เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 333 ปรมาจารย์!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 333 ปรมาจารย์!

เตรียมการผ่าตัดฉุกเฉิน!

ทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ต่างเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ

การผ่าตัดฉุกเฉินก็คือการผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน เป็นการผ่าตัดเร่งด่วนที่ไม่ได้ทำในห้องผ่าตัด

เร่งด่วนมาก!

อะไรคือเร่งด่วนมาก?

เร่งด่วนมากหมายถึง อัตราการตายจะเพิ่มสูงขึ้นในทุกวินาทีที่ผ่านไป

ต้องทราบว่าห้องฉุกเฉินไม่ใช่ห้องผ่าตัด ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมปลอดเชื้ออย่างสมบูรณ์! หากทำการผ่าตัดที่นี่ก็หมายถึงต้องเสี่ยงอันตรายทุกขณะ ต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนโดยยอมเสี่ยงอันตรายที่จะติดเชื้อหรืออันตรายด้านอื่นๆ เมื่อเป็นเช่นนี้จะเห็นได้ว่าการผ่าตัดมีความสำคัญมากเพียงใด

จางเทาหน้าเปลี่ยนสี กระทั่งฉินเยว่ก็ตกใจจนหน้าถอดสี

ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ขณะนี้พวกเขายังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

ทางด้านหมออัลตร้าซาวด์ เมื่อเห็นผลตรวจแล้วก็ทันคิดไปถึงเรื่องน่ากลัวอย่างหนึ่ง “หมอเฉิน…คุณจะบอกว่า…เป็นโรคเลื่อนบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจหรือ”

เฉินชางมีสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวอย่างจริงจังว่า “ใช่ครับ! น่าจะเป็นโรคเลื่อนบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ”

เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ หมอที่อยู่ในห้องฉุกเฉินทั้งหมดต่างก็หน้าเปลี่ยนสี! จางเทายกโทรศัพท์ขึ้นด้วยความกระวนกระวาย เขาโทรหาแผนกศัลยกรรมหัวใจ ทว่าในใจเขาย่อมกระจ่างแจ้งดีว่านี่เป็นอาการป่วยแบบใด

นี่คืออาการป่วยที่อาจทำให้เกิดการตายอย่างกะทันหัน!

เฉินชางมองไปทางจางเทาและฉินเยว่ กล่าวเสียงดังว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนก! เสี่ยวหลินเตรียมเครื่องมือ พี่ฉางเตรียมของ เตรียมยาฆ่าเชื้อ…”

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาทำงานของโรงพยาบาล ทุกคนจึงยังอยู่ในโรงพยาบาล เฉินชางร้องขอการผ่าตัดในห้องฉุกเฉินกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ทุกคนเกิดความสนใจขึ้นมาทันที

จางเทาเป็นหมอระดับแพทย์เจ้าของไข้แล้ว แต่ในชั่วขณะนี้กลับทำอะไรไม่ถูก โรคฉุกเฉินเช่นนี้ก็คล้ายกับสายฟ้าที่ฟาดใส่หัวตรงๆ

หากจะถามว่าเขาเป็นหมอประจำแผนกฉุกเฉิน เช่นนั้นเคยเจอเรื่องเกี่ยวพันกับความเป็นความตายเช่นนี้มากหรือไม่ ก็ต้องตอบเลยว่ามาก!

อาการป่วยเช่นนี้มักจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย บางครั้งผลตรวจต่างๆ อาจมาไม่ทัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รักษาไม่ทันกาล จนนำไปสู่ความตาย

บางทีอาจมีคนสงสัยว่าเหตุใดโรคเลื่อนจึงได้ดูสาหัสขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงหัวใจออกมาจากประตูบ้านตัวเองหรือ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์นี้ก็เปรียบเหมือนกับว่าตอนที่หัวใจอยากออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ทันได้ออกไปสุดตัวก็ถูกประตูหนีบเอาไว้ก่อน!

โรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจก็หมายถึงเช่นนี้เอง! ปกติแล้วความเสียหายของถุงเยื่อหุ้มหัวใจจะเกิดบริเวณฐานของหัวใจ ในตอนที่ได้รับแรงกระแทก ถุงเยื่อหุ้มหัวใจก็จะร้าว เช่นนั้นตอนนี้สิ่งที่อันตรายที่สุดคืออะไร

มันก็คือการที่หัวใจเคลื่อนตัวออกมาผ่านรอยร้าวของถุงเยื่อหุ้มหัวใจและถูกหนีบไว้นอกถุงหุ้มหัวใจนั่นเอง

หัวใจมีขนาดใหญ่! แต่รอยร้าวไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น! นั่นจึงทำให้หัวใจถูกถุงเยื่อหุ้มหัวใจหนีบเอาไว้ โดยปกติแล้วพื้นผิวของหัวใจไม่ได้มีความลื่น ทั้งยังมีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย หากหัวใจถูกถุงเยื่อหุ้มหัวใจหนีบ หลอดเลือดเหล่านั้นก็จะถูกหนีบตามไปด้วย!

เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่ถูกอำพรางด้วยคุณลักษณะทางฟิสิกส์!

เมื่อหัวใจถูกหนีบ จะทำให้เส้นทางไหลย้อนของหลอดเลือดดำถูกสกัดกั้น เมื่อเลือดไหลผ่านบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจก็จะทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลง และเนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบจากการถูกถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เสียหายบดเบียด จึงตามมาด้วยภาวะเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่พอ ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้จะต้องรีบผ่าเปิดช่องอกโดยเร็วที่สุด รีบนำหัวใจกลับสู่ตำแหน่งเดิม จากนั้นก็เย็บปิดถุงเยื่อหุ้มหัวใจ

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่มีความอันตรายสูงมาก

การวินิจฉัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากพบช้าเกินไปแล้วทำการรักษาเหมือนเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายตามปกติ ก็จะทำให้การรักษาถูกยืดเยื้อออกไปจนนำไปสู่ความตาย ซึ่งความตายจะมาเยือนเร็วกว่าการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายธรรมดามาก เร่งด่วนยิ่งกว่าและอันตรายยิ่งกว่า

กล่าวอีกอย่างก็คือ เหมือนกับลำคอของคุณถูกเสื้อผ้ารัดจนแน่น หากไม่รีบคลายเสื้อผ้าออกก็จะถูกบีบจนตาย

ภายในห้องฉุกเฉินของแผนกฉุกเฉินจมลงสู่บรรยากาศการทำงานที่เป็นไปอย่างมีขั้นมีตอนและรวดเร็ว

ฉากแรกเริ่มขึ้นแล้ว การจัดเตรียมห้องผ่าตัดอย่างง่ายเสร็จสมบูรณ์!

การผ่าตัดเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ฉินเยว่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยอาการไม่สบายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอร่วมผ่าตัดหัวใจ

ในวงการศัลยแพทย์ สัญชาตญาณของคนเราจะทำให้รู้สึกว่าการผ่าตัดบางประเภทเป็นเรื่องยาก การผ่าตัดเหล่านั้นได้แก่การผ่าตัดหัวใจและการผ่าตัดสมอง ไม่ว่าใครที่มีส่วนร่วมในการผ่าตัดสองประเภทนี้ สัญชาตญาณของมนุษย์จะทำให้เกิดความรู้สึกว่ามันอันตราย ซึ่งไม่ใช่เพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ กระทั่งผู้ที่ทำงานทางการแพทย์ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นในตอนที่เฉินชางเปลี่ยนอาชีพจึงเลือกศัลยกรรมหัวใจและศัลยกรรมทรวงอกก่อน

หัวใจและทรวงอกไม่แบ่งแยก ดังนั้นหากต้องการเชี่ยวชาญการผ่าตัดหัวใจ ย่อมขาดการผ่าตัดทรวงอกไปไม่ได้เลย

ฉินเยว่เป็นห่วงเฉินชาง จะอย่างไรเฉินชางก็เพิ่งเรียนการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหัวใจไปได้เพียงไม่กี่วัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในตอนที่ฉินเยว่สบตากับเฉินชาง เธอกลับรู้สึกถึงความเชื่อใจและความสงบใจไปตามสัญชาตญาณ ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

เฉินชางมองฉินเยว่แล้วพูดว่า “ฉันจะเจาะ เธอคอยดูดเลือด!”

ฉินเยว่พยักหน้า

หมออัลตร้าซาวด์เริ่มตรวจคลื่นหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เฉินชางหยิบเข็มสำหรับเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจขึ้นมา สูดหายใจลึกๆ แล้วเริ่มเจาะเข้าไปอย่างเชื่องช้า ทว่าตำแหน่งที่เขาเลือกเจาะไม่ใช่ตำแหน่งที่สมควรเจาะ! แต่ตอนนี้กลับจำเป็นต้องเจาะเข้าทางนี้

จางเทาอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป “เสี่ยวเฉิน…”

เฉินชางไม่รอให้เขาพูดจบก็รีบอธิบายขึ้นก่อน “บริเวณที่หัวใจถูกหนีบย้ายตำแหน่งแล้ว เจาะตำแหน่งนี้จะปลอดภัยที่สุดครับ”

จางเทาจึงค่อยกระจ่างแจ้งขึ้นมา

เมื่อดูดเลือดออกมาพบว่ามีประมาณ 100 ml นี่ทำให้จางเทาที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ตกใจมาก ลองคิดดูสิว่ามีเลือดปริมาณ 100 ml ไปอัดกันอยู่ในถุงเยื่อหุ้มหัวใจ มันจะมีแรงบีบหัวใจขนาดไหนกัน

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

เดิมทีหัวใจก็อยู่ในภาวะถูกหนีบ เลือดจำนวนนี้ก็ไปกดเบียดหัวใจซ้ำสอง ตอนนี้เลือดถูกดูดออกมาแล้ว ความดันโลหิตของผู้ป่วยจึงเริ่มสูงขึ้น!

กระบวนการนี้ทำให้ผู้ป่วยถูกดึงกลับมาจากขอบเหวแห่งความอันตราย! ทว่านี่เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นการช่วยเหลือ

เฉินชางหยุดมือ ดึงเข็มเจาะออกมาวางไว้ข้างๆ จากนั้นฉินเยว่ก็ส่งมีดผ่าตัดให้ เขารับมีดมาแล้วผ่าเปิดตรงกลางอก!

ก่อนจะเลือกตำแหน่งนี้ เฉินชางพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เพราะตำแหน่งนี้ไม่เพียงแต่จะเห็นหัวใจและเส้นเลือดทั้งหมด แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการนำหัวใจกลับเข้าที่อีกด้วย

หลายนาทีต่อมา ช่องอกถูกผ่าเปิด เขาเห็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจอย่างรวดเร็ว หัวใจสีแดงปนม่วงปรากฏให้เห็นนอกถุงเยื่อหุ้มหัวใจ มันกำลังเต้นตุบๆ อย่างอ่อนแรง! คล้ายจะหยุดเต้นในวินาทีต่อไปอย่างไรอย่างนั้น!

ปกติหัวใจจะเป็นสีแดงซึ่งเป็นสีของเลือด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีม่วงเข้มแล้ว! สถานการณ์นี้หมายถึงอะไร ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี

ยังดีที่ตรวจเจอทันเวลา…หากยืดเยื้อต่อไป แม้จะฟื้นตัวได้ แต่จะมีการตายของเนื้อเยื่อหรือไม่ก็ยังเป็นปัญหา

กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นเพียงภาวะที่อาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันจนเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ แต่ตอนนี้หัวใจครึ่งล่างถูกบีบเอาไว้! ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร คุณคงจินตนาการไม่ออกแน่ๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

ในชั่วขณะที่ทุกคนมองเห็นมันก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง เหงื่อซึมออกมาไม่หยุด

ยังดีที่เฉินชางตรวจเจอ!

ทุกคนรู้สึกโชคดีและทอดถอนใจ แม้แต่เฉินชางก็ยังรู้สึกหวาดกลัว เพราะตอนนี้ในดวงตาของเขาปรากฏรายชื่อสีแดงม่วงออกมาให้เห็นแล้ว

[มอนสเตอร์โรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจ: เลเวล 55 ระดับบอส

เนื่องจากแรงเบียดของถุงเยื่อหุ้มหัวใจทำให้หัวใจตกอยู่ในภาวะถูกหนีบ ทำให้เกิดหลอดเลือดตีบตันจนหัวใจขาดเลือด เป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียนโลหิตของเส้นเลือดดำ!]

ในตอนที่เห็นแจ้งเตือนของระบบ เฉินชางก็รู้สึกกลัวไปหมด!

มอนสเตอร์บอสเลเวลห้าสิบห้า เฉินชางเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก นี่อาจเป็นการผ่าตัดระดับสูงที่สุดเท่าที่เฉินชางเคยพบ นอกจากนี้ การผ่าตัดโรคเลื่อนที่เกิดบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจถือเป็นการผ่าตัดระดับสามของแผนกศัลยกรรมหัวใจ ระดับความยากยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!

สิ่งสำคัญที่สุดยังคงเป็นการซ่อมแซมถุงเยื่อหุ้มหัวใจและหาตำแหน่งดีๆ ให้หัวใจ

เฉินชางเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด รีบเปิดใช้หนังสือทักษะสีม่วง เลือกทักษะเกี่ยวกับโรคเลื่อนภายในเยื่อหุ้มหัวใจแล้วกดกระตุ้นใช้งานทันที

ที่เฉินชางเลือกใช้งานในตอนนี้ก็เพื่อจะได้รู้จักความหวาดกลัวก่อน จากนั้นค่อยเรียนรู้ที่จะรักษา! เขาต้องเห็นสภาพหัวใจถูกหนีบเสียก่อน จากนั้นในตอนฝึกพิเศษจึงจะรู้ว่าต้องศึกษาวิธีการรับมืออย่างไร

ถึงอย่างไรการฝึกพิเศษก็ไม่ทำให้เสียเวลาในความเป็นจริง ไม่ส่งผลกระทบต่อการกู้ชีพฉุกเฉิน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เลือกเข้าไปในมิติฝึกซ้อมทันที

โบราณว่าฝึกฝนบ่อยๆ ย่อมเกิดความเชี่ยวชาญไปเอง เฉินชางผ่านการฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน เรียนรู้การผ่าตัดมานับไม่ถ้วน หลังจากมีประสบการณ์เกี่ยวกับการผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจและโรคหัวใจถูกบีบแต่ละประเภทแล้ว ระดับฝีมือและเทคนิคของเฉินชางก็พัฒนาไม่หยุด

……

ไม่ทราบว่าเวลาภายในมิติจำลองผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลังจากผ่านการประเมิน ทักษะของเฉินชางก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง!

[ติ๊ง! ทักษะการผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจ: ระดับปรมาจารย์

คุณสมบัติพิเศษ:

1. การซ่อมแซมที่แม่นยำ: การซ่อมแซมที่แม่นยำจะทำให้ถุงเยื่อหุ้มหัวใจอยู่ในภาวะเสถียร ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับอวัยวะรอบด้าน

2. ป้องกันการเกิดพังผืดที่หัวใจ: ถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่ถูกรักษาซ่อมแซมแล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและถุงเยื่อหุ้มหัวใจ ทั้งยังป้องกันการเกิดพังผืดอีกด้วย]

เวลาผ่านไปเพียงพริบตา เฉินชางก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ในตอนนี้เมื่อเขามองไปยังหัวใจอีกครั้ง สมองของเฉินชางก็วางแผนการผ่าตัดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ของผู้ป่วยได้แล้ว

เฉินชางสูดหายใจลึกๆ ยกมีดผ่าตัดขึ้น จากนั้นก็เริ่มลงมือผ่าตัด!

ในตอนนี้ไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีคนหลายคนเดินเข้ามาด้านหลัง แต่ละคนต่างเบิกตากว้าง จับจ้องหัวใจสีม่วงดวงนั้น ความรู้สึกหวาดกลัวระลอกหนึ่งเริ่มแผ่ออกมาจากหัวใจ!

นี่…เสียเวลาไม่ได้แม้แต่น้อยจริงๆ!

บทที่ 328 VIP สุดพิเศษ

ไม่นานการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น สัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ในภาวะเสถียร

ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดคั่งในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากการมีเลือดออกในช่องอกและมีหลอดเลือดแดงใหญ่เสียหายคนนี้ถูกช่วยชีวิตไว้สำเร็จ

ภายในห้องมีเสียงปรบมือดังขึ้น เฉินชางทราบดีว่าเสียงปรบมือเหล่านี้มอบให้แก่ทุกคน นี่ไม่ใช่ผลงานของเขาเพียงคนเดียว เป็นการร่วมมือกันของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่

การผ่าตัด ไม่เคยมีวีรบุรุษผู้โดดเดี่ยวที่ต่อสู้เพียงลำพัง

ผู้ป่วยถูกย้ายไปอยู่ห้อง ICU จำเป็นต้องจับตาดูอาการเพื่อรักษาต่อไป

เฉินชางบอกลาทุกคนแล้วกลับไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว การผ่าตัดกินเวลาไปสามชั่วโมง ไม่นับว่านานเท่าไหร่

เฉินชางเพิ่งจะเดินเข้ามาที่ห้องหมอของแผนกฉุกเฉิน หวังหย่งก็รีบเดินเข้ามาพูดว่า “เมื่อกี้หัวหน้าตามหาคุณอยู่ ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะครับ”

เฉินชางชะงักไป “มีอะไรครับ”

หวังหย่งหนังตากระตุก “ผมก็ไม่รู้ชัด แต่…ดูเหมือนหัวหน้ามีท่าทางหน้าดำคร่ำเครียด เหมือนจะไม่สบอารมณ์เอามากๆ คุณก็ระวังหน่อยเถอะ”

เฉินชางชะงักไป

หัวหน้าหลี่มีวันที่หน้าขาวด้วยหรือ

ว่าแต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมโทรกลับไปหาหัวหน้าหลี่ แต่เมื่อหยิบมือถือออกมาแล้วกลับเห็นว่ามีเบอร์ที่ไม่ได้รับถึงสิบเจ็ดสิบแปดสาย

เฉินชางชะงักไปทันที

ให้ตายเถอะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อครู่นี้เขากำลังผ่าตัดอยู่จึงตั้งโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบเอาไว้ พอออกมาแล้วก็ลืมดู ตั้งแต่เที่ยงถึงสี่โมงมีสายที่ไม่ได้รับสิบเจ็ดสิบแปดสาย เว่อร์วังจริงๆ

ถานจงหลินโทรมาห้าหกสาย

หลี่เป่าซานสามสาย

ฉินเสี้ยวหยวนสองสาย

หยางเทาสองสาย

ฉินเยว่หนึ่งสาย

มีเบอร์ไม่คุ้นอยู่บ้าง ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ก็ดูทรงอำนาจจริงๆ เป็นเลขที่เรียงต่อกันอย่างสวยงาม

เฉินชางคิดไปคิดมา ตัดสินใจแล้วว่าจะ ‘โปรดปราน’ ฉินเยว่เป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้จึงโทรหาฉินเยว่ก่อน “ฮัลโหล เป็นอะไรไป คิดถึงฉันเหรอ”

ฉินเยว่หัวเราะแล้วพูดหยอกล้อไปว่า “คิดถึงนายเนี่ยนะ ตื่นค่ะ! พ่อฉันโทรหานายแล้วนายไม่รับเลยคิดว่าถูกบล็อคเบอร์ ก็เลยให้ฉันโทรหานายน่ะ”

เฉินชางเหงื่อออกท่วมหัวโดยพลัน ผู้อำนวยการฉินคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้สูงส่งแท้ๆ ทำไมถึงได้คิดอะไรบ้าบอแบบนี้นะ

เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “เปล่าๆ ฉันจะกล้าบล็อกเบอร์พ่อของเธอได้ไงล่ะ! ไม่มีเรื่องอื่นใช่ไหม แล้วผู้อำนวยการฉินมีธุระอะไรกับฉันเหรอ”

ฉินเยว่พยักหน้า “ล้อเล่นน่ะ มีคนไข้คนหนึ่ง มีแผลบนหน้า ต้องการเย็บตกแต่ง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแนะนำมาถึงได้รีบร้อนอยากให้นายไปเย็บให้ขนาดนั้น”

จากนั้นฉินเยว่ก็รีบพูดต่อไปว่า “คนไข้คนนี้ยังรอนายอยู่เลย ระวังตัวด้วยนะ ครอบครัวของคนคนนี้มีฝีมือมากทีเดียว”

เฉินชางชะงักไป “มีฝีมือเหรอ หมายถึงอะไร”

ฉินเยว่ตอบ “พ่อของเขาเป็นผู้ประกอบการที่โด่งดังในเมืองอันหยางของพวกเรา เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่สำคัญที่สุดก็คือคนคนนี้ค่อนข้าง…เกรียนน่ะ สรุปคือระวังตัวไว้หน่อยก็พอ”

หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้วเฉินชางก็โทรกลับไปหาฉินเสี้ยวหยวนต่อ

เวลานี้ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาล มีหญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้กับเด็กชายคนหนึ่ง ฉินเสี้ยวหยวนนั่งตรงข้ามพวกเขา กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกันอยู่

เมื่อเห็นเฉินชางโทรมาฉินเสี้ยวหยวนก็รีบรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล เสี่ยวเฉิน คุณผ่าตัดเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

เฉินชางชะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบพยักหน้าตอบ “ครับผู้อำนวยการฉิน ผมผ่าตัดเสร็จแล้ว ตอนนี้อยู่ที่แผนกแล้วครับ”

ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “อืม เสี่ยวเฉิน ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง ลูกของเขามีแผลบนใบหน้า อยากจะจัดการให้ดีสักหน่อย เดี๋ยวผมจะพาพวกเขาลงไปหานะครับ”

เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว ฉินเสี้ยวหยวนก็มองไปที่คนทั้งสองพลางกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้ม “คุณหยาง ไปเถอะ พวกเราลงไปกัน เสี่ยวเฉินผ่าตัดเสร็จแล้ว”

หยางชุนฮว๋าพยักหน้าเล็กน้อยแล้วฉีกยิ้มออกมา “งั้นรบกวนผู้อำนวยการฉินด้วยนะคะ รู้สึกเกรงใจจริงๆ”

ฉินเสี้ยวหยวนรีบโบกมือ “เกรงใจอะไรกันครับ ไปเถอะ พวกเราลงไปด้วยกัน”

……

เมื่อเฉินชางเห็นฉินเสี้ยวหยวนพาคนทั้งสองมาด้วยตนเองก็ส่ายหน้ายิ้มๆ ความจริงแล้วผู้ป่วย VIP ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นมิตร ทั้งยังมีคุณสมบัติในด้านต่างๆ สูงด้วย

หากจะว่ากันตามตรง คนที่จะเข้าไปอยู่ในสังคมชั้นสูงได้อย่างแท้จริงนั้นย่อมได้รับการอบรมเรื่องมารยาทและการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นมาอย่างเข้มงวด ตอนที่พูดคุยหรือต้องเข้าไปสัมผัสกับพวกเขา คุณจะรู้สึกได้ถึงความสบายใจ นี่ก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง

ในหลายๆ ครั้ง คุณจะสัมผัสได้ว่าการประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

อย่างไรก็ตาม การจะได้เจอคนไข้ VIP ในแผนกฉุกเฉินเช่นนี้เป็นไปได้ยากมากจริงๆ ใครบ้างจะมาหาหมอแผนกฉุกเฉินหากไม่เป็นอะไร

อันที่จริงโรงพยาบาลก็มีคนวงในเป็นจำนวนมาก งานของบางแผนกก็ทำให้ใกล้ชิดกับคนระดับสุดยอดเหล่านั้นได้ง่าย และบางแผนกก็มีผู้ป่วยที่มาจากครอบครัวยากลำบากค่อนข้างมาก

ตัวอย่างเช่น แผนกผู้ป่วยพิเศษ แผนกผู้สูงวัย แผนกสมองและระบบประสาท ผู้ป่วยในแผนกเหล่านี้ค่อนข้างพิเศษ สองแผนกแรกเป็นแผนกที่รวมยอดคนเอาไว้ มักจะเจอข้าราชการระดับสูงอยู่เสมอ ส่วนแผนกสมองและระบบประสาทก็มีผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่นมาใช้บริการไม่น้อย

หากเทียบกันแล้ว แผนกฉุกเฉิน แผนกโรคปอด แผนกเนื้องอกวิทยา แผนกเหล่านี้พบเจอเหล่าบุคคลผู้ยอดเยี่ยมได้ยากมาก ผู้ป่วยในแผนกโรคปอดมักจะผอมๆ ดำๆ ฐานะทางครอบครัวก็ธรรมดา ส่วนแผนกเนื้องอกวิทยาของโรงพยาบาลอันดับสองก็เป็นเช่นเดียวกัน ผู้ป่วยบางคนจ่ายเงินค่าแอดมิดไม่ไหวด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคนมีเงินก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนฐานะธรรมดาเสียมากกว่า เพราะหากคนมีเงินเป็นโรคเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยอมไปโรงพยาบาลใหญ่หรือไปรักษาที่ต่างประเทศเลยด้วยซ้ำ

ส่วนแผนกฉุกเฉิน…ปกติก็ไม่มีคนใหญ่คนโตอะไร ถึงอย่างไรก็คงมีวาสนาพบหน้ากันครั้งเดียว แผนกฉุกเฉินก็เหมือนกับสถานีรับส่งผู้ป่วย ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในแผนกนี้นานเท่าไรนัก

นี่เป็นเพียงการประมาณการอย่างหนึ่งเท่านั้น ใช้กับทุกคนไม่ได้

เฉินชางมองไปยังเด็กชายที่สวมชุดแบรนด์เนมทั้งตัว มีผ้าก๊อซติดอยู่ตั้งแต่ลำคอถึงใบหน้า ไม่มีรอยเลือดแล้ว คงจะถูกรักษามาก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่อฉินเสี้ยวหยวนเห็นเฉินชางก็รีบพูดขึ้นว่า “นี่คือเฉินชางที่พวกคุณต้องการพบครับ หมอเฉิน!”

หญิงวัยกลางคนเห็นเฉินชางก็ชะงักไปเล็กน้อย

หนุ่มขนาดนี้เชียว เป็นเขาหรือ

หญิงคนนี้สวมชุดกี่เพ้าสไตล์จีน ดูแล้วให้ความรู้สึกสง่างาม “หมอเฉิน สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการหยางเทาแนะนำดิฉันมา ได้ยินว่าคุณเชี่ยวชาญเรื่องการเย็บผิวหนัง คราวนี้ต้องรบกวนคุณแล้วนะคะ”

เธอมีท่าทางเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างมาก กล่าวแต่ละคำก็นุ่มนวลนิ่งเรียบ ไม่มีช่องว่างให้เห็นแม้แต่น้อย

เมื่อครู่เฉินชางโทรกลับไปหาหยางเทาแล้ว หยางเทาก็เล่าเรื่องครอบครัวผู้ป่วยให้ฟังแล้วและยังไหว้วานให้เฉินชางช่วยดูแลอีกด้วย ดังนั้นเฉินชางจึงพยักหน้าแล้วยิ้มตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ “ไม่รบกวนครับ ไม่รบกวน”

ส่วนเด็กชายคนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่พูดอะไรเลย เขามีสีหน้าอึมครึม มองเฉินชางอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

เมื่อหยางชุนฮว๋าเห็นท่าทางของลูกชายตนเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนแล้วจริงๆ

ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นทุกคนก็รีบกล่าวทักทาย

เฉินชางพาทุกคนไปยังห้องหัตถการ เรียกเด็กชายให้มานั่ง จากนั้นจึงแกะผ้าก๊อซบนหน้าออก บาดแผลพลันปรากฏให้เห็น…มันไม่ใช่บาดแผลจากของมีคม ไม่ใช่บาดแผลจากสิ่งอื่นใด แต่เป็นบาดแผลที่ดูเหมือนกับถูกผู้หญิงใช้เล็บข่วน แถมยังมีความตื้นลึกไม่เท่ากันด้วย

เฉินชางขมวดคิ้วโดยพลัน บาดแผลจากการถูกข่วนแบบนี้จัดการยากที่สุดแล้ว และจะเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย มีหลายคนที่ถูกข่วนหน้ามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ และไม่ได้จัดการให้ดี ปัจจุบันก็ยังมีร่องรอยปรากฏให้เห็น

แม้ว่าบาดแผลเช่นนี้ดูแล้วเหมือนไม่หนัก แต่ก็เป็นบาดแผลภายนอก และ…หากอยากรักษาให้มองไม่ออกก็ต้องจัดการให้ดี

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็พูดไปตามจริงว่า “ไปห้องผ่าตัดเถอะครับ”

หลายคนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วโดยพลัน “สาหัสขนาดนั้นเลยหรือคะ”

เฉินชางพยักหน้า “ถึงแผลจะไม่ใหญ่ แต่มีการติดเชื้อบ้างแล้วครับ ยิ่งไปกว่านั้นดูแล้วคงเป็นแผลจากการถูกข่วน ต้องกำจัดผิวหนังส่วนที่เสียหายออกไปแล้วคิดหาวิธีเย็บตกแต่ง ห้องหัตถการมีข้อจำกัดด้านความสะอาดและด้านอื่นๆ ดังนั้นรีบไปเตรียมตัวผ่าตัดเถอะครับ”

เมื่อหยางชุนฮว๋าได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ากังวล “ได้ๆๆ ต้องทำยังไงคะ หมอเฉินจัดการได้เลยนะคะ”

เฉินชางตอบอืมไปคำหนึ่ง “ไปทำเรื่องตามขั้นตอนก่อนครับ แล้วก็เตรียมผ่าตัด”

บทที่ 321 ให้ตายเถอะ จริงๆ เลย!

เฉินชางไม่พอใจกับค่าความรู้สึกดีที่ได้รับในวันนี้เลย! อาจเรียกได้ว่าแค่ค่อนข้างพอใจเท่านั้น เพราะได้ค่าความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นมาแค่ห้าคะแนน

ค่าความรู้สึกดีสามสิบสามคะแนนมีประโยชน์อะไร

เฉินชางเพิ่งคิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็หันมามองเขาแล้วพูดว่า “สองวันนี้คุณก็มาบ่อยหน่อยนะคะ ฉันจะให้คุณทำเคสผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่มีในสองวันนี้”

เฉินชางพลันดวงตาสว่างวาบ “ผมหรือครับ ผม…ให้ผมทำได้หรือ”

น้ำเสียงของเมิ่งซีไม่มีสะดุดเลยสักนิด ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจสายลม “ถ้าคุณทำไม่ได้ก็ช่างเถอะค่ะ”

เฉินชางสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน “ผมทำได้! ผมทำได้ ทำได้แน่นอน!”

เฉินชางจะพูดว่าตัวเองทำไม่ได้ได้ด้วยหรือ ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งจริงๆ

เขายังขาดการผ่าตัดอีกสี่เคส หากไม่มีภารกิจนี้ เฉินชางก็เตรียมใช้คะแนนทักษะแล้ว

อดทนไว้!

เมื่อเห็นสายตาที่คล้ายกับกำลังดูเรื่องสนุกของคนทั้งสาม เฉินชางก็ไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด “ผมทำได้จริงๆ นะ!”

เมิ่งซีเห็นดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา

ทางด้านเก่อฮว๋ายและหัวหน้าแผนกซย่าเกาเฟิงมองเฉินชางด้วยสายตาใคร่ครวญ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็มีสีหน้าประหลาดใจ

หลังเดินออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว เฉินชางก็รู้สึกว่าสิ่งที่ค่าความรู้สึกดีสามสิบคะแนนนำมาให้ดูจะแตกต่างไปจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่มีค่าความรู้สึกดียี่สิบคะแนน อาจารย์เมิ่งซีไม่ค่อยวางใจเขาเท่าไหร่นัก ไม่ต้องพูดถึงการผ่าตัดเลย ขนาดจะช่วยก็ยังต้องต่อสู้แย่งชิงมา แต่ตอนนี้เมื่อค่าความรู้สึกดีผ่านด่านสามสิบคะแนนไปแล้ว ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างแตกต่างไปเล็กน้อย เธอให้เฉินชางทำการผ่าตัดบ้างแล้ว

ดูท่าทางค่าความรู้สึกดีคงซับซ้อนมาก เฉินชางคาดหวังจริงๆ ว่าค่าความรู้สึกดีของอาจารย์เมิ่งจะเพิ่มขึ้นไม่หยุด จะได้เผยเบาะแสอะไรใหม่ๆ ให้เขารู้บ้าง

……

……

เพิ่งจะลงลิฟท์มา เฉินชางก็พบว่าจิ่งหรานวิ่งตรงมาทางนี้จึงกล่าวทักทายไป แต่อีกฝ่ายคล้ายจะหูหนวก เหมือนไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น

เฉินชางรู้สึกแปลกใจมาก รีบร้องเรียกไปว่า “หมอจิ่งครับ”

คราวนี้จิ่งหรานจึงค่อยหันมามอง จากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปเป็นตกตะลึงเล็กน้อย “หมอเฉิน คุณมาที่โรงพยาบาลตงต้าได้ยังไงครับ”

เฉินชางยิ้ม “ผมก็มาเรียนต่อเฉพาะทางไงครับ อาจารย์ของผมก็คือเมิ่งซี”

เมื่อจิ่งหรานได้ยินชื่อเมิ่งซีก็พยักหน้าเล็กน้อย เป็นเธอหรอกหรือ

ขณะที่จิ่งหรานมองไปทางเฉินชางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หมอเฉิน พอดีเลย ที่แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยเคสประหลาดอยู่คนหนึ่ง ผมกำลังจะไปดู คุณจะไปด้วยกันไหมครับ”

เมื่อเฉินชางได้ยินคำว่าผู้ป่วยเคสประหลาดก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขารีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “ไปครับ!”

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงแล้ว อีกนานกว่าจะเข้างาน หากเทียบกับอาการป่วยที่ทำให้จิ่งหรานรู้สึกสนอกสนใจแล้ว อาหารมื้อเดียวดูเหมือนจะไม่มีค่าให้พูดถึงจริงๆ

เมื่อได้ยินเฉินชางตอบรับ จิ่งหรานก็มีสีหน้ายินดี อารมณ์สงบลงมาก

ในใจของจิ่งหรานจัดให้เฉินชางอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูงมาตลอด เขารู้สึกว่าเฉินชางสุดยอดมาก เป็นหมอที่เก่งกาจประเภทนั้นเลย อย่างน้อยก็อยู่ในระดับเดียวกับตน หรืออาจจะเก่งกว่าตนด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเฉินชางตกลงแล้วจึงเกิดความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา

เพราะลักษณะพิเศษของอาการป่วยประเภทต่างๆ มีมากมาย เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะเชี่ยวชาญและมั่นใจทุกอย่าง!

ทั้งสองเดินไปด้วยกันจนมาถึงแผนกฉุกเฉิน เมื่อเข้ามาแล้วหมอเวรก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

“หัวหน้าจิ่ง คุณมาแล้ว!” หมอเวรชื่อหยางหลิน ยังอายุไม่มาก เพิ่งจะสามสิบต้นๆ เมื่อเห็นจิ่งหรานก็มีท่าทางเคารพนอบน้อม เรียกแต่ละคำก็หัวหน้าจิ่งๆ

เมื่อมาดูทางจิ่งหราน ก็คล้ายว่าเขาจะชินกับฐานะและคำเรียกนี้แล้ว เขาผงกศีรษะเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นครับ”

หยางหลินเดินเข้ามาพลางกล่าวว่า “ผู้ป่วยมีอาการไอมาครึ่งเดือนกว่าแล้วค่ะ ไอรุนแรงมาสิบวัน พวกยาแก้ไอก็ไม่ได้ผลอะไรเลยค่ะ”

จิ่งหรานชะงักไปเล็กน้อย ผู้ป่วยที่มีอาการไอแบบนี้ควรไปที่แผนกอายุรกรรมไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาปรึกษาแผนกศัลยกรรมทรวงอกได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้จิ่งหรานก็เอ่ยถามว่า “มีหมอแผนกทางเดินหายใจมาดูหรือยังครับ”

หยางหลินพยักหน้า “มาแล้วค่ะ แต่เขาตรวจเสร็จก็บอกว่าไม่ใช่โรคของแผนกอายุรกรรม ยิ่งไปกว่านั้นการตรวจทางสรีรวิทยาและการตรวจทางเคมีก็บ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่าทุกอย่างเป็นปกติ”

“แต่…ดูจากผลซีทีสแกนของทรวงอกแล้วดูเหมือนจะมีจุดแปลกๆ อยู่นะคะ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางหลินก็ยื่นผลซีทีสแกนทรวงอกมาให้

เมื่อจิ่งหรานรับมาดูแล้วก็ต้องชะงักไปทันที!

เขาพบว่าในผลซีทีสแกนมีเงาดำอยู่!

จิ่งหรานพลันตื่นตะลึง นี่มันอะไรกัน ดูไม่เหมือนเนื้องอกและไม่เหมือนหลอดลมติดเชื้อ และยิ่งไม่เหมือนปอดอักเสบ มีอาการไอรุนแรงมาครึ่งเดือน การตรวจทางสรีระวิทยาและการตรวจทางเคมีก็บอกว่าปกติ หรือว่าจะ…มีสิ่งแปลกปลอมกีดขวาง?

จิ่งหรานแปลกใจ ตกลงมีอะไรไปอุดอยู่กันแน่ เป็นเคสตัวอย่างที่แปลกประหลาดจริงๆ!

เมื่อดูเสร็จแล้วก็ส่งผลซีทีสแกนไปให้เฉินชาง “หมอเฉินลองดูสิครับ”

เฉินชางตอบอืมไปทำหนึ่งแล้วรับผลซีทีสแกนมาดู ไม่นานก็เห็นเงาดำๆ ในนั้น

เมื่อวินิจฉัยจากตำแหน่งและรูปร่างแล้ว…จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกคุ้นตา เหมือนกับภาพในความทรงจำมากจริงๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นเฉินชางก็เกือบจะหลุดยิ้มออกมา

ดีที่ไม่ได้สวมเสื้อกาวน์ ทุกคนเลยไม่ให้ความสนใจกับเฉินชางมากนัก แต่จิ่งหรานกลับนิ่งไปแล้ว

มันน่าหัวเราะหรือ

เฉินชางรีบกระแอมแก้เขิน “ปัญหาอยู่ที่หลอดลมซ้าย มีสิ่งแปลกปลอมอุดอยู่ครับ!”

เสียงของเฉินชางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ท่าทางแน่วแน่

เมื่อจิ่งหรานได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “หลอดลมซ้ายหรือครับ”

เฉินชางพยักหน้า “ไปห้องส่องกล้องกันเถอะครับ ดูกันว่าเป็นอะไร”

จิ่งหรานมองไปทางหยางหลินแล้วพูดว่า “อาจจะมีสิ่งแปลกปลอมไปกีดขวางอยู่ในหลอดลมด้านซ้าย เราจะใช้กกล้องสอดไปที่หลอดลมเพื่อตรวจสอบ ดูให้แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่”

หลังพูดจบจิ่งหรานก็มองไปที่ผู้ป่วย เธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง กำลังนอนอยู่บนเตียง ไอออกมาเป็นพักๆ เสียงไอค่อนข้างแห้ง เสียงก็ฟังดูแหบๆ

ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะสงบลมหายใจได้ เธอถามด้วยหน้าตาเคร่งเครียดว่า “หมอคะ นี่ฉัน…เป็นอะไรหรือคะ”

จิ่งหรานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามกลับว่า “อาการไอของคุณมีสาเหตุมาจากอะไรหรือครับ คุณได้ยัดอะไรเข้าไปที่จมูกหรือปากของตัวเองหรือเปล่า ตอนกินข้าวมีอาการสำลักอาหารไหมครับ”

สิ่งแปลกปลอมในหลอดลมไม่ใช่อาการที่หายาก สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

เธอคิดครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย อาการสำลักก็เกิดหลังจากมีอาการไอแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่มีนะคะ”

แปลกจริงๆ!

หรือว่าไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม

จิ่งหรานมองไปทางเฉินชางด้วยสายตาสงสัย เฉินชางก็ยิ้มบางๆ แล้วกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเขา

นั่นทำให้จิ่งหรานตกตะลึงจนนิ่งไปเลย!

เขาเบิกตากว้าง มองไปทางเฉินชาง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

คนกลุ่มหนึ่งพาผู้ป่วยมาที่ห้องส่องกล้อง เตรียมส่องกล้องเพื่อตรวจสอบดูว่าเป็นอะไรกันแน่

หยางหลินก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ชายหนุ่มคนนี้กระซิบอะไรกับจิ่งหรานกันแน่ถึงได้ทำให้หัวหน้าจิ่งคนนั้นถึงกับตะลึงพรึงเพริดได้

ไม่นานหมอส่องกล้องก็สอดกล้องเข้าไปดูของที่อยู่ด้านในหลอดลม ทำเอาเกือบหัวเราะออกมาจริงๆ

เป็นของพิสดารจริงๆ เลย!

หมอที่เป็นผู้ส่องกล้องดูหลอดลมทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเคสเล็กเคสใหญ่ก็เคยเห็นทั้งนั้น แต่มีเพียงเรื่องน่าสนใจและพิสดารแบบนี้เท่านั้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

โลกใบนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่มีจริงๆ

หยางหลินหมอแผนกฉุกเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เห็นของที่ปรากฏบนหน้าจอแล้ว เธอถึงกับมึนงงไปเลย

ส่วนจิ่งหรานก็มีสีหน้าตะลึงพรึงเพริด ในใจอุทานออกมาว่า

ให้ตายเถอะ จริงๆ เลย!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท