เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 383 ที่รัก ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 383 ที่รัก ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว!

เถามี่ได้รับเชิญให้มาร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้ด้วย นี่เป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนทีมผ่าตัดของโรงพยาบาลตงต้า มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทีมหมอระหว่างสองฝ่ายเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน

การผ่าตัดเคสนี้ หัวหน้าและรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าเข้าร่วมด้วย คนสิบกว่าคนยืนรวมตัวกันอยู่ภายในห้องผ่าตัดเพื่อร่วมกันผ่าตัดและแลกเปลี่ยนความรู้

เฉินชางย่อมไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเช่นนี้แน่นอน เขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะไปยืนดูการผ่าตัดในห้องสังเกตการณ์ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น กระทั่งเก่อฮว๋ายก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอเช่นเดียวกัน

นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีหมอน้อยอีกสามคนที่นั่งดูไลฟ์สดอยู่ในห้องทำงานของแผนกอย่างขยันขันแข็ง ถึงอย่างไรก็เห็นชัดเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในห้องผ่าตัดเท่านั้นเอง

เก่อฮว๋ายทอดถอนใจออกมา “เฮ้อ หัวหน้าเถามี่เป็นหมอมากฝีมือด้านการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดในมณฑลตงหยางของพวกเรา! น่าเสียดายที่ไม่ได้ดูการผ่าตัดของเขาใกล้ๆ”

เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า “ใช่แล้ว ตอนผมเพิ่งเข้ามาทำงาน เคยร่วมผ่าตัดกับหัวหน้าเถาครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นผมได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเลยนะครับ!”

เพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งก็ถอดใจออกมาเช่นกัน “เฮ้อ! ไต่เต้ามาถึงระดับรองหัวหน้าแพทย์ได้ก็ดีแล้ว ที่โรงพยาบาลของพวกเรา หากตำแหน่งไม่ถึงระดับรองหัวหน้าแพทย์ พูดออกไปก็ขายหน้าคนอื่นเปล่าๆ”

คำพูดนี้ทำให้ทั้งสามพากันถอนใจออกมารัวๆ! แต่เฉินชางกลับกลอกตาด้วยความขุ่นเคือง

ตอนนี้ผมเพิ่งเป็นแพทย์ดูแลไข้นะโอเคไหม ช่วยเกรงใจจิตใจอันบอบบางของแพทย์ดูแลไข้บ้างเถอะ

แผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าเป็นแผนกที่มีความสําคัญระดับชาติ หากคิดจะเข้ามาย่อมยากเสียยิ่งกว่ายาก! ตอนนี้ก็เปิดรับสมัครบุคลากรที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกขึ้นไปเท่านั้น!

ตามกฎระเบียบการแพทย์แห่งชาติ หากคิดจะไต่เต้าไปถึงระดับรองหัวหน้าแพทย์ซึ่งก็คือระดับรองหัวหน้าแผนก หากมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก ใช้เวลาเพียงสองปีก็เข้าร่วมการสอบเพื่อเลื่อนเป็นรองหัวหน้าแพทย์ได้แล้ว คนทั้งสามที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนสอบผ่านระดับรองหัวหน้าแพทย์กันแล้วทั้งนั้น แต่โรงพยาบาลไม่ได้เรียกตัว!

หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ

นี่หมายความว่าคุณสอบผ่านตำแหน่งรองหัวหน้าแพทย์ในระดับชาติแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลมีโควตาตำแหน่งไม่พอจึงไม่ได้จ้างคุณเป็นรองหัวหน้าแพทย์ ยังคงเป็นแพทย์เจ้าของไข้เช่นเดิม

นี่ก็คือตำแหน่งทางการงาน สำหรับโรงพยาบาลแล้ว นอกจากตำแหน่งทางการงานก็ยังมีภาระหน้าที่อยู่อีกอย่างหนึ่ง คือหน้าที่บริหารตามตำแหน่งงาน

ยกตัวอย่างเช่นสือฉี ตอนแรกสือฉีก่อตั้งแผนกศัลยกรรมทรวงอกขึ้นมาจึงได้เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอก แต่ตำแหน่งทางการงานของเขาไม่ใช่หัวหน้าแพทย์ ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้าแผนกและหัวหน้าแพทย์จึงมีความหมายที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย

หากเทียบกันแล้ว จิ่งหรานจึงจะนับเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต เพิ่งอายุสามสิบต้นๆ ก็ได้เป็นรองหัวหน้าแพทย์และรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกแล้ว มีทั้งตำแหน่งหน้าที่ด้านการบริหาร มีทั้งตำแหน่งด้านการงาน

ส่วนเฉินชางน่ะหรือ…ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงก็ได้!

ยังไงซะผมก็อาศัยหน้าตาทำมาหากิน ตำแหน่งทางการงานไม่มีประโยชน์อะไรหรอก อีกอย่างผมมีผู้อำนวยการเป็นลูกพี่ใหญ่ นี่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าผมก็คือว่าที่หัวหน้าแผนก

ไม่แน่…อาจได้เป็นผู้อำนวยการก็ได้!

คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหลายส่วน

อยากโพสต์ลงไปในไทม์ไลน์บนวีแชทจริงๆ ว่า ‘รู้หรือเปล่าว่ามีลูกพี่เจ๋งๆ มันให้ความรู้สึกยังไง’

คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ส่งข้อความไปให้แฟนสาวตัวน้อยที่ตั้งชื่อแชทให้ตัวเองว่า ‘เศรษฐินีฉิน’

“ที่รัก ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว!”

ไม่นานก็ได้ข้อความตอบกลับ “คืนนี้อาบน้ำรอเจ๊ที่โรงแรมเคมปินสกี้ห้อง 802 ได้เลย!”

เฉินชางถูกคำพูดประโยคนี้ของฉินเยว่หยอกเย้าจนหัวเราะร่วน ยัยนี่จะเจ๋งเกินไปแล้ว!

……

……

อันที่จริงไม่ใช่ว่าพวกหลี่เป่าซานไม่ผลักดันเฉินชาง แต่เรื่องตำแหน่งทางการงานพวกเขาก็ไม่มีปัญญาผลักดันเช่นกัน รัฐบาลมีมาตรการเคร่งครัดมาก หากอายุงานไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็ไม่อนุญาตให้คุณเข้าสอบ หากคุณไม่ได้สอบก็ไม่มีวันได้รับตำแหน่งทางการงาน

บางทีอาจมีคนสงสัยว่ามีข้อยกเว้นหรือไม่

กล่าวเช่นนี้แล้วกัน ตั้งแต่ยุคเก้าศูนย์เป็นต้นมา ทั่วทั้งประเทศก็ไม่มีใครได้เลื่อนตำแหน่งทางการงานทั้งๆ ที่คุณสมบัติไม่ครบตามกำหนดแม้แต่คนเดียว! เพราะระบบที่โปร่งใส มาจากการมีกฎเกณฑ์เช่นนี้

แม้จะเลื่อนขั้นตำแหน่งทางการงานไม่ได้ แต่ตำแหน่งด้านบริหารยังเลื่อนได้!

เฉินชางคิดไปถึงตอนที่ตนเองได้เลื่อนขั้นจากแพทย์ดูแลไข้เป็นรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉิน คิดถึงตอนที่เฉินปิ่งเซิงเรียกตนเองว่า ‘หัวหน้าเฉิน’ พลันรู้สึกสบายไปทั้งตัว…

ดูท่าทางต้องรีบเอาอกเอาใจลูกพี่ใหญ่ซะแล้ว

……

เก่อฮว๋ายมองเฉินชางแปลกๆ อดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน ทำไมตอนแรกคุณไม่ลงทะเบียนกับหัวหน้าเถาล่ะครับ หัวหน้าเถาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลของคุณ หากลงเรียนกับเขาคงสะดวกกว่า!”

เฉินชางถอนใจออกมาอีกครั้ง ผมบอกคุณได้หรือว่าถ้าเรียนกับอาจารย์เมิ่งแล้วจะได้อาชีพใหม่

เก่อฮว๋ายเห็นเฉินชางทอดถอนใจเช่นนั้นพลันเข้าใจขึ้นมาทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

คงเป็นเพราะหัวหน้าเถาไม่ชอบเสี่ยวเฉินสินะ!

เมื่อคิดได้ดังนี้ เก่อฮว๋ายก็รีบปลอบใจ “เฮ้อ เสี่ยวเฉิน คุณอย่าเศร้าไปเลย หัวหน้าเถาจะมาตรฐานสูงก็เป็นเรื่องปกติ เขาเป็นคนระดับไหนแล้ว สุดยอดพอๆ กับหัวหน้าซย่าของพวกเรานั่นแหละ ถ้าคุณจะเลือกเขาก็ต้องยากกว่าแน่นอน!”

เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ เสี่ยวเฉินไม่ต้องเศร้าไปหรอก อีกอย่าง หัวหน้าเมิ่งก็ดีมากเหมือนกัน ติดตามหัวหน้าเมิ่งก็ได้เรียนรู้อะไรไม่น้อยเลยนะครับ”

ทั้งสามพากันกล่าวปลอบใจเฉินชาง

อันที่จริงทุกคนต่างก็คิดว่าเฉินชางดีมาก ทั้งขยันขันแข็งและมีพรสวรรค์สูง

เฉินชางเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงถอนใจอยู่เงียบๆ คนเดียว

เขาจะพูดได้หรือว่าความจริงเถามี่อดรนทนไม่ไหวที่จะแย่งตนไปจากอาจารย์เมิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกได้เลยว่าหัวหน้าเถายังต้องการการสั่งสอนและฟูมฟักจากตนอีกมาก

ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ!

เฉินชางคิดว่าหากตนพูดออกไป พวกเขาต้องเข้ามาอัดตนแน่ๆ

เก่งเกินไปมักจะทำให้คนอื่นอิจฉาได้ง่าย!

เกิดเป็นคนถ่อมตัวสักหน่อยย่อมดีกว่า!

สุภาษิตนั้นพูดว่าอย่างไรนะ

จงซ่อนคมในฝัก!

ใช่แล้ว! คนเราจะต้องซ่อนความสามารถเอาไว้ให้ดี

ตอนนี้เอง เก่อฮว๋ายชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูดว่า “เอาละๆ การผ่าตัดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”

……

……

เถามี่ยืนอยู่ในห้องผ่าตัด เมื่อเห็นว่าท่ามกลางคนที่ยืนล้อมอยู่รอบด้านมีหัวหน้าแผนกและรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจอยู่ด้วยก็อดยิ้มไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่พวกคุณจะได้เปิดโลกแล้ว!

หลายวันมานี้ พูดได้เลยว่าเถามี่พยายามอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนี้ให้ดีที่สุด คำแนะนำที่เฉินชางมอบให้เขาในตอนนั้น เขาก็จดใส่สมุดเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

เขาพิจารณาและใคร่ครวญไม่หยุดหย่อน พัฒนาฝีมือของตนเองไม่หยุดหย่อน ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้!

ซย่าเกาเฟิงมองเถามี่ แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย “หัวหน้าเถา วันนี้ลำบากคุณแล้วนะครับ!”

เถามี่ยิ้มพลางโบกมือ “คำพูดเกรงใจพวกนี้ไม่ต้องพูดหรอกครับ พวกเราเตรียมตัวผ่าตัดเถอะ ขอผลเอกซเรย์ให้ผมดูหน่อยครับ”

ทันใดนั้นก็มีคนนำบันทึกประวัติผู้ป่วยเข้ามาให้

เถามี่เปิดอ่าน ดูผลการเอกซเรย์ จากนั้นก็หยิบภาพเอกซเรย์ทรวงอกและภาพ CT Scan ออกมาดูพลางพิจารณาว่าจะผ่าเปิดเช่นไรดี

เถามี่เป็นหัวหน้าแผนกที่มีประสบการณ์มากมาย และเพราะเขามีประสบการณ์มาก ข้อแนะนำเพียงเล็กน้อยของเฉินชางในตอนนั้นจึงทำให้เขานำไปคิดใคร่ครวญและพลิกแพลงต่อยอดได้มากมาย เมื่อมาถึงตอนนี้ย่อมคิดอะไรได้หลายอย่าง

เวลาผ่านไปหลายนาที เถามี่มีความคิดเกี่ยวกับการผ่าตัดคร่าวๆ แล้ว เขาจึงเดินออกไปล้างมือเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด!

ผู้ป่วยถูกเข็นเข้ามา เมื่อเห็นว่าในห้องมีหมอเก่งๆ อยู่มากก็ตกใจไม่น้อย

นี่จะทำอะไรกันน่ะ

มีหมอมากขนาดนี้เชียว…

เขาเคยเห็นการผ่าตัดใหญ่โตขนาดนี้ที่ไหนกัน!

ตามความคิดของผู้ป่วย การผ่าตัดเล็กๆ ย่อมทำได้ง่าย แต่ว่า…เมื่อเห็นหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวสิบกว่าคนยืนอยู่ในห้องก็ทำเอาเขาหวาดผวาแทบตาย

“หัวหน้าซย่า…นี่…จะทำอะไรกัน ทำไมมีหมอมากขนาดนี้ล่ะครับ” ผู้ป่วยเกิดความหวาดระแวงเล็กน้อยจึงรีบถามออกไป

ซย่าเกาเฟิงยิ้มตอบ “เมื่อวานผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือครับว่าผมเชิญหัวหน้าเถาจากโรงพยาบาลอันดับสองมาผ่าตัดให้คุณ หมอคนอื่นๆ มาดูเพื่อเรียนรู้น่ะครับ!”

ชายคนนั้นได้ยินจึงผ่อนคลายไปได้บ้าง อารมณ์ก็มั่นคงขึ้นมาก

หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้ว วิสัญญีแพทย์ก็เริ่มงาน การผ่าตัดเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ซย่าเกาเฟิงกำชับว่า “หัวหน้าเถา ตอนนี้บริเวณที่เป็นพังผืดของผู้ป่วยขยายตัวไปมากแล้ว ผมคิดว่าจะต้องใช้พื้นที่ผ่าตัดมากหน่อยถึงจะดีนะครับ! ดังนั้น…หากจะผ่าเปิด…”

แต่ทางด้านเถามี่กลับแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย!

คราวที่แล้วเฉินชางเคยสอนเขามาแล้วว่าจะกรีดขวางตามแนวหน้าอกอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้งานเร็วขนาดนี้!

คิดได้ดังนี้ เถามี่ก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือ!

การลงมีดของเขาทำให้คนที่อยู่รอบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ผ่าอะไรแบบนั้นน่ะ

บทที่ 377 ระบบ ทำไมใจดีแบบนี้ล่ะ

เมื่อเฉินชางกลับมาถึงแผนกของตนก็เป็นเวลาประมาณเที่ยงแล้ว การผ่าตัดเคสหนึ่งกินเวลาสองชั่วโมงกว่าถือเป็นเรื่องปกติ

เขาพบว่าไม่มีใครอยู่ในแผนกแล้ว เฉินชางเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ ไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับไปอีก จึงสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากินที่ห้องเวร กินเสร็จก็จะได้นอนงีบพอดี

ห้องเวรของแผนกฉุกเฉินค่อนข้างดี มีเตียงสองชั้นอยู่สองหลัง หมายความว่านอนได้สี่คน มีห้องเวรอยู่ทั้งหมดสองห้อง เท่ากับมีเตียงทั้งหมดแปดเตียง มากพอที่จะให้หมอระดับแพทย์ดูแลไข้นอนหลับฝันหวานกันทั้งแผนก!

เฉินชางกินข้าวเสร็จแล้วก็ง่วงจึงล้มตัวลงนอน

เขารู้สึกว่าเตียงของแผนกฉุกเฉินมีพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้คนอยากหลับ

อืม นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าบัฟ[1]สินะ!

ในชีวิตปกติ มีสิ่งของหลายอย่างที่แฝงไปด้วยคุณสมบัติพิเศษมากมาย ยกตัวอย่างเช่น มุมเล็กๆ ของร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เสื้อของพิ่นหรู ล็อกเกอร์ของร้านยูนิโคล่ เป็นต้น

ขณะที่เฉินชางเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับ เขาก็ได้ยินเสียงคนคนหนึ่งยืนตะโกนอยู่ข้างตน

“หมอเสี่ยวเฉิน หมอเสี่ยวเฉิน!”

เฉินชางลืมตา พบว่าอีกฝ่ายก็คือนางพยาบาลเล่อเล่อ เขารีบลุกขึ้นทันที “มีอะไรครับ เล่อเล่อ”

เล่อเล่อพูดว่า “มีผู้ป่วยค่ะ เขากินปลาไปตัวหนึ่ง ก้างปลาติดคอ หมอสือไปเจาะเยื่อหุ้มหัวใจให้คนอื่นอยู่ ถ้ายังไงคุณไปดูหน่อยได้ไหมคะ”

เฉินชางมองกล่องอาหาร ในกล่องมีอาหารเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งเขายังไม่ทันได้เอาไปทิ้ง จากนั้นก็ถอนใจออกมา

ก้างติดคอ! โอ้ เป็นอาการที่น่าอนาถซะจริง

คนที่มาแผนกฉุกเฉินเพราะก้างติดคอมีให้เห็นบ่อยครั้ง เฉินชางลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วถามขึ้นว่า “กินปลาอะไรมาล่ะครับ”

เล่อเล่อกลอกตาใส่ “ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ”

เฉินชางสวมเสื้อกาวน์แล้วเดินออกไปด้านนอก ถึงอย่างไรปลาคนละชนิดกันก้างปลาย่อมไม่เหมือนกัน การพิจารณาถึงผลลัพธ์และแผนการรักษาย่อมไม่เหมือนกัน

ถ้าเป็นก้างปลาเล็กๆ ก็ไม่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้าเป็นก้างที่บางและยาว จะไปทำร้ายอวัยวะส่วนสำคัญได้ง่าย

เล่อเล่อหันไปมองอาหารบนโต๊ะที่กินไปเพียงครึ่งเดียวก็กินไม่กินต่อ เธอถามขึ้นว่า “หมอเสี่ยวเฉิน คุณไม่กินแล้วหรือคะ จะให้ฉันทิ้งให้คุณเลยไหม ช่วงฤดูร้อนวางไว้แบบนั้นจะเหม็นเอานะคะ!”

เฉินชางพยักหน้า “กินสิ!”

เล่อเล่อกลอกตาใส่อีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปกับเฉินชาง “หมอเฉิน แต่ละเดือนคุณได้เงินมากขนาดนั้น ทำไมไม่เปลี่ยนนิสัยขี้งกอีกล่ะ!”

เฉินชางส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา “คิดซะว่าเป็นรายการแข่งกันประหยัดสิครับ จริงสิ ผู้ป่วยอยู่ที่ไหน”

เล่อเล่อวิ่งเหยาะๆ ไปข้างหน้าหลายก้าว “เดี๋ยวฉันพาไปนะคะ”

เธอพูดพลางก็พาเฉินชางเดินตรงไปด้านหน้า

เมื่อมาถึงห้องโถงของแผนกฉุกเฉินแล้วก็พบว่ามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผูกเนคไทสีดำ กางเกงสแล็คและรองเท้าหนัง กำลังใช้มือลูบหน้าอก หยิบน้ำขึ้นมาดื่มลงไป!

ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าวอย่างร้อนใจว่า “คุณกินน้ำส้มสายชูหน่อยนะคะ!”

ขณะพูดก็ส่งขวดน้ำส้มสายชูในมือไปให้

ฝ่ายชายกลอกตาใส่ “กินไปทั้งขวดแล้ว! ท้องผมเปรี้ยวจนไม่รู้จะเปรี้ยวยังไงแล้วเนี่ย ถ้ากินอีกต้องมีปัญหาแน่!”

ภรรยาร้อนใจมากเช่นเดียวกัน

ทั้งสองอายุไม่มากเท่าไหร่ ราวๆ สามสิบกว่าปี ดูจากลักษณะของฝ่ายชายแล้วเหมือนเซลล์ขายสินค้า

เมื่อเห็นเฉินชางเดินมาแล้ว ทั้งสองก็รีบลุกขึ้นยืน “คุณหมอ”

เฉินชางพยักหน้า “ครับ นั่งกันเถอะ!”

ทั้งสองนั่งลง จากนั้นเฉินชางก็ถามว่า “ก้างติดคอมานานแค่ไหนแล้วครับ”

ฝ่ายชายลังเลไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “สองวันแล้วครับ ติดคอเมื่อวานซืนตอนกินข้าวกลางวัน”

ภรรยาของชายคนนั้นก็ตำหนิขึ้นว่า “เมื่อวานซืนเป็นวันเกิดของสามีฉันค่ะ ฉันคิดว่าเขาลำบากมามากแล้วเลยทำปลาผัดซีอิ๊วให้กิน เขาเป็นเซลล์ขายบ้าน ต้องเดินทางไปๆ มาๆ ทุกวัน ไม่มีเวลาว่างสักนิด พอกลับมาถึงบ้านพอถึงเวลากินข้าวก็ได้รับโทรศัพท์ เป็นลูกค้าที่โทรมาบอกจะดูห้อง เดิมทีเขาก็เป็นคนกินข้าวเร็วอยู่แล้ว พอกินปลาเข้าไปเลยทำให้ก้างปลาติดคอ”

ผู้ชายไอออกมาแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “มันชินเพราะงานน่ะครับ กินข้าวเร็วเกินไป อีกอย่าง…ลูกค้าโทรมาหาแล้ว ผมก็อยากกินให้มากสักหน่อย ไม่คิดว่าก้างจะไปติดคอซะได้”

พูดจบเขาก็ลูบหน้าอก รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย

“ปกติผมก็ก้างปลาติดคออยู่บ่อยๆ แต่ว่า…ก็ไม่เป็นอะไรมาก ไม่นานก็ดีขึ้นแล้วครับ แต่ครั้งนี้สองวันแล้วผมกลับรู้สึกเจ็บขึ้นเรื่อยๆ พอถึงช่วงกินข้าวกลางวันก็ยิ่งรู้สึกไม่สบาย ผมเลยรีบมาโรงพยาบาล”

[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจกู้ชีพพิเศษ ดึงก้างปลาออกจากหลอดอาหารของผู้ป่วยเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย รางวัลภารกิจ: ได้รับทักษะการผ่าตัดเพื่อรักษาไส้เลื่อนกระบังลม (ระดับปรมาจารย์) ต้องการรับภารกิจหรือไม่]

เฉินชางชะงักไปโดยพลัน

วันนี้ระบบมีเรื่องน่ายินดีอะไรหรือเปล่า

แค่รักษาก้างติดคอเล็กๆ น้อยๆ ก็มอบรางวัลมากมายขนาดนี้เชียวหรือ!

จะใจดีเกินไปไหม

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกมีบางอย่างไม่เหมาะสม

เขากดรับภารกิจ ภารกิจเล็กๆ เช่นนี้ถ้าไม่รับก็โง่แล้ว

แต่เมื่อเฉินชางได้ยินคำพูดของผู้ป่วยชายก็แอบชะงักไปเล็กน้อย สองวัน…

เฉินชางเห็นอีกฝ่ายลูบหน้าอกก็คิดว่าก้างปลาคงติดอยู่ในส่วนลึกของหลอดอาหารแล้ว

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย เฉินชางจึงตัดสินใจดำเนินตามขั้นตอนปกติไปทีละขั้นตอน

“คุณอ้าปากหน่อยนะครับ ให้ผมดูหน่อย!” เฉินชางหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดไฟฉาย

จริงดังคาด ไม่พบอะไรเลยจริงๆ

สงสัยจะเข้าไปถึงหลอดอาหารแล้วสินะ

ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องติดต่อกับห้องส่องกล้อง เตรียมส่องกล้องเถอะ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็พูดกับผู้ป่วยว่า “ไปห้องส่องกล้องนะครับ ดูว่าอาการเป็นยังไงกันแน่ ก้างปลาอยู่ที่ไหน ถ้าเอาออกมาได้ก็เอาออกมาเลย”

ผู้ป่วยชายพยักหน้า “เฮ้อ…ซวยจริงๆ แค่ปลาตัวเดียวทำให้ต้องเสียเงินหลายร้อยหยวน หรืออาจถึงพันหยวน ขาดทุนแย่เลย”

ภรรยาของเขาต่อว่าด้วยรอยยิ้มระอา “เวลาแบบนี้ยังมางกอีก!”

ผู้ชายหัวเราะ พูดปลอบใจภรรยาไปประโยคหนึ่ง “คุณรอผมอยู่ที่นี่เถอะ ผมไปกับหมอก็พอแล้ว”

หากจะกล่าวให้ชัดเจนก็คือ เขาไม่อยากให้ภรรยาเป็นห่วง ยิ่งไปกว่านั้น แค่ก้างปลาติดคอไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทุกคนไม่ได้กังวลอะไรเลย! เฉินชางก็ไม่ได้สนใจด้วย แค่ดึงออกมาก็พอแล้ว

แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยที่ถูกก้างปลาติดคออยู่มากมาย

พวกเขาเดินมาด้วยกันจนมาถึงห้องส่องกล้อง เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ในห้องส่องกล้องจึงไม่มีใครอยู่

หากให้อธิบายอย่างชัดเจนก็คือ แผนกส่องกล้อง แผนกตรวจร่างกายครบวงจร แผนกอัลตร้าซาวด์ และแผนกรังสีวิทยา แผนกเหล่านี้จะทำงานตามช่วงเวลาทำการปกติ เข้างานเลิกงานตรงเวลา พอถึงเวลาก็เลิกงาน หากอยู่ในสสถานการณ์ปกติจะไม่มีการทำโอที

แน่นอนว่าหมอเวรถือเป็นข้อยกเว้น

แต่หมอเวรที่อยู่ประจำแผนกช่วยเหลือเหล่านี้จะได้ติดต่อกับแผนกฉุกเฉินและหมอที่ทำการวินิจฉัยฉุกเฉินเท่านั้น แน่นอนว่ายังยกเว้นผู้ป่วย VIP ด้วย แต่ปกติหากมีผู้ป่วยมาจากแผนผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยแอดมิทก็จะไม่รับ

แต่ผู้ป่วยที่มาจากแผนกฉุกเฉินไม่เหมือนกัน โดยปกติพวกเขาจะรับผู้ป่วยที่แผนกฉุกเฉินส่งมา

นอกจากนั้น ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินชางและเสี่ยวเหอก็ดีมาก อีกอย่าง เฉินชางก็มาเดินอวดโฉมในห้องส่องกล้องอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กันบ้าง

ผู้ป่วยชายทำตามขั้นตอนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปในห้องส่องกล้อง

หลูเสี่ยวจวินเป็นหมอเวรในห้องส่องกล้อง ทำงานมานานแล้ว หลังจากเขาทักทายแล้ว เฉินชางก็บอกให้ชายคนนั้นนั่งลงให้ดี หลังจากผู้ป่วยนั่งลงและเตรียมความพร้อมแต่ละด้านแล้ว ก็เริ่มสอดกล้องเข้าไปถึงบริเวณหลอดอาหาร

แต่ว่า…ผ่านไปนานก็ยังไม่พบอะไร

นี่ทำให้ หลูเสี่ยวจวินชะงักไป เขาเห็นผู้ที่มีก้างปลาติดคอมานักต่อนักแล้ว แต่…สภาพแบบนี้หาได้น้อยจริงๆ

เขาสอดกล้องสำหรับทางเดินอาหารเข้าไปให้ลึกยิ่งขึ้น ไม่นานก็เห็น!

แต่ว่า…เมื่อหลูเสี่ยวจวินมองเห็นตำแหน่งที่มีก้างปลาติดอยู่ รวมไปถึงขนาดของก้างปลานั้นก็ต้องชะงักไปทันที

เฉินชางอดถามไม่ได้ว่า “ดึงออกมาหรือยังครับ”

หลูเสี่ยวจวินส่ายหน้า “ดึงไม่ได้!”

เฉินชางแปลกใจจึงเข้าไปตรวจดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี

“คุณจะบอกว่า…”

หลูเสี่ยวจวินพยักหน้า “ตำแหน่งนี้ไม่ปลอดภัย! ทำ CT Scan ตรวจดูเถอะครับ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลูเสี่ยวจวินก็หยิบรูปถ่ายออกมาหลายใบ จากนั้นก็ดึงกล้องกลับมา

“รีบทำเลย!”

[1] บัฟ (Buff) – หมายถึงการเพิ่มความสามารถให้กับบางสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือไอเทมต่างๆ ในเกม

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท