เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 774 มาตาย! (อวสาน 4)

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 774 มาตาย! (อวสาน 4)

เจ้าตัวน้อยที่ศีรษะโชกไปด้วยเหงื่อส่งเสียงเอะอะโวยวาย “พ่อ! พ่อ! สมุนข้า แย่แล้ว!”

เสียงเรียกหน่อมแน้มที่มีพลังเต็มเปี่ยมก็ ‘ปลุก’ ต้าซือมิ่งได้จริงๆ

ทว่าเยี่ยนอวี๋ในครานี้ เพิ่งเห็นกระบวนการพังทลายของยุคคุนหลุนจนจบ! แต่นางกลับไม่เห็นผู้บงการ เห็นเพียงสิ่งมีชีวิต ดวงดาว และสสารทุกอย่างในยุคคุนหลุนถูกทำลายไปอย่างไร

ยุคคุนหลุนทั้งยุคตกสู่ความมืดมิดชั่วนิรันดร์ เยี่ยนอวี๋ไม่เห็นอะไรอีก… นอกจากนี้ นางรู้สึกได้ว่าภาพที่ปรากฎในม่านตาค่อยๆ เลือนหาย ทำให้นางอดส่งโทรจิตไม่ได้ว่า “กลับไปเถอะ ไม่ดูแล้ว! สามี เก็บดวงตาของเจ้ากลับไป ไม่ดูแล้ว”

“ช้าก่อน” หรงอี้ที่ยังไม่เห็นผู้บงการเช่นกัน กลับปรับการมองเห็นจนถึงจุดที่แสงสุดท้ายหายไป

เยี่ยนอวี๋ ‘มอง’ ตามไป…

ทว่าเด็กน้อยในครานี้กำลังกอดท่านพ่อเขาและปล่อยโฮแล้ว “พ่อ!”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นดวงตาของท่านพ่อกำลังหลั่งเลือดจะไม่ร้องไห้ได้อย่างไร ย่อมเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นเยี่ยนอวี๋จึงได้ยินเสียงของเด็กน้อย จิตเหนือสำนึกของนางจึงถอยกลับไป

ทว่าจนถึงที่สุด สายตาของนางยังคงมองไปยังความมืดมิด ดูเหมือนว่ามีวังวนซ่อนอยู่

ในขณะเดียวกัน เด็กน้อยที่ร้องไห้พลางยังคร่ำครวญว่า “เป่าแค่ นอนไปครู่เดียว พ่อก็ ก็แย่อีกแล้ว! พ่อ! แม่! แงงงง…”

เยี่ยนอวี๋ที่ลืมตาขึ้นในทันที นางรีบโอบเด็กน้อยที่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดเข้ามา “ไม่ร้องๆ เสี่ยวเป่าไม่ร้อง แม่อยู่นี่”

“แม่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เสียใจกอดท่านแม่เขาไว้แน่น “พ่อ… อีกแล้ว”

เด็กน้อยที่จะชี้ไปที่ท่านพ่อพบว่าท่านพ่อเขาก็ตื่นแล้ว เขาจึงชะงักงัน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าตัวน้อยก็ปีนออกมาจากอ้อมอกของท่านแม่นางและโถมใส่ท่านพ่อของเขา “พ่อหายแล้ว?”

ต้าซือมิ่งที่หางตายังมีเลือดหยดหนึ่ง สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งคู่ฟื้นคืนกลับไปเป็นสีม่วงที่เจ้าตัวน้อยคุ้นเคยที่สุดแล้ว ทำเอาเด็กน้อยที่เห็นดังนั้นอดขยี้ตาหลายครั้งไม่ได้ มองท่านพ่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อยืนยัน

เยี่ยนอวี๋เช็ดเลือดให้สามี พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังดี” ต้าซือมิ่งที่ลูบเด็กน้อยเบาๆ ในขณะที่คลายความไม่สบายในดวงตาเสร็จแล้วก็ไม่ลืมเสียงเอะอะที่ได้ยินตอนแรก เขากำลังถามขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้เสี่ยวเป่าบอกว่าใครแย่แล้ว”

“อ๋อ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่นึกขึ้นได้รีบพูดว่า “ลูกสมุน ของข้า! เฟิงเฟิง!”

เยี่ยนอวี๋ชะงัก “หลิวเฟิง?”

“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรนอีกครั้ง “ถูกข้าวๆ กิน!”

ประโยคนี้ ‘เข้าใจ’ ยาก อย่างน้อยเยี่ยนอวี๋ก็ยังไม่เข้าใจ

ทว่าต้าซือมิ่งอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้ว “เจ้าลองคิดถึงภาพที่เจ้าเห็นเมื่อครู่นี้ดู พ่อจะดูเอง”

“ขอรับ!” เจ้าตัวน้อยหลับตาลงและใช้ความคิดอย่างตั้งใจ

ต้าซือมิ่งยกมือขึ้นแปะลงบนศีรษะสีเขียวของเด็กน้อย

จากนั้นภาพที่อินหลิวเฟิงถูกสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาขนาดใหญ่กลืนกินก็เข้าไปในอนุสติของต้าซือมิ่ง เขาลืมตาขึ้นทันที “โยวตูเกิดเรื่องแล้ว”

เยี่ยนอวี๋สีหน้าเคร่งขรึม นางลุกขึ้นจัดเก็บเสื้อผ้า “ลงมือแล้วหรือ!?”

“เร็วเข้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รีบช่วยท่านพ่อคลุมเสื้อคลุมร้อนรนมาก “ช่วยเฟิงเฟิง!”

ต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กน้อยไว้ใส่เข็มขัดเสร็จแล้วก็โอบภรรยามุ่งไปทางโยวตูทันที

ในขณะเดียวกัน…

ในที่เกิดเหตุของอินหลิวเฟิง ทุกคนล้วนตะลึงงัน! ไม่มีผู้ใดยอมรับความจริงที่เห็นกับตาตนเองได้

ผ่านไปนาน…

“กรร!”

เอ้อร์เหมาที่แปลงกายเป็นปลาคุนนกเผิงตะปบสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาขนาดยักษ์ตัวนั้นอย่างสุดชีวิต “คืนนายน้อยของข้ามา! คายนายน้อยออกมาซะ!”

ชิ้ว!

จูจูที่ลงมือพร้อมกัน มันใช้ใยแมงมุงรัดสัตว์ประหลาดยักษ์ไว้! มันฉีกปากของฝ่ายหลังออกไปทั้งสี่ทิศ ซึ่งก็คือทำให้สัตว์ประหลาดยักษ์รูปร่ม ‘กางร่ม’ ไว้

“กูรู!”

สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์รูปร่มเคลื่อนไหวร่างของมันต่อไปโดยไม่สนใจการดึงทึ้งของแมงมุมและการโจมตีของเอ้อร์เหมา มันกลับส่งเสียงกลืนน้ำลายต่อไป

เสียงแบบนี้แสดงว่ามันกำลังพยายามย่อยสลายอินหลิวเฟิงอย่างสุดความสามารถ

“ลงมือ!”

“รีบลงมือพร้อมกันเร็วเข้า!”

“ดาบจงมา!”

ทุกคนในสำนักศึกษาอัญเชิญวิญญาณ กองกำลังโยวตูและสำนักจวินจื่อก็เพิ่งดึงสติกลับมาได้ พวกเขาโจมตีใส่สัตว์ประหลาดยักษ์นั่นอย่างสุดกำลัง

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสิ้นหวังคือ… นอกจากกรงเล็บปลาคุนนกเผิงของเอ้อร์เหมาที่พอจะสร้างบาดแผลให้สัตว์ประหลาดได้บ้าง การโจมตีของคนอื่นก็ไม่สามารถทำอะไรสัตว์ประหลาดยักษ์ตนนี้ได้เลย

จูจูทำได้เพียงช่วยเสริม และป้องกันไม่ให้เมือกที่เอ้อร์เหมาข่วนบนตัวสัตว์ประหลาดยักษ์กระเซ็นเข้าไปในแดนมนุษย์ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำอะไรสัตว์ประหลาดยักษ์ได้เช่นกัน

ไม่เพียงเท่านี้… สัตว์ประหลาดยักษ์ยังส่งเสียงดูถูกเหยียดหยามอย่างวุ่นวายในขณะที่เอ้อร์เหมาตะปบและข่วนอย่างบ้าคลั่ง “ไร้ประโยชน์ ออกไปเสียเถอะ! พวกมดแมลง”

เสียงนี้… เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยพลังจิตการทำลายล้าง มันระเบิดเข้าไปในอนุสติของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง มันทำลายศรัทธาของทุกคนทิ้ง ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง และหยุดต่อต้านโดยสัญชาติญาณ

“กูรู!” จูจูที่ไม่ได้รับผลกระทบส่งเสียงเตือนอย่างร้อนนรน มันรู้ว่าการโจมตีทางพลังจิตใจเช่นนี้ ทันทีที่ทุกคนคลายเกราะป้องกัน ทุกอย่างจะจบเห่

อันที่จริงเอ้อร์เหมาก็เป็นเหมือนพวกเขา แต่เขายังคงฉีกทึ้งสัตว์ประหลาดยักษ์อย่างสุดกำลัง “ข้าไม่สน! เจ้าคายนายน้อยของเราออกมาซะ! ข้าไม่สน!”

ดวงตาขนาดใหญ่แห่งความโกลาหลของสัตว์ประหลาดยักษ์เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที! จากนั้น…

“กูรู!”

จูจูที่ร้องอุทานอย่างตกใจอยากจะดึงเอ้อร์เหมาออก มันรู้สึกถึงอันตรายของสัตว์ประหลาดยักษ์

สัตว์ประหลาดยักษ์ ‘ระเบิด’ ทั่วทั้งร่างจริงๆ มันระเบิดออกเหมือนกางร่ม! สะเทือนเอ้อร์เหมาออกไปทันที

ทว่ามีพลังดึงดูดแข็งแกร่งยิ่งกว่าดูดเอ้อร์เหมาเข้าไปอย่างรวดเร็ว อีกเพียงพริบตาเอ้อร์เหมาก็จะถูกดูดเข้าไปใน ‘ปาก’ ที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม

ชิ้ว!

ใยแมงมุงที่เดิมทีฉีกขอบปากของสัตว์ประหลาดยักษ์รูปร่มไว้เปลี่ยนเป้าหมายไปจับเอ้อร์เหมา! พยายามดึงเขากลับไป

“โง่เขลา! มาด้วยกันเสียเถอะ!” สัตว์ประหลาดยักษ์ที่ส่งเสียงคำรามแผ่ซ่านพลังกลืนกินที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา และดึงจูจูไปแล้วจริงๆ ด้วย

ในขณะเดียวกัน! อีกเพียงพริบตาเอ้อร์เหมาและจูจูก็จะถูกกลืนเข้าไปในร่มแล้ว

ทำให้นักดาบอาวุโสที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้หัวใจหยุดเต้น ในหัวของพวกเขามีเพียงคำว่า “จบกัน!”

นอกจากเขาที่คิดเช่นนี้แล้ว… เอ้อร์เหมาเองก็คิดว่าจบแล้ว เขาไม่ได้ขัดขืนอีก คิดเพียงว่าจะได้ไปเจอกับนายน้อยของตนแล้ว ถือว่าตายในหน้าที่

ทว่า…

“อ้ะเนะ!”

เสียงหน่อมแน้มของเด็กน้อยกลับดังขึ้นในครานี้!

ตุบ!

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ใช้ค้อนจิ๋วทุบสัตว์ประหลาดยักษ์ทันทีย่อมทำให้สัตว์ประหลาดยักษ์ชะงักไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

ฟริ้งๆ!

ดอกไม้สีม่วงที่บานออกอย่างรวดเร็วก็กลืนกินสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ถูกทุบจนสลบไสลไปพร้อมกัน

ใช่แล้ว

ถูกกลืนลงไปแล้ว

แม้สัตว์ประหลาดยักษ์จะมีขนาดใหญ่มากก็ตาม แต่ดอกไม้ก็บานใหญ่ไม่แพ้กัน มันกลืนกินสัตว์ประหลาดยักษ์ในคำเดียว เกือบจะกินจูจูและเอ้อร์เหมาไปด้วย

เอ้อร์เหมาที่เกือบจะได้เจอชีวิตหลังความตายตะลึงงัน ก่อนจะรีบเตือนว่า “ท่านเสี่ยวเป่าช้าก่อน! เจ้าสัตว์ประหลาดนี่กินนายน้อยไปด้วย ให้มันคายออกมาก่อนนะขอรับ!”

“โอ้ ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้อ่อนโยนรีบพูดกับดอกไม้ของเขาทันทีว่า “คาย คายเฟิงเฟิง!”

“อึก” ดอกไม้ยักษ์ไร้เทียมทานที่ส่งเสียงกลืนออกมา มันไม่ตอบสนองใดๆ

เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนใจ “ลูกสมุน! ของเป่า… คาย…”

“ตายแล้ว นายน้อยคงถูกย่อยสลายไปแล้ว” เอ้อร์เหมาร้องไห้

จูจูมองไปที่เยี่ยนอวี๋ และยังส่งเสียง “กูรู” ออกมา เหมือนกับกำลังโทษตัวเองและรู้สึกเสียใจ

ทว่า…

ฟริ้ง…

ดอกไม้ยักษ์ที่บานออกอีกครั้งก็คายอินหลิวเฟิงออกมา! เขาที่อยู่ในร่างวิหคทมิฬถูก ‘คาย’ ออกมาแล้ว

“อ้ะ!”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าบินไปหาอย่างดีใจ!

เอ้อร์เหมากลายร่างเป็นมนุษย์และหายตัวไปทางดอกไม้ยักษ์

จากนั้นทั้งสองก็พบว่า วิหคทมิฬตัวนี้มีอาการไม่ค่อยดีนัก พลังชีวิตอ่อนแอมาก!

“ตาย?”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กระพริบตาสองสามทีอดพูดไม่ได้ว่า “เหมือนจะใช่”

ขณะที่พูด… เอ้อร์เหมาน้ำตาไหลอีกครั้ง เขาเสียใจมาก “ข้าน้อยจะบอกท่านอ๋องอย่างไรเล่า! จะให้คนหัวขาวส่งคนหัวดำได้อย่างไร”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจเอ้อร์เหมา เขาคลานไปข้างหน้าอินหลิวเฟิง ยื่นมือไปจับดวงตาของฝ่ายหลัง “ตื่นสิตื่น! เจ้าลูกสมุน ตื่นสิ!”

“ท่านเสี่ยวเป่า อย่าเสียแรงเลย นายน้อยถูกกลืนไปนานแล้ว คงช่วยไม่ได้แล้ว” เอ้อร์เหมาเช็ดน้ำตา เสียใจสุดขีด

จูจูที่อยู่ทางนั้นเห็นเขาร้องไห้จนอยากจะร้องไห้ตาม เยี่ยนอวี๋กลับลูบศีรษะของจูจู “อย่าฟังเอ้อร์เหมาพูดเหลวไหล หลิวเฟิงยังไม่ตาย”

จูจูเงยหน้าอย่างดีใจ “กูรู!”

“จริง” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า เพิ่งเห็นว่าวิญญาณผนึกตนนี้ยิ่งคล้ายตัวเองเข้าไปทุกวันแล้ว

เอ้อร์เหมาในครานี้ เขาซบลงข้างลำตัวของอินหลิวเฟิงร้องไห้! ร้องจน… อินหลิวเฟิงที่ถูกเด็กน้อยถ่างตาออกก่นด่าอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “หุบปาก!”

เพียะ!

เด็กน้อยตบใบหน้านกของอินหลิวเฟิงทันที “ว่า เป่า!”

อินหลิวเฟิง “…”

เขาว่านายน้อยท่านนี้หรือ ไม่ใช่เสียหน่อย! แต่เขาไม่มีแรงจะอธิบาย และกลายร่างกลับไปเป็นมนุษย์ นอนอยู่ข้างหน้าเด็กน้อย

เยี่ยนเสี่ยวเป่าเข้าไปจับหน้าของเขา “ตื่น!”

“แค่ก…” อินหลิวเฟิงที่ไอเบาๆ อยากจะพูดว่า ให้ข้าน้อยพักหายใจหน่อยไม่ได้เลยหรือ

แต่จะทำอย่างไรได้ เอ้อร์เหมาโถมเข้าไปกอดเขาไว้แล้ว “นายน้อย! นายน้อยท่านยังมีชีวิตหรือ!”

“ปล่อย จะถูกเจ้าบีบตายแล้ว!” อินหลิวเฟิงคิดว่าหากถูกลูกน้องโง่เขลาคนนี้รัดต่อไป ตนเองคงกลับสู่ธรรมชาติจริงๆ

น่าเสียดายที่เอ้อร์เหมาไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร เอ้อร์เหมากำลังมองเด็กน้อยอย่างรู้สึกขอบคุณ “ท่านเสี่ยวเป่า! ขอบคุณท่านมากเลย! โชคดีที่มีท่าน! ขอบคุณท่านขอรับ!”

เด็กน้อยที่ได้รับคำขอบคุณไม่หยุดรู้สึกเคอะเขิน กำลังจะพูดว่าไม่ต้องขอบคุณ ดอกไม้ยักษ์กลับห่อหุ้มพวกเขาทั้งสามไว้ไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน…

กรู!

กรูๆ!…

สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญากลุ่มหนึ่งมาจากอีกด้านหนึ่งของแดนมืด พวกมันส่งเสียงดังและเป็นระเบียบ เคลื่อนไหวไปทางด้านที่เยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ อยู่ ทำให้เกิดเสียงดังมาก!

“เยอะมาก!” จวินฮวนเห็นดวงตาขนาดยักษ์หลายคู่จากทางเข้าแดนมืดได้เลือนราง สีหน้าแปรเปลี่ยน “ดูจากสัดส่วนแล้ว ทั้งหมดเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์…”

“พวกเจ้าถอยไปก่อน” เยี่ยนอวี๋เอ่ยปากบัญชา นางมองไปที่สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านั้น ในขณะเดียวกันก็คอยสัมผัสการเปลี่ยนแปลงในบัดนี้ของแดนมืด

หรงอี้ที่ไม่ได้พูดมาตลอดทางขมวดคิ้ว “พวกมันสามารถกลืนกินกฎและระเบียบปัจจุบันได้”

“คงจะลงมือแล้วจริงๆ สินะ ตอนที่พวกเรากลับไปยุคคุนหลุน มันก็ลงมือกับทางนี้แล้ว” เยี่ยนอวี๋มั่นใจว่าการกลืนกินของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต้องมาจากฝีมือของวิญญาณดวงนั้นที่ทำลายล้างคุนหลุนแน่นอน

แต่ตอนนี้ปัญหาคือ… ศัตรูอยู่ในที่ลับ เราอยู่ในที่แจ้ง!

นางไม่รู้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามคือผู้ใด

ไม่

ไม่ถูก!

เยี่ยนอวี๋ที่จู่จู่ตาเป็นประกายคิดถึงที่แห่งหนึ่ง “สือซ่าไห่!”

“สือซ่าไห่” หรงอี้พูดขึ้นพร้อมกัน

ทั้งสองสบตากัน แน่ใจแล้วว่าตำแหน่งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นในยุคคุนหลุนที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ตรงกับตำแหน่งของทะเลสาบสือซ่าไห่ของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ซึ่งหมายความว่า…

“เขาอยู่ที่นั่น!” เยี่ยนอวี๋มั่นใจ

“อืม” หรงอี้เองก็ตอบอย่างมั่นใจ

เยี่ยนอวี๋สังเวยกระบี่ไท่ชางออกมา “จงไป”

ชิ้ว!

กระบี่ไท่ชางที่แทงเข้าไปในแดนมืดอย่างรวดเร็วตามพลังจิตใจของเยี่ยนอวี๋ มันทำลายสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่มันพุ่งผ่านทุกๆ ที่จนตายไม่เหลือแม้แต่ซาก

จวินฮวนและคนอื่นๆ ตะลึงงัน…

เยี่ยนอวี๋กลับตามกระบี่โจมตีเข้าไปในแดนมืด

ต้าซือมิ่งอุ้มเด็กน้อยที่ยังคงเหม่อลอยตามภรรยาเข้าไปในแดนมืด เหลือเพียงเหล่ามนุษย์ที่ยังคงนิ่งงัน

ผ่านไปนาน… เฟิงจื่ออวิ๋นถามอย่างงุนงงขึ้นว่า “เสร็จเรื่องแล้วหรือ”

“เหมือนจะใช่” โหย่วฮู่ปั๋วกลืนน้ำลาย ความตะลึงงันในสายตายังคงไม่หายไปแม้แต่น้อย

ในฐานะที่เป็นผู้ที่เคยเห็นเยี่ยนอวี๋ล้างแค้นให้มารดาในงานพิธีแต่งตั้งสำนักทั้งเจ็ด โหย่วฮู่ปั๋วคิดไม่ถึงเลยว่า แม่นางงดงามในครานั้น บัดนี้ยืนอยู่บนจุดสูงเช่นนี้

แม้ก่อนหน้านี้ ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินว่านางก็คือปฐมราชินีหยวนชู เพียงแค่มาผ่านด่านเคราะห์ที่โลกมนุษย์ก็ตาม

แต่ว่า… ไม่ว่าจะเป็นโหย่วฮู่ปั๋วหรือเฟิงจื่ออวิ๋น พวกเขายังคงไม่อาจจินตนาการได้ว่าสตรีที่จบสิ้นทุกอย่างได้อย่างง่ายดายก็คือน้องสาวที่เคยร่ำเรียนด้วยกัน

ความรู้สึกเช่นนี้… เหมือนกำลังฝัน

ทว่าอินหลิวเฟิงที่ลมหายใจรวยรินก็เตือนขึ้นว่า “เรื่องนี้ยังไม่จบแน่นอน พวกเจ้าพักเก็บแรงที่นี่ก่อน เตรียมตัวรับมือเหตุฉุกเฉินทุกเมื่อ”

“ขอรับ!” ทุกคนขานตอบก่อนจะนั่งลงที่เดิมและเริ่มปรับลมปราณ

ในขณะเดียวกัน… เยี่ยนอวี๋ที่สามารถบดขยี้ทุกอย่างในแดนมืดจริงๆ นางได้ทะลวงผ่านแดนมืดสู่แดนสวรรค์ และไปถึงทะเลสาบสือซ่าไห่

เหนือท้องฟ้าทะเลสาบสือซ่าไห่ในบัดนี้ปรากฏกระแสน้ำวนเลือนรางอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋มั่นใจในสิ่งที่ตนคิดกว่าเดิม ดังนั้นนางจึงชูกระบี่ขึ้นแทงเข้าไปที่กระแสน้ำวน “ออกมาซะ! ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ ยังไม่รีบออกมาตายอีก!”

*********************************

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้” เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้น แต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย! เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือน จากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใคร โอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้ จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจง ชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท