บทที่ 382 เทพคนที่สองของแผนกศัลยกรรมหัวใจ
กินหม้อไฟกลางฤดูร้อน!
เฉินชางไม่รู้จริงๆ ว่าฉินเยว่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับหม้อไฟกันแน่!
นั่งกินหม้อไฟเหงื่อแตกซิกก็ทำให้ได้รสชาติไปอีกแบบ
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เฉินชางก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ เขาคิดว่าควรแบ่งปันเรื่องเคสในวันนี้ให้อีกฝ่ายฟังเสียหน่อย ด้วยเหตุนี้จึงบรรยายขั้นตอนการผ่าตัดของผู้ป่วยคนนั้นให้ฉินเยว่ฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
ฉินเยว่ฟังอย่างกระตือรือร้น ท่าทางเบิกบานใจขั้นสุด ดูสนอกสนใจอย่างยิ่งยวด ทั้งยังคอยถามรายละเอียดการผ่าตัดเป็นระยะอีกด้วย
ชีวิตของคนเป็นหมอก็น่าเบื่อเช่นนี้เอง
สุดท้ายเฉินชางก็อดพูดไม่ได้ว่า “เฮ้อ ใครจะไปคิดว่าก้างปลาชิ้นเดียวจะทำให้เกิดผลแบบนี้ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะครับ!”
ฉินเยว่ฟังแล้วไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่รู้สึกอะไรไปด้วย!
คู่รักที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ฝ่ายชายเป็นชายหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วม แต่ว่า…เมื่อได้ฟังที่เฉินชางเล่า เขาก็รู้สึกสนใจจนอยากฟังเพิ่มขึ้นอีกสักหลายคำ…เมื่อฟังจ บทั้งสองก็รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ไม่อร่อยแล้ว!
สุดท้ายก็ฝืนกินเข้าไปอีกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วพากันเดินออกไป
ฉินเยว่ยิ้ม “ถ้าคุณยังเล่าอีก ฉันว่าเถ้าแก่คงออกมาไล่แล้วละ!”
เฉินชางหัวเราะตอบ หลังจากฉินเยว่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็ออกมาจากร้านหม้อไฟ
ชีวิตแบบเด็กเจ๊ก็ให้ความรู้สึกไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย
……
เฉินชางไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนเป็นเพื่อนฉินเยว่รอบหนึ่ง จากนั้นก็พากันเดินกลับมาที่ใต้ตึกพักอาศัยอย่างเอื่อยเฉื่อย
บนห้อง จี้หรูอวิ๋นนั่งตากพัดลมอยู่บนโซฟา เธอหันไปดูเวลา พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มห้าสิบห้านาทีแล้ว จากนั้นจึงมองไปยังเหล่าฉินที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาข้างๆ อดถามไม่ได้ว่า “เอ๋? เหล่าฉิน ทำไมวันนี้ไม่ไปยืนเฝ้าตรงหน้าต่างล่ะคะ ลูกสาวสุดที่รักของคุณจะกลับมาแล้วนะ!”
จี้หรูอวิ๋นมองฉินเสี้ยวหยวนอย่างแปลกใจ หากเป็นเมื่อก่อน พอถึงเวลานี้ ฉินเสี้ยวหยวนคงไปยืนเฝ้าตรงหน้าต่างนานแล้ว แต่วันนี้เขาไม่ไปแอบมองอยู่ตรงระเบียง กลับมานั่งดูทีวีอย่างสบายใจแทนเสียได้
นี่ทำให้จี้หรูอวิ๋นงงจริงๆ!
เหล่าฉินเปลี่ยนไปแล้วหรือ
ฉินเสี้ยวหยวนทำเพียงโบกมือแล้วตอบอย่างเกียจคร้านว่า “วันนี้พักหนึ่งวัน”
ฉินเสี้ยวหยวนย้อนนึกถึงการผ่าตัดของเฉินชางในวันนี้พลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาอย่างอดไม่อยู่
เจ้าเด็กนี่ถือว่ามีความสามารถอยู่บ้าง!
การรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วยนับเป็นเรื่องดี ทั้งยังสร้างผลงานครั้งใหญ่ให้แก่โรงพยาบาลอีกด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกว่าควรให้รางวัลเฉินชางสักหน่อย
แต่ว่า…เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนขายลูกสาวเพื่อความรุ่งโรจน์อย่างไรอย่างนั้น ฉินเสี้ยวหยวนรีบส่ายหน้า สลัดความคิดน่ากลัวทิ้งไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินเสี้ยวหยวนคิดถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ที่พวกหลี่เป่าซานมีต่อเฉินชางก็อดถอนใจไม่ได้
บางทีหากเยว่เยว่คบกับเฉินชางคงไม่เสียเปรียบเท่าไหร่!
ก็แค่เด็กจากหมู่บ้านชนบท พื้นเพอ่อนด้อยไปสักหน่อย ตอนซื้อบ้านอาจยุ่งยากเล็กน้อย คาดว่าปีสองปีคงพอฝืนไปได้
หรือว่า…จะซื้อบ้านให้พวกเขาเช่าดีนะ
……
เมื่อเฉินชางกลับมาถึงบ้านก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือน
[ติ๊ง! ดึงก้างปลาออก ทำภารกิจช่วยชีวิตสำเร็จ ได้รับรางวัล: ทักษะการผ่าตัดไส้เลื่อนกระบังลม! ระดับปรมาจารย์!]
ทักษะการผ่าตัดไส้เลื่อนกระบังลมหรือ
เฉินชางเลิกคิ้ว เป็นทักษะที่ไม่เลวเลย นี่เป็นทักษะการผ่าตัดฉุกเฉินของแผนกศัลยกรรมทรวงอก
ไม่เลว ดูเหมือนคะแนนอาชีพของเขาจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก ใช้เวลาไม่นานก็คงเปิดอาชีพที่สามได้แล้ว ถึงตอนนั้นจะเลือกอาชีพอะไรดี
จะใช้คะแนนทักษะมั่วซั่วไม่ได้!
งานในแผนกฉุกเฉินมักพบเจอเรื่องราวไม่คาดฝันอยู่เสมอ ดังนั้นควรเตรียมรับมือเอาไว้ทุกเมื่อ
……
……
วันพฤหัสบดี เวลาสี่โมงกว่า เป็นช่วงเวลาที่โรงพยาบาลอันดับสองไม่ยุ่งมาก เฉินชางมาถึงโรงพยาบาลตงต้านานแล้ว
ตอนนี้เฉินชางเริ่มคุ้นเคยกับระบบของที่นี่ขึ้นทุกวัน นางพยาบาลน้อยแห่งแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าต่างก็ดีอกดีใจและยินดีต้อนรับเฉินชางกันมาก อย่างไรเสียเขาก็หน้าตาดี นิสัยดี ปากหวาน แล้วยังขยันขันแข็ง…ที่สำคัญคือมีผมเยอะ…ทั้งสูงทั้งหล่อเท่…แล้วก็…สรุปแล้วคือดีไปหมด!
คนเช่นนี้เป็นอาหารตาชั้นเยี่ยมของนางพยาบาลน้อย!
กล่าวคือ…โรงพยาบาลตงต้ามีคนเก่งอยู่มากมาย เพียงแค่ในแผนกศัลยกรรมหัวใจก็มีแต่คนที่จบปริญญาเอกแล้ว ซึ่งสำหรับคนที่มีพื้นเพยอดเยี่ยมเหล่านี้…ไม่ต้องพูดถึงคนหล่อเลย แค่จะหาคนที่มีผมดกดำยังยากเลย!
ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผมบางทั้งนั้น! นี่ทำให้นางพยาบาลน้อยทั้งหลายต้องทอดถอนใจด้วยความเซ็ง ส่วนเก่อฮว๋ายที่เป็นพวกพอมีผมประปรายก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง
บ่ายวันนี้ โรงพยาบาลสงบเงียบจนน่าแปลกใจ ทุกคนในห้องทำงานรีบคว้าโอกาสนี้จัดการประวัติคนไข้ เวชระเบียนของเดือนที่แล้วจะต้องทำให้เสร็จกลางเดือนนี้ แต่ทุกคนยังไม่ได้ส่ง จนฝ่ายเวชระเบียนโทรมาเร่งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
บรรดาหมอจัดระเบียบคำสั่งแพทย์ ตรวจยา และหาผลตรวจของคนไข้ ส่วนพยาบาลก็ต้องเร่งเตรียมบันทึกการรักษาและเซ็นชื่อในแบบฟอร์ม
หวังเยี่ยนกำลังจะกลับไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล แต่กลับถูกเก่อฮว๋ายเรียกไว้เสียก่อน
เขาระบายรอยยิ้มที่คิดว่าน่าหลงใหลออกมา “คุณเยี่ยนครับ คุณช่วยผมพิมพ์ผลตรวจแลปของผู้ป่วยที่เคยอยู่เตียงห้าสิบเอ็ดให้ผมทีนะครับ!”
หวังเยี่ยนส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา “ฉันงานยุ่งมาก! คุณทำเองเถอะค่ะ!”
เก่อฮว๋ายจนปัญญา ได้แต่ไปหาเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน ช่วยพิมพ์ผลตรวจแลปของผู้ป่วยให้ผมหน่อยสิครับ!”
ตอนนี้เฉินชางกำลังอ่านคู่มือการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมหัวใจฉบับล่าสุดอย่างออกรสออกชาติ เมื่อได้ยินคำพูดของเก่อฮว๋ายก็ตอบรับไปคำหนึ่ง
หวังเยี่ยนเห็นดังนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “หมอเสี่ยวเฉินคะ คุณอ่านไปเถอะ!”
พูดจบเธอก็ถลึงตาใส่เก่อฮว๋าย “ทำไมคุณถึงขี้เกียจขนาดนี้นะ! หมอเฉินอ่านหนังสืออยู่ คุณจะไปรบกวนเขาทำไม บอกรหัสแอดมิดของผู้ป่วยมาสิ! ฉันจะทำให้คุณเอง!”
คำพูดของหวังเยี่ยนทำให้ห้องทำงานครื้นเครงขึ้นมา
เก่อฮว๋ายทอดถอนใจโดยพลัน “เฮ้อ…ตั้งแต่เสี่ยวเฉินมาที่แผนก ตำแหน่งของผมก็ถูกสั่นคลอนขึ้นทุกวัน!”
หวังเยี่ยนได้ยินเข้าพอดี เธอหันมายิ้มอย่างดูแคลน “หมอเก่อ คุณจะเอาอะไรไปเทียบกับเสี่ยวเฉินคะ! ฝีมือเย็บแผลของคุณก็ไม่เร็วเท่าหมอเฉิน หน้าตาก็ไม่หล่อเท่าหมอเฉิน! คุณไม่มีเส้นผมที่ดกดำเท่าหมอเฉิน และไม่มีรูปร่างสูงเพรียวเหมือนหมอเฉินด้วย” คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในห้องทำงานครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เก่อฮว๋ายจะอะไรได้ ปกติเขาก็หยอกล้อกับพยาบาลน้อยกลุ่มนี้จนคุ้นชินแล้ว แต่เฉินชางกลับมีสีหน้าสับสน!
นี่ผมถ่อมตัวแล้วนะ! ทำไมยังเป็นที่สังเกตอีกล่ะ
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็อดถอนใจไม่ได้ สายตาที่มองไปยังเก่อฮว๋ายเต็มไปด้วยความเห็นใจ หมอเก่อ ต้องโทษที่ผมยอดเยี่ยมจนสะดุดตาเกินไปสินะครับ
เมิ่งซีชำเลืองมองภาพนี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายขบขัน
ตอนนี้เอง นางพยาบาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหวังเยี่ยนก็อมยิ้ม
“หมอเก่อ พอแล้ว คุณอย่าพูดเลยค่ะ คุณเลือกไปเทียบกับเสี่ยวเฉินแบบนี้ เป็นการเลือกที่ผิดมากจริงๆ! ตอนนี้เสี่ยวเฉินเป็นเทพหนุ่มคนที่สองของแผนกศัลยกรรมหัวใจของพวกเราแล้ว!”
หมอคนอื่นพากันยิ้ม “แล้วเทพคนที่หนึ่งเป็นใครล่ะครับ”
พยาบาลตอบว่า “ก็ต้องเป็นหัวหน้าแผนกไงคะ! หัวหน้าซย่าก็คือเทพแห่งแผนกของพวกเรา แต่…ที่สำคัญเป็นเพราะเสี่ยวเฉินยังเป็นนักศึกษาอยู่!”
คำพูดนี้ทำให้เมิ่งซีมีความสุข
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน รีบลุกขึ้นวิ่งไปพิมพ์ผลตรวจแลปที่เคาน์เตอร์พยาบาลทันที
คนในห้องทำงานแห่งนี้อันตรายเกินไปแล้ว
เฉินชางเพิ่งเดินไปถึงเคาน์เตอร์พยาบาล นางพยาบาลน้อยกลุ่มหนึ่งเห็นเขาเข้าก็รีบพูดขึ้นว่า “หมอเสี่ยวเฉิน คุณมาทำอะไรคะ”
เฉินชางตอบไปว่า “พิมพ์ผลตรวจแลปครับ!”
“โธ่ งานพวกนี้ให้พวกเราทำเถอะค่ะ คุณไปพักได้เลย!”
“ใบตรวจแลปของใครคะ”
เฉินชางตอบ “รหัสแอดมิทคือ 10192811 ครับ คนไข้ของหมอเก่อ”
พยาบาลได้ยินดังนั้นก็บ่นพึมพำขึ้นมาทันที “หมอเก่อคนนี้นี่ คงอิจฉาที่เทียบคุณไม่ได้เลยใช้ให้คุณทำงานจิปาถะสินะ!”
นางพยาบาลน้อยอีกคนหนึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว เอาละ หมอเฉิน คุณไปอ่านหนังสือเถอะค่ะ ฉันจะทำให้คุณเอง!”
เฉินชาง “…”
บทที่ 376 ผม…จิตใจไม่มั่นคงแล้ว
เมื่อผ่าตัดเสร็จ เฉียนหลินและสหายตัวประกอบ A ก็รู้สึกเหมือนมีอารมณ์นับร้อยผสมปนเป!
พวกเขามองเฉินชาง อยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกไป
เฉินชางหันมา อยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกไป
ทั้งสองทอดถอนใจกับตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่มีอะไรต้องพูด
จางเหวินฟู่กำลังจะเรียกเฉินชางเอาไว้ เขาอยากคุยเกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นผู้ช่วยสักหน่อย แต่เมื่อเห็นเถามี่มองเฉินชางด้วยสายตาแปลกๆ อีกทั้งยังทำท่าทางอ้ำอึ้งอยู่พักใหญ่ จึงไม่ได้เรียกตัวไว้
จางเหวินฟู่เห็นหัวหน้าเถาพาเฉินชางเดินออกไปก็ได้แต่มองแผ่นหลังของเถามี่อย่างไม่สบอารมณ์ บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจว่า
หึ! คุณเสียผู้ช่วยที่มีความกระตือรือร้นไปแล้วคนหนึ่ง!
ถ้าผมเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ช่วยจากเฉินชาง คนที่ได้เปรียบก็คือพวกหัวหน้าแพทย์อย่างคุณไม่ใช่หรือไง
มีตาหามีแววไม่!
……
……
เถามี่พาเฉินชางมาที่ห้องทำงานหมอของแผนกศัลยกรรมหัวใจแล้วบอกให้เฉินชางนั่งลง
เฉินชางไม่เข้าใจว่าเถามี่เรียกตนมาทำไม สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าเถา คุณมีอะไรก็พูดกับผมตรงๆ ได้เลยนะครับ”
เถามี่ยิ้มบางๆ “ไม่รีบๆ นั่งก่อนสิ ดื่มชากันก่อน”
จากนั้นก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบชาชั้นดีออกมาสองกล่อง มองเฉินชางแล้วยิ้มจนตาหยี “เสี่ยวเฉิน คุณดื่มชาหลงจิ่งหรือว่าเจิ้งซานเสียวจ่ง”
เฉินชางไม่สบายใจ
นี่มันทำดีเพื่อหวังผลชัดๆ!
หรือว่าหัวหน้าเถาเป็นผู้ช่วยที่ผู้อำนวยการฉินเชิญมา
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ต้อง หัวหน้า ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับแผนกฉุกเฉินก่อนนะครับ”
เถามี่รีบพูดว่า “นั่งก่อนๆ แผนกฉุกเฉินขาดคุณไปคนหนึ่งก็ยังต้องวิ่งไปวิ่งมาเหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่ต้องรีบ! เสี่ยวเฉิน ที่ผมเรียกคุณมาเพราะอยากคุยกับคุณเรื่องการผ่าตัดวันนี้น่ะครับ”
เฉินชางได้ยินคำว่าผ่าตัดก็นั่งลง
เถามี่มองเฉินชาง มีท่าทางคล้ายกำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็พูดไปว่า “เสี่ยวเฉิน คุณผ่าตัดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดได้สินะครับ”
เฉินชางพยักหน้าแล้วบอกไปตามตรง “ครับ ผมทำได้ครับ”
เมื่อเถามี่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอีกครั้ง “อ้อ! ถ้างั้นคุณเห็นการผ่าตัดของผมในวันนี้แล้วมีความคิดเห็นอะไรไหมครับ”
เฉินชางแทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาดูการผ่าตัดในวันนี้อย่างจริงจัง ดูอย่างละเอียด ย่อมตัดสินได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น…สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ทักษะของเถามี่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเฉินชางแล้ว ทั้งยังผสานรวมไปกับทักษะของเฉินชางจนกลายเป็นหนึ่งเดียวแล้วด้วย ถ้าไม่เข้าใจก็แปลกแล้ว!
เฉินชางพูดไปตามตรงว่า “เยี่ยมมากครับ!”
เถามี่ปากกระตุก!
ผมขอให้คุณมาประจบประแจงหรือไง
“ขอแบบละเอียดหน่อย!”
เฉินชางกลอกตาใส่
ตาเฒ่าคนนี้นี่ รังเกียจที่ผมอวยคุณไม่มากพอหรือไง
เชื่อหรือเปล่าว่าผมจะไปเรียกตาแก่ที่บ้านมาปะทะคารมกับคุณซะเลย
คิดจบเฉินชางก็พูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าคุณมองภาพรวมเป็นสำคัญ จากผลการตรวจของผู้ป่วยจะเห็นได้ว่ามีส่วนที่เป็นพังผืดอยู่มาก ส่วนที่เป็นหินปูนก็ค่อนข้างมาก คุณเลือกกรีดแนวขวางบริเวณหน้าอกทั้งสองจึงทำให้ผ่าตัดสะดวกขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ที่สำคัญก็คือตอนผ่าตัด มือคุณนิ่งมากครับ แล้วก็พิจารณาได้รอบด้านมากๆ ผมคิดว่าการผ่าตัดของคุณช่วยเรื่องการฟื้นตัวของผู้ป่วยหลังผ่าตัดได้ดีและช่วยลดผลข้างเคียงอีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์มหาศาลเลยทีเดียว!”
เมื่อเฉินชางพูดจบ เถามี่ก็สบายไปทั้งตัว!
ฟังจนเคลิ้มไปหมดแล้ว
เถามี่สาบานเลยว่าเฉินชางต้องพูดออกมาจากใจแน่นอน มิฉะนั้นคงไม่ฟังดูจริงใจขนาดนี้หรอก
แต่ว่า…
ผมมาฟังคุณอวยหรือไงล่ะ
ถึงคุณจะอวยได้ดีก็เถอะ…
แต่ผมอยากฟังข้อเสนอแนะต่างหาก
หลังจากวันนี้ เขาจะต้องไปผ่าตัดสาธิตที่โรงพยาบาลตงต้า จึงตัดสินใจจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นสักหน่อย ทางที่ดีควรหาข้อบกพร่องของตัวเองให้เจอ
“เสี่ยวเฉิน คุณไม่มีข้อเสนอแนะอะไรที่จะช่วยให้การผ่าตัดดีขึ้นเหรอครับ เช่นพวกจุดอ่อนข้อบกพร่อง หรือส่วนที่เปลี่ยนแปลงได้น่ะ” เถามี่ถามยิ้ม
เฉินชางชะงักไป สูดหายใจลึกๆ คิดในใจว่า นี่ผมอวยคุณไปสองรอบแล้วนะ…
หัวหน้าเถา ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้อีกผมจะไปแล้วนะ เสพติดคำอวยหรือไง!
เฉินชางพูดขึ้นว่า “นี่คุณ…จริงจังเหรอครับ”
เถามี่ตบขาดังฉาด!
“แน่นอนสิครับ พวกเรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเถอะ!”
เฉินชางยิ้ม รีบพูดหน่อยแล้วกัน!
คิดได้ดังนี้เฉินชางก็กระแอมออกมาเพื่อทำให้ลำคอโล่ง “เอ่อ หัวหน้าครับ ผมคิดว่ามีหลายประเด็นเลยทีเดียว อย่างแรกก็คือจุดที่คุณเลือกกรีด คุณเลือกบริเวณหน้าอกทั้งสอง ตรงนี้เปลี่ยนไปใช้ ‘การกรีดบริเวณอกซ้ายร่วมกับการกรีดแนวขวางบริเวณหน้าอกทั้งสอง’ ได้ แบบนี้จะไม่ทำให้ปอดเสียหาย ยิ่งไปกว่านั้น…”
“ส่วนที่สอง ตอนที่คุณแยกเส้นประสาท…”
“ส่วนที่สามคือการแยกและตัดส่วนที่เป็นหินปูนออกไป ตอนนั้นคุณอยู่ในสภาพที่ต้องลงมีดโดยที่มองไม่เห็นกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งตรงนี้คุณสามารถ…”
……
เมื่อเฉินชางพูดถึงข้อบกพร่องก็พูดออกมาไม่ยอมหยุด! สาดคำพูดออกมานับพันคำ ไหลลื่นไม่ติดขัดเลยสักนิด เพียงอ้าปากพูด ก็พูดออกมาตามแต่ใจนึก!
พวกเราเป็นคนมีการศึกษา เชี่ยวชาญอะไรที่สุดล่ะ
การค่อนแคะ!
เฉินชางพูดออกมารวดเดียวจนรู้สึกคอแห้ง ในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจออกมา ยกชาเจิ้งซานเสียวจ่งขึ้นมาจิบไปคำหนึ่ง ให้ความรู้สึกชุ่มคอ!
สบายจัง…
ที่แท้การค่อนแคะมันสบายใจขนาดนี้เชียวหรือ
เฉินชางมองท่าทางหน้าดำคร่ำเครียดของเถามี่ จิบชาไปอย่างสบายอารมณ์
เถามี่ตกตะลึงจนตาค้างไปแล้ว ถึงแม้คำพูดของเฉินชางมันจะ…ฟังไม่เข้าหู ไม่ได้รู้สึกสบายใจเหมือนตอนประจบประแจง แต่ความจริงเขาก็ได้ประโยชน์มากมาย
เขาพัฒนาตัวเองมาถึงระดับนี้แล้ว เรื่องพื้นฐานต่างๆ ก็ต้องเคยผ่านมาบ้าง
ความรู้ที่สะสมมาหลายปีทำให้เขามีระดับฝีมือเกินกว่าขั้นพื้นฐานไปแล้ว ตอนนี้ได้เฉินชางชี้แนะ ย่อมพัฒนาตัวเองได้อย่างดี!
แต่ว่า…แรกเริ่มเดิมทีเถามี่รู้สึกกระตือรือร้นมาก จะอย่างไรเฉินชางก็พูดได้มีเหตุผล ทำให้เขาก้าวหน้าได้จริงๆ
แต่ว่า…ยิ่งพูดเฉินชางก็ยิ่งอธิบายอย่างละเอียด ยิ่งพูดก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่
เถามี่แทบจะทนไม่ไหวแล้ว! เขารู้สึกว่าจิตใจของตัวเองยังไม่มั่นคง แทบจะพังทลายอยู่รอมร่อ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะเห็นเฉินชางหยุดพัก ในที่สุดเถามี่ก็ผ่อนคลายลงได้
ยังดี…ยังดี…
ในที่สุดก็พูดจบแล้ว
แต่คำพูดเหล่านี้ก็มีเหตุผลจริงๆ พอกลับไปแล้วจะต้องไตร่ตรองดูให้ดีสักหน่อย ดูว่าจะเพิ่มพูนความสามารถได้อย่างไร
เถามี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเฉินชางดื่มชาเสร็จแล้วก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกลับไปมีท่าทางเช่นเดิม ก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “หัวหน้าเถา พวกเรามาคุยกันต่อเถอะครับ ความจริงยังมีอีกหลายอย่างที่ปรับปรุงและพัฒนาได้!”
เถามี่ชะงักไปทันที
เฉินชางพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ตอนคุณผ่าตัด โดยเฉพาะตอนที่แยกเยื่อหุ้มหัวใจและเส้นเลือดออกจากกัน คุณติดนิสัยบางอย่าง ดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็ทำให้เส้นประสาทเสียหายได้ง่าย ผมคิดดูแล้ว น่าจะ…”
ยิ่งพูดเฉินชางก็ยิ่งรู้สึกทรงพลัง!
ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกกระตือรือร้น!
แต่เถามี่รู้สึกว่าตัวเองจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นโรคไตวาย เหงื่อไหลออกมาจนท่วมตัว!
เขานั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน เหงื่อเม็ดโตไหลลงพื้นไม่หยุด
เถามี่กัดฟัน
ไม่ได้ ฟังไม่ไหวแล้ว!
ถ้ายังฟังต่อไป จิตใจผมคงแหลกสลายเป็นผุยผง!
แต่เมื่อเห็นเฉินชางพูดไม่หยุดเช่นนั้น เถามี่ก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหลๆๆ อ้อ! มีผู้ป่วยมาเหรอครับ ได้ๆๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นก็ทำเป็นกดวางสายแล้วยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เสี่ยวเฉิน คือ มีผู้ป่วยครับ ผมต้องไปดูสักหน่อย…คุณว่าวันหลังพวกเราค่อยคุยกันดีไหมครับ”
เฉินชางพยักหน้าแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “คุยกับหัวหน้าเถาทำให้ผมมีความสุขมากเลยครับ!”
เถามี่เหงื่อตก
แต่ผมไม่มีความสุข!
เฉินชางยิ้ม “หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสได้คุยกันแบบนี้อีกนะครับ”
เถามี่ได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้า
อย่าเลย ก่อนที่จิตใจของผมจะแข็งแกร่ง คุณอย่ามาเลย
เมื่อเห็นเฉินชางเดินจากไป เถามี่ก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด
เหนื่อยจริงเว้ย!