บทที่ 335 สุดยอดแห่งการดรอปของ!
เป็นมาตั้งแต่เกิดหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ โอเคไหม!
ทุกคนมองเฉินชางด้วยความฉงนสงสัย มีเพียงหลี่เป่าซานเท่านั้นที่มีท่าทางใคร่ครวญ สุดท้ายก็กล่าวว่า “เขาเรียนต่อยอดน่ะครับ เลือกเรียนด้านศัลยกรรมหัวใจ”
เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ ทุกคนก็มองไปทางหลี่เป่าซาน ในดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หวังเซี่ยงจวินมีสีหน้าซับซ้อน “ผมจำได้ว่า…เสียวเฉินคนนี้เป็น GP[1] (แพทย์ทั่วไป) ไม่ใช่หรือครับ”
หลี่เป่าซานจ้องมองไปยังมือของเฉินชางที่กำลังจัดการกับส่วนเสียหายของถุงเยื่อหุ้มหัวใจ เขาไม่กล้าเชื่อเลยว่านี่เป็นเทคนิคที่เฉินชางเพิ่งจะได้เรียนมาในช่วงนี้ ก่อนหน้านี้เฉินชางผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจไม่เป็นด้วยซ้ำ! นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลย หลี่เป่าซานรับประกันได้ ดังนั้นนี่ต้องเป็นเทคนิคที่เฉินชางเพิ่งได้เรียนมาในระยะนี้แน่นอน
แล้วเขาเรียนมาจากไหน
นอกจากแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าแล้วจะยังมีที่ไหนอีกล่ะ
หลี่เป่าซานอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ปีนี้ทางโรงพยาบาลให้โควตาสำหรับเรียนต่อแก่เขา อาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวเฉินอยู่ที่โรงพยาบาลตงต้า เขากำลังเรียนการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหัวใจครับ”
หวังเซี่ยงจวินถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที “อาจารย์ที่ปรึกษาเขาคือหัวหน้าซย่าเกาเฟิงหรือครับ”
หลี่เป่าซานส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ เป็นเมิ่งซี หัวหน้าเสี่ยวเมิ่งที่เพิ่งมาใหม่คนนั้น”
เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ รอบด้านก็เงียบสงัดลงโดยพลัน เถามี่มีสีหน้าย่ำแย่ ถึงอย่างไร…เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหัวใจเช่นกัน เป็นคนมีหน้ามีตาในวงการศัลยแพทย์หัวใจแห่งมณฑลตงหยาง แต่ในตอนที่เฉินชางต้องเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาของแผนกศัลยกรรมหัวใจกลับไม่ยอมเลือกตน นี่ทำให้เถามี่รู้สึกไม่พอใจ
หากเขาไม่สามารถรับสอนแพทย์ต่อยอดได้ก็ช่างเถอะ แต่สิ่งสำคัญก็คือปีนี้เถามี่ตั้งใจเปิดโควตารับสมัครนักเรียนหนึ่งอัตรา ซึ่งจะต้องหานักเรียนให้ได้ หากรู้ว่าเสี่ยวเฉินต้องการเรียนด้านศัลยกรรมหัวใจ ต่อให้ต้องเสี่ยงล่วงเกินเฉียนเลี่ยงเขาก็ต้องรับเสี่ยวเฉินเอาไว้ให้ได้!
ใครจะทราบว่าเสี่ยวเฉินจะมีพรสวรรค์ในด้านศัลยกรรมหัวใจขนาดนี้
ถึงเขาจะไม่ใช่หมอเก่งกาจระดับที่ไม่เคยมีปรากฏให้เห็นในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นหมอที่หาได้ยากยิ่งในมณฑลตงหยางแน่นอน! ดังนั้นเมื่อเทียบกับผู้สืบทอดที่เก่งกาจแล้ว ย่อมละเลยเรื่องรักษาน้ำใจคนไปก่อนได้
ตอนนี้เองจู่ๆ จางโหย่วฝูก็พูดขึ้นว่า “นี่…นักเรียนใหม่เพิ่งจะเริ่มเรียนไปได้หนึ่งเดือนกว่าใช่ไหมครับหนึ่งเดือนกว่าจะเรียนได้มากขนาดไหนกันเชียว ศัลยกรรมหัวใจเริ่มต้นที่การผ่าตัดระดับสามไม่ใช่เหรอครับ นี่เฉินชาง…เรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ”
เถามี่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ เขาเพิ่งจะเปิดเรียนไปไม่ถึงครึ่งเดือน ส่วนนักเรียนใหม่หลังจากเดือนตุลาคมถึงจะเข้ารายงานตัวกับอาจารย์!”
เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ ทั้งห้าก็เงียบไปทันที!
ไม่ว่าจะเป็นจางโหย่วฝูที่มีความหยิ่งและถือตัว หรือจะเป็นหวังเซี่ยงจวินที่มาจากครอบครัวยิ่งใหญ่ ก็ดูการผ่าตัดของเฉินชางด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป
เทคนิคและวิธีการเย็บละเอียดประณีตนี้กำลังซ่อมแซมถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เสียหายไม่หยุดหย่อน ส่วนความเสียหายในช่องเยื่อหุ้มหัวใจและความเสียหายส่วนอื่นๆ ก็ถูกจัดการอย่างจริงจัง การผ่าตัดครั้งนี้ดูเหมือนจะใคร่ครวญและพิจารณาไปถึงผลกระทบที่อาจเกิดกับการทำงานของถุงเยื่อหุ้มหัวใจและหัวใจมาอย่างรอบด้านแล้ว
นี่…เหมือนหมอแผนกศัลยกรรมหัวใจที่เพิ่งเรียนการผ่าตัดมาได้ครึ่งเดือนที่ไหนกัน นี่เป็นลักษณะของผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหัวใจที่มีอายุห้าสิบกว่าปีชัดๆ!
ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้
การแพทย์เป็นสาขาการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง เป็นสาขาการเรียนรู้ที่มีข้อจำกัดมาก
การที่คุณผ่าตัดมากไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำมันได้ง่ายขึ้น กลับกัน ยิ่งคุณมีประสบการณ์สูง สิ่งที่คุณทำก็จะยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากทุกครั้งที่คุณเติบโต ทุกครั้งที่คุณเกิดการพัฒนา ความรู้ของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้น จากนั้นคุณจะพบว่ามีหลายส่วนที่คุณไม่พอใจและพัฒนาต่อให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปได้ ด้วยเหตุนี้คุณก็จะเริ่มละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
การแสดงออกของเฉินชางเหมือนกับอาจารย์ศัลยแพทย์ที่มีอายุห้าสิบกว่าคนหนึ่ง มีความระมัดระวังและจริงจังกับการผ่าตัดมาก!
นี่ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง! ยิ่งคิดพวกเขาทั้งหลายก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
ขีดจำกัดของคนคนนี้สูงขนาดไหนกันแน่
อนาคตของคนคนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่
ทางด้านเถามี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอัดอั้นตันใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ เฉินชางไม่ยอมมาหาเขา หรืออีกฝ่ายคิดว่าเขามีฝีมือไม่ดีพอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวหน้าเถาที่มีอายุห้าสิบกว่าปีก็รู้สึกอัดอั้นตันใจจนทนไม่ไหว เหมือนกับตอนที่อาจารย์ไม่ยอมประทับตราดอกไม้เป็นรางวัลชื่นชมให้เขาตอนเด็กๆ ประทับให้คนอื่นแต่ไม่ให้เขา!
เวลาไหลผ่านไปทุกวินาที การผ่าตัดใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว ทั่วทั้งห้อง เฉินชางเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นจุดรวมสายตา
การผ่าตัดใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
ในตอนนี้เอง เฉินชางหันไปพูดกับเสี่ยวหลินว่า “ยาปฏิชีวนะ”
การผ่าตัดที่ไม่ได้ทำในห้องผ่าตัดเช่นนี้ เฉินชางจะต้องระมัดระวังให้มาก จะต้องใส่ใจให้มาก เนื่องจากการติดเชื้อไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เกี่ยวพันถึงอัตราความสำเร็จของการผ่าตัดโดยตรง
หลังจากฉีดยาปฏิชีวนะเรียบร้อยแล้ว เฉินชางก็เริ่มทำงานสุดท้าย
ตอนนี้ความคิดของจางเทาค่อนข้างสับสน เขาทั้งตกตะลึงและยินดี! ไม่นึกว่าเฉินชางจะทำได้จริงๆ นี่เป็นการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหัวใจ เป็นการผ่าตัดรักษาโรคเลื่อนที่เกิดบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจ นี่เป็นการผ่าตัดที่ยากมาก แต่เฉินชางก็ทำได้!
เสี่ยวเฉิน คำนี้ถูกทุกคนเรียกมาสองปีกว่าแล้ว ดูท่าทาง ‘เสี่ยวเฉิน’ จะต้องเปลี่ยนชื่อเรียกแล้ว
จางเทาคิดว่าตนเองไม่มีศักยภาพมากพอที่จะเรียกเฉินชางว่าเสี่ยวเฉินอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นวงการใดต่างก็ให้ความเคารพต่อผู้มีศักยภาพเป็นสำคัญ โลกของการรักษาก็เป็นเช่นเดียวกัน
เมิ่งซีอายุน้อยกว่าเก่อฮว๋ายหลายปี แต่เก่อฮว๋ายปฏิบัติกับเมิ่งซีอย่างไร
เรียกแต่ละคำก็หัวหน้าๆ! ให้ความเคารพนับถือมาก!
ขณะเดียวกัน จิ่งหรานเพิ่งจะอายุสามสิบต้นๆ แต่เมื่ออยู่ในโรงพยาบาล ไม่ว่าใครเจอเขาก็จะเรียกขานว่าหัวหน้าจิ่ง ไม่ใช่หมอจิ่ง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคำว่าเสี่ยวจิ่งเลย แม้แต่ซย่าเกาเฟิงผู้เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจก็ยังเรียกเขาว่าหัวหน้าจิ่ง
นี่ก็คือศักยภาพ!
ยิ่งคิดจางเทาก็ยิ่งรู้สึกซับซ้อน เขาอายุมากกว่าเฉินชางสิบเจ็ดสิบแปดปี มีประสบการณ์ทางคลินิกมากกว่าไม่รู้เท่าไหร่ แต่ในฐานะที่เป็นหมอระดับแพทย์เจ้าของไข้ที่มีอายุงานสูงคนหนึ่งกลับวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยออกมาไม่ได้ในทันที นี่เป็นความล้มเหลวในงานของเขา
แต่เฉินชางกลับทำได้
วินิจฉัยอาการของผู้ป่วยออกมาได้อย่างรวดเร็ว จัดการผ่าตัดในห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ลงมือผ่าตัดอย่างมีขั้นมีตอนไม่กระวนกระวาย…สิ่งเหล่านี้ทำให้จางเทารู้สึกราวกับมองเห็นเงาของหัวหน้าแผนกหลี่เป่าซาน
นี่คือผู้ที่ช่วยให้ใจสงบ คือกระดูกสันหลังที่สำคัญ!
ในตอนนี้ เฉินชางใช้ความสามารถที่แท้จริงและการปฏิบัติงานจริงของตนเองมาพิชิตใจจางเทาได้แล้ว
หลังจากเฉินชางเย็บปิดช่องอกก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบทันที
[ติ๊ง! กำจัดมอนสเตอร์ระดับบอสโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจสำเร็จ ได้รับรางวัลดังต่อไปนี้:
1. ระดับ +1
2. ทักษะการผ่าตัดเกี่ยวกับถุงเยื่อหุ้มหัวใจหนึ่งรายการ
3. เสื้อกาวน์ระดับสีฟ้าหนึ่งตัว]
เฉินชางถึงกับชะงักไป!
รางวัลดีจริงๆ!
มอนสเตอร์ระดับบอสดรอปรางวัลให้มากขนาดนี้เชียว เฉินชางรู้สึกเหมือนได้รับความโปรดปรานกะทันหันจนตกตะลึงไปแล้ว!
ตอนนี้เฉินชางยังไม่มีเวลาตรวจสอบของรางวัลอย่างละเอียด แต่จู่ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นอีกละรอกหนึ่ง
[ติ๊ง! ภารกิจเรียนรู้ของเมิ่งซีสำเร็จ: ผ่าตัดและตรวจสอบเกี่ยวกับโรคถุงเยื่อหุ้มหัวใจสำเร็จ 5 เคส ได้รับรางวัล: ทักษะการกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจเพิ่มเป็นระดับสูงโดยอัตโนมัติ!]
[ทักษะผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจ: ระดับสูง
คุณสมบัติพิเศษ: กรีดอย่างแม่นยำ: การกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจของคุณจะทำได้อย่างละเอียดแม่นยำ และเลือกกรีดอย่างชาญฉลาด ไม่ทำให้อวัยวะโดยรอบเสียหาย]
เมื่อเฉินชางเห็นการแจ้งเตือนของระบบก็ยินดีขึ้นมาโดยพลัน!
โอ้โห!
อาจารย์เสี่ยวเมิ่ง คุณรอผู้แซ่เฉินคนนี้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณตกตะลึง!
ไม่สิ!
เย็นวันนี้ผมจะทำให้ได้!
เมื่อคิดถึงภารกิจที่ต้องทำให้อาจารย์เมิ่งซีตกใจกับการผ่าตัดของตน เฉินชางก็คาดหวังขึ้นมาทันที
[1] GP – General Practice หมายถึงแพทย์ทั่วไปที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีและไม่ได้เรียนต่อยอดหรือเฉพาะทาง
บทที่ 330 วัยเยาว์อันเปล่งประกาย
ระยะนี้เฉินชางเริ่มมีชื่อเสียงในวงการศัลยกรรมของเมืองอันหยางแล้ว ตั้งแต่เปลี่ยนรูปแบบการร่วมมือกับคลินิกศัลยกรรมจื้อซิน เฉินชางก็ไม่ต้องไปที่นั่นทุกสัปดาห์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหยางเทาและฉินเสียงรู้ข่าว ก็ยิ่งคบหากับเฉินชางได้อย่างสนิทใจมากขึ้น
หยางเทาเป็นนักธุรกิจ ไม่ว่าจะคนวงนอกวงในเขาก็รู้จักดี ยิ่งกับเฉินชาง เขาก็ยิ่งทุ่มเทขายอย่างสุดกำลังจนแหล่งทรัพยากรที่มีในมือก็เริ่มเอนเอียง
ด้วยความช่วยเหลือของฉินเสียง ทำให้เฉินชางมีเวลาว่างไปสอบใบรับรองศัลยแพทย์ตกแต่งแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนที่เฉินชางมาทำงานอยู่ข้างนอกก็ไม่จำเป็นต้องทำลับๆ ล่อๆ อีก จะอย่างไรก็มีใบอนุญาตแล้ว
ตอนบ่ายหลังเลิกงาน เฉินชางได้รับโทรศัพท์จากฉินเสียง เขาบอกว่าโต้วซินจะออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ตอนสายๆ
นี่เป็นการแอดมิดหลังการผ่าตัดครั้งที่สองของโต้วซิน โดยปกติแล้วการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งผิวหนังจากแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่บนใบหน้าเช่นนี้ย่อมทำให้เสร็จภายในครั้งเดียวไม่ได้ และการผ่าตัดสองครั้งของเฉินชางก็ประสบความสำเร็จมาก ตอนนี้ผลการฟื้นตัวค่อนข้างดีทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เฉินชางยังไม่ได้เห็นผลลัพธ์สุดท้าย เมื่อคิดถึงหญิงสาวที่มีใบหน้าบริสุทธิ์ประหนึ่งดวงตะวันอันอบอุ่นและหิมะกลางฤดูหนาว เฉินชางก็อารมณ์ดีขึ้นมา อยากรู้จริงๆ ว่าผลการผ่าตัดเป็นอย่างไร หวังว่าการผ่าตัดภายนอกจะช่วยขจัดเมฆหมอกในใจของเธอได้ ทำให้ความน้อยเนื้อต่ำใจที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจได้รับการปัดเป่า เพื่อที่เธอจะได้กลายเป็นหญิงสาวน่ารักเจิดจ้าดั่งแสงอาทิตย์
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาเก็บของเรียบร้อยแล้วก็เตรียมจะเลิกงาน ทว่าตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นเฉินชางกำลังจะกลับก็รีบเรียกเอาไว้
“เสี่ยวเฉิน เลิกงานแล้วหรือ”
เฉินชางชะงักไป เมื่อเห็นผู้อำนวยการฉินก็ยิ้มให้ “ครับ ผู้อำนวยการฉิน คุณก็เลิกงานแล้วหรือครับ”
ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้าก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มไร้กังวล “เรื่องวันนี้ไม่ต้องใส่ใจนะครับ เด็กคนนั้นไม่รู้ความจริงๆ”
เฉินชางยิ้มบางๆ “เราเป็นหมอ มีคนบ้าคนบอแบบไหนบ้างที่ไม่เคยเจอล่ะครับ”
เมื่อฉินเสี้ยวหยวนได้ยินคำพูดนี้ของเฉินชางก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ดูเหมือนเฉินชางจะไม่สนใจจริงๆ ถึงกับเปรียบเทียบอีกฝ่ายเป็นคนบ้าคนบอเลยทีเดียว
แต่ก็ไม่เป็นไร
ฉินเสี้ยวหยวนส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เรื่องพวกนี้ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไปเถอะ เรื่องที่เขาสนใจคืออีกเรื่องหนึ่งต่างหาก “ช่วงนี้ผมเห็นฉินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลอะไรบางอย่าง ทำงานถึงตีหนึ่งกว่าทุกวัน ถึงคนหนุ่มสาวจะไม่รู้สึกเหนื่อยมาก แต่ทำงานแล้วก็ต้องรู้จักพักผ่อนบ้างนะครับ”
สิ่งที่เขาใส่ใจที่สุดก็คือลูกสาวสุดรักสุดหวงของตัวเองต่างหาก วันๆ เธอเอาแต่ทำงาน ทำให้เขาปวดใจแทบตายแล้ว!
แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่อยากใช้ลูกสาวสุดรักสุดหวง แต่คุณกลับใช้เธอเหมือนวัวเหมือนม้า!
นอกจากนั้น ถึงจะพูดอย่างไร ลูกสาวก็ไม่ฟังเลย!
เหล่าฉินจนปัญญาจึงได้แต่กระทำการอ้อมค้อมด้วยการมาบอกเฉินชางนี่แหละ
จริงดังคาด เมื่อเขากล่าวคำนี้ออกมา ในใจของเฉินชางก็เกิดสั่นไหว ความจริงเขารู้สึกซาบซึ้งใจมากนะ…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบพูดว่า “ผู้อำนวยการฉิน วางใจเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง”
เมื่อฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็ผ่อนคลายลงได้ “เสี่ยวเฉิน มีแรงขับเคลื่อนก็เป็นเรื่องดี แต่ว่า…อย่าให้เหนื่อยเกินไปล่ะครับ คุณก็เหมือนกัน ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้พอเลิกงานแล้วคุณก็ต้องไปที่โรงพยาบาลตงต้าอีก อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป คุณยังอายุน้อย ควรดูแลสุขภาพให้ดี”
เฉินชางยิ้ม “ขอบคุณที่ใส่ใจนะครับผู้อำนวยการฉิน”
เมื่อเห็นเฉินชางเดินจากไปแล้ว ฉินเสี้ยวหยวนก็ทอดถอนใจออกมา เขาใส่ใจเฉินชางที่ไหนกัน เขาแค่…กลัวลูกสาวตัวเองจะเป็นหม้าย!
ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าคนเป็นพ่อแล้วจริงๆ
ฉินเสี้ยวหยวนเห็นฉินเยว่เติบโตมากับตา เธอมีนิสัยดื้อดึง เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้เอาอะไรมาดึงรั้งก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ก่อนหน้านี้ครอบครัวของศาสตราจารย์อู๋ยังออกไปกินข้าวกับฉินเสี้ยวหยวนกันทั้งครอบครัวเพราะต้องการจับคู่ให้เด็กทั้งสอง ซึ่งอันที่จริงแล้วลูกชายของบ้านอู๋ก็ไม่เลว จบจากสถาบันชื่อดัง นิสัยก็ไม่แย่ หากคบกันก็ยังพอได้ แต่ฉินเยว่กลับหาเรื่องหนีกลับมาตอนที่ไปดูหนังกับเขา จากนั้นพอโทรหาก็ไม่ยอมออกไปด้วยกันอีกเลย
นี่ทำให้ฉินเสี้ยวหยวนรู้สึกอับจนหนทาง เด็กบ้านอู๋คนนั้นก็ไม่เลว แต่ไม่โดนใจฉินเยว่
ส่วนเฉินชางคนนี้ก็ทำให้ลูกเขาต้องนอนดึกตื่นเช้าทุกวัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็อดทอดถอนใจไม่ได้
เฮ้อ…ลูกสาว เมื่อโตแล้วก็ไม่ควรรั้งไว้…
เขาส่ายหน้าแล้วถอนใจออกมา มองเฉินชางที่กำลังเดินจากไป
จริงๆ แล้วเสี่ยวเฉินก็ไม่เลว เป็นคนที่มีศักยภาพคนหนึ่ง ส่วนเรื่องครอบครัว…ฉินเสี้ยวหยวนไม่ได้สนใจอะไร ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองอันหยาง จะช่วยลูกเขยไม่ได้เชียวหรือ
……
……
เฉินชางรีบมาที่แผนกศัลยกรรมผิวหนังของโรงพยาบาลตงต้า เดินไปยังห้องผู้ป่วยที่คุ้นเคย เมื่อผลักประตูแล้วเดินเข้าไปก็เห็นใบหน้าด้านข้างที่ดูน่ารักและบริสุทธิ์ถูกแสงแดดสาดส่อง มือของเธอเขียนอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อได้ยินเสียงประตู โต้วซินก็รีบหันมา
ชั่วขณะที่เห็นเฉินชาง ดวงตาพลันทอประกายยินดี เต็มไปด้วยประกายวาววับ ดวงตากลมโตคู่นั้นคล้ายกับมีแสงสว่างเจิดจ้าราวกับมีฤดูใบไม้ผลิแห่งความเยาว์วัยอัดแน่นอยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะต่อมา โต้วซินก็หันมาแล้วส่ายหน้าจนผมปัดป่ายไปมากระทั่งบดบังใบหน้าเอาไว้ จากนั้นก็ก้มหน้าลง
ในใจของโต้วซินที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดเต็มไปด้วยความลับของความเยาว์วัย
เฉินชางเห็นดังนั้นก็ยิ้มให้แล้วเดินเข้ามา “ซินซิน พ่อหนูล่ะครับ”
เสียงของโต้วซินเพราะมากจริงๆ แต่ทุกครั้งที่เฉินชางพูดกับเธอ เธอมักจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไปซื้อข้าวค่ะ”
เฉินชางพยักหน้า “อ้อ หัวหน้าฉินบอกว่าพรุ่งนี้หนูจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอเลยมาเยี่ยม”
เมื่อโต้วซินได้ยินว่าเฉินชางมาเยี่ยมตนก็รู้สึกเบิกบานใจจริงๆ
เฉินชางพูดต่อไปว่า “มา เงยหน้า ให้หมอดูหน้าหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง”
โต้วซินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางไม่สบายใจนัก
ในตอนนี้เฉินชางจึงค่อยเห็นอย่างชัดเจน การฟื้นตัวไม่เลวเลย หลังจากเย็บแผลแล้วก็ไม่เหลือรอยแผลเป็นอีก การเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเจนอย่างเดียวก็คือบริเวณรอยตัดของผิวหนังที่นำมาปลูกถ่ายซึ่งเฉินชางใช้วิธีการเย็บแบบพิเศษซ่อมแซมไปอย่างประณีต แม้จะยังมีรอยหลงเหลืออยู่แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับความงดงามแม้แต่น้อย กลับเป็นรอยที่ค่อนข้างพิเศษด้วยซ้ำ
โต้วซินชอบรอยนี้มาก มันเป็นของขวัญที่พี่เฉินชางมอบให้เธอ!
“อืม! ไม่เลวจริงๆ” เฉินชางจ้องมองใบหน้าที่เปราะบางนั้นอย่างพึงพอใจ ผิวที่ปลูกถ่ายไม่เปลี่ยนสี ฟื้นตัวได้ดีมาก
เฉินชางดีใจจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะการผ่าตัดของตนประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่เขายังหวังดีกับเด็กหญิงคนนี้จากใจจริง
โต้วซินคิดอยู่นาน เธอมีความลับที่อยากบอกเฉินชางแต่ไม่กล้าบอก แต่หากไม่พูดออกไป คงโศกเศร้าจนยากจะรับไหว เธอกลัวว่าต่อจากนี้จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก
ในที่สุดโต้วซินก็รวบรวมความกล้า เงยหน้าขึ้นมองเฉินชาง ดวงตากลมโตทั้งสองจับจ้องไปที่เขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พี่เฉินชาง หนูชอบคุณค่ะ”
แต่ตอนนี้เอง เสียงประตูก็ดังขึ้นพอดี เป็นพ่อของโต้วซินที่เปิดประตูเข้ามา
เฉินชางชะงักไปโดยพลัน เมื่อครู่เขาได้ยินไม่ชัด “ซินซิน หนูพูดอะไรนะครับ”
ประโยคเมื่อครู่ของโต้วซินทำให้ความกล้าทั้งหมดของเธอปลิวหายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พ่อของเธอก็กลับมาแล้ว จึงได้แต่พูดไปว่า “ไม่มีอะไรค่ะ หนูพูดว่าพี่เฉินชาง ขอบคุณมากนะคะ”
เฉินชางยิ้มให้
……
……
วันต่อมา โต้วซินก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอกับพ่อถือกระเป๋าใบใหญ่ใบเล็กเดินไปที่ป้ายรถประจำทาง ในตอนที่เดินผ่านคลินิกศัลยกรรมอันหรูหราก็มีหญิงสาวคนหนึ่งยัดใบปลิวมาให้พวกเธอสองคน
โต้วซินพลิกดูใบปลิวอย่างเบื่อหน่าย แต่เมื่อมองไปแล้วก็ต้องชะงักไปทันที!
“ศัลยแพทย์ตกแต่งเงินล้าน เฉินชาง!”
โต้วซินตาค้างไปแล้ว!
จะอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าพี่เฉินชางที่ผ่าตัดตกแต่งใบหน้าให้ตนฟรีๆ…จะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งล้าน
การผ่าตัดตกแต่งของเขาหนึ่งเคสมีค่าถึงหนึ่งล้านหยวน! แต่กลับทำให้ตนฟรีๆ แล้วยังมอบของขวัญให้ตนอีกมากมาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจอันอ่อนไหวของโต้วซินก็สั่นระริก อารมณ์อันซับซ้อนก่อกำเนิดในใจ ในดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่ไหลออกมา
เธอมองไปยังพี่เฉินชางบนใบปลิวที่มีรัศมีหล่อเหลา จากนั้นจึงพับอย่างระมัดระวังแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าตรงหัวใจ
พ่อของเธอมองมาแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ซินซิน การประกวดเสียงไพเราะของปีนี้ใกล้จะเริ่มแล้ว หนูจะเข้าร่วมหรือเปล่าลูก”
โต้วซินดวงตาเปล่งประกาย ส่องสว่างสดใสโชติช่วง เธอตัดสินใจแล้วจึงกล่าวไปอย่างแน่วแน่ว่า “ไปค่ะ!”