บทที่ 332 หัวใจหายไป
การกู้ชีพเป็นสงครามที่ต้องต่อสู้กับเวลา! เวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีล้วนเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครกล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย!
เฉินชางเข็นเตียงผู้ป่วย ส่วนฉินเยว่วิ่งไปคุกเข่าบนรถโดยสารแคบๆ มือทั้งสองยืดออกจนไหล่ตรงแล้วกดตรงหน้าอกผู้ป่วย การทำ CPR ไม่เคยมีคำว่าหยุด
ชายกลางคนที่ลงมาจากรถโดยสารยังไม่ได้จากไปไหน เขาเข้ามาช่วยเฉินชางเข็นเตียงเข้าไป
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมง แสงอาทิตย์กำลังร้อนระอุ แต่คนทั้งสามกลับรู้สึกเย็นยะเยือกจนสั่นสะท้าน
ฉินเยว่ยังคงกดหน้าอกผู้ป่วยไม่หยุด ไม่นานทั้งสามก็ร่วมมือกันเข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปยังประตูแผนกฉุกเฉิน
เฉินชางพูดกับเคาน์เตอร์พยาบาลว่า “เสี่ยวหลิน เตรียมเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เรียกฝ่ายอัลตราซาวด์มาด้วย…”
การกู้ชีพฉุกเฉินเริ่มขึ้นแล้ว!
ฉินเยว่รู้สึกราวกับแขนทั้งสองของตนใกล้จะสูญเสียความรู้สึกแล้ว แต่เธอไม่กล้าหยุด นี่…เป็นเหมือนแรงขับส่งชีวิต ใครจะกล้าหยุดกันล่ะ
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ฉินเยว่ก็รู้สึกว่าการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติ…ไม่นานบนเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ปรากฏสัญญาณชีพของผู้ป่วย!
นางพยาบาลเสี่ยวหลินรีบตะโกนแจ้ง!
“ความดันโลหิต 60/30 mmHg! หัวใจเต้น 120 ครั้งต่อนาที! หายใจ 32 ครั้งต่อนาที!”
หัวใจเต้นแล้ว เช่นนี้ก็ดี เช่นนี้ก็ดีแล้ว ศีรษะของฉินเยว่ท่วมไปด้วยเหงื่อ เส้นผมยุ่งปรกใบหน้า ชุดกาวน์ตรงหน้าอกเปียกชื้นจนแนบไปกับร่างกาย เป็นครั้งแรกที่ปรากฏส่วนโค้งเว้าของเธอให้เห็น
ไม่นานผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ออก ฉินเยว่ส่งให้เฉินชางพลางพูดว่า “เฉินชาง ผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ!”
เฉินชางรับมาดู จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที!
S – T มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เป็นระเบียบ! ต้องมีการเสียเลือดแน่นอน! และต้องมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันด้วย! แต่…นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เช่นนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไรน่ะหรือ มันก็คือเส้นแกนหัวใจผิดเคลื่อนไหวอย่างผิดปกตินั่นเอง
เฉินชางหน้าเปลี่ยนสี แกนหัวใจเช่นนี้อาจจะเป็นเรื่องไม่ดี!
ภายในห้องฉุกเฉินไม่ได้มีแค่เฉินชางและฉินเยว่เพียงสองคน แต่ยังมีหมอจากฝ่ายอายุรกรรมที่มีฝีมือในการกู้ชีพผู้ป่วยโรคหัวใจมากกว่าหมอจากฝ่ายศัลยกรรมอยู่ด้วย ในตอนนี้จางเทาหมอจากแผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมรีบวิ่งเข้ามาแล้ว
หลังจากเห็นสถานการณ์เขาก็มองไปทางเฉินชางที่กำลังยืนถือผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างเหม่อลอยแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฉิน ส่งผลตรวจมาให้ผม!”
เฉินชางพยักหน้าแล้วส่งผลตรวจไปให้จางเทา
เฉินชางหันไปมองเสี่ยวหลิน “ไป คุณไปกับผม รีบพาตัวผู้ป่วยไปเอกซเรย์ทรวงอกด้วยกัน ดูว่ามีบาดแผลภายนอกและและมีของเหลวสะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจหรือเปล่า”
ระยะนี้เฉินชางเจอภาวะหัวใจบีบรัดมากมาย เขารู้สึกว่าผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดูไม่เหมือนคนเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจริงๆ แต่หากจะถามว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ ก็ต้องตอบเลยว่ามี! แต่กลับไม่ใช่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่มีมีภาวะเลือดแข็งตัวควบคู่ไปด้วย
แล้วภาวะหัวใจบีบรัดล่ะ ก็มีความเป็นไปได้ แต่มีความเป็นไปได้ไม่มากจริงๆ
สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้อมูลจากผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีข้อจำกัดมากเกินไปจริงๆ
จะทำอย่างไรดี
ตอนนี้สภาวะของผู้ป่วยยังนับว่าใช้ได้ จะต้องตรวจสอบออกมาให้ชัดเจนเสียก่อนจึงจะทำการช่วยเหลือขั้นต่อไปได้!
การเอกซเรย์ทรวงอกและการทำซีทีสแกนไม่เหมือนกัน เนื่องจากการทำเอกซเรย์ใช้เวลาไม่มาก ได้ผลตรวจออกมาในพริบตา เฉินชางจึงเดินตามไปทำด้วยเลย
จางเทาเห็นเฉินชางเข็นเตียงผู้ป่วยออกไปก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน “เสี่ยวเฉิน นั่นคุณจะทำอะไร”
เฉินชางมองไปทางจางเทา เขาไม่มีเวลาอธิบายให้ชัดเจนจึงพูดว่า “อาจารย์จาง ไม่มีเวลาแล้วครับ ผมต้องตรวจสอบให้สมบูรณ์เพื่อให้มั่นใจว่าจะรักษาและกู้ชีพผู้ป่วยด้วยวิธีไหน”
จางเทามองผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ! ไม่เคยเห็นคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีลักษณะแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย นี่ทำให้เขาเกิดความสับสนในใจและรู้สึกหวั่นวิตก! รู้สึกไม่สบายใจ!
อารมณ์อันซับซ้อนปรากฏในใจของเขา นี่เป็นความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวที่สุดสำหรับคนเป็นหมอ มันก็คือความไม่มั่นใจ!
ไม่มั่นใจ!
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี! คงทำได้แค่พาผู้ป่วยไปตรวจสอบให้ชัดเจนแล้ว แต่ว่า…คงไม่เกิดปัญหาอะไรใช่หรือไม่
ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องตายในแผนกรังสีวิทยาก็มีไม่ใช่น้อย หากไม่ระวังก็จะหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ เพียงแต่…หากไม่ตรวจสอบก็ทำการวินิจฉัยอย่างแม่นยำไม่ได้
จะทำอย่างไรดี
เดินตามผู้ป่วยไปดูการตรวจหรือ
คงมีวิธีเดียวแล้ว ต้องพาผู้ป่วยเข้าไปตรวจในห้องตรวจของแผนกรังสีวิทยา
แผนกรังสีวิทยาคือสถานที่เช่นไร ย่อมไม่ใช่สรวงสวรรค์แน่นอน
เฉินชางและเสี่ยวหลินช่วยกันเข็นเตียงของซุนเป่าหมินไปยังแผนกรังสีวิทยา จากนั้นก็พูดว่า “จากแผนกฉุกเฉินครับ มีภาวะช็อคจากโรคหัวใจ ต้องรีบเอกซเรย์ด่วน!”
เส้นทางถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว! ไม่นานเฉินชางและเสี่ยวหลินก็ช่วยกันพยุงตัวผู้ป่วยเอาไว้
หมอแผนกรังสีวิทยาพูดว่า “ครับ ออกไปได้เลยครับ”
ปกติขณะที่ทำการเอกซเรย์หมอจะไม่อยู่ด้วย เพราะด้านในมีรังสีอยู่เต็มไปหมด หากอยู่ด้านในจะถูกรังสีแน่นอน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่อยู่ด้านใน
เฉินชางมองเสี่ยวหลิน เขาลังเลครู่หนึ่ง “เสี่ยวหลิน คุณออกไปเถอะ!”
เสี่ยวหลินชะงักไป “ฉัน…หมอเฉิน คุณออกไปเถอะค่ะ ฉันอยู่ที่นี่เอง”
สีหน้าของเฉินชางเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและเข้มงวด “คุณรีบไปเรียกหมออัลตร้าซาวด์ บอกให้เขาไปรออยู่ที่แผนกฉุกเฉิน! อีกไม่นานผมจะกลับไปทำการตรวจที่เกี่ยวข้องต่อ เร็วเข้า ตอนนี้จะเสียเวลาไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวหลินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอวิ่งออกไปข้างนอกอย่างเร่งร้อน
เฉินชางส่งสัญญาณมือให้หมอเเอกซเรย์ “โอเคแล้ว”
หมอแผนกรังสีวิทยาชะงัก ถามผ่านไมค์ว่า “คุณไม่ออกไปหรือครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาการยังไม่เสถียร ผมจำเป็นต้องอยู่ดูการตรวจและถือโอกาสจัดท่าทางให้ผู้ป่วยด้วยเลย คุณเอกซเรย์ให้ผมหลายรูปหน่อยนะครับ รบกวนแล้ว!”
หมอแผนกรังสีวิทยาสูดหายใจลึกๆ เขาไม่ได้พูดอะไร รีบไปยังห้องกระจกข้างๆ แล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้เฉินชาง
สุดยอด!
เฉินชางสูดหายใจลึก จากนั้นจึงเริ่มจัดท่าทาง
หากว่ากันตามปกติ การจัดอันดับปริมาณรังสีของแผนกรังสีวิทยาจะเรียงตามนี้: การทำ CT Scan จะมีปริมาณรังสีมากกว่าการเอกซเรย์ และการเอกซเรย์จะมีระดับรังสีเท่ากับ NMR[1] แน่นอนว่ามีหน่วยวัดค่ารังสีที่ตายตัวอยู่ แต่จะไม่ขอกล่าวโดยละเอียด รังสีเหล่านี้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น
ปกติแล้วขั้นตอนทำงานแผนกรังสีวิทยาของในโรงพยาบาลระดับรากหญ้า โรงพยาบาลระดับเมือง และโรงพยาบาลระดับมณฑลก็คือ ในหนึ่งเดือนหมอแผนกรังสีวิทยาจะต้องพักผ่อนครึ่งเดือน เพราะกลัวว่าจะได้รับรังสีมากเกินไป โดยปกติแผนกรังสีวิทยาในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าจะมีการป้องกันรังสีที่ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงต้องให้เวลาพักผ่อนมากพอ ตลอดจนต้องจัดตำแหน่งยืนพิเศษสำหรับหมอด้วย
อย่าได้ดูถูกรังสีเป็นอันขาด สตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ CT Scan เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลกระทบต่อเด็ก
ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเฉินชางและหมอจากแผนกรังสีวิทยา เพียงไม่นานก็ได้ผล
เฉินชางมผลการตรวจเอกซเรย์ที่ได้แล้วก็ต้องชะงักไปทันที! เขาเห็นเงาบางส่วนนอกภาพเค้าโครงหัวใจ โรคหัวใจโต[2]หรือ
ทันใดนั้นความคิดอันน่าหวาดกลัวอย่างหนึ่งก็ปรากฏในสมองของเฉินชาง เขารีบมองไปทางหมอแผนกรังสีวิทยา ไม่มีเวลากล่าวขอบคุณแล้ว จึงทำเพียงพยักหน้าแล้วเข็นเตียงผู้ป่วยจากไป
หมอแผนกรังสีวิทยามองเฉินชาง อดสูดหายใจลึก เผยสีน่านับถือออกมาไม่ได้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
ยอมถูกรังสีเพื่อผู้ป่วย เป็นหมอที่ดีจริงๆ! สุดยอดจริงๆ!
เฉินชางรีบวิ่งกลับมาที่แผนกฉุกเฉิน หมออัลตร้าซาวด์ประจำที่แล้ว การตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูงเริ่มขึ้นแล้ว!
ไม่นาน ผลอัลตร้าซาวด์ก็ปรากฏให้เห็น
เมื่อทุกคนเห็นผลตรวจก็ต้องตกตะลึง
ให้ตายเถอะ!
หัวใจไปไหน
ดูเหมือนหัวใจจะไม่อยู่ตำแหน่งเดิม!
หายไปไหนแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนได้
ตอนนี้เฉินชางรู้แล้วว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร!
เขามีสีหน้าเปลี่ยนไป พูดกับเสี่ยวหลินว่า “เสี่ยวหลิน เตรียมผ่าตัดฉุกเฉิน!”
[1] NMR – Nuclear Magnetic Resonance Spectroscopy เป็นเทคนิคที่เกี่ยวของกับการวัดระดับพลังงานที่แตกตางกันของนิวเคลียสที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็ก เทคนิคนี้ยังได้ใช้ในวงการแพทย์ที่รู้จักกันในชื่อว่า Magnetic Resonance Imaging (MRI)
[2] โรคหัวใจโต (Cardiomegaly) เป็นภาวะที่หัวใจมีขนาดใหญ่ หรือหนากว่าปกติ โรคหัวใจโตเกิดได้จากสาเหตุหลายอย่าง โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจาก ความดันโลหิตสูงหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ และอาจเกิดจากสาเหตุโรคอื่นๆ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้การทำงานของหัวใจบกพร่องได้
บทที่ 327 ผมสู้อาจารย์เฉินไม่ได้! (2)
จากนั้นเฉินชางก็เริ่มเย็บและซ่อมแซมหลอดลมที่เสียหาย ทุกคนรอบๆ ยื่นศีรษะเข้ามาดู คอยสังเกตอย่างละเอียด เมื่อได้เห็นการทำงานของเขาก็พากันผงกศีรษะเบาๆ สุดยอดจริงๆ ด้วย
หลอดลมเสียหายจนมีสภาพแบบนั้น ถูกเย็บอย่างละเอียดแน่นหนา ลดความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นอย่างสุดความสามารถ ใช้วิธีการเย็บแผลที่เหมาะสม…
สุดยอด!
……
ไม่นานการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น!
ขณะที่เฉินชางกำลังจะทำงานสุดท้าย อยู่ๆ ซย่าเกาเฟิงก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน ให้โอกาสคนหนุ่มสาวฝึกฝนหน่อยเถอะ คุณเองก็ลำบากมากแล้ว พักผ่อนหน่อยนะครับ”
เฉินชางที่เตรียมจะพูดว่าไม่ลำบากเลยครับพลันต้องชะงักไปทันที! เพราะตอนนี้หมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกที่ยังดูอายุน้อยตรงหน้ากำลังมองเฉินชางด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน ตอนนี้จึงค่อยมีปฏิกิริยาขึ้นมา
ที่เขาไม่ให้คนอื่นทำเพราะไม่อยากรบกวนคนอื่น หากเขาผ่าตัดเสร็จแล้วให้คนอื่นเก็บงานที่เหลือ…ดูเอาเถอะว่าในที่นี้มีใครที่มีคุณวุฒิต่ำกว่าเฉินชางบ้าง ดังนั้นไม่ว่าจะมอบหมายงานให้ใครก็ดูไม่เหมาะสมไปหมด
ทว่าตอนนี้สายตาที่หมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกใช้มองตน…เหมือนกับสายตาที่ใช้มองจิ่งหราน
เฉินชางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย พยักหน้าให้เขาแล้วพูดว่า “รบกวนแล้วครับ”
หมอน้อยรีบพยักหน้า “อาจารย์เฉิน ไม่รบกวน ไม่ลำบากเลยครับ! คุณผ่าตัดเปิดช่องอกเพื่อตรวจสอบและหยุดเลือดได้ดีจริงๆ! มีหลอดเลือดเล็กๆ ที่เสียหายมากมายคุณก็ยังหาเจอจนหมด…แล้วยังเย็บหลอดลมด้วย สุดยอดจริงๆ ครับ! หวังว่าต่อไปจะได้เรียนรู้กับอาจารย์เฉินนะครับ”
เฉินชางชะงักไปแล้ว
อาจารย์เฉินอีกแล้ว…
เฮ้อ ก็ยังฟังดูดีกว่าอาจารย์ชาง
แต่ถูกคนที่อายุมากกว่าตัวเองเรียกอาจารย์แบบนี้ ออกจะแปลกๆ อยู่นะ
มันทำให้เขารู้สึก…สบาย
อืม!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าอาจารย์อันและหัวหน้าถานจงหลินติดหนี้คำว่า ‘อาจารย์ผู้มีพระคุณ!’ ของเขาอยู่!
ขณะเดียวกัน ภายในห้องผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมทั่วไป ณ โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล รอบตัวถานจงหลินถูกห้อมล้อมไปด้วยหมอในแผนก
วันนี้มีผู้ป่วยพิเศษคนหนึ่งมาที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล สภาพของผู้ป่วยค่อนข้างอันตราย ต้องทำการเย็บเส้นเอ็นซึ่งมีระดับความยากสูง ซึ่งถานจงหลินโทรหาเฉินชางแล้วแต่อีกฝ่ายไม่รับสายจึงทำได้เพียงลงมือผ่าตัดด้วยตัวเองแล้ว
โชคดีที่…สุดท้ายก็สำเร็จ!
ในตอนนี้ ถานจงหลินสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งของ ‘วิธีของเฉิน’ ของอาจารย์เสี่ยวเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ตนยังห่างชั้นอีกไกลจริงๆ
หมอที่อยู่รอบๆ เห็นถานจงหลินเย็บเส้นเอ็นได้อย่างประณีตก็พากันปรบมือชื่นชม
นี่ถือเป็นเคสตัวอย่างได้เลย!
หัวหน้าถานช่างแข็งแกร่ง!
ทุกคนพากันปรบมือ
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลตงต้าสาขาสองที่มาสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ก็ร่วมปรบมือแล้วกล่าวชมว่าดีไปด้วย
“สุดยอด! สุดยอดจริงๆ การเย็บเส้นเอ็นของหัวหน้าถานในตอนนี้ยอดเยี่ยมไปเลยครับ ทำให้ผมต้องมองใหม่แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่คุณรักษาดาราใหญ่อย่างสิงอวี่ได้!”
ทว่าถานจงหลินกลับทอดถอนใจออกมา เฮ้อ…ยังสู้อาจารย์เสี่ยวเฉินไม่ได้ เทียบไม่ได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งของอาจารย์เสี่ยวเฉิน
เมื่อถานจงหลินได้ยินคำชื่นชมของทุกคนก็ส่ายหน้าแล้วทอดถอนใจออกมา บอกไปตามความจริงว่า “วิธีการเย็บแบบนี้ผมเรียนมาจากคนอื่นครับ ยิ่งไปกว่านั้น…ยังเรียนมาแค่ผิวเผิน ยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้เลยครับ!”
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือแห่งโรงพยาบาลตงต้าสาขาสองที่อยู่ข้างๆ เกิดความสนอกสนใจขึ้นมาโดยพลัน “มิน่าล่ะ ผมว่าวิธีนี้ประณีตจนน่าอัศจรรย์จริงๆ มันชื่อวิธีอะไรหรือครับ”
ถานจงหลินคิดครู่หนึ่ง “เรียกว่า ‘วิธีของเฉิน’”
แม้คนรอบๆ จะไม่เข้าใจ แต่ก็จดจำชื่อที่ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่นี้เอาไว้ในใจ แม้จะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จะต้องเป็นชื่อของคนที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
ถานจงหลินกล่าวเนิบช้าว่า “หากคนคนนั้นมาผ่าตัดเคสนี้ คงใช้เวลาน้อยลงครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้สิ่งสำคัญก็คือ ผมมั่นใจเต็มร้อยเลยว่าเขาจะทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เหมือนเดิม!”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ออกมา ทั้งห้องก็พากันตื่นตกใจ!
เป็นไปได้หรือ อัตราความสำเร็จ 100% ในการผ่าตัดเคสแบบนี้น่ะหรือ จะเวอร์ไปหรือเปล่า!
กระทั่งหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลตงต้าสาขาสองก็ยังเกิดความสงสัย “หัวหน้าถาน…คนคนนั้นที่ว่านี่หมายถึงใครหรือครับ”
ถานจงหลินส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือเห็นถานจงหลินมีท่าทางหดหู่ก็รีบตบไหล่แล้วพูดไปว่า “ไม่เป็นไร คลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่า คนรุ่นใหม่เหนือคนรุ่นเก่า! หัวหน้าถาน จะช้าจะเร็วคุณก็ต้องก้าวข้ามเขาได้แน่”
หากไม่ปลอบใจยังดี แต่พอปลอบใจขึ้นมาทำเอาถานจงหลินเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว!
สาเหตุก็คือ…อีกฝ่ายเป็นคลื่นลูกใหม่ ส่วนตนเองเป็นคลื่นลูกเก่าไงล่ะ! อีกฝ่ายเป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนตนเองเป็นคนรุ่นเก่าไงล่ะ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ถานจงหลินก็ยิ้มเจื่อนๆ ออกมา หากอยากไล่ตามเฉินชางให้ทัน ดูแล้วยังอีกยาวไกล ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อยากกินขาหมูแล้ว!
ซื้อมามากขนาดนั้น หากตนไม่กินแล้วภรรยามาหาจะทำอย่างไร
กลุ้มใจจริงวุ้ย!
คิดถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็หันไปมองทุกคน จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “คืนนี้ภรรยาของพวกคุณไม่อยู่บ้านสินะครับ ถ้างั้นทุกคนก็มารวมตัวกันที่บ้านผมเป็นไง ผมซื้อขาหมูมาด้วย ตอนเย็นจะเอาไปตุ๋นให้ทุกคนกิน ทุกคนมาชิมกันด้วยนะครับ!”
……
……
[ติ๊ง! การผ่าตัดเปิดช่องอกเพื่อตรวจสอบและหยุดเลือดประสบความสำเร็จ เย็บหลอดเลือด…หลอดลม… ประเมินผลโดยรวมแล้วได้รับรางวัลคือ หนังสือทักษะระดับสีม่วง 1 เล่ม]
เฉินชางดีใจ ไม่เลว ได้รับหนังสือทักษะมาหนึ่งเล่ม แล้วยังเป็นระดับสีม่วงด้วย
ยังต้องรออะไรอีกล่ะ
เฉินชางรีบเปิดใช้ด้วยความคาดหวังที่อัดแน่นเต็มอก
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับทักษะการผ่าตัดโรคเลื่อนระดับปรมาจารย์ หลังจากใช้งานแล้วจะได้รับทักษะการผ่าตัดโรคเลื่อนทักษะใดก็ได้ตั้งแต่ระดับ 3 ลงไป]
เฉินชางชะงักไป
ผ่าตัดโรคเลื่อนหรือ
ผมจะเอาไอ้นี่ไปทำอะไร
แผนกฉุกเฉินมีการผ่าตัดนี้ด้วยเหรอครับ
นี่มันการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมทั่วไปไม่ใช่หรือ
เมื่อเฉินชางเห็นรางวัลที่ตนได้รับก็ตกตะลึงไปทันที
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ระบบส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นอีกครั้ง เฉินชางก็ชะงักไปโดยพลัน!
[โรคเลื่อนมีหลายประเภท รวมไปถึงภาวะสมองเคลื่อนที่[1] โรคเลื่อนบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ[2] ไส้เลื่อนที่เอว[3] ไส้เลื่อนที่เกิดบริเวณพังผืดกลางลำตัว ไส้เลื่อนกระบังลม ไส้เลื่อนกระบังลมที่ส่งผลบริเวณหลอดอาหาร ไส้เลื่อนบริเวณแผลผ่าตัด เป็นต้น]
โรคเลื่อนมีหลายชนิดขนาดนี้เชียวหรือ เฉินชางจำเป็นต้องพูดจริงๆ ว่าตัวเองมีประสบการณ์น้อยเกินไป
ถึงกับมีคนจํานวนหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องภาวะโรคเลื่อนมากนัก บางคนถึงกับเอาไปรวมกลับอายพิศม์[4]ด้วยซ้ำ
อายพิศม์คือพิษจากก๊าซที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์ หลักๆ เกิดจากการที่ไม่มีใครกำจัดซากพืชซากสัตว์อย่างมีประสิทธิภาพ รวมกับที่อากาศร้อนเกินไปจนครบเงื่อนไขที่จะก่อให้เกิดเป็นอายพิศม์ขึ้นมา
ความจริง ‘พิศม์’ ที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็น ‘อาย (ก๊าซ)’ เท่านั้น มันยังเหมารวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดจุลินทรีย์ได้ง่าย และก่อให้เกิดโรคติดต่อเช่นโรคมาลาเรียได้ง่ายด้วย
ซึ่งโรคเลื่อนก็ไม่ใช่ก๊าซ (ภาษาจีนออกเสียงคล้ายกันจึงมีคนสับสน) แต่เป็นภาวะที่อวัยวะในร่างกายเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติ จนยื่นผ่านผิวกายในส่วนที่บอบบางออกมา ยกตัวอย่างเช่นไส้เลื่อนที่เกิดจากลำไส้เล็กเลื่อนลงต่ำ โรคเลื่อนบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจก็คือการที่หัวใจเลื่อนออกจากเยื่อหุ้มหัวใจลงไปด้านล่าง เป็นต้น
หากจะเปรียบอวัยวะในร่างกายมนุษย์เป็นคน โรคเลื่อนก็คล้ายกับการที่มนุษย์สูญเสียความยับยั้งชั่งใจจนบุกเข้าไปในประตูบ้านคนอื่นนั่นเอง
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นโรคเลื่อน (ซั่งชี่ )หรืออายพิศม์ (จั้งชี่) ก็ไม่ใช่ก๊าซ (ชี่) เพียงแต่บรรพบุรุษของเราชอบคำศัพท์นี้ คำว่า ‘ชี่’ ในทางการแพทย์จีนจึงเป็นเพียงคำที่นำมาใช้อ้างอิง ไม่ได้มีความหมายว่าก๊าซเหมือนในยุคปัจจุบัน
……
หลังจากเฉินชางอ่านแจ้งเตือนของระบบอย่างละเอียดแล้วก็เข้าใจทันที
ดูแล้วเขาคงได้ทักษะที่ยอดเยี่ยมมาแล้วสินะ
ความจริงสำหรับเฉินชางแล้ว ทักษะจะยอดเยี่ยมหรือไม่ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องนำไปใช้ได้จริงต่างหากจึงจะสำคัญที่สุด ทางที่ดีขอเป็นทักษะที่พบในปฏิบัติการทางคลินิกบ่อยๆ ในตอนที่ผู้ป่วยเกิดอาการเช่นนี้จะได้ไม่รู้สึกว่าตนไร้ความสามารถ
ดูแล้วเป็นทักษะที่ไม่เลวเลย
[1] ภาวะสมองเคลื่อนที่ (brain herniation) เป็นผลข้างเคียงที่อันตรายถึงชีวิตของภาวะความดันในกะโหลกสูงมาก ซึ่งเกิดเมื่อบางส่วนของสมองถูกบีบผ่านโครงสร้างต่างๆ ภายในกะโหลก
[2] ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ (umbilical hernia) มักพบในเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด เนื่องจากผนังหน้าท้องส่วนที่อยู่ใต้ชั้นของผิวหนังยังปิดไม่สนิท ทำให้บางส่วนของลำไส้เคลื่อนตัวออกมาอยู่ใต้สะดือและดันจนสะดือโป่งหรือที่เรียกกันว่า สะดือจุ่น
[3] ไส้เลื่อนที่เอว (lumbar hernia) ระหว่างกระดูกสันหลังมีแผ่นรองที่เรียกว่าดิสก์ intervertebral แผ่นดิสก์แต่ละแผ่นมีศูนย์กลางที่อ่อนนุ่มคล้ายเจลล้อมรอบด้วยชั้นนอกที่แข็งเป็นเส้นใยเรียกว่าแกนกลาง ซึ่งไส้เลื่อนบริเวณเอวเกิดขึ้นจากการลื่นไถลหรือฉีกขาดของแผ่นดิสก์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับแรงกระแทกระหว่างกระดูกสันหลัง (อันเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหว การล้ม การยกของหนัก)
[4] อายพิศม์ – ทฤษฎีว่าด้วยไอพิษที่ระเหยจากดินและพืช หรือสิ่งโสโครก (Miasmatic Theory) ทำให้เกิดโรค เป็นความคิดความเชื่อที่สืบทอดกันมานาน ในเอกสารสมัยก่อนมีการเรียกไอระเหยเหล่านี้ว่า “อายพิศม์” ทฤษฎีดังกล่าวเป็นความเชื่อที่มีร่วมกันในหลายวัฒนธรรม ก่อนที่แพทย์จะรู้จักเชื้อโรค เช่น ในยุโรป จีน และอินเดีย เป็นต้น โดยเชื่อว่า “อายพิศม์” นั้น เป็นที่มาของโรคระบาดอย่างอหิวาตกโรคและไข้จับสั่น เป็นต้น
บทที่ 320 เตรียมรับความตกใจหรือยัง
ใบหน้าขาวๆ ของเฉินชางถึงกับแดงก่ำ!
จะน่าอายเกินไปแล้ว!
เขากระอักกระอ่วนถึงขีดสุด!
ลงมีดครั้งแรกแต่กลับกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจไม่ได้
แทบกระอักเลือดเลยทีเดียว!
เฉินชางกระแอมออกมาเล็กน้อย มองไปทางคนทั้งสองด้วยสายตาอึดอัด ไม่สิ…สามคนหรือ
เอ๋?
หัวหน้าเกามาได้ไง!
เมื่อเห็นสายตาของคนทั้งสาม เฉินชางก็ต้องสูดหายใจลึกแล้วพูดไปอย่างเขินอายว่า “ครั้งแรกครับ ครั้งแรก…”
จากนั้นก็แอบตะโกนในใจว่า
ให้ตายเถอะ จำเป็นต้องบอกไหมเนี่ย
ผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจครั้งแรกก็มีคนมาล้อมดูขนาดนี้แล้ว มันจะน่าอายเกินไปหรือเปล่า!
เมื่อได้ยินเฉินชางบอกว่าเป็นครั้งแรก เก่อฮว๋ายก็ยิ้มออกมาแล้วกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “อืมๆ เห็นได้ชัดเลยครับ”
ส่วนในใจกลับสาดคำว่า ‘ไอ้หนุ่มเจ้าแผนการ’ ออกมานับร้อยครั้งประหนึ่งสาดกระสุน
เฉินชางรวบรวมสมาธิแล้วลงมือผ่าตัดต่อไป
คราวนี้ถุงเยื่อหุ้มหัวใจถูกกรีดในแนวขวาง ระบายหนองออกมาอย่างระมัดระวัง การเคลื่อนไหวในคราวนี้ตะกุกตะกักเหมือนวัวแก่ลากเกวียน แต่ละขั้นตอนเป็นไปอย่างกระอักกระอ่วนสุดเปรียบ
คนทั้งสองที่ยืนดูอยู่ด้านหลังถึงกับเกิดความรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นมาจริงๆ
จะพูดอย่างไรดี หากเฉินชางแสดงฝีมือระดับนี้ออกมาตั้งแต่แรกก็ยังพูดกันได้และยังเข้าใจได้ แต่คุณกลับเริ่มต้นอย่างไม่มีกั๊ก ผลกลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆ ตอนนี้ก็ติดขัด จะไม่ให้รู้สึกถึงความแตกต่างได้หรือ
[มอนสเตอร์ถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันจากเชื้อแบคทีเรีย ระดับ 40 มอนสเตอร์ธรรมดา: ถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ตอนนี้กลายเป็นหนองแล้ว มีระดับความหนืดเพิ่มขึ้น หากหนองเกิดการสะสมเป็นเวลานานจะพัฒนาไปเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง]
เนื่องจากของเหลวกลายเป็นหนอง จึงระบายออกในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้จะต้องใช้วิธีการใส่สายระบายทางผิวหนัง[1]หรือ PCD ซึ่งใช้เวลานาน
การจะทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องกรีดรูเล็กๆ ที่ถุงเยื่อหุ้มหัวใจ เรียกว่าเป็นการกรีดเปิดรูที่เยื่อหุ้มหัวใจเพื่อสอดสายระบายเข้าไป
นี่…ค่อนข้างยากเลยทีเดียว
เมื่อเห็นคนทั้งสามที่อยู่ข้างๆ ทำท่าเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก เห็นสายตาคล้ายกำลังชมปาหี่ของเก่อฮว๋าย เฉินชางก็อยากโยนมีดผ่าตัดทิ้งแล้วเดินออกไปจริงๆ!
เก่อฮว๋ายกระแอมออกมาครั้งหนึ่ง
คุณแกล้งทำสินะ ยังแกล้งทำอยู่อีกหรือ
เฉินชางกัดฟัน ทำงานต่อไปอย่างระมัดระวัง จะอย่างไร…ก้าวแรกย่อมยากเสมอ เมื่อทำการผ่าตัดเคสนี้เสร็จ เขาคงต้องฝึกฝนให้มากแล้ว
การผ่าตัดดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เฉินชางคิดว่าการกรีดเยื่อหุ้มหัวใจยากเกินไปจริงๆ
การผ่าตัดไหนก็ยากทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกรีดเป็นแผลเล็กๆ เพื่อใส่สายระบายเลย
เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร ในด้านทฤษฎีนั้นง่ายมาก แค่กรีดเยื่อหุ้มหัวใจชิ้นเล็กๆ ออกชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เย็บใต้ผิวหนังก็เสร็จ ฟังดูเหมือนง่าย พูดแล้วเหมือนเป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ไม่มีความยากอะไรเลย แต่กลับทำให้เฉินชางลำบากจนแทบจะร้องไห้
ลงมีดครั้งแรก ล้มเหลว!
ลงมีดครั้งที่สอง น่าเกลียด!
ลงมีดครั้งที่สาม เล่นอะไรของคุณ…
กระทั่งตัวเฉินชางเองยังทนดูไม่ไหว ตอนนี้เขาหน้าแดงก่ำ เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้พบเจอมานานแล้ว ช่างขายหน้าจริงๆ หม่ามี้ระบบครับ ผมต้องการฝึกฝน ผมจะพยายาม ผมจะเก่งขึ้นแน่!
คนทั้งสามที่อยู่ด้านหลังมองด้วยสายตาอึ้งทึ่ง…บนใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย!
ตอนนี้เก่อฮว๋ายงงหนัก หรือว่า…เฉินชางจะไม่ได้เสแสร้งจริงๆ
เขาเพิ่งผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นครั้งแรกจริงๆ หรือ
เมื่อเห็นวิธีการผ่าตัดห่วยๆ นี่แล้ว เก้าในสิบส่วนเหมือนจะเป็นเช่นนั้น!
ถึงกับ…หน้าแดงหมดแล้ว เหงื่อก็เริ่มไหลซึมออกมา
เก่อฮว๋ายชะงักไปเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเข้าใจไอ้หนุ่มคนนี้ผิดไป นี่เป็นครั้งแรกของคุณเขาจริงๆ สินะ
ในที่สุดเมิ่งซีก็เข้าใจความคิดของเฉินชางแล้ว ดูท่าทางจะเป็นการผ่าตัดครั้งแรกจริงๆ เฉินชางบอกว่าเขาผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจครั้งแรก ไม่ได้บอกว่าผ่าตัดทรวงอกเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ตอนนี้เมื่อดูแล้วเฉินชางไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ
เขาผ่าตัดทรวงอกได้สุดยอดมากๆ โดยเฉพาะการผ่าเปิดช่องอกที่ทำได้ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ แม้อายุยังน้อยแต่ก็มีฝีมืออยู่ในระดับของประมาจารย์แล้ว ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ!
แต่ว่า…เมื่อหันกลับมามองการผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจนี้แล้ว อืม…หากจะพูดว่าเป็นมือใหม่แกะกล่องก็คงไม่เกินไป
เขาลงมีดกรีดถุงหุ้มหัวใจไปกี่ครั้งแล้วนะ แค่แผลเล็กๆ ก็ยังทำไม่ได้ จะอ่อนหัดเกินไปหรือเปล่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้เมิ่งซีก็ถอนใจออกมา ดูท่าทางกว่าเฉินชางจะมีระดับฝีมือเหมือนทุกวันนี้ได้ คงใช้ความพยายามไปหมดแล้วสินะ
เธอประเมินเขาสูงเกินไปหรือเปล่า
ส่วนซย่าเกาเฟิงแม้จะมองอย่างกระอักกระอ่วนจนอาการคล้ายคนถูกมะเร็งลุกลาม แต่ว่า…แต่ว่าเมื่อซย่าเกาเฟิงย้อนนึกไปถึงการผ่าตัดของเฉินชางอย่างจริงจังอีกครั้ง จู่ๆ ก็รู้สึกหนังตากระตุก
เพราะแม้ว่าการผ่าตัดของเฉินชางจะไม่เข้าตา แต่…แต่เป้าประสงค์ในการผ่าตัดของเฉินชางชัดเจนมาก และที่สำคัญที่สุดก็คือเฉินชางเลือกวิธีการผ่าตัดได้ไม่เลวเลย!
การผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจก็มีหลายวิธี ทุกวิธีจะเหมาะกับลักษณะอาการที่แตกต่างกันออกไป และจะใช้เทคนิคที่แตกต่างกัน
วิธีที่เฉินชางทำ หากวางเทคนิคการผ่าตัดเอาไว้ข้างๆ แล้วมองใหม่ก็นับว่าไม่เลวเลย
อย่างแรกก็คือการผ่าเปิด เลือกได้สุดยอด!
ไม่ต้องแยกอวัยวะให้มากมาย ทำให้เกิดการบาดเจ็บน้อย ไม่ง่ายเลยกว่าจะเข้าไปถึงช่องอกและช่องท้องได้ ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงและของเหลวในถุงเยื่อหุ้มหัวใจกลายเป็นหนองไปแล้วเช่นเคสนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซย่าเกาเฟิงก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งๆ ที่เลือกวิธีการผ่าตัดได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เทคนิคการผ่าตัดกลับธรรมดา ทำได้อย่างไรกัน
หรือนี่จะเป็นพรสวรรค์!
คิดถึงตรงนี้ซย่าเกาเฟิงก็รู้สึกว่าเฉินชางยอดเยี่ยมไปเลย สุดท้ายจึงอดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน…นี่คุณ…ผ่าตัดแบบนี้เป็นครั้งแรกหรือครับ”
เฉินชางอายจนหน้าแดง กระอักกระอ่วนขั้นสุด มันชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ นี่ผมเดินหน้าเต็มกำลังแล้วนะ
คิดดังนั้นเฉินชางก็อดถอนใจไม่ได้ “ใช่ครับ เป็นครั้งแรก”
ซย่าเกาเฟิงยิ้มบางๆ จากนั้นจึงพยักหน้า “อืม ไม่เลว มีพรสวรรค์มาก สู้ต่อไปนะครับ!”
เก่อฮว๋ายที่อยู่ข้างๆ ตาค้างไปแล้ว!
หัวหน้า!
หัวหน้าครับ!
คุณช่วยพูดอะไรที่มันมีมโนสำนึกบ้างได้หรือเปล่า หัวหน้าเมิ่งยังสัมผัสกับมโนสำนึกของตัวเองได้แล้ว แต่คุณในฐานะที่เป็นลูกพี่ใหญ่ทำไมพูดอะไรไร้สำนึกแบบนี้ล่ะ
คุณดูตรงไหนถึงบอกว่ามีพรสวรรค์
คุณดูตรงไหนถึงรู้สึกว่าไม่เลว!
เก่อฮว๋ายทอดถอนใจออกมา ปลอมเปลือกเกินไปแล้ว
ความจริงนี่เป็นเพราะระดับงานไม่เท่ากัน จุดยืนของซย่าเกาเฟิงสูงกว่าเก่อฮว๋ายไปมากแล้ว เพียงเขามาดูการผ่าตัดเคสนี้ไม่นานก็พบจุดที่เปล่งประกายและจุดที่ยังไม่ดีพอได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกันแล้วเก่อฮว๋ายยังอ่อนเยาว์เกินไป
ในที่สุด…ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด สุดท้ายการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น…
เฉินชางรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการผ่าตัดทำให้เหนื่อยใจขนาดนี้
แต่ยังดีที่ทำเสร็จ ประสบความสำเร็จอย่างสูง!
[ติ๊ง! กำจัดมอนสเตอร์ถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันจากเชื้อแบคทีเรียสำเร็จ ได้รับคะแนนทักษะ +1]
[ภารกิจปัจจุบัน: ผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจให้สำเร็จ 5 เคส
สถานะดำเนินการ: 1/5]
เฉินชางถอนใจออกมา ไม่เลวในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามทั้งสามคู่ เฉินชางก็อดแค่นเสียงออกมาไม่ได้
รอก่อนเถอะ พวกคนธรรมดาเอ๋ย
ยังขาดอีกสี่เคส ถึงตอนนั้น ผู้แซ่เฉินอย่างผมจะเปล่งประกายจนทิ่มตาพวกคุณทั้งหมดให้ดู
[ติ๊ง! ภารกิจต่อเนื่องที่ 3 การทดสอบของเมิ่งซีสำเร็จแล้ว เมิ่งซีค่อนข้างพอใจ ได้รับค่าความรู้สึกดี +5]
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจต่อเนื่องที่ 4 ทำการผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เฉียบคมหนึ่งเคส ให้เมิ่งซีตกใจจนสั่นสะท้าน จะได้รับค่าความรู้สึกดี +10 เวลาจำกัด: 5 วัน]
เฉินชางดวงตาเปล่งประกาย อาจารย์เมิ่ง เตรียมตกใจไว้ให้ดีเถอะ!
[1] การใส่สายระบายผ่านทางผิวหนัง (Percutaneous Drainage) เป็นการนำของเสียที่อยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำปัสสาวะ หรือน้ำดีที่ตกค้างในร่างกายหรือมีการอุดตันของท่อระบายปกติของร่างกายออกมาจากร่างกายด้วยวิธีใส่สายระบายผ่านทางผิวหนัง