ระยะนี้ซย่าเกาเฟิงมีกิจวัตรอยู่อย่างหนึ่ง
ถ้าเขาไม่มีงานอะไรก็จะไปดูเฉินชางผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจ อืม นี่ทำให้เขาร่าเริงอยู่เสมอ
แน่นอนว่าคนระดับซย่าเกาเฟิงไม่ได้มีเวลาว่างทุกวันและรู้สึกเบื่อหน่ายถึงขนาดใช้เวลาให้เปล่าประโยชน์ไปเช่นนี้
ความจริงเป็นเพราะทุกครั้งที่เขาดูการผ่าตัดของเฉินชางจบ จะมากจะน้อยเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง
แม้ว่าระดับการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจของเฉินชางจะอยู่ในระดับขั้นที่กำลังพัฒนา แต่ความรู้และทฤษฎีในเรื่องถุงเยื่อหุ้มหัวใจของเขาไม่เลวเลยจริงๆ ทุกครั้งที่ทำการผ่าตัด แม้การลงมือจะค่อนข้าง…อืม ก็นะ แต่วิธีคิดน่าสนใจมากทีเดียว
แน่นอนว่านี่เกี่ยวข้องกับการบรรยายของระบบ
แม้ระบบจำลองการเรียนการสอนจะไม่ได้ให้เฉินชางเรียนวิธีการผ่าตัด แต่ก็ทำให้เข้าใจความรู้มากมายหลายด้านจริงๆ
แม้ตอนนี้จะยังมองความแตกต่างไม่ออก แต่ต่อไปเมื่อความสามารถในการผ่าตัดของเขาเพิ่มขึ้น ความแตกต่างย่อมปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ส่วนซย่าเกาเฟิง ในฐานะที่เขาเป็นลูกพี่ใหญ่แห่งวงการศัลยกรรมหัวใจ มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและวิจัยมากกว่าเถามี่แห่งโรงพยาบาลอันดับสอง จึงมีแนวโน้มที่จะปรับปรุงวิธีการผ่าตัดแบบดั้งเดิมให้ดีขึ้นและอาจสร้างสรรค์วิธีการผ่าตัดแบบใหม่ได้ด้วย ดังนั้นหากเขามีเวลาก็จะมาดูการผ่าตัดของเฉินชาง ไม่แน่ว่าอาจมอบแรงบันดาลใจให้ตนก็เป็นได้
ความจริงหมอทุกคนต่างก็มีความคิดในด้านการผ่าตัดเป็นของตนเอง หากจะปรับปรุงวิธีการผ่าตัดให้ดีขึ้น คงเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ผู้ที่ทำการผ่าตัดออกมาดีก็นับเป็นหมอที่ดีได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่อาจใช้เรื่องนี้มาตัดสินได้ว่าเถามี่เก่งกว่า หรือซย่าเกาเฟิงเก่งกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้ การคัดเลือกใดๆ ล้วนขึ้นอยู่กับโครงการ หัวข้อการศึกษาและวิทยานิพนธ์ ทำให้แผนกต่างๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญและขุดค้นผู้มีพรสวรรค์ทางด้านการวิจัยเหล่านี้ออกมาให้ได้
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใดต่างก็พยายามหาวิธีดึงดูดผู้มีความสามารถกันอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าผู้มีความสามารถก็มีทั้งดีและไม่ดี
ซย่าเกาเฟิงพึงพอใจในตัวเมิ่งซีเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเรียกได้ว่าพอใจจนถึงขีดสุดเลยทีเดียว เดิมทีเขาคิดว่าเธอเป็นผู้มีความสามารถทางด้านการวิจัยที่โอบล้อมไปด้วยรัศมีของสถาบันชื่อดัง คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถทางด้านปฏิบัติการทางคลินิกของเมิ่งซีจะแน่นเอียดเพียงนี้
บางครั้งซย่าเกาเฟิงยังสงสัยเลยว่าตอนที่พระเจ้าสร้างเมิ่งซีขึ้นมา ท่านอารมณ์ดีเป็นพิเศษใช่หรือเปล่า ถึงได้สาดประกายแสงให้เธอมากขนาดนี้!
กระทั่งนักเรียนที่รับไว้เป็นคนแรกก็ยังน่าพอใจ
เขามองไปทางเฉินชางแล้วหันไปมองเก่อฮว๋าย สุดท้ายก็อดถอนใจออกมาไม่ได้
หากเปรียบเทียบใครคนหนึ่งกับใครอีกคนหนึ่ง อาจทำให้คนโกรธจนตายได้จริงๆ
เก่อฮว๋ายเป็นนักเรียนแพทย์เฟลโล่ (แพทย์ต่อยอด) ของซย่าเกาเฟิง หลังจากเรียนจบปริญญาโทแล้วซย่าเกาเฟิงก็ให้เขาอยู่ต่อ จากนั้นก็ให้เขาถือโอกาสเรียนปริญญาเอกกับตน ตอนนี้ก็กลายเป็นกระดูกสันหลังของแผนกไปแล้ว
เก่อฮว๋ายเก่งมาก และทำให้ซย่าเกาเฟิงพอใจมาก เพียงแต่นิสัยดูไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่นัก ตอนนี้เมื่อได้เห็นเฉินชางแล้ว ซย่าเกาเฟิงก็ยิ่งรังเกียจศิษย์คนโตของตน
เขาอยากจะถามเมิ่งซีจริงๆ ว่าเปลี่ยนนักเรียนกันได้หรือเปล่า เอาเก่อฮว๋ายไปให้เธอได้ไหม เอาเฉินชางมาให้ผมได้ไหม
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวหน้าซย่าก็รีบส่ายหัว ไม่กล้าคิดเช่นนี้อีกต่อไป
……
……
เฉินชางรู้สึกจนใจจริงๆ และรู้สึกอับจนคำพูดด้วย…
เมื่อเห็นผู้ชมทั้งสามที่อยู่ด้านหน้า ไม่สิ…ตอนนี้มีสี่คนแล้ว มีมากกว่าเมื่อวานคนหนึ่ง
เฉียนเลี่ยงเห็นเฉินชางเมื่อใดก็ไม่อาจทราบได้ พอเห็นแล้วก็รีบเข้ามาร่วมชมดูความครึกครื้นนี้ทันที!
ดูผมผ่าตัดมันมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอครับ
ซย่าเกาเฟิงและเฉียนเลี่ยงยืนคุยยืนยิ้มกันอยู่ตรงนั้น ดูเฉินชางผ่าตัดด้วยสีหน้าคล้ายกำลังดูเรื่องสนุก บางครั้งก็ชี้มือชี้ไม้ ทำเอาเฉินชางแทบอยากจะขว้างแหนบจับหัวใจใส่หน้าพวกเขาเลยทีเดียว
ยิ้มอะไรกัน!
ไม่เคยเห็นมือใหม่กันเหรอ
เก่อฮว๋ายแสดงความคิดเห็นอย่างพึงพอใจ “เสี่ยวเฉิน ไม่เลว ดีกว่าครั้งที่แล้วมากเลยครับ ครั้งนี้ตอนกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจคุณลงมีดเพียงสองครั้งครึ่งเอง! อืม เก่งกว่าครั้งที่แล้วมากเลย พยายามต่อไปนะครับ”
เฉินชางทอดถอนใจออกมา อดทนไว้ตัวผม!
พวกคุณรอก่อนเถอะ พวกคุณมันพวกคนธรรมดา
นี่เป็นเคสที่สี่แล้ว หากผ่านไปอีกหนึ่งเคสผมจะทำให้พวกคุณตะลึงพรึงเพริดแน่นอน
เฉินชางวางแผนไว้แล้วว่าเมื่อทักษะไปถึงระดับสูงเขาจะใช้คะแนนทักษะเพิ่มให้ไปถึงระดับปรมาจารย์เลย อย่างไรเสียตอนนี้คะแนนทักษะของเฉินชางก็กลับมาอยู่ที่ยี่สิบสี่แต้มแล้ว!
มีมากเกินพอ!
เมื่อเห็นสายตาของซย่าเกาเฟิงที่เหมือนกำลังชมเรื่องสนุก เฉินชางก็ยิ้มจนตาหยี
หัวหน้าซย่า อีกไม่นานผมจะทำให้คุณตกตะลึง
เมื่อเทียบกับทุกคนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินชางรู้สึกว่าอาจารย์เมิ่งซีดีกว่าคนอื่นมาก เธอช่างใจกว้าง มีความอดทนต่อตนอย่างสูง ดีจริงๆ เลย…
แต่ก็ใช่ว่าเฉินชางจะไม่มีความก้าวหน้าสักนิด เขาพัฒนาตนเองไปอย่างเชื่องช้า อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเคสที่สี่แล้ว มือของเขาย่อมได้รับการฝึกฝนมามากขึ้น
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง การผ่าตัดก็เสร็จสิ้น
เฉินชางเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เมิ่งซีเล็กน้อย “อาจารย์เมิ่ง เสร็จแล้วครับ”
เมิ่งซีตอบอืมออกมาคำหนึ่ง “คุณพัฒนาช้ามาก กลับไปฝึกให้ดีนะคะ”
เฉินชาง “…”
ผมชมคุณเร็วไปหน่อยสินะ ยิ่งไปกว่านั้น ผมจะไปฝึกที่ไหนได้ล่ะ
นี่เป็นการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจ ไม่ใช่การเย็บผิวหนังที่จะไปซื้อหนังเทียมมาฝึกได้
เฉินชางทอดถอนใจออกมาอย่างสิ้นหวัง
ตอนนี้เฉินชางจะมาที่โรงพยาบาลตงต้าทุกเที่ยง มาขลุกอยู่ในห้องผ่าตัดเพื่อผ่าตัดและกินข้าวที่นี่ ผ่าตัดเสร็จก็กลับไปที่โรงพยาบาลของตัวเอง พอเลิกงานตอนเย็นก็มาผ่าตัดอีก
แม้จะเหนื่อยแต่ก็ได้อะไรมากมาย แถมยังประหยัดข้าวไปอีกสองมื้อ ยิ่งคิดว่าอีกไม่กี่วันพวกคนธรรมดาเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตน เฉินชางก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น เฉินชางก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง เขาถูกคนใหญ่คนโตกลุ่มนี้มาคอยยืนมองตนเองสองสามวันแล้ว อยากหามือใหม่มารังแกบ้างจริงๆ!
เขามองเฉียนเลี่ยงและซย่าเกาเฟิง หัวหน้าสองคนนี้ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ!
เพื่อที่จะมาดูเฉินชางผ่าตัดถึ งกับไม่ยอมกลับบ้านไปกินข้าวที่ภรรยาทำ มาแย่งกินข้าวในห้องผ่าตัดกับเฉินชาง มีแบบนี้ที่ไหนกัน!
ส่วนคนที่ร่าเริงที่สุดก็คือเก่อฮว๋าย
ตอนนี้เก่อฮว๋ายรู้สึกชอบ ‘คุณน้องชาย’ อย่างเฉินชางขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อืม สำหรับผู้อ่อนแอ เก่อฮว๋ายย่อมมีความเห็นใจให้เสมอ เพราะคนเช่นนี้ถึงจะสะท้อนความใส่ใจและความดีที่ตนมีต่อมือใหม่ออกมาได้…รวมไปถึงความดีงามต่างๆ นานาของตนด้วย
หลังจากออกมาจากห้องผ่าตัด เฉินชางก็กลับไปที่แผนกศัลยกรรมหัวใจด้วยกันกับคนทั้งสาม เขาเตรียมแขวนเสื้อกาวน์ในห้องเปลี่ยนเสื้อแล้วกลับไป
ตอนนี้เขามีเสื้อกาวน์อยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นของโรงพยาบาลอันดับสอง อีกตัวหนึ่งเป็นของโรงพยาบาลตงต้า
เหมือนกับหน่วยสอดแนมเลยแฮะ…
เพิ่งเดินออกมาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หลังจากเคาน์เตอร์พยาบาลรับสายแล้ว ก็มีเสียงพยาบาลตะโกนอย่างเร่งร้อนว่า “มีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์มาที่แผนกฉุกเฉินคนหนึ่ง มีเลือดออกในช่องอกมาก ร้องขอการรักษาร่วมอย่างเร่งด่วนค่ะ!”
ปกติแล้วพยาบาลตรงเคาน์เตอร์พยาบาลจะตะโกนมาที่ห้องพักหมออย่างเร่งรีบเช่นนี้เป็นประจำ การอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจนเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
จริงดังคาด เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากเคาน์เตอร์พยาบาล ซย่าเกาเฟิง เมิ่งซีและคนอื่นๆ ก็ชะงักไป
ไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขารีบหยิบเสื้อกาวน์แล้ววิ่งลงไปทันที
มีเลือดออกที่ช่องอกจำนวนมาก มีความเป็นไปได้หลายทาง แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็อันตรายทั้งนั้นเป็นอาการบาดเจ็บถึงชีวิต
ปกติแล้วอวัยวะสำคัญของคนเรามักจะอยู่ในช่องอก หากบริเวณนี้มีเลือดออกจำนวนมาก ถ้าไม่ใช่หัวใจก็ต้องเป็นเส้นเลือดที่มีปัญหา!
ตอนนี้ในลิฟท์มีคนไม่มาก คนกลุ่มหนึ่งลงลิฟท์มาอย่างเร่งรีบ ในลิฟท์มีคนสี่คนที่อยู่ในอาการเคร่งเครียดจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน!
ปกติลิฟท์จะใช้เวลาสั้น แต่ชั่วขณะนี้ จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าเวลาช่างยาวนาน
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดประตูลิฟท์ก็เปิดออก คนที่วิ่งออกไปคนแรกไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเมิ่งซีนั่นเอง!
เฉินชางตามไปติดๆ วิ่งพุ่งตรงไปด้านหน้าเช่นกัน!
เขาพอจะคุ้นเคยกับเส้นทางในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้าแล้ว
ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์ มีเลือดออกจำนวนมาก สถานการณ์เช่นนี้…อันตรายมากเลยทีเดียว
หลังจากคนทั้งสามวิ่งเข้ามาแล้ว ผู้บาดเจ็บก็ถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉิน
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า มีหมอเวรอยู่เพียงสองคน
เมื่อเห็นเมิ่งซีเข้ามา อู๋เผิงก็รีบพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเมิ่ง ผู้ป่วยมีภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด แล้วยังมีเลือดออกบริเวณช่องอกด้วยครับ ตอนนี้พวกเราปิดปากแผลไว้แล้ว บรรเทาอาการลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดได้บ้าง แต่ตอนนี้ในช่องอกมีเลือดไหลปริมาณมาก เกิน 500 ml ไปแล้วครับ!”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี
มีเลือดในช่องอก! แถมยังมีปริมาณเลือดเกิน 500 ml ไปแล้ว
สถานการณ์อันตรายมาก!
นอกจากนี้ยังมีทั้งภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด และเป็นภาวะลมรั่วที่เกิดจากการสูญเสียเลือดจำนวนมากอีกด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์จะเป็นอันตรายจนถึงขีดสุด
เมิ่งซีหน้าเปลี่ยนสี รีบพูดขึ้นว่า “หมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกล่ะ ทำไมยังไม่มาอีก”
อู๋เผิงตอบว่า “โทรไปเร่งแล้วครับ เดี๋ยวจะมาแล้ว!”
เฉินชางมองไปยังข้อมูลที่ปรากฏในเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ พานให้รู้สึกไม่สบายใจ!
ความดันโลหิตลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ที่ 60/40 mmHg แล้ว อัตราการหายใจอยู่ที่ 31 ครั้งต่อนาที อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 110 ครั้งต่อนาที!
ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ทำให้เขาไม่อาจมองในแง่ดีได้เลย
สิ่งที่ต้องทำก็คือรีบหยุดเลือดและให้เลือดอย่างเร็วที่สุด
ตอนนี้ซย่าเกาเฟิงก็วิ่งเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นสภาพของผู้ป่วยก็มีสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที
บทที่ 316 ภารกิจต่อเนื่อง
หลังสิ้นเสียงแจ้งเตือนจากระบบ เฉินชางก็ยอมรับภารกิจอย่างหิวกระหาย ทว่าเขายังคงความใจเย็นเอาไว้ มองเมิ่งซีอย่างเรียบเฉย
“พอได้ครับ”
เมิ่งซีปรายตามองแล้วยื่นกราฟหัวใจมาให้ “มา คุณลองวิเคราะห์อาการของผู้ป่วยดูหน่อย”
โรงพยาบาลตงต้าและโรงพยาบาลอันดับสองไม่ใช่โรงพยาบาลระดับเดียวกัน นักศึกษาของที่นี่มีมากมาย เพราะจะอย่างไรที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งตงหยาง ไม่ว่าจะเป็นแพทย์อินเทิร์น[1] แพทย์เรสสิเด้นท์[2](หมอเด้นท์-Resident) แพทย์ต่อยอด[3](Fellowship) ล้วนมีมากมาย!
แต่แผนกฉุกเฉินกลับขาดแคลนหมอเฉพาะทางพิเศษที่ควรโอนย้ายมาจากแผนกต่างๆ ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงมองไปที่เฉินชางด้วยความแปลกใจ
เฉินชางรับกราฟหัวใจมาอ่าน อืม อ่านเพียงผ่านตาเท่านั้น จากนั้นก็เดินไปข้างกายผู้ป่วย แล้วหยิบหูฟังแพทย์ไปแนบบริเวณหน้าอกของผู้ป่วยทันที เขาฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถามผู้ป่วยว่า “คุณลุงครับ คุณรู้สึกแน่นหน้าอกมานานแค่ไหนแล้วครับ”
ชายคนนั้นก็ให้ความร่วมมือดี เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่กล้ามเนื้อหัวใจตายก็ผ่อนคลายลงบ้าง
“สามวันแล้วครับ ผมรู้สึกประหลาดมาก ก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อนผมไปงานแต่งงานของเพื่อนร่วมงาน พอกลับมาก็เป็นหวัดและมีไข้เล็กน้อย ผมเลยกินยาเข้าไป วันต่อมาก็รู้สึกหน่วงๆ บริเวณหน้าอกไม่เหมือนปกติ บางครั้งก็เจ็บด้วยครับ แล้วก็ยังมีไข้อยู่นิดหน่อย ผมคิดว่าเป็นไข้หวัดเพราะเหนื่อยเกินไปเลยไม่ได้สนใจ”
“แต่ว่า…อยู่ดีๆ วันนี้ก็รู้สึกว่าเป็นหนักขึ้น ผมกลัวว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเลยมาหาหมอ มันปวดหน้าอก รู้สึกแน่นไปหมด ตอนนี้ขนาดจะหายใจก็ยังรู้สึกกินแรงเลยครับ”
เฉินชางฟังจบก็พูดขึ้นว่า “คุณนอนลงให้ดีนะครับ เดี๋ยวผมจะเคาะดูหน่อย”
ชายคนนั้นให้ความร่วมมืออย่างดี เขานอนลงบนเตียง เฉินชางก็เริ่มตรวจด้วยการใช้นิ้วเคาะพลางถามว่าเจ็บหรือไม่
ผ่านไปสองนาทีหลังจากที่เฉินชางสรุปผลจากการใช้วิธีเคาะหน้าอกเพื่อวินิจฉัยแล้วก็พูดขึ้นว่า “หายใจลึกๆ นะครับ ใช่…หายใจเข้า…หายใจออก…”
จู่ๆ ชายคนนั้นก็ร้องโอดโอยออกมา “โอ๊ยๆๆ เจ็บๆๆ!”
ต้องผ่อนลมหายใจให้ช้าลงจึงจะเริ่มพูดออกมาได้ “ไม่ไหวครับ ไม่ไหว แค่หายใจเข้าก็เจ็บแล้ว!”
เฉินชางมองแพทย์อินเทิร์นที่อยู่ข้างๆ “ผลแล็บอยู่ไหนครับ ขอผลตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด และผลตรวจเอนไซม์การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจด้วยครับ”
หมอเด้นท์ (Resident) ชะงักไป เมื่อเห็นเฉินชางก็รู้สึกคล้ายกับเห็นอาจารย์ เกิดความรู้สึกนับถือชื่นชมเป็นอย่างมากจึงรีบยื่นไปให้ “อาจารย์ นี่ครับ!”
เฉินชางไม่สนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ หลังจากรับเอกสารมาแล้วก็เปิดอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นจึงหยิบภาพเอกซเรย์ทรวงอกออกมาดูอีกครั้งจนเข้าใจชัดเจน
ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการวินิจฉัยโรค ตอนนี้เฉินชางวินิจฉัยภาพรวมของทรวงอกและกราฟหัวใจเรียบร้อยแล้ว เขาอ่านผลการทดสอบทางสรีรวิทยาและการทดสอบทางเคมีได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ตอนนี้เฉินชางคาดว่าคงไม่มีใครเข้าใจอาการของผู้ป่วยยิ่งไปกว่าเขาแล้ว
เฉินชางกล่าวตามตรง “ผู้ป่วยเกิดอาการเฉียบพลัน ทั้งนี้อาการที่เป็นมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่นเป็นไข้ หนาวสั่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก เป็นต้น จากการสังเกตถุงหุ้มหัวใจและผลตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีการเพิ่มขึ้นของเม็ดเลือดขาว ตามมาด้วยนิวเคลียสเลื่อนไปทางซ้าย กราฟหัวใจแสดงว่าค่า st มีขนาดสั้น และคลื่น t มีความเปลี่ยนแปลง ผมดูผลเอกซเรย์ทรวงอกแล้ว ผลสรุปของเส้น x แสดงชัดเจนว่าหัวใจของผู้ป่วยมีรูปทรงไม่ปกติ การเต้นของหัวใจก็อ่อนแรง!
ดังนั้นตอนนี้ผมมั่นใจ 90% ว่าผู้ป่วยมีอาการถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ตอนนี้บริเวณหัวใจอาจจะมีหนองออกมาแล้ว เมื่อครู่ผมลองเคาะเพื่อวินิจฉัยดูแล้วก็รู้สึกได้ว่าเสียงสะท้อนมีความเปลี่ยนแปลง”
“หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจลำบาก นี่เป็นอาการที่แสดงถึงภาวะหัวใจบีบรัด!”
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนพลันตกตะลึง!
มีครบทั้งเหตุผลและหลักฐานหนุนชี้!
ทุกประโยคล้วนมีข้อมูลรองรับ!
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นักศึกษาทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ฟังเข้าใจ คำพูดของเฉินชางเข้าใจง่าย ผลสรุปทุกข้อก็มีหลักฐานชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าการวินิจฉัยเหมือนกับการสรุปคดีความ ทุกเบาะแสชี้ไปถึงสาเหตุ แสดงให้เห็นว่ามูลเหตุหนึ่งจะมีผลลัพธ์เช่นไร
นักศึกษาแพทย์ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ อยากปรบมือให้จริงๆ!
สุดยอดเกินไปแล้ว!
สุดยอด!
นักศึกษาแพทย์กลุ่มหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นจนเลือดร้อนและใจสั่นระรัว
เมิ่งซีเก่งหรือไม่
ก็ต้องเก่งอยู่แล้ว!
เพียงไม่ทันไรก็มองออกว่าเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันชนิดหนึ่ง และทุกคนก็เข้าใจในความสุดยอดนี้ดี แต่เฉินชางไม่เหมือนกัน เขาอธิบายรายละเอียดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สำหรับนักศึกษาแล้ว นี่จึงจะเป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริง
การเรียนรู้ทางคลินิกก็เป็นเช่นนี้เอง ทว่าเรื่องที่นักศึกษากลุ่มนี้ไม่ทราบก็คือ นี่เป็นเจตนาของเมิ่งซี
หลังจากเฉินชางกล่าวจบ เก่อฮว๋ายก็คิดว่าที่เฉินชางทำเช่นนี้ได้เป็นเพราะเมิ่งซีกล่าวไปก่อนแล้วว่าเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เฉินชางเป็นนักเรียนคนหนึ่ง ย่อมจำบริบทและความรู้ในหนังสือได้ดีจึงทำเช่นนี้ได้ เหตุผลเดียวกับการเย็บแผลในตอนแรก เฉินชางเย็บได้เร็วกว่าตนเล็กน้อย แต่ว่า…เย็บไม่ถี่เท่าตน
เมิ่งซีเห็นการแสดงออกของเฉินชางเมื่อครู่นี้ก็พึงพอใจมาก วิธีการวินิจฉัยเยื่อหุ้มหัวใจเฉียบพลันที่เป็นพื้นฐานทั้งหมดถูกเฉินชางนำมาใช้แล้ว ไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อย!
กระทั่งเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและอาจมีภาวะหัวใจบีบรัดก็พูดออกมาแล้ว
สายตาที่นักศึกษารอบๆ ใช้มองเฉินชางเต็มไปด้วยความนับถือ! แต่จู่ๆ เมิ่งซีก็ถามขึ้นว่า “ตอนนี้ควรรักษาผู้ป่วยยังไงคะ”
เฉินชางได้รับการเสริมความรู้พื้นฐานในระยะเวลาสั้นๆ แล้ว จึงมีความรู้เชิงทฤษฎีอยู่บ้าง
“ก่อนอื่น ขั้นแรกต้องกำจัดภาวะหัวใจบีบรัดก่อนครับ ตอนนี้หัวใจของผู้ป่วยมีของเหลวสะสมค่อนข้างมาก ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจเพื่อระบายของเหลว
ขณะเดียวกันก็นำของเหลวที่สะสมในเยื่อหุ้มหัวใจไปตรวจและนำเลือดไปเพาะเชื้อเพื่อหาแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค จากนั้นก็ใช้ยาปฏิชีวนะยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย
สุดท้ายหากรักษาไม่ได้ก็ต้องใช้การผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจ!”
เมิ่งซีไม่ได้ชื่นชมเฉินชางมากเกินไปนัก เพียงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ้าให้คุณเป็นคนเจาะจะทำได้หรือเปล่าคะ”
[ติ๊ง! ได้รับค่าความรู้สึกดี + 3 จากการทดสอบของอาจารย์ที่ปรึกษาเมิ่งซี]
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจทดสอบต่อเนื่องที่สอง ทำการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจให้ผู้ป่วย]
เฉินชางดวงตาเป็นประกาย มีภารกิจต่อเนื่องด้วยหรือ ภารกิจสุดท้ายจะเป็นอะไรกัน
“ได้ครับ!”
ตอนนี้เอง อู๋เผิงหมอแผนกฉุกเฉินกลับมาแล้ว ทั้งยังพาหมอจากห้องอัลตร้าซาวด์และเข็นรถอุปกรณ์เข้ามาด้วย
“หัวหน้าเมิ่ง มาแล้ว มาแล้ว!” อู๋เผิงพูดขึ้นอย่างเร่งร้อน
เนื่องจากหมอห้องอัลตร้าซาวด์ทำงานร่วมกับแผนกอายุรกรรมหัวใจบ่อยๆ จึงค่อนข้างสนิทสนมกับเมิ่งซีและรู้จักนิสัยของเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเห็นเมิ่งซีจึงไม่พูดจาไร้สาระ เพียงผงกศีรษะทักทายแล้วถามขึ้นว่า “หัวหน้าเมิ่ง ผู้ป่วยมีอาการยังไงครับ”
เมิ่งซีกล่าวว่า “ฉันสงสัยว่าเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันจากเชื้อแบคทีเรีย มีอาการบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจบีบรัดด้วยค่ะ”
หมออัลตร้าซาวด์ได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ภาวะหัวใจบีบรัดหรือ อาการนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็รีบทำงานทันที
การตรวจอัลตร้าซาวด์จะแสดงข้อมูลทางด้านนี้ได้เป็นอย่างดี
ไม่นานผลก็ออก!
ถุงเยื่อหุ้มหัวใจมีของเหลวสะสมไม่น้อยจนไปเบียดส่วนปอดและหลอดลม ทำให้ส่งผลกระทบต่อการหายใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังไปเบียดหัวใจอีกด้วย
จากการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าจะพบว่าปริมาณการสูบฉีดเลือดเริ่มลดลงแล้ว
หมออัลตร้าซาวด์ขมวดคิ้ว “หัวหน้าเมิ่ง ต้องรีบเจาะแล้วครับ!”
เมิ่งซีพยักหน้า “เสี่ยวเฉิน คุณมาทำเเถอะ!”
[1] แพทย์อินเทิร์น (Intern) หมายถึงแพทย์จบใหม่ที่มาทำงาน หรือฝึกงานในโรงพยาบาล
[2] แพทย์ประจำบ้าน หรือแพทย์เรสสิเด้นท์ (หมอเด้นท์-Resident) หมายถึง แพทย์ที่เรียนจบแล้ว และเข้ามาศึกษาต่อเฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่ง
[3] แพทย์ประจำบ้านต่อยอด (หมอเฟลโล่ – Fellowship) หมายถึงแพทย์ที่จบสาขาเฉพาะทางแล้ว แต่มาเรียนเพิ่มในอนุสาขาที่เจาะลึกลงไปอีก