เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 391 แผนการลึกล้ำ!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 391 แผนการลึกล้ำ!

เฉินชางมองหวังจื้อด้วยความสงสัย “ผู้จัดการหวัง คือ…เรื่องจ่ายเงินอยู่ขั้นตอนไหนครับ”

หวังจื้อชะงักไปทันที แต่ไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา รีบตอบไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า “คุณเฉินล้อเล่นเหรอครับ ห้องชุดนี้ประธานเจิ้งมอบให้คุณ ไม่ต้องจ่ายเงินครับ!”

เฉินชางตกใจ “ให้ผมหรือ ไม่ได้ๆ แพงเกินไป!”

ห้องชุดราคาสี่ล้านกว่าหยวน บอกจะให้ก็ให้เช่นนี้ เพียงคิดเฉินชางก็หายใจไม่สะดวกแล้ว

นี่มันเงินสี่ล้านนะไม่ใช่สี่ร้อย ถึงได้คิดอยากจะให้ก็ให้

หวังจื้อหัวเราะ “คุณเฉินครับ เรื่องเงินคุณพูดกับผมก็ไม่มีประโยชน์! คุณเป็นเพื่อนของประธานเจิ้ง ผมว่าคุณโทรไปคุยกับประธานเจิ้งจะเหมาะกว่า”

เฉินชางคิดดูแล้วก็เห็นด้วย เขาพูดกับหวังจื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงอย่างไร…อีกฝ่ายก็ต้องฟังคำพูดของเจิ้งกั๋วถานอยู่ดี

คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็มองหวังจื้อครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ถ้างั้น…ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ ผู้จัดการหวังรอผมสักครู่”

พูดจบก็โทรหาเจิ้งกั๋วถานทันที

เจิ้งกั๋วถานเห็นเฉินชางโทรมาก็รีบรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีครับหมอเฉิน”

เฉินชางพยักหน้า “ประธานเจิ้ง สวัสดีครับ…”

เฉินชางยังพูดไม่ทันจบ เจิ้งกั๋วถานก็รีบพูดต่อไปว่า “หมอเฉิน ผมให้ผู้จัดการหวังติดต่อคุณแล้วนะครับ พวกเราจะรีบตกแต่งห้องให้เร็วที่สุด คุณก็คุยเรื่องคอนเซ็ปต์กับผู้จัดการหวังได้เลย พวกเรามีทีมของบริษัทอยู่แล้ว”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที “ประธานเจิ้ง คือ…แพงเกินไป ผมรับไว้ไม่ไหวจริงๆ ครับ”

เจิ้งกั๋วถานหัวเราะ “หมอเฉิน ผมมีบางอย่างที่ต้องพูดกับคุณตรงๆ ตอนนั้นคุณเย็บแผลให้รั่วหยุน ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว ผมเจิ้งกั๋วถานต้องขอบคุณคุณมากเลยนะครับ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจิ้งกั๋วถานก็หน้าแดง เขาไม่สบายใจทุกครั้งที่คิดเงินหลายหมื่นหยวนนั่น “ผมอยากเป็นเพื่อนกับหมอเฉินด้วยใจจริง เรื่องที่ผมช่วยคุณได้ก็มีไม่มาก คุณบอกว่าจะซื้อบ้าน งั้นผมก็จะซื้อให้คุณ นี่ก็เหมือนผมได้ตอบแทนบุญคุณพอดีไม่ใช่หรือครับ อีกอย่าง รอยแผลเป็นบนหน้าของภรรยาผมก็ยังได้คุณช่วยไว้อีก!”

“ดังนั้นเรื่องนี้คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมไปถามมาแล้ว ตอนนี้ค่าผ่าตัดศัลยกรรมของคุณมีมูลค่านับล้านหยวนเลยสินะครับ ถือว่าผมได้คบเพื่อนที่มีฐานะสูงกว่าอย่างคุณไปล่วงหน้า ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรผมจะได้พูดได้สะดวก”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “เรื่องนี้…”

เจิ้งกั๋วถานพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็รีบตอบกลับไปทันที “เสี่ยวเฉิน ตอนนี้คุณบรรจุเป็นหมอของโรงพยาบาลอันดับสองใช่ไหมครับ”

เฉินชางตอบ “ใช่ครับ ผมพึ่งแก้ปัญหาเรื่องบรรจุเข้าได้ไม่นานเองครับ”

เจิ้งกั๋วถานพึมพำออกมา “อ้อ…แบบนี้นี่เอง! เสี่ยวเฉิน คืออย่างนี้นะครับ เรื่องห้องเนี่ย ผมให้คุณ ที่คุณกังวลก็เพราะกลัวมีปัญหาใช่ไหมครับ คุณเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถสูง ไม่อยากให้ปัญหาเรื่องเงินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้กลายเป็นจุดอ่อนไปฉุดให้ตกต่ำสินะครับ เอาแบบนี้แล้วกัน คุณช่วยส่งโทรศัพท์ให้หวังจื้อหน่อย เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง”

เฉินชางส่งโทรศัพท์ให้หวังจื้อ ทั้งสองปรึกษากันครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคุยกันเรื่องลดราคา

เฉินชางได้ยินคำว่าเงินช่วยเหลือพิเศษ ซื้อแบบกลุ่ม ห้องร่วม…แล้วยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย บัตรกำนันพิเศษ…

เมื่อเทียบกับประธานเจิ้งแล้ว ฝ่ายหวังจื้อได้แต่พยักหน้ารับ

สุดท้ายไม่ทราบว่าใช้เวลาไปนานเท่าไร หวังจื้อมองเฉินชางแล้วส่งสัญญาณ ok มาให้ จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้เขา

เจิ้งกั๋วถานพูดว่า “เสี่ยวเฉิน คือแบบนี้นะครับ เรื่องห้องก็ใช้โปรโมชั่นพิเศษร่วมกับโปรโมชั่นซื้อแบบกลุ่ม ผมจะให้บริษัทจัดกิจกรรมนี้ ให้คุณเป็นลูกค้าที่ชนะรางวัลกิจกรรม…”

เฉินชางฟังอย่างมึนๆ งงๆ แต่…ต้องบอกเลยว่า…วิธีของอีกฝ่ายมากมายจริงๆ

สุดท้ายเฉินชางก็ได้จ่ายเงินสมใจ จ่ายไปหนึ่งล้านหยวน

แต่…มีเรื่องเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งอะไรต่างๆ แถมมาอีกกองใหญ่!

เรียกว่าเฉินชางเข้าใจแล้ว ประธานเจิ้งดื้อดึงจะทำให้เงินหนึ่งล้านหยวนนี้ได้ผลลัพธ์เท่ากับหลายล้านหยวนแล้วมอบให้เขา

……

……

ทั้งสองคุยกันอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายเฉินชางก็ต้องยอม เขาไม่ได้วุ่นวายกับเรื่องนี้อีก ก็เหมือนกับที่เจิ้งกั๋วถานบอก นี่เป็นการตอบแทนซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องของน้ำใจ

เจิ้งกั๋วถานอยากเป็นเพื่อนกับตน ในอนาคตเขาเพียงช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เฉินชางคิดว่าได้รู้จักคนอย่างเจิ้งกั๋วถานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

เขาเดินออกมาจากฝ่ายขาย ไปกินข้าวเย็นด้วยกันกับหวังจื้อ

เฉินชางทราบดีว่าหวังจื้อช่วยตนเพราะเป็นคำสั่งของเจิ้งกั๋วถาน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็ควรดูแลรักษาทั้งสองฝ่าย

แรกเริ่มแปลกหน้า พบอีกคราสนิทสนม ไปๆ มาๆ พานพบเป็นสหาย

แม้เฉินชางจะทราบว่าหวังจื้อช่วยตนเพราะเจิ้งกั๋วถาน แม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย แค่พยายามทำงานของหัวหน้าให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรเฉินชางคงให้เจิ้งกั๋วถานช่วยไม่ได้ทุกเรื่อง หากคบเป็นเพื่อนกับหวังจื้อ ต่อไปคงลดความยุ่งยากลงไม่น้อย

มีเพื่อนมากก็มีหนทางมากมาย!

เฉินชางไม่ใช่เด็กน้อย อยู่ในสังคมเช่นนี้ย่อมไม่อาจคิดอะไรง่ายดาย ความสัมพันธ์ระหว่างคนเราก็เป็นเช่นนี้เอง

เฉินชางอยากเป็นเพื่อน หวังจื้อก็ยิ่งยินดีในใจ เมื่อทั้งสองมีใจเดียวกัน ความสัมพันธ์ย่อมลื่นไหลดั่งสายธาร

หลังกินข้าวกันมื้อหนึ่ง ทั้งสองก็พัฒนาความสัมพันธ์จนเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องแล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินชางก็รู้สึกเหมือนมีคลื่นลมซัดสาดอยู่ในใจ ในเวลาเพียงช่วงเย็นของวันหนึ่งก็จัดการเรื่องบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาบน้ำเสร็จ เขาก็ทอดตัวนอนบนเตียง คิดจะเซอร์ไพรส์ฉินเยว่สักหน่อย ช่วงสุดสัปดาห์จะพาเธอไปเดินเล่นและถือโอกาสคิดเรื่องอนาคตไปด้วยเลย วางแผนตกแต่งห้องและคิดเรื่องเฟอร์นิเจอร์ให้เรียบร้อย

เฉินชางรู้ดีว่าการแต่งบ้านก็เปรียบเสมือนหลุมไร้ก้น ดังนั้นครั้งนี้เรียกได้ว่าเจิ้งกั๋วถานมอบผลประโยชน์มหาศาลให้เขาแล้วจริงๆ

เมื่อคิดถึงท่าทางดีอกดีใจของฉินเยว่หลังเห็นห้อง เฉินชางก็เปี่ยมไปด้วยความสุข คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว!

เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความให้ฉินเยว่ว่า “บ่ายวันนี้ผมไปจัดการป้าใหญ่มาด้วยล่ะ!”

ฉินเยว่เพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นข้อความของเฉินชางก็ตกใจจนสะอึก!

เฉินชางคนนี้นี่…หน้าไม่อายเกินไปหรือเปล่า!

คุณป้าคนนั้นก็…น่ากลัวเกินไปหรือเปล่า!

แต่เมื่ออ่านให้ละเอียดอีกครั้งก็ติดได้เป็นคำพิมพ์ผิดจาก ‘จัดการเรื่องใหญ่’ เป็น ‘จัดการป้าใหญ่’ เธอหลุดขำออกมาทันที

พิมพ์ผิดได้ฮาเกินไปแล้ว

คิดถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็ตอบไปเงียบๆ ประโยคหนึ่ง “เลิกกันเถอะ! ฉันไม่อยากเป็นมือที่สาม”

จากนั้นก็เสริมไปอีกหนึ่งประโยค “คุณทำเรื่องผิดๆ ลับหลังฉันแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาบอกฉันอีกเหรอคะ คุณอยากให้ฉันแสดงท่าทียังไงกันแน่”

เฉินชางชะงักไป สับสนขึ้นมาโดยพลัน!

รีแอคชั่นที่เฝ้ารออยู่ไหน

ความแปลกใจอยู่ที่ไหน

ทำไมต้องเลิกกันล่ะ

มือที่สามอะไรกัน!

เฉินชางกลับไปย้อนดูข้อความของตน ทันใดนั้นก็ตกใจจนตาค้าง!

หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก!

‘บ่ายวันนี้ผมไปจัดการป้าใหญ่มาด้วยล่ะ!’

พิมพ์ผิดแบบนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว แต่ฉินเยว่ต้องเห็นแล้วแน่ๆ

คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ส่งอิโมติคอนเหงื่อตกไปพร้อมพิมพ์ว่า “พิมพ์ผิดครับ จะบอกว่าเรื่องใหญ่…”

ฉินเยว่ส่งรูปเด็กน้อยสวมหมวกเขียวไปให้ เฉินชางอดหัวเราะไม่ได้ ยัยนี่จะฮาเกินไปแล้ว!

เหมือนสุภาษิตที่ว่า ไม่ตีลูกสามวัน ลูกปีนขึ้นหลังคา!

เฉินชางหัวเราะ “วันอาทิตย์ผมมีเซอร์ไพรส์ให้คุณด้วย”

ฉินเยว่ “ป้าใหญ่คนนั้นท้องหรือคะ เร็วขนาดนี้เชียว มีลูกแล้วหรือ”

เฉินชางทำหน้าเซ็ง แทบอยากจะเอาโทรศัพท์ไปเขวี้ยงหน้าฉินเสี้ยวหยวนจริงๆ คุยกันให้มีความสุขหน่อยได้หรือเปล่า

ลูกสาวไม่ดีเป็นความผิดของพ่อ!

……

……

ขณะเดียวกัน ฉินเสี้ยวหยวนเห็นลูกสาวนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟา จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ชิน

“ทำไมวันนี้ไม่ไปเดินเล่นล่ะ” เหล่าฉินถามอย่างสงสัย

ฉินเยว่ชะงักไป “อ้อ! วันนี้พักค่ะ”

เหล่าฉินสงสัยเล็กน้อย วันนี้เฉินชางไม่ได้เข้าเวร แยว่เยว่ก็ไม่ได้เข้าเวร ไม่มีงานอะไร ทำไมไม่ไปเดินเล่น!

หรือว่าจะทะเลาะกัน

ทำไม

เรื่องบ้านหรือ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหล่าฉินก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ลูกเขยคนนี้…แม้ปากจะบอกว่าไม่ดี แต่…คิดดูดีๆ ความจริงแล้วก็ยอดเยี่ยมไปเลย อย่างน้อยเขาก็ค่อนข้างพอใจ

ฉินเยว่กับเฉินชางก็นับว่าเป็นคู่บุรุษเก่งสตรีงาม ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคนที่เข้าตาและเข้ากันได้ทุกอย่าง ดังนั้นเขาจะปล่อยให้การพัฒนาความสัมพันธ์ของเด็กๆ หยุดชะงักเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ นอกจากนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็คิดว่าเสี่ยวเฉินดีมากจริงๆ มีอนาคตยาวไกล

เฉินชางเป็นเด็กจากบ้านนอก ไม่ง่ายเลยกว่าจะพัฒนาตัวเองมาได้ จะปล่อยให้เรื่องบ้านมาถ่วงอนาคตไม่ได้เด็ดขาด

เหล่าฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

เห็นสองแม่ลูกนั่งเล่นมือถือตอนอยู่บนโซฟา เหล่าฉินก็ชะโงกหน้าเข้าไป

“เยว่เยว่ คราวก่อนลูกพูดเรื่องซื้อบ้าน…ตอนนี้พ่อว่าลูกพูดได้เยี่ยมไปเลย!” ฉินเสี้ยวหยวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

จี้หรูอวิ๋นถูกคำพูดของเหล่าฉินทำเอาชะงักไปแล้ว

ฉินเยว่ก็ตกใจจนตาค้าง

“พ่อคะ! พ่อคิดว่าดีจริงๆ เหรอคะ” ฉินเยว่มีสีหน้ายินดี

คิดไม่ถึงว่าพ่อเธอจะรับปากจริงๆ! นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย

แต่…เธอว่าจะแอบซื้อบ้าน ทำให้เฉินชางเซอร์ไพรส์สักหน่อย!

ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้า “อืม พ่อว่าตอนนี้พวกเราก็ควรซื้อบ้านได้แล้ว เอาเงินไว้ในธนาคารมีแต่เสียกับเสีย เอาเงินไปซื้อห้องชุดยังมีค่ามากกว่า”

“ตอนแรกพ่อกับแม่คิดว่าในอนาคต ถ้าลูกเรียนจบแล้วอาจไปทำงานที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือกว่างโจว ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยซื้อห้องชุดในเมือง เอาที่ใกล้ๆ ลูกหน่อย จะได้คอยทำกับข้าวให้ลูก”

“ตอนนี้ลูกตัดสินใจอยู่อันหยางแล้ว พ่อกับแม่เลยคิดว่าควรซื้อห้องชุดได้แล้ว!”

ฉินเสี้ยวหยวนพูดจบ ฉินเยว่พลันรู้สึกแสบจมูก เข้าไปกอดเหล่าฉินที่ด้านหลัง พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “พ่อคะ พ่อดีจัง!”

เหล่าฉินอุ่นวาบในใจ ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะซื้อห้องชุดให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดว่าถ้าเฉินชางแต่งงานกับฉินเยว่จริงๆ ซื้อบ้านแค่นี้ไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบอะไรเลย!

ทำไมถึงพูดเช่นนี้น่ะหรือ

แม้ฉินเยว่จะแต่งเข้าบ้านเฉินชาง แต่ทั้งสองทำงานอยู่ที่เมืองอันหยาง ย่อมต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวตนมากกว่าใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่เฉินชางแน่นอน ในตอนที่ตนและภรรยาแก่ชราคงต้องรบกวนเฉินชางไม่น้อยเลยทีเดียว อีกอย่าง…เขามีลูกสาวคนเดียว ต่อไปเงินทองที่หาได้จะไปอยู่กับใครได้อีกล่ะ เก็บไว้ใช้เองได้หรือ

สุดท้ายก็ต้องเป็นของเฉินชาง!

คนเราต้องคิดให้กว้าง มองให้ยาว หากเก็บเงินเก็บบ้านเอาไว้เองจะทำอะไรได้ สู้เอาเงินไปให้เด็กๆ ทั้งสอง ทำให้พวกเขามีความสุขยังดีเสียกว่า เอาใจพวกเขาได้สักหน่อยก็ไม่เลวแล้ว

คิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็คิดว่าควรทำหน้าที่ของพ่อแม่สักหน่อยแล้ว

บทที่ 386 ฉันเก่งขนาดนี้เชียว…ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลยล่ะ

หลังจากเถามี่กล่าวประโยคนี้ออกมา ทั้งห้องก็จมลงสู่ความเงียบ!

‘การผ่าตัดของผม บางที…อาจเทียบคนรุ่นใหม่บางคนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!’

ไม่ทันไรทุกคนก็ตอบสนองกับประโยคนี้ขึ้นมาทันที!

นี่มันหมายความว่าอย่างไร

กระทั่งซย่าเกาเฟิงก็ยังต้องเหลือบตามอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและแปลกใจ

แม้เถามี่จะไม่เคยเห็นเฉินชางผ่าตัดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากการบีบรัดมาก่อน แต่เขามีลางสังหรณ์จนถึงขั้นกล้ารับประกันเลยว่าเฉินชางจะต้องทำได้ดีกว่าตนแน่นอน!

หลายสิ่งหลายอย่าง ถ้าคุณไม่มีฝีมือ ก็วิจารณ์ให้ดีขนาดนั้นไม่ได้!

เฉินชางวิจารณ์การผ่าตัดของตนได้เช่นนั้น ต้องเป็นเพราะเขามั่นใจว่าการผ่าตัดของเขาเหนือกว่าตนแน่นอน! ดังนั้นถึงได้เจอข้อบกพร่อง!

เถามี่กล่าวต่อไปว่า “ความจริงที่ผมพัฒนามาถึงระดับนี้ได้ ก็เพราะได้คนรุ่นหลังคนนั้นช่วยชี้แนะน่ะครับ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้จู่ๆ เถามี่ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา

เอ๋? ใช่แล้ว!

ที่นี่คือโรงพยาบาลตงต้า อาจารย์ของเฉินชางก็อยู่ที่นี่สินะ

คิดได้ดังนี้ เถามี่ก็หันไปด้วยท่าทางกระตือรือร้น!

เฉินชางพัฒนามาถึงระดับนี้ได้ คงหนีไม่พ้นความช่วยเหลือจากอาจารย์ของเขาเป็นแน่

เดิมทีเถามี่ไม่พอใจที่เฉินชางไม่ยอมคารวะตนเป็นอาจารย์ คิดว่าระดับฝีมือของตนถือเป็นอันดับต้นๆ ของมณฑลตงหยางแล้ว! ดังนั้นการที่เฉินชางไม่คารวะตนเป็นอาจารย์ก็เท่ากับดูถูกอย่างชัดเจนไม่ใช่หรือ แต่หลังจากได้รับคำชี้แนะจากเฉินชาง เขาถึงค่อยเข้าใจว่าเฉินชางได้คนยอดเยี่ยมเป็นอาจารย์จริงๆ

ว่ากันว่าอาจารย์ที่ดีย่อมสร้างศิษย์ที่ยอดเยี่ยม! ถ้าอาจารย์ไม่มีฝีมือ แล้วลูกศิษย์จะเก่งได้ขนาดไหนกันเชียว ดังนั้นการที่เฉินชางพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ได้ จะต้องหนีไม่พ้นการช่วยเหลือจากอาจารย์เมิ่งซีของเขาแน่นอน

เฉินชางยังเก่งขนาดนี้ แล้วอาจารย์จะเก่งขนาดไหน

อาจารย์ของเสี่ยวเฉินจะต้องเป็นยอดคนแน่นอน

ถึงแม้เถามี่จะพอรู้จักเมิ่งซีบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้จักหมอหนุ่มสาวมากขนาดนั้น ที่สำคัญก็คือ…อีกฝ่ายยังสาว เหล่าเถาจึงไม่ค่อยสบายใจหากต้องเป็นฝ่ายไปทำความรู้จักหรือพูดคุยด้วยก่อน…หากคนอื่นเขาไปซุบซิบนินทาคงไม่ดี…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถามี่ก็อดถามซย่าเกาเฟิงไม่ได้ว่า “จริงสิหัวหน้าซย่า ผมอยากจะถามอะไรหน่อยน่ะครับ พวกเราเดินไปคุยกันข้างหลังเถอะ!”

ซย่าเกาเฟิงและหัวหน้าแพทย์คนอื่นๆ กำลังรอให้เถามี่เฉลยว่าคนรุ่นหลังคนนี้เป็นใคร คิดไม่ถึงว่าเถามี่จะเปลี่ยนเรื่องเอาเสียได้!

ทันใดนั้นก็รู้สึกแย่จนเหงื่อตก!

ซย่าเกาเฟิงใจร้อนดั่งไฟแผดเผา อดพูดไม่ได้ว่า “พวกเราสองคนเป็นใครกันครับ มีอะไรก็พูดตรงๆ ได้เลย!”

ได้ยินดังนั้นเถามี่จึงพูดขึ้นว่า “ที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลผมมีหมอน้อยอยู่คนหนึ่งชื่อเฉินชาง ผมถือว่าเขาเป็นลูกหลานของผมครึ่งหนึ่ง ปีนี้เขามาเรียนแพทย์ต่อยอดในระดับปริญญาโทที่นี่ ผมอยากขอให้พวกคุณดูแลเขาให้มากหน่อยน่ะครับ เด็กคนนี้ไม่เลวเลย มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม รบกวนพวกคุณช่วยดูแลแทนผมหน่อยนะครับ!”

เถามี่คิดว่าทุกคนอาจไม่รู้จักเฉินชาง แต่เมื่อพูดจบ ซย่าเกาเฟิงและคนอื่นๆ ก็หัวเราะออกมา!

หมอระดับหัวหน้าและรองหัวหน้าแพทย์ที่อยู่ข้างหลังก็หัวเราะตามไปด้วย

เถามี่ชะงักไป “หัวเราะอะไรกันครับ”

ซย่าเกาเฟิงรีบตอบขึ้นทันที “เหล่าเถา คุณกังวลเกินไปแล้ว ตอนนี้เสี่ยวเฉินมีหน้ามีตาในแผนกของพวกเราไม่น้อยเลยนะครับ ตอนนี้เขาเป็นเทพหนุ่มน้อยประจำแผนกพวกเราไปแล้ว!”

หัวหน้าแพทย์ที่อยู่ข้างหลังพากันยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่แล้วครับ!”

เถามี่ส่ายหน้า แอบบ่นกับตัวเองว่า ก็จริง คนเก่งอย่างเฉินชางไปอยู่ที่ไหนก็เปล่งประกายได้ทั้งนั้น!

อย่างไรก็ตาม เถามี่ยังคงถามต่อไป “คือ…ไม่ทราบว่าหัวหน้าเมิ่งซีคือคนไหนหรือครับ”

เดิมทีเมิ่งซีที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นเถามี่ถามว่าตนคือใครก็เบิกบานใจขึ้นมาทันที!

“หัวหน้าเถา สวัสดีค่ะ ฉันคือเมิ่งซีค่ะ!”

เถามี่เห็นดังนั้นก็ชะงักไปโดยพลัน กระทั่งเหม่อลอยไปด้วยซ้ำ

สาวน้อยคนนี้สวยมากจริงๆ!

แต่ว่า…ชุดผ่าตัดดูไม่ค่อยสมตัวไปหน่อยหรือเปล่านะ

คิดได้ดังนี้ เถามี่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

โรงพยาบาลตงต้ามีผ้าไม่พอตัดชุดหรือไง

แต่ว่า…วินาทีที่เถามี่เห็นเมิ่งซีก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดเฉินชางจึงไม่มาขอให้ตนเป็นอาจารย์

ยอมรับทั้งกายใจ!

เขายอมรับทั้งกายและใจจริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย เพียงแค่บรรยากาศและรูปร่างหน้าตาก็แพ้ขาดแล้ว เถามี่ลูบใบหน้าแก่ๆ ของตน รู้สึกได้ถึงความห่างชั้นอันไกลโพ้น

ที่สำคัญ คุณเธอไม่ได้มีแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่มีความสามารถอีกด้วย!

ผู้ที่สอนการผ่าตัดระดับสูงเช่นนี้ให้เฉินชางได้ จะต้องเป็นคนที่ดูถูกไม่ได้แน่นอน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถามี่ก็รู้สึกอับอายขึ้นมาโดยพลัน อายจนหน้าแดงระเรื่อ

อย่างไรเสีย…เขาถึงกับพูดว่าตนเป็นต้นฉบับการผ่าเปิดเช่นนี้ต่อหน้าอาจารย์ของเฉินชาง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้เขาอับอายจริงๆ ดีที่เมิ่งซีไม่ใส่ใจ มิฉะนั้นคงกระอักกระอ่วนแย่!

คิดถึงตรงนี้ เถามี่ก็ยิ้มอย่างอึดอัด “หัวหน้าเมิ่ง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว!”

เมื่อเห็นเถามี่ไว้หน้ากันขนาดนี้ เมิ่งซีก็ตกใจจนตาค้างไปโดยพลัน กระทั่งหัวหน้าแพทย์ที่อยู่รอบๆ ก็ตกใจจนอึ้ง

เมิ่งซีเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ

มีชื่อเสียงโด่งดังออกไปถึงข้างนอกเลยหรือ

เถามี่กล่าวต่อไปว่า “หัวหน้าเมิ่ง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วจริงๆ นะครับ!”

เมิ่งซียืนอึ้งอยู่ที่เดิม ถูกเถามี่กล่าวชมเชยว่าได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วติดต่อกันรัวๆ ด้วยท่าทางพินอบพิเทาเช่นนั้น เธอก็รู้สึกเขินอายบ้างแล้ว

นี่เธอ…เก่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ขนาดหัวหน้าแผนกเถามี่แห่งโรงพยาบาลอันดับสองก็รู้จักด้วย

หรือว่า…เฉินชางพูดถึงเธอ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็รู้สึกเบิกบานในใจ ลูกศิษย์คนนี้เคารพเธอมากทีเดียว

อันที่จริง ฐานะของเมิ่งซีในแผนกศัลยกรรมหัวใจค่อนข้างด้อย แม้เธอจะเป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจแล้ว แต่ใครหลายคนก็ยังมีอคติกับเธอ พูดให้ชัดเจนก็คือไม่เคารพนั่นแหละ!

แผนกศัลยกรรมหัวใจเป็นแผนกที่รักษาโรคเฉพาะทาง ตอนเมิ่งซีมาทำงานที่นี่ เธอสมัครมากับโปรแกรมของ NSFC (มูลนิธิวิจัยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีค่าใช้จ่ายหลายล้านหยวน นี่ทำให้แผนกศัลยกรรมหัวใจมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันควัน แต่…ท้ายที่สุดแล้ววัยวุฒิของเมิ่งซีก็น้อยเกินไป

ตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกเป็นตำแหน่งที่มีผลประโยชน์มากมาย ไม่ทันไรเมิ่งซีก็ได้ขึ้นเป็นรองหัวหน้าแผนกแล้ว ทำให้มีคนมากมายไม่พอใจเธอ

ต้องทราบว่าในความเป็นจริงมีผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกับตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกอยู่ด้วย โดยผู้ดำรงตำแหน่งจะได้รับส่วนแบ่งจากค่ารักษาของผู้ป่วยทุกคน เท่ากับว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำงานมากก็ได้ส่วนแบ่งแล้ว เงินที่จับต้องได้เช่นนี้ใครไม่อยากได้บ้างล่ะ

ในแผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอระดับหัวหน้าแพทย์สี่ห้าคน มีหมอระดับรองหัวหน้าแพทย์ห้าหกคน แต่พวกเขากลับไม่ได้เป็นรองหัวหน้าแผนก พวกเขาล้วนเป็นหมออาวุโสที่มีวัยวุฒิและความสามารถสูง ส่วนเมิ่งซีเพิ่งอายุสามสิบก็ได้เป็นรองหัวหน้าแผนกแล้ว หากจะบอกว่าไม่อิจฉาเลยคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน

ดังนั้นจึงมีข่าวลือออกไปว่าหัวหน้าเมิ่งอะไรนั่นมีดีแค่งานวิจัย ส่วนฝีมือด้านคลินิกกลับไม่ได้เรื่อง…

เมิ่งซีก็รู้ตัวว่าความสามารถทางด้านคลินิกของตนไม่ได้ดีไปกว่าหมอระดับหัวหน้าแพทย์เหล่านั้นเลย เธอทำได้เพียงมานะพยายามเพื่อพัฒนาตนเองต่อไปเท่านั้น

ตอนนี้เมื่อได้ยินเถามี่กล่าวชื่นชมจนถึงเพียงนี้ ย่อมรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง!

คนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลกใจ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ตอนนี้เอง เถามี่จึงพูดขึ้นว่า “ความจริงการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันแบบบีบรับของผมก็ได้เฉินชางซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเมิ่งซีชี้แนะมาน่ะครับ! ดังนั้นที่จริงผมควรขอบคุณหัวหน้าเมิ่งถึงจะถูก!”

เมื่อคำนี้ถูกกล่าวออกมา หมอระดับหัวหน้าแพทย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างเงียบกริบ ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว!

นี่มันหมายความว่าอย่างไร

เฉินชางเป็นใคร พวกเขารู้จักดี!

แต่ว่า…ไอ้หนุ่มนั่นก็แค่หน้าตาหล่อเหลานิดหน่อยไม่ใช่หรือ

ทำไมไปสอนหัวหน้าเถาผ่าตัดได้ล่ะ

ฝีมือของเฉินชางดีแค่ไหนกันแน่

จะต้องเรียนรู้มาจากเมิ่งซีแน่นอน!

แต่…เมิ่งซีเก่งขนาดนั้นจริงๆ หรือ

ทุกคนต่างก็สงสัย!

ไม่เชื่อ!

ไม่เชื่อแน่นอน

แต่…หัวหน้าเถามีหน้ามีตาขนาดนั้น คงไม่พูดเล่นแบบนี้หรอก ชื่อเสียงของหัวหน้าเถาดังไกลไปถึงด้านนอก ไม่จำเป็นต้องกดตัวเองให้ต่ำแล้วยกคนอื่นขึ้นสูง!

พริบตานั้น ทุกคนก็ตกตะลึงจนตาค้าง ส่วนเมิ่งซีก็ใจเต้นกระหน่ำราวถูกคลื่นซัดสาด รู้สึกเหมือนเสื้อผ้าของเธอรัดแน่นจนอึดอัด

นี่ฉันเก่งขนาดนั้นเลยหรือ อีกอย่าง…เฉินชางเก่งขนาดนั้นเลยหรือ

ทำไมฉันไม่รู้เลยล่ะ!

บทที่ 380 ความเสียหายระดับหลายหมื่นหรือหลายแสนหยวน!

เถามี่มองเฉินชางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม อดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน…ไหวหรือเปล่า”

เฉินชางสูดหายใจลึก ในเวลาเช่นนี้จะพูดว่าไม่ไหวได้หรือ

แน่นอนว่าต้องไหว!

เมื่อเจอกับช่องอกที่มีสภาพเละเทะ เขาต้องค่อยๆ จัดการพังผืดไปทีละขั้น ทำความสะอาดหนองให้เรียบร้อย การดำเนินงานทุกขั้นตอนจะต้องทำด้วยความระมัดระวังสูงสุด

ทุกคนในที่นี้ล้วนเข้าใจดีว่าการผ่าตัดในคราวนี้ยากเพียงใด!

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย ประการแรก ผนังหลอดอาหารเกิดความเสียหายไปแล้ว จะต้องรักษาให้ดี! ประการที่สอง แม้จะสอดขดลวดเข้าไปดามผนังหลอดเลือดไว้แล้วจึงไม่ต้องเย็บรักษาอีก แต่หลอดเลือดรอบๆ ที่ได้รับความเสียหายก็ต้องจัดการให้ดี เพื่อไม่ให้เนื้อเยื่อในร่างกายเกิดความเสียหายมากและรุนแรงยิ่งขึ้น

ร่างกายของมนุษย์ก็เหมือนกับผลแอปเปิ้ล หากเกิดการเน่าเสียในจุดเล็กๆ จุดหนึ่งแล้วไม่ยอมกำจัดบริเวณที่เน่าเสียออกไปจนหมดและทำความสะอาดให้เรียบร้อย แอปเปิ้ลผลนั้นก็จะเน่าไปทั้งลูกในเวลาไม่นาน! ด้วยเหตุนี้ แม้จะไม่ต้องเย็บหลอดเลือด แต่ส่วนที่ต้องตัดเลาะและทำความสะอาดก็มีไม่น้อย ซึ่งการล้างทำความสะอาดหลอดเลือดเอออร์ตาจะต้องให้เถามี่ลงมือด้วยตัวเอง

จะเย็บไม่ได้เด็ดขาด!

อาการลักษณะนี้ หากเย็บจะทำให้หลอดเลือดเอออร์ตาแคบลง หลอดเลือดเอออร์ตาเปรียบเสมือนเขื่อนขนาดใหญ่ หากมีขนาดเล็กลง ย่อมมีปัญหาตามมามากมาย

เมื่อมีขดลวดดามอยู่ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยากที่สุดก็คือจะหาก้างปลาชิ้นนั้นได้อย่างไร! มันเป็นก้างปลาที่มีขนาดเล็กและบางเฉียบ เมื่อหลุดเข้าไปอยู่ในช่องอกย่อมต้องอันตรายมากแน่นอน! การตามหามันก็ยากเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร

การผ่าตัดดำเนินไปอย่างเชื่องช้า

เมื่อจัดการพังผืดแล้ว งานต่อไปเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือและความละเอียดอ่อนอย่างสูง สถานการณ์ตอนนี้คล้ายกับการเกิดพังผืดในช่องท้อง อวัยวะและเนื้อเยื่อกลุ่มหนึ่งถูกสารคัดหลั่งและหนองทำให้เกาะติดกัน เมื่อเวลาผ่านไปนานย่อมสร้างความเสียหายต่ออวัยวะภายในและเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ง่าย

ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อเยื่อ หลอดเลือดและอวัยวะภายในช่องอกอ่อนแอกว่าอวัยวะบริเวณช่องท้องเล็กน้อย หากจะอธิบายให้เห็นภาพก็คือ ช่องอกเปรียบเสมือนเกี๊ยวที่เปลือกบางไส้เยอะ เกิดการทะลักได้ง่าย!

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เถามี่ หลี่เป่าซานและคนอื่นๆ ต่างก็เงียบกริบ

เฉินชางเริ่มงานของตนอย่างระมัดระวัง

ลอกพังผืดระหว่างหลอดอาหารและอวัยวะภายใน ลอกพังผืดระหว่างหลอดอาหารและเส้นเลือด ลอกพังผืดระหว่างเส้นประสาทและเส้นเลือด…

มือของเฉินชางนิ่งมาก นิ่งมากจริงๆ เขาใช้คมมีดเลาะพังผืดออกทีละนิดอย่างระมัดระวัง หากใช้แรงมากเกินไปจนกรีดถูกหลอดลมจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา

ต่อให้ทุกคนคิดจนปวดหัวก็คงคิดไม่ถึงว่าก้างปลาเล็กๆ ชิ้นเดียวจะสร้างความเสียหายให้ช่องอกมากมายขนาดนี้

เป็นเรื่องที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงจริงๆ!

ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอก หากเขาไม่เจ็บหน้าอกก็ต้องเจ็บที่หัวใจแล้ว!

พังผืดในช่องอกถูกลอกออกไปอย่างเชื่องช้า หมอที่อยู่รอบๆ มองดูการผ่าตัดของเฉินชางพลางทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง

ชายหนุ่มคนนี้ หากมีความทะเยอทะยานขึ้นมาบ้าง อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัดจริงๆ! อายุยังน้อยก็มีความสามารถถึงเพียงนี้แล้ว มิน่าล่ะ ถึงได้รับความไว้วางใจและความเคารพจากหัวหน้าแผนกทั้งหลาย

นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพยาบาลในห้องผ่าตัดถึงได้ใจดีกับเฉินชางเช่นนี้ พวกเธอแต่ละคนช่างตาแหลมจริงๆ!

พยาบาลห้องผ่าตัดมีสายตาที่แหลมคม แยกแยะฝีมือของหมอได้อย่างดีเยี่ยม พวกเธอไม่เคยเกรงใจหมอน้อยเลยสักนิด หากเตรียมการผ่าตัดแล้วคุณมาสาย จะต้องถูกด่าไปยกใหญ่แน่นอน! ส่วนเรื่องที่จะช่วยสวมชุดผ่าตัดนั้นก็เป็นหน้าที่ของหมออินเทิร์น!

คนที่พยาบาลห้องผ่าตัดจะช่วยสวมชุดผ่าตัดมีเพียงหมอระดับหัวหน้าแพทย์เท่านั้น! หรือไม่ก็ต้องเป็นคนระดับเฉินชาง!

นางพยาบาลเหล่านี้เห็นความร่วมมือและการไปมาหาสู่ของหัวหน้าแพทย์กับเฉินชางมาหลายครั้งแล้ว พวกเธอย่อมมองเฉินชางและหัวหน้าแพทย์เหล่านั้นอยู่ในระดับเดียวกัน แม้ตอนนี้เฉินชางจะยังไม่โดดเด่น แต่ว่า…จะช้าจะเร็วก็ต้องผงาดขึ้นมาไม่ใช่หรือ

ระบบการเลื่อนตำแหน่งของโรงพยาบาลเข้มงวดมาก ไม่ใช่ว่ามีฝีมือระดับแพทย์เจ้าของไข้ก็จะเป็นแพทย์เจ้าของไข้ได้เลย ยังมีเรื่องอายุงานเป็นข้อจำกัดอีก! แต่หากความสามารถของคุณเกินกว่าชื่อเรียกทางการแพทย์ของคุณ เหนือกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของคุณ นี่จึงจะเรียกว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!

ดังนั้นตอนนี้เฉินชางอาจดูเหมือนเป็นเพียงหมอน้อยคนหนึ่ง แต่เมื่อเขาไปแผนกศัลยกรรมสาขาใดๆ ก็ตาม ใครบ้างจะกล้าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องคิดเผื่อไว้สำหรับตอนที่พบเคสผ่าตัดที่ต้องการความช่วยเหลือ พวกเขายังต้องโทรให้เฉินชางมาช่วยอีก!

……

……

หลังจากทำความสะอาดช่องอกตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว เฉินชางก็ต้องตามหาก้างปลาต่อไป!

สำหรับคนอื่นๆ การหาก้างปลาเป็นงานยาก มีเพียงเฉินชางคนเดียวเท่านั้นที่คิดว่างานนี้ง่ายเหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปาก

เพียงเขากวาดตามองรอบหนึ่งก็พบแล้ว

ตัวอักษรสีเขียวปรากฏขึ้นว่า [หลอดลม] [หลอดเลือดไร้ชื่อ] [หลอดเลือดเอออร์ตา] …

ทันใดนั้นชื่อสีแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินชาง!

[ก้างปลา]!

ชื่อสีแดงสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนตอนนี้ก้างปลาจะทิ่มเข้าไปในหลอดเลือดเอออร์ตาส่วนนอกแล้ว! ส่วนที่โผล่ออกมาให้เห็นภายนอกมีเพียงส่วนปลายที่ยาวไม่ถึงสองสามมิลลิเมตรเท่านั้น!

กระทั่งคนระดับหัวหน้าแพทย์ทั้งหลายที่มีความรู้กว้างขวางและมีประสบการณ์มากมาย เมื่อเห็นภาพนี้ก็ยังต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก!

แม่งจะเจ๋งเกินไปแล้ว!

แม้แต่เถามี่ก็ยังพูดออกมาว่า “ไอ้ก้างปลาชิ้นนี้ไม่เจียมตัวเลยจริงๆ!”

เป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่เป็นก้างปลาที่ไม่เชื่อฟัง รักอิสระ และก้างปลายอดแย่!

ตอนนี้แผนการรักษาขั้นต่อไปก็ง่ายแล้ว เพียงให้หมอสักคนมาคีบก้างปลาออกเท่านั้น

แต่ว่า ใครจะทำล่ะ

ทุกคนมองไปที่เฉินชางโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่เป็นเพราะทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขา มือของชายหนุ่มคนนี้นิ่งมาก คงไม่มีปัญหาแน่นอน

เมื่อเฉินชางเห็นทุกคนมองตนด้วยสายตาคาดหวังเช่นนั้นย่อมรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง

ดูท่าทางมือเล็กๆ ของผมจะเป็นที่ยอมรับแล้วสินะ

อืม!

ไม่เลว!

คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็หันไปพูดว่า “คีมหนีบเส้นเลือด!”

พยาบาลช่วยส่งอุปกรณ์รีบส่งให้ทันที

เฉินชางใช้มือขวารับคีมหนีบเส้นเลือดมา กลั้นใจตั้งสมาธิให้มั่นแล้วดึงก้างปลาออกมาอย่างระมัดระวัง เพียงแต่…ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังดึงออกมาไม่หมด!

มันยาวเท่าไหร่กันแน่เนี่ย

เฉินชางอดตกใจไม่ได้ เขาไม่กล้าเพิ่มความเร็วเลยสักนิด จนกระทั่งดึงก้างปลาออกมาหมดแล้ว ทุกคนก็ต้องตกใจจนถึงกับนิ่งไป!

ก้างปลาชิ้นนั้นมีความยาวประมาณสี่เซนติเมตรเลยทีเดียว

นี่มันจะ…น่าตกใจเกินไปแล้ว

ต่อให้เป็นทีมผ่าตัดที่เห็นเคสต่างๆ มามากมาย ต่อให้เป็นหัวหน้าแพทย์ทั้งหลาย โดยเฉพาะเซียวเหอและหลูเสี่ยวจวินประจำฝ่ายส่องกล้องก็ยังตกใจ

“นี่มันไม้จิ้มฟันพลาสติกหรือไง ทำไมยาวขนาดนี้!” เซียวเหอขมวดคิ้ว

ทุกคนรีบรับ ‘อาวุธสังหาร’ นั้นมาสังเกตอย่างละเอียด!

“ไม่สิ! ดูเหมือนไหมขัดฟัน! คุณลองดูสิครับ…”

“ไม่นะครับ น่าจะเป็นก้างปลานั่นแหละ!”

“แต่ก้างปลายาวขนาดนี้ เขากลืนลงไปได้ยังไง”

……

กางปลาชิ้นเดียวทำให้ห้องผ่าตัดครึกครื้นขึ้นมาทันที หมอระดับหัวหน้าแพทย์กลุ่มหนึ่งหยิบก้างปลาไปดูด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กน้อย ด้านหนึ่งก็ดีใจที่หาตัวการของอาการป่วยนี้พบ อีกด้านหนึ่งก็ตกตะลึงว่าก้างปลายาวขนาดนี้เข้าไปอยู่ในคอได้อย่างไร

งานต่อจากนั้น เฉินชางร่วมมือกันทำกับหัวหน้าแผนกเถามี่

การผ่าตัดดำเนินไปถึงครึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็จบอย่างสวยงาม!

เฉินชางมองก้างปลาในมือพลางส่ายหน้าอย่างอดไม่อยู่

ก้างปลาชิ้นเดียว สร้างความเสียหายมูลค่าหลายหมื่น หรืออาจถึงหลายแสนหยวนเลยทีเดียว นี่เป็นเรื่องที่ใครก็คิดไม่ถึง ยังดีที่ผู้ป่วยไม่เป็นอะไรมาก มิเช่นนั้นหากเป็นอันตรายถึงชีวิตขึ้นมา ไปเล่าให้ใครฟังก็คงดูเวอร์เกินจริง

อันที่จริง…นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน

อันตรายบางอย่างก็มาในรูปแบบที่คนเรามองไม่เห็น…

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท