ตอนที่ 772 วิญญาณผู้กอบกู้โลก (อวสาน 2)
เจ้าเหมียวสีขาวที่ยังคงอุ้มเจ้าลูกเจี๊ยบรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ‘ลูกอ๊อด’ ที่จู่ๆ เจาะเข้ามาเหล่านี้
แต่ทันทีหลังจากนั้น… มันก็โมโห เพราะว่าสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะคล้ายร่มคันน้อยต่างกระโจนเข้าใส่ลูกไก่สีเหลือง เห็นได้ชัดว่าจะกลืนกินมัน
“เหมียว”
เจ้าเหมียวสีขาวตะปบ ‘ลูกอ๊อดตัวน้อย’ เหล่านี้เข้าไปในปากทีละตัวทันที และยังร้อง “เหมียวๆๆ” ไม่หยุดอย่างโมโห
หากมีคนฟังภาษาแมวรู้เรื่อง ย่อมต้องรู้ว่ามันกำลังด่ากราด
ตัวบ้าอะไรนี่เหมียว ลูกเจี๊ยบที่แม้แต่ข้ายังกินไม่ได้ พวกเจ้ายังกล้าคิดจะมาแย่งกินรึ ฝันไปเถอะเหมียว
ผ่านไปเพียงไม่นาน… สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะคล้ายร่มคันเล็กที่ทะลักเข้ามาถูกเจ้าเหมียวสีขาวกลืนกินหมดเกลี้ยง ไม่มีวิญญาณตนไหนหลุดลอยไปได้เลย
“เมี๊ยว”
เจ้าเหมียวสีขาวที่ยังคงโกรธกริ้ว มันยังมองไปรอบทิศอย่างโมโห ดวงตาสีเขียวสดใสคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความโกรธและดุร้าย
ทว่าสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะคล้ายร่มคันน้อยกลับไม่ได้เข้ามาอีก เพราะว่าเซ่าเฮ่ารู้ช่องโหว่แล้ว ตอนที่เขากำจัดของเหลวที่กัดกร่อนอย่างรวดเร็วก็พบว่าเมือกเหล่านี้มีพลังชีวิต
“ให้ตายเถอะ” เซ่าเฮ่ามองรากของไข่ใบยักษ์ใบนี้ รู้ว่าไม่ได้การแล้ว เขาจึงแผ่ซ่านแสงศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งออกมาปกคลุมรากทุกๆ รากที่อยู่เหนือพื้นดินและใต้พื้นดิน
ในขณะเดียวกัน…
กรู
กรูๆ…
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่ถูกเมือกพ่นใส่ พวกมันก็เหมือนกับนักรบที่ถูกฉีดเลือดไก่ ต่างพากันเข้าโจมตี
คิเมียราสู้กับพวกมันทันที ทว่ามันไม่กล้ามองพวกเขา มันหลับตาสู้ตลอดเวลา แต่ด้วยพลังการต่อสู้ของมันเพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาทุกตัวแหลกสลายและล้มตาย
ทว่าคลานคลานพบในทันทีว่า เมือกที่หลุดรอดออกไปได้นั้นขยับอีกครั้ง จากนั้น… “บัดซบ มันโผล่ขึ้นมาใหม่จากบนพื้นอีกเพียบเลย”
คิเมียรามองไปที่พื้นทันที เห็นสัตว์ประหลาดคล้ายร่มมากมายเคลื่อนไหวกันยั้วเยี้ยตามคาด มันขนหัวลุกทันที…
“ตามคาด” เซ่าเฮ่าสีหน้าเคร่งขรึม “เกรงว่าจิ๊บจิ๊บคงจะแย่แล้ว”
“ใช่ ตอนที่สัตว์ประหลาดตัวแรกถูกโจมตี มันพ่นเมือกออกมามากมาย ครานั้นไป๋ตี้ท่านยังไม่ได้ปกป้องรากของจักรพรรดิมารน้อยไว้ จักรพรรดิมารน้อยคงแย่แล้ว” คลานคลานเดินวนรอบไข่ใบยักษ์อย่างร้อนรน
คิเมียราเองก็ร้อนรน “แล้วตอนนี้ทำอย่างไรดี”
เซ่าเฮ่าปล่อยพลังออกไปก็ห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาคล้ายร่มที่อยู่เต็มพื้นไว้เป็นก้อนหนึ่งและค่อยๆ จับมันใส่ในถุงวิเศษอย่างระมัดระวัง และยังสร้างค่ายกลไว้ไม่น้อยในถุง
คิเมียร่ารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย “แค่นี้ก็พอแล้วใช่หรือไม่”
น่าเสียดายที่เพิ่งสิ้นเสียงของมัน พิกซีน้อยก็ส่งโทรจิตให้เซ่าเฮ่า “ไป๋ตี้ สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่เจ้าพูดถึงคือสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนปลาไหลใช่หรือไม่”
หัวใจของเซ่าเฮ่าตกลงไปตาตุ่มทันที “เจ้าเจอแล้วหรือ”
“ใช่” พิกซีน้อยพูดว่า “ข้าเจอมันที่ประตูค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกมันขวางค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้”
เซ่าเฮ่านวดระหว่างคิ้วเบาๆ “ฆ่าพวกมันซะ แต่ตอนที่ฆ่าต้องระวังไม่ให้เมือกของพวกมันหนีไปได้ เมือกของมันจะกำเนิดสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาขึ้นใหม่ นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่ถูกเมือกพ่นใส่จะมีพลังโจมตีที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ระวังตัวด้วย”
“เข้าใจแล้ว” พิกซีน้อยตอบเสร็จก็เริ่มโจมตี ‘เหล่าปลาไหล’ ที่ขวางทาง
สีหน้าของเซ่าเฮ่ากลับเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “คิเมียรา เจ้าไปช่วยพิกซีที่ประตูค่ายกลเคลื่อนย้าย ให้มันรีบออกไปให้ได้”
“แล้วที่นี่…” คิเมียรามองไข่ใบยักษ์อย่างเป็นห่วง
“วางใจเถอะ ข้าจะเฝ้าให้เอง” เซ่าเฮ่ารับรองว่า “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ เกรงว่าทะเลสาบสือซ่าไห่จะปรากฏสัตว์ประหลาดเช่นนี้มากมาย เพราะว่าสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาระดับสูงกว่านี้ก็ปรากฏแล้ว ต้องให้ปฐมราชินีและเทียนตี้รับรู้”
“ได้” คิเมียราออกไปอย่างไม่พูดพล่ามอีกทันที
คลานคลานกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก “ไป๋ตี้ จักรพรรดิมารน้อยไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ มันไม่ได้ถูกเจ้าสิ่งนั่นกัดกร่อนไปแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่หรอก พลังชีวิตของมันยังปกติดี” เซ่าเฮ่าตอบอย่างมั่นใจ และยังคาดเดาอย่างมีเหตุมีผลว่า เจ้าเหมียวน้อยที่ตกลงไปในไข่ก่อนหน้านี้น่าจะช่วยไว้แล้ว
แม้ในความทรงจำของเซ่าเฮ่า เจ้าเหมียวน้อยที่เขาเพิ่งเคยเจอครั้งเดียว ดูเหมือนจะไม่มีพลังต่อสู้ใดๆ แต่มันก็เป็นถึงแมวติดตามจวินโฮ่วเชียวนะ
ดังนั้นเซ่าเฮ่าเชื่อว่ามันอาจจะเป็นแมวที่มีลักษณะเหมือนนายน้อย ดูไม่มีพลังโจมตีใดๆ แต่อันที่จริงรับมือด้วยยากนัก มิเช่นนั้นเหตุใดพลังชีวิตของเจ้าลูกเจี๊ยบจึงพวยพุ่งเช่นนี้ได้เล่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้… เซ่าเฮ่าก็วางใจลงไม่น้อย แต่แล้ว… ปีศาจแฝงฝันส่งข่าวร้ายมาว่า “ไป๋ตี้ ทะเลสาบสือซ่าไป่ปรากฎสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาแบบที่ท่านเพิ่งบอกไป อีกทั้งพวกมันยังคลานออกมาจากหลุมลึกคำสาป
นอกจากนี้ ทหารของเผ่าเราที่เฝ้าอยู่ในแดนมืดตายหมดแล้ว เกรงว่าแดนมืดจะถูกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ครอบครอง พวกมันกำลังขยายวงกว้างผ่านแดนมืด บัดนี้ ยมโลก โลกมนุษย์และแดนสวรรค์คงปรากฎสิ่งมีชีวิตเช่นนี้เช่นกัน”
เซ่าเฮ่าที่เพิ่งวางใจลงได้เล็กน้อยกังวลอีกครั้ง เขาคิดถึงจุดจบที่เลวร้ายที่สุดแล้ว
สุดท้าย… คิเมียราส่งโทรจิตให้เขาอีกครั้งตามคาดว่า “ไป๋ตี้ ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกกลืนกิน เราไม่สามารถออกไปด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายได้แล้ว แต่พิกซีออกจากทะเลสาบสือซ่าไห่ไปแล้ว หากสำเร็จ อีกครึ่งชั่วยามจะถึงตำหนักสวรรค์”
พิกซีน้อยที่ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายให้ใช้ ได้แต่หายตัวจากไป จะเจออุปสรรคอะไรบ้าง ไม่มีผู้ใดรู้ แต่เซ่าเฮ่าทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่มัน หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น
แต่ก่อนหน้านี้… เซ่าเฮ่าจำเป็นต้องพูดว่า “ปีศาจแฝงฝัน เผ่ามารส่งลูกมือไปโลกมนุษย์ได้หรือไม่”
“เจ้าต้องการให้เผ่ามารพวกเราไปปกป้องเผ่ามนุษย์หรือ” ปีศาจแฝงฝันย้อนถาม
“ใช่” เซ่าเฮ่าตอบอย่างมั่นใจ “ปฐมราชินีเชื่อใจพวกเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะเชื่อใจพวกเจ้าเช่นกัน ยมโลกและแดนสวรรค์มีพลังการปกป้องตนเองค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่โลกมนุษย์ไม่มี พวกเขามีสามัญชนที่ไม่มีแรงแม้แต่ฆ่าไก่มากเกินไป”
“…ได้ ข้าจะส่งกองกำลังมารชุดหนึ่งที่เชื่อฟังลงไป” ปีศาจแฝงฝันตอบ แม้นางรู้สึกประหลาดใจ อีกทั้งนางยังต้องพูดไว้ล่วงหน้าว่า “ข้ากังวลว่าเผ่ามนุษย์จะไม่รับน้ำใจ” ถึงอย่างไรเผ่ามารก็เคยบุกรุกโลกมนุษย์
“มิต้องกังวล หลังจากเจ้าไปโลกมนุษย์แล้ว ให้ไปสำนักชางอู๋หาผู้ดูแลตอนนี้ของพวกเขา” เซ่าเฮ่าตอบอย่างมั่นใจ อันที่จริงในใจก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะว่าญาติสนิทมิตรหายของปฐมราชินีในสำนักชางอู๋ก็คงมาร่วมดื่มอวยพรที่จักรวาลดั้งเดิมหมดแล้ว
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านี้ปรากฏตัวได้ถูกเวลาจริงๆ
ก่อนหน้านี้ไม่มา หลังจากนี้ไม่มา ดันมาเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าแผนการใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
เซ่าเฮ่าได้แต่หวังว่าข่าวสารจะส่งออกไปได้เร็วกว่านี้ แต่ความร้อนรนเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เขาทิ้งจิ๊บจิ๊บไว้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าที่สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาโจมตีลูกเจี๊ยบเป็นอันดับแรกคงเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ
…
ในขณะเดียวกัน ณ เมืองโยวตู แดนมนุษย์
ทหารโยวตูที่กำลังเดินลาดตระเวนริมแม่น้ำเย่ว์หมิงจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงน้ำหลากดังซู่ซ่าทะลักออกมาจากข้างใต้แม่น้ำเย่ว์หมิง พวกเขาหยุดเดินและระวังตัวทันที
จากนั้น…
ซู่ซ่า
สิ่งมีชีวิตหลากสีที่มีท่อนบนเป็นรูปร่างมนุษย์เพศหญิงงดงาม ท่อนล่างกลับเป็นขาแมงมุงโผล่ออกมาจากแม่น้ำ ทำเอาทหารโยวตูที่กำลังลาดตระเวนตกใจใหญ่
กรู๊ กรู๊…
มนุษย์แมงมุงหลากสีกลับส่งเสียงเตือนอย่างร้อนรนไม่หยุด
เนื่องจากแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของมันสงบสุขมาก ทหารโยวตูที่อยากจะโจมตีมันจึงสงบลง ไม่ได้โจมตีมันในทันที เพียงแค่มองมันอย่างระมัดระวัง
กรู๊ กรู๊…
มนุษย์แมงมุงหลากสีกลับร้อนรนกว่าเดิม มันถึงกับพ่นใยไปทางหัวหน้าของทหารโยวตู
ทหารโยวตูทำท่าจะโจมตีทันที ทว่า…
“ช้าก่อน”
เสียงห้ามปรามอย่างเมตตาจากอีอิ่นระงับความขัดแย้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
มนุษย์แมงมุงหลากสีที่เดิมทีคิดจะพาหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนไปก็ล้มเลิกเป้าหมาย มันหันไปมองที่ที่เสียงดังขึ้น และส่งเสียงร้องเตือน กรู๊ๆ อีกครั้ง
อีอิ่นในร่างวิญญาณเดาสิ่งที่มนุษย์แมงมุงจะสื่อออกได้ แต่เขาจำเป็นต้องส่ายศีรษะพูดว่า “ข้าไม่สามารถไปกับเจ้าได้ แต่ข้าเรียกศิษย์สามคนมาแล้ว พวกเขาจะมาถึงเร็วๆ นี้ เจ้าใจเย็นๆ”
กรู๊
มนุษย์แมงมุงบอกว่าตนเองร้อนรนมาก ใบหน้าสตรีที่งดงามและประกายแสงนั่นก็ปรากฎความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
อีอิ่นมองใบหน้าของนาง เห็นได้ว่าคล้ายเยี่ยนอวี๋สองส่วนจึงรู้ตัวตนของมัน “เจ้าคือจูจูสินะ”
มนุษย์แมงมุงชะงักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าทันที “กรู๊?” เจ้ารู้จักข้า?
“ปฐมราชินีเคยพูดถึงท่าน ท่านคือวิญญาณที่ปกป้องผนึกแดนมืดข้างใต้โยวตู” อีอิ่นรู้จักจูจูจริงๆ และเดาได้ว่าแดนมืดคงจะเกิดเรื่องแล้วและเป็นอันตรายต่อโลกมนุษย์ด้วย มิเช่นนั้นวิญญาณตนนี้คงไม่ปรากฏตัวและยังดูรีบร้อนเช่นนี้
ดังนั้นขณะที่อีอิ่นรู้สึกถึงจูจูก็ส่งโทรจิตให้ฮู่ปั๋ว เฟิงจื่ออวิ๋นและจวินฮวน ทั้งสามฝากตัวเป็นศิษย์เข้าประตูสวรรค์หลังจากการสถาปนาต้าซางไม่นาน กลายเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของอีอิ่น
บัดนี้ ทั้งสามคนนี้เร่งเดินทางมาถึงแล้ว จวินฮวนยังจำจูจูได้ เขาคารวะ “ท่านจูจู”
“กรู๊” มนุษย์แมงมุงหลากสีเองก็ยังจำจวินฮวนได้ นาง ‘ลักพาตัว’ ทั้งสามไปทันที เห็นได้ชัดว่าร้อนรนมาก
อีอิ่นยังไม่ได้จากไป เขารอที่ริมแม่น้ำเย่ว์หมิง ในขณะเดียวกันก็ให้ทหารลาดตระเวนโยวตูไปรายงานท่านแม่ทัพโยวตู ให้กองกำลังในเมืองโยวตูเตรียมพร้อมให้ดี
ผ่านไปเพียงไม่นาน…
หนานเฉิงทง แม่ทัพใหญ่ของเมืองโยวตู และจวินอั้นเทียน ผู้ดูแลสำนักจวินจื่อ รวมถึงมือดาบอาวุโสก็มาถึงแล้ว
ทันทีที่ทั้งสามปรากฏตัวก็ถามว่า “อาจารย์อีอิ่น เกิดเรื่องแล้วหรือ”
“เตรียมตัวให้ดี จูจูวิญญาณแห่งผนึกปรากฏกาย มันกำลังส่งสัญญาณเตือน” ใบหน้าเมตตาของอีอิ่นแสดงความเคร่งเครียด เขาคิดไปมากกว่านั้น เขาเดาว่าตำหนักสวรรค์คงจะเกิดเรื่องแล้วเช่นกัน
มิเช่นนั้นจูจูคงไม่รีบร้อนออกมาจับคนไปทันที แทนที่จะส่งโทรจิตให้ปฐมราชินี
แต่อีอิ่นไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่ให้ทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดี
ผ่านไปไม่นาน…
ฮู่ปั๋วที่โผล่ออกจากในน้ำอย่างรวดเร็วก็นำข่าวร้ายมาตามคาด “ในแดนผนึกปรากฏสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จัก พวกมันกำลังกัดกินร่างกายของท่านจูจู ทำลายผนึกอย่างรวดเร็ว เกรงว่าท่านจูจูคงจะทนมานานแล้ว จนไม่สามารถทนได้อีกจึงออกมาเตือน”
“เป็นไปตามคาด” อีอิ่นตอบเสียงขรึม เขามองไปที่คนสามคนที่อยู่ข้างกาย
หนานเฉิงทงพูดขึ้นก่อนว่า “ทหารโยวตูเตรียมพร้อมแล้ว ลงน้ำได้ตอนนี้ทันที”
“ศิษย์สำนักจวินจื่อก็พร้อมแล้วขอรับ” ก่อนที่จวินอั้นเทียนจะมาก็สั่งให้ผู้ดูแลในสำนักจัดเตรียมศิษย์ชั้นยอดไว้แล้ว
อีอิ่นพยักหน้าเบาๆ “เจอกันที่นี่ในอีกหนึ่งถ้วยชา ศิษย์สำนักศึกษาจะไปพร้อมพวกเจ้า”
“ขอรับ” ทั้งสามแยกย้ายกันไป
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา…
กองทัพแนวหน้าและแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของโยวตู รวมถึงศิษย์ ผู้ดูแลและผู้อาวุโสสำนักดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุด และศิษย์และอาจารย์สำนักศึกษาล้วนมารวมตัวกันที่ริมแม่น้ำเย่ว์หมิง
ในขณะเดียวกัน…
สำนักชางอู๋
ห้องอินอ๋อง
สำนักเนี่ยผาน
ล้วนได้รับสารขอความช่วยเหลือจากสำนักจวินจื่อ
ก่อนที่กองทัพเผ่ามารจะมาถึง นักฝึกฌานที่แข็งแกร่งที่สุดของต้าซางก็เร่งเดินทางมาแล้ว
ดินแดนที่ไม่เคยเผชิญกับการถูกทำลายล้างใหญ่หลวงเช่นนี้ เฉียบไวและแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เซ่าเฮ่าคิดไว้ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะมีจูจู แต่จูจูในบัดนี้แย่แล้ว…
“กรู๊”
“กูรู”
“จิ๊บ”
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะคล้ายร่มมากมายและสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาขนาดใหญ่เหมือนปลาไหลกัดกร่อนร่างกายของจูจูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คือผนึกของแดนมืดและอาณาจักรมาร
แม้สำนักจวินจื่อ สำนักศึกษา ทหารโยวตูมาช่วยเหลือแล้ว แต่หลังจากที่พวกเขาฆ่าสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาตายก็ไม่ได้กำจัดเมือกเหล่านั้นในทันที เมือกเหล่านั้นจึงซึมเข้าไปในร่างกายของจูจูอย่างรุนแรงกว่าเดิม
ในกระบวนการนี้ ร่างของจูจูหลากสีถูกแปดเปื้อนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถในการชำระล้างของมันก็ไม่สามารถกำจัดผู้บุกรุกเหล่านี้ได้ มันจะไม่ไหวแล้ว
จวินฮวนสีหน้าเคร่งเครียด “เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ ตำหนักสวรรค์ยังไม่มีข่าวเลยหรือ”
“ตอนนี้ยังไม่มี” ฮู่ปั๋วที่กลับมาแดนผนึกอีกครั้งส่ายศีรษะอย่างเคร่งเครียด “ผู้อาวุโสหยางไท่ของสำนักชางอู๋แจ้งว่ายังไม่สามารถส่งข่าวขึ้นไปบนตำหนักสวรรค์ได้ เขากำลังคิดหาวิธี”
“เช่นนั้นเราต้องย้ายที่สู้รบไปยังที่อื่น จะสู้กันในร่างกายของท่านจูจูไม่ได้ มิเช่นนั้นไม่ว่าจะสู้อย่างไร ท่านจูจูก็จะบาดเจ็บ” เฟิงจื่ออวิ๋นมองดินของผนึกที่แทบจะถูกแปดเปื้อนด้วยเมือกทั้งหมด เขาเห็นอย่างชัดเจนว่ามีสัตว์ประหลาดลักษณะคล้ายร่มไม่น้อยกำลังกำเนิดขึ้น
และเมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้ก่อร่างแล้วก็ติดกับพื้นดินทันที สุดท้ายทำให้ดวงจิตที่เดิมทีโปร่งใสงดงามของจูจูค่อยๆ ถูกสีเขียวหมึกหยดย้อม
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป… จูจูต้องถูกกลืนกินจากข้างในสู่ข้างนอกแน่นอน
จวินฮวนเหินขึ้นมาตะโกนให้จูจูที่กำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตว่า “ท่านจูจู ท่านถอยเถอะ ปลดผนึก เราจะปกป้องที่นี่เอง”
“กูรู” จูจูส่ายศีรษะ ในขณะเดียวกันก็แทงทะลุปลาไหลยักษ์ตัวหนึ่ง ชำระล้างมัน
หากการต่อสู้ของทุกคนสามารถสู้อย่าง ‘สะอาดหมดจด’ เช่นนี้ จูจูย่อมไม่ต้องถอย
แต่ความเป็นจริงคือ…
ตูม
ตูม ตูม…
สัตว์ประหลาดที่ถูกนักฝึกฌานเข่นฆ่าสุดท้ายพ่นเมือกขนานใหญ่ออกมา ทั้งหมดกระเซ็นบนพื้นดินผนึก
สัตว์ประหลาดที่ถูกนักฝึกฌานฆ่ายิ่งมาก เมือกที่เกิดขึ้นก็ยิ่งมาก
ถึงแม้หลังจากที่สังเกตเห็นเรื่องนี้แล้ว มีนักฝึกญาณธาตุไฟเริ่มกำจัดเมือกเหล่านี้ด้วยการแผดเผา แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี เพราะว่าสัตว์ประหลาดมีมากเกินไปจริงๆ อีกทั้งยังมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย…
กรู
จูจูยังคงเร่งจวินฉวนพวกเขาให้รีบฆ่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ อย่าให้พวกมันแทรกซึมเข้าไปในผนึกเข้าสู่แดนมนุษย์ได้
จวินฮวนไม่ต้องเดาก็ฟังออกว่าการเร่งเร้าของจูจูมีจุดประสงค์อะไร
แต่เมื่อมันเห็นสิ่งสกปรกที่สะสมในร่างกายของจูจูกระจายไปถึงส่วนท้องของมันแล้ว ร่างแมงมุงของมันกลายเป็นสีเขียวเข้มอันน่าสะพรึง
ตูม
เคร้ง
เฟิงจื่ออวิ๋นที่ฆ่าสัตว์ประหลาดลักษณะร่มตนหนึ่งและแผดเผามันทันที เขาก็ลงมาอยู่ข้างกายจวินฮวนอีกครั้ง และเสนอว่า “เราไปฆ่าพวกมันที่แดนมืดเถอะ พุ่งผ่านผนึกไปยังแดนมืด”
เฟิงจื่ออวิ๋นเข้าใจ หากจะให้จูจูถอยน่ะเป็นไปไม่ได้ ในความคิดของมัน มันเป็นผู้พิทักษ์ของโลกมนุษย์ เวลาแบบนี้ไม่มีทางที่มันจะล่าถอย
ในเมื่อเช่นนี้ พวกข้าเข้าไปเอง
ข้อเสนอนี้… จวินฮวนเห็นด้วย เขาชูดาบขึ้นบัญชาว่า “สำนักจวินจื่อทุกท่าน ตามข้าไป”
ทว่า…
“กูรู”
จูจูไม่อนุญาต
เป็นไปตามที่เฟิงจื่ออวิ๋นคิด ในความเข้าใจของจูจู มันก็คือผู้พิทักษ์แดนมนุษย์ หน้าที่ของมันคือพิทักษ์ไม่ให้สัตว์ประหลาดของแดนมืดเข้าไปในโลกมนุษย์ ปกป้องเผ่ามนุษย์
ดังนั้นจวินฮวนและผู้ที่กำลังสู้รบทุกคนเป็นผู้ที่มันต้องปกป้อง มันจะปล่อยให้พวกเขาทะลุผ่านมัน ไปประสบอันตรายข้างหน้ามันได้อย่างไร ย่อมไม่มีทาง
ไม่ว่าจวินฮวนพวกเขาพูดอย่างไร มันก็ไม่ยอม
ทว่า…
กรู
จิ๊บ…
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาแทรกซึมออกมาจากแดนมืดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าพลังผนึกวิญญาณของจูจูถูกกลืนกินจนอ่อนแอกว่าเดิมแล้ว มันทำได้เพียงคงสภาพไว้ไม่ให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้เข้าไปแดนมนุษย์ได้ แต่ไม่สามารถต่อต้านการบุกรุกของพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป… จูจูต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ บนใบหน้าที่ดูสง่างามเหมือนเยี่ยนอวี๋ถึงสองส่วนของมันก็ไม่ได้ปรากฏความทุกข์ทรมานใดๆ มันยังคงต่อสู้อย่างหนัก ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะเหมือนปลาไหลยักษ์เหล่านั้น
มันเป็นผนึกที่เยี่ยนอวี๋สร้างขึ้น ดังนั้นนอกจากหน้าตาของมันเหมือนเยี่ยนอวี๋มากขึ้นทุกวัน มันยังสืบทอดเจตนารมณ์การปกป้องของเยี่ยนอวี๋
ทว่า… จวินฮวนในบัดนี้ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “สำนักจวินจื่อทุกท่าน ตามข้าไป”
เมื่อพูดจบ จวินฮวนก็พุ่งผ่านการป้องกันของจูจูด้วยแสงดาบ เข้าสู่แดนมืด
“กูรู” จูจูเรียกอย่างร้อนรน แต่ม่านพลังที่มันปิดกั้นแดนมืดอ่อนแอลงมาก จวินฮวนรับรู้ได้ สุดท้ายเขาก็ได้นำสำนักจวินจื่อทั้งหมดเข้าสู่แดนมืดได้สำเร็จ
และแดนมืดในครานี้… มันไม่ได้มืดสลัวอีกต่อไป มันมืดสนิท
นอกจากนี้ ทันทีที่จวินฮวนโจมตีเข้าไปก็พบว่าประสาทสัมผัสของเขาถูกบีบอัดในรัศมีเพียงไม่กี่ลี้ เขาไม่สามารถแผ่ซ่านออกไปได้เลย?
ไม่เพียงเท่านี้… เหมือนกับว่าตบะของเขาจะถูกกดไว้ด้วย ก่อนหน้านี้เขาสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดได้ในดาบเดียว พลังงานที่แผ่ซ่านออกไปก็สามารถชำระล้างเมือกที่ระเบิดออกมาของสัตว์ประหลาด
แต่ในแดนมืดแห่งนี้ เขาทำไม่ได้
นี่มัน…
จวินฮวนที่รีบตะโกนบอกให้ทุกคนถอยหนี สีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม “สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ธรรมดา”
“ไม่ธรรมดาจริงๆ” เสียงที่จวินฮวนคุ้นเคยและคิดถึงก็ปรากฏขึ้น
****************************
