บทที่ 393 ขอโทษ…ผิดไปแล้ว! (part 2)
จางจื้อซินและเฉินปิ่งเซิงเห็นจางโหย่วฝูก็ยิ้มออกมาทันที “หัวหน้าจาง”
จางโหย่วฝูเห็นทั้งสาม ดวงตาพลันสว่างวาบ “อยู่กันหมดเลย ผ่าตัดอะไรหรือครับ”
“วิปเปิลออเพอเรชั่นครับ” จางจื้อซินกล่าว ผู้ป่วยคนนี้เป็นมะเร็งตับอ่อนระยะลุกลามที่เขาดูแลอยู่
จางโหย่วฝูได้ยินดังนั้นก็เกิดสนใจขึ้นมาแล้ว “อ้อ! คุณหมายถึงผู้ป่วยเตียงยี่สิบเอ็ดสินะครับ ผมสนใจอาการของเขาอยู่พอดี ตอนนี้ผมไม่มีธุระอะไร…งั้นให้ผมเป็นศัลยแพทย์หลักแล้วกัน”
ต้วนปัวที่อยู่ข้างหลังตาค้าง…หัวหน้า คุณจะไม่มีงานได้ไง
วันนี้คุณบอกว่าจะแนะนำผมนะ!
……
เมื่อได้ยินว่าจางโหย่วฝูจะแย่งเป็นศัลยแพทย์หลัก จางจื้อซินก็สับสนขึ้นมาทันที! เฉินปิ่งเซิงเห็นดังนั้นก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา
เห็นหน้าบูดเบี้ยวของจางจื้อซิน จางโหย่วฝูก็พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ต้องกังวลไปครับ มีผมอยู่ทั้งคน”
กล่าวถึงตรงนี้ จางโหย่วฝูก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เฉินชางได้รู้สักหน่อยว่าอะไรคือการผ่าตัดระดับสูง!
จางจื้อซินอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ มาผิดเวลาจริงๆ ทำไมการแสดงความเจ๋งมันยากขนาดนี้นะ
วิปเปิลออเพอเรชั่นเป็นการผ่าตัดที่ยากมาก เรียกว่าเป็นการผ่าตัดผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งยังคงอยู่ในตับอ่อน ไม่ได้ลุกลามออกไปสู่อวัยวะอื่น
การเตรียมการก่อนผ่าตัดก็ค่อนข้างยุ่งยาก การผ่าตัดเช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้หมอระดับแพทย์เจ้าของไข้ที่มีอายุงานสูงสองคนร่วมมือกันผ่า
หลังจากฉีดวิตามินเคให้ผู้ป่วยแล้ว หัวหน้าแผนกวิสัญญีก็มาช่วยรมยาด้วยตัวเอง เนื่องจากการผ่าตัดใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงต้องพยายามรมยาให้ปลอดภัยที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนและความดันโลหิตต่ำ
วันนี้จางโหย่วฝูคิดจะแสดงความสามารถต่อหน้าเฉินชาง จะทำให้เฉินชางตะลึงตาค้างให้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา กรีดแผลรูปคันศรที่ท้องส่วนบน!
ตับอ่อนและลำไส้เล็กส่วนต้นปรากฏให้เห็น เฉินชางเบิกตากว้างขึ้นมาโดยพลัน อดกล่าวไม่ได้ว่า “ให้ตายเถอะ…”
ทั้งสามพลันเงยหน้าขึ้น จ้องมองเฉินชาง
จางโหย่วฝูคิดว่าฝีมือของตนทำให้เฉินชางตื่นเต้นนับถือ จึงแอบหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียง
ต้องแบบนี้สิ!
จางโหย่วฝูถอนใจ ตกใจใช่ไหมล่ะ
ทว่าความจริงเฉินชางไม่ได้อุทานเพราะเรื่องนี้! แต่เป็นเพราะเขาพบเรื่องน่ากลัวบางอย่างต่างหาก
เขาเห็นขอบเขตการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง!
น่ากลัวเกินไปหรือเปล่า
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มกระชั้นถี่
เขาเห็น [ตับอ่อน] และ [ท่อตับอ่อน] สีแดงนั่นอย่างชัดเจน เหนืออวัยวะเหล่านี้ปรากฏพื้นที่สีแดงอยู่ด้วย
[มะเร็งตับอ่อน เลเวล 78 มะเร็งตับอ่อนที่ยังไม่แพร่กระจาย…]
เฉินชางเห็นพื้นที่สีแดงเหนือตับอ่อนอยู่ส่วนหนึ่ง บางส่วนก็เป็นสีเขียว นี่หมายความว่า…พื้นที่สีแดงถูกเซลล์มะเร็งลุกลามไปแล้ว ส่วนพื้นที่สีเขียวคือตับอ่อนที่ยังแข็งแรง!
การค้นพบนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเฉินชาง!
ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้น่ะหรือ
เดิมทีการผ่าตัดมะเร็งไม่ได้ถือว่ายากมากนัก แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือเราไม่ทราบขอบเขตการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ดังนั้นการผ่าตัดมะเร็งในหลายๆ ครั้งจึงมักผ่าตัดในขอบเขตที่กว้างเกินความเป็นจริง เช่นมะเร็งตับอ่อน เราไม่จำเป็นต้องตัดตับอ่อนออกทั้งหมดก็ได้!
ทว่าเมื่อพิจารณาถึงผลการผ่าตัดแล้ว ปกติจะใช้หลักการที่ว่า ยอมตัดออกหมดดีกว่าเหลือเซลล์มะเร็งทิ้งไว้! ด้วยเหตุนี้หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งมักมีร่างกายย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เพราะหลักการเช่นนี้เอง
หากเฉินชางมีความสามารถนี้ ตอนผ่าตัดก็จะลดขอบเขตการผ่าตัดให้เล็กที่สุดได้ ซึ่งนับว่ามีความหมายต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งมากจริงๆ!
เช่นนี้แล้วเฉินชางจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร นี่เป็นเหมือนพรจากสวรรค์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคนเลยทีเดียว!
การผ่าตัดดำเนินต่อไป อย่างไรจางโหย่วฝูก็เป็นหัวหน้าแผนกคนหนึ่ง การทำงานของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของหมอ
เขาแยกเยื่อแขวนลำไส้ (mesentery) และหลอดเลือดออกไป จากนั้นจึงจัดการกับหลอดเลือดดำพอร์ทัล (Hepatic portal vein) ต่อ
บางทีใครหลายคนอาจไม่ทราบว่าตับอ่อนคืออะไร แต่ทุกคนควรรู้จักอินซูลิน ซึ่งตับอ่อนก็คืออวัยวะที่เป็นแหล่งผลิตอินซูลิน อินซูลินมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากตับอ่อนถูกตัดออกไป การรักษาโรคเบาหวานหลังผ่าตัดจะเป็นเรื่องยากลำบากขึ้นมาก
ถึงอย่างไรอวัยวะก็ถูกตัดออกไปแล้ว คงสบายใจขนาดนั้นไม่ได้หรอก!
กระทั่งไส้ติ่งก็ยังมีความหมายในตัวมันเอง แต่ว่า…หากเหลือตับอ่อนไว้สักยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในการผ่าตัดตับอ่อนเช่นนี้ได้ การดูแลเรื่องโรคเบาหวานและการฟื้นตัวของผู้ป่วยคงไม่ลำบากเท่าตัดออกทั้งหมด
แตกต่างกันมากจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม แม้เฉินชางจะเห็น แต่กลับไม่กล้าพูดออกไป!
เขาเห็นชัดเจนว่าตับอ่อนของผู้ป่วยประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นยังไม่ถูกเซลล์มะเร็งลุกลาม แต่หากผ่าตัดคงถูกตัดออกทั้งหมดเพราะกลัวว่าตับอ่อนจะถูกเซลล์มะเร็งกัดกินไปแล้ว!
ตอนนี้ในใจของเฉินชางกำลังกระสับกระส่าย เขาอยากพูด แต่พูดไม่ได้ พูดไปแล้วคงไม่มีใครเชื่อ
นี่คือความจริง!
หากพูดออกไป เขาอาจมีความผิดเท่ากับการฆ่าคนเลยทีเดียว!
ทำอย่างไรดี
จะทำอย่างไรได้บ้าง
ตอนนี้เฉินชางรู้สึกไร้ความสามารถจริงๆ
บางทีคงต้องรอให้ตนเองเติบโตและเป็นผู้ผ่าตัดผู้ป่วยโรคมะเร็งได้เสียก่อนจึงจะทำประโยชน์ได้อย่างแท้จริง!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ดูการผ่าตัดต่อไปนี้เงียบๆ
ความรู้สึกนับร้อยพันผสมปนเปอยู่ในใจ
สู้ต่อไปเถอะ! เฉินชาง!
……
……
ในห้องผ่าตัด คนทั้งสี่ไม่ส่งเสียงอันใด ดำเนินการผ่าตัดอันยากลำบากไปอย่างเคร่งขรึมจริงจัง นี่เป็นมอนสเตอร์เลเวลเจ็ดสิบกว่า เฉินชางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ซึ่งสำหรับจางโหย่วฝูแล้วก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน!
ขณะนี้เอง จู่ๆ ก็มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา! ทะลุผ้าปิดปากเข้าไปถึงจมูกเลยทีเดียว
จางโหย่วฝูที่กำลังผ่าตัดสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน!
กลิ่นเหม็นนี้จะคุ้นเคยเกินไปแล้ว
คิดถึงตรงนี้จางโหย่วฝูก็ขมวดคิ้ว ร่างกายสั่นสะท้าน!
ลำไส้ปริแตกหรือ
คิดได้เช่นนี้ จางโหย่วฝูก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา
หากลำไส้แตกเอาตอนนี้ การผ่าตัดจะยากขึ้นไปอีก ทว่าตอนนี้เขาทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จางโหย่วฝูจึงรีบหันไปพูดกับเฉินปิ่งเซิงที่อยู่ข้างๆ
“ปิ่งเซิง ช่วยดูหน่อยครับว่าไส้แตกตรงไหน!”
เฉินปิ่งเซิงพยักหน้า เขาก็ได้กลิ่นเช่นกัน!
ทำไมลำไส้ถึงปริแตกได้ล่ะ
แปลกมาก!
นี่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้อง และทำให้การผ่าตัดยากขึ้น!
แต่…เฉินชางมองไปที่ช่องท้อง ทันใดนั้นก็ต้องประหลาดใจ
เพราะเขาไม่เห็นตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้นมาเลย!
หรือว่าเขาตาพร่า?
นี่เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของเขามองไม่เห็นปัญหา หรือว่า…เพราะตามองไม่เห็นกลิ่น
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็กะพริบตา ยังคงมองไม่เห็นอยู่ดี
ชั่วขณะนั้น เฉินชางก็กระสับกระส่ายขึ้นมาทันที!
ความสามารถของฉันถูกกลิ่นพวกนี้ทำลายไปแล้วเหรอ
ขณะที่เฉินปิ่งเซิงกำลังมองหานั้นเอง จู่ๆ จางจื้อซินก็กล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่ไส้แตกหรอก!”
จางโหย่วฝูปรายตามองไปทันที “อ้อ จื้อซิน คุณว่าเป็นอะไรล่ะครับ”
จางจื้อซินกระแอมออกมา กล่าวเสียงเบาว่า “เอ่อ…จริงๆ เมื่อกี้ผมผายลมน่ะ…”
บทที่ 388 มอนสเตอร์ระดับบอส!
ขณะเดียวกัน ภายในห้องหมอของแผนก เดิมทีพวกเก่อฮว๋ายคิดว่าการผ่าตัดจบลงแล้วจึงคิดจะปิดทีวี แต่จู่ๆ ก็พบว่าภาพการถ่ายทอดสดสว่างขึ้นมาอีกครั้ง!
เมื่อเห็นภาพการผ่าตัด ทั้งสามก็มีสีหน้าดีอกดีใจขึ้นมาทันที
เซอร์ไพรส์มาก!
ไม่มีอะไรทำให้พวกเขากระตือรือร้นมากไปกว่าได้ดูการผ่าตัดแล้ว ถ้าจะมีก็คงมีเพียงการผ่าตัดที่มากขึ้นเท่านั้น
เมื่อพวกเขาสามคนเห็นเยื่อหุ้มหัวใจในจอถูกกรีดเปิด ดวงตาพลันหดเกร็ง!
เก่อฮว๋ายอดพูดไม่ได้ว่า “แย่แล้ว!”
เพื่อนร่วมงานดีกรีปริญญาเอกอีกคนหนึ่งก็รีบพยักหน้า “อืม เยื่อหุ้มหัวใจที่มีภาวะพังผืดแบบนี้หาได้ยากจริงๆ พังผืดก็เกาะติดกันแน่นขนาดนั้น ทำให้เยื่อหุ้มหัวใจหนาขึ้นอย่างชัดเจน ถ้าลงมีดไปในสภาพนี้จะแยกความตื้นลึกของแผลกรีดยากมาก”
เมื่อเยื่อหุ้มหัวใจและหัวใจด้านนอกมีพังผืดยึดแน่นจะทำให้การผ่าตัดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดยากขึ้นมาก เพราะถ้าจะลอกพังผืดออกในสภาพเช่นนี้ ความยากลำบากจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ในตอนนี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เฉินชาง ซย่าเกาเฟิงคิดจะพูดอะไรบาง อย่างแต่เถามี่รีบหยุดเขาไว้
เขาเห็นเฉินชางกำลังใคร่ครวญ!
ช่วยไม่ได้จริงๆ เจอการผ่าตัดเช่นนี้เข้าไป ไม่ใช่แค่เฉินชางหรอก กระทั่งพวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะลงมืออย่างไรดี
เวลาผ่านไปสิบกว่าวินาที เฉินชางก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อไป! เขายื่นใบมีดเข้าไป ค่อยๆ ปาดพังผืดออกทีละน้อย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเยื่อหุ้มหัวใจบางขึ้น
เฉินชางมีสีหน้ายินดี!
ใช้ได้จริงๆ ด้วย! นี่เป็นเพราะระหว่างเยื่อหุ้มหัวใจและชั้นแอดเวนทิเชีย (Adventitia) มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) เกาะอยู่หลวมๆ ชั้นหนึ่ง บริเวณนี้เป็นส่วนที่หมอเลือกใช้สำหรับลอกพังผืดที่เกาะติดกับเยื่อหุ้มหัวใจ แต่หากผู้ป่วยมีภาวะพังผืดรุนแรง จะทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและชั้นแอดเวนทิเชียของเยื่อหุ้มหัวใจแนบติดกันแน่นจนหายาก
แต่ไม่ว่าจะมีพังผืดเช่นไร ลักษณะพิเศษของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันก็แตกต่างจากเยื่อหุ้มหัวใจ หรือแอดเวนทิเชียอยู่ดี เฉินชางรีบหันไปพูดว่า “ใช้คีมจับไว้นะครับ!”
เกาเจี้ยนซินรีบพยักหน้า เขาแปลกใจจริงๆ เฉินชางหาเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเจอได้อย่างไร ทว่าตอนนี้เฉินชางหาเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบริเวณยอดหัวใจพบแล้ว แม้เขาจะงุนงงเพียงใดก็ทำได้เพียงใช้คีมจับเอาไว้
เมื่อเกาเจี้ยนซินใช้คีมจับชั้นเยื่อหุ้มหัวใจไว้แล้ว เฉินชางก็รีบใช้มือซ้ายกดพื้นผิวของหัวใจเบาๆ!
ตอนนี้ทุกคนเห็นหัวใจที่กำลังเต้นตุบตับได้อย่างชัดเจน
การผ่าตัดจะยากเกินไปแล้ว!
เนื่องจากอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้คงที่ขนาดนั้น หากคิดจากกรีดแยกชั้นพังผืดระหว่างหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจออกจากกันจะต้องมีฝีมือและความสามารถในระดับสูง มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาได้!
อย่างเบาก็คือ หากหลอดเลือดแดงเสียหายเล็กน้อย จะทำให้เลือดพุ่งกระฉูด!
อย่างหนักก็คือ หากกล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย จะเป็นอันตรายถึงชีวิต!
ในตอนนี้ ความยากของการผ่าตัดเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าทวี!
ขณะนี้เอง เยื่อหุ้มหัวใจส่วนเล็กๆ ก็ยกตัวขึ้น ทำให้ทุกคนเห็นพังผืดบริเวณแอดเวนทิเชียของหัวใจและพังผืดทั้งหมด
รุนแรงเกินไปแล้ว! แบบนี้แย่มาก!
เนื่องจากพังผืดยึดเกาะในระดับที่แตกต่างกัน จึงเลือกวิธีกำจัดที่เหมาะสมและเด็ดขาดไม่ได้
เฉินชางหันไปพูดอย่างเรียบเฉย
“คีบจับเนื้อเยื่อ!”
“ผ้าก็อซ!”
พยาบาลรีบส่งไปทันที เฉินชางใช้ผ้าก็อซคลุมนิ้วเอาไว้ กลั้นหายใจ ไม่กล้าขยับ
เขาหันไปพูดกับเกาเจี้ยนซินว่า “จับให้ดีนะครับ ใช้แรงให้สม่ำเสมอ อย่ากดเด็ดขาด!”
เกาเจี้ยนซินสูดหายใจลึก ไม่กล้าขยับ
ทุกคนที่ดูอยู่รอบๆ ดำดิ่งไปกับบรรยากาศในตอนนี้
เฉินชางออกแรงที่นิ้วเล็กน้อย ค่อยๆ ลอกบริเวณที่เป็นพังผืดหลวมๆ นั้นอย่างระมัดระวัง
ทีละนิด!
ทีละชั้น!
พังผืดหลวมๆ เหล่านี้ยังพอรับมือได้ แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีอุปสรรคกีดขวาง!
ลักษณะของพังผืดที่เปลี่ยนแปลงไปปรากฏขึ้น ทุกคนพลันต้องเบิกตากว้าง
พวกเขาทอดถอนใจออกมา เฮ้อ…การผ่าตัดเคสนี้คงยากขึ้นอีกแล้ว
บริเวณที่เป็นพังผืดแปลกๆ เหล่านั้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเยื่อหุ้มหัวใจเป็นพังผืดรุนแรง ทั้งยังมีแคลเซียมเกาะจนมีลักษณะคล้ายหินปูน ทำให้ลอกออกยากมาก หากจะลอกออกตรงๆ ย่อมทำไม่ได้ ทำได้เพียงใช้ของมีคมกรีดเพื่อลอกออกมาเท่านั้น
เฉินชางวางผ้าก๊อซลง หยิบมีดขึ้นมาคิดจะกรีดเพื่อแยกพังผืด
แต่…พังผืดยึดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จะลอกอย่างไรดี
เฉินชางกัดฟัน ตัดสินใจเปลี่ยนตำแหน่ง!
ใช่แล้ว เดิมทีการลอกพังผืดที่เยื่อหุ้มหัวใจก็มักง่ายตอนเริ่มยากตอนหลัง
เฉินชางค่อยๆ ลอกพังผืดไปอย่างยากลำบาก!
ไม่ว่าจะลอกพังผืดด้วยลำดับขั้นตอนใดก็ต้องลอกพังผืดบริเวณยอดหัวใจให้หมด ทางซ้ายมือเป็นบริเวณใกล้เคียงกับเส้นประสาทกระบังลม จะต้องระวังไม่ให้เส้นประสาทกระบังลมเสียหาย และยิ่งห้ามทำให้หัวใจเสียหายด้วย
ยาก!
ขณะนี้เกาเจี้ยนซินหันไปจ้องมองพยาบาลที่ช่วยส่งอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง เขากลัวจะเกิดปัญหาเพราะหากเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือสีของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ ดังนั้นจะต้องหามาตรการและแผนการมารองรับทันที ทั้งยังต้องจบการผ่าตัดให้เร็วที่สุดด้วย!
หัวใจไม่เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ดังนั้นการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมหัวใจจึงเป็นการผ่าตัดตั้งแต่ระดับสามขึ้นไป และโดยปกติมักจะเป็นการผ่าตัดระดับสี่…ด้วยเหตุนี้ หมอในแผนกศัลยกรรมหัวใจจึงต้องเป็นหมอที่จบปริญญาเอกขึ้นไป และโดยส่วนใหญ่จะเป็นหมอระดับรองหัวหน้าแพทย์
การผ่าตัดดำเนินไปทีละขั้น! ในที่สุดเฉินชางก็หาจุดสำคัญพบ มันก็คือร่องรอยของแคลเซียมที่ฝังอยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจจุดหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นก็หน้าเปลี่ยนสี รู้สึกเส้นประสาทของตัวเองขึงตึงขึ้นมาอย่างฉับพลัน!
นี่มันใหญ่มาก!
ซย่าเกาเฟิงอดพูดไม่ได้ว่า “เอ่อ…ไม่ต้องสนใจก็ได้มั้งครับ”
เถามี่นิ่งเงียบไม่ส่งเสียงอะไร เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องกำจัดออกหรือไม่ แต่กำจัดออกย่อมดีกว่าแน่นอน! เพราะแคลเซียมที่ฝังอยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจกลายเป็นส่วนที่อันตรายร้ายแรงไปแล้ว จะส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวและการทำงานของหัวใจ
แต่ว่า…หากคิดจะลอกออกก็ยากเกินไป!
เมื่อเทียบกับความอันตรายในการลอก หากไม่ลอกแคลเซียมนี้ออก แม้จะทำให้เกิดความเสียหายเรื้อรัง แต่…ก็อันตรายน้อยกว่ามาก นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมซย่าเกาเฟิงถึงบอกว่าไม่ต้องลอก!
ทุกคนเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นการลอกพังผืดบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ แต่ตอนนี้เป็นการลอกบริเวณหัวใจซึ่งเป็นพังผืดรุนแรง จะต้องใช้คมมีดในการกรีดลอกเท่านั้น ต้องถือมีดกรีดลงไปบนหัวใจโดยห้ามทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย
นี่ทำให้กดดันหนักเลยไม่ใช่หรือ
แต่นี่แหละคือการผ่าตัด!
การผ่าตัดย่อมไม่อาจหลีกหนีความอันตรายได้แน่นอน
ทุกคนอดมองเฉินชางไม่ได้ ทว่า…พวกเขากลับไม่เห็นความตื่นตระหนักในดวงตาหรือบนใบหน้าของเฉินชางเลยสักนิด
เรียบเฉย!
ใจเย็น!
และสงบนิ่ง!
ทำราวกับง่ายเหมือนผ่าไส้ติ่ง
ท่าทางของเขาสบายอกสบายใจ ไม่มีความตื่นตกใจให้เห็น สงบนิ่งเป็นอย่างมาก…
ปกติเมื่อพบสถานการณ์เช่นนี้ แพทย์ผู้ผ่าตัดอาจปล่อยหินปูนที่เกิดจากแคลเซียมนั้นไว้ได้ ไม่จำเป็นต้องฝืนลอกออก ทว่าตอนนี้ขอบเขตของพังผืดที่ต้องลอกยังไม่แน่ชัด อีกทั้งยังเป็นพังผืดรุนแรงมาก เฉินชางจำเป็นต้องกำจัดส่วนที่ติดกับกล้ามเนื้อหัวใจออกไป
เรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
หากผ่าตัดต่อไปย่อมดีที่สุด แต่ถ้าเกิดอันตรายกับกล้ามเนื้อหัวใจขึ้นมาจะทำให้สถานการณ์อันตรายยิ่งขึ้น
ตอนนี้เฉินชางผ่าตัดต่อไปอย่างกล้าหาญ นี่คือคุณลักษณะที่เฉินชางเรียนรู้มาจากหัวหน้าเถา มันคือความนิ่ง! ต้องรักษาความนิ่งไว้ให้ดีที่สุด!
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดกับเกาเจี้ยนซินว่า “จับไว้ให้ดีนะครับ!”
ตอนนี้ในมือของเฉินชางก็มีทั้งมีดผ่าตัดและคีมจับเนื้อเยื่อ มือซ้ายถือคีมหนีบเยื่อหุ้มหัวใจเอาไว้ มือขวากรีดรอบพังผืดไปตามอัตราการเต้นของหัวใจอย่างระมัดระวัง!
ภาพนี้ทำให้คนอื่นตกใจจนตาค้าง
ทุกคนเบิกตากว้างพลางจ้องมองเฉินชาง
มีวิธีเช่นนี้ด้วยหรือ รักษาจังหวะของมือให้สอดคล้องกับการเต้นของหัวใจ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย
ซย่าเกาเฟิงอดพูดไม่ได้ว่า “โอ้โห สุดยอด!”
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนอื่นที่อยู่รอบๆ ต่างก็ถูกภาพที่เฉินชางลอกพังผืดหินปูนที่ฝังลึกอยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจทำเอาตะลึงพรึงเพริดจนนิ่งค้างไปแล้ว
ไม่มีใครกล้ารบกวนเฉินชาง
งานละเอียดอ่อนเช่นนี้ย่อมไม่มีใครกล้ารบกวน แม้แต่ซย่าเกาเฟิงก็ยังรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเอง
เขาทนไม่ไหวจริงๆ!
นี่เป็นพังผืดส่วนสุดท้ายแล้ว เมื่อลอกออกการผ่าตัดก็จะจบลง
ชั่วขณะนี้ยังจะมีใครกล้าสงสัยในตัวเฉินชางอีก แม้วันนี้เขาไม่ได้ใช้วิธีการผ่าตัดที่แปลกใหม่ หรือแปลกประหลาดอะไร ใช้การผ่าตัดแบบดั้งเดิมทั้งหมด แต่ยิ่งเป็นวิธีดั้งเดิม ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจ!