เมื่อเฉินเหมียวได้ยินว่าเฟยหลงถามเรื่องราคาจึงกล่าวอย่างลังเลว่า
” เรื่องราคานั้น… ข้าไม่ได้คิดเอาไว้เลย ”
เมื่อเฉินเหมียวครุ่นชั่วครู่และยิ้มให้เฟยหลงและกล่าวว่า
” เอาอย่างงี้เป็นไงเพียงท่านซื้ออาวุธหรืออย่างอื่นในร้านข้าที่มีราคารวมแล้วประมาณหนึ่งแสนเหรียญทองเป็นไงข้าจะแถมหม้อปรุงยาใบนี้ให้เจ้าเลย ”
เฟยหลงจึงคิดว่า
‘ คิดจะขายของในร้านเจ้าให้ข้าความเจ้าเล่ห์ของเจ้านั้นข้าดูออก ‘
‘ แต่เจ้าคิดผิดแล้วเพราะต่อให้ของในร้านเจ้าทั้งหมดก็ไม่สามารถเทียบเท่าหม้อปรุงยาเก่าๆใบนี้ได้เลยแม้เเต่น้อย ‘
เเต่เฟยหลงก็ได้เเสดงท่าทางลังเลใจและครุ่นคิดจนสุดท้ายตัดสินใจได้เพื่อไม่ให้เฉินเหมียวสงสัยและกล่าวว่า
” เอาละข้าจะซื้อหม้อปรุงยาที่ดีที่สุดของเจ้าและเจ้าหาดาบที่ดีที่สุดของร้านเจ้ามาด้วยข้าจะซื้อทั้งสองอย่างนี้ ”
เมื่อเฉินเหมียวได้ยินสิ่งเฟยหลงต้องการซื้อจึงกล่าวอย่างไม่เชื่อหูตนเองที่ได้ยินและถามเพื่อความเเน่ใจว่า
” ทะ-ท่านบอกว่าอะไรนะสิ่งที่ท่านซื้อทั้งหมดใช่ไหม ”
และเฉินเหมียวพิจารณาเฟยหลงตั้งแต่หัวจรดเท้า
เฟยหลงจึงกล่าวว่า
” ใช่ ”
เฉินเหมียวได้ตอบเฟยหลงว่า
” แต่ราคาของที่ท่านต้องการมันเเพงมากเลยท่านมี… ”
เฟยหลงก็ได้รู้ว่าเฉินเหมียวกล่าวถึงอะไรและตอบกลับไปว่า
” สำหรับข้าแล้วเรื่องราคาที่ต้องใช้เหรียญทองซื้อไม่มีปัญหา ”
เมื่อเฉินเหมียวได้ยินว่าเฟยหลงไมมีปัญหาเรื่องเหรียญทองจึงกล่าวว่า
” ข้าจะเเนะนำให้ท่านว่าหม้อปรุงยานี้ซึ่งข้าเป็นคนหลอมเองและหม้อทำมาจากแร่ปประกายเพลิงอายุหนึ่งร้อยปีซึ่งข้าได้บังเอิญไปพบตอนกำลังสำรวจ ”
” ชื่อของหม้อปรุงยานี้คือ เพลิงอสรพิษ ”
หม้อปรุงยามีรูร่างเหมือนมีอสรพิษสีแดงเพลิงสองตัว
ลำตัวของมันขดอยู่รอบๆหม้อและและบนขอบของหม้อปรุงยาเพลิงอสรพิษได้มีหัวของมันยื่นออกมาเเละดูน่าเกรงขาม
แต่เฟยหลงได้คิดในใจว่า
‘ อืมมันก็ยังดีกว่าหม้อปรุงยาข้างนอกนิดหน่อยถ้าให้ข้าใช้ปรุงยาก็พอได้แต่ถ้าเทียบกับหม้อปรุงยาเก่าๆใบนั้นหม้อปรุงยาใบนี้เทียบไม่ติดเลยเเม้เเต่น้อย ‘
เมื่อเฉินเหมียวได้อธิบายเรื่องราวของหม้อปรุงยาที่เฟนหลงจะซื้อเสร็จก็ได้กล่าวกับเฟยหลงว่า
” ในเมื่อท่านได้หม้อปรุงยาแล้วท่านตามข้ามาได้เลยข้าจะพาท่านไปดูอาวุธที่ดีที่สุดของร้านเเอง ”
เมื่อกล่าวจบเฉินเหมียวได้เดินนำเฟยหลงไปและเฟยหลงได้เดินตามไปอย่างสงบ
เฉินเหมียวได้เดินนำเฟบหลงไปยังชั้นวางดาบซึ่งมีดาบมากมากและมีกลิ่นอายที่เเข็งแกร่งมากมายแต่มีดาบเล่มหนึ่งซึ่งมีกลิ่นอายที่เเข็งแกร่งกว่าดาบเล่มอื่นอยู่หนึ่งเล่ม
เฉินเหมียวได้เดินไปหยิบดาบเล่มนั้นมาและนำมันมาตรงหน้าของเฟยหลงแล้วกล่าวว่า
” นี่คือดาบที่ดีที่สุดของร้านเราทำมาจากแร่เหล็กกล้าทมิฬอายุหนึ่งร้อยปีหลอมขึ้นมาโดยนักหลอมอาวุธซึ่งคนที่หลอมนั้นคือข้าเอง ”
” ชื่อของมันก็คือ ดาบพยัคฆ์ทมิฬ ”
ซึ่งลวดลายด้านข้างของดาบได้มีรูปพยัคฆ์ตนหนึ่งอาปากเหมือนจะคำรามไปด้านปลายดาบ
เมื่อเฉินเหมียวได้กล่าวจบก็ได้มองเฟยหลงเพื่ออยากจะเห็นใบหน้าที่ให้ความเคารพเขาหรือตกใจกับของทั้งสองสิ่งที่ต้นหลอมขึ้นมาแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเฟยหลงได้ตอบสั้นๆว่า
” อืืม ”
เมื่อเฉินเหมียวจึงได้ยินคำตอบของเฟยหลงก็ได้แต่ยิ้มอย่างอึดอัดใจเท่านั้น
” เอาดาบเล่มนี้เเหละ ”
แต่สิ่งที่เฟยหลงสังเกตเห็นจากดาบแล้วก็ได้คิดในใจว่า
‘ ทักษะการหลอมของเจ้าช่างอ่อนด้อยมากถ้าให้ข้าพิจารณาดูแล้วในคนระดับเดียวกันในชีวิตที่แล้วของข้า ‘
‘ อย่างน้อยก็ใช้เป็นมีดปลอกผลไม้ได้ ‘
ถ้าเฉินเหมียวได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกำลังคิดอยู่ในใจอาจจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายก็เป็นได้
แต่เฉินเหมียวได้อธิบายต่อโดยที่ไม่ได้รู้ว่าดาบที่ตนหลอมขึ้นมานั้นเฟยหลงคิดจะเอาไปใช้สำหรับปลอกผลไม้
” นี่เป็นผลงานที่ข้าภูมิใจมากที่สุดทั้งสองอย่างทั้งดาบและหม้อปรุงยาเป็นระดับก่อเกิดที่ข้าหลอมออกมาได้ดีที่สุดส่วนราคานั้นสองแสนเหรียญทอง ”
เมื่อเฉินหมียวกล่าวจบเฟยหลงได้นำเงินออกมาจากตัวซึ่งเป็นบัตรชนิดหนึ่งซึ่งชายชราหนานกงได้ให้ไว้โดยแต่ละใบมีค่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองพร้อมบอกที่อยู่แล้วกล่าวว่า
” นำของทั้งหมดไปส่งให้ข้าด้วย ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้เดินออกจากร้านไป
