บทที่ 385 ที่ผมทำ…ยังสู้คนรุ่นหลังคนหนึ่งไม่ได้เลย!
การร่วมมือระหว่างหมอระดับหัวหน้าแพทย์ทั้งสองให้ความรู้สึกไหลลื่นไร้ที่ติ!
หมอระดับหัวหน้าแพทย์คนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างมองอย่างเพลิดเพลินประหนึ่งคนหลอนยา!
การผ่าตัดเช่นนี้ ในยามปกติคงหาดูยาก
คนระดับหัวหน้าสองคนร่วมมือกันผ่าตัด ต่างคนต่างแสดงความสามารถของตนออกมาเต็มที่ ทั้งร้ายกาจและน่าตื่นตะลึงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
หัวหน้าเถามี่ผ่าตัดไปอย่างประณีตละเอียดลออจนน่าอัศจรรย์!
หัวหน้าซย่าเกาเฟิงก็ให้ความร่วมมือช่วยเหลือจนแทบไม่มีช่องโหว่!
ทั้งสองเหมือนกับสองตัวเอกจากเรื่องเซียวฮื้อยี้[1] ทั้งคู่พยายามเพื่อการผ่าตัดเคสนี้ แต่ความจริง…ในใจของหัวหน้าแผนกทั้งสองคนกลับมีเพียงความรังเกียจซึ่งกันและกัน…
การผ่าตัดดำเนินไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงท้าย เท่ากับว่าการผ่าตัดนี้ใกล้จะปิดม่านแล้ว!
ได้เห็นการผ่าตัดเช่นนี้ ก็เหมือนได้เห็นงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ที่สั่นสะเทือนวงการแพทย์จนซึมซับเข้าไปถึงแก่น ระดับฝีมือพัฒนาไม่หยุดหย่อน!
น่าเสียดาย…การผ่าตัดใช้เวลาน้อยเกินไป
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าฝีมือของหัวหน้าแผนกทั้งสองลึกล้ำมากจริงๆ การผ่าตัดเคสนี้เสร็จเร็วกว่าการผ่าตัดปกติของพวกเขาประมาณสามสิบนาทีเลยทีเดียว!
สุดยอดจริงๆ!
ซย่าเกาเฟิงหันไปมองเวลา จากนั้นจึงมองเถามี่ด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ
เป็นไงล่ะ
นับถือผมขึ้นมาบ้างหรือยัง!
ผ่าตัดเสร็จเร็วกว่าครั้งที่แล้วถึงสิบห้านาทีเลยนะ!
ทว่าเถามี่กลับไม่สะทกสะท้านกับรอยยิ้มเย้ยหยันของซย่าเกาเฟิง เขาอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้
เฮ้อ…เทียบกับตอนเสี่ยวเฉินเป็นผู้ช่วยแล้วยังใช้เวลามากกว่าห้านาทีเลย เสียดายจริงๆ…นี่เรียกว่าทหารพันนายหาง่าย การสนับสนุนที่ดีหายาก!
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในโลกของผู้ใหญ่ แม้ในใจจะรังเกียจรังงอนต่อกัน แต่ภายนอกยังต้องแสดงรอยยิ้มการค้าให้กันและกันอยู่!
อืม!
ซย่าเกาเฟิงกล่าวด้วยท่าทางปลงอนิจจังราวกับออกมาจากหัวใจจริงๆ ว่า “หัวหน้าเถาทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ครับ คุณเก่งมาก!”
เถามี่ส่ายหน้า เขายิ้มจนตาหยีพลางพูดว่า “เกรงใจไปแล้วครับ หัวหน้าซย่าเกรงใจกันเกินไปแล้ว ความจริงได้คุณเป็นผู้ช่วยแบบนี้ ทำให้ผมปลื้มมากเลยนะครับ การผ่าตัดก็ดีขึ้นเยอะ!”
ทุกคนหัวเราะออกมา
มีหัวหน้าซย่าเป็นผู้ช่วยก็ต้องเจ๋งอยู่แล้ว!
……
……
หลังจากคำพูดตามมารยาทจบลง นางพยาบาลก็นำตัวผู้ป่วยออกไป
ซย่าเกาเฟิงมองทุกคนแล้วพูดต่อไปว่า “สุดยอด! ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ การผ่าตัดของหัวหน้าเถาในวันนี้ทำให้พวกผมตะลึงจริงๆ! ว่ากันตามตรง แม้แต่ตัวผมก็ยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่สู้คุณไม่ได้เลยนะครับ!”
“หัวหน้าเถารู้ลึกรู้จริงเรื่องการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากการบีบรัดจริงๆ สินะครับ รายละเอียดในการผ่าตัดก็ทำได้ดีเยี่ยม ตั้งแต่การผ่าเปิด การแยกพังผืด และอื่นๆ…ทำให้ผมทึ่งมากจริงๆ!”
“ขอให้พวกเราปรบมือชื่นชมคุณหน่อยนะครับ ถือเป็นการแสดงความขอบคุณที่หัวหน้าเถามาแสดงฝีมือผ่าตัดอันยอดเยี่ยมให้พวกเราชม!”
ทันใดนั้นภายในห้องผ่าตัดอันเงียบสงบก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น
หมอในห้องผ่าตัดล้วนเป็นหมอระดับหัวหน้าและรองหัวหน้าแพทย์ อายุสี่สิบกว่าปีกันหมดแล้ว ไม่นับว่าเป็นคนหนุ่มสาวอีกต่อไป คนที่อายุน้อยที่สุดก็คือเมิ่งซี
คนระดับหัวหน้าเช่นคนกลุ่มนี้ถือเป็นพวกหัวสูง แต่การผ่าตัดของเถามี่ก็ทำให้พวกเขาพูดไม่ออกได้จริงๆ! ถึงกับเริ่มเอ่ยชมขึ้นมาทีละคนเลยทีเดียว!
“หัวหน้าเถาเก่งจริงๆ เลยครับ!”
“ใช่แล้ว อยากไปเรียนรู้กับหัวหน้าเถาที่โรงพยาบาลอันดับสองจริงๆ!”
“หวังว่าต่อไปหัวหน้าเถาจะมาร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกเราอีกนะครับ!”
……
ทุกคนกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมาจากใจ แสดงความตื้นตันใจออกมาอย่างแท้จริง
อันที่จริง…หากพูดกันตามตรง วงการแพทย์เป็นวงการที่ค่อนข้างแคบ จะเป็นหัวหน้าแผนกหรือผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็ดี จะเป็นหมอน้อยก็ดี จะเป็นใครก็ไม่มีความซับซ้อนอะไรขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็ทำอาชีพเดียวกัน คนที่พบเจอในแต่ละวันก็มีแต่ผู้ป่วย ไม่มีเวลาไปวางแผนแข่งขันกันขนาดนั้น
แน่นอนว่าเรื่องกลอุบายหรือเรื่องแข่งขันย่อมมีอยู่ทุกที่ ดังนั้นจึงพูดได้แค่ว่าการแข่งขันของวงการแพทย์ค่อนข้างไร้เดียงสา
หัวหน้าแผนกและผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ใช้เวลาเรียนมาอย่างยาวนานกว่าจะได้มาทำงานในโรงพยาบาล เรียกว่าย้ายจากวงการแคบๆ วงการหนึ่ง มายังวงการแคบๆ อีกวงการหนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงพูดได้ว่าพวกเขาค่อนข้างไร้เดียงสา
เมื่อเห็นใบหน้าตื่นเต้นและมืออันสั่นระริกของแต่ละคน…เถามี่ก็อดหน้าแดงไม่ได้!
อันที่จริงเขาก็อยากโอ้อวดความสามารถต่อหน้าซย่าเกาเฟิงบ้างเหมือนกัน! แต่นี่ก็แค่ฝีมือจอมปลอมเท่านั้น…คิดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบสนองขนาดนี้
คิดได้ดังนี้เถามี่กลับรู้สึกอับอายเล็กน้อย
……
……
ขณะเดียวกันภายในห้องทำงานหมอ เก่อฮว๋ายและเพื่อนร่วมงานตื่นเต้นจนตัวสั่น!
สุดยอด!
ฟินเกินไปแล้ว!
การผ่าตัดนี้ทำได้ดีจนสะใจ
พวกเขาทั้งสามไลฟ์ผ่าตัด มีความสุขยิ่งกว่าตัวเองลงมือเองเสียอีก!
เก่อฮว๋ายถึงกับร้องว่าดีอยู่หลายครั้ง!
เพื่อนร่วมงานดีกรีปริญญาเอกอีกสองคนต่างก็พากันตะโกนอย่างสิ้นสติ!
นี่ก็เหมือนกับดูถ่ายทอดสดการแข่งขัน NBA[2] LOL[3] หรือ LOK[4] รอบชิงชนะเลิศ…เหมือนการแข่งขันตัดสินประจำปีอย่างไรอย่างนั้น!
เป็นจุดสุดยอดของการทำงาน! ไม่ฟินอย่างไรไหว!
เก่อฮว๋ายจับแขนเฉินชางแน่น มองเฉินชางอย่างตื่นเต้น พูดอย่างดีอกดีใจว่า “เสี่ยวเฉิน! ดีหรือเปล่า!”
เฉินชางแข็งทื่อเป็นหุ่นกระบอก พูดไปด้วยท่าทางมึนๆ งงๆ “อ้อ ดี…”
เพื่อนร่วมงานดีกรีปริญญาเอกที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว! ผมจะบอกให้ ดูมือถือจะดีกว่าดูผ่าตัดได้ไง!”
หมอดีกรีปริญญาเอกอีกคนหนึ่งพูดเสริมว่า “ใช่แล้ว เล่นมือถือจะสนุกกว่าผ่าตัดได้ไงล่ะ!”
เฉินชางไม่รู้จริงๆ ว่าของอย่างมือถือกับการผ่าตัดถูกหมอดีกรีปริญญาเอกพวกนี้เอามาเปรียบเทียบในระดับเดียวกันได้อย่างไร!
หรือเป็นเพราะเกี่ยวกับการใช้มือเหมือนกัน
เฮ้อ…งงจัง
เมื่อเฉินชางคิดได้ว่ายัยหมาขี้ประจบตัวน้อยน่ารักน่าสนใจและขี้อายของตนกำลังจะไปเรียนปริญญาเอกก็รู้สึกปวดใจ…
ถ้าจบด็อกเตอร์แล้วกลายเป็นแบบนี้ขึ้นมาจะทำไงดี
คิดได้ดังนี้เฉินชางก็อดถอนใจไม่ได้!
เฉินชางนั่งอยู่เช่นนั้น คิดอะไรอยู่นาน คิดอะไรไปมากมาย!
เขาคิดถึงสภาพของพวกจิ่งหรานและเก่อฮว๋ายหลังจบปริญญาเอก แต่เมื่อย้อนคิดดูอีกครั้งพานให้คิดไปถึงเสื้อกาวน์สีขาวที่แนบลู่ไปกับร่างกายของด็อกเตอร์เมิ่ง!
จิตวิญญาณของเฉินชางราวกับถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาก็พลันสว่างวาบ
บางที…ด็อกเตอร์ผู้ชายกับด็อกเตอร์ผู้หญิงคงไม่เหมือนกัน
ด็อกเตอร์ผู้ชายจะมีความคิดมากขึ้นจนพิสดาร…
ส่วนด็อกเตอร์ผู้หญิง สิ่งที่มีมากขึ้นอาจจะเป็น…
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รู้สึกสับสน
……
……
ขณะนี้ในห้องผ่าตัด เถามี่ถูกทุกคนชมจนรู้สึกเขินๆ บ้างแล้ว เขามองดูท่าทางหดหู่และดวงตาหม่นหมองของหัวหน้าซย่าเกาเฟิง…พลันต้องตะลึงพรึงเพริด!
ท่าทางแบบนี้คุ้นตายิ้งนัก! เหมือนกับตัวเองเมื่อหลายวันก่อนเลยไม่ใช่หรือ!
แม่มันเถอะ…นี่มันสะเทือนใจอยู่ไม่ใช่หรือไง
หัวหน้าซย่าถูกการผ่าตัดของตนทำร้ายเอาซะแล้ว
ท่าทางแบบนี้เหมือนถอดแบบมาจากตนเองเมื่อหลายวันก่อนทุกกระเบียดนิ้ว
หลายวันก่อนตอนที่เขาไปหาเฉินชางเพื่อให้อีกฝ่ายวิเคราะห์ข้อบกพร่องให้ฟังยังน่าอนาถกว่าซย่าเกาเฟิงในตอนนี้เสียอีก เล่นเอาเขาแทบทรุดไปเลย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งดุจหินผาแล้ว!
ทว่า…เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของซย่าเกาเฟิง เถามี่ก็อดพูดไม่ได้ว่า “เฮ้อ…อันที่จริง…หัวหน้าซย่าก็ไม่ต้องเศร้าไปหรอกครับ กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ผมก็ได้รับคำชี้แนะมาจากคนอื่นเหมือนกัน คุณจำการผ่าตัดที่พวกเราผ่าตัดร่วมกันเมื่อเดือนที่แล้วได้หรือเปล่าครับ”
ซย่าเกาเฟิงชะงักไปทันที!
ใช่แล้ว เขาจำได้ดี หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เถามี่ยังฝีมือพอๆ กับตนอยู่เลย แต่ว่า…หนึ่งเดือนผ่านไปกลับแซงหน้าตนไปมากขนาดนี้แล้ว นี่ทำให้เขาอดรู้สึกหดหู่และจนปัญญาไม่ได้
ทว่าเมื่อได้ยินเถามี่บอกว่ามีคนชี้แนะ ซย่าเกาเฟิงพลันเบิกตากว้าง กระทั่งหัวหน้าแพทย์ที่อยู่รอบๆ ก็ยังชำเลืองมองด้วยความแปลกใจ รวบรวมสมาธิรอฟังคำตอบของเถามี่อย่างใจจดใจจ่อ!
เถามี่เห็นดังนั้นก็อดถอนใจไม่ได้
“เฮ้อ…ผมขอพูดตรงๆ โดยไม่อายพวกคุณเลยนะครับ การผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันของผมยังสู้คนรุ่นหลังคนหนึ่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
[1] เซียวฮื้อยี้ เป็นนวนิยายกำลังภายในของโกวเล้ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งที่ถูกแยกจากกันจากความบาดหมางในยุทธภพ และเติบโตมาจากฝั่งที่เป็นศัตรูกัน
[2] NBA (National Basketball Association) คือชื่อของลีกการแข่งขันบาสเก็ตบอลอาชีพของทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) เป็นลีกที่มีนักกีฬาบาสเก็ตบอลชั้นนำของโลกเล่นอยู่เป็นจำนวนมาก
[3] LOL (League of Legends) เกมแนว MOBA ที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก
[4] LOK (League of King) เกมแนว MOBA จากค่ายเทนเซนต์ของจีน
บทที่ 379 ก้างปลาหายไปแล้ว!
ผู้ป่วยถูกย้ายไปยังห้อง ICU เพื่อจับตาดูอาการอย่างใกล้ชิดภายในวันนั้น หมอต้องคอยสังเกตสัญญาณชีพของเขาอย่างใกล้ชิด!
เมื่อผู้ป่วยและภรรยารู้ว่าอาการของเขาอันตรายขนาดนี้ก็หวาดผวาอย่างหนัก! สองวันที่ผ่านมา ทั้งสองควรกินอะไรก็กิน ควรดื่มอะไรก็ดื่ม ควรทำอะไรก็ทำ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ขาดไปแม้แต่เรื่องเดียว ทว่าตอนนี้เมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวมาที่ห้อง ICU ผู้เป็นภรรยาตามเข้าไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงอธิษฐานและสำนึกผิด!
หากพาสามีมาหาหมอเร็วกว่านี้ บางทีอาจไม่อันตรายขนาดนี้
เป็นเช่นนั้นจริงๆ! ถ้ามาหาหมอเร็วกว่านี้ ก้างปลาคงไม่แทงลงไปลึกขนาดนั้นแน่นอน นี่เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หลายครั้งที่อาการป่วยรุนแรงขึ้นในช่วงเวลาที่คนเราไม่ได้ใส่ใจ!
……
……
อาการของผู้ป่วยชายได้รับความสนใจจากทางโรงพยาบาลทันที โรงพยาบาลรีบเปิดประชุมฉุกเฉินตามสภาพอาการของผู้ป่วยอย่างเร่งรีบ การประชุมรวบรวมแพทย์จากแผนกฉุกเฉิน แผนกศัลยกรรมหัวใจ แผนกศัลยกรรมทั่วไป แผนกหู คอ จมูก แผนกส่องกล้อง แผนก ITD[1] และแผนกวิสัญญีมาร่วมหารือ!
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินชางเป็นประธานในการวินิจฉัยและรักษาร่วม! ทั้งยังเป็นการรักษาร่วมขนาดใหญ่ขององค์กรอีกด้วย
ในห้องประชุมอันกว้างใหญ่เงียบงันหาใดเปรียบ ทุกคนเอาแต่จ้องมองเฉินชาง บ้างก็จ้องไปยังภาพเอ็กซเรย์ที่ปรากฏอยู่บนจอขนาดใหญ่ เมื่อเห็นภาพที่แฝงไปด้วยความอันตรายนั้นแล้ว ทุกคนก็พากันขมวดคิ้วแน่น สีหน้าตึงเครียด
ทั้งห้องเงียบสงัด! บรรยากาศเคร่งเครียดและหนักอึ้งครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง
นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น การรักษาในคราวนี้เกี่ยวพันและพาดพิงไปถึงหลายแผนกสาขามากมาย ด้วยเหตุนี้จึงต้องจัดตั้งทีมรักษาและทำงานร่วมกับแผนกต่างๆ ให้ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อปรึกษาหารือร่วมกับทุกคนแล้ว จะต้องตัดสินใจวางแผนการรักษา และดำเนินการรักษาผู้ป่วยให้เป็นไปอย่างเป็นระบบขั้นตอนอีกด้วย
เถามี่ หลี่เป่าซาน จางโหย่วฝู เซียวเหอ และหลิวเจี้ยน…ทุกคนต่างจ้องไปที่เฉินชาง!
ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องล้วนเป็นบุคคลมีหน้ามีตา เรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลอันดับสองเลยก็ว่าได้ มีเพียงเฉินชางที่อายุน้อยที่สุด แต่กลับไม่มีใครกล้าดูถูกเขาแม้แต่คนเดียว ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเฉินชางใช้ผลงานของตนพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นถึงความสามารถครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้พวกเขาไม่มีอะไรกังขา
หมอระดับหัวหน้าและรองหัวหน้าแพทย์เจ็ดแปดคนจับจ้องเฉินชาง เฉินชางสูดหายใจลึก หากบอกว่าไม่ตื่นเต้นเลยคงเป็นเรื่องโกหก
เมื่อครั้งอดีต เฮนรี่ นอร์แมน เบธูน ต้องอุทิศร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองกว่าจะก่อตั้งกลุ่มแพทย์เพื่อกู้ชีพผู้ป่วยที่ถูกเหล็กแทงทะลุหน้าอกได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด ครั้งนี้แม้จะเป็นเพียงก้างติดคอ แต่ความเสียหายและผลร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าการถูกเหล็กแทงทะลุหน้าอกในครั้งนั้นเลย!
ดังนั้นหากจะบอกว่าเฉินชางไม่เครียดคงเป็นไปไม่ได้! แต่เครียดก็เรื่องหนึ่ง อย่างไรงานก็ยังต้องดำเนินไปตามปกติ
การประชุมหารือผ่านไปสิบกว่านาทีแล้ว ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นของตน รวมถึงเสนอแผนผ่าตัดที่จะใช้รับมือกับสภาพอาการของผู้ป่วยด้วย
เฉินชางมองเถามี่ ถามไปตามตรงว่า “หัวหน้าเถา คุณคิดว่าจากอาการของผู้ป่วย ต้องทำยังไงถึงจะดึงก้างปลาออกมาโดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเอออร์ต้าส่วนนอกครับ”
เถามี่พยักหน้า จากนั้นจึงก็ตอบอย่างจริงจัง “อันที่จริง จากผลเอกซเรย์ในปัจจุบัน ถึงจะไม่เห็นสภาพด้านนอกของหลอดเลือด แต่ผมขอพูดสักหน่อยนะครับ จากประสบการณ์ของผม ผู้ป่วยก้างติดคอมาสองวันแล้ว นี่เป็นปัญหาที่ค่อนข้างร้ายแรง เพราะเป็นไปได้ว่าแผลบริเวณหลอดเลือดอาจติดเชื้อและเริ่มเน่าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สภาพหลอดเลือดจะต้องแย่ลงเรื่อยๆ แน่นอน
พูดได้เลยว่าเรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ และก็เป็นเรื่องสำคัญและอันตรายที่สุดด้วยก็คือ การรักษาความปลอดภัยของหลอดเลือดนี่แหละครับ ในสถานการณ์แบบนี้ หากต้องการอุดหลอดเลือดให้ดีก็ใช้หลอดเลือดส่วนเอออร์ตาเป็นแกนสำหรับสอดขดลวด ทำแบบนี้จะเหมาะสมกว่านะครับ”
เซียวเหอได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ถ้ารักษาความปลอดภัยของหลอดเลือดเอออร์ตาส่วนนอกได้ก็ง่ายแล้วครับ แบบนี้ก็ใช้วิธีส่องกล้องดึงก้างปลาออกมาได้เลย”
หลิวเจี้ยนแผนกวิสัญญีก็พยักหน้าเห็นด้วย…
……
ผลของการประชุมค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่นานทุกคนก็คิดแผนผ่าตัดร่วมกันได้! ด้วยเหตุนี้ เวลาห้าโมงเย็นของวันเดียวกัน หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิวเจี้ยนผู้เป็นวิสัญญีแพทย์ก็ทำหน้าที่คุมสถานการณ์ การผ่าตัดใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว!
หากอิงตามแผนผ่าตัด หัวหน้าเถามี่ซึ่งเป็นหมอจากแผนกศัลยกรรมหัวใจจะเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเอง และเป็นผู้ลงมือคนแรก เพราะหัวใจหลักของการผ่าตัดครั้งนี้อยู่ที่ความปลอดภัยของเอออร์ตาส่วนนอก เถามี่จำเป็นต้องรับมืออย่างเข้มงวดและจริงจัง!
การผ่าตัดเริ่มขึ้นแล้ว นี่เป็นการใส่ขดลวดไปตามหลอดเลือดแดงเออร์ตาเพียงอย่างเดียวจึงไม่นับว่ายาก รวมกับที่มีเถามี่เป็นศัลยแพทย์หลักโดยมีรองหัวหน้าแผนกเป็นผู้ช่วย ไม่นานการสอดขดลวดก็ประสบความสำเร็จ!
เท่ากับว่าความอันตรายของการผ่าตัดในครั้งนี้ลดลงแล้ว การผ่าตัดดำเนินไปตามแผน ตอนนี้เซียวเหอหั วหน้าฝ่ายส่องกล้องเปลี่ยนตัวขึ้นมา เริ่มส่องกล้องเพื่อตรวจระบบทางเดินอาหาร ตรวจลึกลงไปในหลอดอาหาร เตรียมจะดึงก้างปลาออกมา!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน!
หลังจากสอดกล้องเข้าไปแล้ว จู่ๆ ก็พบว่าก้างปลาหายไป!
เกิดอะไรขึ้น
เซียวเหอนิ่งอึ้งไปทันใด เขาใช้กล้องตรวจหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดหย่อน หาบริเวณตำแหน่งเดิมไปก็หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบก้างปลาที่ควรอยู่ที่เดิม!
ทุกคนในห้องผ่าตัดพากันสับสน หลูเสี่ยวจวินที่เป็นคนส่องกล้องตรวจให้ผู้ป่วยด้วยตัวเองเป็นคนแรกถึงกับมึนงง
“เมื่อกี้ยังอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมหายไปได้ล่ะ”
เซียวเหอขมวดคิ้วโดยพลัน
หาไม่เจอแล้ว ความหวังที่จะดึงก้างปลาด้วยวิธีการส่องกล้องถูกทำลายจนย่อยยับ!
ตอนนี้ผู้ป่วยยังคงอยู่บนเตียงผ่าตัด! แต่ก้างปลากลับหายไป!
ทำยังไงดี
ทุกคนเริ่มหารือกันอีกครั้ง!
“เป็นเพราะก่อนผ่าตัด หลอดอาหารเกิดการบีบรัดตัวจนทำให้ก้างปลาทะลุเข้าไปในช่องอกหรือเปล่าครับ!” จางโหย่วฝูกล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิด
เถามี่พยักหน้า “อืม เป็นไปได้นะครับ พวกคุณลองดูทางนี้!”
ขณะพูดเถามี่ก็ชี้ไปยังภาพ CT Scan บนกำแพงแล้วพูดต่อไปว่า “ดูนะครับ ก้างปลาแทงทะลุไปถึงช่องอกและเข้าสู่หลอดเลือดเอออร์ตาจากมุมนี้ ทิศทางการไหลเวียนโลหิตในหลอดเลือดเอออร์ตาบริเวณช่องอกคือทิศทางนี้ ซึ่งไปประจวบเหมาะกับทิศทางการบีบรัดของหลอดอาหารเข้าพอดี ถ้าเป็นแบบนี้ก็อธิบายได้พอดีเลย!”
“ก้างปลาอาจจะถูกแรงดันเลือดบริเวณหลอดเลือดเอออร์ตาผลักดัน เมื่อรวมกับการบีบตัวของหลอดอาหาร จึงทำให้มันทะลุผ่านหลอดอาหารจนไปถึงช่องอก สุดท้ายก็เข้าไปอยู่ในหลอดเลือดเอออร์ตา!”
หลังจากทีมแพทย์หารือกันแล้วก็พบว่าสถานการณ์ในตอนนี้ซับซ้อนเข้าไปอีก ในตอนนี้จะใช้การส่องกล้องเพื่อนำก้างปลาออกมาไม่ได้แล้ว! จะต้องผ่าเปิดทรวงอกเพื่อตรวจสอบและใช้แผนผ่าตัดอื่นแทน
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนร่วมมือกัน ไม่นานก็ปรับเปลี่ยนแผนการผ่าตัดออกมาได้! เรื่องนี้ทำให้เฉินชางกลายเป็นหัวใจหลักของทีมแพทย์ไปแล้ว! เพราะเขาเชี่ยวชาญการผ่าตัดเปิดช่องอกอย่างยิ่ง เรื่องนี้ทุกคนทราบดี
ในตอนนี้ สายตาของทุกคนทอดมองไปที่เฉินชาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
การผ่าตัดก็เป็นเช่นนี้เอง จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคอย่างห้าวหาญ ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นของตัวเอง! เช่นหัวหน้าเถามี่ที่มีหน้าที่สอดขดลวด ทำให้รักษาหลอดเลือดสำคัญไว้ได้ในพริบตา
แม้เฉินชางจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคอันยากลำบากก็ไม่ได้หวาดกลัว เขาพยักหน้าอย่างมั่นใจแล้วรับมีดผ่าตัดมา!
ชั่วขณะนี้ การผ่าตัดจึงจะนับว่าเริ่มต้นอย่างแท้จริง!
เฉินชางเลือกตำแหน่งผ่าเปิดโดยอิงตามผลเอกซเรย์ จากนั้นก็กรีดผ่าทันที
เขาผ่าเปิดอกอย่างช่ำชองโดยมีเถามี่รับหน้าที่ช่วยเหลืออยู่ข้างๆ หลิวเจี้ยนที่เป็นวิสัญญีแพทย์เตรียมรับสถานการณ์อีกครั้ง หมอฝ่ายเอกซเรย์เริ่มวิเคราะห์ตำแหน่งภายในร่างกายอย่างละเอียด…
บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนล้วนทำหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัด
ในการผ่าตัด ไม่เคยมีวีรบุรุษที่ต่อสู้เพียงลำพัง ทุกการผ่าตัดเกิดจากการร่วมมือกันของทีมที่ยอดเยี่ยม!
เมื่อเฉินชางผ่าเปิดช่องอกแล้ว ทุกคนพลันสูญหายใจเอาไอเย็นในห้องผ่าตัดเข้าไปอย่างอดไม่อยู่ เนื่องจากมีการติดเชื้อ ช่องอกจึงเละเทะ เกิดพังผืดอย่างรุนแรง และมีหนองอยู่เต็มช่องอก
เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ก็พากันขมวดคิ้วทันที ยังดีที่ตัดสินใจผ่าเปิด มิฉะนั้นต้องมีปัญหาเรื่องการฟื้นตัวและการรักษาในภายหลังแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าเพียงพริบตาเดียว ภาระทั้งหมดก็ถูกโยนลงสู่บ่าของเฉินชางไปเสียแล้ว!
เฉินชาง…จะทำได้หรือไม่
[1] แผนก ITD (Invasive Technology Department) คือแผนกที่มุ่งเน้นการวินิจฉัยหาต้นตอสาเหตุของอาการปวดที่แท้จริงก่อนการรักษาโดยมีเทคนิคการรักษาอาการแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น ฉายรังสี ใช้ขดลวดดึงสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย เป็นต้น