บทที่ 314 ปัญหาเรื่องถุงเท้ากับชุดชั้นใน!
หลังจากรู้ความจริงแล้ว เฉินชางก็รับรู้อยู่กับใจตนเอง อยากหัวเราะแต่ก็กลัวถูกทั้งสองต่อยเข้าจึงทำได้เพียงไอออกมา
ความจริงการวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และสังคังไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมือสมัครเล่นเลย
เมื่อเฉินชางคิดถึงตรงนี้ก็อดถอนใจออกมาไม่ได้! แต่เมื่อเขาถอนใจก็ทำให้ชายหญิงคู่นั้นตกใจแทบตาย!
“หมอ…ช่วยไม่ได้แล้วเหรอครับ” ฝ่ายชายเบิกตากว้าง ส่วนผู้หญิงก็ตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม
“หมอ…เป็นโรคเอดส์หรือคะ” ตอนที่ผู้หญิงพูดออกมา เธอเกือบจะร้องไห้
เฉินชางชะงักไป ก่อนจะรีบส่ายหัวรัวๆ!
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่! ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่เป็นอาการป่วยทางผิวหนังที่เห็นได้บ่อยอย่างหนึ่ง ก็คือสังคังครับ!”
เมื่อทั้งสองได้ยินก็สบตากัน “สังคัง? คืออะไร!”
แม้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อารมณ์โกรธของคนทั้งสองก็เบาลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เฉินชางรีบอธิบาย “สังคังเป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่งครับ เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ส่วนใหญ่จะเกิดในบริเวณที่อับชื้นได้ง่ายเช่นสะโพก เอว ขาหนีบ อะไรแบบนี้ครับ อีกอย่างตอนนี้เป็นหน้าร้อน ปกติพอคนเรามีเหงื่อออกก็จะทำให้เกิดโรคนี้กันง่าย! นี่ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และไม่อันตราย ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ!”
เมื่อผู้หญิงได้ยินดังนั้นก็ยังรู้สึกไม่วางใจ “หมอคะ…ถ้างั้นคุณช่วยตรวจฉันหน่อยนะคะว่าฉันเป็นสังคังด้วยหรือเปล่า”
ผู้หญิงนั่งลงบนเตียง ถอดกางเกงเลียนแบบตามการกระทำของฝ่ายชาย
เฉินชางเห็นตัวอักษรสีแดงที่เขียนว่า [สังคัง] ปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบไปว่า “ใช่ครับ คุณก็เป็นสังคัง ไม่ต้องห่วงนะครับ”
เมื่อผู้หญิงได้ยินดังนั้นก็ผ่อนคลายลง จากนั้นจึงสวมกางเกงให้เรียบร้อย
เฉินชางมองไปที่คนทั้งสองแล้วอธิบายเรื่องสังคังให้ฟังอย่างอดทน เมื่อทั้งสองฟังจบจึงสงบอารมณ์ลงได้
ผู้ชายหันไปมองฝ่ายหญิง “คุณเห็นหรือเปล่า ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์! คุณเอาแต่คิดฟุ้งซ่านทั้งวัน ผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ ต่อให้ผมเป็นคนแบบนั้นแล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อล่ะ!”
ประโยคนี้เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ
เมื่อผู้หญิงได้ยินดังนั้นก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง “คุณยังมาถามหาเหตุผลอีกเหรอ ใครเป็นคนว่าใครก่อน? คุณต่างหากที่บอกว่าฉันมีชู้ ทำไมคุณไม่ไปตายซะล่ะ! คุณยังอายเป็นหรือเปล่า กล้ามาพูดแบบนี้กับภรรยาตัวเองได้ยังไง! คุณบอกว่าคุณตกงานต้องอยู่บ้าน ฉันเคยว่าคุณสักคำเหรอ ฉันต้องออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวทุกวัน เคยบ่นหรือเปล่าล่ะ”
“คุณไม่เข้าใจฉันก็ไม่เป็นไร แต่ยังมีหน้ามาว่าฉันอีก มาบอกฉันว่าฉันมีชู้เนี่ยนะ!”
“ฉันจะบอกอะไรคุณให้ ถ้าฉันจะมีชู้ฉันคงมีไปนานแล้ว ต้องรอถึงวันนี้ด้วยหรือ”
หลังจากทั้งสองด่ากันไปยกหนึ่งก็รู้สึกว่าความโกรธหายไปแล้ว
ผู้ชายมีนิสัยใจเสาะไม่กล้าพูดอะไร ผู้หญิงเห็นท่าทางเช่นนี้ของอีกฝ่ายก็ไม่มีใจจะต่อว่าอะไรอีก สุดท้ายทั้งสองก็นั่งลงข้างกันโดยไม่พูดอะไรแล้ว!
จากนั้นผู้หญิงก็ถามอย่างแปลกใจว่า “หมอคะ คุณว่าพวกเราสองคนแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยมีอาการป่วยแบบนี้มาก่อน! ทำไมอยู่ๆ ก็ป่วยได้คะ”
เฉินชางชะงักไป “มีสาเหตุหลายอย่างนะครับ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเชื้อรา อาจมาจากผ้าขนหนูในโรงแรม หรือเชื้อราบนรองเท้า เชื้อราจากของในโรงแรมที่ไม่ได้ทำความสะอาดให้ดี หรือไม่ก็เชื้อราจากสระน้ำ ห้องน้ำสาธารณะ อะไรแบบนี้น่ะครับ”
ผู้หญิงคนนั้นถอนใจออกมา เธอออกไปทำงานต่างพื้นที่อยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงต้องใช้พวกผ้าขนหนูในโรงแรมอะไรแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง คิดไม่ถึงว่าจะป่วยเพราะตนเองจริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็รู้สึกพูดไม่ออก ทางด้านผู้ชายเห็นดังนั้นก็กล่าวปลอบใจไปว่า “ที่รัก ไม่เป็นไรนะ คุณไม่ได้ยินที่หมอพูดหรือ มันพบเจอได้ง่าย ไม่ต้องกังวลนะครับ”
ความจริงเขาตกงานอยู่บ้านมาหนึ่งเดือนแล้ว ทำให้รับรู้ถึงความลำบากของผู้เป็นภรรยาได้อย่างถ่องแท้
ซักผ้า ทำอาหาร ทำงานบ้าน ส่งลูกไปเรียน…งานในแต่ละวันมีมากมาย ทำทั้งหมดไหวที่ไหนกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ภรรยาที่ต้องคอยวิ่งวุ่นไปมาเพื่อทำงานหาเงิน รู้สึกปวดใจจริงๆ
“ที่รัก คุณไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมคงหางานได้แล้ว”
เมื่อผู้หญิงเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขาก็ใจอ่อน
……
ไม่ง่ายเลยกว่าสามีภรรยาคู่นี้จะกลับมาคืนดีกันได้
เฉินชางพูดว่า “อีกไม่นานแผนกผิวหนังก็จะเปิดแล้วครับ พวกคุณไปหาหมอที่แผนกผิวหนังดูเถอะ ไปขอยาที่นั่นนะครับ”
ทั้งสองพยักหน้า ตอนนี้เอง อยู่ๆ เฉินชางก็มองไปที่เท้าของผู้ชายซึ่งสวมรองเท้าแตะเอาไว้ ไม่ทันไรก็มีตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้นในหน้าจอเสมือน!
[เกลื้อน]
เฉินชางถึงกับตกตะลึง! หรือว่าสาเหตุจะมาจากตรงนี้
[เกลื้อน] บางทีทุกคนอาจไม่รู้จัก แต่มันยังมีอีกชื่อหนึ่งก็คือเชื้อราที่เท้า!
เป็นโรคที่พบได้ทั่วไป และเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง ซึ่งโรคติดต่อทางผิวหนังส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากเชื้อรานั่นเอง ลักษณะอาการที่พบเห็นได้ทั่วไปก็คือคัน ผิวหนังลอก มีตุ่มใสและมีผื่นแดงเป็นต้น
เฉินชางคิดว่าตนหาสาเหตุของอาการได้แล้ว!
ผู้ที่เป็นสังคังส่วนใหญ่ก็มีประวัติเป็นโรคเชื้อราที่เท้ามาก่อน ผู้ที่เป็นสังคังกว่าครึ่งก็เพราะติดลามมาจากเชื้อราที่เท้านี่เอง ด้วยเหตุนี้เฉินชางจึงคิดจะบอกทั้งสอง ทว่ากลับได้ยินทั้งสองคุยกันก่อน
“คุณรีบหางานเถอะ ทำงานบ้านเป็นที่ไหนกัน ซักผ้ามั่วซั่วไปหมด ชุดผ้าไหมแท้ของฉันคุณก็เอาไปซักเครื่อง! ทำให้ฉันโกรธแทบตายแล้ว”
ผู้ชายยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “มันยุ่งยากเกินไปหรือเปล่าครับ ที่รัก คุณไม่ต้องออกไปทำงานแล้ว คุณต้องเหนื่อยแล้วต้องพักโรงแรมอีก ไม่ดีต่อร่างกายนะครับ”
ผู้หญิงได้ยินดังนั้นก็ถลึงตาใส่ทันที “คุณคิดว่าฉันอยากทำหรือ! อีกอย่างคุณก็ยัดเสื้อผ้าและถุงเท้ารวมกัน ตอนนั้นคุณทำอะไรอยู่”
เฉินชางจับใจความสำคัญได้อย่างแม่นยำ รีบพูดขัดขึ้นทันที “ขอโทษครับ ผมขอขัดอะไรหน่อย คุณผู้ชายท่านนี้ คุณเป็นเชื้อราที่เท้านะครับ ถ้าหากคุณเอาชุดชั้นในและถุงเท้าไปซักรวมกับเสื้อผ้าตัวอื่นแล้วซักไม่สะอาด ไม่ได้ใช้โหมดฆ่าเชื้อราในขั้นตอนการซักและอบร้อน เชื้อราก็จะลามไปติดที่เสื้อผ้าและชุดชั้นใน ทำให้คุณเป็นสังคังนะครับ!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ทั้งสองก็สับสนมึนงงอีกครั้ง!
ตอนแรกผู้หญิงคิดว่าสาเหตุเกิดจากตนเอง แต่ตอนนี้เมื่อฟังดูแล้วสาเหตุเกิดจากอีกฝ่าย ทำให้เธอยิ่งโกรธ!
“คุณเอาชุดชั้นในของฉันไปซักรวมกับถุงเท้าคุณเหรอ!”
ผู้ชายหัวเราะแห้งๆ รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที!
ผู้หญิงเห็นดังนั้นก็ทั้งโกรธทั้งโมโห เดินตามออกไปโดยพลัน
เฉินชางยิ้ม สามีภรรยาคู่นี้…แปลกดีจริง แต่ว่า…ปัญหาที่ว่าห้ามเอาชุดชั้นในไปซักรวมกับกางเกงในนั้น ขออธิบายสักหน่อยแล้วกัน
ถ้าไม่มีโรคอะไรก็นำไปซักรวมกันได้ แต่ต้องมั่นใจว่าจะซักสะอาด ต้องฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราให้หมด หากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่หากคุณเป็นเชื้อราที่เท้าก็ไม่แนะนำให้ซักรวมกัน และรองเท้าแตะก็ไม่ควรใช้ร่วมกัน
ทำงานไปมาช่วงเช้าก็ผ่านไปแล้ว เฉินชางเดินออกมาจากห้องตรวจ ขณะนี้ใกล้จะแปดโมงแล้ว อีกไม่นานจะมีการแลกเวร เฉินชางจึงเดินเข้าไป
บทที่ 311 สามีภรรยาแพ็คคู่
เฉินชางเดินออกมาจากห้องสังเกตการณ์ รู้สึกเจ็บที่หัวใจมากๆ!
ไม่ใช่เจ็บแบบกล้ามเนื้อหัวใจตาย! ไม่ใช่รู้สึกไม่สบายเพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่พอ แต่มันเหมือนกับ…อืม เป็นความเจ็บปวดที่อันตรายจริงๆ เจ็บปวดจากจิตวิญญาณ
ตลอดค่ำคืนนี้ เป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งมันสร้างความบาดเจ็บให้เฉินชางแบบเลือด -999 เลยทีเดียว
เฉินชางไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ แต่คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าวันหลังจะไปให้ฉินเยว่ช่วยรักษา…
……
เมื่อย้อนคิดไปถึงสายตาที่ซุนเซิ่งและหนิวฮุ่ยใช้มองกัน แย้มยิ้มอย่างโง่งมให้กันเช่นนั้น เฉินชางก็รู้สึกว่าช่างดีจริงๆ!
ซุนเซิ่งมองภรรยา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ที่รัก…จ่ายเงินไปเท่าไหร่”
หนิวฮุ่ยถลึงตาใส่ซุนเซิ่งที่นอนอยู่บนเตียง คิดอยากตำหนิเขา แต่เมื่อมองดูเขาแล้วก็กล่าวคำพูดตำหนิมากมายไม่ออกสักคำ ณ ตอนนี้ คำตำหนิและความน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมดกลายเป็นอารมณ์อ่อนโยนดุจสายน้ำไปแล้ว “หากไม่มีเงินพวกเราก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีคุณจะทำยังไงล่ะคะ”
มีเพียงฤดูหนาวที่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของต้นสน
มีเพียงช่วงเวลายากลำบากที่จะได้เห็นนิสัยที่แท้จริง
ทั้งสองเงียบงันไม่กล่าววาจา
ความเงียบเอาชนะทุกสรรพสิ่ง
ทั้งสองไม่เคยเบื่อที่จะมองกัน
เดินเคียงกันจนเส้นผมขาวโพลน
สามีภรรยาก็เปรียบเหมือนนกที่บินไปในทิศทางเดียวกัน บินคู่กันไปไม่จากลา
……
ตอนเช้า เฉินชางยังคงทำเหมือนที่ผ่านมา แลกเวรเสร็จแล้วเลิกงานไปพักผ่อน
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้วก็แวะซื้อของกินที่ร้านอาหารเช้าข้างทางแห่งหนึ่ง มีเต้าฮวยหนึ่งถ้วย ไข่ไก่หนึ่งฟอง ซาลาเปาสองลูก และเครื่องเคียงอีกจำนวนหนึ่ง
เขากินข้าวมื้อสุดท้ายตั้งแต่หกโมงเย็นของมื่อวาน ตอนนี้เก้าโมงเช้าแล้ว เท่ากับไม่ได้กินข้าวมาสิบห้าชั่วโมงเต็ม เช้านี้เขาหิวจนทนไม่ไหวจริงๆ!
เฉินชางคิดว่าต่อไปนี้หากเข้าเวรดึกจะต้องเอาหม้อไปไว้ในห้องเวรเสียหน่อยแล้ว จะได้เอาไว้ทำอะไรกิน
ตอนนี้แสงแดดค่อนข้างดี ไม่ร้อนเกินไป ให้ความรู้สึกสบายใจและอบอุ่น
เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทางกายไม่ได้ปรากฏชัดเจนขนาดนั้นอีก จึงลุกขึ้นไปเดินรอบสวนสาธารณะกู่โหลวรอบหนึ่ง
ขณะนี้สวนสาธารณะกู่โหลวครึกครื้นเป็นพิเศษ สมาชิกของสมาคมศิลปะยังคงร้องเพลงประสานเสียงเป็นท่วงทำนองเพลงเก่าชวนให้คิดถึง คุณปู่พาหลานมาเล่นอยู่ข้างต้นไม้ ในช่วงเวลาเช่นนี้จะเห็นชายหนุ่มหญิงสาวน้อยมาก จึงถือได้ว่าเป็นห้วงเวลาของเหล่าผู้สูงวัย
ขณะเดินผ่านเส้นทางที่ทอดยาวแห่งหนึ่ง เฉินชางก็เห็นคุณป้านั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา เนื่องจากบริเวณนี้ก็คือ ‘ระเบียงหาคู่’ ที่โด่งดังนั่นเอง
เฉินชางเคยได้ยินว่าในมือของคุณป้าเหล่านี้มีข้อมูลคนโสดอยู่นับไม่ถ้วน พวกเธอจะคอยแนะนำคู่ดูตัวให้อีกฝ่าย
แต่คิดไปคิดมา เฉินชางก็ยับยั้งแรงกระตุ้นในใจเอาไว้ได้ หลังจากเขาเดินครบหนึ่งรอบก็เริ่มง่วง จึงรีบกลับบ้านไปนอน
เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว เฉินชางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูด้วยความเคยชิน เช็คว่ามีข้อความเข้าหรือมีใครโทรหาหรือไม่
เรียกได้ว่ามีคนใส่ใจตนเองมากทีเดียว
10010 ส่งข้อความมาบอกว่า เดือนหน้าตนมีเงินเหลือไม่มาก จะต้องเติมเงินแล้ว
พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีฝนตก อย่าลืมพกร่ม
ข่าวซุบซิบส่งข้อความมาให้มากมาย
……
แต่ข้อความหนึ่งดึงดูดสายตาของเฉินชางได้ดี ก็คือข่าวบุคลากรบางส่วนของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลตงหยางไม่ทำตามกฎข้อบังคับของโรงพยาบาล นำของเสียทางการแพทย์ไปขายจนก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรง ทำให้ถูก…ลงโทษ!
เฉินชางชะงักไป หลังจากเปิดข่าวดูก็ต้องตื่นตะลึงไปโดยพลัน
ขณะสิงอวี่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล นางพยาบาลในห้องผ่าตัดและพยาบาลของแผนกศัลยกรรมมือได้ถ่ายรูปสำลีเปื้อนเลือดและสายน้ำเกลือที่ใช้ในกระบวนการรักษาสิงอวี่ลงในกลุ่มเพื่อนของแอปวีแชท ทำให้มีคนอยากซื้อ บางคนถึงกับเอาไปโพสต์ต่อในเถาเป่า
เมื่อเฉินชางอ่านอย่างละเอียดดูแล้วก็พบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กำลังฮอตในโซเชียล ติดฮอตเสิร์ชบนเวยป๋อด้วย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ดีที่ตอนนั้นสิงอวี่ไม่ได้สวนท่อปัสสาวะ มิฉะนั้น…แค่คิดเฉินชางก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัวแล้ว
มันมีค่าเท่าไหร่กันนะ
น่ากลัวจริงๆ!
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเฉินชางมองเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอก็ต้องชะงักไป
จางโหย่วฝูโทรหาเขาทำไม
เขารีบรับโทรศัพท์ “หัวหน้าจาง สวัสดีครับ!”
จางโหย่วฝูหัวเราะ “เสี่ยวเฉิน สวัสดี เมื่อเช้าผมไปหาคุณที่แผนกแต่คุณไม่อยู่ มีคนบอกว่าคุณเพิ่งเลิกเวรดึก เย็นนี้คุณพอจะว่างหรือเปล่าครับ”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย “ว่างครับ”
จางโหย่วฝูส่งเสียงอืมๆ “เย็นนี้ออกมากินข้าวกันนะครับ คุยเรื่องงานสัมมนาประจำปีด้วย”
เมื่อเฉินชางได้ยินคำว่างานสัมมนาประจำปีก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา ตอนนี้เขามีภารกิจติดตัวอยู่ ภารกิจเบื้องต้นคือต้องเข้าร่วมงานสัมมนาระดับมณฑลและได้รับฐานะเป็นคณะกรรมการ ภารกิจขั้นต่อไปก็คืองานสัมมนาระดับชาติ
ตอนนี้เขาได้เข้าร่วมสมาคมศัลยกรรมมือของสมาคมการแพทย์จีนแล้ว รอหนังสือประกาศเกียรติคุณส่งกลับมาเท่านั้น
เฉินชางกำลังคิดว่าตนจะได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยางหรือไม่ เขาตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะต้องคุยกับหัวหน้าจางให้ดี ลองถามดูว่าหากจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รีบพยักหน้าตอบรับ
พอถึงเวลาหกโมงเย็น โทรศัพท์ของเฉินชางก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เสี่ยวเฉิน ผมจะส่งโลเคชั่นไปให้นะครับ คุณมาตามนี้เลย คืนนี้ลองชิมฝีมือผมดู”
เฉินชางชะงักไป ไปกินข้าวที่บ้านหรือ หัวหน้าจางเป็นมิตรขนาดนี้เชียวหรือ
“เอ่อ…ไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับหัวหน้า!” เฉินชางหัวเราะกระอักกระอ่วน
จางโหย่วฝูลอบหัวเราะในใจ เขาก็ต้องการให้เฉินชางรู้สึกไม่ดีนั่นแหละ
วิธีเอาชนะใจคนของจางโหย่วฝูและหลี่เป่าซานต่างกันราวฟ้ากับเหว จะช้าจะเร็วเฉินชางก็ต้องมาเป็นคนในแผนกศัลยกรรมทั่วไปของเขา!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางโหย่วฝูก็หัวเราะ “เกรงใจเกินไปแล้ว เมื่อก่อนผมไม่ค่อยถูกกับคุณ แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นการขอโทษและชดเชยให้คุณนะครับ คุณมาเถอะ ผมส่งโลเคชั่นให้คุณทางวีแชทแล้ว”
หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้ว จางโหย่วฝูก็ส่งโลเคชั่นมาให้เฉินชาง
เมื่อเฉินชางได้ยินคำพูดของจางโหย่วฝูก็ชะงักไปเล็กน้อย
หัวหน้าจางนี่…จริงๆ เลย…
คนระดับหัวหน้าแผนกผู้สูงส่งถึงกับบอกว่าจะขอโทษและชดเชยให้หมอน้อยคนหนึ่ง จะให้หน้ากันเกินไปแล้ว หากเฉินชางไม่ไปก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าจางโหย่วฝูเกินไป
ความจริงช่วงหลังๆ มานี้จางโหย่วฝูก็ปฏิบัติต่อตนไม่เลวเลย เมื่อคิดดูแล้ว เฉินชางจึงตัดสินใจนำของขวัญไปให้หัวหน้าจางด้วย
ซื้อเหล้าไปให้สองขวดดีไหมนะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว
เขาซื้อเหล้าเหล่าไป๋เฟินแบบหมักสิบปีมาจากตลาดสองขวด ไม่แพงและไม่ถูกเกินไป กำลังเหมาะสมพอดี
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการไปบ้านคนระดับหัวหน้า หากไม่นำของขวัญไปด้วยคงไม่ดีนัก
นอกจากนี้ จะอย่างไรจางโหย่วฝูก็เป็นหัวหน้าแผนก หัวหน้าแผนกที่อายุสี่สิบต้นๆ แล้ว สำหรับหมอ ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ยังอ่อนเยาว์และแข็งแรง อนาคตอาจเป็นคนใหญ่คนโตในวงการ หากสานสัมพันธ์ไว้ให้ดีก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
เฉินชางใช้เวลาเดินทางยี่สิบกว่านาทีจึงมาถึงบ้านจางโหย่วฝู
เขาเคาะประตู เมื่อประตูถูกเปิดออกเฉินชางก็ตกตะลึงจนตาค้าง!
“เอ๋? อาจารย์หยาง?”
คนที่มาเปิดประตูไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหยางถง หัวหน้าฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรนั้นเอง
หยางถงยิ้ม วางรองเท้าสำหรับใช้ในบ้านไว้ข้างเท้าเฉินชางแล้วทักทายด้วยท่าทางเป็นมิตร “รีบเข้ามาเถอะค่ะ เสี่ยวเฉิน”
ระยะนี้เฉินชางไปที่ฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรบ่อยครั้งเพราะเรื่องการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบแผลเล็ก และได้เจอหยางถงบ่อยๆ
ไม่แปลกใจเลยที่หยางถงจะเอ็นดูเขาขนาดนี้…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
ในโรงพยาบาลมีเรื่องทำนองนี้มากมาย สามีเป็นหมอ หรือหัวหน้าแผนกทางคลินิก ส่วนภรรยาทำงานธุรการหรือตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ
หากเป็นบริษัทเอกชนย่อมไม่สนับสนุนการคบหากันในที่ทำงาน แต่หน่วยงานรัฐบาลอย่างเช่นโรงพยาบาลนั้นกลับส่งเสริมเรื่องทำนองนี้เป็นอย่างยิ่ง! เพราะจะอย่างไรก็เป็นการส่งเสริมผู้มีความสามารถอย่างลับๆ
ครอบครัวคุณอยู่ที่นี่ แล้วคุณจะไปที่ไหนได้
ดังนั้นหลายปีมานี้ ช่วงเวลารับสมัครบุคลากรของโรงพยาบาลจึงเป็นที่นิยมสำหรับคู่รักมาก กระทั่งมีการจัดโปรโมชั่นเพิ่มสวัสดิการเพื่อดึงดูดบุคคลผู้มีความสามารถให้มาทำงานเป็นคู่เลยทีเดียว
เช่นเดียวกับจิ่งหรานและเกิ่งเหยียน แม้เกิ่งเหยียนจะมีประวัติการศึกษาถึงแค่ระดับปริญญาตรี แต่หากอยากสมัครเข้าทำงานในโรงพยาบาลตงต้าด้วยกันกับจิ่งหราน ทางโรงพยาบาลก็จะจัดหางานให้เธอ ถึงจะทำงานด้านคลินิกไม่ได้แต่ก็ทำงานด้านธุรการได้ไม่ใช่หรือ
ยิ่งไปกว่านั้น โดยปกติสามีภรรยาจะส่งเสริมเกื้อหนุนกัน หากฝ่ายหนึ่งก้าวหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็จะค่อยๆ ก้าวหน้าตามไปด้วย
จางโหย่วฝูและหยางถงที่อยู่เบื้องหน้าเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด