เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 293 ยังคงหวาดกลัว!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 293 ยังคงหวาดกลัว!

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นความสามารถที่แพทย์ด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินพึงมี รวมแพทย์ทุกสายก็จำเป็นต้องมีความสามารถในด้านนี้เช่นกัน

เฉินชางที่ผ่านประสบการณ์การทำงานในแผนกฉุกเฉินมาเป็นเวลาสามปี เขาคุ้นเคยกับตำแหน่งบนร่างกายที่ต้องติดลีด V1-V6 ดียิ่งกว่าปุ่มลัด QWER สี่ปุ่มบนแป้นพิมพ์ที่ใช้เวลาเล่นเกมส์ลีกออฟเลเจ็นดส์ (League of Legends) สมัยเรียนปริญญาตรีเสียอีก

โดยพื้นฐานแล้ว แค่คุณจัดท่านอนของผู้ป่วยให้ดี มองแวบแรกคุณก็รู้แล้วว่าจะต้องติดลีดที่ตำแหน่งไหนบ้าง ไม่ว่าผู้ป่วยจะสวมเสื้อหรือไม่ก็ตาม

เพราะอาการป่วยที่แผนกฉุกเฉินเจอบ่อยที่สุดก็คือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยฉุกเฉินประเภทนี้เข้ามาอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นหลังจากที่เฉินชางได้เข้าไปทำงานที่โรงพยาบาลอันดับสองแล้ว ภายในระยะเวลาครึ่งปี เขาก็ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับอ่านผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นแล้ว

ตอนนี้เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตั้งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย เห็นได้ชัดว่าผู้ป่วยเพิ่งจะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวไปอีกหนึ่งครั้งแล้ว

สายตาของทั้งสามคนในขณะนี้ต่างจับจ้องไปที่เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่กำลังแปลผลและพิมพ์ผลตรวจออกมาช้าๆ

ในหัวของเมิ่งซียังคงครุ่นคิดถึงผลตรวจครั้งก่อนอยู่ เธอรู้สึกคุ้นตาว่าเคยเห็นหน้าตาผลตรวจแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ก็ยังคิดไม่ออก รู้สึกเพียงเลือนรางว่าเคยเห็นมาก่อน

ช่วง ST ไม่ยกสูงขึ้น แต่ไม่เสมอไปว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจะต้องมีช่วง ST ยกสูงขึ้น!

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการคัดกรองรูปแบบหนึ่ง หลังจากที่คัดกรองจึงคัดเลือก และหลังจากที่คัดเลือกแล้วจึงเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยเพื่อยืนยันผลและดำเนินการรักษาในลำดับต่อไป

ความจริงแล้ว บางครั้งการวิเคราะห์โรคของผู้ป่วยก็เหมือนกันกับเวลาที่คุณแก้โจทย์ปัญหา จำเป็นต้องใช้ตรรกะความคิดในการวิเคราะห์และแก้โจทย์

สมมติว่ามีผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการเจ็บหน้าอก สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของคุณก่อนเป็นอันดับแรกคือทุกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้

จากนั้นอาศัยประสบการณ์ของคุณ อาศัยการตรวจร่างกายผู้ป่วย อาศัยการตรวจสอบทางชีวเคมี และการเอกซเรย์เป็นต้น ใช้แต่ละวิธีมาเป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ยืนยันโรคที่น่าจะใช่หรือตัดโรคที่ไม่ใช่ออกไป

สิ่งนี้เป็นกระบวนการในการตรวจและรักษาทางการแพทย์

ต้องกล่าวว่า ในเมื่อกระบวนการในการตรวจและรักษาทางการแพทย์ของแพทย์แผนปัจจุบันเป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นกระบวนการในการตรวจและรักษาทางการแพทย์ของแพทย์แผนจีนจะเป็นแบบไหน

ทุกคนอาจมองว่าแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์การรักษาที่อยู่พื้นฐานของวิถีแห่งเทพและความลี้ลับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แพทย์แผนจีนต้องใช้ความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ ไม่ใช่การรักษาส่งเดช

คนโบราณไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์นัก ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทดสอบสอบทางสรีรวิทยากับทางชีวเคมี ยามที่มีผู้ป่วยมารักษาก็ผ่าตัดให้ไม่ได้! เพราะถึงอย่างไรเสีย การผ่าตัดในยุคสมัยนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่ผู้ป่วยจะติดเชื้อจนถึงแก่ชีวิต…

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นปกติมาก

การแพทย์แผนจีนจึงอาศัยดูอาการเจ็บป่วยภายนอกเพื่อหาความเกี่ยวโยงกับอาการเจ็บป่วยภายในที่แสดงมาถึงภายนอกของร่างกายมนุษย์

กระบวนการในการตรวจและการรักษาทางการแพทย์ของแพทย์แผนจีนประกอบด้วยสี่ขั้นตอน คือ ดู ฟัง ถาม จับ การดูอาการจากภายนอก การฟังเสียงและการดมกลิ่น การสอบถามอาการเบื้องต้น การจับชีพจร

มองด้วยตาก็วินิจฉัยโรคได้ เรียกว่าความเชี่ยวชาญขั้นเทพ มีหมอหลายท่านที่มากด้วยประสบการณ์ เห็นมากรู้มาก เพียบแวบแรกที่เห็นสีหน้า ผิวพรรณ ท่าทาง น้ำเสียง สีลิ้นของผู้ป่วยก็วินิจฉัยโรคได้ในทันที

คนสมัยโบราณสั่งสมประสบการณ์ในการตรวจโรคต่างๆ จากการดู ฟัง ถาม จับ และหสั่งสมข้อมูลเคสตัวอย่างมายาวนานหลายร้อยปีจนตกผลึกกลายมาเป็นศาสตร์การแพททย์แผนจีน

กระบวนการในการวินิจฉัยและการรักษาที่อาศัยการดู ฟัง ถาม จับ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ยืนยันอาการของโรคที่สอดคล้องกับอาการที่ผู้ป่วยเป็น เพียงเท่าก็รู้ได้ว่าจะต้องดำเนินการรักษาอย่างไรต่อไป!

บางครั้งก็อดชื่นชมสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ของคนโบราณไม่ได้

ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพิ่งจะพิมพ์ออกมา เฉินชางกำลังจะนำไปให้เมิ่งซีดู แต่หลังจากที่เขาถืออยู่ในมือแล้ว จู่ๆ เขาก็ชะงักเล็กน้อย!

เพราะผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจนี้…ค่อนข้างต่างจากเดิมเล็กน้อย!

อันดับแรกเลยคือ ในตำแหน่ง V1 – V6 ที่ปรากฏบนกราฟตรงตำแหน่ง J point กดต่ำลง 1-3 mm ช่วง ST ดิ่งลง ช่วง T wave สมมาตรและยกสูง!

รองลงมาคือ มีจังหวะคลื่นที่สม่ำเสมอไม่ผิดปกติเลยสักนิด

สุดท้ายคือในตำแหน่ง AVR กับช่วง ST ยกสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย

หลังจากเฉินชางวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนอีกหนึ่งรอบแล้ว ทันใดนั้นเขาก็คิดเชื่อมโยงถึงความเป็นไปได้หนึ่งอย่าง

หรือว่า…เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินชางก็พลันเปลี่ยน!

เขาขบคิดอย่างละเอียดต่ออีก มีความเป็นไปได้!

หลังจากผ่านไปสองสามวินาที เฉินชางวิเคราะห์อาการของผู้ป่วยรวมถึงช่วงอายุอีกรอบ แล้วเขาก็นึกโรคที่น่าจะเป็นไปขึ้นได้!

เขาหันไปหาเมิ่งซี แล้วรีบยื่นผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เมิ่งซี

เมิ่งซีรับผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาดู เธอขมวดคิ้วอย่างควบคุมไม่ได้ ต่างจากผลตรวจอันก่อนหน้านี้ไม่มาก

หรือว่าจะเป็น NSTE-ACS (ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่ไม่พบการการยกตัวของช่วง ST) จริงๆ?

เดิมทีเฉินชางคิดว่าในฐานะที่เมิ่งซีเป็นถึงระดับด็อกเตอร์จบนอก ก็น่าจะรู้และเข้าใจในทุกอย่าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ดูเหมือนว่ายังลังเลไม่แน่ใจ เฉินชางก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันใด

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็กล่าวขึ้นว่า “อาจารย์เมิ่งครับ ผมว่าผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยสอดคล้องกันมากกับลักษณะของ De-Winter (ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจาการอุดตันของลิ่มเลือดแบบไม่พบการการยกตัวของช่วง ST) จำเป็นต้องรีบตรวจในขั้นตอนต่อไปให้เร็วที่สุด จะได้รักษาได้ทัน!”

ไม่เวลาให้ลังเลใจใดๆ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวลังเลใจ เพราะกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจรูปแบบนี้จัดอยู่ในประเภทของผู้ป่วยที่เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเพราะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด! หรือที่เรียกว่า ‘De-Winter’

หลังจากที่เฉินชางกล่าวประโยคนี้ออกไป เมิ่งซีกับเก่อฮว๋ายต่างก็ถึงกับมึนงง!

หลังจากที่เก่อฮว๋ายได้ฟังแล้ว เขาก็ชะงักเล็กน้อย กราฟแบบนี้ค่อนข้างคุ้นตา!

เพราะกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจรูปแบบนี้มีการสรุปรวบรวมข้อมูลภายในประเทศน้อยมาก ผู้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับหัวข้อนี้เป็นอายุรแพทย์โรคหัวใจแห่งรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้วิจัยได้ศึกษาวิจัยผู้ป่วยภาวะหลอดเหลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยสามสิบสองรายย้อนหลัง และพบว่ามีผู้ป่วยสามสิบรายที่ช่วง ST ไม่ยกตัวขึ้น หลังจากได้ศึกษาวิจัยแล้ว พบว่ามีลักษะของกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีลักษณะพิเศษอยู่ไม่กี่รูปแบบ หนึ่งในนั้นคือ ‘De-Winter’ ต่อมาบทความวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงบนวารสาร ‘การแพทย์นิวอิงแลนด์’

และกราฟที่เห็นนี้ก็คือรูปแบบที่เรียกว่า De-Winter!

แต่ผู้ป่วยประเภทนี้มีน้อยมาก วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับหัวข้อนี้ภายในประเทศไม่ได้มีให้อ่านมากนัก หมอหลายท่านจึงไม่ค่อยรู้จัก

แต่เมื่อเฉินชางเตือนความจำเมิ่งซีเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยน De-Winter?

ใช่!

เหมือนมาก!

เป็นไปได้สูง!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เมิ่งซีหยิบใบผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขึ้นมาดูเพื่อเปรียบเทียบต่ออีกครั้ง

เมิ่งซียิ่งดูก็ยิ่งตื่นตระหนก ยิ่งดูก็ยิ่งตื่นกลัว

เธอหันไปมองเก่อฮว๋าย แล้วรีบกล่าวขึ้นว่า “หมอเก่อ รีบออกคำสั่งแพทย์ ตรวจทุกอย่างให้ละเอียดอีกครั้ง เตรียมเอกสารเซ็นยินยอม…เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้…”

ถ้าผลตรวจยืนยันชัดเจนแล้ว ก็ต้องรีบรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด และเปิดหลอดเลือดที่อุดตันให้เร็วที่สุด เพื่อรักษากล้ามเนื้อหัวใจและชีวิตผู้ป่วยเอาไว้ให้ได้!

ปัจจุบันนี้สิ่งสำคัญที่เป็นตัวบ่งชี้ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือดคือช่วง ST ที่ยกสูงขึ้น แขนงประสาทข้างซ้ายของตัวนำคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ถึงแม้ De-Winter จะเป็นลักษณะของคลื่นหัวใจที่ผิดปกติ แต่กลับตรวจไม่พบลักษณะที่บ่งชี้ว่ามีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือด

ตามทฤษฎีแล้ว การรักษาด้วยการให้ยาสลายลิ่มเลือดเป็นวิธีที่อาจจะได้ผล แต่ในสภาวะนี้ ‘เกินขอบเขตของข้อบ่งชี้’ ของตัวยาไปแล้ว คู่มือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ชนิดหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน (STEMI) ของทั้งในและต่างประเทศก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงผู้ป่วยประเภทนี้

หมายความว่าอย่างไร หมายความว่ายามที่รับรักษาโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม จำเป็นต้องรักษาตามหลักการรักษาที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันแล้ว

แต่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือดที่ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นแบบ De-Winter การรักษาด้วยการให้ยาสลายลิ่มเลือดไม่ได้อยู่ในหลักการรักษาที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันแล้ว ดังนั้นถ้าเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาด ความรับผิดชอบจะตกเป็นของแพทย์ผู้รักษา

ทว่าการรักษาก็เป็นหนึ่งในการพัฒนาการแพทย์ และในการการรักษาผู้ป่วยแต่ละเคสมีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดปัญหา?

ในฐานะที่เป็นหมอ จำเป็นต้องมีความระวังและละเอียดรอบคอบ!

ทันทีที่เก่อฮว๋ายได้ยินคำสั่งของเมิ่งซี เขาก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งทุกลำดับขั้นตอนทันที!

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาทีดั่งสายน้ำไหล เฉินชาง เมิ่งซี และเก่อฮว๋ายต่างก็ยุ่งกับการตรวจทุกอย่างโดยละเอียด!

ตอนที่ได้ข้อมูลภาพหลอดเลือดที่ฉีดสารทึบรังสีเพื่อตรวจการตีบแคบของหลอดเลือดหัวใจมาแล้ว สีหน้าของทั้งสามคนก็เคร่งขรึมในทันใด!

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือดที่ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นแบบ De-Winter!

ในเมื่อได้ผลตรวจที่ยืนยันแน่ชัดแล้ว ลำดับต่อไปจำเป็นต้องรีบรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด เปิดหลอดเลือดที่อุดตัน

เมิ่งซีกับทีมแพทย์ลงมือช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยความฮึกเหิมกระตือรือร้น เวลาทุกนาทีทุกวินาทีใช้อย่างคุ้มค่าไม่มีการล่าช้าใดๆ จนกระทั่งเวลาห้าทุ่ม การผ่าตัดเสร็จสิ้นในที่สุด

ตลอดการการผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น!

เมื่อชีวิตหนึ่งชีวิตได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความตายด้วยวิธีที่สมบูรณ์เช่นนี้ ทั้งสามต่างก็อดทอดถอนใจด้วยความรู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษไม่ได้!ทันใดนั้น เฉินชางก็ได้เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นที่ข้างหู

[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซี +15]

บทที่ 290 เห็นแก่หน้า

ช่วงนี้ถานจงหลินอารมณ์ดีเป็นพิเศษ!

สองสามวันมานี้เขามานะบากบั่นมุ่งมั่นในการฝึกฝนวิธีของเฉินด้วยความตั้งใจ แต่ละวันแหวกว่ายอยู่ในห้วงมหาสมุทรตีนหมู (สำหรับฝึกเย็บเส้นเอ็น) จนไม่อาจดึงตัวเองออกมาได้ ไม่มีใครรู้ว่าในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้ เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรได้บ้าง

กระบี่กายสิทธิ์ได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนัก เคล็ดวิชาเย็บเส้นเอ็นได้มาจากการฝึกฝนจากตีนหมู!

ผู้ที่ทนต่อความยากลำบากในการฝึกฝนได้ย่อมเป็นผู้คว้าชัย!เขารับประทานตีนหมูไปเยอะมาก

เขามีความเข้าใจในโครงสร้างของเส้นเอ็นอย่างลึกซึ้ง

สิ่งเดียวที่ถานจงหลินรู้สึกตำหนิอยู่ในใจคือ ต้นทุนในการฝึกฝนค่อนข้างสูง ราคาตีนหมูในท้องตลาดพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เงินในกระเป๋าจึงลดฮวบลงเรื่อยๆ

กว่าจะจัดการกับเรื่องภายในแผนกให้เรียบร้อยได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากจัดการเรื่องภายในแผนกเสร็จ ถานจงหลินตัดสินใจไปหาหัวหน้าอันที่โรงพยาบาลอันดับสองเพื่อโชว์พัฒนาการหลังจากที่ได้เก็บตัวฝึกฝนวิธีเย็บของเฉินมาแล้ว!

วัดฝีมือกับเมียหลวงอย่างอันเยี่ยนจวินกันไปเลย ช่วงชิงตำแหน่งผู้ช่วยของเฉินชางมาให้ได้

เมื่อคิดถึงสีหน้าของตกตะลึงของอันเยี่ยนจวินที่ได้เห็นฝีมือเย็บเส้นเอ็นด้วยวิธีของเฉินของเขาแล้ว ถานจงหลินก็แอบลำพองอยู่ในใจ

ขณะที่คิดอยู่นั้น เขาก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลอันดับสองพอดี

ดีที่ช่วงนี้เหล่าพยาบาลในโรงพยาบาลอันดับสองคุ้นชินกับการมาเยือนของถานจงหลินจากโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลแล้ว

ถานจงหลินไปดูที่ห้องทำงานก่อนหนึ่งรอบ เมื่อเห็นว่าเฉินชางรวมทั้งอันเยี่ยนจวินไม่อยู่ ถานจงหลินจึงทำเสียงจิ๊ปากไม่พอใจแล้วถอนหายใจออกมา อาศัยความใกล้ใกล้ชิด ทำให้ได้รับผลประโยชน์ก่อนคนอื่น

สองคนนี้จะต้องไปผ่าตัดแน่

เมื่อเห็นเป็นดังนี้ ถานจงหลินตัดสินใจเดินไปดูที่ห้องผ่าตัด

ทว่าตอนที่กำลังจะเดินพ้นประตูห้องทำงาน ก็เจออันเยี่ยนจวินที่เพิ่งกลับจากการร่วมวินิจฉัยโรคเดินเข้ามากะทันหัน

ถานจงหลินยิ้ม “หัวหน้าอัน สบายดีมั้ยครับ!”

อันเยี่ยนจวินยิ้มอย่างสนิทสนม “สบายดีครับ หัวหน้าถานดูสีหน้าสดใสดีนะครับ ดูท่าแล้วช่วงวันชาติจะได้พักผ่อนเต็มที่”

ถานจงหลินพยักหน้าหัวเราะ “ช่วงนี้ผิวพรรณของหัวหน้าอันดูผิวพรรณเปล่งปลั่งสุขภาพดีขึ้นนะครับ!”

อันเยี่ยนจวินชะงัก “เอ๊ะ? คุณก็ว่าไป หัวหน้าถาน ช่วงนี้ผิวพรรณของคุณก็ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดีขึ้นเหมือนกันนะครับ”

ทั้งสองต่างสะอึกอยู่ในใจ!

ช่วงนี้กินขาหมูกินตีนหมูเยอะไปแล้ว?

ร่างกายก็เลยได้คอลลาเจนค่อนข้างเยอะ?

แต่นี่เป็นอาวุธลับ อีกเดี๋ยวจะต้องโชว์ฝีมือ ฉะนั้นจะเผยเคล็ดลับไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันพอเป็นพิธีแล้ว จู่ๆ ถานจงหลินก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน?”

อันเยี่ยนจวินส่ายหน้า ถามพยาบาลเสี่ยวหลินว่า “เสี่ยวหลิน เสี่ยวเฉินไปไหนครับ”

เสี่ยวหลิน “เมื่อกี้นี้แผนกศัลยกรรมมือมีผู้ป่วยหนึ่งรายค่ะ หมอเสี่ยวเฉินไปรับผู้ป่วยแล้ว ตอนนี้…น่าจะไปห้องผ่าตัดแล้วค่ะ”

ทั้งสองนัยน์ตาเปล่งประกาย โอกาสโชว์ฝีมือมาแล้ว!

ต่างสบตากันด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูสนิทใจมาก

ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกของการเกมการแข่งขัน!

อันเยี่ยนจวินเพิ่งจะบุกทะลวงทักษะการเย็บเส้นเอ็นไป จึงดูเปล่งประกายไปด้วยสง่าราศี

ส่วนถานจงหลินก็เข้าใจการเย็บเส้นเอ็นในระดับลึกซึ้ง ถึงจะอายุมากแต่กลับรู้สึกมีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม

ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันก็เดินมาถึงห้องผ่าตัดแล้ว ซึ่งก็คือห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรมที่อยู่ในแผนกฉุกเฉิน

ในตอนที่เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด พบว่าเฉินชางกับฉินเยว่กำลังจดจ่ออยู่กับการผ่าตัด ทั้งสองเกรงว่าจะรบกวนสมาธิของเฉินชาง จึงเดินเข้าไปดูอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่เดินไปถึงด้านหลังเฉินชางแล้ว ทันใดนั้นก็พบว่ามือของผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งกระดูกนิ้วหักอีกด้วย

จำเป็นต้องดามกระดูกนิ้วมือ

เฉินชางทำขั้นตอนนี้ไม่เป็นไม่ใช่หรือ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็มองอันเยี่ยนจวินด้วยความสงสัยทีหนึ่ง สิ่งที่เห็นคืออันเยี่ยนจวินส่ายหน้า ดูคล้ายไม่แน่ใจว่าเฉินชางจะทำได้หรือเปล่า

เมื่อครั้งที่แล้วเฉินชางยังบอกอยู่เลยว่าดามกระดูกไม่เป็น แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาทำเคสนี้กับฉินเยว่ได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทั้งสองต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ

ทั้งสองตั้งอกตั้งใจมองเฉินชางผ่าตัดเงียบๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆ

เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดรักษากระดูกนิ้วมือที่หักสำคัญมาก เพราะโดยรอบกระดูกนิ้วมือรายล้อมไปด้วยเส้นประสาท หลอดเลือด เส้นเอ็น ถ้ารักษาไม่ดีพอก็ง่ายมากที่จะทำให้เส้นประสาทกับหลอดเลือดรวมถึงเส้นเอ็นเสียเหล่านี้เสียหายได้

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูลังการผ่าตัดอย่างมาก สิ่งสำคัญคือหากเกิดข้อผิดพลาดแล้วเส้นเอ็นได้รับความเสียหาย จะทำให้เกิดพังผืดยึดเกาะอย่างรุนแรงในภายหลัง ทำให้การฟื้นฟูประสิทธิภาพการใช้งานของนิ้วมือฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่

ด้วยเหตุนี้ เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดรักษากระดูกนิ้วมือที่หักจึงสำคัญมาก!

และสิ่งที่พวกเขาเห็นคือ เฉินชางทำสัญลักษณ์ตัวเอสที่ช่องหว่างระหว่างกระดูกข้อต่อที่อยู่เหนือกระดูกที่หัก ในเวลานี้จำเป็นต้องเปิดผิวหนังรอบๆ ออก จากนั้นจึงดึงปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือมาอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกับกระดูกมือที่หัก

กระบวนการนี้ถ้าไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลายาวนาน ก็ยากที่จะทำได้อย่างช่ำชอง

แต่…ความประหลาดใจที่ถานจงหลินพบคือเฉินชางทำขั้นตอนเหล่านี้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวสง่างาม

ในเวลานี้ ทั้งสองคนตกตะลึงจนตาค้างไปแล้ว

เฉินชางดามกระดูกนิ้วมือไม่เป็นไม่ใช่หรือ

ถานจงหลินรู้สึกสะอึกในใจ เขาหวนคิดถึงเหตุการณ์ผ่าตัดเมื่อครั้งนั้นอย่างละเอียด การที่ตอนนั้นเฉินชางให้ตนรับหน้าที่ดามกระดูก…จู่ๆ ถานจงหลินก็นึกถึงเรื่องน่ากลัวขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง

เฉินชางคงจะไม่ได้ถ่อมเนื้อถ่อมตัวเพราะเห็นแก่หน้าเขาหรอกนะ

ตั้งใจให้ตนได้มีโอกาสแสดงฝีมือ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของถานจงหลินก็แดงทันใด!

เสี่ยวเฉินดูเป็นคนที่คิดอะไรลึกซึ้งรอบด้าน เปี่ยมด้วยคุณธรรมอันดี

คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะคิดจริงๆ ว่าเสี่ยวเฉินทำไม่เป็น!

ถานจงหลินเอ๋ยถานจงหลิน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะสู้เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าไม่ได้!

ยิ่งคิดถานจงหลินก็ยิ่งรู้สึกอับอาย

และอยู่ดีๆ ในจังหวะนี้ อันเยี่ยนจวินก็หันมามองถานจงหลินทีหนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

สายตาที่มองมา ทำให้เหล่าถานหน้าแดงไปถึงหูในทันใด

ทว่าเมื่อเขาดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วการผ่าตัดรักษากระดูกนิ้วมือที่หักเป็นกระบวนที่ค่อนข้างยาก

เพราะถึงอย่างไรก็ตาม การเจาะเข้าไประหว่างกระดูกข้อต่อเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น!

ความยากและสิ่งสำคัญในการรักษากระดูกนิ้วมือที่หักคือ…ต้องจัดกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมและมีความมั่นคงแข็งแรง ทั้งยังต้องรีบเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพให้เร็วที่สุด เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของนิ้วมือให้เป็นปกติ

สำหรับภาวะกระดูกหักแบบแผลเปิด ควรรักษาด้วยวิธีเชื่อมกระดูกด้วยโลหะและนอต

การทำให้กระดูกกลับเข้าตำแหน่งเดิมเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ถานจงหลินตั้งใจเฝ้าสังเกตอย่างละเอียด

สิ่งที่เห็นคือหลังจากที่เฉินชางจัดกระดูกกลับเข้าตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็วและแม่นยำแล้ว ก็นำแท่งเหล็กดามสำหรับกระดูกมายึดตรึงกระดูกนิ้วมือที่หัก!

ในขั้นตอนนี้ดำเนินไปอย่างไหลลื่น!

นี่ดูเหมือนฝีมือของหมอหนุ่มที่ไหนกัน

ดูสง่า!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้

เกิดเป็นคนต้องรู้จักถ่อมตัว!

ถานจงหลินที่เมื่อครู่นี้คิดจะอาสาเข้ามาช่วยอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขาได้เรียนรู้เรื่องหนึ่งจากเหตุการณ์นี้

นั่นก็คือต่อไปเวลาที่เฉินชางบอกว่าทำไม่เป็น จะต้องยิ้มถ่อมตัวไว้ก่อน

หลังจากที่จัดกระดูกเข้าตำแหน่งเดิมแล้ว เฉินชางก็เริ่งลงมือเย็บเส้นเอ็น หลอดเลือด ทุกขั้นทุกตอนเป็นระเบียบแบบแผน

ฉินเย่วเองก็นับว่าทำงานเข้าขากับเฉินชางเป็นอย่างดี

ไม่นานการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น!

เฉินชางบิดขี้เกียจทีหนึ่ง มองนัยน์ตากลมโตของฉินเยว่ที่เต็มไปด้วยคำว่า ยอดเยี่ยม

เฉินชางพึงพอใจเป็นที่สุด

และในจังหวะที่เฉินชางกำลังหันหลังไป ทันใดนั้นเขาก็พบว่าถานจงหลินกับอันเยี่ยนจวินยืนอยู่ด้านหลัง เขาถึงกับชะงักในทันใด “พวกคุณ…มาได้ยังไงครับเนี่ย”

ถานจงหลินหัวหัวกระอักกระอ่วน “มาเรียนวิธีเย็บเส้นเอ็นของเสี่ยวเฉินสักหน่อยน่ะครับ”

อันเยี่ยนจวินพยักหน้าอย่างเงียบๆ!

เขาจะตะลึงได้อย่างไรกัน เขาคิดอยู่แท้ๆ ว่าเฉินชางเชี่ยวชาญด้านการเย็บซ่อมแซม คิดไม่ถึงว่าจะดามกระดูกนิ้วมือเป็นด้วย

ดาเมจแรงเกินไปแล้ว…

ถานจงหลินหัวเราะเก้อเขินพร้อมกล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน ฝีมือดามกระดูกนิ้วมือของคุณนี่ไม่เลวเลยจริงๆ นะครับ!”

เฉินชางมองถานจงหลินด้วยความรู้สึกค่อนข้างเขินอาย ถึงอย่างไรเสียการใช้ทักษะขโมยท่าไม้ตายก็ยังชวนให้ค่อนข้างรู้สึกละอายอยู่ดี

“พอได้ครับ หัวหน้าถานสอนไว้ดี ได้เห็นหัวหน้าถานดามให้ผู้ป่วยเมื่อครั้งนั้น เลยเก็บเกี่ยวเทคนิคได้ไม่น้อย วันนี้ผมก็เลยผ่าตัดเคสนี้ได้ครับ”

เฉินชางกล่าวตามความจริง แต่สิ่งที่หัวหน้าทั้งสองได้ยินกลับเป็นอีกแบบหนึ่ง!

อันเยี่ยนจวินนึกถึงเมื่อครั้งนั้นที่ถานจงหลินดามกระดูกให้ผู้ป่วยขึ้นมาได้ในทันใด เขาพบว่าเฉินชางทำได้เหมือนถานจงหลินมากจริงๆ!

แม้แต่ถานจงหลินเองก็ยังอึ้ง…

นี่คุณกำลังล้อผมเล่นใช่มั้ย

ผมเรียนวิธีเย็บเส้นเอ็นแบบฉบับคุณ ผมใช้เวลาเรียนรู้และฝึกฝนอยู่ตั้งนาน วิ่งหน้าตั้งมาเรียนรู้เทคนิคเย็บเส้นเอ็นแบบฉบับคุณที่โรงพยาบาลอันดับสอง ซื้อตีนหมูมาเยอะแยะเพื่อฝึกเย็บเส้นเอ็น เพิ่งจะทำได้แค่ผิวเผิน…

เด็กหนุ่มอย่างคุณเห็นวิธีดามกระดูกนิ้วมือของผมแค่เคสเดียวก็เก็บเกี่ยวความรู้และเทคนิคดามกระดูกนิ้วมือของผมไปหมดแล้ว?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้รู้จักเฉินชาง

แต่ก็รู้สึกจำใจยอมรับในศักยภาพในการเรียนรู้ของตน ถึงอย่างไรการเรียนรู้ก็ต้องอาศัยศักยภาพเฉพาะบุคคล คุณจะพูดอะไรได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกทุกข์ระทมขึ้นในหัวใจทันใด

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท