เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 264 ได้รับรางวัลท่วมท้นมาก! (2)

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 264 ได้รับรางวัลท่วมท้นมาก! (2)

หลังจากที่คนทุกคนกลับมาถึงห้องทำงานแผนกศัลกรรมมือแล้ว เฉินชางก็เห็นว่าผู้คนอันเนืองแน่นกำลังจะแยกย้ายสลายตัวแล้ว

สำหรับเรื่องคำชมเชยจากผู้อื่น เฉินชางไม่สนใจเลยสักนิด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้นำมาซึ่งรางวัลที่แท้จริง มีแต่เพิ่มความยุ่งยากให้ก็เท่านั้น

สำหรับเรื่องชื่อเสียง…

ในเวลาที่คนคนหนึ่งไม่มีความสามารถมากพอที่จะรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้ เรื่องยุ่งวุ่นวายก็จะตามมา

ขอแค่สิงอวี่จำได้ว่าตนเป็นผู้มีพระคุณแค่ก็พอแล้ว แฟนคลับพวกนั้น…ช่างเถอะ ยามที่แฟนคลับเกรี้ยวกราดขึ้นมา จากคนกันเองก็กลายเป็นศัตรู! (ผมไม่ได้หมายถึงพวกคุณนะครับ พวกคุณไม่ใช่แค่แฟนหนังสือขอผม แต่พวกคุณคือผู้มีอุปการะคุณของผมด้วย)

เฉินชางหาถานจงหลินเจอแล้ว “หัวหน้าถานครับ ผมจะกลับแล้วนะครับ”

ถานจงหลินชะงัก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “คุณไปที่ห้องทำงานกับผมก่อน”

หลังจากพูดจบ ถานจงหลินก็พาเฉินชางไปที่ห้องทำงานหัวหน้า

“เสี่ยวเฉิน…ผม…ผมมีเรื่องหนึ่งที่จะคุยกับคุณ” ถานจงหลินกล่าว

เมื่อเฉินชางเห็นว่าถานจงหลินดูมีลับลมคมใน เฉินชางก็ชะงักเล็กน้อย “หัวหน้าครับ เรื่องอะไรหรือครับ”

ทันใดนั้นเสียงประตูถูกเคาะก็ดังขึ้น

ถานจงหลินมองเฉินชาง “คุณรอเดี๋ยว ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”

หลังจากพูดจบ ถานจงหลินก็ลุกไปเปิดประตู

บุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูคือหวังอวี้ซาน ฉางหงเหล่ย และสิงอวี่

ถานจงหลินชะงัก “มีอะไรหรือครับ”

หวังอวี้ซานเดินเข้ามาในห้องทำงาน ปิดประตูแล้วกวาดสายตามองทุกคนหนึ่งที จากนั้นก็มองไปที่เฉินชาง กล่าวว่า “เสี่ยวเฉิน ผมพาสิงอวี่มาหาคุณเพราะมีเรื่องหนึ่งที่อยากคุยกับคุณ…

…คืออย่างนี้นะครับ คุณฟังแล้วอย่าเพิ่งใจร้อน คุณพิจารณาความคิดเห็นของผมสักนิดก็พอแล้วครับ คืออย่างนี้นะครับ การผ่าตัดในวันนี้คุณเป็นผู้ผ่าตัด แต่พวกเราไม่อยากให้คุณโอ้อวดมากเกินไป ถึงยังไงสังคมในทุกวันนี้เป็นยังไงคุณก็รู้ ถ้าเรื่องผ่าตัดของคุณกระจายออกไป คุณจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังมากแน่ แล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าอนาคตเคสผ่าตัดของคุณก็จะเยอะมากตามไปด้วย…

…แต่กรณีแบบเดียวกันนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าชื่อเสียงกลับทำให้การพัฒนาศักยภาพของคนของคนเหล่านั้นหลังจากมีชื่อเสียง…ไม่ดีเท่าที่ควรนัก คุณยังหนุ่ม อายุเพิ่งจะยี่สิบเจ็ด แต่ละด้านของชีวิตเพิ่งจะเริ่มขึ้น ช่วงอายุเท่านี้เป็นช่วงที่พัฒนาได้รวดเร็วที่สุด ผมอยากให้คุณอาศัยช่วงเวลานี้ตั้งใจลับคมตนเอง ยกระดับศักยภาพของตนเองให้สูงขึ้น อย่าให้สิ่งเร้าภายนอกมารบกวน…

…ดังนั้นที่ผมมาหาคุณก็เพื่อจะบอกว่า จะยังไม่ให้สิงอวี่ประกาศต่อสาธารณะชั่วคราวว่าใครเป็นคนผ่าตัดให้ คุณ…คุณคิดว่ายังไงครับ”

หวังอวี้ซานคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบแทนเฉินชางจริงๆ เฉินชางยังหนุ่มมาก อายุแค่ยี่สิบเจ็ด สำหรับวงการแพทย์แล้วการมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่เรื่องดีนัก!

อาชีพแพทย์แตกต่างจากอาชีพที่ต้องเน้นกลุ่มแฟนคลับ ศักยภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำโฆษณา

ถ้าคุณเป็นเน็ตไอดอล เป็นนักร้อง จังหวะนี้เป็นโอกาสที่คุณต้องคว้าไว้ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก

แต่คุณเป็นหมอ แพทย์มีหน้าที่ช่วยชีวิตคน ในทุกวันปักหลักอยู่ที่หน้าเตียงผ่าตัด จำเป็นต้องเก็บเกี่ยวความรู้ทางการแพทย์อย่างไม่หยุดยั้ง

หวังอวี้ซานตระหนักในเรื่องนี้ดี ช่วงชีวิตที่พัฒนาไปเร็วที่สุดของเขาคือช่วงก่อนมีชื่อเสียง นับตั้งแต่เขาได้เป็นหัวหน้า ทำให้เขาต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และเข้าร่วมสมาคมต่างๆ

สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาศักยภาพในหน้าที่การงานและสังคมของหวังอวี้ซานครั้งใหญ่หลวง

แต่…เมื่อถามใจตนเอง หวังอวี้ซานพบว่าตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ตนอาศัยบุญเก่าจริงๆ!

ดังนั้นเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หวังอวี้ซานจึงโน้มน้าวใจเฉินชางด้วยความจริงใจ หวังว่าเฉินชางจะเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ มิฉะนั้น…ถ้าพลาดช่วงเวลาทองคำไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว

แน่นอนว่าหวังอวี้ซานทำได้แค่ต้องพูดออกไปเท่านั้น แต่เฉินชางคือผู้ตัดสินใจ ถ้าเฉินชางต้องการชื่อเสียง หวังอวี้ซานก็ไม่ขัดขวางอะไร แต่จะคอยให้สนับสนุนความช่วยเหลือ

ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเฉินชางแล้ว!

ฉางหงเหล่ยพยักหน้า เขามองเฉินชางพร้อมกล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน ฉันขอพูดความรู้สึกในใจนะ ถ้าคุณอยากมีชื่อเสียง พวกเราช่วยผลักดันคุณได้ แต่เราจำเป็นต้องให้คุณคิดใคร่ครวญให้ดีก่อน”

สิงอวี่เป็นนักเล่นเปียโนระดับซุปเปอร์สตาร์ แต่เขาก็เข้าในสิ่งเหล่านี้ดี เขายืนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กล่าวโน้มน้าวใจว่า

“…คุณหมอเฉินครับ ผมอาจจจะไม่ได้เข้าใจเกี่ยวงการแพทย์มากนัก แต่ในมุมมองของผม ปกติทุกวันผมต้องฝึกซ้อมเปียโน แต่ตั้งแต่ผมมีชื่อเสียงการพัฒนาฝีมือของผมกลับช้าลง ผมรู้ว่าปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนี้มีเยอะมาก ประการแรกก็คือเรื่องของเวลา ประการที่สองคือเรื่องของความกดดันภายในใจที่มากจนเกินไป ความคิดเห็นต่างๆ นานาจากโลกภายนอก พวกเขาอยากจะให้คุณพัฒนาเร็วๆ แต่ทักษะทางดนตรีมีทางลัดที่ไหนกัน เมื่อไม่มีเวลาฝึกซ้อมก็ทำได้แค่เล่นให้ดี ถ้าไม่มีศักยภาพมากพอ วันที่คุณไม่คู่ควรกับชื่อเสียงนั้นแล้ว ตัวเราเองนั่นแหละที่จะทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ความกดดันในใจกับความกดดันจากภายนอกหนักหนามาก!…

…ประการที่สาม เมื่อเป็นมีชื่อเสียงก็กลายเป็นที่จับตา คำกล่าวนี้ผมมีประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง พอคุณมีชื่อเสียงแล้ว คนจำนวนมากนับไม่ถ้วนก็จะจับตาดูคุณ แค่คุณคุณขยับตัวไปไหนก็มีคนแห่ตามคุณแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีนัก…

…ดังนั้นถึงผมจะไม่เข้าใจวงการแพทย์ แต่…ผมมองว่าคุณเป็นหมอหนุ่มอนาคตไกล ดังนั้น…ตั้งใจพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไปดีกว่า คิดเสียว่านี่เป็นคำแนะนำจากเพื่อนคนหนึ่งนะครับ”

หลังจากที่ฟังคำพูดของทุกคนแล้ว ถานจงหลินก็หัวเราะกระอักกระอ่วน “เสี่ยวเฉิน เรื่องที่ผมจะคุยกับคุณเมื่อกี้นี้ก็คือเรื่องนี้แหละครับ”

เฉินชางชะงักเล็กน้อย เขาก็ไม่ได้คิดจะมีชื่อเสียงเหมือนกัน!

แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่คนเหล่านี้กล่าว เขาก็อดยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจไม่ได้ เขาเกาศีรษะพร้อมกล่าวขึ้นว่า “ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านครับ แล้วก็ขอบคุณคุณสิงอวี่ด้วยครับ ผมเข้าใจเจตนาของพวกคุณ ผมเองก็ไม่ได้อยากมีชื่อเสียง…อันที่จริงผมกำลังจะแอบกลับไปอย่างเงียบๆ…”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้

เฉินชาง พ่อหนุ่มคนนี้ ทำให้คนอื่นเกลียดไม่ลงจริงๆ

หวังอวี้ซานพยักหน้า มองเฉินชางด้วยความพอใจ การที่เด็กวัยหนุ่มสาวจะเมินเฉยต่อชื่อเสียงเกียรติยศเป็นเรื่องยากจริงๆ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีชีวิตสุขสบาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่สนใจกับใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้

มนุษย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน หวังอวี้ซานถามใจตนเองว่า ถ้าเป็นตนเมื่อสมัยหนุ่ม ตนจะยับยั้งชั่งใจกับชื่อเสียงเกียรติที่เย้ายวนเหล่านี้ได้หรือไม่

เขาไม่กล้ารับประกัน

ทุกวันนี้อายุมากแล้ว เห็นโลกมาเยอะถึงได้มีมุมองเช่นนี้ แต่สมัยหนุ่มจะไปเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรกัน

แต่เฉินชางกลับทำได้ ความชาญฉลาดเช่นนี้ จิตใจที่แน่วแน่เช่นนี้ เรียกได้ว่าเฉินชางแข็งแกร่งกว่าตนมาก

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หวังอวี้ซานก็ตบไหล่เฉินชางเบาๆ เขาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวเฉิน! สู้ๆ ครับ ถ้าไม่เกิดเรื่องไม่คาดคิด อนาคตของคุณจะต้องไปได้ไกลกว่าทุกคนในที่แห่งนี้แน่”

ถานจงหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อีกเดี๋ยวถ้ามีคนถามว่าใครเป็นคนผ่าตัดจะตอบว่ายังไงดีครับ”

หวังอวี้ซานยิ้มเล็กน้อย “ก็ตอบไปว่าเป็นความลับ!”

หัวหน้าทั้งสามต่างสบกันด้วยรอยยิ้ม

สิงอวี่มองเฉินชาง เขาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “คุณหมอเฉินครับ ต่อไปคุณไม่ต้องเรียกผมว่าคุณสิงแล้วนะครับ ผมแก่กว่าคุณไม่กี่ปี เรียกผมพี่สิงก็พอครับ ส่วนผมขอเรียกคุณว่าเสี่ยวเฉินนะครับ เพราะถ้าต้องเรียกคุณหมอเฉินตลอด ผมรู้สึกแปลกๆ น่ะครับ”

เฉินชางพยักหน้า “ได้เลยครับ!”

หวังอวี้ซานหันกลับมาบอกกับเฉินชางว่า “อ้อ จริงด้วยครับ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เสี่ยวเฉิน เดี๋ยวผมจะส่งแบบฟอร์มใหคุณ วันนี้หลังจากที่คุณกลับไปแล้ว ส่งข้อมูลของคุณมาให้ผมหน่อย ผมจะให้ผู้ช่วยของผมกรอกใบสมัครให้คุณ สมัครเป็นสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ด้านมือปีนี้ พอถึงปลายปีคุณจะได้เข้าร่วมประชุมประจำปีของสมาคมได้พอดี”

เฉินชางชะงัก ได้ยินมาว่าการเป็นสมาชิกสมาคมประเภทนี้ยากมากไม่หรือ

ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมีคนรับรองหลายคน มีบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ มีประวัติผลคะแนนที่ดีอย่างนั้นหรือ

ไม่จำเป็นต้องมีระยะเวลาของประสบการณ์การทำงานในสาขานั้นๆ อย่างนั้นหรือ

ดูแล้วไม่ก็ไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้น!

ก็แค่กรอกใบสมัคร!

ไม่ๆๆ ดูจากตอนนี้แล้วใบสมัครก็ไม่จำเป็นต้องกรอกเอง แค่ส่งข้อมูลของตนไปก็พอ

เฮ้อ…

ข่าวลือที่เคยได้ยินเชื่อไม่ได้จริงๆ

หลังจากที่เฉินชางนึกถึงภารกิจเป้าหมายเล็กของตนแล้ว เข้าก็ตัดสินใจถามหวังอวี้ซานในสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ ถ้าหากมีโอกาสได้เป็นคณะกรรมการสมาคมล่ะ?

“เอ่อ…ผู้อำนวยการหวังครับ ผมมีโอกาสเป็นคณะกรรมการสมาคมมั้ยครับ”

บทที่ 259 กู้สถานการณ์? ไม่กู้สถานการณ์!

เมื่อทุกคนในห้องประชุมเห็นว่าสถานการณ์ในห้องผ่าตัดอยู่ๆ ก็หยุดนิ่งชั่วขณะ ทุกคนต่างก็ชะงักงัน!

“เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่รู้สิ!”

“ทำไมหยุดผ่าตัด!”

“ผมไม่แน่ใจ แต่…จากสิ่งที่เห็นก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ?”

“เกิดเรื่องอะไรกันแน่”

“จะต้องเกิดเรื่องแน่…”

ในตอนนี้สีหน้าของทั้งสามคนในห้องผ่าตัดดูวิตกกังวลอย่างหนัก หวังอวี้ซานขมวดคิ้วมุ่น ถานจงหลินจ้องหาตำแหน่งที่ปริแตกไม่ไม่ละสายตา ส่วนฉางหงเหล่ยเหงื่อท่วมทั้งตัว!

เพราะเธอเป็นคนที่บอกให้ดึงปลายไหมจนทำให้รอยแผลที่เย็บไว้แล้วปริ!

เธอเกิดเสียใจในภายหลัง!

แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นว่า ทั้งสามคนจำเป็นต้องช่วยกันค้นหาต้นตอของปัญหา จากนั้นก็คิดวิธีแก้

หมอสามคนไม่พอแล้ว หวังอวี้ซานเงยหน้าขึ้น “เสี่ยวเฉิน คุณมาช่วยทางนี้หน่อยครับ”

พยาบาลรีบเปลี่ยนสวมชุดผ่าตัดให้เฉินชางทันที หลังจากที่เฉินชางเดินเข้ามาแล้ว

ในแววตาของเฉินชางก็ปรากฏสัญลักษณ์สีแดง [เส้นเอ็น] บาดแผลปริแตก

เฉินชางชะงัก!

บาดเจ็บระดับสอง?

อุบัติเหตุในห้องผ่าตัด?

หรือว่า…

แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ที่แน่ๆ คือการผ่าตัดในตอนนี้เข้าสู่สถานการณ์เลวร้ายแล้ว

โชคดีที่หวังอวี้ซานเปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์ ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกลนลาน แต่พยายามหาแผนรับมือ

แต่หวังอวี้ซานตรึกตรองอยู่นานมากๆ เขาไม่อาจรับประกันอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดเคสนี้ได้แล้ว

รักษาหาย…กลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หวังอวี้ซานมองสิงอวี่ กล่าวตามความจริง “คุณสิงครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ เส้นเอ็นของคุณเสียหายในระดับที่สาหัสมาก อัตราการรักษาหายอาจลดลงเหลือไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ผมรับประกันว่าจะไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของคุณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่สำหรับการเล่นเปียโน อาจส่งผลกระทบอยู่บ้าง…”

คำพูดของหวังอวี้ซานทำเอาสิงอวี่ถึงกับหน้าเจื่อน!

ทำยังไงดี

จะทำยังไงได้

การผ่าตัดดำเนินมาครึ่งทางแล้ว ไม่มีใครมีวิธีเลย

และในตอนนี้เอง ทันใดนั้นเฉินชางก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนภารกิจจากระบบ

[ติ๊ง! พบภารกิจกู้สถานการณ์ การผ่าตัดเข้าสู่สถานการณ์คับขัน กรุณากู้สถานการณ์อย่างเต็มความสามารถ

หลังภารกิจเสร็จสิ้น ได้รับ:

1. ถุงของขวัญแทนคำขอบคุณจากฉางหงเหล่ย

2. ถุงของขวัญแทนคำขอบคุณจากสิงอวี่

3. ถุงของขวัญแทนคำขอบคุณจากหวังอวี้ซาน]

เฉินชางชะงัก

ว้อท?

ถุงของขวัญแทนคำขอบคุณคืออะไรกัน

[ถุงของขวัญแทนคำขอบคุณ: วัดจากระดับความซาบซึ้งใจของฝ่ายตรงข้าม ได้รับทักษะสุ่มหนึ่งทักษะ ยิ่งซาบซึ้งมากก็ยิ่งได้ทักษะที่ระดับความหายากสูงยิ่งขึ้น]

เฉินชางตกตะลึงในทันใด…

นี่หมายความว่าอีกเดี๋ยวตนจะได้รับทักษะถึงสามทักษะอย่างนั้นหรือ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ลังเลใจแล้วว่าจะรับภารกิจกู้สถานการณ์หรือไม่รับ

ตอนนี้ตนมีความมั่นใจมากขนาดไหน!

การผ่าตัดประเภทนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าไม่ได้มีความั่นใจมากพอ แล้วกระโจนเข้าไปจะเป็นการเสี่ยงอันตราย…

เฉินชางสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก เลือกใช้ไอเทม [หินจำลองการผ่าตัด]

หนึ่งก้อนไม่ขาดทุนจริงๆ!

หินจำลองการผ่าตัดหนึ่งก้อน แลกกับความซาบซึ้งใจจากสามคนนั้น

ถ้าผ้าตัดสำเร็จจะต้องได้ผลกำไรก้อนโตแน่ๆ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางกระตุ้น [หินจำลองการผ่าตัด]

[ติ๊ง! กระตุ้นหินจำลองการผ่าตัด

เริ่มจำลองห้องผ่าตัด อยู่ระหว่างดาวน์โหลด 10%…30%…100% ดาวน์โหลดสำเร็จ

เริ่มจำลองการผ่าตัดหรือไม่]

เฉินชางพยักหน้า แล้วรีบเลือกเริ่มจำลองการผ่าตัดทันที!

เพียงชั่วพริบตา ภาพตรงหน้าเฉินชางก็เปลี่ยนไป เขาปรากฏตัวในห้องผ่าตัดจำลอง แต่บรรยากาศยังคงเหมือนเดิม

เฉินชางเริ่มผ่าตัด โดยมีทั้งสามคนร่วมทีมด้วย เฉินชางเริ่มลงมือเย็บเส้นเอ็น

การผ่าตัดครั้งที่หนึ่ง หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น

[ความเร็วของระยะเวลาที่บาดแผลหายสนิท: 80 คะแนน พังผืด: 60 คะแนน แรงดึง: 80 คะแนน…]

เฉินชางส่ายหน้าแล้วเริ่มฝึกต่อ

ทุกครั้งหลังการผ่าตัดจะมีคะแนนให้!

เฉินชางไม่พอใจกับผลคะแนน เขายังคงฝึกฝนซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เขาต้องการคือเพิ่มคะแนนในส่วนของพังผืดให้สูงขึ้นถึงหนึ่งร้อยคะแนน พยายามทำให้ถึงจุดที่ไม่มีพังผืด นี่เป็นความพยายามในการพัฒนาปรับปรุงสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นอีก

ครั้งที่สิบ ครั้งที่ยี่สิบ เฉินชางเริ่มเห็นคะแนนผังผืดหนึ่งร้อยคะแนนแล้ว แต่ผ่าตัดไปสิบครั้ง มีเพียงสามครั้งที่ได้หนึ่งร้อยคะแนน

หลังจากที่ผ่าตัดไปหนึ่งร้อยครั้ง ทุกสิบครั้งจะมีคะแนนพังผืดหนึ่งร้อยคะแนนห้าครั้ง

เฉินชางยังไม่พอใจ!

การผ่าตัดประเภทนี้ ถ้าตนจะเข้าไปมีส่วนร่วม ตนก็ต้องทำให้อยู่ในระดับที่ประสบความสำเร็จให้ได้!

มิฉะนั้นแล้ว เฉินชางก็จะไม่ยอมให้ตนเองก่อเรื่องวุ่นวาย

แต่อัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์มันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน!

หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเป็นครั้งที่สองร้อย อัตราความสำเร็จก็สูงขึ้นถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์

ครั้งที่สามร้อย…

ครั้งที่สี่ร้อย….

จนกระทั่งถึงครั้งที่ห้าร้อย อัตราความสำเร็จก็สูงขึ้นช้าลงเรื่อยๆ

เฉินชางตกตะลึง

ถึงขั้นที่มีบางครั้งที่ขึ้นแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ บางครั้งก็เพิ่มขึ้นแค่สองเปอร์เซ็นต์ ฉินชางถึงกับงงงวย

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกัน

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดกังวลไม่ได้

เวลาที่อยู่ในห้องจำลองการผ่าตัดจะไม่รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไปเลยสักนิด ถึงขั้นที่ไม่รู้สึกหมดแรง ทุกครั้งที่เริ่มต้นการผ่าตัด ความรู้สึกราวกับเป็นการเริ่มต้นครั้งแรก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่รู้สึกแม้กระทั่งความกระวนกระวาย ความร้อนใจ

นี่เป็นเรื่องที่เฉินชางหวาดกลัว เพราะราวกับว่าเป็นการหมุนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่รู้ว่าเฉินชางผ่าตัดไปกี่ครั้งแล้ว ในที่สุดอัตราความสำเร็จก็สูงขึ้นถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์!

เฉินชางใช้วิธีการต่างๆ นับไม่ถ้วน ผสมผสานกับแนวต่างๆ หลังจากที่ได้ทดลองหลากหลายเทคนิคนับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ค้นพบวิธการรักษาที่เหมาะกับสิงอวี่แล้ว

ในเวลานี้ เฉินชางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจในที่สุด ในแววตาของเขามีแสงแห่งความมั่นใจเปล่งประกายออกมา!

หลังจากที่ถอยออกมาจากห้องจำลองการผ่าตัดแล้ว เวลาเพิ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวินาที

จู่ๆ ถานจงหลินก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน คุณมีไอเดียดีๆ มั้ยครับ”

ในตอนนี้ หวังอวี้ซานก็มองมาที่เฉินชางด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไรเสียหมอหนุ่มคนนี้ก็เคยสร้างแรงกระตุ้นให้เขาได้มาก เขาก็เลยมองเฉินชางด้วยความอยากรู้

เฉินชางลังเลเล็กน้อย กล่าวอย่างช้าๆ “ผมไม่รู้ไอเดียที่ดีๆ แต่ผมมีข้อเสนอแนะหนึ่งข้อ อาจารย์ทั้งสามลองฟังดูได้ครับ”

กล่าวตามความจริงว่าในเวลานี้ฉางหงเหล่ยค่อนข้างวิตกกังวลจริงๆ

ข้อแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายที่ใหญ่มากที่สุดคือตรงไหน ไม่ใช่ในช่วงเวลาปกติทั่วไป แต่เป็นช่วงที่เผชิญกับสถานการณ์เฉพาะ ซึ่งความแตกต่างนั้นก็คือความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อันตราย

แน่นอนว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ถนัดในเรื่องนี้ และเมื่อวัดจากจำนวนส่วนใหญ่แล้ว หมอผู้ชายมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อันตรายค่อนข้างมากกว่าหมอผู้หญิง

เฉินชางกล่าว “ผมคิดเช่นนี้ครับ หลังจากที่เส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการงอนิ้วบาดเจ็บระดับสองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพังผืด เรื่องแรงดึงล้วนเกิดผลกระทบทั้งสิ้น แต่ถ้าใช้วิธีเย็บดั้งเดิมก็ค่อนข้างล้าหลัง การเย็บเส้นเอ็นสองครั้งติดต่อกันก็ไม่ส่งผลดีต่อการฟื้นฟูของบาดแผล ในตอนนี้ไหมที่ใช้เย็บเส้นเอ็นยังไม่ได้ตัดออก ผมคิดว่าเราใช้วิธีเย็บเส้นของบันเนลล์เหมือนเดิมได้ และประยุกต์เข้ากับวิธีเย็บเส้นเอ็นแบบพิเศษของเคสเลอร์เพื่อเย็บด้านในเส้นเอ็นโดยเลือกวิธีมัดปมแบบสองปม ปกติแรงดึงค่อนข้างอ่อนแรง แต่เมื่อใช้วิธีนี้ แต่เราอาศัยข้อดีของวิธีเย็บเส้นเอ็นของบันเนลล์ช่วยชดเชยส่วนที่บกพร่องไปได้…”

หลังจากเฉินชางกล่าวออกไปชุดใหญ่ ทั้งสามต่างก็ตกตะลึง!

เพราะแนวคิดนี้มีความประดิษฐ์สรรสร้างอยู่มาก ผสมผสานวิธีการเย็บเอ็นแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อเย็บเส้นเอ็นที่บาดเจ็บระดับสอง ชดเชยส่วนที่บกพร่องด้วยการเลือกวิธีใช้ข้อดีของแต่ละวิธี นี่…คือแนวคิด!

หวังอวี้ซานคิดไม่ถึงว่าเฉินชางหมอหนุ่มคนนี้จะสร้างความประหลาดใจให้เขาอีกครั้ง!

เขาเก่งขนาดไหนกันแน่เนี่ย

เมื่อครั้งนั้นคิดค้นแผนการปลูกถ่ายผิวหนัง มาวันนี้ขณะที่หัวหน้าทั้งสามคนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูก เฉินชางก็คิดแนวคิดที่อัจฉริยะนี้ออกมาได้อีก!

ฉางหงเหล่ยหลับตาครุ่นคิดอยูสามวินาที ความรู้สึกว่าเป็นไปได้ผุดขึ้นให้หัวนับไม่ถ้วน เธอลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วมองไปหวังอวี้ซาน แววตาของแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น “ผู้อำนวยการหวังคะ เป็นไปได้ค่ะ! ฉันคิดว่าเป็นไปได้!”

ถานจงหลินพยักหน้าเล็กน้อย “ผมก็คิดว่าเป็นไปได้”

หวังอวี้ซานถอนหายใจออกมา ผมอาจจะไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ดีหรือเปล่า แต่…ผมต้องทำออกมาให้ดี!

ใครๆ ก็รู้ว่าวิธีนี้ดี แต่วิธีที่ดีก็ต้องให้คนที่เก่งทำ!

หวังอวี้ซานกลัดกลุ้มใจ…

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท