เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 274 พ่อตา!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 274 พ่อตา!

ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการผ่าตัด ทว่าเฉินชางกลับไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย

เมื่อสมัยเรียน มีศัลยแพทย์วัยห้าสิบท่านหนึ่งเคยบอกเขาไว้ว่าหัวใจของแพทย์ ไม่มีช่วงเวลาที่เกียจคร้าน ต้องรับมือกับผู้ป่วยทุกรูปแบบ รับมือกับโรคทุกโรค และต้องทุ่มเทรักษาอย่างสุดหัวใจ

ไม่นานการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น

[ติ๊ง! เย็บมอนสเตอร์เส้นเอ็นหายากสำเร็จ

เย็บมอนสเตอร์เส้นประสาทหายากสำเร็จ

เย็บมอนสเตอร์หลอดเลือดหายากสำเร็จ

ได้รับ: 1. ค่าประสบการณ์ +500

2. หนังสือทักษะที่ว่างเปล่าหนึ่งเล่ม

3. คะแนนทักษะ +1]

หลังจากที่เฉินชางเห็นข้อความแจ้งเตือนจากระบบแล้ว เขาก็ชะงักทันใด คิดไม่ถึงว่ารางวัลสังหารมอนสเตอร์ทั้งสามตัวจะได้เป็นรางวัลรวม?

หมายความว่ารางวัลจะต้องหลากหลายมากขึ้นหน่อย?

ถึงอย่างไร…คุณภาพก็เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณภารภิจที่เปลี่ยนไป!

เฉินชางมองรางวัลที่ได้รับ เขาพบว่าเป็นรางวัลที่ธรรมดามาก สิ่งเดียวที่ดูพิเศษก็คือหนังสือทักษะที่ว่างเปล่าเล่มนั้น?!

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไอเทมสีม่วง

[หนังสือทักษะที่ว่างเปล่า: หลังจากใช้แล้ว จะเลียนแบบทักษะการผ่าตัดได้หนึ่งรายการ และยกระดับเป็นระดับปรมาจารย์อัตโนมัติ

คำอธิบาย: ลอกเลียนแบบการผัดตัดระดับสี่ไม่ได้]

เฉินชางเงียบขรึม ทักษะนี้ร้ายกาจ!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกพึงพอใจถึงขีดสุด เคสผ่าตัดหนึ่งเคส ได้ทักษะของถานจงหลินไม่พอ ยังได้หนังสือทักษะที่ว่างเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ดูอะไรก็ได้ทักษะนั้น!

เฉินชางพากัวจื้อหย่งออกมาจากห้องผ่าตัด

ส่วนถานจงหลินก็เดินตามหลังเฉินชางออกมาโดยไม่พูดไม่จาอะไร เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร

เพิ่งจะเดินพ้นประตูออกมา ก็เผชิญกับกลุ่มคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้ว

ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีฉินเสี้ยวยวนอยู่ด้วย เมื่อเห็นเฉินชางเดินออกมา นัยน์ตาของฉินเสี้ยวยวนก็พลันเปล่งประกาย เขารีบเดินเข้ามาหาเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน เป็นไงบ้างครับ ผ่าตัดราบรื่นดีมั้ยครับ”

เฉินชางพยักหน้า “การผ่าประสบความสำเร็จดีมากครับผู้อำนวยการฉิน ถ้าบริหารมือตามแผนก็น่าจะฟื้นฟูได้ดีมากครับ”

หลังจากที่ฉินเสี้ยวยวนได้ฟังดังนั้นแล้ว สีหน้าของเขาก็ดูปีติยินในทันใด “รองอธิบดีเหอครับ ตอนนี้คุณสบายใจแล้วหรือยังครับ”

เหอทงชะงักเล็กน้อย เขามองเฉินชาง แล้วก็มองถานจงหลินที่ยืนเหม่ออยู่ข้างหลังเฉินชาง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่าเหอทงไม่สบายใจ!

เขาอดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าถานครับ…ใครเป็นแพทย์ผู้นำทีมผ่าตัดครับ”

ถานจงหลินรีบตอบทันที “ท่านนี้ครับ หมอเฉิน เฉินชางครับ!”

หลังจากที่เหอทงได้ฟังคำตอบแล้ว และเห็นว่าเฉินชางอายุยังน้อยมาก เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เขา…”

เมื่อถานจงหลินเห็นสถานการณ์แล้ว เขาก็รีบอธิบายทันที “รองอธิบดีเหอครับ คุณวางใจได้เลยครับ! หมอเฉินชางเย็บเส้นเอ็นได้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย แม้แต่หวังอวี้ซานผู้อำนวยการโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วยังชื่นชมหมอเฉินชางเลยครับ อ้อ! จริงด้วย หมอเฉินชางเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ร่วมกันผ่าตัดรักษาสิงอวี่ในวันนั้นด้วยนะครับ”

คำว่า ‘หนึ่งใน’ ที่ถานจงหลินกล่าวออกไปช่างเป็นคำกล่าวที่หลักแหลมมาก

เป็นการบอกให้เหอทงรู้ว่าเฉินชางก็เป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ร่วมกันผ่าตัดรักษาสิงอวี่ในวันนั้นด้วยเช่นกัน!

แล้วฝีมือของเฉินชางก็ไม่ธรรมดา จะดูถูกกันไม่ได้!

เมื่อเหอทงได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขามองเฉินชาง พยักหน้าให้ด้วยความพอใจ “ดีครับ! อายุน้อยเปี่ยมความสามารถ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง หัวหน้าถานประเมินศักยภาพของหมอเฉินไว้สูงขนาดนี้ ผมคงดูคนจากภายนอกมากไปหน่อย!”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เหอทงก็มองฉินเสี้ยวยวนพร้อมกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการฉินบ่มเพาะบุคลากรคุณภาพได้ไม่เลวเลยนะครับ! ภายใต้การบริหารของผู้อำนวยการฉิน โรงพยาบาลอันดับสองจะต้องรุ่งเรืองแน่…

…อาจารย์กัวเป็นวีรบุรุษของเรา เป็นแบบอย่างของบุคลากรในองค์กรด้านการศึกษาของเรา ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการของเราจึงให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพร่างกายของอาจารย์กัวมาก…เราต้องทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อทำหน้าที่ให้ที่ดีที่สุดให้ได้อย่างอาจารย์กัว…สิ่งสำคัญคือจะทำให้ทุกรู้คนรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้…จิตวิญญาณแห่งความเสียสละเช่นนี้คือ…

เหอทงพูดพร่ำอยู่นานมาก เฉินชางรู้สึกเลื่อมใสมากจริงๆ

คนที่หยิบยกเรื่องต่างๆ ในหลายแง่มุมมาพูดได้อย่างน้ำไหลไฟดับแต่ไม่มีแก่นสารอะไรเลย แถมยกระดับคำพูดต่างๆ เหล่านั้นให้สูงขึ้นได้ นับว่าเป็นคนที่เก่งมาก แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโต จะมีใครฟังที่เขาพูดนานขนาดนี้หรือเปล่า

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่เขาช่วยกัวจื้อหย่งได้ นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความเลื่อมใสให้ผู้คนอย่างมาก

ความจริงแล้วไม่ว่าคนใหญ่คนโตท่านนั้นจะเป็นคนอย่างไร ขอแค่ทำเรื่องดีๆ ให้กับประชาชนได้ก็เพียงพอแล้ว

เมื่อเด็กๆ ทั้งสามคนเห็นกัวจื้อหย่งออกมาจากห้องผ่าตัดแล่ว เด็กๆ ต่างก็วิ่งเข้ามาหาเขา “อาจารย์กัว อาจารย์กัวไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ/คะ ยังเจ็บมือยู่หรือเปล่าครับ/คะ”

“ระวังนะครับ อย่าโดนมืออาจารย์กัว”

“อาจารย์กัว อาจารย์ไม่สบายแล้วให้พวกเราดูแลอาจารย์ดีมั้ยคะ”

เมื่อได้ยินคำพูดเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ทั้งสามคนที่ฟังเหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เฉินชางก็รู้สึกปลื้มใจ

เขาเชื่อว่าอาการเจ็บมือของกัวจื้อหย่งจะต้องทุเลาไปมากแน่เมื่อได้ฟังคำพูดของเด็กๆ ทั้งสาม

เด็กทั้งสามคนยืนข้างผู้ปกครองของตนเอง ทุกคนต่างโค้งคำนับให้กับกัวจื้อหย่งอย่างพร้อมเพรียงกันหนึ่งที “อาจารย์กัว บุญคุณของอาจารย์ในครั้งนี้ไม่อาจลืมเลือน ครั้งพวกเราซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ!”

ใบหน้าของกัวจื้อหย่งแดงระเรื่อเล็กน้อย ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง กระโจนเข้าไปช่วยเด็กด้วยสัญชาตญาณแท้ๆ

เมื่อเห็นการแสดงออกเช่นนี้ของทุกคน เขาก็กล่าวด้วยความเขินอายว่า “เป็นไรครับ! ผมไม่เป็นไร! พวกคุณไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ครับ ผม…เอ่อ…”

กัวจื้อหย่งเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง มนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานธรรมดาทั่วไป ใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนคนส่วนใหญ่

แต่ในยามคับขัน คนธรรมดาคนนี้กลับเสนอตัวเข้าไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างไม่ยำเกรง และทำในสิ่งที่ไม่ธรรมดา

พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดา ทำไมไม่ลองเป็นวีรบุรุษวีรสตรีดูบ้าง

กัวจื้อหย่งเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง ในวันต่อมามีนักข่าวกลุ่มหนึ่งมาหาถึงหน้าประตู ทยอยกันเข้ามาสัมภาษณ์

บรรดานักข่าวกระจายข่าวคุณงามความดีของกัวจื้อหย่งออกไปให้ทุกคนได้รับรู้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลอันดับสองไปในตัวด้วย

กระทรวงศึกษาธิการของมณฑลตงหยางมอบรางวัล “อาจารย์ผู้กล้า” ให้กับกัวจื้อหย่ง

วันที่สาม กัวจื้อหย่งย้ายไปพักรักษาตัวต่อที่แผนกศัลยกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล เพราะจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพมือหลังการผ่าตัด

ช่วงระยะเวลาสั้นๆ สองวันมานี้ โรงพยาบาลอันดับสองก็พอจะมีชื่อเสียงขึ้นบ้างแล้ว!

ส่วนฉินเสี้ยวยวน ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ได้รับคำชมจากผู้บริหารระดับสูงเช่นกัน เขาได้รับคำชมว่าเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะบุคลกรให้มีศักยภาพ มีความกระตือรือล้นในการรักษาผู้ป่วยเป็นต้น

สองสามวันมานี้ ฉินเสี้ยวยวนอารมณ์ดีมาก ยิ้มแย้มตลอดทั้งวัน เห็นใครก็ยิ้มให้

แต่ก่อนนี้น้อยมากที่จะเห็นเขามาที่แผนกฉุกเฉิน ช่วงสองวันมานี้แวะเวียนมาบ่อยจนครั้งแทบทุกวัน

หลังจากที่เห็นเฉินชางแล้ว ก็จะพยักหน้าทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มใส

อืม!

เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เลวเลยจริงๆ

ว่าที่ลูกเขยของพ่อตา!

ไม่เลวๆ!

ใส่ไว้ในรายชื่อลูกเขยสำหรับพิจารณาได้

ระยะที่ผ่านมานี้ ถานจงหลินคิดเรื่องเรื่องหนึ่งนานมากแล้ว ถึงขั้นที่ค่อนข้างนอนไม่หลับ ในหัวยังคงครุ่นคิดวิธีเย็บเส้นเอ็นของเฉินชางไม่หยุด วิธีเย็บเส้นเอ็นที่เรียกว่า ‘วิธีของเฉิน’ วนเวียนอยู่ในหัวจนลบออกไปไม่ได้

เขานอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะอย่างไรก็นอนไม่หลับ ราวกับมีเรื่องที่กวนใจอยู่!

เช้าวันต่อมา ถานจงหลินตัดสินใจแน่วแน่!

เขาจะฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชา!

ถูกต้อง!

ไปหาเฉินชางที่แผนกฉุกเฉินในครั้งนี้ เขาตั้งใจอยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่ง

ถานจงหลินรู้สึกว่า ‘วิธีของเฉิน’ ของเฉินชางล้ำเลิศมาก

เขาเป็นศัลยแพทย์ด้านมาทั้งชีวิต มีสายตาเฉียบคม ดีหรือเลวแค่ปราดตาเดียวก็ดูออกแล้ว ย่อมไม่มองพลาดแน่

เขารู้สึกว่า ‘วิธีของเฉิน’ เป็นของล้ำค่า!

เช้าตรู่หลังจากเปลี่ยนเวรแล้ว หลังจากที่ถานจงหลินมอบหมายงานให้กับหมอในแผนกแล้ว เขาก็ตรงดิ่งไปที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสองทันที

บทที่ 270 หมอเสี่ยวเฉินของฉันบอกว่ารักษาได้

“เราจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถครับ!”

หลังจากที่กัวจื้อหย่งได้ยินคำนี้ เขาก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจทันใด

คำพูดของถานจงหลินให้ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เขาเห็นเด็กสามคนนั้นบนทางม้าลาย เขาวิ่งเข้าไปช่วยเด็กๆ โดยไม่มีความลังเลใดๆ

เรื่องบางเรื่องทำไปแล้วก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว

รู้สึกเสียใจภายหลังที่ต้องมาบาดเจ็บแบบนี้หรือไม่ บอกเลยว่าไม่

แค่สมองสั่งการว่าต้องช่วยก็ช่วย

เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นเร็วมาก ถ้ามัวแต่วางตัวสุขุมเยือกเย็น คงเป็นวีรบุรุษไม่ได้…

กัวจื้อหย่งไม่ได้อยากเป็นวีรบุรุษ แต่ในเวลานั้น เขาเมินเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้จริงๆ

ทุกคนล้วนมีความเลื่อมใสศรัทธาในอาชีพตนเอง

ก็เหมือนที่ถานจงหลินกล่าวออกมาว่าจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ

กัวจื้อหย่งต้องการเป็นแค่ครูบาอาจารย์ที่ดีคนหนึ่ง ปกป้องคุ้มครองนักเรียนของเขาให้ดี

ถ้าถามว่าเขารู้สึกเสียใจภายหลังที่ต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้ไหม

เขาตอบได้เลยว่า เขาไม่เสียใจ!

เมื่อคิดถึงรอยยิ้มของเด็กทั้งสามคนนั้น กัวจื้อหย่งก็อดยิ้มไม่ได้ แม้แต่หลังมือที่เลือดไหลเนื้อเยินบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ในเวลานี้ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว

นี่คือรสชาติของชีวิต!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ กัวจื้อหย่งก็ยกยิ้มหัวเราะออกมา “ฝากด้วยนะครับหัวหน้า”

ถานจงหลินพยักหน้า

หลังจากที่ตรวจผู้ป่วยเสร็จแล้ว ถานจงหลินก็ร่วมหารือกันในแผนกว่าจะรักษาอย่างไรดี!

สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือวางแผนการรักษาที่ยอดเยี่ยมที่สุด

โจวหยางค่อนข้างเข้าใจในอาการของกัวจื้อหย่ง เขากล่าวก่อนว่า “ผมมองว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการฟื้นฟูของเส้นประสาทหลังมือ หลอดเลือด เส้นเอ็นหลังการรักษา นอกจากเส้นประสาทแกนสำคัญอย่างเส้นประสาทเรเดียลกับเส้นประสาทอัลน่าแล้ว สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือฟังก์ชันการทำงานกับการรับรู้ความรู้สึกของระบบการทำงานของระบบประสาทกับหลอดเลือดแดงเล็กๆ โดยรอบ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟู…

…การทำงานของตำแหน่งหลังมือจำเป็นต้องอาศัยการทำงานของเส้นประสาทเล็กกับหลอดเลือดแดงเล็กเหล่านั้นที่อยู่โดยรอบ แน่นอนว่าการปลูกถ่ายผิวหนังแก้ปัญหาได้มาก แต่…อาการของผู้ป่วยยังมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูเองได้ ผมมองว่าเราควรพักเรื่องปลูกถ่ายผิวหนังเอาไว้ก่อน แล้วพยายามรักษาสิ่งที่ยังมีอยู่ให้เต็มที่”

รองหัวหน้าถอนหายใจออกมา “หมอโจวพูดถูกครับ แต่อาการของผู้ป่วยในตอนนี้ค่อนข้างสาหัส คิดจะรักษาฟื้นฟูเส้นประสาทกับหลอดเลือดโดยรอบ นี่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้ความละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเราไม่ได้มีเชี่ยวชาญด้านการซ่อมแซมเส้นประสาทกับหลอดเลือดเป็นพิเศษ คิดจะซ่อมแซมเส้นประสาทกับหลอดเลือดโดยรอบ นับว่าเป็นกระบวนการที่ยากมาก”

การผ่าตัดซ่อมแซมเส้นประสาทกับหลอดเลือดโดยรอบ จัดว่าเป็นการผ่าตัดแบบจุลศัลยกรรม[1] การผ่าตัดประเภทนี้ยากกว่าการต่อนิ้วมาก

หลอดเลือดแดงเล็กโดยรอบมีเส้นเลือดที่แตกกิ่งก้านสาขาออกมาอีกจำนวนมาก เส้นประสาทโดยรอบยิ่งละเอียดอ่อนเข้าไปใหญ่

การรักษาฟื้นฟูยิ่งยากหลายเท่าตัว

เมื่อถานจงหลินได้ยินสิ่งที่ทุกคนหารือกัน สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึม เราพยายามรักษาให้สุดกำลังความสามารถกันเถอะ!

ช่วงเวลาในการผ่าตัดที่ดีที่สุดต้องดำเนินการภายในสี่ชั่วโมง เพราะถึงอย่างไรการขาดเลือดหล่อเลี้ยงเป็นระยะเวลานาน สุดท้ายวิธีรักษาก็จะเหลือแค่วิธีปลูกถ่ายผิวหนังเพื่อคงสมรรถภาพการทำงานของมือ

ซึ่งวิธีปลูกถ่ายผิวทำได้แค่เฉพาะทำให้มือดูเป็นมือ แต่การใช้งานเคลื่อนไหวอาจไม่ครบ

คิดไปคิดมา จู่ๆ ถานจงหลินก็นึกถึงเฉินชางขึ้นมา

เสี่ยวเฉิน…เจอกับสถานการณ์เช่นนี้เขาจะจัดการยังไงนะ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ลุกขึ้นทันที ส่งรูปภาพบาดแผลกับฟิล์มเอกซเรย์ทั้งหมดของกัวจื้อหย่งไปให้เฉินชาง

ถานจงหลิน: [เสี่ยวเฉิน อาการแบบนี้ คุณมองว่ายังไงครับ]

เฉินชางกำลังผ่าตัดอยู่ ไม่มีเวลาดูโทรศัพทือถือเลยสักนิด

เมื่อถานจงหลินเห็นว่าเฉินชางไม่ตอบสักที เขาก็ร้อนใจก็เลยกดโทรออกไป

โทรไม่ติดก็โทรอีก!

โทรไม่ติดก็โทรซ้ำอีกครั้ง!

ที่แท้เฉินชางกำลังผ่าตัด โทรศัพท์มือถือวางอยู่บนโต๊ะในห้องผ่าตัด พยาบาลกำลังดูการผ่าตัดของเฉินชาง ส่วนอันเยี่ยนจวินเป็นผู้ช่วย

เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังต่อเนื่องไม่หยุด เฉินชางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใครโทรมานะ”

พยาบาลสาวมองชื่อสายเรียกเข้า “หมอเสี่ยวเฉินคะ ถานจงหลินค่ะ”

เฉินชางชะงัก เขาขานรับ “อ๋อ ครับ” เขาขยับช้าลง “ช่วยรับสายแล้วเปิดลำโพงให้ผมหน่อยครับ”

พยาบาลสาวพยักหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดลำโพง แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือไปใกล้เฉินชาง

หลังจากกดรับสายแล้ว เฉินชางก็กล่าวขึ้นว่า “หัวหน้าถานครับ ผมกำลังผ่าตัดอยู่ครับ มีอะไรหรือครับ”

ถานจงหลินชะงัก กล่าวด้วยความเกรงใจ “เอ่อ เสี่ยวเฉินครับ ที่โรงพยาบาลผมมีผู้ป่วยรายหนึ่ง เคสด่วนมาก คุณช่วยดูให้ผมหน่อยครับว่าคุณมีความเห็นยังไง”

เฉินชางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้า “ได้ครับ”

เมื่อถานจงหลินได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกปีติขึ้นมาทันใด “ผมส่งรูปให้คุณทางวีแชท คุณลองดูนะครับ”

หลังจากที่พยาบาลสาวกดเข้าไปในวีแชท เฉินชางก็เห็นอาการบาดเจ็บของกัวจื้อหย่ง

หลังจากที่เลื่อนดูไปทีละรูปแล้ว เฉินชางก็ตรึกตรองครู่หนึ่ง แล้วบอกกับพยาบาลว่า “คุณช่วยบอกเขาให้ผมหน่อยว่า ‘รักษาได้’ ”

พยาบาลพยักหน้า กดส่งข้อความเสียง “หัวหน้าถานคะ หมอเสี่ยวเฉินของฉันบอกว่ารักษาได้ค่ะ!”

ทันทีที่พยาบาลสาวกล่าวออกไป พยาบาลคนอื่นๆ กับพยาบาลที่มีหน้าที่ส่งเครื่องมือผ่าตัดก็ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง!

แววตาที่แฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึมเย็นชากับพลังพิฆาตจับจ้องที่พยาบาลสาวอย่างเพิ่มทวีคูณเมื่อพยาบาลสาวพูดประโยคนั้นออกไป!

จะพูดอะไรซี้ซั้วแบบนี้ไม่ได้นะ!

อะไรที่เรียกว่าหมอเสี่ยวเฉินของเธอ

เฉินชางเองก็ชะงัก ถึงแม้ว่าคำพูดนี้จะฟังดูแล้วไม่มีอะไรผิดกติ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก

เฉินชางส่ายหน้า ลงมือเย็บเส้นเอ็นต่อ นิ้วมือพลิ้วไหวปราดเปรียวเต็มไปด้วยชีวิตชีวา พยาบาลเหล่านั้นที่ยืนดูอยู่มองดูด้วยใจที่กระสับกระส่าย

ส่วนอันเยี่ยนจวินกลับมองด้วยใจที่จดจ่อไม่วอกแวก ดู ‘วิธีของเฉิน’ อย่างตั้งอกตั้งใจ เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

หูทั้งสองไม่สดับเรื่องซุบซิบ หัวใจเสาะแสวงหาวิธีเย็บเส้นเอ็น

เมื่อถานจงหลินได้ยินพยาบาลในปลายสายกล่าวเช่นนั้น เขาก็ดีใจขึ้นมาทันใด!

รักษาได้!

เฉินชางบอกว่ารักษาได้ งั้นก็จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอน

ตอนนี้ที่เฉินชางรักษาสิงอวี่ เฉินชางก็กล่าวเช่นนี้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็ค่อนข้างตื่นเต้นดีใจ

แต่…เมื่อคิดให้ถี่ถ้วน คนที่พูดสายเป็นพยาบาล?

แล้วที่บอกว่า ‘หมอเสี่ยวเฉินของฉัน’ หมายความว่ายังไง

ช่างเถอะๆ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เดิมทีถานจงหลินคิดจะเชิญเฉินชางมา แต่พอคิดอีกที เขาก็รีบส่ายหน้า

แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พออีกหรือไง

วันนี้ผู้ป่วยที่มาเป็นวีรบุรุษของประชาชน ใครจะไปรู้พรุ่งจะเป็นจะมีใครมาอีก

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็เกิดความคิดที่เฉียบแหลมขึ้นมาทันที

ย้ายโรงพยาบาล!

ถึงอย่างไรเสี ยกัวจื้อหย่งจะผ่าตัดที่นี่ หรือไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลอันดับสองก็ไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายแพทย์ผู้นำทีมผ่าตัดก็คือเฉินชาง ตนตามไปเป็นผู้ช่วยก็พอแล้ว

จะผ่าตัดที่โรงพยาบาลไหนก็ไม่ต่าง

แล้วอีกอย่า งตอนนี้เฉินชางก็ติดเคสผ่าตัดอยู่ ถ้าจะจะให้เฉินชางเป็นฝ่ายมาที่นี่ก็ต้องรอจนกระทั่งผ่าตัดเสร็จแล้วถึงจะนั่งรถมาที่นี่ได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ส่งตัวผู้ป่วยไปที่นั่นเลยก็จะพอดีกับเวลาที่เฉินชางเพิ่งผ่าตัดเสร็จ แบบนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบกับอะไรทั้งสิ้น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็ตบหน้าขา ตัดสินใจอย่างเฉียบขาด!

หลังจากที่เดินออกมาจากห้องหัตถการ ผู้อำนวยการหลี่ฮุยกับรองอธิบดีกระทรวงศึกษาธิการยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

ถานจงหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวกับหลี่ฮุยว่า “ผู้อำนวยการหลี่ครับ ผมดูอาการโดยรวมของผู้ป่วยแล้วนะครับ แต่…แต่วิธีรักษาผู้ป่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุดไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลเราครับ…

…ผมแนะนำให้ส่งตัวผู้ป่วยไปที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสองครับ ที่นั่นผู้ป่วยจะได้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่ตอบโจทย์ครับ”

หลี่ฮุยชะงักทันใด “ทำไม”

รองอธิบดีเหอขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่า เขามองถานจงหลิน “หัวหน้าถานถานครับ คุณหมายความว่ายังไงครับ”

ถานจงหลินมองทั้งสองคนแล้วอธิบายว่า “คืออย่างนี้นะครับ อาการของผู้ป่วยยากมากที่จะรับประกันผลการรักษาได้ ที่โรงพยาบาลอันดับสองมีหมอเฉิน เขามีแผนการรักษาที่ดีกว่า ผมแนะนำให้ส่งตัวผู้ป่วยไปที่นั่นครับ”

เมื่อรองอธิบดีเหอได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่าถานจงหลินปัดความรับผิดชอบ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นไม่พอใจในทันใด กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หัวหน้าถาน นี่คุณกำลังปัดความรับผิดชอบ สหายเสี่ยวกัวเป็นวีรบุรุษแห่งเมืองอันหยางของเรา แผนกศัลยกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลของพวกคุณมีชื่อเสียงโด่งดัง เวลานี้คุณจะให้ย้ายโรงพยาบาล คนอื่นจะมองพวกผมยังไง คนอื่นจะหาว่าพวกผมใจดำกับวีรบุรษท่านนี้?”

เมื่อหลี่ฮุยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ดึงถานจงหลินเดินไปคุยกันที่ข้างทาง “เหล่าถาน เวลานี้คุณจะทำอะไร คุณเหอเป็นถึงรองอธิบดีกระทรวงศึกษาธิการ สถานการณ์แบบนี้คุณดูไม่ออกหรือไง นี่เป็นเรื่องการเมือง คุณต้องทำให้ดีที่สุด!…คุณจะพูดจาไม่เหมาะไม่ควรไม่ได้!

…แล้วก็อีกอย่าง คุณต้องการให้ใครรักษา คุณก็โทรเรียกเขามาที่นี่ ต้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลเรา นี่เป็นชื่อเสียงเกียรติยศของโรงพยาบาลเรา คุณจะส่งตัวผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอื่นแบบนี้ไม่เข้าท่า…

…สถานการณ์คับขันแบบนี้ ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรักษาที่โรงพยาบาลของเราจะดีที่สุด คุณต้องการให้ใครช่วย คุณบอกมาก็พอแล้ว เป็นหัวหน้าก็ออกคำสั่งไปสิครับ!”

[1] จุลศัลยกรรม การผ่าตัดเนื้อเยื่อของอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก เช่น หลอดเลือด เส้นประประสาท จำเป็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงช่วยในการผ่าตัด

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท