บทที่ 372 อะไรคือแฟนสาวที่ดูดีและมีประโยชน์
ความจริงอู๋อวี้ซู่ที่เฉินชางส่งมาเป็นเพียงแค่ตัวจุดชนวนเท่านั้น เถามี่ไม่สบายใจเรื่องนี้มานานแล้ว
แผนกศัลยกรรมหัวใจอยู่ในส่วนของแผนกศัลยกรรม ซึ่งศัลยแพทย์หลายคนมีความสามารถในการวินิจฉัยโรคแย่กว่าหมอแผนกอายุรกรรม นี่คือความเป็นจริง แต่ตอนที่เขาเห็นหมอในแผนกตนเองไม่แม้แต่จะพกหูฟังแพทย์ไปตรวจ เถามี่ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจ
คำพูดของเถามี่มีประโยชน์มาก อย่างน้อยตอนนี้หากหมอคนใดไปตรวจเยี่ยมผู้ป่วยก็จะพกหูฟังแพทย์ไปฟังด้วย
อย่าคิดว่าแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูงจะเก่งกว่านักศึกษาแพทย์เชียว ความรู้ทางการแพทย์เป็นเรื่องซับซ้อน หากคุณไม่ทบทวนก็จะลืมได้เช่นกัน
ดังนั้นจะต้องฝึกความสามารถในการวินิจฉัยของหมอให้ดี หมอไม่ใช่เครื่องจักรสำหรับผ่าตัด จะพึ่งพาอุปกรณ์ในการตรวจโรคทุกครั้งก็ไม่ได้ พวกเขาเป็นหมอ!
……
……
ชีวิตในปัจจุบันของเฉินชางวนเวียนอยู่กับสถานที่สองแห่ง ทว่าตอนนี้เขามีภารกิจเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งแล้ว นั่นก็คือทุกเย็นเขาจะต้องจูงมือสุนัขขี้ประจบอย่างฉินเยว่ออกมาเดินเล่น และถือโอกาสเปิดดูค่าความรู้สึกดีด้วยเลย
อย่างเช่นในตอนนี้: [ติ๊ง! เดินเล่นสำเร็จ ค่าความรู้สึกดีของฉินเยว่ +1]
อืม การเดทช่วยพัฒนาความรู้สึก นี่ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว สิ่งเดียวที่ไม่สมเหตุสมผลก็คือ ทำไมค่าความรู้สึกดีของเขากับผู้อำนวยการฉินถึงได้ตกต่ำขนาดนั้นล่ะ
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของฉินเสี้ยวหยวน -0.5]
เฉินชางอดทอดถอนใจไม่ได้
ช่างเถอะ ช่างเถอะ!
ผมมีฉินเยว่แล้ว ยังต้องกลัวคุณอีกหรือ
เฉินชางส่ายหน้า ไม่เครียดแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด
ข้างๆ โรงพยาบาลอันดับสองมีสวนสาธารณะอยู่แห่งหนึ่ง ช่วงเย็นของฤดูร้อนที่นี่จะคึกคักมาก บางครั้งเมื่อฉินเยว่ได้ยินเสียงคุณป้าคุณน้าเต้นรำเธอก็จะวิ่งไปเต้นด้วย
ประมาณสี่ทุ่ม เฉินชางก็พาฉินเยว่มาส่งใต้ตึก มองดูเธอเดินขึ้นห้องไปด้วยท่าทางเบิกบานใจ เพียงเท่านี้เฉินชางก็อารมณ์ดีมากแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินชางจึงพบว่ามีสายไม่ได้รับโทรมา เป็นสายจากหัวหน้าเถามี่
เฉินชางรีบโทรกลับทันที “หัวหน้าเถา คุณโทรหาผมเหรอครับ เมื่อครู่ผมไม่ได้ยินเสียง”
เถามี่อยากด่าคนจริงๆ แต่ก็ยังหัวเราะแล้วพูดออกไปว่า “คือพรุ่งนี้อู๋อวี้ซู่จะผ่าตัดแล้วนะครับ เขาเป็นผู้ป่วยที่คุณส่งมา ผมจะผ่าตัดด้วยตัวเอง ถ้าคุณว่างก็มาช่วยผมได้นะครับ!”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ดีใจขึ้นมาโดยพลัน ความจริงหัวหน้าเถาดีกับตนมาก การผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจคราวที่แล้วเขาก็เป็นคนสอน ยิ่งไปกว่านั้น การผ่าตัดห้าเคสที่เป็นภารกิจก็ต้องให้หัวหน้าเถาช่วย
หัวหน้าเถาดีกับตนจากใจจริง อาจถึงขั้น…ดีกับตนมากกว่าเมิ่งซีด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็เป็นห่วงเฉินชางอยู่เสมอ
เฉินชางมีท่าทางดีอกดีใจ พูดยิ้มๆ ว่า “ว่างครับ ว่างแน่นอน ฮ่าๆ! ขอบคุณมากนะครับ ดีจริงๆ! ขอบคุณหัวหน้าเถามากๆ เลยครับ!”
เถามี่ยิ้ม ระหว่างคนสองคนขึ้นอยู่กับความประทับใจจริงๆ นั่นแหละ เถามี่ชอบเฉินชางมาก ถึงอีกฝ่ายจะไม่ยอมเลือกตนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา แต่เขาก็ไม่อยากทิ้งๆ ขว้างๆ คนหนุ่มแบบนี้
นี่เป็นเพราะเขาชื่นชมเฉินชางมากจริงๆ เถามี่คิดว่าเฉินชางเป็นผู้มีพรสวรรค์และมีอนาคต ดังนั้นถึงปากจะบ่นว่าเฉินชาง แต่เมื่อมีการผ่าตัดอะไรก็อยากให้เฉินชางมาเรียนรู้ให้มากหน่อย
เมื่อได้ยินคำตอบของเฉินชาง เถามี่ก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ นับว่าเจ้าเด็กนี่ยังรู้ความ “อืม เวลาที่แน่นอน ผมจะแจ้งคุณพรุ่งนี้อีกทีนะครับ”
เมื่อวางโทรศัพท์ไปแล้ว เฉินชางก็นึกถึงใบหน้าเคร่งขรึมภายใต้กรอบแว่นของเถามี่ อดยิ้มออกมาไม่ได้
เฉินชางมีทักษะการผ่าตัดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดอยู่แล้ว เขาเปิดหนังสือทักษะขึ้นมาแล้วกดกระตุ้นใช้งาน จากนั้นก็เข้าสู่มิติฝึกฝน
ภาพอันคุ้นเคยปรากฏต่อสายตาเฉินชาง ยังคงเป็นแบบจำลองการเรียนการสอนเช่นเดิม
เขาเริ่มเรียนรู้งานที่เกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ หัวใจ หลอดเลือด และกายวิภาคศาสตร์ของทรวงอกใหม่อีกครั้ง
ทุกครั้งที่เข้ามาฝึกฝนจะขาดขั้นตอนนี้ไปไม่ได้เลย สำหรับเฉินชาง นี่ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่ว่า…จุดอ่อนเดียวก็คือ ระยะนี้ตอนที่เฉินชางตรวจอาการให้คนอื่นมักจะคิดอยู่เสมอว่า ถ้าคนคนนี้มีปัญหาที่หัวใจ จะเริ่มผ่าจากตรงไหนดี
บทเรียนต่อจากนั้นก็คือตำแหน่งในการผ่าเปิด
ตำแหน่งการผ่าเปิดเยื่อหุ้มหัวใจจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งจะให้ผลแตกต่างกันมาก จะต้องเลือกผ่าเปิดในตำแหน่งที่เหมาะสมถึงจะขยายพื้นที่ผ่าตัดได้ดี ดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ความจริงส่งผลกระทบมากเลยทีเดียว
ในขณะที่การผ่าตัดแต่ละเคสปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเฉินชาง เขาก็ฝึกจำลองผ่าตัดไปทุกครั้ง กรีดลงไปทุกครั้ง ประสบการณ์แต่ละครั้งกลายเป็นข้อมูลหลั่งไหลเข้าสู่สมอง
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด ในตอนที่เฉินชางลืมตาขึ้นอีกครั้ง ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นมา
[ติ๊ง! ทักษะการผ่าตัดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัด: ระดับปรมาจารย์
คุณสมบัติพิเศษ:
1. ปลอดภัย: การเคลื่อนไหวมืออันชาญฉลาดจะทำให้คุณหลีกเลี่ยงความเสียหายที่ไม่จำเป็นต่อหลอดเลือด เส้นประสาทและหัวใจได้
2. พิถีพิถัน: การทำงานอย่างพิถีพิถันจะทำให้คุณกรีดและแหวกแผลสำหรับผ่าตัดได้ดี ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผ่าตัด]
เฉินชางมองดูทักษะทั้งสอง เขาพอใจมาก!
แต่สิ่งที่เฉินชางได้รับไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีอย่างอื่นแฝงอยู่อีกมากมาย เช่นการเลือกตำแหน่งกรีดเป็นต้น แม้จะไม่มีคุณสมบัติพิเศษ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่แย่เลยสักนิด
……
……
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว เฉินชางก็รีบขึ้นเตียง หยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าสุนัขขี้ประจบอย่างฉินเยว่ส่งข้อความมาให้ตนข้อความหนึ่ง
“หลังจากแยกกัน ฉันคิดถึงคุณ 18 ครั้งแล้ว”
เมื่อเฉินชางอ่านข้อความจบแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ เขาโพสต์ข้อความในไทม์ไลน์ว่า “มีแฟนน่ารักนี่มันเป็นประสบการณ์แบบไหนกันนะ”
ไม่สิ!
คิดไปคิดมาเฉินชางก็คิดถึงปัญหาบางอย่างขึ้นมาได้ ดูเหมือนเขาทำภารกิจสำเร็จไปอีกภารกิจหนึ่งโดยไม่รู้ตัว!
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็รีบส่งข้อความตอบฉินเยว่ จากนั้นก็เปิดหน้าจอแสมือนของระบบขึ้นมา
จริงด้วย!
เฉินชางเห็นรางวัลที่ยังไม่ได้รับปรากฏอยู่สองรางวัล
หนึ่งคือภารกิจประจำวัน อีกหนึ่งคือถุงนำโชคเล็กๆ น้อยๆ
แล้วยังมีอีกอย่างหนึ่ง
[ติ๊ง! ภารกิจสำเร็จ: มีแฟนสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ได้รับรางวัลคือทักษะระดับต้นของจิ่งหราน: ทักษะตรึงกระดูกซี่โครง!]
[ทักษะตรึงกระดูกซี่โครง: ระดับปรมาจารย์
คุณสมบัติพิเศษ:
1.มั่นคง
2.แม่นยำ]
เฉินชางชะงักไป ทักษะนี้ไม่เลวเลย แถมยังเป็นทักษะระดับปรมาจารย์อีกด้วย เป็นทักษะที่ใช้บ่อยในแผนกศัลยกรรมทรวงอก
เฮ้อ ไม่ทันไรก็ได้ของฟรีมาจากจิ่งหรานอีกแล้ว
การตรึงกระดูกซี่โครง ความจริงควรเรียกชื่อเต็มๆ ว่า การตรึงกระดูกซี่โครงที่หัก เป็นทักษะที่ใช้บ่อยในการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมทรวงอก
อืม หากจะแต่งคำคมเล็กๆ น้อยๆ ก็พูดได้ว่า กระดูกซี่โครงเป็นหน้าต่างของหัวใจ!
ทว่าเฉินชางไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก สุนัขขี้ประจบอย่างฉินเยว่ไม่มีประโยชน์หรือ
ต้องทราบว่าภารกิจแฟนสาวส่วนที่สองก็คือ [มีแฟนสาวที่ทั้งดูดีและมีประโยชน์!]
เฉินชางคิดว่า แฟนสาวตัวน้อยของผมก็ดีมากเลยนะ แต่ทำไมถึงไม่นับว่าเป็นแฟนสาวที่ทั้งดูดีและมีประโยชน์ล่ะ
นี่ทำให้เฉินชางที่ไร้เดียงสาสุดเปรียบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ช่างเถอะๆ รีบไปหยอกล้อเจ้าสุนัขขี้ประจบแล้วเข้านอนดีกว่า
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินชางก็ส่งสติ๊กเกอร์รูปตบเตียงแล้วกวักมือเรียกมานอนไปให้
ฉินเยว่ที่ถูกหยอกล้อเช่นนี้ก็ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีแลบลิ้นน้ำลายไหลกลับมา
เฉินชางหัวเราะออกมาจนได้
ถ้าแฟนสาวคนนี้ไม่ดีแล้วจะไปหาแฟนสาวดีๆ ได้จากที่ไหนอีก
อืม แฟนผมดีที่สุดแล้ว!
บทที่ 368 เซอร์ไพรส์!
กว่าจะวินิจฉัยอาการบางประเภทให้เจอได้ จะต้องหาอาการสำคัญให้เจอเสียก่อน!
หากหาอาการสำคัญนี้พบก็จะวินิจฉัยความหมายของอาการที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน
ในแพทย์ร่วมสมัยเรียกสิ่งนี้ว่า มาตรฐานทองคำของการวินิจฉัย!
ยกตัวอย่างเช่น หากจะวินิจฉัยวัณโรคจะต้องนำเสมหะไปเพาะเชื้อเพื่อตรวจหาแบคทีเรียที่เกี่ยวข้อง หากจะวินิจฉัยโรคมะเร็งก็ต้องตรวจให้เจอเซลล์มะเร็งในร่างกาย เป็นต้น…
แต่ว่า! อาการหลายอย่างก็ไม่มีมาตรฐานทองคำเช่นนี้ ดังนั้นจะต้องหาเบาะแสสำคัญของอาการให้พบเพื่อนำมาช่วยในการวินิจฉัย หากหาพบและตรวจสอบไปตามเบาะแสนั้นได้ ก็จะทำให้วินิจฉัยโรคออกมาได้ในที่สุด
เฉินชางสูดหายใจลึกๆ มองชายชราอีกครั้ง สายตาอัดแน่นไปด้วยความเคารพนับถือ จากนั้นจึงพยักหน้าแสดงความขอบคุณ!
ชายชราทำเพียงยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าให้ ไม่ได้พูดอะไรอีก
……
……
ชายชราเก่งจริงๆ เขาเก่งที่ตรงนี้เอง แต่นี่ไม่ใช่ส่วนที่เก่งที่สุดของเขา ส่วนที่สุดยอดที่สุดของเขาก็คือการเลือกใช้วิธีการต่างๆ ในการติดต่อสื่อสารกับผู้คน
เขารู้ว่าอู๋อวี้ซู่มีปัญหา และอาจไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ด้วย แต่เขาพูดตรงๆ ไม่ได้
เขารู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะต้องเชื่อฟังหมอ
ชายชราเป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นแพทย์ที่เก่งกาจมาก แต่เขาจะข้ามหน้าหมอที่นี่ไม่ได้ และจะไปชี้นิ้วสั่งให้เฉินชางทำอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไม่ได้ แต่ในฐานะที่เป็นหมอ เมื่อเห็นการวินิจฉัยอาการให้ผู้ป่วยเกิดปัญหา จิตวิญญาณความเป็นแพทย์ของเขาก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองมองดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ช่วยเหลือ
ในตอนนั้นเขาจึงบอกให้เฉินชางตรวจวัดความดัน นี่เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีอีคิวสูงมาก หากชายชราบอกให้เฉินชางพาผู้ป่วยไปเอกซเรย์ทรวงอก ทำกราฟหัวใจ หรือวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ย่อมได้ แต่ผู้ป่วยจะยอมหรือ ผู้ป่วยจะคิดอย่างไร
นี่จะทำให้หมอของคุณวินิจฉัยไม่ได้ แล้วจะให้คนอื่นช่วยวินิจฉัยแทนหรือ หากทำเช่นนั้นผู้ป่วยจะคิดว่าหมอเป็นพวกต้มตุ๋น! อาจถึงขั้นไม่ฟังข้อเสนอแนะที่ให้ไปตรวจร่างกายด้วยซ้ำ
แต่การเสนอให้วัดค่าความดันโลหิตเป็นความเห็นที่ออกมาจากมุมมองของผู้ป่วย การวัดความดันโลหิตเป็นการตรวจที่เรียบง่ายมากและไม่ต้องใช้เงิน ไม่ทันไรก็ตรวจได้แล้ว
เมื่อทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ป่วยขจัดอคติในใจออกไปและทำตามข้อเสนอง่ายๆ นอกจากนี้หมอก็จะได้เบาะแสจากการตรวจอีกด้วย เรียกว่าเป็นการประนีประนอมที่ช่วยแก้ปัญหาได้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาเก่งเพียงใด
อย่าได้ดูถูกการตรวจวัดค่าความดันโลหิตเป็นอันขาด แม้จะดูเหมือนง่ายแต่การตรวจค่าความดันโลหิตจะช่วยให้พบเบาะแสต่างๆ มากมาย
นี่เป็นองค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง
ชีพจรอันแปลกประหลาดนี้บ่งชี้ให้เห็นว่าในยามผู้ป่วยหายใจเข้าจะทำให้ชีพจรเต้นเบาลงอย่างชัดเจนหรืออาจหายไปด้วยซ้ำ แต่เมื่อหายใจออกชีพจรก็จะปรากฏออกมาหรือกลับคืนสู่สภาพเดิม เมื่อใช้การตรวจวัดค่าความดันโลหิตมาสังเกตอาการชีพจรเต้นผิดปกติ จะทำให้เห็นผลชัดเจนกว่าการใช้มือตรวจ
หมอที่มีประสบการณ์ เพียงจับดูก็สัมผัสได้ถึงอะไรหลายๆ อย่างแล้ว
สาเหตุที่ทำให้ชีพจรเกิดความผิดปกตินั้นมาจากความดันในเยื่อหุ้มหัวใจสูง จนไปจำกัดอัตราความดันโลหิตช่วงหัวใจคลายตัว ตอนหายใจเข้าโลหิตจึงไหลเวียนได้อย่างจำกัด หัวใจห้องขวาส่งเลือดเข้าไปไหลเวียนที่ปอดได้น้อยลง การไหลเวียนเลือดในช่วงปอดก็จะได้รับผลกระทบจากการหายใจที่ถูกจำกัดนี้ ทำให้หลอดเลือดที่ปอดขยายตัวและทำให้ปริมาณเลือดที่ปอดที่จะส่งกลับไปยังหัวใจห้องซ้ายลดลงด้วย ดังนั้นโลหิตที่ถูกส่งออกจากหัวใจห้องซ้ายก็จะลดลงตามไปอีก นี่ทำให้ความดันโลหิต หรือชีพจรอ่อนลงและอาจถึงขั้นหายไปชั่วคราว
เมื่อเกิดอาการชีพจรเต้นผิดปกติขึ้นมา มักพบอาการผิดปกติต่างๆ ตามมาด้วย เช่น หัวใจห้องขวาอ่อนเพลีย มีของเหลวสะสมในเยื่อหุ้มหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากการหดเกร็ง ตลอดจนเกิดอาการหอบหืดรุนแรงเป็นต้น
เมื่อวินิจฉัยได้ถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งที่เฉินชางต้องทำต่อไปก็ง่ายขึ้นมาก เมื่อใช้การตรวจหัวใจด้วยหูฟังแพทย์มาวิเคราะห์ร่วมกับภาวะชีพจรเต้นผิดปกติที่ตรวจพบเมื่อครู่นี้ เฉินชางก็เข้าใจสภาพของอู๋อวี้ซู่ราวเจ็ดแปดส่วนแล้ว
มีความเป็นไปได้มากว่าเขาเป็นโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัด!
แต่หากจะวินิจฉัยให้แน่ชัดก็ต้องมีข้ออ้างอิง เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินชางก็เริ่มสังเกตอาการอย่างจริงจัง เส้นเลือดที่คอขยายตัวไปตามการหายใจของอู๋อวี้ซู่จนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เพราะผู้ป่วยค่อนข้างอ้วน จึงไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้น
เฉินชางคิดไปถึงคำพูดของอู๋อวี้ซู่เมื่อครู่นี้ ที่ว่าตนมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ความอยากอาหารลดลง สุดท้ายก็พูดไปว่า “ให้ผมลองจับท้องคุณดูหน่อยนะครับ”
อู๋อวี้ซู่ยกขาขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ
เฉินชางใช้วิธีเคาะเพื่อตรวจดูบริเวณท้อง จากนั้นก็เงียบไป อาจมีของเหลวสะสมในช่องท้อง ซึ่งของเหลวกว่าครึ่งอาจสะสมอยู่ในตับ
ตอนนี้เฉินชางวินิจฉัยได้มากแล้ว
คิดแล้วเฉินชางก็ถามประวัติอาการป่วยและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง
เฉินชางมองอู๋อวี้ซู่แล้วบอกว่า “ดูจากที่ผมตรวจให้คุณเมื่อกี้ รวมถึงอาการที่ปรากฏให้เห็นในตอนนี้ ผมคิดว่าอาการของคุณเหมือนโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดครับ”
อู๋อวี้ซู่ได้ยินดังนั้นหนังตาก็กระตุกทันที เขาถูกศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ทำให้ตกใจไปหมดแล้ว
เขาเคยได้ยินแต่ปอดอักเสบ จมูกอักเสบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่าเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบอะไรนั่น!
คิดดังนี้อู๋อวี้ซู่ก็หน้าเปลี่ยนสี “เยื่อหุ้มหัวใจอะไรนะครับ หมายถึงอะไรครับ”
เฉินชางอธิบาย “เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดครับ มีสาเหตุมาจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง เมื่อปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มหัวใจหนา และอาจเกิดพังผืด หรือหินปูนที่เยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งจะไปจำกัดการหดและขยายตัวของหัวใจจนประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจลดต่ำลง จนส่งผลกระทบกับระบบไหลเวียนโลหิตทางร่างกาย คุณหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก และมีอาการท้องอืด อาการเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันโดยตรงครับ!”
อู๋อวี้ซู่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจไม่น้อยเลยจริงๆ เขาจะป่วยไม่ได้…นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ภาระอันหนักอึ้งกดทับอยู่บนบ่า เขาจะกล้าป่วยที่ไหนกัน
ขนาดพักผ่อนก็ยังไม่กล้าพัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการป่วยเลย
คิดได้ดังนี้ อู๋อวี้ซู่ก็รีบถามขึ้นว่า “หมอครับ ร้ายแรงมากไหมครับ”
ร้ายแรงหรือไม่ ปัญหานี้ก็พูดยาก แต่เฉินชางเห็นสภาพของอู๋อวี้ซู่แล้วก็ทำได้แต่ตอบไปตามตรง
“ขอบอกตามตรงเลยนะครับ นี่ไม่ใช่อาการป่วยธรรมดา หากปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบกับระบบหัวใจและเส้นเลือด ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ตับและปอดเหนื่อยล้าสะสมด้วยครับ ส่งผลกระทบกับระบบทั่วทั้งร่างกาย”
อู๋อวี้ซู่ใจเต้นรัว “เอ่อ…ต้องแอดมิทไหมครับ หรือแค่กินยาแก้อักเสบก็พอ”
ในใจของอู๋อวี้ซู่คิดว่าเมื่อมีอาการอักเสบ แค่กินยาแก้อักเสบก็น่าจะพอแล้ว แต่ว่า…อาการอักเสบเกิดที่หัวใจทำให้เขาไม่มั่นใจนัก
เมื่ออู๋อวี้ซู่ฟังคำอธิบายของเฉินชางเสร็จก็เครียดมาก ถึงขั้นหวาดกลัวไปชั่วขณะ
เฉินชางส่ายหน้า “หากเป็นโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัด จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก ส่วนยาจะใช้ควบคู่กันไปด้วยเป็นส่วนเสริม และยิ่งเข้ารับการผ่าตัดเร็วก็ยิ่งดี นอกจากนี้คุณมีของเหลวสะสมในช่องท้องที่จะต้องเอาออกมาด้วยครับ ผมเสนอให้คุณแอดมิทให้เร็วที่สุด แอดมิทแล้วก็ตรวจสอบร่างกายให้ดี จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการการรักษาต่อไป”
สิ่งที่ควรพูด เฉินชางก็พูดไปหมดแล้ว
เขาพอจะมองออกว่าอู๋อวี้ซู่ต่อต้านการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจมีสาเหตุสองประการ ประการแรกก็คือความกดดันทางด้านการเงิน อีกประการหนึ่งก็คือเสียเวลา
ในเมื่อป่วยแล้ว สิ่งที่ควรรักษาก็สมควรรักษาให้หาย แต่จะตรวจร่างกายได้ก็ต่อเมื่อแอดมิทอยู่ในโรงพยาบาลแล้วเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้จะได้เบิกประกันสังคมได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจร่างกายไปได้มาก
เฉินชางพยายามที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้บอกให้อู๋อวี้ซู่รีบตรวจร่างกายที่คลินิกผู้ป่วยนอก หวังว่าเขาจะรีบแอดมิทเข้าโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
เมื่ออู๋อวี้ซู่ฟังเฉินชางจบก็เงียบไป เขานั่งอยู่เช่นนั้น ผ่านไปนานก็ยังไม่พูดอะไร
ตอนนี้เฉินชางจึงมีเวลาต้อนรับชายชรา
เฉินชางมองชายชรา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมื่อคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดออกไปว่า “คุณลุงครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
ชายชราส่งใบลงทะเบียนของแผนกฉุกเฉินมาให้ “รบกวนทำกราฟหัวใจให้ผมหน่อยครับ ผมรู้สึกใจหวิวๆ”
เมื่อเฉินชางเห็นชื่อของชายชรา ดวงตาก็พลันหดเกร็ง!
ชื่อนี้ บางทีใครหลายคนอาจไม่รู้จัก แต่หากอยู่ในวงการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง หรืออาจรวมถึงวงการแพทย์แผนจีน ความหมายที่แฝงอยู่ในชื่อนี้แตกต่างออกไปมากจริงๆ
เฉินชางรู้จักชื่อนี้โดยบังเอิญ จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคนใหญ่คนโตท่านนี้ได้!
ปรมาจารย์ในวงการแพทย์ เจิ้งซานสุ่ย!