หยางเทียนได้พุ่งเข้าหาเฟยหลงโดยที่ตนเต็มไปด้วยความโกรธเเค้นและจิตสังหาร
” ตาย………….. ”
โดยที่หยางเทียนได้ใช้ทักษะฝ่ามือระดับก่อเกิดโจมตีโดยที่มีแสงสีฟ้าได้ห่อหุ้มฝ่ามือของหยางเทียน
เฟยหลงได้ใช้ทักษะหมัดทลายศิลาโต้กลับ
” ตู้ม ”
เฟยหลงได้ถอยไปสามก้าวโดยที่หยางเทียนได้ถอยไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
โดยที่เเขนของเฟยหลงนั้นรู้สึกชาไปทั่วและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
เฟยหลงที่เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มออกมาแล้กล่าวว่า
” ข้าในตอนนี้ก็ยังสู้กับเจ้าไม่ได้ ”
หยางเทียนที่เห็นว่าเฟยหลงยังไม่ตายโดยที่รับฝ่ามือของเขาได้จึงรู้สึกแปลกใจและกล่าวว่า
” ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีระดับการบ่มเพาะที่ดีถ้าเทียนกับรุ่นเยาว์ของเมืองฟเากระจ่าง ”
” เเต่เจ้าคิดผิดที่บังอาจท้าทายข้าดังนั้นจงตายไปซะ ”
หยางเทียนได้ซัดฝ่ามือที่มีพลังปราณห่อหุ้มอยู่
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวตอบหยางเทียน
” เเม้ว่าเจ้าในตอนนี้จะเเข็งแกร่งกว่าจ้าแต่เจ้าคิดรึว่าข้ามายังที่เเห่วนี้โดยที่ไม่ได้เตรียมอะไรเอาไว้เลยหรือ ”
เมื่อเฟยหลงได้กล่าวจบก็ได้ใช้ทักษะต่อสู้ที่เป็นอยุ่รวมในหนังสือเล่มเดียวกับทักษะบ่มเพาะเทพจักรพรรดิสงคราม
” ซึ่งชื่อของทักษะยุทธ์ก็คือ ”
” สี่สัตว์เทพ ”
ซึ่งทักษะนี้มีทั้งหมดสี่รูปแบบเฟยหลงได้ใช้รูปแบบหนึ่งในสี่รูปแบบ
นั้นก็คือรูปแบบเต่าทมิฬและความสามารถของมันคือการป้องกัน
เฟยหลงได้เปิดใช้ทักษะยุทธ์สี่สัตว์เทพรูปแบบเต่าทมิฬ
บนร่างของเฟยหลงก็ได้ปรากฏเสื้อเกราะสีดำทมิฬที่ดูเลือรางและโปร่งแสง
ตอนที่เฟยหลงได้ทดลองใช้ทักษะนี้เป็นครั้งเเรกก่อนที่จะบุกเข้ามาก็ต้องรู้สึกแปลกใจ
เพราะว่าพลังป้องกันของตนได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะทักษะนี้
หยางเทียนที่เห็นเฟยหลงได้ใช้ทักษะยุทธ์เเปลกประหลาดและเท่าที่หนาเทียนเห็นว่ามันนั้นดูเรือนรางและโปร่งเเสง
จึงกล่าวเยาะเย้ยเฟยหลงว่า
” เจ้าจะเอาทักษะเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะหายไปได้ทุกเมื่อนี้มาสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ ”
” ข้าเกรงว่าเพียงเเค่สกิดนิดหน่อยก็คงหายไปแล้ว ”
เฟยหลงได้ยกล่าวตอบหยางเทียนว่า
” แล้วเราจะได้เห็นกันว่ามันจะเป็นตามที่เจ้าพูดไหม ”
ส่วนในสมองของเฟยหลงที่เห็นเกราะรบสีดำทมิฬเลือนรางและโปร่งแสงก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพราะด้วยความเเข็งแกร่งของเฟยหลงตอนนี้การสร้างเสื้อเกราะสีดำทมิฬออกมาได้แค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว
แต่สิ่งที่ทรงพลังก็ต้องแลกกับการที่ใช้ปราณจำนวนมากในการคงสภาพของเกราะรบเอาไว้
ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้เฟยหลงต้องรีบจบมันให้เร็วที่สุดเท่านั้นไม่งั้นคนที่จะพ่ายเเพ้ก็คือตัวเฟยหลงเอง
หยางเทียนได้ใช้ทักษะยุของตนเข้าปะทะกับทักษะยุทธ์ของเฟยหลงอีกครั้ง
” ตู้ม ”
คราวนี้เฟยหลงเพียงถอยไปหนึ่งก้าวเท่านั้นและหยางเทียนก็ได้ถอยไปหนึ่งก้าวเช่นกัน
หยางเทียนที่เห็นว่าเฟยหลงไม่ได้บาดเจ็บจากพลังของตนและผลการปะทะยังเสมอกันอีกจึง
รู้สึกตกใจเพราะทักษะที่ตนเห็นว่าอ่อนเเอเเต่เมื่อลองปะทะดูแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นจึงคิดอยู่ในใจว่า
‘ เป็นทักษะที่ดีจริงๆถ้าข้าได้มาข้าก็จะสามารถเป็นผู้ปกครองเมืองนี้ได้และตระกูลหยางของเราจะเเข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก ‘
หยางเทียนจึงกล่าวด้วยดวงตาที่มีความโลภกับเฟยหลงโดยที่เสนอบางอย่างให้เฟยหลง
” ถ้าเจ้าหักแขนขาและทำลายการบ่มเพาะพร้อมมอบทักษะยุทธ์นั้นมาให้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป ”
เฟยหลงจึงกล่าวตอบหยางเทียนกลับไป
” แกอยากได้ทักษะยุทธ์นี้มากใช่ไหม ”
เฟยหลงจึงกล่าวต่ออย่างท้าทาย
” ถ้าอยากได้จ้ามีข้อเสนอจะให้แก ”
” มาคุกเข่าให้ข้าและเรียกข้าว่าท่านบรรพบุรุษข้าอาจจะพิจราณดูก็ได้ ”
หยางเทียนก็ได้ตอบเฟยหลงกลับไป
” ข้าเสนอทางเลือกให้แล้วเเต่เจ้าไม่ยอมเลือก ”
” และข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะทนได้นานขนาดไหน
