บทที่ 437 ฉันมันคนโลภ!
ขณะนี้ ภายในพงหญ้า คนแซ่ฉินและคนแซ่จี้ไม่พูดไม่จา! พวกเขาสบตากัน เห็นความคิดนับไม่ถ้วนในดวงตาของอีกฝ่าย
เนิ่นนานผ่านไป ทั้งคู่ก็ถอนใจออกมา
เฮ้อ…
ฉินเสี้ยวหยวนเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าลูกสาวเติบใหญ่แปรเปลี่ยนมากมาย หากพูดให้เกินไปสักหน่อยก็คือลูกสาวโตแล้วเก็บไว้ไม่ได้! แต่ลูกสาวของตัวเอง ลูกสาวของตัวเองโตแล้ว…ลูกสาว…โตแล้วยังเล่นอะไรเป็นเด็ก!
ส่วนจี้หรูอวิ๋นมองไปยังเงาร่างทั้งสองที่วิ่งหยอกกันแล้วก็หัวเราะออกมา
นี่คือคนหนุ่มคนสาวสินะ ดีจริงๆ!
เมื่อเธอเห็นฉินเยว่หัวเราะเสียงดังอย่างไม่รู้จักอาย ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำอย่างเบิกบานใจ ได้ชอบคนที่ชอบ เท่านี้ผู้เป็นมารดามีความสุขแทนลูกสาวแล้ว
ถึงคำพูดเหล่านี้จะฟังดูไร้สาระ ทว่านี่ถึงจะเป็นท่าทางอย่างที่คนหนุ่มสาวสมควรมีไม่ใช่หรือ
นอกจากนี้พวกเขาก็แก่ชรามากแล้ว ย่อมเกิดช่องว่างระหว่างวัย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ยังดีที่มีเฉินชางอยู่ด้วย เขาเล่นเป็นเพื่อนลูกสาวได้ เขาราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ คาดว่าฉินเยว่ก็คงชอบสินะ
จี้หรูอวิ๋นเข้าใจฉินเยว่เป็นอย่างดี รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
คนที่ภายนอกดูดีมีอยู่มากมาย คนที่จิตใจงดงามโดยแท้จริงมีน้อยนิด
ได้พบเฉินชางที่ทั้งหน้าตาดีและน่าสนใจ ทั้งยังเป็นคนมีความสามารถมาก เรียกว่าเป็นวาสนาของฉินเยว่แล้ว!
จี้หรูอวิ๋นไม่คิดลำเอียง เธอคิดเช่นนี้จริงๆ เธอชื่นชมเฉินชางจากใจจริง และความเข้าใจที่เธอมีต่อเฉินชางทั้งหมดก็ได้รู้มาจากปากของฉินเยว่เองทั้งนั้น
ฉินเยว่คุยเล่นกับเธออยู่บ่อยครั้ง พูดเรื่องในใจอยู่บ่อยครั้ง เธอรู้ว่าเด็กคนนี้มีความรู้สึกดีๆ ให้เฉินชาง
คนวัยหนุ่มสาว ไม่เพียงแต่ต้องการการแข่งขันเท่านั้น พวกเขายังต้องการเรียนรู้เรื่องความรักอีกด้วย
ในชีวิตตลอดยี่สิบกว่าปีของฉินเยว่ มีแต่ความพยายาม การเรียน และการทำงาน แต่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้รักใครบางคนแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดี!
ทว่าทางด้านฉินเสี้ยวหยวนกลับกังวลมาก! เขารู้สึกว่าถ้าโจรหนุ่มนั่นมาอยู่กับโจรสาวของบ้านตัวเองจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่!
ถ้าหากมีโจรตัวน้อยออกมา จะไร้สาระเกินไปหรือเปล่า
ทั้งสองคนจะว่าดีก็ดีอยู่! แต่…ต้องอย่างนั้นอย่างนี้กันนะ!
คิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็มองจี้หรูอวิ๋นแล้วพูดว่า “ที่รักครับ ถ้าคุณว่างก็พูดกับเยว่เยว่หน่อยนะครับ ถ้าเกิดอะไรๆ กัน จะ…ไร้สาระเกินไปนะครับ!”
จี้หรูอวิ๋นหัวเราะเสียงเย็น “ไร้สาระหรือคะ คุณคิดว่าไร้สาระหรือ เรื่องที่คุณทำตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย ไร้สาระเหรอคะ”
ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไปทันที คิดถึงสิ่งที่ตนเองและภรรยาทำตอนอยู่มหาวิทยาลัย…ก็พูดอะไรไม่ออก!
แต่! นี่มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ!
ฉินเสี้ยวหยวนหน้าแดง “เหมือนกันที่ไหนล่ะ”
จี้หรูอวิ๋นหัวเราะ “ไม่เหมือนกันที่ไหนล่ะ เฉินชางหล่อไม่เท่าคุณหรือไง ไม่มีเงินเท่าคุณหรือไง หรือเก่งไม่เท่าคุณล่ะคะ พ่อหนุ่มนั่นไม่มีช่วงวัยหนุ่มหรือไงคะ ลูกสาวคุณล้ำค่ามากเลยหรือคะ”
คำถามเหล่านี้ให้ทำเอาฉินเสี้ยวหยวนอึ้งไปแล้ว!
สองแม่ลูกคู่นี้ล้อเล่นอะไรกันอยู่
แบบนี้ต้องใส่ไฟเข้าไปอีก!
ฉินเสี้ยวหยวนยังคงพูดต่อไป “แต่!”
จี้หรูอวิ๋นลุกขึ้นยืน เดินมุ่งกลับบ้าน “เอาละ เรื่องที่ไม่ควรห่วงก็ไม่ต้องห่วงค่ะ คนหนุ่มสาวก็ต้องมีชีวิตอย่างคนหนุ่มสาว เหล่าฉิน ไม่ใช่ว่าฉันจะว่าอะไรคุณนะคะ จะรักลูกสาวก็ต้องรู้ด้วยว่าจะรักยังไง”
“เยว่เยว่อายุขนาดนี้แล้ว อีกไม่นานก็จะสามสิบแล้วนะคะ คุณจะดูแลเธอตลอดไปเลยหรือไง ต้องไม่ให้เยว่เยว่มีคนรักคุณถึงจะพอใจหรือไงคะ อะไรที่คุณควรยุ่งก็ยุ่งได้ เยว่เยว่ก็อายุยี่สิบแปดเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะพื้นเพทางครอบครัว หรือการศึกษาก็สมบูรณ์แบบทั้งนั้น ยังมีอะไรให้คุณเป็นห่วงอีก ต่อไปเรื่องคนรักของลูกคุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว! แน่นอนว่า…คุณก็อย่าไปยุ่งเรื่องเฉินชางให้มากเกินไปนะคะ ฉันว่าเขาก็ไม่เลวเลย”
ฉินเสี้ยวหยวนถูกคำพูดของจี้หรูอวิ๋นทำเอาเงียบไปเลย
เขายุ่งมากเกินไปจริงๆ หรือ
ทันใดนั้น จี้หรูอวิ๋นก็กล่าวเสริมเป็นครั้งสุดท้าย “เฮ้อ…ตอนคุณยังหนุ่มยังไม่เคยแบกฉันแบบนี้เลย ไม่รู้จักความโรแมนติกเลยสักนิด! เหอะ…รีบกลับบ้านเร็ว กลับไปแช่เท้าสักหน่อย ง่วงแล้วค่ะ”
เมื่อจี้หรูอวิ๋นพูดจบ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกแบกเดินไปข้างหน้า!
จี้หรูอวิ๋นตกใจ!
“โอย เหล่าฉิน วางฉันลงค่ะ!”
ฉินเสี้ยวหยวนตีก้นไปครั้งหนึ่ง…
จี้หรูอวิ๋นหน้าแดง “เหล่าฉิน คนเยอะนะคะ! โอย…อายจะตายอยู่แล้ว!”
……
……
ตอนกลางคืน เมื่อฉินเยว่กลับมาถึงบ้านแล้ว ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กลับมาแล้วเหรอ!”
ฉินเยว่หัวเราะ “ค่ะ! กลับมาแล้ว”
จี้หรูอวิ๋นดูเวลา เพิ่งจะสามทุ่มครึ่ง “ทำไมไม่เดินเล่นอีกหน่อยล่ะ ตอนนี้ที่สวนสาธารณะกำลังครึกครื้นเลย!”
ฉินเยว่พูดยิ้มๆ “หนูคิดถึงแม่ค่ะ”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ฉินเยว่ “ปากหวานจริง!”
ฉินเยว่หัวเราะ เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าขาวๆ ของผู้เป็นมารดามีริ้วแดงระเรื่อเล็กน้อย จึงพูดยิ้มๆ ว่า “แม่คะ…ทำไมแม่หน้าแดงขนาดนี้คะ! แอบซื้อเครื่องสำอางอะไรมาใช่หรือเปล่า หนูใช้ได้ไหมคะ”
จี้หรูอวิ๋นชะงักไป รีบหยิบกระจกบนโต๊ะขึ้นมาส่องดูทันที ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึงเพราะว่าใบหน้าของตนแดงอยู่เล็กน้อยจริงๆ “งั้นเหรอ แม่ไม่ได้ซื้อเครื่องสำอางค์สักหน่อย! อาจเป็นเพราะเพิ่งไปวิ่งใต้ตึกมาก็ได้”
ฉินเยว่พยักหน้า “อ้อ…จริงสิ! นี่กลิ่นอะไรคะ…คาวๆ!”
ฉินเยว่จมูกดีเหมือนหมา ประสาทการรับกลิ่นก็ดีเยี่ยม
จี้หรูอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีไปโดยพลัน “ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก คงเป็นกลิ่นเท้าของพ่อหนูละมั้ง!”
พูดจบจี้หรูอวิ๋นก็ตะโกนว่า “เหล่าฉิน หยิบน้ำหอมในห้องมาให้หน่อยคะ เอามาฉีดที่โซฟาหน่อย เท้าคุณเหม็นจริงๆ! ไปล้างเท้าด้วยนะคะ ถ้าไม่ล้างเท้าจะไม่อนุญาตให้ขึ้นเตียง!”
ฉินเสี้ยวหยวนหัวเราะแห้งๆ รีบหยิบน้ำหอมออกมาฉีดทันที
จี้หรูอวิ๋นได้แต่ถลึงตาใส่ฉินเสี้ยวหยวนอย่างดุดัน
……
เฉินชางกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังไม่ได้เข้านอน เขานำคลิปการผ่าตัดออกมาจัดเตรียม ตอนนี้มีวิทยานิพนธ์ฉบับเดียวที่ได้รับการตอบรับแล้ว แต่ทางวารสารยังไม่ส่งมาให้ จึงทำคลิปวีดีโอการผ่าตัดก่อน ถึงตอนนั้นถ้าได้รับรางวัลก็จะยอดเยี่ยมที่สุด
อันที่จริงที่เขาอยากเป็นคณะกรรมการสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีนั้น ไม่ใช่เพราะเป็นภารกิจอย่างเดียว แต่ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งด้วย นั่นก็คือฉินเยว่ก็ทำงานอยู่ในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีเช่นกัน
เฉินชางมีความคิดเล็กๆ ว่าเขาจะช่วยเหลือฉินเยว่ที่อยู่ในวงการนี้ให้ได้ คอยเป็นแรงช่วยเหลือและคุ้มครองฉินเยว่
ประเทศจีนให้ความสำคัญกับความอาวุโสมากทีเดียว เฉินชางยังต้องถ่อมตนอยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น แผนกฉุกเฉินก็มีอาการป่วยหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับระบบตับและถุงน้ำดี เช่นตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน การบาดเจ็บที่ตับ ท่อน้ำดีเสียหาย…อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการฉุกเฉินทั้งนั้น
มีเวทีเช่นนี้ให้ศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้ เฉินชางรู้สึกว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ฉินเยว่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้จึงส่งข้อความหาเฉินชางว่า “เสี่ยวชางเอ๋อร์ ยังไม่มาปรนนิบัติเปิ่นกง[1]เข้านอนอีกหรือ!”
เฉินชางเห็นมีมที่ทำจากหน้าฉินเยว่ก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นจึงตอบข้อความกลับไปว่า “ยัยตัวเล็ก คันก้นหรือเปล่า ระวังเถอะผมจะตีก้นคุณอีก!”
ฉินเยว่คิดถึงเรื่องที่สวนสาธารณะในวันนี้พลันต้องหน้าแดงก่ำ “ตาบ้า อยากจับตรงนั้นของฉันก็พูดมาตรงๆ เถอะ! ลามก!”
เฉินชางหลุดหัวเราะออกมา
แต่เมื่อคิดได้ว่าภาพที่ตนตีก้นฉินเยว่ในวันนี้ถูกผู้อำนวยการฉินและจี้หรูอวิ๋นเห็นเข้าเต็มๆ ตา เขาก็กังวลเล็กน้อย
คิดแล้วเฉินชางก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “วันนี้คุณกลับบ้านแล้ว คุณพ่อคุณแม่คุณดูผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าครับ”
ฉินเยว่เกาหัว คิดทบทวนแล้วตอบไปว่า “ผิดปกติหรือคะ ดูเหมือนคุณแม่จะหน้าแดงเล็กน้อย ในห้องก็มีกลิ่นเหม็นจากเท้าของคุณพ่อ ส่วนอย่างอื่น…ก็ไม่มีแล้ว!”
“อ้อ! แล้วก็บอกให้ฉันไปเที่ยวอีกหน่อย ถามว่าทำไมกลับมาเร็วจัง”
เฉินชางผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว!
ฉินเยว่ถอนใจ “เฮ้อ พอแยกจากกันฉันก็คิดถึงคุณแล้ว”
เมื่อเห็นข้อความที่ฉินเยว่ส่งมาให้ เฉินชางก็หัวเราะออกมาทันที “งั้นเหรอครับ ชอบผมขนาดนี้เลยเหรอ”
ฉินเยว่ส่งมีมหน้าโหดไปให้ “อย่ามโนมากไปค่ะ ฉันก็แค่อยากได้ร่างกายคุณ!”
[1] เปิ่นกง (本宫) คำเรียกแทนตนเองของเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงในสมัยจีนโบราณ
บทที่ 430 อาจารย์เมิ่ง ทำไมคุณโง่แบบนี้!
เมิ่งซีเห็นเฉินชางไม่พูดอะไร หัวใจพลันเต้นตึกตัก!
หรือเฉินชางคิดว่าตนสอนอะไรไม่ได้เลย
จะรังแกกันเกินไปแล้ว!
ดูถูกกันเกินไปแล้ว!
คิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็รู้สึกเหมือนเลือดลมตีกลับ รู้สึกเหมือนเสื้อผ้ารัดแน่นยิ่งขึ้น!
เธอคิดว่าเธอควรแสดงฝีมือให้เฉินชางเห็นสักหน่อย ให้เขารู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของเธอบ้าง
เมื่อเห็นท่าทางของหัวหน้าเมิ่งในตอนนี้ เก่อฮว๋ายที่อยู่ข้างๆ พลันหน้าเปลี่ยนสี เขาที่โสดมาสามสิบสามปีรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ ต้องทราบว่าหัวหน้าเมิ่งเป็นเหมือนเทพธิดาในใจของเก่อฮว๋ายมาตลอด…
ส่วนหมอดีกรีปริญญาเอกอีกสองคนเห็นดังนั้นก็รู้สึกว่าการทำโอทีนี่มันดีจริงๆ!
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเก่อฮว๋ายถึงทำโอทีทุกวัน!
การทำโอทีมันหอมหวานแบบนี้เอง!
การทำโอทีก็มีสวัสดิการแบบนี้ด้วย!
ต่อไปจะต้องทำโอทีให้มาก ทำโอทีให้ดี!
จะให้เก่อฮว๋ายยึดอาหารตาไว้คนเดียวไม่ได้
…………
อันที่จริงตอนนี้เฉินชางกำลังพิจารณาอย่างจริงจัง สาเหตุหลักที่เขาลงทะเบียนกับเมิ่งซีเพราะอาชีพลับ สาเหตุรองเป็นเพราะความสามารถในการวิจัยของเมิ่งซี ซึ่งถือเป็นความสามารถเฉพาะตัวบุคคลที่หาได้ยากในมณฑลตงหยาง
แต่…ตนวางแผนการเรียนปริญญาโทไว้อย่างไรกันแน่
ควรจะพูดอย่างไรดี
เฉินชางคิดแล้วก็ตอบว่า “อาจารย์เมิ่ง เรื่องแผนการเรียนปริญญาโทของผม ผมคิดว่ามีหลักสำคัญมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกก็คือความสามารถในด้านงานคลินิก อีกอย่างหนึ่งก็คือความสามารถในการวิจัย ความสามารถในการวิจัยของคุณเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว
คุณเป็นเพียงคนเดียวในมณฑลตงหยางที่ได้รับการเผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสาร The Lancet ผมคิดว่าถ้าติดตามคุณคงได้เรียนรู้อะไรมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น หากพูดถึงเรื่องความสามารถทางด้านงานคลินิก ผมเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ยังมีอะไรต้องเรียนรู้จากอาจารย์เมิ่งอีกมาก…”
“แต่ผมคิดอยู่เสมอว่าอาจารย์เป็นผู้นำทาง ส่วนการเดินทางอยู่ที่ตัวคน ขอเพียงติดตามอาจารย์เมิ่งให้ดี ตั้งใจเรียนรู้และสังเกตให้มาก จะได้เรียนรู้อะไรมากมายแน่นอน!”
……
เมื่อเมิ่งซีได้ยินคำพูดของเฉินชาง ได้เห็นสายตาจริงใจของเขา เธอพลันสัมผัสได้ว่านี่เป็นคำพูดที่เขากลั่นออกมาจากหัวใจ
จะต้องเป็นความจริงแน่นอน!
ไม่เลว ดูแล้วเฉินชางสายตากว้างไกลจริงๆ!
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดี +5!]
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ เฉินชางก็ชะงักไป
เฉินชางคิดว่าเวลาที่ตนใช้ไปกับไป๋ตู้ในช่วงนี้ไม่เสียเปล่าเลยสักนิด เพราะทำให้เขาพบเรื่องลึกลับบางอย่าง นั่นก็คือ ผู้หญิงชอบให้ชม ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ขอเพียงชมให้ดี ทุกอย่างก็จะดีเอง!
ในตอนนี้ เก่อฮว๋ายเห็นแววตาของทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง สองคนนั้นมองกันและกันด้วยสายตาเหมือนแฝงความนัย มีประกายวิบวับคล้ายสื่อถึงกัน ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็เกิดหวาดระแวง!
พริบตานั้น เก่อฮว๋ายก็เกิดหึงหวงขึ้นมา คิดขัดทั้งสองคน จึงพูดขึ้นอย่างเร่งร้อนว่า “หัวหน้าเมิ่ง เตรียมห้องผ่าตัดเสร็จแล้วครับ พวกเรา…เตรียมผ่าตัดกันเถอะ”
เมิ่งซีพยักหน้าเล็กน้อย “อ้อ เสร็จแล้วเหรอคะ เร็วขนาดนี้เชียว”
เก่อฮว๋ายหัวเราะเสียงเย็น เร็วงั้นเหรอ เร็วที่ไหนกัน คุณคุยกับเฉินชางจนลืมเวลาน่ะสิ!
เก่อฮว๋ายพยักหน้า “ครับ เสร็จแล้ว ทางห้องผ่าตัดเพิ่งส่งข้อความมาบอกผม”
เมิ่งซีมองเฉินชางแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะเสี่ยวเฉิน วันนี้มีผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดพอดี”
เก่อฮว๋ายถือประวัติผู้ป่วยกำลังจะเดินตามไป แต่จู่ๆ เมิ่งซีก็ยิ้มออกมา “งั้น หมอเก่อ วันนี้คุณเลิกงานไปพักผ่อนให้เร็วหน่อยเถอะค่ะ ช่วงนี้คุณลำบากมากแล้ว เรื่องผ่าตัดก็ให้ฉันกับเฉินชางทำกันก็พอ!”
เก่อฮว๋ายได้ยินก็ตะลึงพรึงเพริดไปทันที!
หัวหน้าเมิ่งกำลังแสดงความใส่ใจต่อเขาเหรอ
รู้ว่าเขาลำบากด้วยหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็มองเมิ่งซีด้วยความซาบซึ้งใจ แววตาอ่อนโยน กล่าวด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “หัวหน้าเมิ่ง ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เหนื่อย!”
เมิ่งซีได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วโดยพลัน!
ทำไมเจ้านี่ไม่ให้ความร่วมมือเลย
อีกอย่าง…วันนี้เธอจะให้เฉินชางสอนผ่าตัด ไม่ใช่เธอสอนเฉินชาง ดังนั้นจึงไม่อยากให้พวกชอบวุ่นวายเห็น
คิดถึงตรงนี้เมิ่งซีก็ทอดถอนใจออกมา “อ้อ! ถ้างั้นคุณก็จัดระเบียบประวัติผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ไปนะคะ จริงสิ พรุ่งนี้มีผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลอีกสองคน คุณก็ไปดูเรื่องค่าใช้จ่ายและพวกยาให้หน่อยนะคะ ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว อีกเดี๋ยวผ่าตัดเสร็จฉันจะมาเซ็นชื่อให้คุณเอง!”
จากนั้นเมิ่งซีก็หันมามองเฉินชาง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะค่ะ เสี่ยวเฉิน!”
เฉินชางไม่เข้าใจว่าทำไมเมิ่งซีไม่พาเก่อฮว๋ายไปด้วย แต่ว่า…เห็นอาจารย์เมิ่งอารมณ์ดีเช่นนั้นแล้วก็ทำได้เพียงมองเก่อฮว๋ายด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตามอาจารย์ตัวเองไป
ทางด้านเก่อฮว๋าย เมื่อเห็นเฉินชางส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาให้ก็โมโหขึ้นมาทันที!
ทว่าดูจากฝีเท้าของเมิ่งซีในวันนี้แล้ว…ดูเหมือนจะเบาสบาย ท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย
เก่อฮว๋ายทอดถอนใจออกมา!
……
……
ภายในห้องผ่าตัด เมิ่งซีมองเฉินชางด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน ตอนแรกคิดจะแสดงฝีมือ ผลกลับกลายเป็นว่าวันนี้มีผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดไปได้
ไม่มีที่ให้แสดงฝีมือแล้ว!
เพราะการผ่าตัดนี้เฉินชางทำได้ดีกว่าเธออีก
ใครจะแสดงฝีมือก็ยังไม่แน่!
แต่จะให้เธอเอ่ยปากพูดออกมาเองก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร มีอาจารย์ที่ไหนบ้างขอความรู้จากลูกศิษย์ พูดออกไปคงอายคนแย่!
แต่เมิ่งซีคิดว่าตนควรขอความรู้โดยไม่อาย ถือเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ไม่อาจละเลยความกระหายการเรียนรู้ของตนเพียงเพราะเรื่องนี้!
คิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็สูดหายใจลึก สงบอารมณ์อันซับซ้อนของตน มองเฉินชางแล้วพูดว่า
“เสี่ยวเฉิน ความจริงฝีมือผ่าตัดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดของอาจารย์อยู่ในระดับธรรมดาค่ะ คราวที่แล้วเห็นเธอผ่าตัด เห็นว่ามีพัฒนาการไม่น้อย ช่วยสอนฉันหน่อยได้หรือเปล่าคะ”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ออกมา ไม่ใช่แค่เฉินชางที่ตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว กระทั่งวิสัญญีแพทย์ที่อยู่ข้างๆ ก็ยังตกใจจนตัวแข็ง
นี่คือหัวหน้าเมิ่งที่หยิ่งยโสคนนั้นหรือ ถึงกับพูดเองว่าทำไม่เป็น ให้นักเรียนช่วยสอน…
เรื่องแบบนี้ พูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อ
หรือ…เขาถูกยาของตัวเองรมจนเพ้อไปแล้ว
วิสัญญีแพทย์มองเข็มฉีดยาในมือ รู้สึกลังเลเล็กน้อย…
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป จากนั้นจึงรีบพูดว่า “เอ่อ อาจารย์เมิ่งเกรงใจไปแล้วครับ จะบอกว่าสอนได้ยังไง อันที่จริงคนที่ทำงานในวงการแพทย์อย่างพวกเราก็ควรแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เป็นการร่วมมือกัน ช่วยกันพัฒนาฝีมือ!”
“อาจารย์เมิ่ง คุณเคยบอกผมเองนะครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่จงอย่าอายที่จะถาม แบบนี้นักเรียนจะได้ประโยชน์มาก!”
เมิ่งซีได้ยินดังนั้นก็ตาค้างไปแล้ว!
เธอมองเฉินชาง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลย รู้จักพูด รู้ความ!
[ติ๊ง! ช่วยเมิ่งซีพัฒนาฝีมือการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดจนถึงระดับปรมาจารย์ เมื่อสำเร็จภารกิจจะได้รับรางวัลต่อไปนี้:
1. ค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซี +20
2. สุ่มรับทักษะของเมิ่งซี 1 ทักษะ!]
เฉินชางได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ ดวงตาพลันสว่างวาบ
ไม่เลวๆ
ไม่นานการผ่าตัดก็เริ่มต้น เฉินชางพูดว่า “อาจารย์เมิ่ง คุณมาทำเถอะครับ”
เมิ่งซีพยักหน้า รับมีดผ่าตัดมาแล้วเริ่มทำงานของตน
ทักษะพื้นฐานของเมิ่งซีดีเยี่ยม แต่มีบางส่วนที่ยังไม่ดีพอ ซึ่งเป็นเพราะยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ
ความสามารถของเฉินชางก็ได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์จากการผ่าตัดหลายพันเคสในมิติฝึกฝน
“อาจารย์เมิ่ง นี่…”
“อาจารย์เมิ่ง คุณดูตรงนี้…”
“อาจารย์เมิ่ง คุณ…เฮ้อ…”
……
“อาจารย์เมิ่ง ทำไมคุณโง่แบบนี้…”
เฉินชางเห็นเมิ่งซีเหงื่อท่วมตัวก็คิดว่า คนคนนี้ ทำไมในสมองไม่มีอะไรอยู่เลยล่ะ
ต้องพูดตั้งหลายรอบ!
ส่วนเมิ่งซีก็มีท่าทางถ่อมเนื้อถ่อมตัว แต่…วิสัญญีแพทย์ที่อยู่ข้างหลังเหงื่อแตกพลั่กแล้ว!