บทที่ 233 หนึ่งวินาทียาวนานแค่ไหนกันแน่
เฉินชางรู้สึกว่าการเป็นระบบที่มีมโนธรรมควรจะคิดแทนผู้เล่นให้รอบด้านเสมอ
ในตอนแรกหลังเย็บเส้นเอ็นสำเร็จหนึ่งเคสก็จะมีภารกิจปรากฏขึ้นสามภารกิจ จนกระทั่งตอนนี้ภารกิจเริ่มมีการลดวัสดุและขั้นตอนในการเย็บเส้นเอ็นแต่ละเคส จัดว่าเป็นพฤติกรรมที่ไร้จรรยาบรรณ
เฉินชางมองประสบการณ์ในการผ่าตัดมือเย็บเส้นเอ็นสำเร็จห้าร้อยเคสของตนเองด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ จู่ๆ เขาก็รู้สึกตั้งตาคอยขึ้นมา
ถ้าทำภารกิจสำเร็จพร้อมกันสองภารกิจในเวลาเดียวกัน รางวัลที่ได้จะเป็นอะไรนะ
หนังสือ ‘เข็มทิศเวชศาสตร์ฟื้นฟูเส้นเอ็น’ จัดว่าเป็นของรางวัลที่ไม่เลว เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญของเวชศาสตร์การกีฬา[1]
เฉินชางรู้สึกว่าไอเทมชิ้นนี้เป็นไอเทมที่ส่งเสริมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า!
เฉินชางกดเปิดหน้าจอเสมือนอย่างระมัดระวัง เปิดภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ เมื่อมองดูภารกิจต่างๆ นานาจำนวนมาก จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าความรู้สึกฮึกเหิมและมุ่งมั่นท่วมท้นไปทั่วทั้งตัว
คิดไม่ถึงว่าเฉียนหลินกับจิ่งหรานจะเพิ่มภารกิจในตนได้มากมายหลากหลายขนาดนี้
จู่ๆ เฉินชางก็ค่อนข้างรู้สึกเสียดายช่วงเวลาในอดีตหลายปีที่ผ่านมา ทำไมตนถึงมีเกิ่งเหยียนเป็นแฟนเก่าแค่คนเดียว ตนน่าจะลองคบคนอื่นอีกสักสองสามคน เหตุผลไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อจะได้มีบุคคลที่จะมาเป็นผู้ดึงดูดภารกิจอันหวานหอมเหล่านั้นมาให้!
เฉินชางมองภารกิจที่ปรากฏอยู่เต็มหน้าจอเสมือน จากนั้นเขาก็เริ่มเลือกภารกิจ และไล่ทำไปทีละภารกิจจนสำเร็จ!
ในตอนนี้ยังไม่ต้องคิดเรื่องรางวัลจากการแข่งขัน ช่วงนี้อย่างไรก็ยังไม่มีการแข่งขันอะไรทั้งสิ้น และยังไม่มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลด้วย การแข่งขันระดับประเทศก็ยังไม่มีข่าวคราว
ส่วนเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศ…เรื่องนี้ปัญหาไม่เล็กไม่ใหญ่ หัวหน้าจางโหย่วฝูบอกกับตนว่าต้องการเชิญชวนตนให้เข้าร่วมสมาคมศัลยแพทย์ด้านตับและถุงน้ำดีของมณฑลตงหยาง แต่จะเป็นสมาชิกชมรมได้หรือเปล่านั้น เรื่องนี้พูดยาก…
เป้าหมายด้านงานวิจัยอีกไม่นานก็สำเร็จแล้ว แค่รอให้บทความของตนได้ตีพิมพ์ลงบนวารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’ ชัยชนะก็อยู่ไม่ไกล!
เป้าหมายด้านรายได้ก้าวที่หนึ่งคือระดับสองล้านหยวน ในตอนนี้เฉินชางประเมินว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของตนมีอยู่หนึ่งล้านหยวน ยังขาดอีกครึ่งหนึ่งก็จะถึงเป้าหมายแล้ว! แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เสริมหน้าอกอีกสักสองสามเคส ศัลยกรรมความงาม ไม่นานก็ถึงเป้าหมาย ไปที่คลินิกสุดสัปดาห์นี้จะต้องตกลงกับจางจื้อซินให้เรียบร้อย เอาสัญญาที่ตนร่างขึ้นให้เขาเซ็น จากนั้นก็ติดต่อกับหยางเทา ให้หยางเทาแขวนชื่อตนในคลินิก ติดป้ายระบุราคาให้ชัดเจน แล้วก็หาลูกค้าเศรษฐินีเพิ่มอีกสักหน่อย
ส่วนเรื่องแฟนสาว…
จู่ๆ เฉินชางก็นึกไอเดียดีๆ ขึ้นมาได้ไอเดียหนึ่ง!
ภารกิจระบุไว้แค่ว่าให้มีแฟนนิสัยดีคนหนึ่ง ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องคบกี่นาทีสักหน่อย
ตนมีช่วงเวลาแห่งรักที่ตราตรึงใจได้ ถึงแม้จะเป็นความรักจอมปลอมที่มีระยะเวลาแค่หนึ่งวินาทีก็เถอะ!
แม้แต่ความรักก็ซื้อได้ด้วยเงิน!
เฉินชางมองฉินเยว่ที่นั่งบันทึกประวัติผู้ป่วยอยู่ตรงนั้น ระบบกำหนดแค่ว่านิสัยดี ไม่ได้กำหนดว่าคัพเล็กคัพใหญ่?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ตัดสินใจเลือกฉินเยว่เป็นตัวเลือกสำหรับบรรลุภารกิจนี้
เฉินชางลุกขึ้นเดินร่าเริงไปหาฉินเยว่ “ฉินเยว่ ฉินเยว่”
ฉินเยว่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างไม่ละสายตา “ว่า…”
เฉินชาง “อืม” พร้อมพยักหน้าแล้วก็ถามว่า “คุณว่าผมเป็นไง”
ฉินเยว่ “ก็ไม่เป็นไง”
เฉินชาง “ตอบดีๆ ตั้งใจตอบ ตอบตามความจริง!”
ฉินเยว่กลอกตามองบน แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นับตั้งแต่วันนั้นที่เฉินชางส่งรูปพยาธิไฮดาติดมาให้เธอตอนรับประทานอาหาร เธอก็เตรียมพร้อมบล็อกเฉินชางทุกเวลา
เฉินชางไม่รู้สึกว่าตนกำลังรบกวนฉินเยว่ “อย่าทำแบบนี้ ให้โอกาสผมสักครั้ง แล้วก็เป็นการให้โอกาสสักครั้งกับตัวคุณเองด้วย ผมจะเป็นแฟนคุณหนึ่งวินาทีเป็นไง”
ฉินเยว่ชะงัก มองเฉินชางด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ “เป็นแฟนกันแค่หนึ่งวินาทีเนี่ยนะ หนึ่งวินาทีเพื่ออะไร เฉินชาง คุณ (เสร็จ) ไวเกินไปหรือเปล่าเนี่ย!”
จู่ๆ เสียงของฉินเยว่ก็ดังขึ้น ทำให้เฉินชางถึงกับซวนเซ หวังเชียน สือน่า หวังหย่ง หัวหน้าพยาบาลที่อยู่รอบๆ ห้องต่างก็หันมามองเฉินชางอย่างพร้อมเพรียงกัน สายตาเต็มไปด้วย…ความเจ็บปวด!
เฉินชางรู้สึกมึนตึบในทันใด!
เขารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
…
เฉินชางมองฉินเยว่ ดูแล้วภารกิจนี้คงต้องเลื่อนไปก่อน
ผู้ชายจะต้องการความรักไปทำไมกัน
ผู้ชายควรให้ความสำคัญกับหน้าที่การงาน
เย็บเส้นเอ็นห้าร้อยเคสจะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย
เป็นหมอแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐมีข้อได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือทรัพยากรมากเพียงพอ
ศูนย์ฉุกเฉิน 120 วิ่งวุ่นกันอยู่ทุกวัน จำเป็นต้องช่วยผู้ป่วยจำนวนมาก ไม่ต้องต้องกลัวเลยว่าแผนกฉุกเฉินของคุณจะขาดแคลนทรัพยากรผู้ป่วย แต่สิ่งที่ต้องกลัวคือ ต้องกลัวว่าแผนกฉุกเฉินของคุณจะไม่มีศักยภาพ
ปกติตอนที่ยังไม่ได้ประกาศให้ทุกคนทราบ ในแต่ละวันเคสเย็บเส้นเอ็นมีราวแปดถึงสิบเคส ในตอนนี้ตั้งใจประกาศให้ทุกคนทราบเป็นพิเศษก็คงจะมีจำนวนเคสเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ที่โรงพยาบาลอันดับสองไม่มีแผนกศัลยกรรมมือ เวลามีเคสก็จะเชิญโรงพยาบาลอู๋จวี๋ออร์โทพีดิกส์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามาช่วยเป็นครั้งคราว
โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้อย่างทะลุปรุโปร่งและเฉียบแหลม มองเห็นสิ่งที่โรงพยาบาลแห่งอื่นที่อยู่ใกล้กันยังขาดแคลน พวกเขาลงมือสั่งเครื่องมือเฉพาะทางกับอุปกรณ์ศัลยกรรมมือมา และก่อตั้งแผนกศัลยกรรมมือขึ้น
แต่แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็ย่อมสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐไม่น้อย แต่ธุรกิจก็ดีจริงๆ ผลกำไรก็ดีมากด้วย
แต่เฉินชางก็ยังสงสัยมากว่าสาเหตุที่แท้จริงที่โรงพยาบาลอันดับสองไม่ก่อตั้งแผนกศัลยกรรมมือเป็นเพราะคนไม่พอหรือเพราะอะไรกันแน่
ถึงขั้นที่เขาคาดเดาว่าจะเป็นเพราะเถ้าแก่โรงพยาบาลเอกชนกับผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลอันดับสองมีความลับอะไรระหว่างกันที่ไม่อาจบอกใครได้หรือเปล่า
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเฉินชางมากนัก
เฉินชางเพิ่งจะคิดมาถึงตรงนี้ พยาบาลที่อยู่ด้านนอกก็ส่งเสียงเรียก
เฉินชางลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป บรรยากาศในห้องทำงานกดดันเกินไป สู้ออกไปทำภารกิจก็ไม่ได้
สิ่งที่เฉินชางเห็นคือชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่หน้าแผนกฉุกเฉิน ในมือซ้ายพันด้วยกระดาษชำระหลายชั้น สีหน้าร้อนรน
“คุณหมอครับ! เย็บเส้นเอ็นกี่หยวนครับ”
เมื่อเห็นว่าเฉินชางเดินออกมา คำถามนี้ก็เป็นคำถามแรกที่ผู้ป่วยรายนี้ถามเฉินชาง
ทำเอาเฉินชางถึงกับชะงักเล็กน้อย “ต้องวิเคราะห์อาการก่อนนะครับ ตามผมมาครับ ให้ผมดูก่อนว่าหนักแค่ไหน”
ชายคนนี้น่าจะเป็นพ่อครัว ตอนที่วิ่งเข้ามาหาเฉินชาง เนื้อตัวของเขามีกลิ่นอาหารติดมาด้วย
ชายวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ครับ…ถ้าแพงผมก็จะ…”
เฉินชางส่ายหน้า “เราดูอาการกันก่อนแล้วค่อยว่ากันครับ การเย็บเส้นเอ็นมีหลายรูปแบบมากครับ อีกทั้งในตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าบาดเจ็บไปถึงเส้นประสาทหรือเปล่า”
ชายวัยกลางคนตัดสินใจเดินตามเฉินชางเข้าไปในห้องตรวจ หลังจากที่เฉินชางแกะกระดาษชำระที่ห่อมือซ้ายของผู้ป่วยออกแล้ว บาดแผลก็ปรากฏสู่สายตาของเฉินชางอย่างช้าๆ นิ้วชี้ท่อนกลางมีรอยมีดเฉือนอย่างเห็นได้ชัด
ชายวัยกลางคนแยกเขี้ยวยิ้ม “ตอนสับเนื้อสับโดนมือเข้า โชคดีนะครับที่ผมยั้งแรงไว้พอดี ไม่งั้นนิ้วผมขาดไปแล้ว”
เฉินชางพยักหน้า เขาใช้น้ำเกลือล้างแผลให้ก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ฆ่าเชื้ออีกที หลังจากล้างแผลแล้วก็ทำให้เห็นบาดแผลชัดเจนขึ้นเพราะจะไม่โดนเลือดไหลออกมาเคลือบไว้ หลังจากนั้นเฉินชางก็ใช้แหนบเปิดดูแผลเล็กน้อยทันที
บาดแผลกลับไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด ก็แค่กล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์[2] โดนตัดขาดครึ่งหนึ่ง หลอดเลือดได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ประเด็นสำคัญในตอนนี้คือเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส
เฉินชางประมาณการคร่าวๆ แล้วกล่าวว่า “ค่ารักษารวมค่ายาอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันหยวนครับ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกใจจนชักมือกลับ “โอ้โห แพงไปหรือเปล่าครับคุณหมอ เย็บแผลตั้งพันกว่าหยวน ไม่ไหวๆ ผมไม่เย็บที่นี่แล้วครับ พบไปไปคลินิกเล็กๆ เย็บให้ก็ได้ครับ…
…แต่ยังไงก็ขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่ล้างแผลให้ผม อ้อ จริงด้วย ผมขอผ้าก๊อซสักสองม้วนได้มั้ยครับ”
เฉินชางยังคงอธิบายด้วยความใจเย็น “ความจริงแล้วการเย็บเส้นเอ็นกับการเย็บแผลทั่วไปต่างกันมาก เหตุผลที่คลินิกเล็กๆ ค่ารักษาถูกเพราะวัสดุที่ใช้ในการรักษาต่างกัน เรื่องค่าหมอยังคุยกันได้ แต่ค่ารักษาหลักคือไหมที่ใช้เย็บเส้นเอ็นมีราคาที่แตกต่างกัน…
…สำหรับการเย็บเส้นเอ็น เราแนะนำให้ใช้เข็มที่มีขนาดเล็กระดับไมโครกับไหมโพรลีพรอพิลีน เพราะเข็มขนาดเล็กจะก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกายคนน้อย ส่วนไหมเย็บแผลชนิดที่แนะนำนี้มีสารเคลือบที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียไว้หนึ่งชั้น ทั้งยังช่วยให้เส้นเอ็นยึดสมานกันได้ดีขึ้น อีกทั้งยังป้องกันการเกิดพังผืด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานของนิ้วมือในอนาคตข้างหน้า…
…ทั้งหมดนี้ก็เพราะผมมองถึงสมรรถภาพใช้งานของนิ้วมือคุณในอนาคตข้างหน้า ไม่ใช่มาพูดเพื่อบอกให้คุณต้องจ่ายเงินแพงๆ”
[1] เวชศาสตร์การกีฬา (Sport medicine) สาขาวิชาที่มุ่งเน้นการป้องกันและรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกายหรือกีฬา
[2] กล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์ กล้ามเนื้อส่วนที่ทำให้ร่างยืดเหยียดออกได้
บทที่ 231 ศึกแห่งเกียรติยศ!
แผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่แปลกจริงๆ ไม่ว่าจะโรคอะไร อาการแบบไหนก็มีหมด แม้แต่หัวหน้าหลี่เป่าซานผู้ฝึกวรยุทธ์มาจนช่ำชองยังไม่กล้ากล่าวว่าตนรับมือผู้ป่วยได้ทุกรูปแบบ
เช้าตรู่เวลาเจ็ดโมงกว่า เป็นช่วงเวลาที่มีผู้ป่วยพอสมควร ช่วงเวลานี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว ผู้ป่วยที่เร่งรีบไปเรียนไปทำงานแล้วไม่ระมัดระวังเลยประสบอุบัติเหตุ
ไม่ก็เป็นผู้ป่วยที่ปวดฟันจนทนไม่ไหว
เฉินชางพบปัญหาหนึ่งว่าช่วงนี้ดูเหมือนว่าใบหน้าของเขาจะหมองคล้ำมาก เข้าเวรดึกทีไร ผู้ป่วยเยอะทุกทีไป ครั้งที่แล้วที่เข้าเวรดึกแทนหวังหย่ง ผู้ป่วยเยอะมาก พอมาวันนี้ตนเข้าเวรดึก ผู้ป่วยก็เยอะมากอีกแล้ว
ถ้าผู้ป่วยลดน้อยลงสักหน่อยจะดีขนาดไหนนะ
บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ทุกครอบครัวรักใคร่กลมเกลียว มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ถ้าเป็นเช่นนี้ตนก็นอนหลับได้อย่างสงบสุขไร้กังวล ไม่แน่ว่าหลังเลิกงานในเช้าวันรุ่งขึ้น ตนยังมีเรี่ยวแรงเล่นเกมส์ออเนอร์ ออฟ คิงส์ (Honor of kings)[1] ต่อได้
หลังจากที่รักษาผู้ป่วยช่วงเช้าเสร็จ เฉินชางก็ง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยกลับไปที่ห้องเวร แล้วเอาน้ำเย็นล้างหน้าสักหน่อยเพื่อให้ตนรู้สึกสดชื่นขึ้น
เฉินชางเพิ่งจะเดินพ้นประตูออกมาก็เจอฉินเยว่กำลังเดินแกว่งแขนก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อ
นัยน์ตาของเฉินชางเปล่งประกายในทันใด เขาดึงตัวฉินเยว่เข้ามาในห้องเวรทันที แล้วก็ปิดประตูเสียเลย!
จากนั้นก็ต้อนฉินเยว่จนติดมุมกำแพงด้วยท่าทางที่ดูโหดร้าย มือข้างซ้ายวางทาบลงบนผนังกำแพงข้างศีรษะฉินเยว่ นัยน์ตาของเขาหรี่ลง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดุร้ายราวกับโกรธแค้นฝังใจ!
“แหม เมื่อคืนนี้นอนหลับสบายเลยสินะ”
เมื่อฉินเยว่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็ฝืนยิ้มออกมา “อืม หลับสบายมาก”
เฉินชางทำเสียงเชอะออกมา “ว่ามา จะให้ทำแบบไหน”
ฉินเยว่ชะงัก เธอมองเฉินชางตาปริบๆ ส่งสายตาวิงวอนด้วยความน่าสงสารยิ่งนัก “มาขนาดนี้แล้ว ตามที่คุณต้องการ…”
เฉินชางพลันตกตะลึง ทำไมตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดไว้
ฉินเยว่จะต้องคิดว่าตนไม่กล้าทำแน่ๆ คิดอย่างงั้นรึ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็หัวเราะชั่วร้ายออกมา แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาช้อนคางฉินเยว่ขึ้นเบาๆ จากนั้นก็เป่าลมใส่หน้าฉินเยว่ “งั้นผมไม่เกรงใจละนะ!”
เขาอยากจะรู้นักว่าฉินเยว่จะยืนหยัดแสดงละครต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่
เขาเห็นแค่ว่าในตอนนี้ใบหน้าของฉินเยว่แดงระเรื่อ หลับตาปี๋ ขนตาที่งอนยาวสั่นระริก แม้แต่ขาข้างขวายังกระดกขึ้นเล็กน้อย…
ฉิบแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังฟิน…!
วิธีนี้จะไม่ทำให้ตนต้องติดกับยัยฉินขี้ประจบงั้นรึ
หรือว่าจะปล่อยให้เรื่องมันแล้วกันไป?
ไม่ได้!
ถ้าไม่สั่งสอนให้ยัยฉินขี้ประจบสักหน่อย เธอก็จะไม่รู้ว่าเขาดุขนาดใหญ่!
เฉินชางรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!
เขารู้ดีว่านี่คือการประลองสภาพจิตใจระหว่างเขากับเธอว่าใครจะแกร่งกว่ากัน!
แล้วก็เป็นการดวลหนังหน้าระหว่างเขากับเธอด้วยว่าหน้าใครจะทนมากกว่ากัน!
ณ เวลานี้ไม่มีถูกผิด!
มีแต่แพ้ชนะ!
ตอนนี้เฉินชางรู้สึกปวดใจดั่งมีดทิ่มแทง เขารู้สึกได้ถึงคลื่นไฟฟ้าหัวใจของตนเองที่ปรากฏให้เห็นค่า P wave สูงผิดปกติ จังหวะการเต้นของหัวใจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จังหวะการหดตัวของหัวใจช่องล่างกระชั้นถี่ หัวใจเต้นเร็วขึ้นมาก เฉินชางรู้ว่านี้คือภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ…
แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่หัวใจหวั่นไหว! ไม่ใช่แน่…
ก็แค่ตื่นเต้นก็เท่านั้นเอง
เฉินชางรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันหอมละมุนที่ผ่านออกมาทางจมูกของฉินเยว่
กลิ่นที่เขารู้จักดีมาก ดูถูก เหยียดหยาม เย้ยหยัน
ถ้าจะต้องอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูด งั้นก็จะต้องกล่าวว่า…
คุณ…คุณมานี่!
ในตอนนี้เขาเข้าใจความหมายของประโยคนี้ดี
ในเวลานี้ตน…ตนไม่ได้รู้สึกแบบนี้งั้นหรือ
เฉินชางกัดฟันตัดสินใจแน่วแน่ ตะโกนก้องในใจด้วยความเดือดดาลว่า สู้โว้ย!
ทนต่อไปไม่ได้แล้ว!
เฉินชางยืนหยัดแน่วแน่!
ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องพลีชีพ!
และในตอนนี้เอง ตอนที่เฉินชางตัดสินแน่วแน่แล้วว่าจะจูบฉินเย่ว
ทันใดนั้น…แอ๊ด เสียงประตูถูกเปิดออก
หลังจากที่หลี่เป่าซานเดินเข้ามาด้านในแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉากนี้เข้า
เป็นฉากที่ชวนให้ประหลาดใจ!
หลี่เป่าซานกระแอมออกมาสองที กล่าวพึมพำตนเอง “เอ๊ะ? ผมวางกุญแจไว้ไหนนะ”
ขณะที่กล่าวอยู่นั้น หลี่เป่าซานจ้องมองเพดาน ไม่กล้าลดระดับสายตาลงมา เขากล่าวพลางขมวดคิ้ว มือทั้งสองข้างคลำกระเป๋าเสื้อ เหมือนว่ากำลังหากุญแจอยู่จริงๆ
แต่คุณเปิดประตูเข้ามาแล้วชัดๆ คุณจะหากุญแจอะไรอีก!
เวลาที่คุณจะโกหก คุณจะโกหกแบบขอไปทีไม่ได้
หลังจากที่พูดกับตนเองจบ หลี่เป่าซานก็ถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งที “อืม น่าจะอยู่ที่ห้องทำงาน! ลองไปดูสักหน่อย ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงสี่สิบ…อืม ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนเวร เวลาน่าจะมากพอ! ผมไปซื้ออาหารเช้าด้วยเลยแล้วกัน”
หลังจากที่พูดกับตนเองอยู่นานสองนาน หลี่เป่าซานก็ปิดประตูหันหลังเดินจากไป
เฉินชางอยากจะไปถามหัวหน้าหลี่สักหน่อยว่า ‘ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนเวร’ หมายความว่าอะไร
‘เวลาน่าจะมากพอ’ หมายความว่าอะไร
กำลังดูถูกใครกัน!
จังหวะที่เฉินชางกำลังเตรียมพร้อม ทันใดนั้นฉินเยว่ก็ปลีกตัวออกแล้วเดินจากไป พร้อมกล่าวลอยๆ ทิ้งท้ายว่า “เฮ้อ!…เหงาจัง…”
หลังจากพูดจบ เธอก็ส่ายหน้าแล้วเดินคอตกไปตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผู้หญิง แสร้งทำเป็นรู้สึกเซ็ง แต่ในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง แถมยังชูนิ้วชี้ข้างขวาส่ายไปส่ายมา
เฉินชางกำหมัดแน่น ถ้าเขาไว้เล็บยาว เล็บของเขาจะต้องจิกเข้าไปในเนื้อแน่ ขาดก็แค่เลือดที่ไหลออกมา!
เฉินชางยืนกัดฟันกรอดอยู่กับที่ สายตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล!
ยัยฉินขี้ประจบ คุณมันยัยไม้กระดานของแท้!
คุณคอยดูวันข้างหน้าเถอะ!
วันนี้โชคเป็นของคุณ แต่ต้องมีวันที่โชคเข้าข้างผม!
คุณคอยดูเถอะ!
ต้องมีสักวันที่ผมจะทำให้คุณต้องคุกเข่าร้องเพลงยอมรับความพ่ายแพ้!
และบทเพลงที่คุณร้องจะเป็นบทเพลงที่ผมเขียนเอง!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าฉินเยว่สร้างความอับอายให้เขา
ไม่ใช่สิ มันคือการดูถูกเหยียดหยาม…
ไม่สิไม่ใช่ ต้องใช้คำว่าสร้างความอัปยศ…
ไม่ยังตรงกับความรู้สึก ควรจะใช้คำว่าการผสมผสานระหว่าง…ความอับอาย ความอัปยศ ความอดสูเข้าด้วยกัน
ครอบคลุมความรู้สึก!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าความอาฆาตแค้นของเขาทวีคูณยิ่งขึ้น
จะต้องล้างแค้นให้ได้!
เมื่อเห็นว่าใกล้จะแปดโมงตรงแล้ว เฉินชางก็หยิบเสื้อกาวน์เดินตรงไปที่ห้องทำงาน
เฉินชางที่เดิมที่ง่วงจนตาจะปิด จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนมีกำลังวังชาไปทั้งตัว
เขาจะต้องกำจัดยัยฉินตัวร้ายนี้ให้ได้!
ตอนนั้นเอง หลี่เป่าซานก็เดินช้าๆ เข้ามาในห้อง เขากวาดตามองทุกคน “เริ่มเปลี่ยนเวร”
เมื่อเฉินชางเห็นหลี่เป่าซานเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเขินอายจน…จนหน้าแดง
เขาก็เลยแอบหันไปมองฉินเยว่ทีหนึ่ง แล้วเขาก็พบว่า ดูเหมือนว่าฉินเยว่จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย สงบสุขุม สบายใจไร้กังวล!
….เหอะ…ผู้หญิงคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมเกินคน!
เฉินชางเกิดลังเลใจ เป็นศัตรูกับคนที่น่ากลัวแบบนี้เป็นความคิดที่ไม่ดีสักเท่าไหร่หรือเปล่านะ
หรือตนจะเป็นฝ่ายยอมรับผิด?
เลี้ยงข้าวเธอสักมื้อ ลงนามกฎสันติภาพ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางลืมความรู้สึกอัปยศทั้งหมดในใจไป ถึงอย่างไรเสียศัตรูก็แข็งแกร่งมากจนเกินต้าน แถมหน้าอกเล็กมากด้วย!
ช่างเถอะ ช่างเถอะ…
หลังจากเปลี่ยนเวรและออกมาจากแผนกฉุกเฉินแล้ว เฉินชางคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปนอน ต่อให้เป็นชายชาตรีที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานความเหนื่อยล้าจากการเข้าเวรดึกของแผนกฉุกเฉินได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ หลี่เป่าซานถึงได้เรียกเฉินชางเอาไว้ “เสี่ยวเฉิน?”
เฉินชางพยักหน้า “ครับหัวหน้า คุณเรียกผม?”
หลี่เป่าซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เอ่อ…พักผ่อนให้เต็มที่นะครับ!”
เฉินชาง…
นี่คุณดูถูกใครอีกแล้ว!
[1] เกมส์ออเนอร์ ออฟ คิงส์ (Honor of kings: 王者荣耀) เกมสัญชาติจีน