เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 472 ผมมีลางสังหรณ์บางอย่าง!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 472 ผมมีลางสังหรณ์บางอย่าง!

เฉินชางมองจางเสี่ยวกังที่เมื่อครู่ไม่ว่าตนจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมออกไป แต่เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งออกไปก็รีบไล่ตามไปทันที!

นี่ทำให้เขาเข้าใจสัจธรรมบางอย่าง นั่นคือไม่มีผู้ชายคนใดเอาชนะผู้หญิงได้ หากไม้นี้ใช้ไม่ได้ก็เปลี่ยนใหม่!

เช่นตอนนี้เป็นต้น!

เฉินชางถูกลากตัวไปที่ห้องเวร หากไม่ใช่เพราะทุเรียนผลนั้นยังไม่ได้ผ่า เฉินชางคงคิดว่าฉินเยว่ซื้อมาลงโทษตนไปแล้ว! ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่าทุเรียนจะต้องสัมผัสแนบแน่นกับเข่า[1]เสียก่อนจึงจะส่งกลิ่นหอมน่าหลงใหลออกมา

เขาถึงกล่าวกันว่าทุเรียนเข้ากับเข่าได้เป็นอย่างดี!

[ติ๊ง! ภารกิจเสร็จสิ้น มีส่วนร่วมในการผ่าตัด 76% ยินดีด้วย คุณได้รับหนึ่งในทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดใหญ่ภายในช่องอก: ทักษะซ่อมแซมหลอดเลือดแดงเอออร์ตาส่วนลง (Aorta descendens)[2] ระดับปรมาจารย์]

เมื่อเฉินชางเปิดหน้าต่างภารกิจขึ้นมาก็เห็นการแจ้งเตือนนี้ของระบบ

เขาดีใจมาก!

ทักษะการซ่อมแซมหลอดเลือดแดงเอออร์ต้าส่วนลงเป็นทักษะซ่อมแซมหลอดเลือดแดงสำหรับศัลยแพทย์หัวใจ อาจนำไปใช้ในการแข่งขันประกวดทักษะการผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจระดับประเทศได้

ถึงอย่างไรตอนนี้เฉินชางก็ว่างมาก จึงเปิดมิติฝึกฝนแล้วเข้าไปด้านใน!

หลอดเลือดแดงเอออร์ตาส่วนลงแบ่งออกเป็นหลอดเลือดแดงเอออร์ตาอกส่วนลง (Descending thoracic aorta) และหลอดเลือดแดงเอออร์ตาส่วนท้อง (Abdominal aorta)

ทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดแดงเอออร์ตาส่วนลงในส่วนช่องอกและช่องท้องถือเป็นทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดแดงใหญ่ภายในช่องอกเช่นกัน

ขณะที่เฉินชางเรียนรู้การผ่าตัดในครั้งนี้ เขาไม่ได้ศึกษาวิธีการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว แต่เขายังพยายามคิดด้วยว่าจะพัฒนาทักษะการเย็บหลอดเลือดของตนอย่างไร

อันที่จริง แม้การผ่าตัดนั้นจะแปรเปลี่ยนไปมากมาย แต่ใจความสำคัญก็ยังคงเดิม!

เมื่อเข้าใจวิธีการผ่าตัดตามปกติอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว หากคิดจะพัฒนาการผ่าตัดจริงๆ ลำดับต่อไปย่อมไม่พ้นสองสามอย่างดังต่อไปนี้

อย่างแรกก็คือการผ่าตัดโดยดูจากภาพรวม สรุปผล วิเคราะห์และไตร่ตรองให้ดี แล้วเลือกแผนการผ่าตัดที่ดีที่สุดออกมา

ต่อมาคือรายละเอียด เพราะรายละเอียดแต่ละแห่งย่อมมีความแตกต่างกันมาก ขอเพียงจัดการรายละเอียดแต่ละแห่งให้ดี ป้องกันอาการที่คิดว่าอาจจะเกิดให้ได้ ก็จะเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดให้สูงยิ่งขึ้นและลดอาการแทรกซ้อนได้แล้ว!

สุดท้ายก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของการผ่าตัดทั้งหมด ซึ่งก็คือทักษะพื้นฐานในการผ่าตัดนั่นเอง!

ร่างกายของคนเราจะประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนัง เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ อวัยวะ หลอดเลือด เส้นประสาท…หากจัดการรายละเอียดในแต่ละแห่งได้ดี ฝีมือการผ่าตัดย่อมเพิ่มสูงขึ้น

ตอนนี้ทักษะพื้นฐานของเฉินชางที่อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ มีเพียงทักษะเดียวก็คือการเย็บเส้นเอ็น ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับหมอแผนกศัลยกรรมมือ เป็นทักษะที่เป็นพื้นฐานที่สุด หากทำส่วนนี้ได้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะราบรื่น

เป้าหมายต่อไปของเฉินชางก็คือการเย็บหลอดเลือด!

การผ่าตัดส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันไปถึงการจัดการกับหลอดเลือด นี่เป็นวิธีที่เฉินชางทำได้ดีมาตลอด

ระยะนี้เฉินชางกำลังศึกษาว่าทำอย่างไรให้การเย็บหลอดเลือดประสบความสำเร็จดีขึ้น!

ดูเหมือนว่าขณะที่เฉินชางอยู่ในมิติฝึกฝนจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้า หรือเบื่อหน่ายจริงๆ

ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เฉินชางก็ต้องส่ายหน้า เขายังคิดไม่ออก!

เฉินชางลุกขึ้นขยับร่างกายเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังลังเลว่าจะใช้ [บัตรฝึกฝนพิเศษ] เพื่อพัฒนาทักษะเย็บหลอดเลือดดีหรือไม่

หลังจากใคร่ครวญและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เฉินชางก็ยังคงส่ายหน้า

เขามีพื้นฐานการเย็บหลอดเลือดค่อนข้างดีอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองบัตรฝึกฝนพิเศษเลย นอกจากนี้เขาหวังว่าเขาจะคิดหาวิธีพัฒนาขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง

……

……

ทางด้านฉินเยว่ พอถึงเวลาเลิกงานก็วิ่งออกไปทันที ไม่ทราบว่าวิ่งไปที่ใด

หลี่เป่าซานเห็นดังนั้นก็ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง ทำราวกับว่าไม่เห็นไปน่าจะดีกว่า ถึงอย่างไรตอนนี้ฉินเยว่ก็มีอิสระค่อนข้างมาก เพราะอีกไม่นานก็จะย้ายไปที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปแล้ว หลี่เป่าซานจึงไม่เข้มงวดกับเธอมากนัก

เช้าวันนี้ฉินเสี้ยวหยวนอารมณ์ไม่ค่อยดี ยังไม่ทันถึงเที่ยงวันก็อยากกลับบ้านแล้ว ทว่าช่วงเช้ามีคนเอาเอกสารมาให้เซ็นมากเป็นพิเศษ จึงต้องนั่งอยู่จนถึงเที่ยง!

เมื่อถึงเวลา ฉินเสี้ยวหยวนก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับบ้าน ไม่นึกว่าถานลี่กั๋วจะเปิดประตูเข้ามาก่อน

ถานลี่กั๋วมองฉินเสี้ยวหยวนแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ผู้อำนวยการฉิน จะเลิกงานแล้วหรือครับ”

ฉินเสี้ยวหยวนเห็นถานลี่กั๋วก็ชะงักไปเล็กน้อย…แต่ไหนแต่ไรอีกฝ่ายก็ไม่เคยเข้ามาในห้องเขา แต่คราวนี้…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“เลขาถาน มีอะไรหรือครับ”

ถานลี่กั๋วยิ้มเล็กน้อย พยายามบังคับให้ตนเองแสดงท่าทางนุ่มนวลออกมา อืม!

“ไม่ได้คุยเล่นกับผู้อำนวยการมานานแล้วนะครับ ผมว่าตอนเที่ยงพวกเราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อดีไหมครับ แล้วก็ถือโอกาสคุยกันสักหน่อย เป็นไงครับ”

ถานลี่กั๋วตัดสินใจแล้วว่าจะลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างตนกับฉินเสี้ยวหยวนลงบ้าง เรื่องในวันนี้เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าฉินเสี้ยวหยวนก็อยากดีกับตนเช่นกัน ถึงกับให้ตนจัดการเรื่องการสัมภาษณ์เลยทีเดียว

เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายมีแผนร้ายอะไร แต่คิดอยู่ทั้งเช้าก็ยังคิดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่เกาศีรษะ!

เขาคงคิดมากไปเอง!

นี่อาจเป็นสัญญาณสงบศึกจากฉินเสี้ยวหยวน! บางทีอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็ได้ ก็แค่…เป็นการแสดงท่าทีอย่างหนึ่ง!

ถานลี่กั๋วคิดว่านี่เป็นสัญญาณของฉินเสี้ยวหยวนที่อยากคืนดีกับตน

คิดแล้วถานลี่กั๋วก็ตัดสินใจว่าจะหาทางลงให้อีกฝ่ายเสียหน่อย ตอนเที่ยงจึงคิดจะเลี้ยงข้าวเหล่าฉินสักมื้อ คืนดีกันและหยุดสงครามเย็นระหว่างกัน!

แต่ทางด้านฉินเสี้ยวหยวนกลับตกใจจนตาค้างไปแล้ว

เขามองถานลี่กั๋วด้วยความสงสัย รู้สึกว่า…มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

คนเราคงไม่ทำดีโดยไร้เหตุผลแน่ๆ…ถานลี่กั๋วมาหาเขาเช่นนี้มีแผนการอะไรกันแน่!

ต้องเป็นแผนร้ายแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องสองแผน หรืออาจจะมากกว่านั้น

คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนตัดสินใจว่าจะนิ่งไว้ก่อน เขารีบยิ้มจนตาหยี พูดไปว่า “อ้อ! เลขาถาน ภรรยาผมเพิ่งทำอาหารเสร็จพอดีเลย งั้นเราไปกินข้าวด้วยกันที่บ้านผมดีไหมครับ”

ถานลี่กั๋วได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรครับ! งั้นวันหลังพวกเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันนะครับ!”

ฉินเสี้ยวหยวนหัวเราะออกมาแล้วพยักหน้า “ได้ครับ วันหลังพวกเราก็หาเวลาไปนั่งด้วยกันนะครับ”

พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วรีบกลับบ้านไปทันที

ระหว่างกลับบ้าน ในใจของเหล่าฉินเต็มไปด้วยความคิดวุ่นวาย เรื่องแรกคือเรื่องเยว่เยว่ลูกสาวตัวร้าย อีกเรื่องหนึ่งคือคนเจ้าแผนการอย่างถานลี่กั๋ว

เฮ้อ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็อดถอนใจออกมาไม่ได้!

มีปัญหาทั้งนอกบ้านและในบ้าน!

ทำไมผมถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้นะ

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เขาให้ความสนใจที่สุดก็คือปัญหาของลูกสาวตัวร้าย ยิ่งใกล้ถึงประตูบ้าน เขาก็ยิ่งสังหรณ์ใจไม่ดี

เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักไปทันที “หอมจริงๆ!”

ฉินเยว่เดินหัวเราะออกมาจากด้านใน “พ่อกลับมาแล้วเหรอคะ นั่งพักก่อนสิคะ หนูชงชาไว้ให้พ่อแล้ว เดี๋ยวทำกับข้าวอีกอย่างก็เรียบร้อยแล้วค่ะ พ่อนั่งพักไปก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวแม่ก็จะกลับมาแล้ว”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไปทันที มองดูกับข้าวหน้าตาน่ากินสามอย่างที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ บนโต๊ะชาก็มีชาร้อนอยู่หนึ่งกา ยังมีไอร้อนอวลอยู่เลย

นี่เป็นความสุขที่ต้องเป็นครอบครัวสามคนเท่านั้นจึงจะมีได้!

เป็นลูกสาวตัวร้ายที่ไหนกันล่ะ…เป็นลูกที่ดีแท้ๆ

แต่ว่า…เหล่าฉินยังคงรู้สึกไม่วางใจ เขาวางกระเป๋าลงอย่างระมัดระวัง พูดขึ้นยิ้มๆ ว่า “เยว่เยว่ ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจัง อาหารพวกนี้ดูไม่เลวเลย ลูกมีพรสวรรค์จริงๆ!”

ขณะพูดก็เดินไปในห้องนอนอย่างไร้เสียง “พ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะลูก เดี๋ยวจะออกไปช่วย!”

ฉินเยว่รีบพูดขึ้นว่า “พ่อคะ ไม่ต้องหรอกค่ะ พ่อพักผ่อนเถอะ วันนี้ให้หนูเป็นลูกกตัญญูสักวันนะคะ!”

ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด!

[1] หญิงชาวจีนนิยมลงโทษแฟนด้วยการให้คุกเข่าลงบนผลทุเรียนสองผล

[2] เป็นส่วนหนึ่งของหลอดเลือดเอออร์ตา

สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ

อิงค์สโตนขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ดีเสมอมา ทางเรารับทราบถึงฟีดแบ็กและกำลังพิจารณาเรื่องเพิ่มจำนวนตอนเป็นวันละ 2 ตอนแล้ว แต่ที่ไม่สามารถเพิ่มได้ในตอนนี้เพราะจะทำให้กระทบกับคุณภาพของงานแปลค่ะ ทางทีมงานและนักแปลอยากให้นักอ่านทุกท่านได้อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด จึงจำเป็นต้องคงความถี่ในการอัปนิยายเช่นนี้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

อย่างไรก็ตามอิงค์สโตนต้องขออภัยในความไม่สะดวก และขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกการสนับสนุนที่มีให้มาตลอดค่ะ

———————————————–

บทที่ 465 ไอ้แก่นั่นหลอกผม!

หวงหย่งอี้ช่วยเหลือฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นไว้มากมาย! ดังนั้นเมื่อทราบอาการของผู้เฒ่าหวงแล้ว ทั้งสองก็คิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้การผ่าตัดออกมาดีที่สุด

หวงเหว่ยเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็กังวลมากเช่นกัน ถึงอย่างไรที่เขามาหาจี้หรูอวิ๋นและฉินเสี้ยวหยวนก็เพราะพวกเขาเป็นคนที่ทำงานอยู่ในวงการแพทย์ มีคอนเนคชั่นมากมาย ทำอะไรก็สะดวกกว่า

ฉินเสี้ยวหยวนมองเฉินชางครู่หนึ่งก่อนมองเถามี่แล้วพยักหน้า

เซียวเหอเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉิน คุณไว้ใจเรื่องฝีมือการผ่าตัดหลอดอาหารของเฉินชางได้เลยครับ ผมสัมผัสด้วยตัวเองมาแล้ว”

เถามี่พยักหน้า “ใช่แล้วครับ เฉินชางผ่าตัดได้ไม่เลวเลย พวกคุณไม่ต้องกังวล มีพวกเราสองคนอยู่ การผ่าตัดคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ”

สิ่งสำคัญที่สุดในการผ่าตัดนี้ก็คือการวินิจฉัยโรค! จะต้องวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยให้ชัดเจนและรวดเร็วที่สุด นี่คือสิ่งที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด

[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจเข้าร่วมการผ่าตัดหวงหย่งอี้และมีส่วนร่วมในการผ่าตัดมากกว่า 50% จะได้รับรางวัล ทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดใหญ่ภายในช่องอก (สุ่มรับหนึ่งรายการ) ยิ่งมีส่วนร่วมมาก ระดับทักษะที่ได้รับก็ยิ่งสูง!]

เฉินชางรีบกดรับภารกิจโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี

……

……

เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว หวงหย่งอี้ก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด

เฉินชาง เถามี่และจางเหวินฟู่เข้ามาในห้องผ่าตัดด้วยกัน เตรียมเริ่มการผ่าตัด

ขณะกำลังล้างมือ เถามี่ก็มองเฉินชางแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฉิน การผ่าตัดวันนี้ขึ้นอยู่กับคุณนะครับ เคสนี้ถึงจะบอกว่าหลอดเลือดแดงใหญ่เสียหาย แต่ที่สำคัญก็ยังเป็นการผ่าตัดในช่องอก เดี๋ยวผมจะคอยช่วยคุณเอง เครียดหรือเปล่าครับ”

เฉินชางยิ้มแล้วส่ายหน้า “เรียกว่าเครียดก็ไม่ได้หรอกครับ ควรบอกว่า…ผมไม่สบายใจทุกครั้งที่ต้องผ่าตัด เพราะยังไงก็ไม่ได้ผ่าเปิดอก ไม่รู้ว่าสภาพของผู้ป่วยเป็นยังไงกันแน่”

เถามี่เห็นเฉินชางพูดเช่นนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ตอบว่า “อืม ไม่สบายใจ คำพูดนี้ใช้ได้เลย!”

เป็นจริงดังนั้น ทุกการผ่าตัดก็เปรียบเสมือนการเสี่ยงอันตราย ทำตัวไม่รู้สึกรู้สาไม่ได้แน่

สิ่งที่ต้องทำก็คือหาทางรับมือให้รอบด้าน คิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่าง เตรียมตัวให้ดี เพื่อเผชิญหน้ากับอาการที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อไป

ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาดูการผ่าตัด ส่วนจี้หรูอวิ๋นและฉินเยว่รออยู่ข้างนอกกับหวงเหว่ยเหยียน

ฉินเยว่กล่าวว่า “อาหวงไม่ต้องกังวลนะคะ หัวหน้าเถาเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจที่ดีที่สุดในมณฑลแล้ว ส่วนหมอเฉินก็เป็นศัลยแพทย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในตงหยาง เป็นคนที่ผ่าตัดทรวงอกได้ดีที่สุดในโรงพยาบาลของพวกเราแล้วค่ะ มีพวกเขาอยู่ คุณก็ไม่ต้องเป็นห่วง!”

จี้หรูอวิ๋นเห็นฉินเยว่ขี้อวดเช่นนี้ก็ถึงกับปากกระตุก ลูกคนนี้นี่ จะอวดอะไรก็ให้รู้ความหน่อยเถอะ…

ศัลยแพทย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในมณฑลตงหยางอะไร…คนที่ผ่าตัดทรวงอกได้ดีที่สุดในโรงพยาบาลอันดับสองอะไร…ทำไมไม่อวดให้มันเจ๋งกว่านั้นไปเลยล่ะ!

หนึ่งในใต้หล้าไปเลยเป็นไง

เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฉินเยว่ถูกเฉินชางล้างสมองไปนานแล้ว ตอนนี้กลายเป็นยัยขี้ประจบฉินที่ซื่อสัตย์ต่อเฉินชางที่สุด ดังนั้นสำหรับเธอ เฉินชางจึงเป็นหนึ่งในใต้หล้าอย่างแน่นอน!

……

……

ภายในห้องผ่าตัด ฉินเสี้ยวหยวนมองเฉินชางแล้วปลอบว่า “เสี่ยวเฉิน ไม่ต้องกดดันนะครับ!”

เฉินชางยิ้มพลางพยักหน้าให้ “ขอบคุณครับผู้อำนวยการฉิน”

เถามี่สังเกตสายตาของทั้งสอง รู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆ …

นี่มันไม่เหมือนสายตาที่ผู้อำนวยการใช้หมอเลย แต่เหมือนกับ…มีความหมายพิเศษบางอย่าง!

หรือเขาคิดไปเอง

คิดแล้วเถามี่ก็ส่ายหน้า อาจเป็นเพราะผู้อำนวยการฉินเอ็นดูหมอน้อยก็เป็นได้…

การผ่าตัดนี้ไม่ใช่การผ่าตัดเล็กๆ หลิวเจี้ยนมาทำหน้าที่เป็นวิสัญญีแพทย์ เมื่อพบผู้อำนวยการฉินก็รีบยิ้มและพยักหน้าทักทาย

ปกติหากผ่าตัดช่องอกจะต้องรมยาชาทั้งตัว

เฉินชางรับมีดผ่าตัด ถ้ากรีดบริเวณซ้ายมือ เช่นนี้ก็จะเห็นส่วนหลอดเลือดแดงใหญ่ไปจนถึงหลอดอาหารที่ทะลุ แต่จะยากกับหมอผู้ผ่าตัด

เฉินชางคิดทบทวน สุดท้ายจึงจ่ายคะแนนทักษะหกคะแนนเพื่อพัฒนาทักษะ [การผ่าตัดซ่อมแซมหลอดอาหารที่ทะลุไปถึงหลอดเลือดแดง] ให้เป็นระดับปรมาจารย์

กันไว้ก่อนดีกว่า!

เมื่อผ่าเปิดช่องอกแล้วจึงพบว่ามีของเหลวสะสมภายในช่องอก เถามี่รีบดูดของเหลว ส่วนเฉินชางรับผิดชอบทำความสะอาดภายใน ตอนนี้บริเวณช่องอกมีการติดเชื้อ ทำให้มีพังผืดและของเหลวสะสมในช่องอกจำนวนมาก

ตอนนี้จะต้องแยกหลอดเลือดแดงออกมาก่อน

สิ่งที่ยากที่สุดในการผ่าตัดช่องอกก็คือความละเอียดประณีต เนื่องจากบริเวณนี้ก็เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ของรถ เป็นศูนย์รวมของหลอดเลือด หลอดลม เนื้อเยื่อและเส้นประสาทเป็นจำนวนมาก…

และเนื่องจากขณะนี้มีของเหลวสะสมอยู่ในช่องอก รวมถึงมีการติดเชื้อ จึงทำให้บริเวณนี้ผลิตพังผืดออกมามากมาย

ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือแยกหลอดเลือดแดงออกมา!

เมื่อเห็นสภาพภายในช่องอก ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกเย็นเยือกไปถึงหนังศีรษะ

เนื่องจากหลอดอาหาร ประจันอก และหลอดเลือดแดงติดเชื้อรุนแรง ทำให้เนื้อเยื่อในส่วนนั้นมีอาการบวมจนเห็นได้ชัด ตอนนี้ผนังเลือดแดงจึงเปราะบางมาก!

ผนังหลอดเลือดเป็นส่วนที่มีความเปราะบางสูง เกิดการฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้นตอนนี้เมื่อต้องแยกหลอดเลือดออกมา จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ทว่าฉินเสี้ยวหยวนรู้สึกเหมือนเถามี่ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย! เมื่อมองไปยังเซียวเหอที่ยืนดูการผ่าตัดอยู่ข้างกันก็ดูเหมือนเขาจะผ่อนคลายมาก

นี่ทำให้ฉินเสี้ยวหยวนรู้สึกแปลกใจขึ้นมาแล้ว หรือว่า…แผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลเราเก่งถึงขั้นนั้นแล้ว อาการสาหัสขนาดนี้ก็ยังไม่เครียดกันอีก

หรือว่า…ที่ลือกันข้างนอกว่าแผนกศัลยกรรมคือจุดอ่อนของโรงพยาบาลเราจะเป็นแผนชั่วของถานลี่กั๋ว

คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็ต้องแปลกใจ บางทีเขาคงต้องประเมินระดับแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลใหม่ซะแล้ว!

ตอนนี้เฉินชางเริ่มงานของตัวเองแล้ว

เขากรีดลงบริเวณซ้ายมือใกล้ๆ กับหลอดเลือดแดงใต้ไหปลาร้า แยกหลอดเลือดออกมาอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ กระทำไปทีละขั้นตอน ท่าทางสุขุมราวกลับผู้มีประสบการณ์สูง ฉินเสี้ยวหยวนเห็นดังนั้นก็รู้สึกเลือดลมพุ่งพล่าน ดูเหมือนลูกเขยคนนี้จะมีของอยู่บ้าง!

ไม่นานเฉินชางก็แยกส่วนหลอดเลือดแดงออกมาสำเร็จ จากนั้นก็มัดเอาไว้!

เฉินชางยังไม่หยุดมือ เขาหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาเลาะเส้นประสาทอย่างระมัดระวัง เปิดทางไปสู่เยื่อหุ้มหัวใจ จากนั้นก็หันไปพูดกับเถามี่

“เฮพาริน[1]!”

จางเหวินฟู่รีบพยักหน้ารับ

เฉินชางบอกต่อไป “สร้างการไหลเวียนโลหิตที่หัวใจห้องซ้ายด้วยครับ!”

……

การผ่าตัดดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเป็นขั้นเป็นตอน ดูเหมือนเฉินชางจะคุมสถานการณ์ให้มั่นคงได้เสมอ เมื่อเตรียมการทุกอย่างเสร็จแล้ว เฉินชางจึงเริ่มกรีดเยื่อหุ้มปอดบริเวณตรงกลางระหว่างหลอดอาหารและหลอดเลือดแดงเพื่อแยกหลอดอาหารและหลอดเลือดแดงออกจากกัน!

ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง! เนื่องจากตอนนี้หลอดเลือดแดงก็เปราะบางเหมือนกับกระจก สัมผัสเพียงนิดเดียวก็แตกสลายได้เลย!

โชคดีที่ทีมแพทย์สร้างการไหลเวียนโลหิตแล้วจึงไม่กดดันเท่าไหร่นัก

ตอนนี้ทุกคนเห็นส่วนที่ทะลุทั้งสองส่วนแล้ว! ส่วนแรกอยู่ที่ผนังหลอดอาหาร อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ผนังหลอดเลือดแดง! บริเวณหลอดเลือดแดงมีส่วนที่เนื้อเยื่อตายไปแล้วอยู่ไม่น้อย เฉินชางยังไม่ทันกำจัดออกมันก็ฉีกขาดไปก่อนแล้ว นี่ทำให้ทุกคนตกใจจนต้องถอนใจออกมา

ท่าทางไม่ดีแล้ว! ยังดีที่เจอเร็ว มิฉะนั้นคงเป็นปัญหาแน่

เฉินชางเริ่มกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเนื้อเยื่อที่ตายไปแล้วให้สะอาด ถึงแม้แผลทะลุจะค่อนข้างร้ายแรง แต่ดูจากขนาดแล้วยังถือว่าดีอยู่ ใช้แผ่นแปะสังเคราะห์ในการซ่อมแซมได้

อันที่จริงนี่ก็เหมือนกับการปะยาง เมื่อยางแตกก็ใช้แผ่นสังเคราะห์มาปะเสริมได้

การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ฉินเสี้ยวหยวนที่ดูอยู่ถึงกับตกใจเล็กน้อย

เขารู้สึกว่าไอ้แก่ถานลี่กั๋วหลอกเขาแล้ว วันๆ เอาแต่พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลเรา…จะต้องเป็นแผนร้ายแน่ๆ!

คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็หน้าดำคร่ำเครียด ราวกับถูกต้มตุ๋นอย่างไรอย่างนั้น!

[1] เฮพาริน (Heparin) ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด

บทที่ 459 เจ้าเล่ห์ดี?

ณ สถานที่จัดงานอันกว้างใหญ่ เฉินชางสวมชุดที่ได้รับความอนุเคราะห์มาจากฉินเสี้ยวหยวนทั้งตัวโดยไม่กระสับกระส่ายเลยแม้แต่น้อย!

ถือซะว่าได้รับคำอวยพรจากพ่อตาก็แล้วกัน

บนไหล่ของเขาแบกรับความหวังของครอบครัวว่าที่ภรรยาเอาไว้ทั้งครอบครัว วันนี้จะต้องทำให้ดีสักหน่อยแล้ว

เขาเงยหน้าขึ้นมองฉินเยว่ในชุดกี่เพ้าสง่างาม จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา! แต่…เมื่อคิดถึงเวลาห้าสิบนาทีของยัยฉินตัวร้าย เฉินชางพลันรู้สึกถึงความกดดันอันหนักหน่วง

ไม่ได้ขึ้นเวทีนานแล้ว จะต้องขัดเกลาให้ดีๆ มิฉะนั้นคงขึ้นสนิมหมด! ก็เหมือนกับการเตรียมอาวุธก่อนออกรบนั่นแหละ!

เฉินชางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทบทวนคำพูดไม่หยุดหย่อน ฝึกฝนทักษะการแสดงออกของตนให้ดียิ่งขึ้น เข้าทำนองที่ว่าในเวลาปกติไม่ยอมเตรียมเนื้อเตรียมตัวให้ดี พอจวนตัวก็รีบทำอย่างเร่งร้อน (เมื่อครู่คิดวนเวียนอยู่กับตัวเองไปแค่สามนาทีเอง)

……

……

เมื่อจี้หรูอวิ๋นทำอาหารกลางวันให้ฉินเสี้ยวหยวนเสร็จแล้วก็ได้แต่อยู่บ้านเฉยๆ ว่างจนไม่มีอะไรทำจึงนอนอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน

เธอหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูริ้วรอยบนใบหน้าของตน จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “เหล่าฉิน คุณว่าถ้าฉันให้เสี่ยวเฉินทำศัลยกรรมให้ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนแย้มยิ้ม “ปกติราคาเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้นแหละครับ ยังไม่ได้แต่งงานกันก็คิดจะเอาเปรียบแล้วเหรอ อีกอย่าง…เงินอยู่ในมือเฉินชางจะต่างอะไรกับอยู่ในมือลูกสาวเราล่ะครับ”

ประโยคนี้ทำให้จี้หรูอวิ๋นถึงกับกลอกตาใส่ ตาเฒ่านี่ชั่วร้ายจริงๆ!

จี้หรูอวิ๋นส่ายหน้า “โธ่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ช่างเถอะค่ะ พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจ!”

เมื่อทั้งสองเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ จี้หรูอวิ๋นก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เฮ้อ คุณว่าต่อไปถ้าลูกสาวเราแต่งงานแล้ว เราสองคนอยู่บ้านกันแบบนี้จะมีความหมายอะไรคะ ฉันว่ารีบเกษียณออกมาหาอะไรทำดีไหมคะ”

ทันใดนั้นฉินเสี้ยวหยวนก็หยุดงานในมือ เขาหันไปมองจี้หรูอวิ๋นแล้วพูดว่า “อ่า ที่รัก ถ้างั้นวันนี้พวกเราไปงานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีกันดีไหมครับ”

จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ “คุณนี่ประสาทหรือเปล่า วันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ยอมพักผ่อน ยังจะไปร่วมงานสัมมนาอีกหรือคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนรีบเดินมานั่งลงบนโซฟา “ไม่ใช่นะครับ พวกเราก็ไปดูฉินเยว่กับเสี่ยวเฉินไง คุณไม่อยากเห็นลูกตอนเป็นพิธีกรเหรอครับ คุณไม่อยากเห็นท่าทางเจ้าหนุ่มเฉินนั่นตอนขึ้นพูดบนเวทีเหรอครับ”

เมื่อฉินเสี้ยวหยวนพูดเช่นนี้ ดวงตาพลันจี้หรูอวิ๋นเปล่งประกาย!

ใช่แล้ว!

เป็นความคิดที่ดี!

คิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ จี้หรูอวิ๋นก็ปั้นปึ่งใส่ฉินเสี้ยวหยวน “คุณนี่เจ้าเล่ห์ดีจริงๆ!”

พูดจบก็รีบลุกขึ้นไปแต่งหน้าแต่งตัว

ทางด้านฉินเสี้ยวหยวนที่นั่งอยู่บนโซฟา แม้จะถูกภรรยาชื่นชมแล้วมอบค้อนของขวัญให้อย่างหนึ่ง…แต่อย่างไรก็รู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังชมอยู่ดี

เจ้าเล่ห์หรือ

คำบรรยายนี้…ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นคำด่ามากกว่าล่ะ!

ทั้งสองแต่งตัวอย่างเร่งรีบ เสร็จแล้วก็ออกเดินทาง

หากเทียบกันแล้ว จี้หรูอวิ๋นยังคาดหวังมากกว่าเหล่าฉินเสียอีก เธอให้เหล่าฉินนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย คิดว่าต้องถ่ายรูปสวยๆ มาให้ได้

……

……

เวลาแปดโมงครึ่ง จางโหย่วฝูขึ้นไปกล่าวปราศรัยบนเวทีในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบงานนี้

งานสัมมนาในครั้งนี้เชิญหัวหน้าแผนกและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีภายในมณฑลตงหยางมาหลายคน รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญจากเมืองหลวงจำนวนหนึ่งด้วย

ในความเป็นจริง งานสัมมนาทุกปีจะได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทยา เพราะจะอย่างไรก็เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ทุนมหาศาล

หากเชิญผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มาบรรยายต้องมีงบประมาณอยู่ที่สามถึงห้าพันหยวนต่อหนึ่งคาบ ซึ่งค่าตัวจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งทางวิชาการ โดยปกติหมอที่มีชื่อเสียงระดับประเทศจะต้องใช้เงินจ้างประมาณคาบละห้าพันหยวน หากมีตำแหน่งเป็นนักวิชาการ ค่าตัวก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีก

นอกจากค่าบรรยายแล้วจะต้องจัดแจงห้องพักระดับเพรซซิเดนเชิลสวีทให้อีกด้วย ราคาคืนละหมื่นสองหมื่น อย่างไรเสียคนใหญ่คนโตเหล่านี้ก็อายุมากแล้ว ส่วนใหญ่จึงพาผู้ช่วยมาด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดงานสัมมนาครั้งหนึ่งจึงมากมายมหาศาล

ทว่าเหล่าบริษัทยาไม่สนใจเงินเหล่านี้สักนิด ทั้งยังแย่งกันมาช่วยจัดงานสัมมนาลักษณะนี้อีกด้วย หากคุณมีฐานะไม่สูงพอ คุณก็ไม่มีคุณสมบัติมาช่วยจัดงาน!

สำหรับบริษัทยาแล้ว หากได้สนับสนุนงานสัมมนาที่มีลักษณะเฉพาะทางเช่นนี้ก็ถือเป็นการโฆษณาที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะหากพูดว่าผลิตภัณฑ์ยาของคุณสนับสนุนงานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยาง ก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอื่นยอมรับคุณ เป็นประโยชน์ต่อการเติบโตในอนาคต

……

เมื่อจางโหย่วฝูกล่าวเปิดงานเสร็จแล้ว ก็เริ่มแนะนำแขกรับเชิญในวันนี้เป็นลำดับต่อไป ซึ่งความพิเศษของเฉินชางก็คือได้รับการจัดให้ขึ้นพูดเป็นคนแรก

จางโหย่วฝูกล่าวยิ้มๆ “ขอเสียงปรบมือต้อนรับเฉินชางขึ้นเวทีด้วยครับ”

เฉินชางยิ้ม จากนั้นจึงโค้งให้ทุกคนโดยไม่ได้แสดงท่าทางดีอกดีใจจนเกินเหตุ จากนั้นจึงเริ่มกล่าวถึงหัวข้อสำหรับวันนี้

“วันนี้ผมจะมาแบ่งปันวิธีการผ่าตัดที่ผมปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งหมดสองวิธีนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ วิธีแรกก็คือการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กที่ผมปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้ว ช่วงหลายปีมานี้ ไส้ติ่ง…”

เฉินชางเริ่มบรรยายด้วยน้ำเสียงฉะฉาน คนที่อยู่ด้านล่างเวทีแสดงท่าทางแตกต่างกันไป บ้างก็ให้ความสำคัญ บ้างก็ไม่ใส่ใจนัก

ถึงอย่างไรหลายคนยังคงมองว่าการผ่าตัดไส้ติ่งเป็นการผ่าตัดที่เป็นพื้นฐานที่สุดของแผนกศัลยกรรม ไม่มีค่าให้ปรับปรุงมากนัก อีกทั้งตอนนี้โรงพยาบาลใหญ่ๆ ก็ใช้วิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องกันหมดแล้ว อยู่ดีๆ ใครจะไปใช้วิธีการผ่าตัดแบบแผลเล็กกันล่ะ

แต่กับคนบางคนอาจมีความหมายแตกต่างออกไป!

โรงพยาบาลระดับอำเภอที่ยังไม่นิยมใช้วิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเห็นการผ่าตัดนี้แล้วต่างก็เพ่งสมาธิฟังอย่างตั้งใจ ความคิดของพวกเขาก็เหมือนกับต้วนปัวของโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลัน พวกเขานำวิธีนี้มาใช้เพื่อชดเชยข้อเสียที่ใช้การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องไม่ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น ค่าใช้จ่ายของการผ่าตัดแบบแผลเล็กยังถูกกว่าการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง! ย่อมได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างดี

ดังนั้นเมื่อเฉินชางบรรยายการผ่าตัดแบบแรกจบ การตอบรับของคนข้างล่างจึงแตกต่างกันออกไป อันที่จริงหลายคนมองเฉินชางแล้วก็คิดว่ามันเป็นเพียงการผ่าตัดที่ไอ้หนุ่มคนหนึ่งปรับปรุงขึ้นมาเท่านั้น จะมีผลดีได้ขนาดไหนกันเชียว นี่เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน

ทุกคนเข้าถึงความคิดของเฉินชาง แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับ

เฉินชางบรรยายจบก็ฉายภาพภาพหนึ่งขึ้นจอ “นี่เป็นบทความที่เพิ่งได้รับการตอบรับจากวารสาร BJS ครับ นี่คือหนังสือตอบรับ บางทีอีกไม่นานทุกคนคงได้เห็นบทความนี้เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต อันที่จริงการผ่าตัดแบบแผลเล็กได้รับการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นวิธีที่ใช้แทนการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องได้แล้วครับ”

“ข้อดีของการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องนั้นไม่เป็นที่สงสัยแน่นอน แต่มันก็มีจุดอ่อนชัดเจนเช่นกัน หากเป็นการผ่าตัดไส้ติ่ง การผ่าตัดแบบแผลเล็กจะดีกว่าการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง ทั้งยังช่วยชดเชยข้อด้อยของการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องได้อีกด้วย ถือว่าเป็นวิธีการที่มีค่าครับ ตอนนี้ผมและหัวหน้าต้วนของโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลันนำวิธีการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กฉบับปรับปรุงนี้ไปดำเนินการทางคลินิกได้ระยะหนึ่งแล้วครับ ซึ่งเห็นผลชัดเจน”

ต้วนปัวได้ยินก็ดีใจมาก! เพราะการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหัวข้องานวิจัยทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จ

ในตอนที่เขาได้ยินเฉินชางบอกว่าบทความนี้ได้รับการยอมรับจากวารสาร BJS ก็นิ่งอึ้งไปทันที!

ในตอนที่เขาเห็นรายชื่อผู้ประพันธ์ลำดับแรกบนหนังสือตอบรับของเฉินชางที่มีชื่อตนอยู่ด้วยก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจ!

เขา ต้วนปัว มีความสามารถระดับไหนกัน การตีพิมพ์งานวิชาการกับวารสารระดับโลกเช่นนี้เป็นเรื่องที่กระทั่งหัวหน้าแผนกของโรงพยาบาลระดับมณฑลก็ยังทำไม่ได้

ต้วนปัวมองเฉินชางอีกครั้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจและซาบซึ้งใจ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท