บทที่ 347 หมดอารมณ์…
เมื่อเห็นเฉินชางผ่าตัดด่วนที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองแล้ว หวังเซี่ยงจวินก็รู้สึกเสียหน้ามาก เป็นแผนกฉุกเฉินเหมือนกันแท้ๆ แต่มีระยะห่างมากขนาดนี้เชียวหรือ นอกจากนี้ แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้าก็เป็นอันดับต้นๆ ในเมืองอันหยาง ส่วนแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเป็นแผนกที่ถือว่าล้าหลังในวงการ
ที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้มาตลอด! แต่การผ่าตัดเคสเมื่อวานได้เปิดมุมมองใหม่ให้หวังเซี่ยงจวินจริงๆ ทำให้เขารู้สึกรางๆ ว่าตนถูกไอ้หลี่เป่าซานหน้าดำโต้กลับแล้ว
เป็นไปได้หรือ
หลังจากหวังเซี่ยงจวินกลับมาก็ทั้งอับอายทั้งฮึกเหิม ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจว่าจะจัดบรรยายให้หมอแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้าเสียหน่อย! ให้พวกเขาเห็นเสียหน่อยว่าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเป็นอย่างไร
การผ่าตัดครั้งนั้นเป็นการผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน จึงถูกบันทึกวิดีโอไว้ไปด้วย ถือเป็นหลักฐานเพียงหนึ่งเดียวที่มี ตอนที่หวังเซี่ยงจวินยื่นมือขอไฟล์วิดีโอ หลี่เป่าซานก็รู้สึกดีใจมาก กระตือรือร้นจนเรียกว่าออกนอกหน้าได้เลยทีเดียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังเซี่ยงจวินก็โกรธจนต้องขบฟันกรอด
นานมากแล้วที่หลี่เป่าซานไม่ได้เบิกบานใจเพียงนี้ มีอัจฉริยะอยู่ในแผนกของตน ทั้งยังผ่าตัดเคสที่มีความหมายมากมายอย่างเคสนี้ออกมาได้ นี่ถือเป็นเรื่องที่ทำให้หลี่เป่าซานและแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองยืดได้จริงๆ
นอกจากนี้แม้พวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการผ่าตัดเคสนี้ตลอดกระบวนการ แต่ก็เห็นทั้งหมด นอกจากการผ่าเปิดตอนแรกที่ไม่ได้เห็น รายละเอียดการผ่าตัดอื่นๆ ล้วนเห็นอยู่ในสายตา
เถามี่วิจารณ์ว่าการผ่าตัดเคสนี้เป็นเคสตัวอย่างได้เลย กระทั่งผู้ที่เป็นอาจารย์และหัวหน้าแผนกทางด้านศัลยกรรมหัวใจก็ยังวิจารณ์ออกมาเช่นนี้ เห็นได้เลยว่าการผ่าตัดของเฉินชางยอดเยี่ยมมากเพียงใด ดังนั้นหวังเซี่ยงจวินยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
เจ้าหลี่เป่าซานคนนี้เลี้ยงกลุ่มคนแบบไหนไว้กันแน่! แถมยังมีเสี่ยวเฉินที่ร้ายกาจขนาดนั้นอยู่อีก!
คิดดังนี้ หวังเซี่ยงจวินก็ตัดสินใจว่าจะเอาไฟล์การผ่าตัดเคสนั้นกลับมากระตุ้นหมอน้อยในแผนกฉุกเฉินของตนเสียหน่อย ให้พวกเขาเข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองถึงกับผ่าเปิดอกและผ่าตัดด้านศัลยกรรมหัวใจได้ด้วยตัวเองแล้วนะ!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ แม้เฉินชางกำลังเผชิญหน้ากับความตายก็ยังไม่สะทกสะท้าน! ถึงกับเข้าไปตรวจร่างกายกับผู้ป่วยถึงด้านในแผนกรังสีวิทยาเชียว! จิตวิญญาณแบบนี้หาได้ยากและมีค่ามากจริงๆ!
ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนับสนุนให้หมอคนอื่นทำเช่นนี้ แต่การกระทำของเฉินชางก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจมากจริงๆ!
ถ้าหากเรื่องนี้เป็นสิ่งสะท้อนคุณภาพของคนคนหนึ่ง เช่นนั้นเมื่อแผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยที่เป็นโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจและมีภาวะถุงเยื่อหุ้มบีบรัดหัวใจร่วมด้วยปรากฏตัวขึ้นมา เฉินชางผู้เป็นหมอที่ตัดสินใจทันทีว่าจะผ่าตัดด่วนในห้องฉุกเฉิน และยังผ่าตัดสำเร็จอีกด้วย ก็ถือว่าเรื่องนี้สะท้อนความสามารถและความเด็ดขาดของหมอออกมาได้แล้ว!
คุณสมบัติเหล่านี้ถือว่าสำคัญสำหรับหมอแผนกฉุกเฉินเป็นอย่างมาก! ต้องมีทั้งคุณธรรมความเมตตา ต้องมีทั้งความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยว แล้วยังต้องมีความสามารถอีกด้วย! คุณสมบัติทั้งสามรวมอยู่ในคนคนเดียว กลายเป็นศัลยแพทย์มากความสามารถดูถูกไม่ได้เลย
ยิ่งคิด หวังเซี่ยงจวินก็ยิ่งอิจฉา!
น่าเสียดายที่ตอนนี้ไอ้หลี่หน้าดำเก็บเฉินชางไว้กับตัวอย่างมิดชิด ลงมือแย่งตัวมาไม่ได้จริงๆ คิดไปคิดมาก็ได้แต่สอนคนที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน จากนั้นก็ต้องแสวงหาและดึงดูดอัจฉริยะที่มีความสามารถเข้ามาสักหลายคน
ด้วยเหตุนี้ หวังเซี่ยงจวินจึงนำคลิปการผ่าตัดของเฉินชางมาบรรยายให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ! หวังเซี่ยงจวินปิดบังชื่อหมอผู้ผ่าตัดเอาไว้เพราะในเทปการผ่าตัดก็ไม่เห็นเฉินชาง สิ่งเดียวที่พิสูจน์ได้ว่าเฉินชางเป็นผู้ผ่าตัดก็คือเสียงของเขา ซึ่งหากไม่ใช่คนคุ้นเคย ใครบ้างจะรู้ว่าเป็นเสียงของเฉินชาง!
หลังจากหมอแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้าฟังหวังเซี่ยงจวินบรรยายพร้อมดูการผ่าตัดเสร็จแล้วก็พากันเงียบไป เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริงๆ
พวกเขาเป็นหมอแผนกฉุกเฉิน ย่อมรู้ถึงความอันตรายของสถานการณ์ แต่หากให้ถามตนเองว่าถ้าเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ควรทำอย่างไร จะทำอะไรได้บ้าง หรือจะทำเช่นนั้นได้หรือไม่ ทุกคำถามก็ดูเหมือนจะเป็นปัญหาทั้งนั้น!
คิดถึงตรงนี้ ทุกคนก็พากันเงียบงันไม่พูดจา รู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง
หวังเซี่ยงจวินมองทุกคนแล้วพูดว่า “ที่ผมเอาคลิปให้ทุกคนดูวันนี้ ไม่ได้มีเจตนาอื่นนะครับ ผมแค่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าหน้าที่และความรับผิดชอบที่อยู่บนไหล่ของหมอแผนกฉุกเฉินมันมากขนาดไหน! ทุกความพยายามของพวกเราเท่ากับการช่วยชีวิตคนหนึ่งคน! แน่นอนว่าผมไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนผ่าตัดด่วนในห้องฉุกเฉินแบบนี้ ที่ผมอยากบอกก็คือ ทุกคนจะต้องพยายามเพิ่มพูนความสามารถของตัวเองไว้ให้ดี ในตอนที่พบเจอสถานการณ์เร่งด่วนจะได้เผชิญหน้ากับมันได้โดยไม่ตื่นตระหนก และช่วยชีวิตผู้ป่วยเอาไว้ให้ได้!”
หวังเซี่ยงจวินไม่ได้พูดชื่อเฉินชางออกมา
เฉินชางอายุเพียงยี่สิบกว่าปี ส่วนหมอที่อยู่ที่นี่อายุสามสิบสี่สิบปีกันหมดแล้ว บางครั้งความเป็นจริงก็ทำร้ายจิตใจคนได้ง่ายๆ
ผู้ที่มีวัยวุฒิสูงอาจไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าหากทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีก็เก่งกาจขนาดนี้แล้ว พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร
คลิปการผ่าตัดของเคสนี้มีประโยชน์มาก ดูเหมือนว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้าก็อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ คนที่เมื่อก่อนไม่ยอมเข้าร่วมงานวิชาการก็พากันไปร่วมงานเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและพัฒนาตัวเอง
บางครั้งการแข่งขันและแบบอย่างก็มีประโยชน์มาก เป็นประโยชน์ที่น่าส่งเสริมจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ซย่าเกาเฟิงแห่งแผนกศัลยกรรมหัวใจก็ทราบเรื่องคลิปการผ่าตัดนั้นแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหัวใจ การผ่าตัดครั้งนี้เป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคเลื่อนที่เกิดบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจซึ่งมีภาวะบีบรัดหัวใจร่วมด้วย นับเป็นอาการที่หาได้ยากยิ่งในวงการศัลยกรรมหัวใจ ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่สำคัญมาก
ซย่าเกาเฟิงก็ถูกคลิปวิดีโอนี้ทำให้สั่นสะท้านไปเช่นกัน!
เมื่อดูการผ่าตัดจบ ซย่าเกาเฟิงก็ตื่นตะลึงถึงชั้นฟ้า!
หากหมอแผนกฉุกเฉินได้เรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณของหมอจากคลิปนี้เพียงอย่างเดียว เช่นนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหัวใจอย่างซย่าเกาเฟิงก็ย่อมมองเห็นสิ่งลึกล้ำมากมายที่แฝงอยู่ในการผ่าตัด!
การผ่าตัดนี้จะต้องเป็นการผ่าตัดของหมอระดับหัวหน้าที่มีอายุงานสูง และต้องเป็นผู้ที่มีเทคนิคและประสบการณ์มากมายแน่นอน!
ไม่ผิดแน่!
หมอระดับแพทย์เจ้าของไข้ไม่มีความสามารถมากพอที่จะใส่ใจทุกรายละเอียดขนาดนี้ เขาจัดการรายละเอียดทุกจุดได้อย่างเหมาะสมและยอดเยี่ยม เรียกว่าเป็นระดับปรมาจารย์ได้เลย!
สุดยอดจริงๆ!
เมื่อดูคลิปจบแล้ว ซย่าเกาเฟิงก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยว่าจะจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ภายในแผนก! ดังนั้นช่วงบ่ายของวันนี้ หลังจากหมอทุกคนเลิกงานแล้ว ซย่าเกาเฟิงก็รีบดำเนินการทันที
ขณะนี้ภายในห้องพักหมอ หมอทุกคนต่างเงียบกริบ เอาแต่ดูคลิปการผ่าตัดอย่างจริงจัง
ทุกคนต่างก็เป็นศัลยแพทย์หัวใจ ดังนั้นจึงศึกษาทุกรายละเอียดจากการผ่าตัดของเฉินชางอย่างจริงจัง
เฉินชางยืนอยู่ตรงประตู ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย ด้วยเหตุนี้จึงแง้มประตูมองเข้าไปเสียเลย
หือ…ภาพมันดูคุ้นจัง…
นี่ไม่ใช่การผ่าตัดที่ผมทำเมื่อวานหรือ
เฉินชางตาค้างไปแล้ว
ทำไมคลิปการผ่าตัดของผมจึงถูกเอามาเผยแพร่ในห้องทำงานหมอของแผนกศัลยกรรมหัวใจแห่งโรงพยาบาลตงต้าได้ล่ะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกหมดอารมณ์ทันที
นึกว่าพวกคุณกำลังวิจารณ์อะไรกันอยู่ซะอีก
คิดแล้วเฉินชางก็ส่ายหน้า เดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลแล้วหยิบประวัติผู้ป่วยของเก่อฮว๋ายขึ้นมาอ่านสองสามเคส ดูว่ามีผู้ป่วยใหม่หรือไม่
ตอนนี้บุคลากรของแผนกศัลยกรรมหัวใจแห่งโรงพยาบาลตงต้าคุ้นเคยกับเฉินชางขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นนักเรียนของหัวหน้าเมิ่งซี หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ทำให้ผู้คนชื่นชอบ
บางครั้งหน้าตาก็สำคัญมากจริงๆ เรียกได้ว่าหน้าตาเป็นความประทับใจแรกที่เห็น
ไม่ต้องพูดเรื่องสวยหล่อแค่ไหนเลย ขอแค่คุณมีหน้าตาดูใจดีแบบที่ใครได้เห็นก็ไม่รู้สึกรังเกียจ แค่นี้ก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกับคุณได้แล้ว
บทที่ 341 เหยียนหมิงลาออกแล้ว
บางคนอาจคิดว่าหากอยู่ในงานทางด้านคลินิกนานวันเข้าจะรู้สึกเฉยชากับชีวิต แต่ความเป็นจริง ความเฉยชานั้นไม่ได้มีต่อชีวิต แต่เป็นความเฉยชาที่มีต่อความสิ้นไร้หนทางในการช่วยเหลืออย่างเช่นตอนนี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ในตอนที่คุณเผชิญหน้ากับชีวิตที่กำลังหลุดลอยไป ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกอยากคว้าจับชีวิตที่กำลังลอยออกไปนั้น…ความอยากช่วยเหลือแต่กลับไร้ความสามารถจะทำได้ ความรู้สึกเช่นนั้น…มันช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
เหยียนหมิงไม่พูดอะไร ปล่อยให้เลือดกำเดาไหลลงบนเสื้อ เขาไม่คิดสนใจมัน ปล่อยให้ไหลหยดลงบนเสื้อกาวน์สีขาว
อารมณ์นับร้อยผสมปนเป
เขานั่งอยู่ที่นั่น ดวงตาทั้งสองไร้ประกาย ความคิดและอารมณ์หมุนวนไปนับพันหมื่น
ในสมองย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงยี่สิบสามสิบปีมานี้ไม่หยุดหย่อน เขาในเมื่อก่อนก็เหมือนกับเฉินชาง สดใส คิดในแง่บวก กระตือรือร้น หมกมุ่นกับทุกชีวิต แต่เขาก็ค่อยๆ พบว่าความสามารถของตนเองน้อยลงเรื่อยๆ
เฉื่อยชาหรือ
เกียจคร้านหรือ
หรือว่าหัวใจด้านชาไปแล้ว
ไม่ใช่ทั้งนั้น แต่ก็ใช่ทั้งหมดเหมือนกัน
ภาพอดีตยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาปรากฏหมุนวนในสมองไม่หยุด
ข้อพิพาททางการแพทย์ที่เกิดเมื่อตอนนั้น เขา เหยียนหมิงทำผิดหรือ
ก็ผิด!
แต่ในวงการแพทย์ จะมีเส้นแบ่งระหว่างความถูกผิดที่ชัดเจนขนาดนั้นอยู่ด้วยหรือ
เหยียนหมิงในเมื่อก่อนเคยคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการช่วยคนอีกแล้ว หากถามว่ากฎระเบียบสำคัญหรือไม่ ตอนนั้นเขาคิดจริงๆ ว่ากฎระเบียบหลายอย่างเป็นสิ่งเกินความจำเป็น กฎระเบียบเหล่านี้ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อขั้นตอนการกู้ชีพและการช่วยเหลือทางการแพทย์ตามปกติด้วยซ้ำ
ภายหลังจึงค่อยค้นพบว่า อันที่จริงแล้วระเบียบข้อบังคับเหล่านี้มีไว้เพื่อใช้ปกป้องคนเป็นแพทย์อย่างตน
เมื่อเห็นร่างกายอันทรุดโทรมของเฉินชาง ความรู้สึกผิดระลอกหนึ่งก็พลันท่วมท้นไปทั้งหัวใจของเหยียนหมิง
เขารู้สึกผิด แต่ไม่ใช่เพราะผู้ป่วยตาย
หัวใจวายกำเริบเฉียบพลันเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ขวางไม่ได้ คนที่ตายในโรงพยาบาลก็มีมากมาย
เขารู้สึกผิดที่เมื่อตนมายังแผนกฉุกเฉินแล้ว กลับไม่ได้ทำเรื่องที่หมออาวุโสคนหนึ่งสมควรกระทำเลย
ตนเองเคยถูกทำร้ายมาก่อน เคยรู้สึกถึงความอยุติธรรม ทำให้การงานเริ่มหย่อนยาน แต่ว่า…ตนไม่สมควรนำอารมณ์เหล่านี้มาแปดเปื้อนหมอรุ่นใหม่พี่จะมารับช่วงต่อเหล่านั้นเลยจริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหยียนหมิงก็นั่งลงบนพื้น พิงไปกับเตียงผู้ป่วย ถอนหายใจออกมายาวนาน
เวลาไหลย้อน เหยียนหมิงรู้สึกราวกับตนเองย้อนกลับไปในห้องฉุกเฉินเมื่อปีนั้น…ข้อพิพาทในคราวนั้นทำร้ายหัวใจของเหยียนหมิงมากจริงๆ
เดิมทีก็เป็นการกู้ชีพที่ไม่สำเร็จครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเขายังเยาว์เกินไป ยังมีความคะนองของวัยหนุ่ม เขาจึงไม่อยากยอมแพ้…
น่าเสียดาย…น่าเสียดาย…
สุดท้ายก็ถูกลงโทษ
จะอย่างไรเหยียนหมิงก็คิดไม่ถึงว่าตนจะเป็นฝ่ายผิด ใบอนุญาตถูกระงับเป็นเวลาสองปี โรงพยาบาลต้องชดเชยเงินจำนวนหนึ่ง แผนกก็ต้องชดเชยเงินอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับเหยียนหมิงที่ยังหนุ่ม เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ช่วยคนเป็นสิ่งผิดหรือ
……
สองปีนี้เขาทำอะไรไปมากมาย แต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้ปฏิบัติการทางคลินิก จนกระทั่งสองปีต่อมา หัวหน้าแผนกคนเก่าก็เปิดรับสมัครแพทย์ ทำให้เขาได้กลับมาทำงาน
แต่ในตอนนั้นเหยียนหมิงสูญเสียหัวใจของหมอที่เคยมีในวันวานไปแล้ว
เขาสิ้นหวัง สิ้นหวังกับผู้ป่วย สิ้นหวังกับระบบ สิ้นหวังกับตนเอง
งานต่อมาเหยียนหมิงก็ทำไปอย่างระมัดระวัง สลัดความรับผิดชอบได้ก็จะทำ ไม่หาเรื่องได้ก็จะไม่หาเรื่อง แต่ในตอนที่หมัดของเฉินชางซัดเข้ามา ทำให้เหยียนหมิงมองเห็นตนเองตอนยังหนุ่มได้อย่างชัดเจน เขาเห็นภาพสะท้อนของความขุ่นเคืองและไม่พอใจที่ตนมีต่อคนเฒ่าคนแก่ที่ไม่ยอมทำอะไรในตอนนั้น
คิดไม่ถึงว่าเขาจะตกต่ำจนมาถึงจุดนี้ได้
เมื่อเหยียนหมิงคิดถึงตรงนี้ก็หัวเราะขื่นออกมาหลายครั้ง
ช่างเหอะ…บางทีตั้งแต่ที่ออกไปตอนนั้น เขาคงไม่เหมาะจะเป็นหมอแล้วละมั้ง
ก็เหมือนกับที่เฉินชางพูด เขาคู่ควรหรือ
เหยียนหมิงส่ายหน้า บางทีด้วยสภาพในตอนนี้ของตน คงไม่คู่ควรจริงๆ!
……
……
บางคนอาจกล่าวว่า ทำไมตอนเฉินชางตรวจเยี่ยมผู้ป่วยถึงไม่ตรวจผู้ป่วยของคนอื่น นั่นเป็นเพราะเขาตรวจไม่ได้!
ทุกคนที่เคยแอดมิดในโรงพยาบาลจะรู้เรื่องหนึ่งเป็นอย่างดี นั่นก็คือคุณและเพื่อนเตียงข้างๆ ไม่ได้มีแพทย์ผู้รับผิดชอบคนเดียวกัน ในตอนที่หมอของคุณตรวจเยี่ยมผู้ป่วยจะไม่ถามผู้ป่วยอื่นมากเกินไป คำพูดคำจาก็ระมัดระวัง ปกติก็จะคุยเรื่องกว้างๆ
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
อย่างแรกเป็นเพราะหมอไม่รู้จักผู้ป่วย ไม่เข้าใจอาการของผู้ป่วย จะทำให้เกิดเรื่องได้ง่าย
อย่างที่สองก็คือ หมอมีแผนการรักษาและแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาเป็นตนเองซึ่งอาจไม่เหมือนกัน ผู้ป่วยหลายคนเมื่อป่วยขึ้นมามักจะเป็นกังวล ไม่ว่าใครก็อยากจะถามดูสักหน่อย นั่นก็อยากถาม นี่ก็อยากถาม สุดท้ายจะทำให้เกิดความไม่เชื่อถือต่อแพทย์เจ้าของไข้ ทำให้การรักษาไม่มีประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยได้
สุดท้ายอาจทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจระหว่างหมอสองคน
ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน หัวใจของคนเราก็ยิ่งซับซ้อน
ในแผนกฉุกเฉิน ฝ่ายอายุรกรรมและฝ่ายศัลยกรรมจะร่วมมือกันตอนที่ต้องกู้ชีพเท่านั้น ยามปกติก็ต่างคนต่างดูแลคนไข้ของตัวเอง
……
……
ผู้ป่วยเกิดเรื่องในห้องน้ำของโรงพยาบาล สรุปแล้วเป็นความรับผิดชอบของใครกันแน่ ลูกสาวสามคนและลูกชายหนึ่งคนรู้เรื่องนี้ก็โศกเศร้าสุดเปรียบ แต่ทันใดนั้นลูกชายก็ก้าวออกมา ทวงถามคำอธิบาย
ทำไมหมอและพยาบาลถึงพบตัวไม่ทันเวลา
คำอธิบายของฉางลี่น่าชัดเจนมาก การดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นจะมีพยาบาลไปตรวจดูชั่วโมงละสองครั้ง ซึ่งในขณะที่แอดมิทจะต้องให้ญาติผู้ป่วยช่วยมาเฝ้าดูแลด้วย…เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่
ในตอนที่ผู้ป่วยแอดมิดอยู่ในโรงพยาบาล ญาติผู้ป่วยมักจะคิดว่าผู้ป่วยคงไม่มีปัญหาอะไร อยู่สังเกตการณ์ในห้องผู้ป่วยธรรมดาก็พอแล้ว มักจะปฏิเสธย้ายไปอยู่ในห้อง ICU ถึงกับยอมเซ็นชื่อลงนามในหนังสือแจ้งเตือนและยินยอม เซ็นชื่อในหนังสือรับทราบเรื่องระเบียบการเฝ้าระวัง ไม่ว่าอะไรก็ยอมเซ็นทั้งหมด
ต้องทราบว่าค่าห้อง ICU อยู่ที่วันละพันถึงสองพันหยวน ราคาแพงมาก ส่วนการเฝ้าดูแลระดับต้นจะมีราคาหลายสิบหยวนต่อวัน แตกต่างกันมากเลยทีเดียว
หากอยู่ในห้อง ICU จะมีพยาบาลคอยเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งพยาบาลก็จะอยู่ในห้องสังเกตการณ์ของห้องผู้ป่วย พร้อมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา เมื่อเทียบกันแล้ว แม้บริการชั้นหนึ่งจะเข้มงวดกว่าบริการชั้นสอง แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น
ตอนแรกลูกสาวคนโตและลูกชายของผู้ป่วยทำเรื่องแอดมิดให้ผู้ป่วยด้วยกัน ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบเฝ้าดูแลก็คือลูกสาวคนโตและลูกชายนั่นเอง ระเบียบการเฝ้าระวังถูกอธิบายออกมาจนหมด ฉางลี่น่าตรวจเยี่ยมผู้ป่วยสองครั้งภายในหนึ่งชั่วโมงจริงๆ อีกทั้งยังทำอย่างขยันขันแข็งและทุ่มเทมากด้วย
แต่หลังจากที่ญาติผู้ป่วยเซ็นชื่อรับทราบในใบแจ้งแล้วกลับไม่ยอมรับผิดชอบหน้าที่ดูแลของตนให้ดี
เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เดิมทีลูกชายคิดว่าพ่อของตนคงไม่เป็นอะไรจึงกลับบ้านไป
แต่ว่า…
เขาควร…ควรจะ…น่าเสียดาย บนโลกใบนี้มีคำว่า ‘ควรจะ’ มากมายขนาดนั้นที่ไหนกัน
พริบตานั้น คนทั้งครอบครัวก็เงียบลง ไม่พูดอะไรตลอดคืน…
วันต่อมา เรื่องนี้ก็ค่อยๆ คลี่คลายไปได้ในที่สุด มีฝ่ายกิจการแพทย์เข้ามาดูแล ความรับผิดชอบสุดท้ายของเรื่องในคราวนี้อยู่ที่ญาติผู้ป่วย
แม้ญาติผู้ป่วยจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องรับศพผู้ป่วยออกไป
……
……
มีคนตายในแผนกฉุกเฉินไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่หากมีข้อพิพาททางการแพทย์ถึงจะนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ทุกคนไม่รู้ชัด จำนวนผู้ป่วยที่แผนกฉุกเฉินกู้ชีพกลับมาได้ในแต่ละปี…มีน้อยยิ่งกว่าน้อย!
เวชศาสตร์ฉุกเฉิน[1]เป็นหัวข้อที่สังคมในปัจจุบันให้ความใส่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่ ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศ
หลังจากแลกเวรแล้วเฉินชางก็ยังไม่ได้กลับไป ถึงอย่างไรก็มีผู้ป่วยเสียชีวิต จะต้องอภิปรายและจดบันทึกเกี่ยวกับการเสียชีวิตด้วย
ทุกอย่างทำไปตามขั้นตอน จนกระทั่งถึงเวลาสิบโมงเช้า ก็มีข่าวหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วทั้งแผนกฉุกเฉิน
“เหยียนหมิงลาออกแล้ว!”
ทุกคนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตามมาด้วยความเงียบงัน
ไปก็ไปเถอะ!
ฉางลี่น่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไปก็ไปเถอะ อยู่ต่อก็ไม่มีประโยชน์”
คนนอกแผนกฉุกเฉินไม่ได้วิจารณ์อะไรมากมาย ส่วนเฉินชางก็แค่ชะงักไปเล็กน้อย
[1] เวชศาสตร์ฉุกเฉิน (แพทยศาสตร์) หรือ การแพทย์ฉุกเฉิน (นิติศาสตร์) (emergency medicine) เป็นการแพทย์เฉพาะทางที่มุ่งเน้นการวินิจฉัยและรักษาความเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บที่เกิดฉับพลันและต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน