บทที่ 282 แข่งกับเวลา
ในตอนนี้ ศูนย์ฉุกเฉิน 120 ยังไม่มาถึง เฉินชางไม่กล้าทำอะไรหุนหัน!
กระบวนการในการตัดเหล็กเส้น ไม่ได้มีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกความเสี่ยงล้วนเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้ป่วยในขณะนี้!
ณ ขณะนี้ สถานที่เกิดเหตุดูน่าสยดสยองเพราะเจิ่งนองไปด้วยเลือดกองใหญ่ แต่เมื่อดูจากอาการของผู้บาดเจ็บแล้ว ในตอนนี้ผู้บาดเจ็บมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี
หรือกล่าวได้ว่าขณะนี้ผู้บาดเจ็บอาการคงที่!
ในเวลานี้ห้ามเคลื่อนย้ายผู้บาดสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด เพราะจะทำให้หลอดเลือดได้รับความเสียหายเพิ่มได้
เหล็กเส้นแทงเข้าที่ช่องทรวงอกเยื้องไปทางฝั่งขวา ไม่ใช่ฝั่งซ้ายของช่องทรวงอกหรือตำแหน่งกระดูกหน้าอก มิฉะนั้น…คงไม่รอดจริงๆ
ณ เวลานี้ สิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลอดเลือดใหญ่หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล็กเส้นแทงโดนหลอดลมหรือเปล่า ต้องอย่าให้เลือดไหลย้อนเข้าไปในระบบทางเดินหายใจเด็ดขาด…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางทำได้แค่จัดทวงท่าให้ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้ผู้บาดเจ็บมีสติรู้สึกตัว เพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและกู้ชีพ!
เฉินชางกล่าวปลอบ “คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ”
ชายผู้บาดเจ็บกันฟันกรอดด้วยความเจ็บปวด หลับตาสนิท ศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นเม็ดๆ ไม่หยุด!
เมื่อได้ยินเสียงเฉินชาง ชายผู้บาดเจ็บพยายามออกแรงลืมตาขึ้น “ยังไหวครับ!”
เฉินชางพยักหน้า ไม่รู้สึกวิตกกังวลมากเท่าเมื่อครู่นี้แล้ว “ครับ ตอนนี้คุณอย่างกังวลมากไป ทำใจใจผ่อนคลายสักหน่อยครับ อีกเดี๋ยวจะต้องตัดเหล็กเส้นออก คุณหายใจให้จังหวะคงที่”
เฉินชางคุยกับชายผู้บาดเจ็บก็เพราะหวังว่าจะช่วยให้เขารู้สึกตัวมากขึ้น
เวลาเก้าโมงสามสิบห้านาที
รถศูนย์ฉุกเฉิน 120 ก็ขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ราวกับม้าป่าที่ไร้บังเหียนออกแรงวิ่งอย่างเต็มกำลัง!
ทันทีที่เหล่าหยางคนขับรถได้รับสายจากเฉินชาง เขาก็เหยียบคันเร่งบึ่งรถตรงมาที่สถานที่ก่อสร้างแห่งนี้เลย!
หลังจากที่รถจอดเรียบร้อยแล้ว พยาบาลเสี่ยวหลินก็หิ้วกระเป๋ากู้ชีพวิ่งลงมาจากรถ ส่วนหวังเชียนก็หอบหิ้วอุปกรณ์ช่วยหายใจวิ่งตามมา!
ในเวลานี้เฉินชางรู้สึกโล่งใจแล้ว!
เริ่มปฏิบัติการกู้ชีพได้
เฉินชางหันไปมองคนงานก่อสร้างที่ยืนอยู่รอบๆ “ติดต่อเถ้าแก่หรือยังครับ”
หนึ่งในคนงานก่อสร้างที่ยืนอยู่รีบตอบทันที “ติดต่อแล้วครับติดต่อแล้ว อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ!”
เก้าโมงเช้าสี่สิบนาที
ปฏิบัติการกู้ชีพเริ่มขึ้น!
นักดับเพลิงใช้เครื่องตัดเหล็กตัดแผ่นหินที่เชื่อมติดกับเหล็กเส้นออกภายใต้คำแนะนำของเฉินชาง!
ตลอดกระบวนการเหล่านี้ จำเป็นต้องทำด้วยความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ!
เพราะตำแหน่งที่ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บค่อนข้างเป็นตำแหน่งที่อันตราย แรงสั่นสะเทือนใดๆ ก็ตามอาจทำให้อวัยวะภายในเสียหายได้!
และเนื่องจากเป็นเหล็กเส้นเกลียว ทำให้พื้นผิวของเหล็กเส้นไม่เรียบ ทุกครั้งที่ผู้บาดเจ็บยกตัวขึ้นเล็กน้อย จำเป็นต้องใช้แรงมหาศาล!
เส้นเลือดข้างขมับของชายผู้บาดเจ็บปูดนูน มือทั้งสองข้างที่กำหมัดแน่นสั่นเทิ้ม!
เป็นผู้ชายที่ทรหดอดทนมาก!
เขากัดฟันแน่นเสียจนเส้นเลือดฝอยแตก มีเลือดไหลปนน้ำลายออกมา
เจ็บมากจริงๆ!
ทว่าตั้งเขากลับไม่ส่งเสียงโอดครวญใดๆ ออกมาเลยสักนิดตั้งแต่แรก
เหล็กเส้นยึดกุมชีวิตของเขาไว้
ในตอนที่จะยกตัวผู้บาดเจ็บขึ้น ร่างกายของผู้บาดเจ็บก็ทนทานความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว
เฉินชางรีบสั่งให้หยุดทันที!
“โอเค พี่นักดับเพลิงครับ คุณดูว่าระยะห่างเท่านี้พอมั้ย”
เว่ยหงก้มหน้าวิเคราะห์ระยะห่างดูเล็กน้อย
“น่าจะได้แล้วนะครับ!”
เฉินชางรีบเรียกบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาช่วยกันประคองผู้บาดเจ็บไว้ รอนักเพลิงตัดเหล็กเส้นให้
เวลาแต่ละนาทีแต่ละวินาทีผ่านไปดุจสายน้ำไหล!
การขยับเขยื้อนที่รุนแรงในครั้งแรก ทำให้มีเลือดไหลออกมาปริมาณมากอีกครั้ง!
ทุกขั้นตอนดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง!
เก้าโมงห้าสิบนาที!
เหล็กเส้นด้านหลังถูกตัดออกเรียบร้อยแล้ว!
เฉินชางดูแท่งเหล็กเส้นที่โผล่พ้นคอออกมาเกือบหนึ่งจุดห้าเมตร
ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำซีทีสแกน
จำเป็นต้องตัด!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นักดับเพลิงก็เริ่มลงมืออีกครั้ง!
มือทั้งสองข้างของเฉินชางกำเหล็กเส้นแน่น ในใจก็เกิดกลัวว่าระหว่างตัดเหล็กเส้นด้านหน้าจะกระเทือนไปโดนหลอดเลือดบริเวณคอเสียหาย!
บริเวณลำคออันตรายกว่าบริเวณปอดมาก!
ดังนั้นจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง
เวลาที่เฉินชางรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเหล็กเส้น เขาพยายามที่จะจับเหล็กไว้ให้นิ่งที่สุด
แสงอาทิตย์เวลาสิบโมงเช้าร้อนแผดเผามาก
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรง หัวไหล่ที่เปลือยเปล่าของเฉินชาง มีหยาดเหงื่อไหลริน
การทำงานที่ตึงเครียดเป็นอะไรที่เปลืองพลังงานมาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยผู้บาดเจ็บ เฉินชางสู้ไม่ถอย
เขาไม่กล้าผ่อนแรง!
ถึงจะโดนแสงแดดแผดเผามาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว
แต่เฉินชางในเวลานี้กลับไม่รู้สึกอะไรกับแสงแดดที่แผดเผาเลยสักนิด
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเหล็กเส้นถูกตัดดังแกร๊ก!ภายใต้การดูแลสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดของบุคลากรทางการแพทย์ นักดับเพลิงตัดเหล็กเส้นครั้งที่สองได้สำเร็จ
ในเวลานี้ เวลาหยุดนิ่งอยู่ที่สิบโมงสามนาที!
ภายใต้ความช่วยเหลือของเหล่าหยาง ผู้บาดเจ็บถูกนำตัวเคลื่อนย้ายไปบนรถของศูนย์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย!
ณ ขณะนี้ ผู้ป่วยเสียเลือดไปปริมาณมาก ใบหน้าของเขาเริ่มซีดขาว ถึงแม้จะยังไม่หมดสติ แต่สีริมปากก็เริ่มเปลี่ยนแล้ว!
อาการของผู้ป่วยยังวางใจไม่ได้!
นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุด
อันตรายที่แท้จริงกำลังคืบคลานเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ดวงวิญญาณของเขามีโอกาสถูกเขมือบทุกเมื่อ!
การเสียเลือดไม่ใช่สิ่งที่อันตรายที่สุดอีกต่อไป!
การบาดเจ็บที่เกิดจากสาเหตุเช่นนี้ ทำให้เกิดภาวะลมในเยื่อหุ้มปอดได้ และถึงขั้นที่อาจทำให้ขาดออกซิเจนและหัวใจอาจจะหยุดเต้นได้ตลอดเวลา
ไม่มีใครกล้าวางใจ!
ตัวเลขสัญญาณชีพที่ปรากฏบนหน้าจอมอนิเตอร์ราวกับกำลังเร่งเร้าหมายชีวิต
เสียง ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ที่ดังขึ้นทำให้เฉินชางรู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง
เฉินชางตากแดดมาเป็นระยะเวลานาน บวกกับเสียเหงื่อไปปริมาณมาก ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกไม่ค่อยดีนัก
บนหน้าจอมอนิเตอร์ ความดันโลหิตอยู่ที่ 90/50mmHg อัตราการเต้นของหัวใจเริ่มช้าลง อัตราการหายใจก็เริ่มช้าลง ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดไม่ถึง 85
บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนในรถต่างไม่ส่งเสียงใดๆ
ขณะนี้เวลาสิบโมงเช้าสิบนาที
รถศูนย์ฉุกเฉินขับมาถึงหน้าประตูทางเข้าแผนกฉุกเฉิน
ผู้ป่วยถูกเข็นเข้าไปในไอซียูอย่างรวดเร็ว
ชายบาดเจ็บที่ก่อนหน้าเข็มแข็งเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ดั่งขุนเขา ไม่ส่งเสียงโอดครวญใดๆ แม้แต่นิดตั้งแต่แรก ในตอนนี้ความดันของเขาลดต่ำจนเขาหมดสติไป!
ริมฝีปากของเขาเริ่มกลายเป็นสีม่วงแล้ว!
เฉินชางรีบลงมือกู้ชีพผู้บาดเจ็บโดยด่วน!
เขาร้องขอน้ำเกลือ ฉีดยากระตุ้นความดัน!
ตรวจเลือดด่วน!
ให้เลือดด่วน
…
ทุกขั้นตอนจำเป็นต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว
ในเวลานี้เพื่อนร่วมทีมที่ดีสำคัญสิ่งกว่าสิ่งใด!
และในตอนที่เฉินชางกำลังรีบร้อนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จิ่งหรานเข้ามารับผิดชอบหน้าที่ทันที
“สายระบาย! เอาสายระบายทรวงอกให้ผม!”
เมื่อพยาบาลได้ยินเสียงเร่งเร้าของจิ่งหราน เธอก็รีบไปเตรียมอุปกรณ์ตามที่เขาสั่ง
จิ่งหรานสมกับที่เป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกด้านศัลยกรรมทรวงอกจริงๆ ใส่สายระบายทรวงอกได้ช่ำชองมาก
ในเวลานี้ การใส่ระบายทรวงอกอกช่วยลดภาวะลมในเยื่อหุ้มปอดได้อย่างสมบูรณ์ และยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะภาวะหัวใจหยุดเต้นได้
แต่ละคนต่างไม่มีใครหยุดพัก!
การกู้ชีพดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผน
เวลาสิบโมงเช้าสามสิบห้านาที
ความดันโลหิตของผู้บาดเจ็บกลับมาสูงขึ้น สัญญาณชีพเริ่มเสถียร
ทุกกระบวนการรักษาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองดำเนินไปอย่างราบรื่น!
การตรวจร่างกายผู้บาดเจ็บดำเนินการด้วยความรวดเร็ว!
เอกซเรย์ทรวงอก!
ทำซีทีสแกนทรวงอก
…
การตรวจต่างๆ นานาเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาสิบนาที!
จากผลตรวจพบว่า ทรวงอกทะลุ มีลมในเยื่อหุ้มปอด หลอดอาหารเสียหายรุนแรง
เวลาสิบโมงเช้าห้าสิบนาที!
กระบวนการทั้งหมดที่ต้องทำก่อนผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยภายในช่วงเวลาไม่กี่นาที!
ในที่สุดผู้บาดเจ็บถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด!
การผ่าตัดฉุกเฉินกำลังจะเริ่มขึ้น
บทที่ 279 เฉินชางไม่ได้ทำใครท้องใช่ไหม
ตอนรับประทานอาหาร เฉินชางนำเหล้ามาด้วย
เป็นเหล้าที่หลี่เป่าซานให้เฉินชางมา
หบี่เป่าซานได้เหล้าขวดนี้มาจากผู้ป่วยรายหนึ่ง แต่หลี่เป่าซานไม่ดื่มเหล้า ก็เลยยกให้เฉินชาง
เป็นเหล่าเฝินจิ่ว รุ่นปีสองศูนย์ ซึ่งเป็นเหล้าชั้นดี
ในครั้งนี้หยางจยาฮุ่ยไม่ได้ห้ามทุกคนดื่ม แต่กลับมองชายชาตรีทั้งสามของบ้านด้วยสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วทำทีด่าว่าด้วยเสียงหัวเราะ “ครอบครัวนี้ พวกแกสามคนรังแกฉันผู้หญิงคนเดียวในบ้าน”
ทุกครั้งที่หยางจยาฮุ่ยด่าว่าเฉินต้าไห่ เขามักจะหัวเราะซื่อๆ ออกมา ไม่ตอบโต้อะไร
เขายังช่วยภรรยาผสมโรงอีกด้วย “ใช่ เฉินหลัว! สมัยแกยังเด็กแกทำให้แม่แกโมโหบ่อยๆ พ่อต้องคอยปลอบแม่แกว่าอย่าโมโห”
หยางจยาฮุ่ยถลึงตาใส่เฉินต้าไห่ทันที “คุณนั่นแหละทำให้ฉันอารมณ์เสียได้ทุกวี่ทุกวัน! หลัวเอ๋อร์รู้เรื่องรู้ราวมากกว่าคุณอีก”
หยางจยาฮุ่ยมองหน้าจอสั่งอาหารที่เธอใช้ไม่เป็น แต่เธอเห็นราคาของอาหารแต่ละอย่างแล้วก็รู้สึกสะอึกในใจ แพงจังเลย
เฉินชางสั่งอาหารชุดใหญ่ ทว่าต่อหน้าพนักงาน หยางจยาฮุ่ยก็เกรงใจที่พูดตรงๆ จึงพูดแค่ว่า “กินไม่หมดหรอก ไม่ต้องสั่งเยอะขนาดนั้น”
เฉินชางหัวเราะ สั่งเมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้านเพิ่มอีกสองสามเมนู
เธอรอจนกระทั่งพนักงานเดินออกไปแล้ว หยางจยาฮุ่ยอดกล่าวไม่ได้ว่า “ชางเอ๋อร์ แพงจังลูก! สั่งน้อยๆ หน่อย!”
เฉินชางอดกล่าวไม่ได้ว่า “โธ่ แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลเลยครับ ตอนนี้พวกเรามีเงิน…
…มาครั้งนี้ ผมอยากให้แม่ได้เสวยสุขเต็มที่ เดี่ยวพรุ่งนี้พวกเราไปพักโรงแรมน้ำพุร้อนเยว่หยางซานจวงกัน พักผ่อนที่นั่นสักสองวันแล้วค่อยไปดูบ้าน”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องบ้าน หยางจยาฮุ่ยก็อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมอยู่ดีๆ เกิดอยากจะซื้อบ้านขึ้นมาล่ะ”
สีหน้าของเฉินต้าไห่ก็ดูอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที “มีแฟนแล้วหรือไง”
เฉินชางส่ายหน้า “เปล่าครับ หาเงินได้แล้ว การงานก็มั่นคงแล้ว ถือเงินไว้กับตัวก็ลงทุนไม่เป็น สู้ซื้อบ้านไม่ได้”
หยางจยาฮุยสีหน้าข้องใจ เธอกับเฉินต้าไห่ถกเรื่องนี้กันนานมาก!
เธอคิดว่าเฉินชางมีแฟนแล้ว แล้วครอบครัวของแฟนสาวเร่งเร้าให้ซื้อบ้าน ไม่ซื้อไม่ได้
เฉินต้าไห่คิดว่า เฉินชางทำแฟนสาวท้อง…
เพราะอยู่ดีๆ ก็เกิดคิดอยากจะซื้อบ้านขึ้นมา…
หยางจยาฮุ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ชางเอ๋อร์ พ่อกับแม่มาอันหยางครั้งนี้รวบรวมเงินมาหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน เงินที่ลูกมีอยู่ตอนนี้พอหรือเปล่า”
เมื่อเฉินชางได้ยินดังนั้น เขาก็ถึงกับงงในทันใด!
“พ่อ แม่ เอาเงินกลับไปคืนเพื่อนบ้านเลย ตอนนี้ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินจริงๆ ช่วงวันหยุดผมไปทำงานที่คลินิกศัลยกรรมทำเงินได้เยอะ เดือนหนึ่งได้ตั้งหลายแสนหยวน เมื่อไม่นานมานี้ศัลยกรรมให้กับเถ้าแก่เนี้ยไป ทำเงินได้ล้านกว่าหยวน ผมถึงคิดจะซื้อบ้าน”
เมื่อหยางจยาฮุ่ยได้ฟังดังนั้นก็เอ่ยขึ้น “งั้นลูกก็ต้องเอาเงินไว้สำหรับตกแต่งบ้านด้วยสิ ตกแต่งบ้านไม่ต้องใช้เงินหรือไง เฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ นะ”
เฉินชางไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะหัวเราะดี “แม่ แต่ละเดือนผมหาเงินได้เป็นหลายแสนหยวน แม่เก็บเงินไว้ดูแลตัวเองเถอะครับ ต่อไปไม่ต้องลำบากแล้ว เรื่องค่าเล่าเรียนค่ากินอยู่ของเฉินหลัว พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงแล้ว ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง…
…รอบ้านตกแต่งเสร็จ พ่อกับแม่ก็มาอยู่ได้เลย ถึงตอนนั้นแม่ทำอาหารให้ผมกับเฉินหลัวกิน สุดสัปดาห์เฉินหลัวก็กลับมาอยู่บ้าน พวกเราทั้งครอบครัวอยู่ที่เมืองอันหยาง ผมก็ดูแลทุกคนได้สะดวก”
เมื่อเฉินต้าไห่ได้ฟังเช่นนั้น เขาก็รีบพยักหน้าทันที “ใช่ ต่อไปคุณทำอาหารให้ชางเอ๋อร์กิน ส่วนผมอยู่ที่บ้านเก่าดูแลบ้าน”
หยางจยาฮุ่ยถลึงตาใส่เฉินต้าไห่ “ถ้าฉันไม่อยู่บ้านหลังนั้นแล้วใครจะทำอาหารให้คุณกิน!”
เฉินต้าไห่หัวเราะลั่น “ผมเป็นพ่อครัวนะ ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้”
หยางจยาฮุยส่ายหน้า “เรื่องนี้ไว้คุยกัน แม่กับพ่อของลูกยังมีเรี่ยวแรงทำงานได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนลูก แล้วอีกอย่างบอกตามตรง พ่อกับแม่อยู่ชนบทมาครึ่งชีวิตแล้ว ย้ายมาอยู่อันหยางไม่ชิน พ่อของลูกเขาอยู่บ้านหลังนั้นจนชินแล้ว ชอบไปแวะเวียนไปตามของเพื่อนบ้าน รอพ่อกับแม่แก่จนไม่เรี่ยวแรงแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เฉินชางไม่ได้เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวใจ อะไรที่พ่อแม่รู้สึกสบายใจก็ตามนั้น
แต่เฉินชางยังกล่าวอีกว่า “พ่อ แม่ ต่อไม่ไม่ต้องทำงานหนักแล้วนะ ใส่ใจสุขภาพร่างกายด้วย อายุมากแล้วต้องระมัดระวังให้มาก”
อาหารหนึ่งมื้อใช้เวลาในการรับประทานอาหารนานมาก ดื่มเหล้าหมดไปหนึ่งขวด เตรียมจะเปิดอีกขวด ทว่าหยางจยาฮุ่ยห้ามไม่ให้เปิดขวดที่สอง
หลังจากออกมาจากร้านอาหารแล้ว เฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ยอดกล่าวจากใจไม่ได้ว่า
“พนักงานของร้านบริการดีมากจริงๆ! ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดมืออุ่นอยู่ตลอด”
“พนักงานของร้านขยันกันจริงๆ ตอนไปห้องน้ำก็พาไป”
…
ระหว่างทางกลับโรงแรม ทุกคนต่างพูดคุยสนุกสนาน เมื่อกลับเข้ามาในที่พักแล้ว ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกัน กินเมล็ดแตงที่ซื้อมา เปิดโทรทัศน์ ดูโทรทัศน์ไปพูดคุยกันไป
พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกันจนฟ้าสาง
นับตั้งแต่เฉินชางทำงานก็ไม่ได้กลับไปฉลองวันตรุษจีนกับที่บ้านเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
ถ้าคุณมีแรงกดดันในชีวิตมาก อารมณ์ของคุณก็จะค่อนข้างฉุนเฉียวและซึมเศร้า
ตอนนี้สถานะทางการเงินของเฉินชางและคนในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปมาก ความกดดันต่างๆ จึงเบาบางลงไปไม่น้อย
วันต่อมา เฉินชางพาครอบครัวไปที่โรงแรมน้ำพุร้อนเยว่หยางซานจวง ทุกคนในครอบครัวต่างได้พักผ่อนกันอย่างอิ่มเอม
เฉินปิ่งเซินให้เฉินชางมาห้าใบ เฉินชางไม่รู้ว่าให้มาทำไมตั้งห้าใบ สี่ใบก็พอแล้ว
เมื่อเหลืออีกหนึ่งใบ เฉินชางก็เลยคิดจะเอาให้คนอื่น ผลคือคนอื่นต่างมีกิจกรรมที่จะทำในช่วงวันหยุดกันหมดแล้ว
ระหว่างที่เฉินชางกำลังอับจนหนทางกับตั๋วใบที่เหลืออยู่นั้น เฉินชางก็เอาตั๋วใบนั้นใส่ไว้ในกระเป๋า คิดว่าไว้คราวหน้าตนมีเวลาว่างอีกจะมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งคนเดียว
ช่วงระยะเวลาสองวันมานี้ ครอบครัวเฉินสี่คนต่างใช้ชีวิตกันกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ ตอนเช้าออกไปเลือกดูบ้าน ตกเย็นกลับไปแช่น้ำร้อนในโรงแรม
ในตอนเริ่มแรก เมื่อไปถึงตึกสำนักงานขาย เฉินต้าไห่เปี่ยมล้นด้วยความสนใจใคร่รู้ไปทุกสิ่ง เขาสอบถามข้อมูลต่างๆ นานา คิดไว้ว่าจะเอาไปคุยโวให้เพื่อนร่วมวงเหล้าฟัง
ทว่าหลังจากที่ดูบ้านมาได้สิบกว่าหลัง ความสนใจใครรู้ของเฉินต้าไห่ก็จางหายไป
ทว่าความรู้สึกสนใจใคร่รู้ของหยางจยาฮุ่ยกลับพุ่งสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่สอบถามข้อมูลจากพนักงายขายบ้านได้อย่างเชี่ยวชาญยิ่งกว่าเฉินต้าไห่เสียอีก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทิศทางที่แสงแดดส่องเข้าบ้าน รูปแบบบ้าน ฮวงจุ้ย อะไรต่อมิอะไร…สอบถามสาวน้อยพนักขายของโครงการไปเสียหมดทุกอย่าง
ตกเย็นหลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว หยางจยาฮุ่ยยังฟังรายการของพนักงานขายบนโทรศัพท์ด้วยความสนใจ
วันต่อมา ทั้งครอบครัวมาที่ตึกที่อยู่อาศัยที่เพิ่งสร้างใหม่ ชื่อตึกหว่านเคอจื่อหยาง อยู่ใกล้ย่านธุรกิจการค้าเทียนเจีย
ตึกแห่งนี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลอันดับสองมาก ตึกยังสร้างไม่เสร็จทั้งหมด
ด้านหลังยังคงมีการดำเนินการก่อสร้างอยู่ ทว่าถึงแม้จะยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็มีคนซื้อจนเต็มแล้ว
เฉินชางมองโมเดลจำลองที่พนักงานขายบ้านกำลังแนะนำ
ในตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
“เฉินชาง!”
หลังจากที่เฉินชางได้ยินเสียงนั้น เขาก็อดชะงักไม่ได้
เสียงนี้เป็นเสียงที่เคยอยู่ในชีวิตเขาเมื่อนานมากแล้ว เป็นเสียงที่เขารู้จักดีมาก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินชางก็หันไปเงียบๆ
“เกิ่งเหยียน” น้ำเสียงของเฉินชางราบเรียบมาก เขามองคนที่คุ้นเคยตรงหน้า เดิมทีคิดว่าถ้าต้องเจอหน้ากันจะต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าตอนที่เอ่ยชื่อเธอออกไป จะกลายเป็นความรู้สึกที่แสนเรียบง่าย
เกิ่งเหยียนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่งกายสไตล์เดิมที่คุ้นตา ใบหน้าเหมือนเดิม สายตาที่มองเฉินชางก็ยังคนเป็นสายตาของคนที่รู้จักกัน
หญิงสาวคนนี้เป็นคนมีบุคลิกลักษณะเช่นนี้ ตรงไปตรงมา กล้ารักกล้าเกลียด คิดอะไรพูดอย่างนั้น
เกิ่งเหยียนหัวเราะ “เป็นนายจริงๆ ด้วย ไม่เจอนานเลยนะ!”
เฉินชางหัวเราะเก้อเขิน วางตัวไม่ถูก “ใช่ๆ ไม่เจอกันตั้งนาน เธอไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิด!”
ถึงแม้ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันมานานมาก แต่เมื่อได้พูดคุยกันก็ดูสนิทคุ้นเคยกันขึ้นมาทันใด