บทที่ 273 คุณคิดค้นวิธีของตัวเองขึ้นมา!
เมื่อเทียบกันกับหลอดเลือดใหญ่ในช่องท้องแล้ว หลอดเลือดบริเวณมือ…ช่างเย้ายวนใจจริงๆ!
ค่ากำลังสายตาที่เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์มีความคัญมากอย่างเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เฉินชางหยิบคีมเข็มขึ้นมาและเตรียมลงมือเย็บหลอดเลือดด้วยความระมัดระวัง เพราะหลอดเลือดมีขนาดเล็กมาก
การเย็บหลอดเลือดยังไม่ยากมากเท่าการเย็บเส้นประสาท การเย็บเส้นประสาทจำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูงมาก
ดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว การศัลยกรรมมือจึงมักถูกเรียกว่าจุลศัลยกรรม
ปกติแล้วกำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์คือหกถึงสิบเท่า แต่เฉินชางเคยชินกับการกำลังขยายที่ แปดเท่า
ตัวเลขนี้ เมื่อใช้คู่กับกำลังสายตาที่มี ส่งผลให้การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น
ในเวลานี้ ความรู้สึกภายใต้เลนส์แว่นผ่าตัดมีความสำคัญมาก ในมือของเฉินชางถือคีมจับเข็มไว้ ระหว่างที่เขากำลังเย็บหลอดเลือด จู่ๆ เขาก็มีความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิมอย่างคาดไม่ถึง
ความรู้สึกนี้ไม่ชัดเจน แต่…เป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งมาก เขารู้สึกว่าการวินิจฉัยผนังหลอดเลือดของเขายกระดับสูงขึ้นมาก!
นี่มัน…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
เฉินชางพลันตกตะลึง เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่…หลังจากที่เขาสวมแว่นตาผ่าตัด ความรู้สึกนี้ก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
หรือว่าเป็น…
ผลของความสามารถของกำลังสายตาในการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็เข้าใจได้ทันทีว่า ผลลัพธ์ของไอเทมยาหยอดตาที่ได้มาคือกำลังสายตาบวกห้า ความสามารถของกำลังสายตาในการมองเห็นครอบคลุมหลายสิ่ง
ประโยชน์ที่ได้รับจากความสามารถของกำลังสายตาในการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ยังครอบคลุมถึงความสามารถในการวินิจฉัย แยกแยะ ความละเอียดกับความคมชัดของภาพที่เห็น…เป็นต้น กล่าวได้ว่าครอบคลุมหลายอย่างมาก
เฉินชางอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้!
สำหรับสายงานด้านอื่นแล้ว ทักษะนี้อาจมีประโยชน์ไม่มากนัก แต่สำหรับอาชีพแพทย์แล้ว บอกได้เลยว่าทักษะนี้เป็นทักษะขั้นเทพทักษะหนึ่ง!
การผ่าตัดมีกระบวนการที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนเยอะมาก และยิ่งการผ่าตัดขั้นสูงมากเท่าไรความละเอียดอ่อนก็จะยิ่งสูงตาม
การผ่าตัดเส้นประสาทจำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนที่สูงมาก!
ณ ขณะนี้ เฉินชางรู้สึกว่าการเย็บหลอดเลือดไม่ยากเหมือนแต่ก่อนแล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝีมือในการเย็บของเฉินชางละเอียดลออมากยิ่งขึ้น ความประณีตจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สิ่งนี้ทำให้ถานจงหลินกับอันเยี่ยนจวินที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างเกิดความรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังขึ้นมาทันใด
เพราะฝีมือในการเย็บหลอดเลือดของของเฉินชางทำให้พวกเขารู้สึกว่าเรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายในพริบตา!
ความละเอียดประณีตในการเย็บหลอดเลือดเล็กโดยรอบกับการเย็บหลอดเลือดใหญ่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ฝีมือล้ำเลิศทีเดียว…
เย็บหลอดเลือดแดงเรเดียลซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ตามด้วยการเย็บซ่อมแซมหลอดเลือดแดงอัลน่า…และหลอดเลือดแดงเล็กที่อยู่โดยรอบ เช่น หลอดเลือดแดงที่อยู่ระหว่างปลายแขนด้านหลัง เป็นต้น
ถานจงหลินกับอันเยี่ยนจวินที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง
นี่คือการเย็บหลอดเลือดโดยรอบจริงหรือ?
ใช้เวลาไม่นานก็เย็บเสร็จหมดแล้ว
ถานจงหลินคลายหลอดเลือดแดงที่ผูกไว้ และทดสอบระบบไหลเวียนเลือดทันที!
เมื่อเห็นสีของปลายนิ้วมีเลือดมาหล่อเลี้ยง ทั้งสองก็สบหน้ากัน สมบูรณ์แบบ!
เฉินชางเริ่มเย็บเส้นประสาท!
ขั้นตอนนี้ค่อนข้างยากกว่าการเย็บหลอดเลือดมาก!
โดยหลักการแล้วยิ่งเส้นประสาทบริเวณมือที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาเร็วเท่าไร สมรรถภาพการทำงานของเส้นประสาทก็จะยิ่งฟื้นฟูจนกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ถานจงหลินอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล เขาถึงได้รีบร้อนที่จะส่งตัวกัวจื้อหย่งมาที่โรงพยาบาลอันดับสองโดยด่วน เพราะเขากังวลว่าจะรักษาผู้ป่วยล่าช้าเกินไปจนส่งผลกระทบกับการฟื้นของผู้ป่วยหลังการรักษาได้
หัวใจสำคัญในการเย็บซ่อมแซมเส้นประสาทบริเวณมือคือวิธีที่นำมาใช้ในการเย็บเส้นประสาท
วิธีการเย็บเส้นประสาทแบ่งออกเป็นสองวิธีได้แก่ Epineurial neurorrhaphy กับ Group fascicular neurorrhaphy
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเส้นประสาทเกิดความเสียหาย แค่ใช้วิธี Epineurial neurorrhaphy ก็เป็นอันเรียบร้อย
สำหรับเส้นประสาทสัมผัสที่แตกออกเป็นกิ่งก้านสาขา ควรใช้ Group fascicular neurorrhaphy
หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่าเส้นประสาทไม่ได้รวมกันเป็นช่อเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นในขณะนี้ เส้นประสาทอัลน่าบริเวณหลังข้อมือได้รับบาดเจ็บ สามารถเย็บด้วยวิธี Group fascicular neurorrhaphy เฉพาะเส้นประสาทส่วนนี้ได้ แต่เส้นประสาทตำแหน่งอื่นอาจต้องใช้การเชื่อมต่อเส้นประสาทคนละวิธี
สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหมือนกับ…การเชื่อมต่อสายไฟ สายดิน สายที่มีไฟ สายนิวทรัล (ผมพบว่าผมเป็นอัจริยะคนหนึ่ง ยกตัวอย่างได้เห็นภาพ!)
ทว่าเส้นประสาทของผู้ป่วยในเวลานี้บาดเจ็บจนมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ในตอนที่เฉินชางเตรียมจะดึงเส้นประสาทมาเย็บซ่อมแซม เขารู้สึกได้ถึงแรงดึงรั้ง ความยาวของเส้นประสาทไม่พอ!
เมื่อถานจงหลินเห็นสถานการณ์ และเห็นเฉินชางขมวดคิ้ว เขาก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน ความยาวไม่พอหรือครับ จะต้องปลูกถ่ายเส้นประสาทหรือเปล่าครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ผมจะลองดู ตอนนี้แรงดึงรั้งค่อนข้างมาก ถ้าคลายความตึงได้สักหน่อย…อาจพอแก้ไขได้บ้าง”
อันเยี่ยนจวินมองเส้นประสาทที่ขาดเสียหายเส้นนั้นด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ต่อให้คลายแล้ว ผมก็ยังกังวลว่าจะยังไม่มากพอให้แก้ไขได้…”
อย่างไรก็ตาม หากปลูกถ่ายเส้นประสาท จะไม่ส่งผลดีเท่ากับการเย็บโดยตรง และจะทำให้สูญเสียประสาทสัมผัสหลังจากตัดเส้นประสาทออกจากตำแหน่งที่นำมาปลูกถ่าย
การรื้อกำแพงฝั่งตะวันออกเพื่อนำอิฐจากกำแพงฝั่งนี้ไปต่อเติมซ่อมแซมกำแพงฝั่งตะวันตกเป็นวิธีที่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่คนเราจะทำ แต่ถ้าครอบครัวมีเงินอยู่บ้าง พวกเขาก็คงไม่เลือกวิธีนี้
การเย็บซ่อมแซมเส้นประสาทก็เช่นเดียวกัน ถ้าเย็บซ่อมแซมได้ เฉินชางก็จะไม่ยอมปลูกถ่ายเส้นประสาทจากตำแหน่งอื่นมา
เฉินชางเริ่มแยกเส้นประสาททั้งสองข้างออกอย่างระมัดระวัง เริ่มทำการเปลี่ยนตำแหน่งเชื่อมต่อเส้นประสาท
หลังจากเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเล็กน้อย ความยาวที่เพิ่มขึ้นกลับมีไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร!
ความยาวที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างหนักในทันใด!
จำเป็นต้องปลูกถ่ายเส้นประสาท? ไม่จำเป็น!
ไม่ปลูกถ่ายก็แล้วกัน? เย็บยากเกินไป!
ต่อให้เย็บได้อย่างสมบูรณ์ก็เป็นไปได้ว่าจะไร้ความรู้สึก
นี่เป็นเรื่องสร้างความรู้สึกลำบากใจอย่างหนัก!
ถานจงหลินเงียบขรึมไม่พูดจา เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี
เป็นความรู้สึกเจ็บปวดจนจุกอก!
จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก
เขาเงยหน้ามองเฉินชาง ทว่าสิ่งที่เห็นคือ…สีหน้าที่ดูพึงพอใจมาก?
ถานจงหลินอดมองเฉินชางด้วยความข้องใจไม่ได้: นี่คุณเย็บได้งั้นหรือ
เฉินชางไม่ได้มองหน้าเขา ในสายตาของเฉินชางตอนนี้มีเพียงเส้นประสาท
เขาเปลี่ยนวัสดุที่ใช้เย็บเส้นประสาท ถือคีมจับเข็มขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือเย็บ
เย็บเข็มแล้วเข็มเล่า…
ถานจงหลินเงียบงัน…
เวลาแสนยาวนาน
ถานจงหลินก็อดพึมพำในใจไม่ได้ว่า: นี่…ลูกพี่ คุณใช้วิธีไหนเย็บกันครับเนี่ย!
ส่วนอันเยี่ยนจวินก็เห็นความอิจฉา (แง่บวก) ในแววตาของถานจงหลินที่จับจ้องวีธีการเย็บเส้นประสาทของเฉินชางจนลูกตาแทบถลนออกมาแล้ว
การเย็บเส้นประสาทยากกว่าการเย็บหลอดเลือดมาก แต่สำหรับเฉินชางแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
ในสุดก็มาถึงขั้นตอนของการเย็บเส้นเอ็นแล้ว
ในเวลานี้อันเยี่ยนจวินดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ช่วงนี้เขาลุ่มหลงวิธีการเย็บของเฉินจนโงหัวไม่ขึ้น ในสายตามีเพียงวิธีการเย็บของเฉินเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเฉินชางกำลังจะเย็บเส้นเอ็น เขาก็ส่งสายตาให้ถานจงหลินรู้ว่าเขาต้องการสลับตำแหน่งยืน มายืนตำแหน่งผู้ช่วยเฉินชางแทน
การเย็บซ่อมแซมเส้นเอ็ดยืดเหยียดที่ได้รับบาดเจ็บง่ายกว่าการเย็บเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่งอ โดยเฉพาะเส้นเอ็นยืดเหยียดบริเวณหลังมือ
เพราะเมื่อเปรียบเทียบแล้ว โอกาสเกิดพังผืดยึดเกาะที่รุนแรงต่ำกว่า
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่โอกาสเกิดพังผืดขึ้น
เนื่องจากผิวหนังบริเวณหลังมือมีความบางและยืดหยุ่นสูง โดยเฉพาะระหว่างเส้นเอ็นยืดเหยียดจะมีชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นปลอกเนื้อเยื่อห่อหุ้มโดยรอบ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความยากก็ยังมีอยู่!
การเย็บเส้นเอ็นเป็นสิ่งที่เฉินชางเชี่ยวชาญมากที่สุด เรื่องนี้ถานจงหลินเองก็รู้อยู่ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าในครั้งนี้จะเลือกใช้วิธีไหน!
เฉินชางมองอันเยี่ยนจวินผู้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยทีหนึ่ง เขาพยักให้อันเยี่ยนจวิน ส่วนอันเยี่ยนจวินก็เริ่มช่วยเหลือเฉินชางด้วยความช่ำชอง
เฉินชางเริ่มเย็บเส้นเอ็น
สายตาของอันเยี่ยนจวินเก็บข้อมูลทุกรายละเอียดยิยย่อ ยไม่ปล่อยให้หลุดรอดสายตาไปแม้แต่นิด
ส่วนถานจงหลินก็เริ่มสงสัยแล้วว่านี่คือวิธีอะไร
ไม่ใช่ที่เคยเห็นมา!
หรือว่าเฉินชางจะเรียนรู้วิธีเย็บเส้นเอ็นเพิ่ม?
ไม่สิ!
วิธีเย็บแบบนี้…ผมไม่เคยเห็นมากก่อน
ทว่า…ในตอนนี้ จู่ๆ นัยน์ตาของถานจงหลินหรี่แคบลง เขาค้นพบอย่างกะทันหันว่าวิธีเย็บเส้นเอ็นของเฉินชางน่าทึ่งมาก!
ในเวลานี้ ถานจงหลินดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เขาดูวิธีการเย็บเส้นเอ็นของเฉินชางอย่างละเอียด
โชคดีที่เส้นเอ็นหลังมือมีหลายเส้นมาก เฉินชางเลยต้องเย็บอยู่หลายครั้ง แต่ถานจงหลินยิ่งดูก็สับสนงุนงง ยิ่งดูก็ยิ่งตะลึง ดูจนกระทั่งสุดท้ายถึงขั้นโง่เขลาไปเลย!
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าวิธีเย็บเส้นวิธีนี้คือวิธีอะไร แต่เขารู้สึกได้เลยว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!
ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่ายอดเยี่ยม ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงประณีตล้ำลึกเกินบรรยาย
เพราะ…ในครั้งนี้ เขาสังเกตเห็นว่าฝีมือเย็บเอ็นของเฉินชางไม่หมือนกับเมื่อครั้งที่เย็บเส้นเอ็นให้สิงอวี่!
เฉินชางพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
เป็นกลายเปลี่ยนแปลงที่เรียกได้ว่า…ล้ำเลิศยิ่งขึ้น
ฝีมือยอดเยี่ยมถึงขั้นที่เขาอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ถึงขั้นที่ถานจงหลินรู้สึกว่าตนแสดงคำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้อีก
ครั้งก่อนอย่างน้อยเขาก็เข้าใจหลักการ แต่…ครั้งนี้ก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิธีเย็บเส้นเอ็นวิธีนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็ขมวดคิ้วตรึกตรองอย่างลึกซึ้ง
ครั้งที่แล้วที่เฉินชางรักษาสิงอวี่ เฉินชางมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการเย็บเส้นเอ็นแต่ละวิธีอย่างแตกฉาน สามารถนำแต่ละวิธีมาประยุกต์ใช้ได้อย่างปราดเปรื่อง เส้นเอ็นหนึ่งเส้นใช้วิธีเย็บสองวิธี เส้นสามใช้วิธีเย็บทั้งสิ้นสี่วิธี สัมผัสได้เลยว่าเฉินชางเข้าในแต่ละวิธีชนิดที่หลับตาทำก็ยังได้!
ทว่าในครั้งนี้ แทบไม่มีวิธีไหนเลย!
ไม่ได้ใช้วิธีไหนที่ถานจงหลินคิดได้เลย ทว่ากลับรู้สึกเหมือนว่าใช้ไปหมดทุกวิธีแล้ว!
ประเด็นสำคัญคือถึงจะไม่ได้ใช้วิธีไหนเลย แต่ก็ยังเย็บได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้!
นี่เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดของที่สุด
จู่ๆ ถานจงหลินก็นึกถึงเคล็ดวิชาหนึ่งในนิยายกำลังภายในสมัยเด็ก
เคล็ดวิชาไร้กระบวนท่า
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของถานจงหลินก็พลันเปลี่ยนเป็นรู้สึกเหลือเชื่อ
กล่าวให้ถูกต้องก็คือ เขาเห็นเฉินชางเย็บเส้นเอ็นไปสี่ครั้ง!
ถ้าครั้งแรกที่เห็นคือเพลงกระบี่ที่สยบได้ทุกสำนัก
ถ้าเช่นนั้นครั้งที่สองก็ต้องเป็นเพลงดาบที่เบาหวิวแต่ดุดัน!
และในครั้งที่แล้วที่เขารักษาสิงอวี่ ก็ราวกับเขาเอากิ่งไม้ตามอำเภอใจ มาใช้แทนอาวุธสังหาร
และในครั้งนี้ คุณไม่ต้องการอาวุธอีกต่อไป ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธได้สารพัดนึก!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็อดพึมพำในใจไม่ได้ สุดยอด…ช่างโหดเหี้ยมนัก
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
คนอื่นไม่เจอกันช่วงหนึ่ง พอมาเจอกันอีกทีจึงเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมคุณถึงเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งที่เจอได้เนี่ย
การพัฒนาความสามารถอย่างก้าวกระโดดแบบนี้ ไม่สอดคล้องกับกฎธรรมชาติเลยสักนิด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็อดถามด้วยความระมัดระวังไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน…คุณ…คุณเย็บวิธี…”
อันเยี่ยนจวินแสร้งวางมาดเหนือชั้น กล่าวอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าชวนเลื่อมใส “หัวหน้าถานครับ วิธีนี้เรียกว่า ‘วิธีของเฉิน’ ครับ”
ถานจงหลินชะงัก “วิธีของเฉิน? อะไรคือวิธีของเฉิน”
อันเยี่ยนจวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นี่เป็นวิธีเย็บเส้นเอ็นที่เสี่ยวเฉินวิจัยออกมา เรียกว่า ‘วิธีของเฉิน’ ครับ!”
เมื่อถานจงหลินฟังมาถึงตรงนี้เขาก็ชะงักทันใด
นัยน์ตาของเขาเบิกโต เขากลั้นลมหายใจ คุณ…คุณคิดค้นวิธีของตัวเองขึ้นมา?
บทที่ 269 เราจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ
ความจริงแล้วที่ถานจงหลินมาหาเฉินชางที่โรงพยาบาลอันดับสองก็เพราะว่าเขาจนปัญญาแล้วจริงๆ หลังจากพลังความสามัคคีในครั้งนั้นที่ร่วมมือผ่าตัดรักษาสิงอวี่ กล่าวได้ว่าชื่อเสียงของแผนกศัลกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลก็เป็นที่เลื่องลืออย่างไม่เคยมีมาก่อน ก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่าจุดสูงสุด!
แต่ถานจงหลินยังไม่ทันได้สัมผัสถึงส่วนที่ดีของเกียรติยศที่มาถึงนี้
ผลข้างเคียงของชื่อเสียงเกียรติยศมาถึงก่อนแล้ว!
ผู้ป่วยหลากหลายประเภทหลากหลายรูปแบบมาหาถึงหน้าแผนก ทำให้ถานจงหลินปวดศีรษะเกินทน
เขาเองก็อยากน้อมรับเกียรติยศนี้อย่างสง่าผ่าเผย
แต่…ศักยภาพไม่เอื้ออำนวย
ภายใต้ความรู้สึกอับจนหนทาง เขาทำได้แค่มาขโมยความรู้ที่โรงพยาบาลอันดับสอง
ในตอนที่ถานจงหลินกำลังจะถ่ายทอดเรื่องราวให้เฉินชางฟัง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็มีสายเรียกเข้า
“หัวหน้าถานครับ คุณไม่ได้อยู่ที่แผนกหรือครับ”
เมื่อถานจงหลินกดรับสาย เขาก็ได้ยินเสียงร้อนรนของหลี่ฮุย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล
ถานจงหลินหน้าถอดสี รีบร้อนเดินออกไปจากห้องทำงาน
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในแผนกครับผู้อำนวยการหลี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ”
น้ำเสียงของหลี่ฮุยค่อนข้างเคร่งขรึม “คุณรีบกลับมาด่วนเลยครับ มีผู้ป่วยเคสพิเศษครับ”
เมื่อถานจงหลินได้ยินคำว่าผู้ป่วยเคสพิเศษ เขาถึงกับชะงักทันใด ช่วงนี้รับเคสพิเศษเข้ามาเยอะมาก ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเคสพิเศษประเภทไหนกันแน่
เป็นญาติพี่น้องของบุคลากรในโรงพยาบาล หรือเป็นญาติพี่น้องของคนใหญ่คนโต ไม่ก็ดาราทั่วไปหรือไม่ก็เน็ตไอดอล!
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ถานจงหลินก็คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับภารกิจช่วยเคสพิเศษให้รอดพ้นจากขีดอันตรายเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายจริงๆ แถมเขายังค่อนข้างเหนื่อยกับการรับมือแล้วด้วย!
“ผู้ป่วยเคสพิเศษอะไรหรือครับ” ถานจงหลินรีบเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่ทางออก
หลี่ฮุยกล่าวอย่างจริงจัง “เป็นวีรบุรุษของประชาชนท่านหนึ่ง”
ถานจงหลินชะงักในทันใด
หลี่ฮุยกล่าวต่อทันทีว่า “คุณรีบมาเถอะครับ แล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้!”
ถานจงหลินอดรู้สึกกระวนกระวายใจไม่ได้ วีรบุรุษของประชาชน…
วีรบุรุษของประชาชนเป็นใครกันแน่
ถานจงหลินกลับไปถึงแผนกศัลยกรรมมือด้วยความรีบร้อน ทันทีที่ไปถึง สิ่งที่เห็นคือคนกลุ่มใหญ่กำลังยืนออกันอยู่หน้าประตูทางเข้า
ตรงนั้นมีผู้ปกครองสามครอบครัวพร้อมด้วยเด็กๆ อายุประมาณห้าหกขวบสวมชุดนักเรียนสามคน ส่วนหลี่ฮุยยืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล ข้างๆ เขามีชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็ค
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางเช่นนั้น ถานจงหลินก็รู้ว่าเป็นคนใหญ่คนโต และจะต้องมีตำแหน่งสูงกว่าผู้อำนวยการหลี่แน่!
เมื่อเห็นถานจงหลินออกมาจากลิฟต์ หลี่ฮุยก็รีบกวักมือเรียกทันที
“รองอธิบดีเหอครับ ท่านนี้เป็นหัวหน้าถาน หัวหน้าแผนกศัยกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลของเราครับ” หลี่ฮุยดึงตัวถานจงหลินมาแนะนำ “แล้วก็เป็นหนึ่งทีมแพทย์ที่รักษาสิงอวี่เมื่อไม่นานมานี้ครับ!”
เมื่อรองอธิบดีเหอได้ยินเช่นนั้น ก็หันมามองถานจงหลิน กล่าวจริงจังว่า “สวัสดีครับหัวหน้าถาน”
ถึงแม้ว่าถานจงหลินจะสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ข่มความสงสัยเอาไว้ก่อนแล้วกล่าวว่า “สวัสดีครับหัวหน้า!”
ชายวัยกลางคนจับมือทักทายถานจงหลิน สายตาที่จ้องมองใบหน้าของถานจงหลินเต็มเปี่ยมด้วยความคาดหวัง เขากล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “หัวหน้าถานครับ ครั้งนี้ลำบากคุณด้วยนะครับ คุณต้องช่วยวีรบุรุษของประชาชนด้วยนะครับ”
ถานจงหลินสีหน้างุนงง “เอ่อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หัวหน้าวัยกลางคนกล่าวว่า “วันนี้ช่วงบ่ายตอนเลิกเรียน เด็กพวกนี้เพิ่งเปิดเทอม ระหว่างข้ามทางม้าลาย จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งเสียการควบคุม ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ทันใดนั้น กัวจื้อหย่ง อาจารย์ของเด็กประถมก็กระโจนเข้าไปอุ้มเด็กพวกนั้นไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย เขาช่วยชีวิตเด็กๆ เอาไว้ได้ในช่วงเวลาคับขัน!…
…แต่มือข้างขวากระแทกกับราวกั้นอย่างจังทำมือบาดเจ็บสาหัส!…
…เขาเป็นวีรบุรุษของประชาชนเมืองอันหยางของเรา ดังนั้นสำนักงานของเราก็เลยให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มาก เลยขอให้พวกเราทุ่มเทสุดกำลังในการรักษามือของวีรบุรุษของประชาชนท่านนี้!”
ในเวลานี้เด็กๆ อายุห้าหกขวบก็กล่าวขอร้องเป็นเสียงเดียวกันด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ “คุณปู่หมอ ช่วยอาจารย์กัวด้วยนะ! พวกหนูขอร้อง”
ครอบครัวของเด็กๆ เหล่านั้นต่างก็มองหัวหน้าถาน “หัวหน้าครับ ขอร้องด้วยนะครับ จะต้องช่วยรักษาอาจารย์ให้ดีนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ลูกของพวกเราคง…”
“ใช่ค่ะ! หัวหน้าถาน ขนาดมือของสิงอวี่คุณยังรักษาหายได้ มือของอาจารย์กัวคุณก็จะต้องรักษาหายแน่ ฝากด้วยนะคะหัวหน้าถาน”
“ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาเลย ใช้ยาที่ดีที่สุด พวกเรารับผิดชอบค่ายาเอง จะต้องรักษาผู้ป่วยให้ดีนะครับคุณหมอ!”
ในเวลานี้ พ่อแม่ของเด็กทั้งสามคนจะใจแคบอย่างไรไหว ในตอนที่พวกเห็นกัวจื้อหย่งกระโจนไปอุ้มเด็กๆ ไปไว้ในจุดปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด พวกเขาต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง
กล่าวให้ชัดเจนคือ ลูกคือชีวิตจิตใจของพวกเขา!
รองอธิบดีเหอแห่งกระทรวงศึกษาธิการหันไปมองหัวหน้าถาน “หัวหน้าถานครับ อาจารย์กัวเป็นวีรบุรุษ เป็นอาจารย์ของประชาชน รบกวนด้วยนะครับ!”
หนูน้อยทั้งสามต่างก็มีสีหน้าเฝ้าคอย นัยน์ตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา กล่าวเสียงสะอึกสะอื้น “ฝากคุณปู่หมอด้วยนะครับ/คะ”
ถานจงหลินปีนี้อายุห้าสิบกว่าแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นรุ่นปู่แล้วจริงๆ
เมื่อมองเด็กสามคนนั้น ถานจงหลินพยักหน้า “ผมไปดูผู้ป่วยก่อนนะครับ ผมจะพยายามทุ่มเทสุดกำลังความสามารถ!”
หลังจากพูดจบ พยาบาลก็พาถานจงหลินไปที่ห้องหัตถการ เป็นเวลาเดียวกับที่โจวหยาง แพทย์เจ้าของไข้กำลังล้างแผลให้ผู้ป่วย
หลังจากที่ถานจงหลินเดินเข้าไปแล้วเห็นโจวหยางก็ถามขึ้นว่า “อาการเป็นยังไงบ้างครับ สาหัสหรือเปล่า”
โจวหยางส่ายหน้า นำเสียงทุ้มต่ำ “หัวหน้าครับ…สถานการณ์ไม่สู้ดีครับ!”
ถานจงหลินชะงัก รีบเดินเข้าไปตรงหน้า ในตอนที่เขาเห็นหลังมือของกัวจื้อหย่ง เขาก็พลันตกตะลึงในทันใด!
กระดูกมือหักแน่นอนไม่ต้องสงสัย
แต่ในส่วนนี้ยังง่าย ประเด็นสำคัญคือเลือดเนื้อหลังมือ เส้นเอ็น เส้นประสาท หลอดเลือด อวัยวะเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บหนักมาก!
ด้านหลังมือมีระบบต่างๆ หลากหลายมาก มีเส้นเอ็น หลอดเลือด เส้นประสาทกระจายตัวกันอย่างหนาแน่น อาการบาดเจ็บในตำแหน่งนี้เป็นการบาดที่สาหัสมาก
ไม่ต้องถามว่าจะกระทบกับระบบต่างๆ เหล่างนั้นหรือไม่ อนาคตจะรักษาจนกลับมาเป็นปกได้หรือไม่
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไกลเกินกว่าจะคาดการณ์ได้
สิ่งที่ต้องพิจารณาในตอนนี้คือ จะรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ รักษามือขวาให้คงการใช้งานในการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานเอาไว้ได้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็หน้าถอดสี อดถอนหายใจไม่ได้ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมดูให้ครับ”
โจวหยางรีบลุกขึ้น ถานจงหลินรับแหนบมา ตรวจด้วยความระมัดระวัง
ยิ่งดูก็ยิ่งก็ยิ่งหวาดกลัว!
ยิ่งดูก็ยิ่งกระวนกระวายใจ!
เจอเรื่องยุ่งเข้าให้แล้ว
เส้นประสาทเรเดียล[1]กับเส้นประสาทอัลน่า[2]บริเวณใกล้เคียงฉีกขาด
เส้นเอ็นหลังมือฉีก
หลอดเลือดได้รับความเสียหายรุนแรง
เมื่อตรวจมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็หันไปถามโจวหยาง “ได้ถ่ายเอกซเรย์กับทำเอ็มอาร์ไอแล้วหรือยังครับ”
โจวหยางพยักหน้า เปิดไฟตู้อ่านฟิล์มเอกซเรย์ “อยู่ตรงนี้ทั้งหมดแล้วครับหัวหน้า”
เมื่อถานจงหลินมองฟิล์มเอกซเรย์มือ เขาก็ถึงกับอดถอนหายใจไม่ได้ ถึงแม้ว่ากระดูกฝ่ามือจะหัก แต่ไม่สาหัสมากนัก
ทว่า…เมื่อดูจากภาพเอ็มอาร์ไอกลับวางใจไม่ได้
ในตอนนี้ถานจงหลินเข้าใจอาการของกัวจื้อหย่งอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
เมื่อกัวจื้อหย่งเห็นถานจงหลินมองตนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมขนาดนี้ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ เขาหัวเราะขมขื่นพร้อมถามว่า “หัวหน้าครับ…มือผมยังมีโอกาสรักษาหายอยู่มั้ยครับ”
ถานจงหลินเงยหน้ามองผู้ป่วยชายตรงหน้าที่ดูอายุไม่มาก น่าจะอายุพอๆ กับเฉินชาง เขาไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไรดี
ถึงอย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่มีใครที่จะรับประกันได้หลังจากฟื้นฟูแล้วอาการจะเป็นอย่างไร
เขาสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที รับปากด้วยท่าทีที่ดูจริงจัง “เราจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถครับ!”
[1] เส้นประสาทเรเดียล (Radial nerve) เป็นเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับรู้ความรู้สึกบริเวณด้านหลังมือ ตำแหน่งด้านข้างจรดโคนนิ้วกับเยื่อหุ้มข้อมือด้านหลัง และมีหน้าที่สั่งการการเหยียดนิ้วทั้งห้า และการกระดกข้อมือขึ้น
[2] เส้นประสาทอัลน่า (Ulnar nerve) เป็นเส้นประสาทที่รับรู้ความรู้สึกบริเวณมือ ตำแหน่งนิ้วก้อยกับนิ้วนางจรดข้อศอก