บทที่ 352 เป็นธรรมชาติ
หลังจากทำงานหนักมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ เฉินชางก็ได้รับวันหยุดพักผ่อนติดกันสองวันอย่างหาได้ยากยิ่ง
ในวันเสาร์ เฉินชางพักผ่อนอยู่บ้านทั้งวันไม่ออกไปไหน เขาเพียงอยากนอนหลับจนตื่นขึ้นมาเอง ตื่นแล้วก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง บ้างก็ดูคลิปดูหนัง บ้างก็อ่านนิยาย พอถึงเที่ยงก็สั่งอาหารเดลิเวอรี่มากิน ตกบ่ายก็นอนต่อ ถึงเย็นก็ตะลุยดูซีรีส์โต้รุ่ง
คืนวันเช่นนี้เป็นวันที่ทำให้เขารู้สึกเต็มอิ่ม!
บางครั้งเฉินชางก็คาดหวังถึงวันเช่นนี้มากจริงๆ วันที่ไม่ต้องคิดอะไร พักผ่อนได้โดยไม่มีเรื่องใดมารบกวน จากนั้นก็นอนหลับ
ตอนเย็นเขาโทรหาพ่อแม่ สนทนากันอยู่ครึ่งชั่วโมง พวกเขากำชับเฉินชางว่าหากมีเวลาก็ให้หาแฟนบ้าง จากนั้นเขาจึงถือโอกาสโทรหาเฉินลั่วด้วยเลย ช่วงนี้เฉินลั่วยังยุ่งกว่าตนเสียอีก เฉินชางไม่รู้ว่าเรียนสื่อสารมวลชนมันยุ่งขนาดนี้เชียวหรือ
……
……
ระยะนี้งานของฟู่อวี้หลานราบรื่นมาก เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปทีมเต้น ทุกคนในทีมก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างชัดเจน
ในวงการเช่นนี้ การศัลยกรรมไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ยิ่งเป็นการเสริมหน้าอกก็ยิ่งไม่เป็นอะไร ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมที่สุดในหมู่สตรี ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด แต่เป็นเพราะพวกเธอมักจะหาเหตุผลต่างๆ นานามาโน้มน้าวตัวเองอยู่เสมอ
ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมาก ถูกคนอื่นโน้นน้าวยาก แต่กลับถูกตัวเองโน้มน้าวง่าย เช่นเดียวกับการซื้อลิปสติก พวกเธอมักจะหาเหตุผลต่างๆ นานาเพื่อซื้อมันให้ได้ ตั้งแต่เหตุผลด้านปรัชญาชีวิตไปจนถึงทัศนคติของมนุษย์เลยทีเดียว
การกลับมาของฟู่อวี้หลานกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนไปในพริบตา
“โอ้โห!”
“หลานหลาน! นี่เธอ…โตขึ้นรอบสองหรือไง!”
“เธอเคยเห็นใครโตธรรมชาติได้ขนาดนี้บ้างล่ะ ศัลยกรรมแน่ๆ ย่ะ! มา หลานหลาน บอกพวกเราเดี๋ยวนี้ว่าทำอะไรยังไง!”
“ใช่แล้วหลานหลาน ให้พวกเราดูหน่อยเถอะ ให้พวกเราดูผลการศัลยกรรมหน่อย!”
…
ห้องซ้อมเต้นครึกครื้นขึ้นมา มีหญิงสาวเจ็ดแปดคนเข้ามาห้อมล้อมฟู่อวี้หลานทันที
สายตาสนอกสนใจของคนกลุ่มใหญ่จับจ้องมายังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของเธอ หากไม่ใช่ว่าฟู่อวี้หลานเอามือปิดหน้าอกไว้ทัน แต่ละคนคงยื่นมือมาสัมผัสไปนานแล้ว!
เรียกได้ว่าทุกคนต่างสนอกสนใจกับความเปลี่ยนแปลงของฟู่อวี้หลานมาก เมื่อเธอสวมชุดซ้อมที่ค่อนข้างรัดก็ยิ่งทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย ทำให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล!
เรียกได้ว่าโชว์ความงามและสัดส่วนของสตรีเพศออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ตอนนี้ฟู่อวี้หลานยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ท่าทางสดใสเป็นอย่างยิ่ง!
เมื่ออยู่บนเวที สิ่งที่แสดงให้ผู้ชมเห็นไม่ได้มีเพียงการเต้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสวยงามของร่างกาย สัดส่วน…และอื่นๆ จะขาดอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
ฟู่อวี้หลานดีใจมาก ในใจท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่ม แม้แต่ตัวเธอก็ยังส่องกระจกดูตัวเองบ่อยๆ เรียกได้ว่าสิ่งแรกที่ทำทุกวันตอนตื่นนอนก็คือจับจ้องมองดูตัวเองผ่านกระจก กล่าวตามตรง เธอเองยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ในที่สุดก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว กลับมายังทีมเต้นได้แล้ว เมื่อเห็นท่าทางของทุกคน จู่ๆ ฟู่อวี้หลานก็รู้สึกว่าเงินหนึ่งล้านหยวนไม่ได้ขาดทุนเลยสักนิด!
ฟู่อวี้หลานเหลือบมองกลุ่มสตรีกระเหี้ยนกระหือรือข้างกาย รีบก้มตัวลงอย่าจนหนทาง กลัวว่าคุณเธอเหล่านี้จะฉีกเสื้อผ้าของตนจริงๆ!
ถึงอย่างไรเพื่อนร่วมทีมหรือแม้แต่โค้ชฝึกสอนก็เป็นผู้หญิงกันหมด พวกเธอต้องกล้าทำจริงๆ แน่
ในขณะที่ทุกคนเตรียมจะลงมือนั้น โค้ชก็เดินเข้ามาพอดี ทุกคนจึงรีบแยกย้ายไปเข้าแถวเพื่อเตรียมพร้อม
ทีมเต้นของพวกเธอเป็นทีมที่อยู่ภายใต้บริษัทสื่อบันเทิง ต้องร่วมมือกับบริษัทสื่อบันเทิงใหญ่ๆ หลายแห่งเพื่อออกไปโชว์เต้นหรืออะไรทำนองนั้น
ทีมเต้นนี้ถือเป็นทีมดาวเด่น ได้รับรางวัลมาไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อโค้ชเดินเข้ามาแล้วก็พูดว่า “ทุกคนเงียบหน่อย ฉันมีเรื่องจะพูดกับทุกคน”
ทุกคนรีบเข้าแถวให้เรียบร้อย เตรียมหูให้พร้อม ตั้งใจฟัง
โค้ชหัวเราะ “เป็นเรื่องดีค่ะ ทางบริษัทตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมงานกับกลุ่มศิลปะพื้นบ้านซีเหอเพื่อร่วมกันจัดแสดงอย่างหนึ่ง เป้าหมายคือชิงการแสดงในคืนวันตรุษจีนมาให้ได้”
เมื่อพูดจบทุกคนก็พากันส่งเสียงฮือฮา
พวกเขาเตรียมการแสดงสำหรับคืนวันตรุษจีนทุกปี แต่เวทีสำหรับคืนวันตรุษจีนกลับไม่เคยให้พวกเขาขึ้นแสดง ปีนี้ก็คงเป็นดั่งเช่นที่ผ่านมา ส่วนเรื่องร่วมงานกับกลุ่มศิลปะพื้นบ้านอะไรนั่นก็ร่วมงานกันทุกปีไม่ใช่หรือ คิดว่าเวทีของคืนวันตรุษจีนมันได้มาง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร
โค้ชปรบมือเรียกความสนใจอีกครั้ง “เอาละ ยืดกล้ามเนื้อแล้วก็วอร์มร่างกายกันให้ดี เตรียมซ้อมได้”
เมื่อเริ่มกิจกรรมการเรียนการสอนแล้ว สายตาของโค้ชก็มองไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของฟู่อวี้หลาน ชั่วขณะนั้นถึงกับชะงักไป
สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน รีบเดินเข้าไปหาแล้วมองฟู่อวี้หลานก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ใครให้เธอไปทำศัลยกรรมมิทราบ”
เธอคาดหวังกับฟู่อวี้หลานไว้สูงมาก ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์และมีความพยายามสูง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าฟู่อวี้หลานไปเสริมหน้าอกมา เธอก็รู้สึกไม่พอใจ
จะอย่างไรคุณก็เป็นนักเต้น ต้องออกกำลังหนักหน่วงทุกวัน หากทำศัลยกรรมหน้าอกย่อมส่งผลกระทบไม่ดีแน่นอน ตัวอย่างก็มีให้เห็นไม่น้อย
ฟู่อวี้หลานเห็นโค้ชตำหนิตนก็หน้าแดงก่ำ ความจริงโค้ชดีกับเธอมาก ตัวเธอก็รู้ดีแก่ใจ เข้าใจว่าโค้ชทำเพื่อเธอ ดังนั้นจึงไม่กล้าเล่นลิ้น
“ฉันเพิ่งไปทำมาค่ะ…แต่ว่าโค้ชคะ ไม่ส่งผลแน่นอน ไม่ส่งผลเสียแม้แต่นิดเดียวจริงๆ นะคะ!” ฟู่อวี้หลานมั่นใจตั้งนานแล้วว่าหน้าอกที่เธอทำมาเหมือนกับของจริง ไม่เพียงแต่ดูดีใช้งานได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือยังทำออกมาได้เยี่ยมมาก ไม่รู้ว่าเฉินชางใช้วัสดุอะไรกันแน่ถึงได้ดูสมจริงขนาดนี้
เมื่อโค้ชได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึม “เธออย่าเอาแต่ฟังคำซุบซิบนินทาของคนอื่น ไม่คิดบ้างล่ะว่าเธอเป็นนักเต้น ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้สอดประสานกัน ความเข้ากันของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญมาก เธอต้องกระโดดไปมาทั้งวัน ดังนั้นต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัยด้วย!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของโค้ชก็อ่อนลงหลายส่วน
ฟู่อวี้หลานรีบพูดขึ้นว่า “โค้ชคะ ไม่มีผลเสียเลยค่ะ ไม่มีผลเสียแน่นอน จริงๆ นะคะ! ถ้าคุณไม่เชื่อเดี๋ยวฉันจะแสดงให้คุณดู”
ตอนนี้สาวๆ ในทีมเต้นที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตาเป็นประกาย หากว่ากันตามตรง พวกเธอทุกคนก็เฝ้ารอเช่นกัน จะอย่างไรผู้หญิงทุกคนก็อยากให้ตัวเองสวยขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี แต่ก็เหมือนกับที่โค้ชบอก อาชีพอย่างพวกเธอจะทำศัลยกรรมได้หรือ จะไม่ส่งผลเสียอะไรเชียวหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทุกคนก็มองไปยังฟู่อวี้หลานด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ถ้าหาก…การศัลยกรรมไม่ส่งผลเสียกับฟู่อวี้หลานจริงๆ พวกเธอก็อยากลองดูบ้าง
ผู้หญิงคนไหนบ้างจะไม่มีความรักสวยรักงาม
เมื่อโค้ชเห็นดังนั้นก็ลังเลไปครู่หนึ่ง ความจริงเธออยากสั่งสอนฟู่อวี้หลานอีกเล็กน้อยเพราะวางแผนไว้ว่าจะให้เธอมายืนตำแหน่ง C ในการแสดง แต่…ขออย่าเกิดปัญหาอะไรเลย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โค้ชก็พิจารณาครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เอาเถอะ ลองสักหน่อยแล้วกัน ถือเป็นการวอร์มร่างกายให้ฉันดูหน่อย”
ฟู่อวี้หลานพยักหน้า รีบยืดตัวขึ้น เริ่มการแสดงของตนทันที
การแสดงนี้ยิ่งทำให้ทุกคนมองจนตาค้าง แม้แต่โค้ชก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ เธอมองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ นี่…ร่างกายนี้จะสวยเกินไปแล้ว!
สวยมากจริงๆ!
เมื่อรวมกับท่วงท่าการเต้นอันงดงามเข้ากับร่างกายอันยอดเยี่ยมของสาวแรกรุ่นนั้นแล้ว…ชั่วขณะนี้มันช่างงดงามราวกับภาพวาด!
ทุกคนตะลึงพรึงเพริด!
สิ่งที่ทำให้โค้ชตกตะลึงที่สุดก็คือหน้าอกของฟู่อวี้หลานไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นของปลอมเลยแม้แต่น้อย ดูเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเหมือนของจริง
ชั่วขณะนี้โค้ชถึงกับชะงักไป!
บทที่ 348 พูดความจริงช่างยากแท้…
ทุกคนจะต้องผ่านประสบการณ์บางอย่างถึงจะเติบโตขึ้นได้ เฉกเช่นเก่าฮว๋ายที่จู่ๆ ก็ตระหนักรู้ถึงความไม่ดีพอของตนระหว่างการผ่าตัดของแผนกฉุกเฉินแห่งโรงพยาบาลตงต้าเมื่อครั้งที่แล้ว!
สิ่งที่คนเป็นศัลยแพทย์ควรมีก็คือดวงตาดุจเหยี่ยว หัวใจดุจสิงห์ และมือดุจสตรี
ใจสิงห์คือความกล้าหาญและความเด็ดขาดซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว!
ดวงตาดุจเหยี่ยวก็คือการวินิจฉัย ตรวจหาอาการป่วยได้อย่างรวดเร็ว มือดุจสตรีก็คือเทคนิคและความสามารถในการผ่าตัด ซึ่งสองสิ่งนี้พัฒนาได้จากการเรียนรู้และการฝึกฝนไม่หยุดหย่อน ดังนั้นใจสิงห์จึงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด เพราะมันคือการฝึกฝนจิตใจ นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ที่ทำงานในสายการแพทย์ทุกคน
เก่อฮว๋ายนับเป็นคนโชคดีคนหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ก้าวผ่านตัวเองได้แล้ว ซึ่งความจริง ทุกการก้าวผ่านก็คือการเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน
ขณะนี้เก่อฮว๋ายกำลังนั่งอยู่ในห้องพักหมอ ดูคลิปการผ่าตัดอย่างจริงจัง นี่ทำให้เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างหนัก!
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตะลึงพึงเพริดไม่ใช่เพียงเทคนิคการผ่าตัดอันโดดเด่นยอดเยี่ยมของหมอผู้ผ่าตัด เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความกล้าหาญที่ตัดสินใจผ่าตัดด่วนในห้องฉุกเฉินของหมอคนนั้นอีกด้วย!
ยิ่งดูเก่อฮว๋ายก็ยิ่งฮึกเหิม ยิ่งดูเก่อฮว๋ายก็ยิ่งตื่นเต้น!
ในใจของเก่อฮว๋า ผู้ผ่าตัดลึกลับคนนี้มีระดับฝีมือสูงส่งจนไม่อาจหยั่ง เกือบจะเป็นไอดอลของเขาอยู่แล้ว เขาสาบานเลยว่าหลังจากนี้จะไปหาหมอคนนั้นถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเพื่อสนทนากับอีกฝ่าย
เก่อฮว๋ายมีลางสังหรณ์ว่าผู้ผ่าตัดในคลิปจะต้องเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งแน่ๆ ซึ่งอาจเป็นอาจารย์ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาเลยก็เป็นได้
ยิ่งคิดเก่อฮว๋ายก็ยิ่งใจเต้นตึกตัก
ส่วนเมิ่งซีที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตื่นตะลึงเช่นกัน แต่เธอไม่เหมือนกับเก่อฮว๋าย เธอเห็นโลกมามาก แม้จะเป็นเช่นนี้ การตัดสินใจผ่าตัดด่วนในห้องฉุกเฉินก็ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นจริงๆ
การผ่าตัดในต่างประเทศจะมีความเคร่งครัดมากกว่าการผ่าตัดในประเทศจีน และการผ่าตัดนี้…เมิ่งซีคิดว่าแม้แต่เธอเองก็อาจทำไม่ได้
ความจริงไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ หรือในประเทศจีน การพัฒนาด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินก็ค่อนข้างเชื่องช้า หากว่ากันตามทฤษฎีแล้ว คนส่วนใหญ่คงไม่กล้าผ่าตัดในห้องฉุกเฉินเช่นนี้แน่
แม้การแพทย์สมัยใหม่จะมีข้อกำหนดที่บ่งชี้ไว้ชัดเจนว่าหากผู้ป่วยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจและมีภาวะบีบรัดหัวใจร่วมด้วยก็สามารถผ่าตัดเร่งด่วนได้ แต่จะมีสักกี่คนกันเชียวที่กล้าทำจริงๆ!
นอกจากนี้ ความสามารถของผู้ผ่าตัดก็ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการผ่าตัดระดับปรมาจารย์ที่มีความระมัดระวังมากกว่าเธอเสียอีก
คนคนหนึ่ง ไม่ว่าพรสวรรค์จะเป็นอย่างไร สิ่งที่มีจำกัดก็คือจิตใจและพละกำลัง
หากคิดจะผ่าตัดเหมือนเคสนี้ หมอผู้ผ่าตัดจำเป็นต้องมีประสบการณ์การผ่าตัดหลายร้อยหรือกระทั่งหลายพันเคสเสียก่อน มิเช่นนั้นย่อมไม่ได้ผลลัพธ์แบบนี้แน่นอน เมิ่งซีก็อยากสนทนากับคนคนนี้ อยากนั่งคุยกับเขาบ้างจริงๆ
ทว่าทันทีที่เธอได้ยินเสียงที่ดังแว่วออกมาจากคลิปการผ่าตัด ก็รู้สึกว่ามันฟังคุ้นๆ
นี่เธอรู้สึกไปเอง…หรือว่าคิดมากเกินไป ทำไมเสียงมันถึงได้ฟังดูคุ้นจัง
คลิปการผ่าตัดจบลงแล้ว
เมิ่งซีส่ายหัว เย็นนี้เธอเลิกงานเร็วเพราะมีการผ่าตัดแค่เคสเดียว ทั้งยังเป็นการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบที่ใช้เวลาไม่มากด้วย พรุ่งนี้ก็จะได้พักผ่อนแล้ว บางทีเธอควรดูซีรีส์หรือทำอาหารเลิศรสเป็นรางวัลให้ตัวเองสักมื้อ
เมื่อการประชุมจบลง ซย่าเกาเฟิงก็มองทุกคนแล้วพูดว่า “การผ่าตัดที่เห็นนี้นำมาจากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง เป็นการผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เกิดขึ้นจริง หลังจากทุกคนกลับบ้านแล้วก็ลองไตร่ตรองดูให้ดีนะครับ ช่วงเปลี่ยนเวรวันจันทร์ผมจะมาถามทุกคนว่ารู้สึกยังไง เอาละ แยกย้ายได้”
ทุกคนพากันพยักหน้าแล้วแยกย้าย
สำหรับการผ่าตัดนี้ ขอแค่เป็นหมอคนหนึ่ง ย่อมต้องรู้สึกสะเทือนอารมณ์แน่นอน
เมื่อเฉินชางเห็นประตูเปิดออก ดวงตาก็เปล่งประกาย ในที่สุดก็ไม่ต้องยืนรอข้างนอกแล้ว
ซย่าเกาเฟิงเดินออกมา เมื่อเห็นเฉินชางก็ยิ้มให้ทันที “เสี่ยวเฉิน มาแล้วหรือ”
เขาชื่นชมเฉินชางมาก มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง หากเมิ่งซีไม่ได้เป็นอาจารย์เขา ซย่าเกาเฟิงคงแย่งตัวมาแล้ว
เขาแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมเฉินชางถึงไม่ขอให้เถามี่เป็นอาจารย์ จะอย่างไรเถามี่ก็เป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการศัลยกรรมหัวใจ เป็นคนระดับเดียวกับซย่าเกาเฟิง
คิดได้ดังนี้ ซย่าเกาเฟิงก็แอบวางแผนในใจว่าหากเจอเถามี่คราวหน้าจะไปแซวสักหน่อย หมอของโรงพยาบาลคุณแท้ๆ ทำไมมาขอให้หมอของโรงพยาบาลผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เพียงแค่คิดถึงท่าทางในตอนนั้นของเถามี่ ซย่าเกาเฟิงก็เกิดคาดหวังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เฉินชางก็เดินเข้าไป
ซย่าเกาเฟิงดวงตาเปล่งประกาย “เสี่ยวเฉิน ใช่แล้ว ผมจำได้ คุณก็เป็นหมอแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองใช่หรือเปล่า”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ใช่แล้ว!”
เก่อฮว๋ายชี้ไปยังคลิปการผ่าตัดที่ฉายอยู่บนกำแพงด้วยสีหน้าคาดหวังแล้วถามขึ้นว่า “คุณรู้เรื่องการผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่ทำในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลคุณหรือเปล่าครับ หมอที่ผ่าตัดจะต้องเป็นปรมาจารย์แน่ๆ เลย หัวหน้าเถาของแผนกศัลยกรรมหัวใจเป็นคนทำใช่ไหมครับ”
เก่อฮว๋ายถามคำถามรัวๆ จนเฉินชางไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
เมิ่งซีอดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน ตอนนั้นคุณอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ”
หลังจากเธอได้ยินเสียงเฉินชางแล้ว อยู่ดีๆ ก็รู้สึกคุ้นหู เมื่อคิดให้ดีก็พบว่ามันเหมือนกับเสียงในคลิปมากทีเดียว
เฉินชางพยักหน้าแล้วตอบไปตามจริง “ครับ ผมอยู่ด้วย”
เก่อฮว๋ายได้ยินดังนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันใด “เจ๋ง! เสี่ยวเฉิน ผมจะบอกอะไรให้ หากคุณศึกษาการผ่าตัดเคสนี้จะต้องเป็นประโยชน์กับคุณมากแน่ๆ เข้าใจหรือเปล่า ลองดูเทคนิคการผ่าตัดนั่นสิ ดูสิ…ว่ามันเจ๋งขนาดไหน! จริงสิ เสี่ยวเฉิน ใครเป็นคนผ่าตัดหรือครับ ผมอยากจะไปลองพบเขาสักหน่อย!”
เฉินชางกระแอมออกมา เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเก่อฮว๋ายก็พานให้รู้สึกกระอักกระอ่วนจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เฉินชางคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราก็คือความซื่อสัตย์จริงใจ เมื่อคิดได้ดังนี้จึงตอบไปตามจริงว่า “ผมเป็นคนผ่าตัดเคสนั้นเองครับ…”
เก่อฮว๋ายส่งเสียงอืมออกไปคำหนึ่ง “ผมถามว่าใครเป็นศัลยแพทย์หลัก!”
เฉินชางงงไปแล้ว “ผมก็คือศัลยแพทย์หลักไงครับ…”
เก่อฮว๋ายกลอกตาใส่ “คุณน่ะเหรอ แค่กรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจยังทำได้ไม่ดีเลย นี่เป็นการผ่าตัดรักษาโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจนะครับ รู้หรือเปล่าว่าความยากและความลำบากในการผ่าตัดมันมากแค่ไหน ผมไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคุณนะครับ รีบบอกมาเถอะ ผมจะหาเวลาไปเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อย”
เฉินชางชะงักไป รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…
ผมพูดความจริงคุณก็ไม่เชื่อ แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ
คุณเจอผมเกือบทุกวั นยังต้องมาเยี่ยมเยียนอีกหรือไง
เฉินชางทอดถอนใจออกมา
เรื่องแบบนี้พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ นี่ผมลำบากมากนะ…
ทางด้านเมิ่งซีก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อเช่นกัน เธอรู้ว่าเฉินชางเข้าร่วมการผ่าตัดด้วยเพราะมีเสียงของเฉินชางอยู่ในคลิป แต่เขาต้องไม่ใช่ศัลยแพทย์หลักแน่นอน เธอรู้จักฝีมือการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจของเขาดีเพราะเธอเป็นคนสอนเอง
เมื่อเห็นเก่อฮว๋ายแทบจะฉีกหน้ากับเฉินชางอยู่รอมร่อ เมิ่งซีก็กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “ไปเถอะค่ะ วันนี้มีผ่าตัดเคสเดียว เสร็จแล้วจะได้กลับไปพักผ่อนกันเร็วๆ หลังจากนี้ก็ได้พักผ่อนแล้ว”
เมิ่งซีมองเฉินชางแล้วพูดต่อไปว่า “วันนี้มีการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบนะคะ เสี่ยวเฉิน คุณเป็นคนผ่าแล้วกัน ส่วนเก่อฮว๋ายก็ช่วยเสี่ยวเฉินให้มากหน่อยนะคะ ถึงเขาจะผ่าตัดทรวงอกได้ดีแต่ก็เพิ่งได้เริ่มผ่าถุงเยื่อหุ้มหัวใจ คุณไปเป็นผู้ช่วยผ่าตัดเถอะค่ะ”
หลังจากเมิ่งซีมอบหมายงานเสร็จแล้วก็พาทั้งสองไปยังห้องผ่าตัดทันที