เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 325 แพ้ให้นักเรียนของฉัน จะต้องสนุกแน่นอน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 325 แพ้ให้นักเรียนของฉัน จะต้องสนุกแน่นอน

เนื่องจากความยากของการผ่าตัดเคสนี้อยู่ในระดับสูง ดังนั้น…จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวลที่สุด

แพทย์อินเทิร์นคนหนึ่งจะทำได้หรือ หัวหน้าบ้าไปแล้วหรือเปล่า!

ให้แพทย์อินเทิร์นมาร่วมผ่าตัดเนี่ยนะ!

แม้แต่เก่อฮว๋ายก็ยังรู้สึกสับสน

ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้น่ะหรือ ความจริงก็คือเขาตื่นเวที

เก่อฮว๋ายเป็นศัลยแพทย์หัวใจคนหนึ่ง แต่เมื่อครู่กลับรู้สึกตื่นเวทีเสียได้

เขากลัว!

ภาระหนักอึ้ง เวลากระชั้นชิด มีความอันตรายสูง ความเสี่ยงก็สูง หากไม่ระวังก็จะนำพาความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนมาสู่ตัวผู้ป่วย สุดท้ายก็จะตาย! ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้ดี ไม่มีโอกาสให้ล้มเหลว

แต่ว่า…แม้แต่หัวหน้าซย่าที่เป็นอาจารย์ของตนและหัวหน้าเมิ่งที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตนก็ยังลังเล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเขาเองเลย

ทว่าขณะเดียวกัน เขาก็มีความคิดอีกอย่างหนึ่ง! ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตนเอง เป็นช่วงเวลาแห่งการช่วยชีวิตคนไข้ที่จะทำให้เขาเปล่งประกาย

หากจะกล่าวว่าช่วงเวลาเปล่งประกายของผู้อัญเชิญ (Summoner) คือตอนอยู่บนเวทีของ WCG[1] เช่นนั้นช่วงเวลาเปล่งประกายของศัลยแพทย์ก็คือตอนอยู่ในเคสผ่าตัดที่ต้องรักษาชีวิตคน!

แต่ความคิดของเขากลับถูกซย่าเกาเฟิงมองออกได้ในพริบตาเดียว!

ซย่าเกาเฟิงจะเข้าใจนักเรียนของตัวเองดีเกินไปแล้ว

นี่ทำให้เขาถึงกับรีบถอยออกจากหน้าเตียงผ่าตัด

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ถ้าหากตัวคุณเองก็ยังไม่มีความมั่นใจ แล้วคุณจะเอาอะไรไปให้คนอื่นมั่นใจ

คุณจะถอยไม่ได้! คุณเป็นด่านป้องกันสุดท้ายของชีวิตผู้ป่วยแล้ว คุณจะถอยไปไหนได้อีก

คุณเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขาแล้ว หากคุณถอย ก้าวต่อไปก็มีเพียงหุบเหว!

……

เก่อฮว๋ายมองดูเฉินชางเดินไปหน้าเตียงผ่าตัดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จิตวิญญาณเต็มเปี่ยมประหนึ่งเทพสงคราม!

ขณะนี้เก่อฮว๋ายมองเฉินชางด้วยความริษยา

เขาอิจฉามากจริงๆ!

อิจฉาบรรยากาศและท่าทางของเฉินชางที่เป็นเหมือนลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ[2]

ทว่าเฉินชางจะไม่รู้จักแยกแยะความตื้นลึกหนาบางจริงๆ หรือ

แน่นอนว่าไม่ใช่!

ที่มาของความมั่นใจในตนเองของเขาแปรผันไปตามความสามารถและความเชื่อมั่นของตนเองที่สั่งสมมาจากการผ่าตัดจริงซึ่งสำเร็จมาครั้งแล้วครั้งเล่า มาจากการต่อสู้บนเตียงผ่าตัดที่แท้จริงครั้งแล้วครั้งเล่า!

เพราะเหตุใดในตอนที่เฉินชางและเก่อฮว๋ายแข่งขันกัน ซย่าเกาเฟิงจึงกล่าวว่าเก่อฮว๋ายเป็นผู้ชนะ แต่กลับชื่นชมเฉินชางเป็นการส่วนตัว สาเหตุหนึ่งก็คือซย่าเกาเฟิงเข้าใจนักเรียนของตัวเองมากเกินไป

เก่อฮว๋ายเป็นคนเก่งแต่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ขาดความกล้าหาญ! ดังนั้นเพื่อที่จะดูแลเก่อฮว๋าย ซย่าเกาเฟิงจึงไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาและเก็บซ่อนความจริงเอาไว้ ทั้งหมดก็เพื่อจะช่วยนักเรียนตัวเอง!

ไม่มีใครรู้จักบุตรชายดีไปกว่าบิดา ไม่มีใครรู้จักลูกศิษย์ดีไปกว่าอาจารย์

ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์คนใดต่างก็หวังให้นักเรียนโดดเด่นเหนือผู้อื่นจากใจจริง อยากให้คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า! แต่ในชั่วขณะนี้ ซย่าเกาเฟิงกลับต้องทอดถอนใจออกมาอย่างอดไม่อยู่

เก่อฮว๋าย นักเรียนของผม เมื่อไหร่คุณจะเติบโตขึ้นสักที

……

……

เมื่อซย่าเกาเฟิงเห็นจิตวิญญาณที่ลุกโชนไปทั่วทั้งร่างของเฉินชาง เห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง อีกทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นนั้น

ดีจริงๆ!

นี่เป็นลักษณะที่หมอสมควรมี!

หมอเช่นนี้ ผู้ป่วยคนใดบ้างที่ไม่อยากเจอ

ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ ตอนคุณไปหาหมอก็หวังว่าจะได้คำตอบที่แน่นอนจากหมอไม่ใช่หรือ

ผู้ป่วยก็คือคนที่เป็นโรคบางอย่าง สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือความสบายใจและความเชื่อมั่น ไม่ใช่หมอที่ใช้ความรู้เฉพาะทางของตนมารักษาผู้อื่นอย่างขอไปที

ยกตัวอย่างเช่นตอนที่คุณถามหมอว่า “หมอ อาการของผมรักษาได้หรือเปล่าครับ”

ถ้าหมอตอบว่า “นี่…พูดยากอยู่ครับ ผมก็ไม่มั่นใจ…เอ่อ…สรุปแล้วโอกาสล้มเหลวครึ่งหนึ่ง!” เป็นเช่นนี้ผู้ป่วย 90% คงตกใจตายไปแล้ว!

แต่หากหมอกล่าวว่า “มีความหวังสูงอยู่นะครับ พวกเราคิดว่ามีโอกาสสำเร็จมากกว่าครึ่ง ถ้าพวกเราพยายามและร่วมมือกัน อัตราความสำเร็จก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีก!”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ป่วยก็จะเชื่อมั่นในตัวหมอ และมั่นใจกับการรักษาอาการป่วยของตน

หมอเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผู้ป่วยแล้วจริงๆ! ดังนั้นในฐานะที่เป็นหมอ พวกเราจะต้องเป็นดั่งเสียงที่ก้องกังวาน คอยรักษาแนวป้องกันสุดท้ายเอาไว้ให้ได้

บางทีคุณอาจไม่รู้ว่าบางครั้งหมอหวังให้คุณดีขึ้นยิ่งกว่าญาติของคุณเองเสียอีก

ในตอนที่ทุกคนยอมแพ้เรื่องของคุณ คนที่ไม่อยากยอมแพ้มากที่สุดก็คือหมอ

เก่อฮว๋ายมองเฉินชางด้วยอารมณ์ซับซ้อนในใจ

อิจฉา!

อิจฉามาก!

อิจฉามากจริงๆ!

ทว่าตอนนี้เขากลับได้รับสายตาจากซย่าเกาเฟิงผู้เป็นอาจารย์ของตนเข้าพอดี ความหมายที่ปรากฏในดวงตาของอีกฝ่าย เก่อฮว๋ายเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง

ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกอับอายสุดเปรียบ!

เสียใจ!

รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง!

อารมณ์ต่างๆ นานาคั่งค้างอยู่ในอก เก่อฮว๋ายรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง

จะตื่นตระหนกอะไร ตอนเรียนปริญญาเอก หรือเข้าปฏิบัติการทางคลินิกก็เคยผ่านประสบการณ์เย็บเช่นนี้มาแล้ว ได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่วิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนมาหนึ่งปี ศึกษาเพิ่มเติมที่ฟู่ไหวอีกหนึ่งปี มีเรื่องไหนบ้างที่ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเปลี่ยนมุมมอง!

แต่ทำไมถึงไม่กล้าท้าทายภาระอันหนักอึ้งนี้

ชั่วขณะนี้ เก่อฮว๋ายรู้สึกราวกับว่าจิตใจที่ยังไม่เติบโตของตนเองกำลังถูกการเติบโตไม่หยุดยั้งของเฉินชางบดขยี้เป็นผุยผง

บางครั้งคนเราก็ต้องการการเปรียบเทียบ เช่นนี้คุณถึงจะเรียนรู้ไม่หยุดหย่อน

……

……

ปีนี้เก่อฮว๋ายอายุสามสิบห้าแล้ว มีตำแหน่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้

ปีที่แล้วเขาสอบได้รองหัวหน้าแพทย์ แต่โรงพยาบาลไม่จ้างเขาในตำแหน่งนี้ นั่นเป็นเพราะซย่าเกาเฟิงปฏิเสธ

เขาคิดว่าเก่อฮว๋ายยังไม่ได้เรื่องได้ราว

ผู้เป็นอาจารย์ จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ไม่อยากช่วยให้นักเรียนของตนเติบโต

ช่วยผลักดันให้เก่อฮว๋ายเป็นรองหัวหน้าแพทย์แล้วไม่ดีหรือ

แน่นอนว่าดี! แต่ซย่าเกาเฟิงไม่อยากทำเช่นนั้น เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว หากจะต้องผลักดันเก่อฮว๋าย เขาอยากรักษาชีวิตผู้ป่วยมากกว่า

รองหัวหน้าแพทย์หมายถึงอะไร ที่นี่คือโรงพยาบาลตงต้า แผนกศัลยกรรมหัวใจของที่นี่ถือเป็นชั้นนำของโรงพยาบาลทั่วทั้งมณฑล หากรองหัวหน้าแพทย์ของที่นี่ไปโรงพยาบาลแห่งใดก็นับว่าเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าทั้งนั้น แต่เพราะเป็นเช่นนี้ ซย่าเกาเฟิงจึงไม่อยากให้เก่อฮว๋ายได้เป็น

เก่อฮว๋ายไม่มีความสามารถของรองหัวหน้าแพทย์จริงๆ

รองหัวหน้าแพทย์จะต้องมีความสามารถในการจัดการกับผู้ป่วยด้วยตัวคนเดียว จะต้องมีความกล้าหาญยามเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและไม่กระวนกระวายจนลนลาน ต้องมีความอดทนและจิตใจที่อ่อนน้อม

ดังนั้นหากส่งเสริมหมอที่ไร้คุณสมบัติ จึงเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อผู้ป่วย

ในฐานะหมอคนหนึ่ง สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือรับผิดชอบต่อผู้ป่วย!

น่าเสียดาย! หมอเข้าใจเรื่องเหล่านี้ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ

และผู้ที่คอยกำกับดูแลบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลกลับไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์!

……

……

เฉินชางเริ่มนับช้าๆ “หนึ่ง…สอง…สาม! หยุด!”

เมิ่งซีรีบใช้คีมหลุดเลือด พริบตาเดียวเลือดก็หยุดไหล!

หลอดเลือดแดงใหญ่เป็นท่อส่งเลือดที่สำคัญที่สุดในร่างกาย หากมันหยุดทำงานจะหมายถึงอะไร ทุกคนในที่นี้ต่างรู้อยู่แก่ใจ

ทุกวินาทีกำลังผ่านไป!

ทุกคนหวังว่าเฉินชางจะลงมือให้เร็วเสียหน่อย

แต่จะอย่างไร พวกเขาก็คิดไม่ถึงและไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าภาพที่ปรากฏต่อจากนี้จะทำให้พวกเขาสั่นสะท้านเพียงใด!

พวกเขาเห็นไหมสำหรับเย็บเคลื่อนไหวขึ้นลง เห็นเข็มในมือเฉินชางขยับอย่างคล่องแคล่วราวกับเห็นจักรเย็บผ้า ความรู้สึกเป็นเช่นนั้นเลย!

หากเทียบกันแล้ว หลอดเลือดแดงใหญ่มีความหยาบกว่าหลอดเลือดธรรมดาไม่น้อย แต่เพราะเป็นเช่นนี้จึงมีความยากกว่ามาก ทว่าดูเหมือนเฉินชางจะไม่ได้รับผลกระทบนั้นเลย

เย็บ!

เร็ว!

เร็วมาก!

เมิ่งซี ซย่าเกาเฟิง และเก่อฮว๋ายที่ยืนมองการเย็บของเฉินชางอยู่ข้างๆ พากันปากอ้าตาค้างไปแล้ว กระทั่งซย่าเกาเฟิงและเมิ่งซีที่เห็นโลกมามากก็ยังคิดไม่ถึงว่าเฉินชางจะทำได้เร็วขนาดนี้

นี่มันน่าตกใจขนาดไหนกัน

ไม่นานเสียงเฉินชางก็ดังขึ้น “ปล่อยได้!”

เมิ่งซีรีบคลายคีมหยุดเลือดออก การไหลเวียนของเลือดกลับสู่ปกติโดยพลัน

ชั่วขณะนี้ทุกคนในห้องอดกลืนน้ำลายไม่ได้

นี่…เร็วขนาดไหนกัน ประมาณหนึ่งนาที…หรือเปล่า

เมิ่งซีมองไปยังมือทั้งสองของเฉินชาง ในดวงตาทอประกายตื่นเต้นและสดใส มือคู่นี้เป็นมือของผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นศัลยแพทย์จริงๆ

บางทีอาจเร็วกว่าชายคนนั้นก็เป็นได้!

ใช้เวลาไม่นานหรอก บางทีเฉินชางเหนือกว่าเขาจริงๆ ก็ได้!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากของเมิ่งซีก็ยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่แตกต่างออกไปจากวันวาน

ถึงตอนนั้น หากแพ้ให้นักเรียนของฉัน คงจะเป็นเรื่องสนุกน่าดู

[1] WCG – เวิลด์ไซเบอร์เกมส์ เป็นชื่อเรียกของการจัดการแข่งขันกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศ ดำเนินการโดยบริษัทเวิลด์ไซเบอร์เกมส์ สัญชาติเกาหลีใต้ โดยได้รับการสนับสนุนจากซัมซุง และไมโครซอฟท์

[2] ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ – เป็นสำนวนจีน หมายถึง คนที่เห็นโลกมาไม่มากจึงไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของสิ่งที่ไม่เคยเห็น

บทที่ 318 พ่อหนุ่มเจ้าแผนการ!

“เฉินชาง เลิกงานตอนบ่ายแล้วรีบมาที่นี่เลยนะคะ! นั่งแท็กซี่มาเลย!”

เฉินชางได้รับโทรศัพท์จากเมิ่งซีตอนเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง เขาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัดก็รีบพยักหน้าตอบตกลงไปก่อน จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือครับอาจารย์เมิ่ง”

เมิ่งซีพูดว่า “ผลเพาะเชื้อของผู้ป่วยเมื่อวานออกแล้วค่ะ เป็น IPD[1] และกลายพันธ์เป็น S.aureus[2] คงจะแพร่มาจากการติดเชื้อบริเวณปอด”

เฉินชางผ่อนลมหายใจ ในเมื่อมั่นใจว่าติดเชื้ออะไรเร็วขนาดนี้ต่อไปก็ง่ายแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่ตรงกับเชื้อเป้าหมาย

การรักษาให้ถูกจุดเป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุด

เมื่อกล่าวจบเมิ่งซีก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง “จากการตรวจของเหลวที่สะสมอยู่ในเยื่อหุ้มหัวใจพบว่าเป็นหนองนะคะ”

เฉินชางร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ชะงักไป!

“ของเหลวที่สะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจกลายเป็นหนองหรือครับ”

ให้ตายเถอะ!

เฉินชางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

เมื่อคิดถึงเมิ่งซีที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฉินชางก็แทบอยากจะสำลักน้ำลายตาย

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอกลับพูดอย่างราบเรียบ มีแต่เมิ่งซีนี่แหละที่ทำได้

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาทั้งทางร่างกาย หรือจะใช้ยาปฏิชีวนะฉีดเข้าไปบริเวณช่องปอด หรือเยื่อหุ้มหัวใจ ก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดหนองได้เลย!

นอกจากนี้หากมีของเหลวสะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจบีบรัดก็เป็นได้ หรืออาจมีภาวะเป็นหนองที่เยื่อหุ้มปอดจนพัฒนาไปเป็นโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง

ดังนั้นเมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นหนองก็ควรรีบผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจทันทีเพื่อทำการกำจัดเนื้อตาย จากนั้นก็ระบายของเหลวออกเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

วันนี้เฉินชางศึกษาความรู้เชิงทฤษฎีจนเข้าใจจุดที่ต้องการแล้ว เข้าใจถึงความอันตรายของแต่ละการผ่าตัดอย่างกระจ่างแจ้งแจ่มชัดแล้ว ดังนั้นเมื่อคิดถึงจุดนี้ได้ เฉินชางก็รู้สึกเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“หรือว่า…อาจารย์เมิ่ง คุณรีบผ่าตัดเลยดีไหมครับ”

เมิ่งซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ลนลานอะไรของคุณ”

คำว่า ‘ลนลานอะไร’ เพียงเบาๆ ก็ทำให้เฉินชางสะดุ้งเฮือกไปทันที ในตอนที่เขามองไปยังโทรศัพท์อีกครั้ง ก็พบว่ามันถูกตัดสายไปแล้ว

เฉินชางรู้สึกอับจนคำพูด…

คำว่าลนลานอะไร…ทำให้เฉินชางรู้สึกว่าตนเองเป็นเศษสวะในวงการศัลยกรรมหัวใจจริงๆ

ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้น่ะหรือ

การเติบโตของหมอทุกคนจะมีอยู่สามขั้นตอน

ขั้นตอนแรกก็คือพวกมือใหม่อ่อนหัดในการรักษา ไม่ว่าเห็นอะไรก็รู้สึกสับสนไปหมด ไม่รู้หนักเบาไม่รู้ช้าเร็ว กระทั่งแยกแยะความสำคัญไม่ออก!

ขั้นที่สองก็คือพวกบ้าทฤษฎี รู้ทฤษฎีลึกเหมือนรู้จักฝ่ามือของตนเอง คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับนี้จะเข้าใจความรู้เชิงทฤษฎีเป็นอย่างดี เข้าใจความอันตรายของอาการป่วยเป็นอย่างดี รู้ความน่ากลัวของอาการป่วยอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าเห็นอะไรก็จะรู้สึกร้อนรนไปหมด รู้สึกว่าสำคัญไปหมด

ขั้นที่สามก็คือผู้เชี่ยวชาญทางด้านคลินิก คนระดับนี้จะมีประสบการณ์ทางด้านคลินิกมาหลายปีและมีความมั่นใจในข้อมูลแต่ละประเภทเป็นอย่างมาก รู้ถึงสถานการณ์และสภาพของผู้ป่วยดี มีความมั่นใจเรื่องอาการในระดับสูง

ส่วนเฉินชาง หากกล่าวถึงวงการศัลยกรรมหัวใจแล้ว เขาอาจไม่ได้เป็นพวกมือใหม่อ่อนหัดในด้านศัลยกรรมหัวใจที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ก็อยู่ในขั้นที่สองซึ่งก็คือเห็นอะไรก็รู้สึกร้อนรนไปหมด เจอเรื่องอะไรก็รู้สึกว่าอันตรายไปหมด

ความจริงเรื่องนี้จะตำหนิเฉินชางไม่ได้ เนื่องจากถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลันและรุนแรงมากอยู่แล้ว มีระยะการบอกเหตุล่วงหน้าเพียงสามวันเท่านั้น!

สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนก็คือมักจะมีไข้สูง มีอาการหนาวสั่น ติดเชื้อทั้งร่างกายไปจนถึงหายใจลำบาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่ได้มีอาการเจ็บหน้าอกตามปกติ แต่หากเกิดอาการเจ็บหน้าอกแล้วอาจหมายถึงความรุนแรงของอาการเพิ่มระดับขึ้น และอาการก็จะมีความอันตรายมากขึ้นด้วย

แม้น้ำเสียงของเมิ่งซีจะเป็นเช่นนั้น แต่ผลทางสรีรวิทยาและชีววิทยา ตลอดจนผลการเพาะเชื้อก็แสดงให้เห็นแล้วว่าของเหลวที่สะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นหนอง เท่ากับว่าระดับความอันตรายเพิ่มขึ้นแล้ว นั่นเป็นเพราะหากของเหลวที่สะสมอยู่ในถุงเยื่อหุ้มหัวใจมีสภาพเป็นหนอง อาจทำให้ถุงเยื่อหุ้มหัวใจหดตัวและนำไปสู่โรคถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังก็เป็นได้!

ถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังมีความอันตรายสูงมาก! ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ป่วย!

นอกจากนี้ การผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังก็ยากกว่าการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจแบบธรรมดา เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เครียดขึ้นมาแล้ว ที่สำคัญก็คือเขาไม่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียเวลาเพราะอาจารย์เมิ่งจะรอตนเองได้จริงๆ

เขารู้สึกว่าเมิ่งซีกำลังรอตนอยู่ ยิ่งเป็นเช่นนี้ เฉินชางก็ยิ่งรู้สึกกังวล

บุญคุณนี้ เฉินชางรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ

ความจริง…ต่อให้เมิ่งซีจะใจกว้างเพียงใดก็ไม่อาจยืดเยื้อเวลาของผู้ป่วยจนพลาดเวลาการรักษาที่ดีที่สุดไปได้ แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะเธอเข้าใจข้อมูลแต่ละอย่างของผู้ป่วยเป็นอย่างดี รู้ลักษณะการพัฒนาของอาการอย่างกระจ่างแจ้ง ดังนั้นจึงได้กล่าวกับเฉินชางเช่นนี้!

พูดให้ชัดเจนก็คือ การวินิจฉัยอาการป่วยของหมอคนหนึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ของตนเอง ดังนั้นหัวหน้าเมิ่งจึงมั่นใจมาก ส่วนเฉินชางกลับไม่กล้ามั่นใจเลย

หมอเล็กๆ ก็ต้องมีสำนึกของหมอตัวเล็กๆ ผู้เล่นใหม่ก็ต้องมีวิธีการเล่นของผู้เล่นใหม่

ถึงอย่างไรตอนนี้ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีงานแล้ว เฉินชางจึงแจ้งเพื่อนร่วมงานแล้วออกเดินทางทันที!

ตั้งแต่ที่แผนกไม่มีหยวนฟานก็รู้สึกว่าแผนกสะอาดสะอ้านขึ้นมาก ส่วนเฉินชางก็ยิ่งหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ฉินเยว่ก็ตกเป็นทาสชานมที่เขาหามาประเคนจนกลายเป็นหมาขี้ประจบไปแล้ว ส่วนหัวหน้าอันก็ถูกงานของตนเองทรมานจนแทบตาย และหวังหย่งในฐานะที่เป็นศิษย์น้อยๆ ของตนก็ยังคงหมั่นฝึกฝนและทำงานเป็นอย่างดี

ตอนนี้เฉินชางรู้สึกว่าตนเป็นพวกเผด็จการในแผนกไปแล้ว!

อืม ควรเรียกว่าแผนกนี้เพื่อพี่เฉินสินะ!

……

นั่งรถแท็กซี่ไปถึงโรงพยาบาลตงต้า จ่ายเงินไปแค่ราคาเริ่มต้นแปดหยวน

หลังจากรีบวิ่งไปถึงแผนกศัลยกรรมหัวใจแล้วก็พบว่าเมิ่งซีกำลังเตรียมประวัติผู้ป่วยอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาล

เฉินชางวิ่งเข้าไปแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับอาจารย์เมิ่ง ปล่อยให้คุณรอนานแล้ว!”

เมิ่งซีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนมองนาฬิกาข้อมือ “เร็วขนาดนี้เลยหรือ”

พูดจบก็ส่งเอกสารจำพวกใบยินยอมรับการผ่าตัดให้เฉินชางแล้วกล่าวว่า “เซ็นต์เอกสารยอมรับการผ่าตัดแล้ว รีบผ่าตัดกันเถอะ”

เฉินชางยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ

แม้อาจารย์เมิ่งจะเป็นคนเข้มงวด ชอบทำงานไม่เห็นเดือนเห็นตะวันและชอบเรียกนักเรียนมาผ่าตัดหลังเลิกงาน หากเป็นนักเรียนปกติจะต้องแอบบ่นในใจแน่นอน แต่เฉินชางเข้าใจดีว่าตนเองต้องทำเพื่อเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ขนาดผู้เป็นอาจารย์ยังไม่คิดบ่นอะไร แล้วตัวเองจะมีคุณสมบัติอะไรไปบ่นกันล่ะ

เก่อฮว๋ายเห็นเฉินชางมาแล้วก็ยิ้มประหลาด “เสี่ยวเฉิน ไม่ต้องเครียดนะครับ มีผมอยู่ด้วย”

เฉินชางชะงักไป

อาจารย์เก่อคนนี้…ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนะ

ใส่ใจผมขนาดนี้เลยหรือ

เฉินชางรีบพูดไปว่า “ขอบคุณครับอาจารย์เก่อ วันนี้ก็รบกวนคุณแล้ว”

เก่อฮว๋ายส่ายหน้า “ก้าวแรกเป็นก้าวที่ยากที่สุด เรียนรู้ให้มาก ทำให้มาก เดี๋ยวก็เป็นเอง”

หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทุกคนก็เข้าไปในห้องผ่าตัด

ระหว่างทางเมิ่งซีเน้นย้ำถึงจุดสำคัญของการผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจเพื่อระบายของเหลวให้เฉินชางฟังหลายข้อ ระหว่างสนทนากัน พวกเฉินชางทั้งสามคนก็มาถึงห้องผ่าตัดแล้ว

อันที่จริงเมิ่งซีรู้สึกประหลาดใจกับเฉินชางมาก ที่ผ่านมาแม้เธอจะให้เฉินชางลงมือน้อยครั้ง แต่เฉินชางก็แสดงผลงานได้เข้าตาเธอทุกครั้ง โดยเฉพาะทักษะทางด้านการวินิจฉัยสองครั้งที่ผ่านมาทำให้เมิ่งซีตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกายเลยทีเดียว ความสามารถในการขยับมือของเขาก็สุดยอด ไม่ว่าจะเป็นการเย็บเส้นเลือดหรือการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจ การเคลื่อนไหวของเขานั้น…หากไม่มีประสบการณ์หลายสิบปีย่อมไม่อาจทำได้แน่!

ดังนั้นแม้เมิ่งซีจะไม่ได้พูด แต่ในใจก็ชื่นชมเฉินชางมาก

เธออยากจะเห็นจริงๆ ว่าการผ่าตัดของเฉินชางจะเป็นอย่างไร

[1] IPD – invasive pneumococcal disease คือโรคติดเชื้อชนิดลุกลามที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อนิวโมคอคคัส ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือปอดอักเสบรุนแรง จนอาจทำให้พิการ หรือเสียชีวิตได้

[2] S. aureus – Staphylococcus aureus เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในจมูก ปาก อวัยวะเพศ หรือทวารหนัก ในบางครั้งเชื้อจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผิวหนังติดเชื้อเพียงเล็กน้อย เกิดฝีหรือแผลพุพอง อาหารเป็นพิษ แต่หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด หัวใจ ข้อต่อหรือกระดูก อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท