เมื่อเฟยหลงเเละเสี่ยวไป๋ได้เจ้าไปก็พบกับเสี่ยวไป๋ที่กำลังนอนหมอบอยู่บนเตียงเเละรอบๆตัวนั้นมีพลังปราณมากมายกำลังถูกดูดเจ้ามาโดยเสี่ยวไป๋อยู่
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างเเปลกใจ
” ข้าก็คิดจะมาตรวจหน่อนเเต่คงไม่ต้องเเล้วละ ”
ซูซ่านที่ได้ยินสิ่งที่เฟนหลงกล่าวออกม่จึงก่าวถามกลับไปด้วยความสงสัย
” ทำไมละคะท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำถามของซูศ่านก็ไดเกล่าวตอบกลับไปว่า
” ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้วล่าสุดที่พวกเจ้าพบเจอมานั้นเสี่ยวไป๋เหมือนจะได้รับหลากหลายสิ่งเป็นเเรงกระตุ้นเเล้ว……………… ”
ซูซ่านที่ได้ยินเฟนหลงเงียบไปจึงกล่าวออกมา
” เเล้ว…………. ”
เฟนหลงได้ยินอย่างจนใจเเล้วกล่าวกับซูศ่านว่า
” ดูเหมือนว่าเสี่ยวไป๋กำลังจะทะลวงขอบเขตจากขอบเขตก่อกำเนิดเป็นขอบเขตวิญญาณอยู่นะ ”
ซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นตึงกล่าวถาใอย่างเเปลกใจว่า
” งั้นตอนนี้เสี่ยวไป๋กำลังทะลวงอยู่งั้นเหรอ ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเต็มเปี่ยม
” ใช่เเล้วตอนนี้เสี่ยวไป๋กำลังทะลวงขอบเขตใหม่อยู่ ”
ซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
” งั้นเสี่ยวไป๋ก็ได้ทะลวงขอบเขตเเล้ว……… เเต่ข้ากลับยังไม่ได้คืบหน้ามากเลย ”
เฟนหลงที่ได้ยินคำกล่าวของซูซ่านนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาเพื่อไม่มห้นางรู้สึกเศร้าใจ
” อย่าเศร้าไปเลยเจ้าก็จะทะลวงได้ในอีกไม่นานหรอกเเต่เสี่ยวไป๋นั้นก็ที่ทะลวงได้อย่างรวดเร็ว ”
” คงเป็นเพราะเเรงกดดันจากการต่อสู้นั้นที่อยากจะเอาชนะศัตรูเเต่ตนเองนั้นไม่อาจชนะได้ในตอนนั้น ”
บรรยากาศรอบตัวเสี่ยวไป๋ได้เปลี่ยนพลังปราณในอากาศได้ลอยเข้าสู่ตัวเสี่ยวไป๋อย่างรวดเร็วเฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า
” หืมดูเหมือนว่าการทะลวงของเขตของเสี่ยวไป๋นั้นจะไม่เหมือนกับตัวข้าตรงที่ไม่มีทัณฑ์สวรรค์ปรากฏก่อนเวลาอันควร ”
หลังตากนั้นไม่นานเสี้ยวไป๋ได้ลืมตาจึ้นมาเเบะลองขยับตัวไปมาก็พยว่าอาการบาดเจ็บนั้นได้หายไปเเล้วทั้งหมดจึงกระโดดไปมาอย่างมีความสุข
” อ๋าว ”
” ข้ารู้สึกสบายตัวมากเลยไม่รู้สึกเจ็บเลยเเม้เเต่น้อยเเถมยังรู้สึกว่าตัวข้านั้นเเข็งแกร่งมากยิ่งจึ้นไปอีก ”
ซูซ่านที่เข้าใจความหมายของเสียงร้องนั้นก็ได้ยินออกมาเเละกล่าวกับเฟยหลงว่า
” ท่านพี่เฟนหลงเสี้ยวไป๋ดูเหมือรว่าจะไม่เป็นอะไรมากเเล้วละ ”
เฟยหลงได้ตอบซูซ่านกลับไปด้วยน้ำเสียงมีความสุขเจือปนอยู่เเม้ว่าจะไม่ชัดเจนมากก็ตามก็ตาม
” อืม……..เเค่ดูจากถ้าท่าทางของมันก็น่าจะไม่เป็นอะไรเเล้วจริงๆ ”
เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้กำลังกระโดดไปมทอยู่นั้นก็ได้สังเกตุเห็นเฟนหลงเเละวิ่งไปมารอบตัวของเฟยหลง
” อ๋าว ”
” พี่ใหญ่ข้าทำได้เเล้วข้าเเข็งแกร่งขึ้นเเล้วท่านมีเม็ดยาเหล่านั้นอีกหรือไม่ให้สิ่งนั้นกับข้าหน่อย ”
ซูซ่านก็ได้บอกความหมายเสียงร้องของเสี่ยวไป๋ให้เฟนหลงได้รู้ถึงเเม้ว่าในตอนนี้เสี่ยวไป๋จะยังพูดไท่ได้เเต่ดูจากท่าทางเเละดวงตาที่เปร่งประกายในตอนนี้เเล้ว
คงหนีไม่พ้นสิ่งที่ทันชอบก็คือเท็ดยาต่างๆำวกนั้นเเละเเน่นอนว่าเฟยหลงยังมีเม็ดยาสิบอสูรอยู่อีกจึงหยิบออกมาจากถุงมิติ
” เจ้าอยากได้สิ่งนี้ใช่ไหมละ ”
เสี่ยวไป๋ที่เห็นเม็ดยาสิบอสูรก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเท็ดยาทร่มันชอบที่สุดเพราะเมื่อเทียบกับอันอื่นเเล้วเสี่ยวไป๋รู้สึกว่า
เม็ดยาสิบอสูรนั้นน่าดึงดูดมากว่าเม็ดยาอื่นๆ
เสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้รอช้ากระโดไปคาบขวดหยกจาดมือของเฟนหลงเเละเปิดมันออกทาพร้อมกับเทเม็ดยาทั้งหมดออกมา
เเล้วทานที้งหมดทีเดียวโดยไม่เหลือเเม้เเต่น้อย
เฟนหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าเป็นอะไรไหม……….เจ้าทานเม็ดยาไปมากขนาดนั้นมันอาจเกิดปัญหาได้ “
