บทส่งท้าย 41 ปีศาจสาวอยู่ยุคปัจจุบัน! เป่าปลูกชีวิต
ศตวรรษที่ยี่สิบสอง
ณ เมืองไห่เฉิง
ค่ำคืนฟ้าคะนอง เกาหยวนคุณหนูใหญ่ตระกูลเกาไม่ทันระวังตกลงมาจากชั้นสามของคฤหาสน์สลบไสลไป
เมื่อแอนนาได้สติ นางได้ยินเสียง ตี๊ด ตี๊ด จากข้างๆ เหมือนกับว่ามีเสียงคนกำลังพูดไม่หยุด นางได้ยินไม่ชัดและเนื่องจากความปวดร้าวทั้งตัวจึงสลบไปอีกครั้ง
เมื่อนางฟื้นขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เห็นสิ่งแรกคือภาพที่ขาวโพลน บริเวณปากและจมูกของนางเหมือนกับว่าถูกครอบด้วยบางอย่าง ทำให้นางรู้สึกอึดอัดมาก ครั้นนางจะยื่นมือไปดึงออก นางก็พบในทันทีว่านางยกมือขึ้นไม่ได้เลย เพราะรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว
ครานี้เอง ซุนหรงเจิน นายหญิงแห่งตระกูลเกาที่คอยดูแลแอนนาอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมาพอดี ทันทีที่นางเห็นลูกรักลืมตาก็ขานเรียกด้วยความประหลาดปนดีใจ “หยวนหยวน!”
แอนนายังสับสนงุนงง ภาพตรงหน้าปรากฏสตรีหน้าตาสวยงามวัยกลางคนคนหนึ่ง นางโถมตัวเข้ามา หลังจากฝ่ายหลังเรียกแล้ว น้ำตายังเริ่มไหลริน สภาพดีใจและทุลักทุเลนั่น ทำเอานางรู้สึกปวดใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
แอนนาตื่นตระหนก… นางไม่ใช่คนจิตใจเมตตา มิเช่นนั้นครานั้นนางคงไม่นำทัพเผ่ามารโค่นเยี่ยนอวี๋อย่างใจจดใจจ่อ เพียงแค่อยากเป็นปฐมราชินี
ถึงอย่างไรด้วยความสามารถของนาง นางคิดว่าไม่ด้อยไปกว่าเยี่ยนอวี๋ เหตุใดเยี่ยนอวี๋เป็นปฐมราชินีได้ แต่นางเป็นไม่ได้ ไม่มีเหตุผลเลย นางจึงนำทัพเผ่ามารกวาดล้างเผ่าเทพ
แม้ในระหว่างที่นางกวาดล้างเผ่าเทพ โค่นล้มเยี่ยนอวี๋จะต้องสูญเสียเผ่ามนุษย์ สิ่งมีชีวิตบริสุทธิ์มากมายเพียงใด นางก็ไม่เคยคิดถึงเลย หรืออาจจะคิดแล้ว แต่นางไม่สนใจ
ดังนั้นนางคือปีศาจเลือดเย็น ไร้ซึ่งมนุษยธรรมตนหนึ่งมาแต่ไหนแต่ไร แม้ต่อมาจะเป็นเพื่อนกับเยี่ยนอวี๋ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่านางรู้ตัวดีว่าสู้เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ อย่าดึงดันดีกว่า
ทว่าบัดนี้… นางกลับปวดใจเพราะมนุษย์คนหนึ่งน้ำตาไหล อาการท่าจะหนัก
เมื่อคิดได้ดังนี้ แอนนาขมวดคิ้วทันที หัวหน้าแพทย์ที่ถูกซุนหรงเจินเรียกมา บัดนี้กำลังถ่างตาแอนนาออก ทำให้สายตาของนางเยือกเย็นเพราะความไม่พอใจทันที
ซึ๊ด! หัวหน้าแพทย์หลินที่เข้ามาดูอาการแอนนาตกใจจนเหงื่อตก เพราะในฐานะที่แอนนาเป็นปีศาจเก่าแก่ พลังอำนาจทำลายของสายตานั่นโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด อีกเพียงเล็กน้อย หัวหน้าหลินก็แทบจะคุกเข่าลงไปแล้ว…
ซุนหรงเจินกลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าสายตาของลูกสาวอันเป็นที่รักของตนน่ากลัวเพียงใด แต่กลับตกใจเพราะหมอหลินไม่ยอมพูดอะไรเสียทีจนนางร้องไห้ “หมอหลิน หยวนหยวนเป็นอะไรหรือ ฟื้นแล้วไม่ใช่เรื่องดีหรือคะ”
“แค่ก!” หมอหลินที่ดึงสติกลับมาได้เหงื่อตกจริงๆ แต่กลับพบว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเกาตรงหน้าท่านนี้ดวงตาปกติดีและไม่ได้น่ากลัวตรงไหน สายตาเยือกเย็นที่ทำให้เขาขนลุกเมื่อครู่นี้นั้นเขาคงคิดไปเอง
“คุณหมอหลิน?” ซุนหรงเจินวิตกมาก
หมอหลินที่มีร่างอวบและอายุไม่น้อยจึงตอบว่า “ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ลูกสาวของคุณพ้นช่วงวิกฤตไปแล้ว”
“ดีจังเลย!” ซุนหรงเจินที่หัวเราะและร้องไห้พร้อมกันอยากกอดลูกสาวสุดที่รัก แต่ก็รู้ว่าไม่ได้ แม้ลูกสาวจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาแล้ว แต่อาการยังสาหัสมากนัก เกรงว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนานจึงจะออกจากโรงพยาบาลได้
ทว่าซุนหรงเจินคิดผิดมหันต์ เพราะว่าพลังการฟื้นตัวของแอนนานั้นน่าตะลึงมาก แม้นางจะข้ามมิติมาด้วยวิญญาณ แต่ด้วยวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของนางยังคงทำให้ร่างกายอันอ่อนแอของนางได้รับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่กำลังพักฟื้น แอนนาก็ได้ศึกษาและรู้จักตัวตนและสภาพแวดล้อมที่ตนเองอยู่ นางรู้สึกปวดศีรษะ เพราะว่านางพบว่าตนเองไม่สามารถบำเพ็ญตบะได้เลย…
เมืองที่ชื่อฮวาโจวแห่งนี้และโลกที่เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่มีพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ แอนนาจึงคิดอยู่นานและยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่านี่คือความจริง
ดังนั้น… เมื่อนางใช้พลังวิญญาณของนางจนหมดก็จะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีก
มารดามันเถอะ! แอนนาก่นด่าในใจ รู้สึกว่าตนเองคงติดค้างอารองบ้าบออะไรนั่นของเยี่ยนอวี๋แน่ๆ ยังอุตส่าห์ถูกฝ่ายตรงข้ามพามาที่ที่ชนบทและห่างไกลความเจริญเช่นนี้
ทว่า…
ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แม้แอนนาจะไม่ชอบหรงเจ๋อมาก กระทั่งโมโหหรงเจ๋อที่ทำให้ตนเองตกอยู่ในที่แบบนี้ ทว่าแอนนาก็รู้แก่ใจดีกว่า หากอยากจะกลับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ต้องหาหรงเจ๋อให้เจอ ความสามารถของฝ่ายหลังนั้นอีกเรื่อง ที่สำคัญคือตระกูลหรงต้องไม่ปล่อยให้เขาระเหเร่ร่อนในที่แร้นแค้นเช่นนี้ พวกเขาต้องมารับเขากลับไปแน่นอน
ดังนั้น ตราบใดที่หาเจ้าบัดซบนั่นเจอ นางก็จะได้กลับไปด้วย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าบัดซบนั่นเป็นอย่างไรบ้าง จะเหมือนกับตนเองหรือไม่
ในขณะที่แอนนาครุ่นคิดหาวิธี นางก็สังเกตเห็นว่าซุนหรงเจินที่ไม่ห่างไปไหนเลยตั้งแต่ที่นางฟื้น มองนางด้วยสายตาระยิบระยับ ดูสงสารและซับซ้อนตลอดเวลา
“หยวนหยวน…” ซุนหรงเจินทำท่าจะพูดอะไร
แอนนาขมวดคิ้ว “เป็นอะไรหรือ” นางที่ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรครุ่นคิด บัดนี้คงต้องยืมร่างกายร่างนี้จนกว่าจะหาหรงเจ๋อเจ้าบัดซบนั่นเจอ
ซุนหรงเจินน้ำตาไหล ยังไม่ทันได้พูดอะไร “…หยวนหยวน”
แอนนารอคอยอย่างอดทน แต่คิ้วของนางกระตุกไม่หยุด นี่คืออาการที่แสดงออกเมื่อนางปวดศีรษะ แม่ของร่างกายร่างนี้ของนางอ่อนแอเกินไปแล้ว อ่อนแอจนสามีแอบมีมือที่สามลับหลัง นางยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
แอนนาเองก็เพิ่งรู้หลังจากได้รับความทรงจำของร่างเดิมคืน ฮวาโจวแห่งนี้มีกฎหมายคู่ครองเดียว แต่ผู้ชายบางส่วนยังคงมีชู้ แต่ไม่ยอมรับในทางกฎหมาย อีกทั้งการแต่งงานใหม่นั้นผิดกฎหมาย จะถูกพิพากษาจำคุก
แอนนารู้สึกว่ากฎนี้ดีเหมือนกัน แต่แม่ของ ‘นาง’ คนนี้ช่างหมดคำจะพูดจริงๆ ทั้งๆ ที่ครอบครัวแข็งแกร่ง สามารถทิ้งผู้ชายห่วยๆ พรรค์นั้นได้สบาย กระทั่งเหยียบผู้ชายห่วยๆ คนนั้นให้จมดินได้ ถึงอย่างไรผู้ชายห่วยๆ นั่นก็อาศัยครอบครัวของนางหวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้งได้
ซุนหรงเจินกลับดีนัก นอกจากจะปล่อยให้ชู้อาละวาด ยังพาลูกของชู้กลับมาเลี้ยงและยังบอกว่าเป็นลูกสาวที่พลัดพรากกับตนไป ช่างน่า…
แอนนายิ่งคิดยิ่งพูดไม่ออก ครานี้ซุนหรงเจินกลับยังพูดต่อไปว่า “หยวนหยวน ในเมื่อซิงซิงชอบอาเจ๋อ ลูกก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ถึงอย่างไรอาเจ๋อเด็กคนนั้นก็คิดถึงแต่ซิงซิง แม่หวังเพียงว่าลูกจะมีชีวิตสงบสุข แม่…”
“แต่ที่หนูตกตึก เพราะเกาซิงผลักหนูนะ” แอนนาขัดจังหวะซุนหรงเจิน อธิบายอย่างราบเรียบ
ซุนหรงเจินยังตั้งสติไม่ได้ในคราแรก ยังคงพูดต่อไปว่า “แม่เองก็คิดได้แล้ว เมื่อลูกออกจากโรงพยาบาล แม่จะหย่ากับพ่อลูกและกลับเมืองเซินเฉิง เกาซิงผลักลูกก็… อะไรนะ เกาซิงผลักลูก!?”
เพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น ซุนหรงเจินที่แต่เดิมยังอ่อนโยนอยู่นั้นลุกพรวดขึ้นมา ตาแดงเหมือนกับสิงโตตัวเมียที่โมโห “หยวนหยวน เกาซิงผลักลูกหรือ?!”
“ค่ะ” แอนนาตอบอย่างมั่นใจ แม้จะไม่ได้ผลักตรงๆ แต่เกาซิงในตอนนั้นทำให้นางโมโห ทำให้ตอนที่นางถอยหลังอย่างฉุนเฉียว นางบังเอิญชนอะไรบางอย่างจนกระจกแตก ทำให้นางตกลงไป
แอนนารู้ดีว่า ทุกอย่างต้องเป็นแผนการของเกาซิงแน่นอน แม้นางจะไม่มีหลักฐานแล้วจะอย่างไร นางบอกว่าเกาซิงผลักนาง เกาซิงก็ต้องเป็นคนทำโนเวลพีดีเอฟ
ส่วนหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เกาซิงไม่ได้ผลักนาง แอนนากลับไม่เป็นห่วงเลย เพราะว่านางเชื่อว่าเกาซิงลบไปตั้งแต่แรกแล้ว ถึงอย่างไรเกาซิงก็ทำให้นางโมโหจริงๆ นางใช้คำพูดน่าขยะแขยงมากมายซึ่งคำพูดเหล่านั้นเกาซิงย่อมไม่อยากให้ผู้อื่นได้ยิน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แอนนายกมุมปากเล็กน้อย นางนั่งลงอย่างอารมณ์ดี ครั้นกำลังจะบอกว่าขอกินข้าวเพิ่มอีกสองถ้วย ซุนหรงเจินกลับกอดนางแน่น “หยวนหยวน! แม่ไม่ดีเอง ชักศึกเข้าบ้าน เกือบทำลูก…”
คำพูดที่เหลือซุนหรงเจินไม่ได้พูดออกมา แต่นางตัวสั่นไปหมด เป็นครั้งแรกที่นางโกรธตนเองที่มีนิสัยอ่อนแอเช่นนี้ มักจะถูกเกาชังหมิงพูดเอาอกเอาใจหน่อยก็ใจอ่อน ทำผิดแล้วผิดอีก
ไม่อีกแล้ว! จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก!
เมื่อซุนหรงเจินคิดถึงความโง่เขลาของตนเองที่เกือบจะทำลูกสุดที่รักของตนตาย นางก็เกลียดแค้นตนเองมาก
ในขณะเดียวกัน เสียงอ่อนหวานดังขึ้นจากข้างนอก “แม่คะ ได้ยินว่าพี่หายแล้ว จริงหรือคะ”
ทันทีที่แอนนาได้ยินก็รู้ว่าผู้ที่มาคือเกาซิง ในขณะที่นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นเกาซิงตามคาดและยังมาพร้อมกับเกาชังหมิงที่เกาซิงควงแขนไว้
เกาชังหมิงใส่แว่นกรอบสีทอง ตัวเป็นคนนิสัยเหมือนหมา แอนนาไม่ชอบพออย่างมากและไม่ยอมเรียกเขา ‘พ่อ’ เทียบกับหรงอี้ที่นางเคยเรียก ‘ท่านพ่อ’ แล้ว เกาชังหมิงคนนี้ไม่คู่ควรจริงๆ
โชคดีที่แอนนาไม่ต้องเรียก เพราะว่าซุนหรงเจินลุกขึ้นมาไล่พวกเขาแล้ว “ออกไปให้หมด!”
เกาซิงตกใจ! เกาชังหมิงขมวดคิ้ว “หรงเจินคุณ…”
“ออกไปซะ! ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นพวกคุณ” เมื่อซุนหริงเจินคิดถึงเกาซิงผลักลูกสาวของตนเอง จิตใจที่ต้องการปกป้องลูกสาวของนางทำให้นางระเบิดพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมา “เกาชังหมิง พรุ่งนี้ฉันจะให้ทนายส่งเอกสารหย่าไปให้ ตอนนี้คุณพาลูกสาวคุณออกไปซะ! อย่ามาสร้างปัญหาต่อหน้าหยวนหยวน ไม่อย่างนั้นฉันจะจ้างทนายที่ดีที่สุดฟ้องเกาซิงฐานพยายามฆ่า!”
หากจะบอกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ เกาซิงไม่ได้ใส่ใจนัก แต่คำพูดข้างหลังทำให้นางตกใจอย่างไม่ต้องสงสัย “แม่ แม่…”
เพี๊ยะ! ซุนหรงเจินตบเกาซิงโดยไม่คิด “แกน่ะหรือคู่ควรเรียกฉันว่าแม่ แม่แกคือใคร แกรู้ดีที่สุด! แกกินและใช้ของฉัน ยังกล้าทำร้ายลูกสาวฉัน! แกคิดว่าฉันซุนหรงเจินอ่อนแอรังแกง่ายรึไง?!”
“หนู…” เกาซิงตกใจจนอกสั่นขวัญหาย เธอไม่เคยเห็นซุนหรงเจินที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนจึงมองไปที่พ่อของเธอด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าพ่อของเธอก็กำลังตกใจอย่างมาก นี่มัน…
เกาซิงมองไปที่แอนนาที่อยู่บนเตียงทันที “พี่! ช่วยน้องพูดอะไรหน่อยสิ พี่ชอบหรงเจ๋อไม่ใช่เหรอ น้องจะให้เขามาหาพี่พรุ่งนี้!”
เกาซิงรู้ว่าแอนนาชอบหรงเจ๋อมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความคิดนี้พี่เธอต้องช่วยเธอเกลี้ยกล่อมซุนหรงเจินที่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงอาละวาดขึ้นมาได้แน่ๆ
ทว่าซุนหรงเจินกลับตะโกนเรียกบอดี้การ์ดข้างนอกเข้ามาไล่สองพ่อลูกเกาชังหมิงออกไป อีกทั้งบอดี้การ์ดเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลซุน ฟังเพียงคำสั่งของเธอ ไม่ว่าเกาชังหมิงและเกาซิงจะพูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
เพียงแต่ว่า…
“รอเดี๋ยว” แอนนาเอ่ย เธอบีบระหว่างคิ้วเบาๆ เพิ่งตั้งสติจากคำว่า ‘หรงเจ๋อ’ สองคำนี้ได้
เกาซิงดีใจ เธอรู้ว่าแอนนายังคงชอบหรงเจ๋อมาก ก็จริง นั่นถึงกับเป็นคุณชายหรงที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่เฉิงเชียวนะ หน้าตาหล่อเหลา ร่ำรวยและยังสง่างาม ใครจะไม่ชอบล่ะ
“หยวนหยวน” ซุนหรงเจินกลับหน้าซีดเพราะคำพูดของลูกสาว เธอกลัวว่าลูกสาวจะใจอ่อนให้ผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกับเธอ
ทว่าซุนหรงเจินรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองคิดผิดไปแล้ว เพราะว่าแอนนากำลังมองมาที่เธอและถามว่า “อาเจ๋อ ชื่อเต็มหรงเจ๋อ? หรงตัวไหน เจ๋อตัวไหนคะ”
อันที่จริงแอนนารู้ผ่านความทรงจำของร่างเดิมแล้ว แต่นางยังคงไม่ค่อยมั่นใจ แต่สัญชาติญาณก็บอกนางว่าเจ้าคนบัดซบที่ทำให้นางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้คงจะกลายเป็นหรงเจ๋อในโลกใบนี้ไปแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ แอนนามองซุนหรงเจินเงียบๆ “แม่ หนูอยากเจอเขาค่ะ”
…
อวิ๋นจื่อซีที่ดูถึงตรงนี้ ก่อนหน้านี้ได้ดูบุตรชายของนางแล้ว นางถอนหายใจโล่งอก “เรียบร้อย ทั้งสองคงจะได้พบกันเร็วๆ นี้”
“อืม” หรงหวงตอบด้วยสีหน้าปกติ ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะสูญเสียพลังงานทางจิตไปมหาศาล
อวิ๋นจื่อซีกลับห้ามเขา “แค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องดูแล้ว ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
หรงหวงจึงเก็บพลังจิตกลับมา ทำให้ภาพยุคปัจจุบันค่อยๆ สลายไป
อวิ๋นจื่อซีกอดสามีผู้มีพลังวิเศษของนางไว้ “รู้ว่าผีผีอยู่ที่ไหนก็พอ ดูมากไปคงจะมีผลกระทบต่อพวกเขา ต่อไปเราไม่ดูแล้ว รอผีผีใกล้สำเร็จ เราค่อยไปรับเขา และค่อยดูที่นั่นอีกครั้งก็พอ”
“ข้ายังไหว” หรงหวงบีบหลังคอของคนในอ้อมอกเบาๆ “แต่ผีผีมีชะตากรรมของตนเอง หากพวกเราดูมากเกินไปย่อมมีผลกระทบต่อเขา”
“เช่นนั้นไม่ดูแล้ว ลูกหลานมีชะตากรรมของตนเอง ตอนนี้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้ว่าพวกเขาสุขสบายดีเป็นบางครั้งบางคราวก็ดีมากแล้ว ดีกว่าสองคนก่อนหน้ามากเลยทีเดียว” อวิ๋นจื่อซีไม่โลภมาก
หรงหวงลูบคอของนางเบาๆ เงียบๆ เดิมทีคิดจะจูบภรรยาสักทีสองที ทว่าเสียงฝีเท้าวิ่งเตาะแตะดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
อวิ๋นจื่อซีก็ได้ยิน นางจึงผละออกจากอ้อมอกของหรงหวง หันไปเห็นเหลนชายน้อยกำลังข้ามธรณีประตูเข้ามาและวิ่งมาหานาง “ย่าทวดซี…”
อวิ๋นจื่อซีผลักสามีออกไป ยิ้มและยื่นมือไปหาเหลนชายน้อยที่ทั้งอ่อนโยนและร่าเริง “เสี่ยวเป่ามาแล้วหรือ”
“ขอรับ” หรงเสี่ยวเป่าที่กระโจนตัวเข้าไปในอ้อมอกของอวิ๋นจื่อซียังหันไปเรียกหรงหวงที่กำลังขมวดคิ้วว่า “ปู่ทวดหวง…”
หรงหวง “…อืม” เจ้าเหลนชายน้อยคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งไม่น่าเอ็นดูแล้ว…
อวิ๋นจื่อซียิ้มอย่างเอ็นดูเหลนชายน้อยคนนี้มาก นางจูบเด็กน้อยเบาๆ “เสี่ยวเป่ามาหาใครหรือจ๊ะ”
“ย่าทวดซีขอรับ!” หรงเสี่ยวเป่าพูดเสร็จก็มองอวิ๋นจื่อซีตาปริบ “เป่า อยากไปเล่นน้ำ!”
อวิ๋นจื่อซีได้ยินก็รู้ทันทีว่าเจ้าตัวน้อยคิดถึงสระน้ำในแดนมหัศจรรย์ของตนเองแล้ว นางจึงมองออกไปข้างนอกและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว วันเริ่มต้นวันใหม่
ดังนั้นเจ้าตัวน้อยคนนี้จำคำพูดที่นางพูดเมื่อวานได้ ทันทีที่ตื่นก็มาหานางจะไปว่ายน้ำจับปลา ความจำดีจริงๆ
อวิ๋นจื่อซีที่กลับคำกับเหลนชายน้อยไม่ได้ทิ้งสามีรูปงามทันที นางพาเหลนชายน้อยเข้าไปในแดนมหัศจรรย์ เหลือเพียงหรงหวงอยู่ในห้องอันว่างเปล่าเดียวดาย ได้แต่ถอนหายใจคนเดียว
ทว่าเด็กน้อยที่เข้าไปในแดนมหัศจรรย์ไม่ได้ไปเล่นน้ำในทันที แต่เขาวิ่งไปข้างกายเสี่ยวลี่ว์ ทำเอาเสี่ยวลี่ว์ที่มีใบไม้เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์สะดุ้งตกใจ “ท่านเสี่ยวเป่า ท่านทำอะไรน่ะ” คงไม่ใช่จะกินข้าหรอกนะ
“ปู่เขียว…” หรงเสี่ยวเป่าที่เรียกอย่างหน่อมแน้มดูแล้วน่ารักน่าชัง ทำให้เสี่ยวลี่ว์ผ่อนคลายลง มันยื่นก้านสองก้านออกไปโอบรัดเจ้าตัวน้อยไว้
หรงเสี่ยวเป่ายิ้มตาหยีพูดว่า “เป่า จะปลูก ต้นไม้ ปู่เขียวช่วยเป่า ดีหรือไม่ขอรับ”
“ดีๆๆ” เสี่ยวลี่ว์หลงใหลในความน่ารักของเด็กน้อย อย่าว่าแต่ช่วยปลูกต้นไม้เลย แม้แต่ขอให้มันเอาผลไม้คืนชีพอันเป็นสมบัติลับของมันออกมา มันก็คงเอาออกมาให้ ใครให้เจ้าตัวน้อยน่ารักเช่นนี้เล่า
ทว่าเสี่ยวลี่ว์พบในทันทีว่าช่วยเขาปลูกต้นไม้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนกับว่ามันจะโดนหลอกเสียแล้ว…
