บทที่ 395 ผู้กินอิ่มท้องไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หิวโหย (Part2)
เฉินปิ่งเซิงหัวเราะ “คุณไม่ค่อยรู้เรื่องวารสารวิจัยพวกนี้สินะครับ ‘การปลูกถ่ายตับ’ เป็นวารสารวิจัยระดับเดียวกับ ‘BJS’ ค่าดัชนีผลกระทบอ้างอิงสูงกว่า มีอิทธิพลในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีมากกว่า ถ้าคุณส่งไปที่นั่น แค่รอตรวจสอบก็ใช้เวลาหนึ่งปีแล้ว! จากนั้นก็ต้องรอตีพิมพ์อีกหนึ่งปี ต้องรอประมาณสองปีถึงจะได้เห็นวิทยานิพนธ์”
จางโหย่วฝูก็พูดยิ้มๆ “สองปีก่อนผมส่งวิทยานิพนธ์ไปฉบับหนึ่ง แก้ไขเจ็ดครั้ง สุดท้ายก็…ถูกปฏิเสธ ปีนี้ว่าจะลองใหม่”
เฉินปิ่งเซิงถอนหายใจออกมา “ถ้าผมมีวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์กับ ‘การปลูกถ่ายตับ’ คงไม่มีปัญหาเรื่องเลื่อนระดับเป็นหัวหน้าแพทย์ในปีนี้แล้ว”
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้าอะไร ทั่วทั้งมณฑลตงหยาง คนที่ได้ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์กับวารสารวิจัย ‘การปลูกถ่ายตับ’ มีน้อยขนาดนับนิ้วได้เลยทีเดียว ใครบ้างไม่เคยถูกปฏิเสธ วิทยานิพนธ์ที่เฉียนเลี่ยงเคยส่งไปเมื่อปีนั้นสร้างความสะเทือนเลื่อนลั่นในงานสัมมนาประจำปีได้เลย
เมื่อเฉินชางได้ยินเฉินปิ่งเซิงพูดถึงเรื่องตำแหน่งทางอาชีพก็รู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว “ถ้าเป็นผู้เขียนร่วมในวิทยานิพนธ์ที่ได้ตีพิมพ์กับ ‘การปลูกถ่ายตับ’ จะมีผลกับตำแหน่งทางอาชีพหรือเปล่าครับ”
จางโหย่วฝูพยักหน้า “ครับ นี่เป็นวารสารวิจัยขนาดใหญ่ มีดัชนีผลกระทบอ้างอิงสูง มีผู้ร่วมพิจารณาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นตอนพิจารณาก็จะพิจารณาไปถึงผู้เขียนร่วมด้วย ต่อให้เป็นผู้เขียนอันดับสองก็ยังเอามาใส่ในประวัติตัวเองได้ มีประโยชน์มากทีเดียว ถ้าปิ่งเซิงมีวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์กับวารสารนี้และเป็นผู้เขียนอันดับสองคงไม่มีปัญหาเรื่องเลื่อนตำแหน่งทางอาชีพ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็สบายใจขึ้นมาก ในตอนนั้นเขาใส่ชื่อฉินเยว่เป็นผู้เขียนอันดับหนึ่ง ใส่ชื่อเฉินปิ่งเซิงเป็นผู้เขียนร่วม ถึงอย่างไร…เหล่าเฉินก็อยู่ในกลุ่มควบคุม (controlled group)!
ตอนที่ทำวิจัยเรื่องการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อย เขาใช้วิธีการทดลองแบบอำพรางทั้งสองฝ่าย จึงให้เฉินปิ่งเซิงเข้าร่วมการทดลองโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว นำผู้ป่วยของเฉินปิ่งเซิงมาเป็นกลุ่มควบคุม ดังนั้นเฉินปิ่งเซิงจึงเป็นผู้เขียนร่วมด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดพูดไม่ได้ว่า “งั้นก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ วิทยานิพนธ์เรื่องการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อยที่ผมเขียนครั้งที่แล้วคุณก็เป็นผู้เขียนร่วมด้วย แบบนี้คุณต้องเลี้ยงข้าวผมแล้วนะครับ”
เฉินปิ่งเซิงอดยิ้มไม่ได้ “แล้วส่งไปที่วารสารวิจัยไหนล่ะครับ”
วิทยานิพนธ์คราวที่แล้วใช้เวลาทั้งหมดสองเดือนถึงจะได้เผยแพร่ จะตีพิมพ์กับวารสารดีๆ ได้ที่ไหนกัน ดังนั้นเฉินปิ่งเซิงจึงคิดว่าเฉินชางส่งวิทยานิพนธ์ไปมั่วๆ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังรู้สึกดี
เฉินชางพยักหน้า กล่าวด้วยท่าทางสมเหตุสมผลว่า “ผมก็ต้องส่งไปที่วารสารการปลูกถ่ายตับสิครับ!”
ประโยคนี้ฟังไม่เข้าท่าเลยจริงๆ!
ใช่แล้ว! เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็เบิกตากว้างจ้องมองเฉินชางโดยพลัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม จากนั้นก็กลายเป็นความสับสนมึนงงในพริบตา!
เฉินปิ่งเซิงชะงักไป “คุณว่าอะไรนะ คุณส่งไปที่ ‘การปลูกถ่ายตับ’ หรือ”
เฉินชางพยักหน้า “ใช่ครับ ยังไม่ได้เผยแพร่นะครับ แต่คงอีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็ส่งกลับมาแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะได้ตีพิมพ์กับวารสารก่อนงานสัมมนาประจำปีหรือเปล่า แต่พวกเขาส่งใบรับรองมานานแล้ว!”
เฉินปิ่งเซิงกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ขอผมดูหน่อยได้หรือเปล่าครับ”
จางจื้อซินส่ายหน้า “คงไม่เร็วขนาดนี้หรอกมั้งครับ รวมแล้วใช้เวลาไปสองเดือนเอง จะเผยแพร่ได้ยังไง วารสารการปลูกถ่ายตับเป็นวารสารใหญ่เลยนะครับ”
เฉินชางหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูประกาศรับรอง “นี่ครับ คุณลองดูสิ!”
จางจื้อซินเห็นอักษรปะหน้าว่า ‘liver-Transplantation (การปลูกถ่ายตับ)’ ก็เบิกตากว้างขึ้นทันที จากนั้นก็มองไปยังรายชื่อผู้เขียนด้านหลัง
“ผู้เขียนหลัก: เฉินชาง ผู้เขียนอันดับหนึ่ง: ฉินเยว่, เฉินปิ่งเซิง, หลี่เป่าซาน ผู้เขียนอันดับสอง…”
ชั่วขณะนั้นจางจื้อซินถึงกับไม่อยากเชื่อ “คุณ…คงไม่ใส่ ปล. ว่าล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย”
เฉินชางกลอกตาใส่ “ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น นี่ก็เผยแพร่แล้ว โอเคไหมครับ เดี๋ยวผมส่งรูปให้คุณดู เขายังไม่ส่งฉบับตีพิมพ์มาให้”
เฉินชางเปิดรูปปกวารสาร สารบัญและรายละเอียดปลีกย่อยให้ดู ทันใดนั้นทุกคนก็ต้องตกตะลึง!
ถึงกับมองเฉินชางด้วยสายตาแปลกๆ
เฉินปิ่งเซิงหัวเราะออกมา “ให้ตายสิ นี่ผมมีวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับเลยเหรอเนี่ย เยี่ยมไปเลย! เสี่ยวเฉิน ตอนเที่ยงเราไปกินของอร่อยๆ กันเถอะ!”
เฉินปิ่งเซิงดีใจจริงๆ!
ความสำคัญของวารสารฉบับนี้ไม่ธรรมดาเลย
นี่คือวารสารการปลูกถ่ายตับ หากว่ากันตามปกติ นี่ทำให้เฉินปิ่งเซิงเลื่อนขั้นไปเป็นหมอระดับหัวหน้าแพทย์ได้อย่างราบรื่นเลยทีเดียว!
ในมณฑลตงหยางมีวิทยานิพนธ์ระดับนี้อยู่แค่ไม่กี่ฉบับ ซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับงานวิจัยของโรงพยาบาลมากเลยทีเดียว
จางโหย่วฝูและจางจื้อซินมีสีหน้าตะลึงพรึงเพริด อิจฉาและริษยา มองรูปภาพในมือถือด้วยอารมณ์ซับซ้อน เนิ่นนานผ่านไปก็ยังไม่ยอมละสายตา
จางโหย่วฝูอิจฉาเฉินปิ่งเซิงขึ้นมาบ้างแล้ว
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ทำให้ผู้เขียนมีหน้ามีตามากจริงๆ!
เมื่อได้เป็นหมอระดับหัวหน้าแพทย์ สิ่งที่ใช้เปรียบเทียบก็คือวิทยานิพนธ์และผลการศึกษางานต่างๆ จำพวกนี้ เมื่อก่อนตอนที่เฉียนเลี่ยงนำวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับไปแสดงในงานสัมมนาประจำปีก็ทำให้สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วเช่นกัน
จางโหย่วฝูมองไปที่รูปถ่ายใบตอบรับ ในใจเกิดความหม่นหมอง มีความรู้สึกที่เรียกว่าความอิจฉาและอัดอั้นตันใจเกิดขึ้น ส่วนจางจื้อซิน เมื่อเทียบกับจางโหย่วฝูที่เป็นหัวหน้าแผนกแล้วถือว่ายังมีน้อยกว่ามาก!
“เสี่ยวเฉิน…เอ่อ ปรึกษาอะไรหน่อยได้ไหมครับ ช่วยดูหน่อยว่าจะเพิ่มชื่อผมเป็นผู้เขียนอันดับสองในวิทยานิพนธ์ฉบับใหม่ของคุณได้หรือเปล่า! ที่คุณส่งไป BJS น่ะ ผมไม่อยากเป็นผู้เขียนอันดับหนึ่ง แค่ผู้เขียนอันดับสองก็พอ! คุณว่าได้ไหมครับ” จางจื้อซินกล่าวด้วยท่าทางประจบประแจง
เฉินปิ่งเซิงแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน “เหอะ แค่อ้อนก็คิดว่าจะได้เป็นผู้เขียนอันดับสองแล้วเหรอ ง่ายไปหรือเปล่า!”
จางจื้อซินหน้าแดง “ไปเลยๆๆ! คุณไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอก!”
ขณะนั้นเอง จางโหย่วฝูก็กล่าวด้วยสีหน้ากระตือรือร้นว่า “เสี่ยวเฉิน! แค่วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็พอเป็นคณะกรรมการแล้วละครับ! วิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์กับวารสารปลูกถ่ายตับฉบับนี้ทำให้คุณได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีประจำมณฑลตงหยางได้แล้ว สุดยอดไปเลย! เพิ่งจะอายุไม่เท่าไหร่ก็ได้ตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับแล้ว ส่วนผมสิ อายุก็ปาไปสี่สิบกว่าแล้ว…น่าอายจริงๆ …”
เฉินชางพูดอย่างไม่สบายใจนัก “เอ่อ ความจริง…ผมใช้เส้นน่ะครับ ศาสตราจารย์สวี่โม่ อาจารย์ของฉินเยว่รู้จักกับบรรณาธิการของวารสารการปลูกถ่ายตับ ดังนั้น…ถึงได้เผยแพร่เร็วขนาดนี้”
เมื่อจางโหย่วฝูได้ยินคำว่า ‘สวี่โม่’ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที “ศาสตราจารย์สวี่โม่…งั้นก็เข้าใจได้อยู่ แต่วารสารการปลูกถ่ายตับไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คุณคิดนะครับ ถึงจะมีคนคุ้นเคยอยู่ในนั้นก็แค่ทำให้คุณได้รับการตรวจสอบเร็วขึ้นเท่านั้น แต่มาตรฐานไม่ได้ลดลง กลับสูงขึ้นด้วยซ้ำ เพราะในกองบรรณาธิการของวารสารการปลูกถ่ายตับมีกฎลับๆ อยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือจะตรวจสอบวิทยานิพนธ์ที่ถูกเร่งเข้ามาอย่างเข้มงวดมากขึ้น ไม่งั้นจะไม่ให้ผ่าน!”
พูดจบจางโหย่วฝูก็มองเฉินชางอย่างปลงอนิจจัง!
“ตอนนี้ผมว่าวิทยานิพนธ์ที่คุณส่งไป BJS คงมีโอกาสผ่านถึงแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์…”
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน เรื่องนี้เขาไม่กล้ารับประกันจริงๆ ถึงอย่างไรวิทยานิพนธ์ฉบับนี้เขากับฉินเยว่ช่วยกันแค่สองคน ไม่ได้รับการแก้ไขจากสวี่โม่
สุดท้ายจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่รู้จริงๆ
บทที่ 390 ดันเจี้ยนส่วนตัวระดับสูง
เฉินชางเคาะประตูห้องทำงานแล้วเปิดเข้าไป พบว่าซย่าเกาเฟิงและเถามี่อยู่ข้างในทั้งคู่
เฉินชางพยักหน้าทักทาย จากนั้นจึงพูดว่า “หัวหน้าซย่า เรียกผมเหรอครับ”
ซย่าเกาเฟิงพยักหน้ายิ้มๆ “เสี่ยวเฉินนั่งก่อนสิ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณน่ะครับ ผมกับหัวหน้าเถาอยากฟังความเห็นคุณหน่อย”
แม้เฉินชางจะแปลกใจแต่ยังคงเดินไปนั่ง
ซย่าเกาเฟิงส่งเอกสารในมือให้เฉินชาง “เสี่ยวเฉิน ลองอ่านดูสิ”
เฉินชางใช้สองมือรับมาอ่าน เมื่ออ่านจบ ดวงตาพลันเบิกกว้าง
การแข่งขันทักษะการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหลอดเลือดหัวใจระดับประเทศ!
เฉินชางใจเต้นตึกตัก การแข่งขันนี้…ผมเข้าร่วมได้หรือเปล่า
การแข่งขันทักษะการผ่าตัดระดับประเทศจัดขึ้นทุกปีและมักจะมีหลายสาขาวิชา เพียงแต่เวลาจัดงานแตกต่างกันออกไป
เดือนพฤษภาคมของปีนี้ เหล่าเฉินเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลไปเข้าร่วมการแข่งขันทักษะการผ่าตัดด้านศัลยกรรมทั่วไป ได้รางวัลยอดเยี่ยมกลับมาด้วย
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าเหล่าเฉินมีทักษะด้านศัลยกรรมทั่วไปดีมากจริงๆ โดยเฉพาะการผ่าตัดเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หมอแผนกฉุกเฉินผ่าตัดโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินอาหารได้ดีจริงๆ
แต่ว่า…ปกติหมอที่เข้าร่วมการผ่าตัดเหล่านี้ล้วนเป็นหมอระดับแพทย์เจ้าของไข้ที่มีอายุงานสูง หมอหนุ่มอย่างเฉินชางจะเข้าร่วมได้ที่ไหนกัน ถึงกระนั้น…เฉินชางก็ยังได้ผ่าตัด!
เขาอยากร่วมแข่งขันบนเวทีเดียวกับหมอเก่งๆ เหล่านั้นจริงๆ อยากดูสักหน่อยว่าโลกภายนอกกว้างใหญ่เพียงใด
[ติ๊ง! กระตุ้นดันเจี้ยนส่วนตัว ‘การแข่งขันทักษะการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหลอดเลือดหัวใจระดับประเทศ’ ขณะดำเนินการอยู่ในดันเจี้ยนส่วนตัว ทุกครั้งที่ชนะการดวล จะได้รับไอเทมหรือทักษะ!]
สิ้นเสียงระบบ เฉินชางก็ยิ่งหายใจกระชั้นถี่
ดันเจี้ยนเช่นนี้หากไม่เข้าร่วม คงเป็นอภิมหาความเสียหายต่อตนเองแล้ว!
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็เงยหน้ามองคนทั้งสองแล้วรีบถามขึ้นว่า “เอ่อ…หัวหน้าซย่า หัวหน้าเถา…ผมไปได้ไหมครับ”
เถามี่ยิ้มเล็กน้อย “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ!”
เฉินชางชี้ไปที่เงื่อนไขการสมัคร “ในนี้เขียนว่าแต่ละโรงพยาบาลเสนอชื่อได้คนเดียว และต้องเป็นสมาชิกของสมาคมศัลยกรรมหัวใจด้วย สองเงื่อนไขนี้…ผมคงทำยาก”
มีเงื่อนไขว่าแต่ละโรงพยาบาลเสนอชื่อได้คนเดียว เฉินชางรู้ดีแก่ใจว่าในโรงพยาบาลมีหมออาวุโสที่มีประสบการณ์สูงอยู่มากมาย หมอรุ่นใหม่เก่งๆ ก็มีมาก ตัวเขาเอง…ไม่นับเป็นอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันทักษะผ่าตัดคงไม่ได้แข่งด้วยการผ่าตัดรายการเดียวแน่นอน นี่ทำให้เขาเสียเปรียบ จะอย่างไรในตอนนี้ทักษะการผ่าตัดด้านศัลยกรรมหัวใจที่เขามั่นใจยังมีจำกัด เรียกว่าเพิ่งเปิดประตูเข้าสู่การผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจเท่านั้น เส้นทางหลังจากนั้นยังอีกยาวไกล!
อีกอย่าง เขาก็ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมศัลยกรรมหัวใจด้วย
ซย่าเกาเฟิงพูดตามตรงว่า “เรื่องนี้คุยกันได้ ผมกับหัวหน้าเถาเป็นรองประธานสมาคมศัลยกรรมหลอดเลือดหัวใจของมณฑลตงหยาง ถ้าคุณจะเข้าสมาคมก็เป็นเรื่องง่ายครับ อีกอย่าง เรื่องโรงพยาบาลที่จะเสนอชื่อ ถ้าโรงพยาบาลอันดับสองไม่เสนอชื่อคุณ โรงพยาบาลตงต้าของพวกเราจะเสนอชื่อคุณเอง ยังไงซะคุณก็ถือเป็นหมอของทั้งสองโรงพยาบาล”
เถามี่ได้ยินคำพูดของซย่าเกาเฟิงก็หน้าดำคร่ำเครียดไปโดยพลัน “โรงพยาบาลอันดับสองของพวกเราต้องเสนอชื่อเฉินชางแน่นอน คุณอย่าคิดแย่งคนเชียว คราวนี้เสี่ยวเฉินจะเข้าแข่งขันในนามตัวแทนโรงพยาบาลอันดับสองของพวกเรา”
เถามี่ลุกขึ้น เดินมาข้างๆ เฉินชาง “เสี่ยวเฉิน! คราวนี้คุณต้องไปเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะตัวแทนของโรงพยาบาลอันดับสองนะครับ แม้ว่า…การแข่งขันนี้จะไม่ใช่การแข่งขันใหญ่โตอะไร คนให้ความสนใจก็น้อย แต่สำหรับวงการของพวกเราถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง มณฑลตงหยางของพวกเราได้ลำดับรั้งท้ายมาหลายปีแล้ว ปีนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้!”
เฉินชางมองทั้งสอง “ครับ! ผมจะไปแข่ง! แต่ว่า…ผมว่าระดับทักษะและฝีมือของผมตอนนี้ยังไม่พอ”
เถามี่และซย่าเกาเฟิงมองเฉินชางพลางยิ้มบางๆ “คุณดูวันที่ก่อนสิครับ งานนี้จะจัดช่วงปลายปี พวกเราแค่บอกคุณไว้ก่อน ต่อจากนี้ก็ฝึกคุณให้หนักหน่อย”
“คุณกลับไปแล้วก็เตรียมใบสมัครเข้าสมาคมไว้ด้วยนะครับ พวกเราจะดูให้คุณเอง”
……
……
เมื่อพูดคุยหารือกับทั้งสองเรียบร้อยแล้วเฉินชางก็ออกมาจากห้อง อันที่จริงเขาค่อนข้างเฝ้ารอเลยละ!
ภารกิจดันเจี้ยนส่วนตัวขนาดใหญ่เช่นนี้ยากจะมีสักครั้ง
เดิมทีเฉินชางไม่มั่นใจนัก เพราะอย่างไรการผ่าตัดเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจก็มีมากมายหลายประเภท เขา…ไม่มั่นใจเลย แต่เมื่อได้คุยกับซย่าเกาเฟิงและเถามี่ เฉินชางจึงเข้าใจว่าขอบเขตการผ่าตัดในการแข่งขันคราวนี้ไม่กว้างเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงใหญ่
เฉินชางตัดสินใจแล้วว่าช่วงนี้เขาจะศึกษาการผ่าตัดด้านนี้ให้ดี
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็เตรียมกลับโรงพยาบาลตัวเอง ทันใดนั้นก็พบว่ามีเบอร์แปลกโทรเข้ามา
เขาลังเลครู่หนึ่งแล้วค่อยรับสาย
ผู้ที่ทำอาชีพประเภทเดียวกับหมอมักมีเบอร์แปลกโทรเข้ามาบ่อยๆ ถึงอย่างไรหมอก็บันทึกเบอร์โทรของผู้ป่วยทุกคนเอาไว้ในมือถือไม่ได้แน่นอน ดังนั้นหมอหลายคนจึงมีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นโทรศัพท์ส่วนตัว อีกเครื่องหนึ่งเป็นโทรศัพท์สำหรับงาน
ยิ่งไปกว่านั้น หมอส่วนใหญ่ชอบใช้มือถือขาวดำเครื่องเล็กๆ เป็นโทรศัพท์มือถือสำหรับงาน เป็นมือถือจำพวกโทรเข้าโทรออกและส่งข้อความได้อย่างเดียว แบบที่คนเฒ่าคนแก่ชอบใช้กัน เพราะมันทนมาก
“สวัสดีครับ ใช่คุณเฉิน เฉินชางหรือเปล่าครับ” เป็นเสียงของชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปี เสียงทุ้มทว่าชัดเจน ฟังแล้วคงเป็นคนแข็งแรง นี่คือสิ่งที่เฉินชางคิดอย่างหมอคนหนึ่ง
เฉินชางส่งเสียงตอบรับ “ครับ สวัสดีครับ ผมเฉินชาง”
หวังจื้อรีบพูดขึ้นว่า “คุณเฉิน สวัสดีครับ ผมหวังจื้อ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เขตไห่อันของคุณเจิ้งนะครับ ผู้จัดการเจิ้งให้ผมตรวจสอบข้อมูลกับคุณ จะได้รีบทำเรื่องโอนบ้านให้เสร็จน่ะครับ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นจึงค่อยคิดขึ้นมาได้ ครั้งที่แล้วเขาโทรหาเจิ้งกั๋วถานเพราะต้องการห้องชุดห้องนั้น สัปดาห์นี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะเกินไป ทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“อ้อ! สวัสดีครับผู้จัดการหวัง”
หวังจื้อยิ้ม “คุณเฉิน รบกวนคุณเช็คเวลาหน่อยนะครับ ถ้าสะดวกเมื่อไหร่ก็มาที่ฝ่ายขายของพวกเราได้เลย จะได้ทำเรื่องซื้อขายห้องชุดตามขั้นตอนน่ะครับ…”
เฉินชางตรวจดูเวลา หากไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ เช่นนั้นไม่ไปเลยดีกว่า
“เดี๋ยวผมไปตอนนี้เลย คุณรอสักครู่นะครับ” เฉินชางบอกทันที
หวังจื้อพยักหน้า “ครับ ไม่รีบครับ คุณมาถึงแล้วก็โทรหาผมนะครับ”
เฉินชางมีสีหน้ายินดี เมื่อคิดว่าอีกไม่นานจะมีบ้านแล้วก็รู้สึกเปรมปรีดิ์ไปทั้งหัวใจ
ตอนนี้ฉินเยว่ยังไม่รู้ เฉินชางคิดจะทำให้เธอเซอร์ไพรส์ไปเลย
ส่วนเรื่องเงิน…ตอนนี้เฉินชางมีเงินอยู่ประมาณสามล้าน แต่…อีกไม่นานก็สุดสัปดาห์แล้ว จะมีผ่าตัดเสริมหน้าอกที่จองไว้ล่วงหน้าอีกหลายเคส คงได้เงินพอใช้
เขารีบเดินทางไปที่เขตไห่อันใหม่ หวังจื้อส่งคนมารออยู่ตรงประตูแล้ว พนักงานพาเฉินชางเข้าไปในออฟฟิศของหวังจื้อทันที
เดิมทีเฉินชางคิดว่าคงต้องทำเรื่องอะไรยุ่งยากมากมาย ไม่นึกเลยว่าจะง่ายขนาดนี้ มีผู้เชี่ยวชาญคอยอธิบายหัวข้อที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่ข้างๆ ส่วนเฉินชางก็แค่เซ็นชื่อ ใช้เวลาไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ทำทุกอย่างเรียบร้อย
แต่…เขาพบว่ายังไม่ได้จ่ายเงิน
ทำไมไม่มีรายละเอียดเรื่องการจ่ายเงินล่ะ