ในระหว่างที่รอเวลาให้ครบกำหนดสิบปีในเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วันนั้นเฟยหลงได้ตะเวนไปทั่วเมืองวารีหวนคืนเพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการ
จนกระทั่งถึงวันครบกำหนดสิบปีได้มีปรากฏการเเปลกประหลาดเกินขึ้นเหล่าสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในป่าตามส่วนต่างนั้นเริ่มมารวมตัวกันตรงเเม่น้ำกลางป่าที่เชื่อมต่ออยู่กับมหาสมุทร
ข่าวเหล่านี้ได้ถูกกระจ่ายผ่านผู้บ่มเพาะมากมายส่วนใครเป็นคนได้จ่าวมาคนเเรกนั้นก็ไม่อาจทราบได้
ส่วทางด้านพวกเฟยหลงนั้นได้เดินทางไปยังจุดรวมตัวของพวกสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว
” ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้สัตว์อสูรได้ไปรวมตัวตรงที่เเม่น้ำสายนั้นที่อยู่กลางป่กันเป็นจำนวนมาก ”
” เเม่น้ำสายนั้นคือเเม่น้ำเเห่งสมบีติโบราณใช่ไหม ”
” ใช่เเล้วข้าได้ยินมาว่าทุกครั้งที่วารีหวนคืนปรากฏออกมานั้นจะเป็นเเม่น้ำเเห่งสมบัติโบราณเท่านั้น ”
เสียงพูดคุบของเหล่าผู้บ่มเพาะที่ได้ยินไปทั่วนั้นเกิดจากการรวมตัวเพราะข่าวที่ได้รับมาเเละเป็นสถานที่ๆเดิมตามที่ได้ยินมาทุกครั้ง
พวกเฟยหลงนั้นเมื่อมาถึงเเม่น้ำเเห่งสมบัติโบราณก็ได้หาที่สงบราบเรียบเเละไม่ไกลจากเเม่น้ำสมบัติโบราณเเล้วนั่งรออย่างเอื่อยเฉื่อยโดยที่ไม่คิดจะเข้าไปรอด้านข้างเเม่น้ำเเต่อย่างใด
พวกซูซ่านที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวถามออกมาด้วยความเเปลกใจว่า
” ท่านพี่เฟยหลงทำไมพวกเราจึงไม่ไปใกล้เเม่น้ำมากกว่านี้ละ ”
” ท่านอาจารย์เพราะอะไรพวกเราต้องมารออยู่ตรงที่เเห่งนี้ด้วย ”
” พี่ใหญ่ข้าก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้หัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับตอบกลับไปด้วยมุมปากที่มีรอยยิ้มเล็กน้อย
” ไม่ต้องรีบร้อนสมบัติอย่างวารีหวนคืนนั้นทันคงไม่ปรากฏออกมาให้หยิบไปได้เลยอย่างเเน่นอนเเล้วระหว่างนั้นจะต้องเกิดการต่อสู้นองเลือดขนาดใหญ่ในที่เเห่งนี้ ”
เมื่อเฟยหลงได้กล่าวถึงตรงนี้ก็ได้ชี้ไปทางอีกด้านของเเม้น้ำซึ่งมีสัตว์อสูรกำลังรอคอยอยู่
” พวกเจ้าคิดว่ามันเเปลกไหมที่สัตว์อสูรนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะข้ามมาฝั่งที่พวกเราอยู่เพราะอะไร ”
พวกซูซ่านที่ได้ยินคำถามนี้ของเฟยหลงก็ได้เงียบลงไปเเล้วมองหน้ากันด้วบความสับสน
เพราะว่าตอนหน้านี้พวกซูซ่านมัวเเต่สนใจเพียงเเค่วารีหวนคืนจะปรากฏออกมาเมื่อไหร่จนลืมไปว่ายังมีสัตว์อสูรมากมายกำลังอยู่อีกฝั่งของเเม่น้ำเเห่งสมบัติโบราณ
เฟยหลงที่นั่งอยู่ก็ได้หลับตาลงราวกับกำลังนั่งหลับโดยไม่สนรอบข้างราวกับทุกอย่างนั้นถูกตัดขาดออกจากทุกสรรพสิ่ง
ราวกับไม่มีเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับตัวเขาราวกับว่าตัวเฟยหลงนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติจนกระทั่งเวลาผ่านไปก็ได้มีรถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เเม่น้ำสมบัติโบราณเหล่าผู้บ่มเพาะที่มองรถม้านั้นเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ก็รีบหลีกมางให้อย่างหวาดกลัว
” นี่มันสัญลักษณ์ของหอโอสถ…… หรือว่าจะเป็นหลีเหวินเเห่งหอโอสถ ”
” อัจฉริยะเเห่งการปรุงยาหลีเหวินคนนั้นนะเหรอ”
จากนั้นไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งขี่สัตว์อสูรหมาป่ามาโดยที่ตัวเขาสวมชุดคลุมสีดำทั่วทั้งตัวเเละรอบคัวเขานั้นเเผ่กลิ่นไอเเห่งความบ้าคลั้งออกมา
เหล่าผู้คนได้หลีกทางให้เหมือนกับรถม้าคันนั้นเพราะว่าเหล่าผู้บ่มเพาะที่ไร้สังกัดเช่นพวกเขารู้จักชายคนนั้นดี
” สัตว์อสูรหมาป่าสีดำใส่ชุดคลุมสีดำเเผ่กลิ่นไอเเบบนี้หรือว่า………. ต้ามู่ผู้บ้าคลั่ง ”
ในความคิดของผู้บ่มเพาะไร้สังกัดเเล้วนั้นชื่อนี้เป็นชื่อที่ทีล้วนมีคนหวาดกลัวเพราะว่าครั้งหนึ่งต้ามู่เคยสู้กับทหารรับจ้างที่ทำตัวอวดเก่ง
เเละต้องการรีดไถต้ามู่คนนี้ซึ่งในตอนนั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนคิดว่าต้ามู่ก็เป็นหนึ่งในคนที่โชคร้ายอีกคนเเต่ใครจะคิดละว่าทหารรับจ้างทั้งยี่สิบคนนั้นล้วนถูกสังหารจนเเต่มีคนหนึ่งในยี่สิบคนได้ส่งสัญญาณไปหาพวกพ้องที่กระจายอยู่ทั้งหมดให้มาสังหารต้ามู่เเต่สุดท้ายกลับไม่มีใครรอดชีวิตเลย…………….
จำนวนทหารรับจ้างในครั้งนั้นคงมีมากถึงหนึ่งร้อยคนทีเดียว
ตั้งเเต่นั้นมาชื่อนี้ก็ถูกจดจำได้ว่าเป็นคนบ้าคลั่งคนหนึ่ง
