เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 461 ผมขอสารภาพ!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 461 ผมขอสารภาพ!

ทันทีที่เหล่าฉินเห็นเสื้อผ้าชุดนั้น โทสะพลันแล่นปราดจนศีรษะชาหนึบ!

เสื้อตัวบนที่ไอ้หนูนั่นใส่คือสูทของเขาไม่ใช่หรือไง

สูทตัวนั้นเป็นสูทแบรนด์หรูเพียงตัวเดียวที่เหล่าฉินมี ตอนนั้นเขาถึงกับต้องกัดฟันแน่น เจ็บปวดราวถูกกรีดเนื้อถึงจะตัดใจซื้อได้ลง เพราะตอนนั้นเขาได้รับรางวัลผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเงินอุดหนุนจากคณะมนตรีรัฐกิจ จึงซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ!

ตอนนั้นเหล่าฉินปวดใจอยู่นานทีเดียว! พอกลับจากงานก็ทำใจใส่ไม่ได้เลยสักครั้ง ได้แต่จัดการให้เรียบร้อยแล้วเอาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างดี!

จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เสื้อที่ตนทำใจสวมไม่ลงจะถูกไอ้หนูนั่นเอาไปสวม คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็โกรธจนหายใจไม่ทั่วท้อง

ขณะที่เขาคิดจะหันไปบ่นกับจี้หรูอวิ๋นว่าลูกสาวเธอกลายเป็นคนอย่างไรไปแล้ว ทว่าพอหันไป กลับพบว่าบนใบหน้าของจี้หรูอวิ๋นประดับไปด้วยรอยยิ้ม ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความชื่นชม

เมื่อเห็นฉินเสี้ยวหยวนหันมา จี้หรูอวิ๋นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เหล่าฉิน ดูสิคะ นั่นมันสูทตัวนั้นของคุณนี่!”

ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้าอย่างอัดอั้นตันใจ “ผมดูออกน่า!”

จี้หรูอวิ๋นพูดยิ้มๆ ว่า “คิกๆ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งจริงๆ นะคะ ปกติเห็นเสี่ยวเฉินใส่แต่ชุดลำลองมากไป พอมาสวมสูทแบบนี้ทำให้ดูมีสปิริตและหล่อเหลาจริงๆ! ถ้าจะให้ฉันพูดล่ะก็ เขาใส่สูทตัวนี้แล้ว ดูดีกว่าตอนคุณใส่มากเลยนะคะ!”

จี้หรูอวิ๋นพูดพลางยิ้ม ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้เส้นประสาททั้งยี่สิบเส้นของฉินเสี้ยวหยวนที่อยู่ข้างๆ กระตุกหนักเพียงใด!

เขาโมโหมาก!

ถ้าเขาทนเรื่องนี้ได้ ก็คงทนได้ทุกเรื่องแล้ว!

ไอ้เด็กเฉินชาง ฉันจะ…

ฉินเสี้ยวหยวนกำลังคิดว่าวันนี้จะจัดการเฉินชางอย่างไรดี จู่ๆ ก็พบว่าจี้หรูอวิ๋นหันมายิ้มมองเขาจนตาหยี “เป็นอะไรไปคะ โกรธเหรอ”

ฉินเสี้ยวหยวนแค่นเสียงออกมาครั้งหนึ่ง แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!

จี้หรูอวิ๋นยิ้ม “เอาละค่ะ ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเฉินตั้งใจใส่เสื้อของคุณสักหน่อย ถ้าคุณจะโทษก็ต้องโทษลูกสาวเรานะคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินคำว่าลูกสาวก็เงียบไปทันใด! ได้แต่พูดพลิกลิ้นไปว่า “ลูกผมไม่รู้สักหน่อย คงถูกไอ้หนุ่มนั่นทำให้เสียคนแน่ๆ! เยว่เยว่เป็นเด็กดี”

จี้หรูอวิ๋นถูกท่าทางเข้าข้างคนของตัวเองของอีกฝ่ายทำเอาขำกลิ้ง “ค่าๆ คุณจะโกรธไม่ได้นะคะ! ก็แค่สูทตัวเดียวไม่ใช่เหรอ วันหลังพวกเราค่อยไปซื้อกันอีกชุดก็พอ อีกอย่าง เสี่ยวเฉินก็ยืมคุณใส่แค่วันเดียวเอง ดูคุณสิ งกขนาดนี้ยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้อีก”

ฉินเสี้ยวหยวนอดถอนหายใจไม่ได้

เฮ้อ ต้องระวังให้ดีแล้ว มีขโมยอยู่ในบ้านนี่ป้องกันยากจริง!

แต่เมื่อมองลูกสาวที่สวมชุดกี่เพ้ายืนอยู่บนเวที ฉินเสี้ยวหยวนก็โกรธไม่ลง ทำได้เพียงถอนใจออกมาอีกครั้ง เฮ้อ…ลูกสาวโตแล้วเก็บไว้ไม่ได้จริงๆ พอโตแล้วก็เห็นคนอื่นดีกว่าครอบครัว

ทางด้านเฉินชางที่นั่งอยู่บนเวทีก็รู้สึกกระสับกระส่ายเช่นกัน…ความสามารถในการมองเห็นของเขาถูกพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงเห็นว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งอยู่ไกลๆ นั่นได้!

นี่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก! สูทตัวนี้ฉินเยว่ขโมยมาให้เขาใส่ หวังว่าผู้อำนวยการฉินเห็นแล้วจะไม่รู้สึกว่าสูทตัวนี้ดูคุ้นๆ นะ

เมื่อเฉินชางบรรยายเสร็จก็รีบลงจากเวทีทันที เดินถือน้ำสองขวดตรงไปยังที่นั่งด้านหลัง หวังนำน้ำไปให้ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋น

เมื่อเห็นเฉินชางเดินเข้ามา จี้หรูอวิ๋นก็เผยรอยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้ เธอจะเป็นแม่สามีที่ปฏิบัติต่อลูกเขยดีๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะถูก

ส่วนฉินเสี้ยวหยวนแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็เหมือนกับที่จี้หรูอวิ๋นกล่าว เรื่องนี้จะโทษเฉินชางไม่ได้ จึงทำได้แต่ฝืนยิ้มออกไปแล้วพยักหน้าให้

เฉินชางส่งขวดน้ำไปให้แล้วรีบปลีกตัวออกมาทันที คิดในใจว่าผู้อำนวยการฉินคงไม่รู้ว่าตนใส่เสื้อผ้าของเขาอยู่!

เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อการบรรยายจบลง งานสัมมนาประจำปีก็ดำเนินมาถึงส่วนสุดท้ายแล้ว การมาเยือนของฉินเสี้ยวหยวนทำให้เฉียนเลี่ยง จางโหย่วฝูและคนอื่นๆ ดีใจจนออกนอกหน้า

เมื่องานสัมมนาจบลง ทุกคนก็เดินเข้ามาทักทาย

เฉียนเลี่ยงพูดยิ้มๆ “ผู้อำนวยการฉิน ผมนับถือคุณมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ตอนนี้โรงพยาบาลอันดับสอง พัฒนาไปเร็วมาก โดยเฉพาะเรื่องการอบรมคนรุ่นใหม่ ไม่เลวเลยนะครับ!”

“ลองดูอย่างเสี่ยวเฉินสิครับ เป็นเด็กที่เก่งมากจริงๆ ต่อไปก็ให้เขาใส่ชุดทางการให้มากหน่อยเถอะ พอเขาแต่งตัวแบบนี้แล้วดูดีมาก แล้วก็หล่อมากซะด้วย!” เฉียนเลี่ยงชมเฉินชางได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดปาก “เสียดายที่ลูกสาวผมแต่งงานแล้ว ไม่งั้นผมจะจับคู่ลูกผมกับเสี่ยวเฉินแน่!”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา หลิวซือฉีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ใช่แล้ว ตอนนี้ผมเสียใจแล้วละครับที่ตอนนั้นไม่ยอมดึงตัวเสี่ยวเฉินไป ไม่งั้นชื่อเสียงเกียรติยศพวกนี้คงเป็นของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลของพวกเราไปแล้ว”

“ผู้อำนวยการฉิน การประเมินผลงานวิจัยของโรงพยาบาลพวกคุณในปีนี้คงทะลุเป้าแน่นอน ช่วงจัดอันดับปลายปี ลำดับก็อาจขยับขึ้นอีกนะครับ”

ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็มีความสุขมาก แม้พวกเขาจะชมเฉินชางแต่ความสุขกลับอัดแน่นเต็มอกฉินเสี้ยวหยวน ชั่วขณะนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า…ต่อให้ใส่ชุดเขาแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก กลับรู้สึกภาคภูมิใจด้วยซ้ำ!

เสื้อตัวนั้นเขาเป็นคนซื้อ!

ลูกสาวเขาก็เป็นคนทำให้เกิดมา

ลูกสาวเอาไปให้เฉินชางใส่ ก็เท่ากับตนให้เฉินชางนั่นแหละ

ดังนั้นเกียรติเหล่านี้ก็ต้องเป็นของตน!

คิดแบบนี้แล้วเหล่าฉินก็โล่งใจ เฉินชางใส่เสื้อที่ตนซื้อมาขึ้นไปผจญสนามรบบนเวทีเพื่อนำเกียรติยศกลับมาให้ ดังนั้นชื่อเสียงเกียรติยศส่วนหนึ่งย่อมเป็นของตน

จู่ๆ เหล่าฉินก็รู้สึกราวกับใบหน้าของตนเปล่งแสงได้ เริ่มหัวเราะยิ้มแย้มไปกับทุกคน

โจวหงกวงมองเฉินชางยิ้มๆ “เสี่ยวเฉิน ถ้ามีเวลาก็มาที่โรงพยาบาล 301 สิครับ มาฝึกฝนฝีมือกัน คนหนุ่มจะต้องพยายามให้มากๆ จริงสิ ลูกสาวผมเรียนกฎหมาย วันหน้าผมจะแนะนำให้รู้จักกันนะครับ”

เฉินชางยิ้มตอบ “ขอบคุณครับหัวหน้าโจว”

ทว่าพอฉินเสี้ยวหยวนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินประโยคนี้ ดวงตาพลันหดเกร็ง!

เจ้าคนแซ่โจวนี่ ต้องมีความคิดไม่ดีแน่ๆ …

ไม่ได้ๆ ต้องรีบหมั้นซะแล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี

เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ฉินเยว่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามา กล่าวด้วยสีหน้าเบิกบานใจว่า “พ่อคะ แม่คะ มากันได้ยังไงคะเนี่ย”

ฉินเสี้ยวหยวนแอบค่อนขอดในใจว่า ถ้าพ่อไม่มา คงไม่รู้หรอกว่ามีหัวขโมยตัวน้อยขโมยเสื้อพ่อไปซักแล้วเอาไปให้คนอื่นใส่ หรือลูกจะบอกพ่อว่าแค่ซักแล้วเอาออกมาตากล่ะ?

ฉินเสี้ยวหยวนกลอกตา ส่วนจี้หรูอวิ๋นกลับพูดยิ้มๆ ว่า “วันนี้พ่อกับแม่อยู่บ้านเบื่อๆ ก็เลยออกมาดูพวกลูกกันน่ะ”

กล่าวจบจี้หรูอวิ๋นก็มองสำรวจเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน เธอเก่งจริงๆ เก่งมากเลย”

เฉินชางฟังถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เขาคิดจะสารภาพกับผู้อำนวยการฉินไปตามตรง

“ขอบคุณที่ชมนะครับคุณน้า”

“ผู้อำนวยการฉิน ผมมีเรื่องจะขอโทษคุณด้วยครับ”

ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ไอ้หนูนี่ยังทำเรื่องผิดต่อฉันอีกหรือไง

เขามองเฉินชาง ยิ้มอย่างอบอุ่น “อ้อ พูดมาสิ”

เฉินชางเห็นผู้อำนวยการฉินไม่มีท่าทีโกรธเคืองจึงพูดไปว่า “คือผมมีสูทแค่ตัวเดียว แล้วเมื่อวานตอนช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บมันก็เปื้อนเลือดไปแล้ว เอามาใส่ไม่ได้แล้วครับ เมื่อคืนก็ไปซื้อไม่ทัน ก็เลย…ยืมเสื้อคุณมาใส่ เอ่อ…แต่คุณวางใจได้ เดี๋ยวกลับไปผมจะเอาเสื้อส่งร้านซักรีดให้สะอาดแน่นอนครับ”

ฉินเสี้ยวหยวนเห็นเฉินชางพูดเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้

บทที่ 455 ทีวีเสียแล้วใครจะชดใช้

มีคำกล่าวที่ว่า คนวงในดูช่องทาง คนวงนอกดูเอามัน! ความหมายของประโยคนี้ช่างเข้ากับสถานการณ์นี้อย่างเหมาะเจาะจริงๆ

ฉินเสี้ยวหยวนเป็นหัวหน้าแผนกเนื้องอก เป็นหมออายุรกรรม รู้เรื่องการผ่าตัดเพียงเล็กน้อย สำหรับชาวบ้านทั่วไปเขาอาจเป็นคนวงใน แต่เมื่อเทียบกับหัวหน้าแผนกกลุ่มนี้แล้ว ถือว่าอยู่วงนอกโดยสิ้นเชิง

ทว่า…ไม่เข้าใจก็ส่วนไม่เข้าใจ! นี่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางความระริกระรี้ของเขาเลย อีกทั้งตอนนี้เหล่าฉินรู้สึกดีแทนเฉินชางไปหมดแล้ว แม้พวกเขาจะชื่นชมเฉินชาง แต่เหล่าฉินกลับสบายไปทั้งใจ!

โจวหงกวงพยักหน้า “ครับ พวกคุณดูตรงนี้ หลอดเลือดมีลักษณะคดเคี้ยวมาก แต่ยังใช้วิธีการแบบนั้นจัดการกับหลอดเลือดที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ได้…”

เฉียนเลี่ยงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เขาลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้าจอมอนิเตอร์ ชี้ไปรอบนอกของตับ “ดูตรงนี้สิครับ อันที่จริง…จะเย็บตรงนี้ก็ได้ แต่เสี่ยวเฉินไม่สนใจ ตอนแรกผมก็คิดว่าทำไม สุดท้ายถึงรู้ว่าเขาคิดถึงเรื่องตัดม้ามด้วย…”

คำพูดนี้ทำให้หลี่เป่าซานถึงกับตบขาตัวเองไปหนึ่งฉาด ทำไมตอนนั้นเขาคิดไม่ถึงนะ

ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าแผนกทั้งห้าจึงร่วมกันเข้ามาชี้มือชี้ไม้อธิบายราวกับแสดงละคร ยิ่งนานไปก็ยิ่งสนุก! ยังมีอยู่สองคนที่เป็นผู้ชม คนหนึ่งคือฉินเสี้ยวหยวน อีกคนหนึ่งก็คือข่งย่วนย่วน

เหล่าฉินสุขใจจริงๆ เพราะจะอย่างไรก็เป็นการชื่นชมพนักงานในโรงพยาบาลของตน และเป็นการชื่นชมว่าที่ลูกเขยอีกด้วย!

นี่ทำให้เขาเบิกบานใจขึ้นสองเท่า!

มีความสุขขึ้นสองเท่า!

คิดแล้วในใจของฉินเสี้ยวหยวนก็เต็มไปด้วยรสชาติของความสุข ความพึงพอใจในตัวเฉินชางก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ลูกสาวเขาตาดีจริงๆ อืม…คืนนี้กลับไปแล้วคงต้องพูดคุยปรึกษากับเธอสักหน่อยว่าให้รีบแต่งงานเร็วๆ อย่างไรเสีย…หัวหน้าแผนกพวกนี้ก็คอยจับจ้องเฉินชางตาเป็นมัน หากมีหัวหน้าแผนกที่มีลูกสาวปรากฏตัวขึ้นมา จะไม่เป็นศัตรูคู่แข่งในอนาคตหรอกหรือ!

ถึงเหล่าฉินจะมั่นใจในยีนของตน แต่…ต่อให้เป็นหินที่หนาเพียงไร หากเจอน้ำหยดลงทุกวันก็คงทนไม่ไหว!

ขณะเดียวกัน ข่งย่วนย่วนกังวลขึ้นมาแล้ว เธอมองหัวหน้าแผนกแต่ละคนชี้มือชี้ไม้ไปที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ออมแรงจนมีจุดๆ กระจายเต็มหน้าจอราวกับห่วงอวกาศ เสียงพูดคุยดังเข้าหูไม่ขาดสาย รวมไปถึงเสียงนิ้วกระทบหน้าจอดังตึกๆๆ ด้วย

เธอเริ่มกังวลแล้ว!

เธอเป็นเวรกลางคืนของวันนี้…หากโทรทัศน์เสียหายขึ้นมา หัวหน้าพยาบาลหลี่อิงจะเชือดเธอหรือเปล่า หากเธอต้องชดใช้จริงๆ คงต้องจ่ายหลายพันหยวน นี่…เป็นเงินที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา

คิดแล้วข่งย่วนย่วนก็หวาดผวา

เธอหันไปมองผู้อำนวยการฉินเสี้ยวหยวนด้วยสายตาไม่สบายใจก่อนจะเรียกเขาอย่างระมัดระวัง “ผู้อำนวยการคะ…”

ฉินเสี้ยวหยวนกำลังมัวเมาอยู่ในความสุข กำลังสัมผัสความรู้สึกสุขใจเป็นสองเท่า เมื่อได้ยินเสียงเรียกของข่งย่วนย่วนก็ชะงักไปทันที “หือ อะไรครับ”

ข่งย่วนย่วนคิดว่าหากพูดออกมาคงขายหน้าแย่ แต่หากไม่พูดเธอก็กังวล ในที่สุดเธอจึงกระซิบบอกไปว่า “ผู้อำนวยการคะ…ถ้าทีวีพัง ใครต้องชดใช้คะ”

ฉินเสี้ยวหยวน “…”

……

……

สองชั่วโมงต่อมา ทุกคนเดินออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมด้วยอารมณ์ที่ยังคงตกค้าง

วันนี้มีความสุขจริงๆ! นี่คือความรู้สึกของทุกคน

ดั่งคำที่ว่าเมื่อพบคนรู้ใจดื่มสุราพันจอกยังว่าน้อย คราวนี้ได้ดูคลิปผ่าตัดด้วยกันถือเป็นเรื่องดี!

ทำไมพวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

การผ่าตัดเพียงเคสเดียวก็ทำให้คนจริงใจต่อกันได้แล้ว!

ทุกคนเข้าอกเข้าใจกันอย่างดี นัดหมายกันว่าคืนพรุ่งนี้จะไปดื่มเหล้าด้วยกัน วันข้างหน้าจะร่วมผ่าตัดด้วยกัน! ทั้งยังสัญญิงสัญญากันอย่างดีว่าต่อไปนี้หากใครมีคลิปผ่าตัดดีๆ จะต้องเอามาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ทั้งยังก่อตั้งกลุ่มวีแชทขึ้นมากลุ่มหนึ่งโดยตั้งชื่อกลุ่มว่า ‘กลุ่มแลกคลิป’

อืม ชีวิตของหัวหน้าแผนกศัลยกรรมก็น่าเบื่อเช่นนี้เอง

ก่อนออกเดินทาง โจวหงกวงหันมามองฉินเสี้ยวหยวน กล่าวจากใจจริงว่า “ผู้อำนวยการฉิน หมอของโรงพยาบาลอันดับสองทำให้ผมได้เปิดโลกจริงๆ ครับ ผมเชื่อว่าโรงพยาบาลอันดับสองที่มีคุณเป็นผู้นำจะต้องรุ่งเรืองแน่นอน!”

ฉินเสี้ยวหยวนยิ้ม คิดในใจว่า ยุคของผมก็ไม่แน่ แต่…ถ้าเป็นยุคของลูกเขยผมจะต้องรุ่งเรืองแน่นอน!

“ฮ่าๆ หัวหน้าโจวเกรงใจไปแล้วครับ เอาอย่างนี้แล้วกัน ต่อไปถ้ามีเวลาก็มาบ่อยๆ นะครับ ทางเราและโรงพยาบาล 301 ควรร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน!”

โจวหงกวงพยักหน้าแล้วกล่าวลา

โจวหงกวงไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีเท่านั้น แต่ยังเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล 301 และเป็นคนที่กำลังจะได้ตำแหน่งนักวิชาการอีกด้วย

อย่างไรก็ดี โจวหงกวงมีนิสัยแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือชอบให้คนอื่นเรียกเขาว่าหัวหน้า หากถูกเรียกว่ารองผู้อำนวยการจะรู้สึกไม่ชิน ถ้าจะใช้คำพูดของเขามาอธิบายก็คือ เกียรติยศที่มาจากตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ทำให้เขามีความรู้สึกร่วมได้มากกว่า และคอยย้ำเตือนเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นหมอคนหนึ่ง

ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนผ่อนคลายและมีความสุขมากจนถึงกับเดินฮัมเพลงระหว่างทางกลับบ้าน ร้องเบาๆ ว่า “นกเกาะบนต้นไม้กันเป็นคู่…”

น่าเสียดายที่เขาร้องเป็นแค่ประโยคนี้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในความสุขของเขา ไม่รู้ว่าเขาร้องประโยคนี้ไปกี่รอบกว่าจะมาถึงประตูบ้าน

เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก! พอมองให้ชัดก็พบว่าสองแม่ลูกกำลังกินของกินเล่นกันอยู่ในบ้าน

ฉินเยว่เห็นผู้เป็นพ่อกลับมาแล้วก็ยิ้มให้ทันที “พ่อคะ รีบมานั่งเถอะ หนูซื้อของอร่อยมาด้วย!”

ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็มองฉินเยว่แล้วยิ้มออกมา “นึกว่าลูกมีเฉินชางแล้วจะลืมพ่อซะอีก!”

ฉินเยว่ทำท่าทางแง่งอน กล่าวประโยคที่ขัดกับความจริงออกไป “จะเป็นไปได้ยังไงคะ พ่อดีที่สุดแล้ว ใช่ไหมคะ”

กล่าวถึงตรงนี้ฉินเยว่ก็คีบปลาเผาขึ้นมา “มาค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูป้อนเอง!”

ฉินเสี้ยวหยวนเห็นลูกสาวรู้ความขนาดนี้ก็พอใจมาก

เฮ้อ…

สวรรค์เมตตาผมจริงๆ!

ภรรยาดี ลูกสาวเยี่ยม ลูกเขยก็ยอด

ที่สุดของความพึงพอใจ!

……

……

ขณะเดียวกัน โจวหงกวงก็กลับมาถึงโรงแรม ขณะที่ในใจยังคงคิดถึงเรื่องวันนี้ เขาก็เดินเข้าไปทักทายนักเรียนที่กำลังล้อมวงกันอยู่

ปกติโจวหงกวงดีกับนักเรียนมาก คอยพาไปร่วมงานสัมมนาด้วยกันบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กว้างขวาง

“อยู่กันครบหรือเปล่า”

ตอนที่เขาเข้ามาพบว่ามีนักเรียนประมาณห้าหกคนรวมตัวคุยเล่นกันอยู่ในห้องจึงอดถามไม่ได้

ทุกคนพากันพยักหน้าแล้วยิ้ม “อาจารย์กลับมาแล้วหรือครับ”

โจวหงกวงพยักหน้า “รีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่ายๆ พวกเราค่อยกลับ”

ขณะนั้นเองก็มีนักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ที่อาจารย์บอกจะให้พวกเรามาดูมันคืออะไรกันแน่ครับ”

นักเรียนคนอื่นๆ รวมพยักหน้าด้วยความสงสัย “ใช่แล้วครับอาจารย์!”

อันที่จริงพวกเขาอยากกลับวันนี้แล้ว เพราะคิดว่าอยู่ต่อก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ และตามกำหนดการเดิมก็ต้องกลับเมืองหลวงวันนี้ ทว่าจู่ๆ อาจารย์ก็บอกให้พวกเขาอยู่ต่ออีกวันหนึ่ง ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจ ตกลงมันเพราะอะไรกันแน่ที่จะต้องดูให้ได้ นอกจากนั้นตอนนี้พวกเขาก็รู้จักเฉินชางแล้ว ก็เป็นแค่หมอหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดคนหนึ่ง เด็กกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ

มันเพราะอะไรกันแน่ที่ดึงดูดอาจารย์ถึงเพียงนี้

โจวหงกวงมองนักเรียน พูดขึ้นยิ้มๆ “ดูเหมือนพวกคุณพอจะรู้จักเฉินชางแล้วสินะครับ”

ทุกคนพยักหน้า เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากกลับมาแล้วพวกเขาก็สืบเรื่องเฉินชางกันเล็กน้อย ทั้งอ่านและสืบหาข้อมูล รวมถึงไปหาเฉินชางที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองจริงๆ ด้วย ซึ่งทำให้พวกเขารู้ว่าเฉินชางก็เป็นแค่หมอที่จบปริญญาตรีจากวิทยาลัยแพทย์แห่งหนึ่งจากตงหยางเท่านั้นเอง…

นี่ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกแปลกใจ ตกลงอาจารย์ให้พวกเขาอยู่ต่อเพื่ออะไรกันแน่

โจวหงกวงทราบดีว่าพวกเขาคิดอย่างไร จึงยิ้มออกมาจางๆ “พวกคุณรู้หรือเปล่า หมอหนุ่มที่จบปริญญาตรีคนนี้ เขาทำเรื่องที่พวกคุณทุกคนทำไม่ได้!”

ประโยคนี้ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย

ทุกคนถึงกับชะงักไป!

บทที่ 450 คอรัปชั่นต่อหน้าผมแบบนี้จะบ้าเกินไปแล้ว!

คะแนนเสียงมาจากคะแนนของทุกคน ซึ่งรวมไปถึงผู้ตัดสินในงานด้วย!

ชั่วขณะที่พวกเขาเห็นข่าวของเมืองอันหยาง ทุกคนต่างก็ตกตะลึง! พวกเขารู้สึกว่าชื่อที่ปรากฏในข่าวช่างคุ้นเคยจนน่าตกใจ!

ใช่แล้ว เฉินชางนั่นเอง

พวกเขาจำได้ดี มีหมอคนหนึ่งชื่อเฉินชางไม่ได้มาร่วมงาน

จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ขณะนี้ทุกคนพากันเปิดอ่านข่าว ในข่าวเขียนอย่างชัดเจนว่า ‘มีรายงานว่าเดิมทีวันนี้หมอเฉินชางต้องไปเข้าร่วมงานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี…’

ทุกคนชะงักไป

ชื่อเหมือนกันเฉยๆ หรือเปล่า

คงไม่ใช่หรอก!

เนื่องจากโปรแกรมลงคะแนนเป็นแอปฯ ที่ใช้กันเฉพาะในวงการแพทย์ ซึ่งแอปฯ จะคอยนำเสนอเรื่องราวข่าวสารใหม่ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับวงการแพทย์ด้วย ดังนั้นขณะที่ทุกคนกำลังจะลงคะแนนย่อมเห็นข่าวเด้งขึ้นมา

ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างก็เงียบไป!

ภาพข่าวภาพแรกเป็นภาพเฉินชางจากกล้องวงจรปิด เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือด กำลังกดปากแผลให้ผู้บาดเจ็บ มีเวลาเขียนไว้ว่า 07.25 น.

อีกภาพหนึ่งเป็นภาพบริเวณหน้าห้องผ่าตัด เฉินชางดูท่าทางเหนื่อยล้า เวลาคือ 16.40 น.

อีกภาพหนึ่งเป็นภาพเด็กชายถือหูฟังแพทย์กำลังโค้งคารวะให้เฉินชาง เวลาคือ 17.15 น.

ทั้งสามภาพทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนในงานคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็น เวลารวมทั้งสิ้นสิบชั่วโมง จินตนาการได้เลยว่าการกู้ชีพในคราวนี้ยากลำบากเพียงใด จินตนาการได้เลยว่าภายในห้องผ่าตัดจะเคร่งเครียดเพียงใด

สุดท้ายมีนักข่าวลงสัมภาษณ์สั้นๆ ว่า

นักข่าว “หมอเฉิน ตอนเห็นผู้ป่วยนอนจมกองเลือด คุณคิดอย่างไรคะ”

เฉินชาง “ผมเป็นหมอ ควรช่วยเธอ!”

……

……

“ผมเป็นหมอ ควรช่วยเธอ!”

ประโยคง่ายๆ ประโยคนี้ถึงกับทำให้หมอทุกคนที่ได้เห็นข่าวรู้สึกแสบจมูก

นี่คือหมอ!

ทุกคนพากันอ่านคอมเมนท์ที่วิ่งอยู่ในข่าว แต่ละคนสงบใจไม่ได้เลย!

ใช่แล้ว!

งานสัมมนาประจำปีอะไรกัน!

การคัดเลือกอะไรกัน!

ของเหล่านี้สำคัญด้วยหรือ

ต่อให้สำคัญเพียงใด จะสำคัญกว่าชีวิตผู้ป่วยหรือ

ความหมายเบื้องหลังของการรักษาสิบชั่วโมงนี้คืออะไร ทุกคนล้วนเข้าใจกระจ่างแจ้ง

เฉินชางเผชิญหน้ากับผู้ป่วย รักษาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ นี่ทำให้ทุกคนรู้สึกหลากหลาย

นี่คือจิตวิญญาณของหมอ!

ไม่ว่าเวลาใด ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด สมควรเตือนตัวเองทุกชั่วขณะว่าเราคือหมอ!

คำว่าหมอคำนี้ไม่ใช่เพียงอาชีพเท่านั้น บางครั้งมันก็คือความรับผิดชอบด้วย

เฉินปิ่งเซิงเห็นข่าวนี้แล้ว จางจื้อซินที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นข่าวนี้แล้วเช่นกัน ทั้งสองรู้สึกสะเทือนอารมณ์ยิ่งนัก นี่ถึงจะเป็นลักษณะที่เสี่ยวเฉินควรมี!

งานสัมมนาประจำปีอะไรกัน!

ไม่มาก็ช่างเถอะ!

เฉินปิ่งเซิงดีใจมาก เฉินชางทำเช่นนี้ เขาก็ภาคภูมิใจไปด้วย!

เขาชี้ไปที่รูปเฉินชาง พูดกับเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยกันว่า “ดูสิ ลูกศิษย์ผมเอง!”

คนอื่นยกนิ้วโป้งให้แล้วกล่าวว่า “เยี่ยมไปเลย ผมนับถือเลยครับ!”

หมอจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลันก็มาร่วมงานสัมมนาประจำปีนี้ด้วย หัวหน้าแผนกต้วนปัวและรองหัวหน้าแผนกหยางเผิงเห็นภาพคนคุ้นหน้าในรูปก็คิดไปถึงผู้ป่วยไฟไหม้ในตอนนั้นที่เฉินชางช่วยรักษาด้วยการใส่สายระบายเลือดในที่เกิดเหตุ!

ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตัน

นี่สิถึงจะเป็นลักษณะที่หมอสมควรมี!

เฉินชางสุดยอดไปเลย!

บนเวที จางโหย่วฝูเห็นข่าวนี้แล้ว เฉียนเลี่ยงก็เห็นข่าวนี้แล้ว พวกเขาสองคนชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง!

ทันใดนั้นพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโทรหาเฉินชางหลายสิบสายแต่กลับไม่มีการโทรกลับแม้แต่สายเดียว!

ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนั้นจะโทรกลับได้อย่างไร!

จะเอาเวลาที่ไหนมาโทรกลับ

พวกเขารู้แล้วว่าทำไมเฉินชางจึงไม่ได้มาร่วมงานสัมมนาประจำปี! นั่นก็เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่างานสัมมนาประจำปีเป็นร้อยเท่าให้เขาต้องจัดการ มีเรื่องที่สำคัญกว่าการเลือกคณะกรรมการสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีรอให้เขาไปทำอยู่

หากเฉินชางละเลยการช่วยชีวิตคนเพื่อมาร่วมการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการแล้วล่ะก็ คณะกรรมการเช่นนี้ไม่มีก็ช่างมันเถอะ!

หากเป็นหมอก็สมควรเป็นหมอที่หนักแน่น รักษาผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บตามหน้าที่ได้อย่างดี! ไม่ใช่หมอที่แข็งกระด้างเอาแต่ไล่ตามผลประโยชน์และชื่อเสียงส่วนตัว!

ชั่วขณะนี้ ในใจของจางโหย่วฝูพลันเกิดความภาคภูมิใจและหยิ่งผยอง!

เขาภูมิใจในตัวเจ้าเด็กนั่น!

ไอ้หนูนี่เป็นคนยอดเยี่ยมจริงๆ!

แม้ต้องเลือกระหว่างชื่อเสียงและผู้ป่วยก็ไม่อาจทำให้เขาไขว้เขวได้เลย

เฉียนเลี่ยงพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้ มองดูมือถืออยู่เช่นนั้น ผ่านไปนานก็ยังคลายอารมณ์ลงไม่ได้

เขาเข้าใจเฉินชางผิดไป

เขาเสียใจจริงๆ

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเฉินชางต้องทำเรื่องที่มีความหมายมากกว่างานนี้!

หากเปรียบเทียบเฉินชางกับเหล่าคนที่นั่งอยู่ในงานสัมมนาประจำปีเช่นพวกตนแล้ว แตกต่างกันอย่างชัดเจน…

เฉินชางเอ๋ย เฉินชาง!

คุณเป็นคนยังไงกันแน่

เฉียนเลี่ยงถอนใจออกมา เขาคิดไปถึงหมอหนุ่มมากพรสวรรค์ผู้มีลักษณะหนักแน่นมั่นคงทั้งยังเต็มไปด้วยความสามารถคนนั้น ผู้ที่มีทั้งเทคนิคฝีมืออันยอดเยี่ยม มีทั้งจิตใจอันเมตตา!

สุดยอด!

คิดแล้วเฉียนเลี่ยงก็ลงคะแนนให้เฉินชาง

ทางด้านโจวหงกวง เขามองทุกคนด้วยความงุนงง การลงคะแนนมีไว้สำหรับคนในมณฑลตงหยางที่มาร่วมงานนี้เท่านั้น ดังนั้นโจวหงกวงจึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาไม่ทราบว่าทำไมงานลงคะแนนถึงดูสับสนวุ่นวายแต่กลับไม่มีใครสนใจทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงการลงคะแนนเสียง!

ทุกคนพากันกดไปยังชื่อของเฉินชาง ส่วนอีกสี่คนที่เหลือค่อยตัดสินใจทีหลัง

ทุกคนเข้าใจดีว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

หมอหนุ่มคนนี้เป็นหมอที่ไม่สนใจชื่อเสียงของตน ยอมทิ้งผลประโยชน์ของตนเพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ พวกเขาสมควรลงคะแนนให้คนเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

หมอคืออะไร

ก็คือคนเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

หากเขาไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ยังจะมีใครเหมาะสมกว่าเขาอีก

ขณะนี้ทุกคนกดเลือกเฉินชางด้วยใจที่หนักแน่น

ทางด้านฉินเยว่ที่ยืนถือโทรศัพท์อยู่ข้างหลังเวทีก็เห็นข่าวนี้แล้วเช่นกัน ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมเฉินชางไม่มา!

เพราะหน้าที่!

เธอปลาบปลื้มใจจริงๆ ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เพราะคนคนนี้ก็คือแฟนของเธอ เป็นคนที่จะปกป้องเธอไปชั่วชีวิต

คิดแล้วฉินเยว่ก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มและพึงพอใจ

ตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของฉินเยว่ก็ส่งเสียงดังขึ้นจากแอปวีแชท มันเป็นข้อความเข้าจากเฉินชาง เป็นเพียงคำสามคำเท่านั้น

“ขอโทษครับ!”

ฉินเยว่เห็นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา

ตาทึ่มนี่ ไม่รู้หรือไงว่าเธอเห็นข่าวแล้ว

คิดแล้วฉินเยว่ก็ส่งข้อความกลับไปว่า “ที่รัก ฉันรักคุณ คุณคือภาคภูมิใจของฉัน!”

ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นก็ยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

ส่วนเฉินชางถึงกับชะงักจนนิ่งไปเลยทีเดียว

อะไรกันครับเนี่ย

ผ่านไปหลายนาที จางโหย่วฝูก็พูดขึ้นว่า “เอาละครับ ทุกคนลงคะแนนเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ตอนนี้ขอเชิญทุกท่านดูที่หน้าจอนะครับ คณะกรรมการคนใหม่ทั้งห้าคนได้แก่…”

โจวหงกวงหันกลับมา รอเวลาที่จะร่วมปรบมือแสดงความยินดีไปพร้อมทุกคน แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้าง!

เขาพบว่ารายชื่อผู้ได้รับเลือกอันดับหนึ่งก็คือเฉินชาง!

แถมยังได้คะแนนเต็มด้วย!

ขณะนี้เขารู้สึกสะท้านสะเทือนไปหมดแล้ว!

นี่มันบ้าอะไรกัน

หลอกกันหรือเปล่า

นี่มันคอรัปชั่น!

ผมจะรายงานเบื้องบนแน่!

ไม่สิ ผมก็คือรองประธานสมาคมศัลยกรรมตับและน้ำดีแห่งประเทศจีนนี่นา

พวกมณฑลตงหยางทำบ้าอะไรอยู่

เฉินชางไม่มาร่วมงานแต่กลับได้คะแนนเต็ม

ผม…

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท