นนี้ และยังมองไปที่ชาย ‘หนุ่ม’ รูปงามไม่ธรรมดาที่อยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งประธาน
แต่แล้วจักรพรรดิมารรูปงามท่านนี้กลับพูดว่า “หาวิธีส่งสารให้จอมโจร ข้าต้องการพบนางที่หอเทียนเยา”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิ” เหล่าปีศาจที่เกรี้ยวกราดไม่ยอมคนมาโดยตลอดพากันก้มศีรษะรับบัญชาก่อนจะแยกย้ายกันไป ไม่ได้พูดถึงเรื่องยึดครองคุนหลุนสิบสองชั้นสวรรค์อีกแม้แต่น้อย เพราะว่าจักรพรรดิของพวกเขาไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย
แต่สิ่งที่พวกมันไม่รู้คือหลังจากที่พวกมันแยกย้ายกลับไปแล้ว จักรพรรดิของพวกมันก็สวมหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์ ‘แบบเดียวกับ’ ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา…
—————————–
