เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 434 วงจรความรักและความรับผิดชอบ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 434 วงจรความรักและความรับผิดชอบ

เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ผลตรวจแลปทั้งหมดของผู้ป่วยก็ออกมาแล้ว!

ระดับคีโตนในเลือดสูง!

เมื่อนำมารวมกับอาการของผู้ป่วย ตอนนี้จึงวินิจฉัยได้ว่า

ข้อวินิจฉัยหลัก: ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง

ข้อวินิจฉัยรอง: ภาวะคีโตอะซิโซิสเป็นกรด

เฉินชางรีบติดต่อกับแผนกต่อมไร้ท่อ ภาวะโพแทสเซียมสูงของผู้ป่วยเกิดจากภาวะคีโตอะซิโดซีสเป็นกรด

เขาหันไปมองสวีตงตงที่กำลังถือสมุดจดอะไรบางอย่างอยู่ บอกว่า “ตงตง ให้ญาติผู้ป่วยเข้ามาได้เลยครับ”

สวีตงตงได้ยินเฉินชางเรียกตนก็รีบเก็บสมุดทันที จากนั้นจึงพยักหน้า “ได้เลยครับ!”

ตอนนี้ลูกสาวผู้ป่วยยืนอธิษฐานอยู่ตรงประตูอยู่นานแล้ว!

ความหวังแปรเปลี่ยนไปตามเวลาที่ไหลผ่าน ถึงเธอจะไม่เข้าใจเรื่องการแพทย์ แต่เธอรู้ว่ายิ่งใช้เวลานาน ปัญหาก็ยิ่งร้ายแรง! และยิ่งเป็นเช่นนี้เธอก็ยิ่งกังวล!

สวีตงตงผลักประตูออกมาเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเคร่งเครียด ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวังและการเฝ้ารอ ดวงตาเอาแต่จับจ้องไปที่ประตู

เมื่อเห็นสวีตงตงเดินออกมา เธอก็รีบเดินเข้ามาหาทันที!

“หมอคะ! หมอ! แม่ฉันเป็นไงบ้างคะ”

สวีตงตงยิ้ม “ไม่ต้องเครียดนะครับ หมอเฉินบอกให้คุณเข้าไปได้แล้วครับ”

สวีตงตงไม่ได้พูดว่าผู้ป่วยเป็นอย่างไรกันแน่ บอกเพียงว่าหมอเฉินให้เข้าไปได้แล้ว

ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบเดินเข้าไปทันที

“หมอเฉิน แม่ฉัน…เป็นยังไงบ้างคะ”

เฉินชางกล่าวว่า “ตอนนี้อาการโดยรวมของคุณยายทรงตัวแล้วครับ แต่ผมแนะนำให้ไปแอดมิทที่แผนกอายุกรรมต่อมไร้ท่อครับ คุณยายมีภาวะคีโตอะซิโดซีสเป็นกรด ซึ่งกรดนี้ทำให้โพแทสเซียมในร่างกายสูงขึ้น ดูจากอาการแล้วคงต้องรักษานาน! ดังนั้นผมแนะนำให้พวกคุณไปที่แผนกต่อมไร้ท่อนะครับ รักษาโรคเบาหวานของผู้ป่วยให้เป็นปกติก่อน จากนั้นก็รักษาภาวะโพแทสเซียมสูง เท่านี้ก็พอแล้วครับ คุณไม่ต้องกังวลเกินไป”

ได้ยินดังนั้นเธอก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด

เฉินชางหันไปพูดกับคุณยายต่อ “คุณยายครับ ต่อไปคุณต้องใส่ใจระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองให้มากหน่อยนะครับ! อย่ากินอาหารตามใจ คุณรู้หรือเปล่าครับว่าเมื่อครู่อันตรายแค่ไหน! ต่อไปต้องฟังลูกสาวคุณด้วยนะครับ เธอเป็นห่วงคุณมาก!”

ตอนนี้อาการของหญิงชราเริ่มทรงตัวแล้ว เธอถอนหายใจยาวๆ “เฮ้อ…หมอคะ ขอบคุณมากค่ะ!”

คุณยายพูดกับเขาอย่างสุภาพเช่นนี้ เฉินชางไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก

ลูกสาวเห็นผู้เป็นมารดาอ่อนลงมากแล้วก็รีบเดินเข้ามา ย่อตัวลงข้างเตียง ใช้สองมือกุมมือมารดาที่ซูบผอมจนแทบเห็นกระดูกและค่อนข้างเย็น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมานานจะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตไม่ค่อยดีนัก แม้กระนั้นลูกสาวก็ไม่รังเกียจแม้แต่น้อย เธอนั่งลง กุมมือผู้เป็นมารดามาแนบบนใบหน้า น้ำตาไหลออกมา

“แม่คะ แม่ทำให้หนูตกใจแทบตาย!”

หญิงชราหน้าแดง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทำได้เพียงใช้มือลูบหน้าลูกสาว ตอนเด็กเธอก็เคยลูบหน้าลูกสาวเช่นนี้ แต่ตอนนี้…ลูกสาวโตขนาดนี้แล้ว

เป็นตัวเองที่แก่ลง!

ลูกสาวตกใจแทบตายแล้วจริงๆ “แม่คะ ปกติหนูบ่นแม่มากไปใช่ไหมคะ เลยทำให้แม่ไม่สบายใจ ต่อไปหนูไม่บ่นแล้วดีไหมคะ แต่ว่า…แม่ต้องกินยาให้ตรงเวลา ไม่ต้องช่วยหนูประหยัดหรอก จะประหยัดไปทำไม ขอแค่แม่สบายดีก็พอ ส่วนหนูจะเป็นยังไงก็ได้ทั้งนั้น…”

หญิงชราซาบซึ้งใจจนดวงตาทั้งสองพร่าเลือน

ขณะเดียวกัน เฉินชางก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อไปยังแผนกต่อมไร้ท่อ

ไม่นานเหยียนตงเสวี่ย หมอแผนกอายุรกรรมต่อมไร้ท่อที่เป็นเวรอยู่ก็รีบมา เมื่อพบเฉินชางก็ยิ้มทักทาย “เสี่ยวเฉิน!”

เฉินชางยิ้มตอบ เหยียนตงเสวี่ยเป็นเขยของแผนกฉุกเฉินเช่นเดียวกัน เขาเป็นสามีของจางซู ทุกวันนี้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกอายุรกรรมต่อมไร้ท่อ อายุสี่สิบปีแล้ว อยู่ในวัยยอดเยี่ยมของผู้ชาย!

“อาจารย์เหยียน ผู้ป่วยอยู่ด้านในครับ” เฉินชางพาเหยียนตงเสวี่ยเดินเข้าไป

เหยียนตงเสวี่ยเห็นผลตรวจแลปและกราฟหัวใจก็ตกใจไปทันที “นี่…อันตรายถึงชีวิตเลยนะครับ!”

เฉินชางพยักหน้า “ครับ”

เหยียนตงเสวี่ยมองลูกสาวผู้ป่วย “เราต้องใช้เวลาในการควบคุมโรคเบาหวานของคนไข้หน่อยนะครับ นอกจากนั้นเรื่องการฉีดอินซูลินก็…”

เธอให้ความร่วมมือมาก “ได้ค่ะ! ฉันจะฟังหมอทุกอย่าง”

เหยียนตงเสวี่ยตรวจดูผู้ป่วยครู่หนึ่งแล้วจากไป

ตอนนี้หญิงชราลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ลูกสาวประคองเธอเตรียมไปที่แผนกอายุรกรรมต่อมไร้ท่อเพื่อดำเนินเรื่องแอดมิทต่อไป

เฉินชางเห็นเธอมีสภาพเหนื่อยล้าขนาดนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ใช้รถเข็นดีไหมครับ”

เธอยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินแล้ว”

พูดจบทั้งสองก็ประคองกันเดินไป

เขาได้ยินเสียงบ่นของลูกสาว ‘ปากจัด’ ดังแว่วมาเป็นระยะ ส่วนหญิงชราก็มีสภาพคล้าย ‘เหยื่อจำยอม’

เสียงเริ่มไกลออกไป เฉินชางส่ายหน้า บางทีนี่คงเป็นความรักอย่างหนึ่งสินะ!

คล้ายทั้งคู่จะทะเลาะกันมาตลอดชีวิตแล้ว ตอนเด็กมารดาบ่นลูกสาว พอแก่ตัวไปลูกสาวบ่นมารดา เป็นเช่นนี้ไปไม่จบไม่สิ้น พูดกันไม่จบไม่สิ้น…

นี่คงเป็นวงจรชีวิตของมนุษย์เรา

เป็นวงจรของความรักและหน้าที่ซึ่งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป

เพียงแต่…ภาพที่ดูธรรมดาเช่นนี้ ไม่ทราบว่าทำไมสะเทือนใจคนนัก ทำให้ดวงตาร้อนผะผ่าว

เสี่ยวหลินยังคงเป็นเช่นเดิม มักขี้แยชอบร้องไห้ เธอรู้สึกแสบไปถึงจมูก น้ำตาก็ไหลออกมา

กระทั่งฉางลี่น่าที่ปกติรู้จักพูดจาก็ยังต้องสูดหายใจลึกๆ พึมพำกับตัวเองว่า “เหมือนแม่ฉันเลย ตอนเด็กแม่ฉันก็ชอบบ่น ฉันรำคาญจนทนไม่ไหว ตอนนี้แม่แก่แล้วฉันก็บ่นเธอแทน เธอคงรำคาญจนทนไม่ไหวเหมือนกัน…”

ใช่แล้ว คงมีเพียงลูกสาวแท้ๆ เท่านั้นถึงจะเป็นเช่นนี้สินะ ถึงเฉินชางไม่เข้าใจหัวใจของลูกสาว แต่…ความรู้สึกเช่นนี้ไม่แบ่งเพศ ทุกคนเข้าใจกันได้

……

……

แพทย์ฝึกงานทุกคนได้เป็นประจักษ์พยานอีกครั้ง ได้เห็นการกู้ชีพที่เริ่มจากอาการป่วยธรรมดาแต่ซ่อนแฝงไปด้วยความอันตรายอีกครั้ง!

หากเกิดอาการท้องเสียธรรมดาจริงๆ และรักษาตามสภาพอาการนี้ หญิงชราคงตายไปแล้ว แต่เฉินชางถึงกับพบอาการที่แท้จริงจากปัจจัยอาการแทรกซ้อนต่างๆ มากมายเหล่านี้ได้ ทั้งยังรักษาได้ทันท่วงที นี่ทำให้หมอฝึกงานทั้งหลายคล้ายมีคลื่นซัดสาดอยู่ในใจ รู้สึกนับถือขึ้นมาบ้างแล้ว!

คนที่มีความกล้าหน่อยถามขึ้นว่า “อาจารย์เฉิน! คุณรู้ได้ยังไงครับว่าผู้ป่วยมีอาการโพแทสเซียมในเลือดสูง ตอนแรกผมคิดว่าอาการท้องเสียจะทำให้โพแทสเซียมในเลือดต่ำซะอีก ถ้าให้น้ำเกลือจริง…ผู้ป่วยคงตายไปแล้ว!”

เฉินชางมองหมอฝึกงานกลุ่มนี้ ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้ จึงอดพูดไม่ได้ว่า “หลักการของแผนกฉุกเฉินก็คือ ช่วยชีวิตก่อนรักษาที่หลัง ถ้าคุณยายมีอาการท้องเสียธรรมดาอาจทำให้เกิดภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ แบบนั้นพวกคุณก็วินิจฉัยได้ถูกต้องแล้ว ในกรณีนี้ควรพิจารณาภาวะโพแทสเซียมต่ำไว้ก่อน”

“แต่ว่าตอนที่พวกเราวินิจฉัยอาการ ห้ามวินิจฉัยไปตามอาการที่ผู้ป่วยแสดงให้เห็นในปัจจุบันเท่านั้น จะต้องนำไปวิเคราะห์ร่วมกับประวัติอาการป่วยในอดีตด้วย จากนั้นก็นำมาพิจารณาร่วมกัน!”

“อาการของผู้ป่วยเกิดจากกินก๋วยเตี๋ยวเหลียงเฝิ่นจนท้องเสีย แต่ผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคเบาหวานมาหลายปี ตอนนี้พวกคุณจะต้องพิจารณาด้วยว่าโรคเบาหวานทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือไม่ จากนั้นก็นำไปพิจารณาร่วมกับสัญญาณชีพ อาการที่แสดงออก และอาการป่วย แล้วจึงวินิจฉัยออกมา!”

“ผู้ป่วยมีอาการระบบย่อยอาหารผิดปกติ เมื่อครู่ทุกคนคงเห็นแล้วว่ามีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติตามมาด้วย จากนั้นไม่นานก็มีอาการระบบหายใจผิดปกติ ตามมาด้วยอ่อนล้าหมดแรง! อัตราการเต้นของหัวใจลดลง ตอนนี้พวกคุณจะต้องคิดถึงอาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้แล้ว ซึ่งก็คือโพแทสเซียมในเลือดสูง!”

ทันใดนั้น สวีตงตงก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “งั้น…อาจารย์เฉิน คุณรู้ได้ยังไงครับว่าโพแทสเซียมในเลือดอยู่ที่ประมาณแปดกว่าๆ”

บทที่ 427 ประวัติผู้ป่วยของผมมันหิวกระหาย!

การสอบทุกอย่างในทั่วทั้งมณฑลตงหยางสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม เนื่องจากโรงพยาบาลอันดับสองเป็นหน่วยงานที่มีคุณสมบัติเพียงพอซึ่งได้รับเลือกให้เป็นฐานการฝึกอบรมงาน ทำให้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาลงทะเบียน

นี่เป็นเรื่องดีสำหรับหมอของโรงพยาบาลอันดับสองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนักศึกษาจะช่วยลดทอนงานและความกดดันให้หมอไปได้ในพริบตา

นักศึกษา หรือแพทย์อินเทิร์นเหล่านี้มาช้ากว่านักศึกษาในระดับปริญญาโทเล็กน้อย เนื่องจากนักศึกษาในระดับปริญญาโทมีจำนวนน้อย และ…ที่สำคัญก็คือ คนพวกนี้แต่ละคนต่างก็มีคนให้พึ่งพาอาศัย ตอนมาราวด์[1]ยังไม่ทันได้ราวด์ดีๆ ก็ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเรียกตัวกลับไปแล้ว

อาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละคนล้วนเป็นแพทย์ระดับหัวหน้าแพทย์กันทั้งนั้น หากหมอปฏิเสธอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาทั้งที่ยังต้องอยู่โรงพยาบาลเดียวกันคงไม่ค่อยดี ซึ่งหากเทียบกันแล้วแพทย์อินเทิร์น พวกนี้จะมั่นคงกว่ามาก

หลี่เป่าซานบอกเรื่องนี้กับทุกคนในช่วงแลกเปลี่ยนเวรตอนเช้า บรรยากาศภายในห้องหมอพลันครึกครื้น

จางซูเป็นคนแรกที่พูดยิ้มๆ ว่า “จะมีอินเทิร์นมาเหรอ รีบเลย! หัวหน้า คุณก็รับมาเยอะๆ หน่อยล่ะ!”

“ใช่แล้ว! ประวัติผู้ป่วยของผมกำลังหิวกระหาย!” หมอหู หมอแผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมหัวเราะก่อนจะเอ่ยติดตลก

“ในที่สุดตอนไปราวด์วอร์ดก็ไม่ต้องแบกประวัติผู้ป่วยเองแล้ว รู้สึกเหมือนมีลูกสมุนเลยแฮะ…” หวังเชียนกล่าวอย่างทอดถอนใจ

ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลี่เป่าซานก็อดพูดไม่ได้ว่า “คนเขามาเรียน ไม่ได้มารับจ้างทำงานให้พวกคุณสักหน่อย เก็บท่าเก็บทางกันด้วย! แต่…มาเป็นแพทย์อินเทิร์นก็คือมาเรียนรู้ทักษะ การเรียนรู้ก็คือเป้าหมาย การทำงานคือวิธีการ ตอนแยกแผนกในอีกสองเดือนต่อจากนี้ ผมจะทำการประเมินแบบกลุ่ม ถ้าพวกอินเทิร์นไม่ผ่าน ก็เป็นความรับผิดชอบของอาจารย์”

ประโยคนี้ของหลี่เป่าซานทำให้ทุกคนชะงักไปทันที

ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเสียมิได้

หลี่เป่าซานกำลังจะเดินออกไป จู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงย้อนกลับมาพูดต่อไปว่า “เอ่อ…แพทย์อินเทิร์นจะมาร่วมงานด้วยแล้ว ช่วงเวลาฝึกงานก็คือหนึ่งเดือน แต่เงินช่วยเหลือมีไม่ถึงสองพัน คนที่มีตำแหน่งยังดี ยังมีเงินเดือนพื้นฐานเดือนละสามสี่พัน ส่วนคนไม่มีตำแหน่งก็ได้ประมาณสองพัน เป็นคนหนุ่มสาวทั้งนั้น อยู่ในวัยกำลังใช้เงิน ดังนั้นถ้าทุกคนช่วยเหลือเรื่องค่าข้าวได้ก็ช่วยหน่อยนะครับ พยายามอย่าใช้งานคนอื่นฟรีๆ ล่ะ”

กินข้าวในเมืองอันหยางมื้อหนึ่ง แม้จะเป็นร้านที่ไม่แพงก็ยังต้องใช้เงินมื้อละสิบกว่าหยวน แม้ดูไม่มากแต่ก็เป็นการแสดงน้ำใจ

กล่าวได้ว่าหลี่เป่าซานเป็นคนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนคนหนึ่ง ในตอนที่เฉินชางยังเป็นแพทย์ชั่วคราว หากมีงานอะไรทำเงินได้ หลี่เป่าซานก็จะให้พวกเขาไปทำ พยายามหาเงินให้มากสักหน่อย

“จริงสิ เลขาฯ ฝ่ายอินเทิร์นของแผนกเราก็ให้ปิ่งเซิงทำไปแล้วกัน ปิ่งเซิง เดี๋ยวพอแพทย์อินเทิร์นมาแล้วคุณก็แบ่งกลุ่มให้ดีนะครับ พยายามทำให้แน่ใจว่าหมอทุกคนจะมีแพทย์อินเทิร์นอยู่ใต้การดูแลอย่างน้อยหนึ่งคน ใครที่ยุ่งหน่อยก็มีสองคน”

เฉินปิ่งเซิงพยักหน้า “ได้ครับ”

หลี่เป่าซานค่อนข้างวางใจเฉินปิ่งเซิง พูดจบก็เดินออกไป

หวังเชียนทอดถอนใจ “เฮ้อ รีบมาเถอะ ผมก็อยากมีอินเทิร์นเป็นของตัวเองเหมือนกัน!”

อันเยี่ยนจวินหรี่ตามองหวังเชียน กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “คุณก็มีพวกหมอเดนท์คอยติดตามอยู่ไม่ใช่หรือ ไปไหนซะแล้วล่ะ”

หวังเชียนทอดถอนใจ “อาจารย์อัน คุณไม่รู้สินะครับ หมอเดนท์คนนั้นเป็นนักเรียนของหัวหน้าหยางแผนกศัลยกรรมโรคปอด ถูกเรียกกลับไปทำงานที่แผนกแล้ว ส่วนผม…ก็ไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูด ยังไงเขาก็เป็นนักเรียนของหัวหน้าหยาง เฮ้อ…วุ่นวาย!”

อันเยี่ยนจวินพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ เรียกว่าสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินคนระดับหัวหน้าแผนกเพียงเพราะนักเรียนแค่คนเดียว

หวังเชียนมองไปยังอันเยี่ยนจวินยิ้มๆ “ผมยังดี เด็กนั่นก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน เลยมาช่วยดูเรื่องประวัติผู้ป่วยให้ผมเป็นบางครั้ง แต่เฉินชางสิ เขาก็มีนักเรียนอยู่คนหนึ่ง แต่…ดูเหมือนลงทะเบียนแล้วจะไม่เคยมาเลย!”

เฉินชางชะงักไปทันที “ผมมีนักเรียนกับเขาด้วยเหรอ ทำไมไม่รู้เลยล่ะครับ!”

หวังเชียนกล่าวอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ ดูสิ นักเรียนตัวเองยังไม่รู้อีก!”

เป็นเช่นนั้นจริงๆ เฉินปิ่งเซิงจัดแจงหมอเดนท์ให้เฉินชางไปคนหนึ่งแล้ว แต่…เฉินชางไม่รู้ตัว!

คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รู้สึกระทมทุกข์ “ทำไมผมไม่รู้ล่ะ”

หวังเชียนกล่าวไปตามตรง “ก็เป็นนักเรียนของผู้อำนวยการหลี่ คุณรู้แล้วจะทำอะไรได้ล่ะครับ”

เฉินชางทอดถอนใจ…ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรไม่มีผู้ช่วยก็ทำงานได้

……

……

แพทย์อินเทิร์นมาถึงกันประมาณสิบโมงกว่า กรูกันเข้ามาทีเดียวยี่สิบกว่าคน ทำเอาห้องหมอของแผนกฉุกเฉินแออัดไปในพริบตา

เฉินปิ่งเซิงจัดเรียงคนตามข้อมูลลงทะเบียนโดยเลือกจัดแจงให้หมอที่มีอายุงานสูงก่อน จากนั้นถึงจะเป็นคิวพวกหมอน้อยอย่างเฉินชาง

ไม่กล่าวไม่ได้ว่ามีผู้หญิงเรียนแพทย์มากกว่า ที่เป็นผู้ชายก็พอมี แต่เมื่อเทียบกันแล้วอยู่ในอัตราหนึ่งต่อสองเท่านั้น

เฉินปิ่งเซิงมองเฉินชางอย่างพิจารณา กำลังคิดจะเข้าไปพูดคุยกับหมอหญิงคนหนึ่งเพื่อจัดแจงให้เขา แต่จู่ๆ ก็เห็นฉินเยว่จ้องเขม็งมาที่ตน

เฉินปิ่งเซิงทำได้เพียงกระแอม รีบหันไปพูดกับหวังเชียนที่เพิ่งจัดแจงหมอหนุ่มไปให้ “เอ่อ หวังเชียน หมอหญิงคนนี้ให้คุณดูแลแล้วกัน ส่วนเสี่ยวสวีก็ให้ติดตามเฉินชางแทน!”

ฉินเยว่ยิ้มจนตาหยี มองเฉินปิ่งเซิงด้วยรอยยิ้มหวาน

เฉินชางกับหวังเชียนสบตากัน

หวังเชียนเห็นสาวน้อยหน้าตาสวยงามคนนี้ก็ดวงตาเป็นประกาย ถึงกับยิ้มออกมา!

เฉินชางมีสีหน้าจนใจ ทันใดนั้นฉินเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดเสียงแข็งว่า “ทำไมคะ ผิดหวังเหรอ”

เฉินชางนั้นรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่แน่นอน ผมโล่งอกต่างหาก!”

ฉินเยว่จึงค่อยพึงพอใจ…

เฉินชางมองชายร่างอ้วนที่หนักเกือบเก้าสิบกิโลกรัมคนนั้นเดินมาหาตนเอง อดทอดถอนใจไม่ได้ แอบบ่นในใจว่า ‘ถึงจะไม่เจริญหูเจริญตา แต่…เป็นมงคลกับชีวิต ดีแล้ว’

ชายคนนั้นพูดยิ้มๆ ว่า “สวัสดีครับอาจารย์เฉิน ผมสวีตงตง”

เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ “ครับ คุณ…ทำงานแล้วใช่ไหมครับ”

สวีตงตงพยักหน้า “ผมทำงานอยู่ที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลัน เพิ่งไปทำช่วงเดือนกันยายนของปีนี้เองครับ”

เฉินชางได้ยินว่าโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลันก็ชะงักไปเล็กน้อย สวีตงตงดูคล้ายกับเฉียนหลิน แต่ฝ่ายหลังดำกว่าเล็กน้อย ไม่ได้ดูหน้าตาอวบอิ่มเป็นมงคลเหมือนเจ้าหนุ่มนี่

“อายุเท่าไหร่แล้วครับ”

“ยี่สิบเจ็ด! ผมเรียนจบจากวิทยาลัยแพทย์ฉงชิ่ง ส่วนปริญญาโทเลือกเรียนศัลยกรรมทั่วไปครับ” สวีตงตงเห็นเฉินชางอายุไม่มากก็ยิ้มออกมา “อาจารย์เฉินอายุประมาณสามสิบหรือเปล่าครับ”

เฉินชางยิ้ม “พวกเราอายุเท่ากันครับ แต่…ทำไมคุณไม่มาเรียนปริญญาโทที่มณฑลล่ะครับ”

สวีตงตงดูเป็นคนอารมณ์ดีมาก “ผมเรียนปริญญาโทโดยไม่มีใบรับรองการฝึกอบรมน่ะครับ โรงพยาบาลระดับมณฑลเลยไม่รับพวกเรา พอดีว่าโรงพยาบาลอำเภอหลันซึ่งเป็นบ้านเก่าของผมมีนโยบายดึงดูดบุคลากรผู้มีความสามารถ ถ้าไปทำงานที่นั่นจะได้เงินค่าตั้งถิ่นฐานสองแสน อีกอย่างตอนนี้อำเภอหลันก็เจริญแล้วนะครับ หมอต้วนดีกับผมมาก พอผมไปทำงานที่นั่นเขาก็ให้ผมออกมาฝึกงานเลย”

“นอกจากนี้ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนก็เป็นหมอตรวจโรคเหมือนกัน อยู่ที่อำเภอก็ไม่เลว โอกาสมากความกดดันน้อย ห่างจากเมืองอันหยางไม่ไกล ผมพอใจมากแล้วครับ”

เฉินชางพยักหน้า เจ้านี่ไม่เลวเลย อย่างน้อยก็เป็นพวกมองโลกในแง่ดี

[1] ราวด์ (Round) การสับเปลี่ยนไปเรียนรู้ในแผนกต่างๆ ของโรงพยาบาลเพื่อศึกษาเบื้องต้น

บทที่ 419 เด็กดี!

เฉินชางเจอปัญหาแล้วหรือ

หากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ จนถึงเมื่อครู่นี้ เฉินชางยังไม่เจอปัญหาเลย! มิฉะนั้นคงไม่จงใจพูดคลุมเครือว่าทำพลาดอะไรไปหรือเปล่าหรอก!

กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าพลาดตรงไหน เพียงอยากตรวจสอบดูสักหน่อยว่าจะเจอเบาะแสอะไรหรือเปล่า แต่ตอนนี้รู้แล้ว ทันทีที่เฉินชางเห็นเลือดไหลออกมาตามสายระบาย เขาก็พลันคิดไปถึงผู้ป่วยพิเศษคนหนึ่งที่พบตอนอยู่ในมิติฝึกฝน

คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รีบมองไปที่ทุกคน!

พูดด้วยเสียงดังว่า “อย่าเพิ่งหยุดเลือดครับ!”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง! ถึงกับชะงักไปทันที!

ไม่ต้องหยุดเลือด

แม้เลือดไหลไม่เร็วเท่าไหร่นัก แต่…ไม่ต้องหยุดเลือดนี่หมายความว่าอย่างไร

เฉินชางพูดกับพยาบาลว่า “ส่งคีมจับเนื้อเยื่อให้ผม!”

“มีดผ่าตัด!”

เฉินชางไม่สนใจอธิบายอะไรให้มากความ พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ลงมือทำให้เห็นจริงเสียยังจะดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือการหยุดเลือดโดยไม่เห็นสภาพจริงๆ

เดิมทีผู้ป่วยมีภาวะเส้นเลือดโป่งพองเนื่องจากโรคที่เป็นอยู่ ซึ่งเมื่อมีภาวะเส้นเลือดโป่งพองจะทำให้มีเส้นเลือดขอดบริเวณตับและเลือดไหลออกมากขณะผ่าตัด ดังนั้นหากบุ่มบ่ามหยุดเลือดไป ตอนนี้จะทำให้เส้นเลือดแดงและหลอดเลือดดำบริเวณตับรวมไปถึงถุงน้ำดีบาดเจ็บได้ง่าย และอาจทำให้ผ่าตัดลำบาก หรืออาจตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้ ดังนั้นตอนนี้เฉินชางจึงต้องควบคุมสถานการณ์!

เฉินชางค่อยๆ ดูไปจนถึงส่วนสามเหลี่ยมถุงน้ำดีอย่างระมัดระวัง สิ่งที่เขาจะทำไม่ใช่การจับแยกถุงน้ำดีออกมา แต่จะหาท่อน้ำดีบริเวณนั้นต่างหาก

เขาจะตรวจไปตามสัญชาตญาณของตน!

เลือดออกเล็กน้อยไม่น่ากลัวเพราะมีสายระบายอยู่ ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ที่สำคัญก็คือต้องหาจุดที่มีปัญหาให้พบ

ไม่นานหลังจากเฉินชางขยับอวัยวะแยกออกจากกันแล้ว ก็เห็นตัวอักษรสีแดงกลุ่มหนึ่งปรากฏบนหน้าจอเสมือนของตน!

[ท่อน้ำดีผิดปกติ]

ไม่ใช่แค่เฉินชางเท่านั้น ในตอนที่ทุกคนเห็นภาพนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที!

โจวหงกวงถึงกับหน้าซีด!

ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!

เมื่อเขาเห็นจุดตัดของท่อตับและท่อน้ำดีก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที

ถุงน้ำดีอักเสบที่มีภาวะท่อน้ำดีผิดปกติร่วมด้วย!

ไม่แปลกใจเลยที่เลือดออก…

ตอนนี้เฉียนเลี่ยง จางโหย่วฝูและหลี่เป่าซานก็พบปัญหาแล้ว

ภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันร่วมกับภาวะท่อน้ำดีผิดปกติ!

เนื่องจากอาการถุงน้ำดีอักเสบกำเริบมาสี่วัน ทำให้อวัยวะภายในเสียหายไปมาก ตอนนี้ท่อน้ำดีฉีกไปอยู่บริเวณขวามือของท่อตับ ส่วนท่อตับทั้งซ้ายขวาก็อยู่ต่ำกว่าปกติและมีท่อตับที่ผิดแปลกอยู่ด้านขวา ตอนนี้ท่อตับและท่อน้ำดีแยกจากกันอย่างผิดปกติจนถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย!

เมื่อมีอาการผิดปกติเช่นนี้เกิดขึ้น หากไม่ระวังขณะผ่าตัด ต่อให้เป็นเพียงการใส่สายระบายก็ทำให้บาดเจ็บได้ง่ายแล้ว นอกจากนี้ สภาพของผู้ป่วยก็ค่อนข้างพิเศษอยู่แล้วด้วย!

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาไม่ได้วางแผนตัดถุงน้ำดีทิ้ง เพราะแค่แยกถุงน้ำดีออกมาก็เสียหายไปถึงตับแล้ว

เมื่อเป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันร่วมกับภาวะท่อน้ำดีผิดปกติจะทำให้เลือดออกขณะผ่าตัดและทำให้ท่อน้ำดีเสียหายได้ง่าย หากตอนนี้ผู้ป่วยมีภาวะเส้นเลือดโป่งพองและเส้นเลือดขอดร่วมด้วยก็จะทำให้มีเลือดออกมากขณะผ่าตัด ซึ่งหากมีเลือดออกจำนวนมากก็จะมีอันตรายถึงชีวิต แต่หากหยุดเลือดมั่วๆ จนไปทำให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำหรือท่อน้ำดีเสียหาย บอกได้เลยว่าผู้ป่วยคงสิ้นหวังจริงๆ แล้ว!

คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย!

เมื่อหมอระดับหัวหน้าแพทย์ทุกคนเห็นภาพนี้พลันต้องรู้สึกหวาดผวา!

พวกเขาไม่เห็นได้อย่างไร

พวกเขาไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่เห็น

ใครมันจะไปมีความสามารถถึงขนาดรู้ล่วงหน้าได้ล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะท่อตับผิดปกติก็หาได้ยากมาก หรือต่อให้มี ส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่

อันที่จริง หากเฉินชางไม่เห็นระบบแจ้งเตือนว่าเป็น [มอนสเตอร์บอสกลายพันธุ์] เขาก็คงคิดไม่ถึงเช่นกัน

ตอนนี้การผ่าตัดอยู่ในภาวะหยุดชะงักแล้ว สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือตรวจหาสาเหตุ หาจุดที่มีเลือดออกและหยุดเลือด แต่ขั้นตอนเหล่านี้ละเอียดอ่อนมาก จะปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุไม่ได้เด็ดขาด

โจวหงกวงอยากเป็นคนลงมือ แต่…เมื่อเห็นท่าทางของเฉินชาง จู่ๆ ก็หยุดการเคลื่อนไหวของตนลงอีกครั้ง

อันที่จริงขั้นตอนการตรวจหาบริเวณเลือดออกจะต้องทำอย่างระมัดระวัง ที่สำคัญก็คือจะต้องหาจุดที่มีเลือดออกให้พบ แม้จะไม่ตัดถุงน้ำดีออก แต่…นั่นเป็นเพราะจะขยับอะไรมากไม่ได้ นี่ทำให้ความยากในการผ่าตัดเพิ่มขึ้นอีกมาก

ดวงตาของเฉินชางจับจ้องไปที่ท่อตับ ท่อน้ำดี ถุงน้ำดี และท่อตับเล็ก

ทันใดนั้นเฉินชางก็เห็นจุดผิดปกติของถุงน้ำดี ดูเหมือนจะมีพังผืดระหว่างจุดแยกของท่อตับเล็กและท่อน้ำดีจนทำให้เกิดความเสียหาย!

ดวงตาของเฉินชางเปล่งประกาย!

ความจริงปรากฏแล้ว!

เดิมทีภายในช่องท้องก็มีหนองอยู่แล้ว ทำให้อวัยวะเสียหายได้ง่าย ตอนนี้เมื่อมีพังผืดเพิ่มเข้ามาก็ยิ่งเสียหายหนักเข้าไปอีก แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กเพียงใดก็ทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกายระหว่างการผ่าตัดได้ทั้งนั้น เพราะจะอย่างไรนี่ก็เป็นการผ่าเปิด!

ตอนนี้เฉินชางสร้างผลงานได้แล้ว!

โจวหงกวงจ้องมองท่อตับท่อน้ำดีที่แยกออกจากกันด้วยสายตากระตือรือร้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งรอดตายมาอย่างไรอย่างนั้น

โชคดีที่เจอ! มิฉะนั้นหากต้องผ่าเปิดท้องอีกครั้งคงส่งผลให้ร่างกายเสียหายหนักกว่าเก่า ถึงตอนนั้นอาจจะมีเลือดออกบริเวณเส้นเลือดขอดก็เป็นได้ และคงช่วยชีวิตผู้ป่วยไม่ได้แล้ว

โจวหงกวงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ!

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว กระทั่งเฉียนเลี่ยง จางโหย่วฝูและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็ยังหายใจกระชั้นถี่ รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ตื่นเต้น หวาดกลัว ไม่สบายใจ สับสน โชคดี…อารมณ์ความรู้สึกแต่ละอย่างถาโถมอยู่ในใจของทุกคน เนิ่นนานผ่านไปก็ยังไม่สลายหายไป

การผ่าตัดก็เป็นเช่นนี้เอง หากคุณเป็นศัลยแพทย์จะต้องมีดวงตาคมกริบเหมือนเหยี่ยว ควบคุมทุกอย่างได้อย่างเฉียบแหลม ค้นหาจุดสำคัญให้ได้ทั้งหมด!

ในการผ่าตัดเคสหนึ่งๆ จะยึดหลักว่ามีปัญหาตรงไหนก็ไปทำตรงนั้นไม่ได้ เพราะร่างกายของคนเราเป็นหนึ่งเดียวกัน จะต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งหมด

แม้โรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันจะกำเริบรุนแรง แต่ภาวะท่อน้ำดีผิดปกติที่ตามมาก็สาหัสมากเช่นกัน

ตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็ยืดตัวขึ้น ส่งมีดผ่าตัดและคีมจับเนื้อเยื่อไปให้พยาบาล มองไปทางโจวหงกวงแล้วพูดว่า “หัวหน้าโจว คุณมาทำเถอะครับ”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตกใจจนตาค้างไปแล้ว!

โจวหงกวงมีสีหน้าไม่เข้าใจ

ก็…ทำมาถึงตอนนี้แล้ว ทำไมคุณไม่ทำเองล่ะ จะปล่อยให้ผมเคลมผลงานหรือไง

เป็นเช่นนั้นจริงๆ!

หากข่าวที่ว่าเฉินชางเป็นผู้ผ่าตัดเคสนี้หลุดออกไป เขาจะต้องกลายเป็นตัวตนที่ทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริดอย่างแน่นอน! เขาเป็นคนพบจุดผิดพลาดในการผ่าตัดของโจวหงกวงซึ่งกำลังจะได้เป็นนักวิชาการ แถมยังหาสาเหตุพบอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผู้พลิกกระแสการผ่าตัดเลยทีเดียว ชื่อเสียงและความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับเวลานี้แล้ว จะมอบผลประโยชน์แห่งความสำเร็จนี้ให้คนอื่นหรือ

ผลงานนี้…มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ!

แม้แต่หัวหน้าแพทย์ที่อยู่รอบๆ ก็ยังหนังตากระตุก

ตอนนี้เฉินชางไม่สนใจสิ่งอื่นใด ทำเพียงพูดไปตามตรงว่า “หัวหน้าโจว ผม…ไม่ค่อยเชี่ยวชาญการผ่าตัดท่อน้ำดี คุณมาทำเถอะครับ!”

ประโยคนี้ทำให้โจวหงกวงแทบจะน้ำตาไหล!

เป็นเด็กดี!

เป็นเด็กดีจริงๆ!

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่โจวหงกวงรักชื่อเสียงของตนเองสุดจะเปรียบ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาย่อมเป็นอุปสรรคต่อการประเมินตำแหน่งนักวิชาการของเขาอย่างแน่นอน

คุณอย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กๆ เด็ดขาด ต้องทราบว่าการประเมินนักวิชาการไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น พูดง่ายๆ ก็คือตำแหน่งมีจำกัด แต่ผู้มีความสามารถมีมากมาย ดังนั้นการทดสอบจึงต้องดูความสามารถโดยรวม

หากมองดูง่ายๆ ก็คือ ถ้าบิดาของรองหัวหน้าเขตปกครองตายในการผ่าตัดของตน มันจะกลายเป็นจุดอ่อนให้ผู้อื่นจับจ้อง ต่อให้อธิบายเพียงใดก็สู้ความตายของคนใหญ่คนโตไม่ได้

แต่นี่เฉินชางช่วยหาส่วนที่เป็นปัญหาจนพบ นี่ทำให้โจวหงกวงซึ้งใจมาก

แต่!

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เฉินชางมอบอำนาจผ่าตัดให้แก่โจวหงกวงโดยใช้ประโยคว่า ‘ผมไม่เชี่ยวชาญการผ่าตัดท่อน้ำดี…’

ประโยคนี้ทำให้โจวหงกวงซาบซึ้งใจเป็นเท่าทวี

เป็นเด็กดีจริงๆ การผ่าตัดที่ซับซ้อนขนาดนี้ก็ยังทำได้ ส่วนที่เป็นปัญหาก็ยังหาพบ แล้วท่อน้ำดีเล็กๆ แค่นี้จะนับเป็นอะไรได้

เฮ้อ…

…………………

เพื่อเป็นการตอบแทนนักอ่านที่สนับสนุน Fictionlog เสมอมา

เราขอมอบโค้ดเหรียญทองให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่นักอ่านผู้โชคดีที่เข้ามาอ่านนิยายในตอนนี้

*โค้ดมีจำนวนจำกัด และต้องเติมภายในวันที่ 31 มกราคม 2566

คุณนักอ่านสามารถเติมเหรียญได้ในเมนู *กรอกรหัสโปรโมชัน* ในแอปแอนดรอยด์ หรือ ในหน้ากระเป๋าเงินในเว็บไซต์ (https://fictionlog.co/i/payment)

ทั้งนี้ โค้ดเหรียญทองต้องพิมพ์เป็นตัวใหญ่ ไม่มีสัญลักษณ์อื่นนอกจาก – _ และไม่มีเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังโค้ด

.

สวัสดีปีใหม่ ขอให้ปีใหม่นี้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามานะคะทุกคน ^^

PC-PC-FICGIFT_WXV439

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท